โจเซฟินเดินลงไปชั้นล่างพร้อมกับเอามือกุมหน้าผากที่ฟกช้ำของเธอไว้ เธอเดินเข้าไปหาเจย์ ร้องไห้เข้าฟ้องเขา “เจย์ ลูกชายของนายทำร้ายฉัน นายจะไม่ทำอะไรหน่อยเหรอ?”เจย์มองโจเซฟินเงียบ ๆ… “เธอก็รู้ว่าเขาไม่ชอบให้เธอไปแตะต้องเนื้อตัวเขา” เขาพูดด้วยน้ำเสียงกระด้าง “แต่เธอก็ยังจะหาเรื่องใส่ตัวเอง”โจเซฟินรู้สึกแย่เป็นอย่างมาก “ก็ฉันคิดว่าเขาคงดีขึ้นแล้ว ฉันถึงได้มาหาเขาที่นี่เพื่อดูแลเขา ใครจะไปรู้ว่าจะเป็นอีก”ใบหน้าอันหล่อเหลาของเจย์เริ่มบูดบึ้ง “เจนสันไม่ได้ป่วย”โจเซฟินพูดด้วยน้ำเสียงที่แห้งแหบ “นายรู้ดีแก่ใจว่าเขาป่วยหรือไม่ป่วยเจย์ ฉันขอเตือนนายไว้เลยนะว่า เจนสันคนเดิมนั้นมีนิสัยเย็นชาและหยิ่งจองหอง นายก็เคยเห็นมันด้วยตาของนายที่วันนั้นนายพาเขามาที่บ้าน เขาแตกต่างจากเดิมวันนั้นเขาดูมีชีวิตชีวา สดใสร่างเริงและสุภาพ เดิมทีฉันคิดว่าแม่ของเขาสามารถรักษาอาการที่เขาเป็นอยู่ได้ แต่นี่มันดูเหมือนจะเลวร้ายลงไปอีก เจนสันดูเงียบมากขึ้นไปอีก เขากลายเป็นคนต่อต้านสังคม ฉันพูดจริง ๆ นะ ฉันอดสงสัยไม่ได้เขาป่วยเป็นโรคจิต!”เงาดำกระจายไปทั่วใบหน้าหล่อเหลาของเจย์“นายรีบพาเขาไปหาจิตแพทย์ในโรงพยาบาลแก
เจนสันจ้องมองเธอด้วยแววตาที่เย็นชาก่อนที่จะพยักหน้าหงึก ๆ โจเซฟินกอดเจนสันอย่างมีความสุข เธอส่งเสียงให้กำลัง “เจนสัน เธอเปลี่ยนไป เธอน่ารักขึ้นเรื่อย ๆ เลย น้าขอคืนคำพูดที่หาว่าเธอเป็นโรคออทสติกหรือโรคจิต เธอเป็นเด็กที่น่ารักที่สุดในโลกเลย”เจนสันแสดงสีหน้ารังเกียจบนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา“เจย์ พวกเราไปกันก่อน”“กลับมากันเร็ว ๆ ล่ะ” เจย์พูดด้วยน้ำเสียงที่ยังไม่แน่ใจ โจเซฟินพาเจนสันออกจากบ้านพัก และเข้าไปนั่งในรถซุปเปอร์คาร์สีแดงของเธอ เธอกำลังรู้สึกเหมือนตกอยู่ในภวังค์ อยู่ในห้วงความฝันที่เธอปรารถนานั้นเป็นจริงเสียงที่เย็นชาของเจนสันได้ขัดฝันกลางวันของเธอ “ผมอยากไปเที่ยวสวนสนุก”รอยยิ้มสดใสของโจเซฟินหยุดชะงักทันที "ทำไมล่ะ?"เธอโตกว่าเขาตั้งมากมาย ทำไมถึงต้องให้เด็กตัวเล็ก ๆ อย่างเจนสันต้องมาบอกเธอว่าจะไปที่ไหน?“เจนสัน ฉันจะไปที่กองถ่ายภาพยนตร์ก่อน” โจเซฟินตอบด้วยรอยยิ้ม เธอตัดสินใจที่จะหลอกพาเจนสันไปที่กองถ่ายให้ได้ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม เธอตั้งใจว่าจะให้ผู้กำกับหนัง ได้เห็นใบหน้าของเจนสัน ใบหน้าที่หล่อเหลาดูเป็นธรรมชาติของเขาที่สามารถเป็นดาราได้อย่างสยาย ไม่แน่ในอน
หลังจากที่เจนสันยักไหล่โจเซฟินก็วิ่งเข้าไปที่สวนสนุกคนที่ชวนเขามาเที่ยวสวนสนุกก็คือ ร็อบบี้น้อย พี่ชายทั้งสองคนแต่งตัวเข้ากันมาก เขาใส่เสื้อผ้าเหมือนกัน ซึ่งมีเพียงไม่กี่ตัว เสื้อยืดของ Adidas สีดำ และกางเกงสีขาว กับร้องเท้าผ้าใบ ความแตกต่างก็คือร็อบบี้น้อย ใส่หมวกปากเป็ดสไตล์ฮิปฮอปหญิงสาวสวมหมวกฟางขนาดใหญ่ ที่สามารถซ่อนหัวของเธอไว้ในทั้งหัว เธอสวมชุดสีแดงและเธอเว้นระยะห่างจากเจนสันประมาณห้าเมตร เธอพยายามใช้ทุกอย่างเพื่อปิดบังตัวเธอเองร็อบบี้น้อย ใช้สมาร์ทวอทช์เพื่อส่งข้อความหาเจนสัน “ผู้หญิงชุดสีแดงกำลังไล่ตามนายอยู่”เจนสันไม่ต้องหันกลับไปมองด้วยซ้ำ เขาก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นน้าที่สติไม่ดีของเขาอย่างแน่นอน“เธอคือ โจเซฟิน อาเรส” เจนสันตอบร็อบบี้ร็อบบี้น้อยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เขาส่งข้อความเสียงไปให้เจนสัน “นายไม่ใช่เคยบอกเหรอว่า เธอชอบกลั่นแกล้งนายอยู่เสมอ? นายต้องการให้ฉันช่วยนายแก้แค้นไหม?”มุมริมฝีปากของเจนสัน ยกขึ้นเล็กน้อย "ตกลง!"“หาที่ซ่อนตัว ฉันจะย้ายที่ทันที”ทันทีที่เจนสันได้รับข้อความร็อบบี้น้อย เขาก็มุ่งหน้าไปยังห้องน้ำด้านข้าง โจเซฟินกลัวว่าเจนสันนั้นจะหา
“ครั้งนี้เจนสันทำอะไรกับเธอบ้าง?”“เขาไม่ได้ทำอะไรฉัน!” โจเซฟินไม่รู้จะบอกกับเขายังไง เธอกลัวว่าข่าวร้ายนี้จะทำให้เขาหัวหมุนเจย์ยังคงวนอยู่กับในอดีต “แล้วเธอทำอะไรเขา?”โจเซฟินรีบตอบว่า “ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรเขาเหมือนกัน!”ใบหน้าอันหล่อเหลาของเจย์ขุ่นมัว “แล้วเธอจะมาร้องไห้คร่ำครวญเพื่ออะไร?”เสียงสะอื้นของโจเซฟินกลายเป็นร้องไห้เสียงดัง “มันมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเจนสัน”เจย์พูดอย่างเย็นชาว่า “โจเซฟิน เธอพูดทุกอย่างในคราวเดียวได้ไหม?”โจเซฟินปาดน้ำตาของเธอ ความเศร้าที่เกิดขึ้นน้ำเสียงของเธอแสดงถึงความตื่นเต้น ขณะที่เธอพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “วันนี้เจนสันแสดงอาการกับฉัน เขาดูเย็นชาเหมือนถูกแช่แข็งในฤดูหนาว บางครั้งเขาก็ดูอบอุ่นเหมือนพระอาทิตย์ในเดือนมิถุนายน เมื่อเขาเยือกเย็นเขาจะเรียกฉันว่า โจเซฟิน อาเรส หรือไม่ก็โรคจิต แต่พอเขานิ่งสงบ เมื่อเขารู้สึกอบอุ่นเขาเรียกฉันว่า น้าโจเซฟิน และยังยิ้มให้ฉันด้วย แต่แค่ช่วงเวลาสั้น ๆ เขาสามารถทำแบบนี้สลับกันได้หลายต่อหลายครั้ง ถ้าเขาแค่แสดงมันต่อหน้าฉัน ฉันว่าเขาสามารถรับรางวัลออสการ์ได้แล้ว!”เมื่อได้ยินสิ่งที่โจเซฟินพูดมา ฝ่ามือที่ถือโทรศัพท์
ร็อบบี้ยิ้มอย่างมีลับลมคมใน “ถ้าน้าอยากตีผมก็ต้องดูว่าน้าจะจับผมได้ไหม?”หลังจากที่พูดจบร็อบบี้น้อย ก็รีบวิ่งหนี โจเซฟินกางแขนออกมา สีหน้าของเธอช่างหน้ากลัวอย่างไม่น่าเชื่อ “ฉันไม่เชื่อว่าจะจับเธอไม่ได้”ตามปกติแล้วเจนสันไม่ชอบที่จะออกกำลังกาย เมื่อเข้าหน้าหนาวร่างกายของเขาจะเป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจได้ง่าย นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่โจเซฟินดูถูกความสามารถทางด้านกีฬาของเขา และตั้งชื่อเล่นที่น่าเกลียดให้กับเขาว่า ลูกเจี๊ยบขี้โรคเธอไม่รู้ว่าคนที่เธอเจอในวันนี้นั้นไม่ใช่เจนสัน แต่เป็นร็อบบี้น้อย เขาฝึกเรียนเทควันโด้ตั้งแต่ยังเล็ก ความสามารถทางร่างกายของเขาแตกต่างจากเด็กคนอื่นในวัยเดียวกัน ความเร็วของเขานั้นเหนือกว่าคนปกติทั่วไปเมื่อโจเซฟินยื่นมือไปออกไปขวางร็อบบี้น้อย เขาก็เตะแขนของเธออกไปด้วยการหมุนเตะตีลังกาในอากาศ เพื่อที่เขาจะได้ไปลงตรงด้านหลังของโจเซฟิน ซึ่งมันทำให้ไถลไปเหมือนปลาเมื่อเธอเห็นร็อบบี้น้อย ทำท่าทางนี่สวยงามเหล่านี้ และดูปราดเปรียวเธอตกใจมาก ลูกตาของเธอถลนออกมาจนแทบจะตกลงบนพื้น “แม่เจ้า! เจนสันของฉันเจ๋งมาก เขาเจ๋งขนาดนี้เลยเหรอ?”ภายในสมองของโจเซฟินกลับเสียงย้อนแย้
ใช่ เธอเองก็รู้สึกว่ามันแปลกประหลาด มันดูลึกลับเช่นกัน ไม่กี่ปีมานี้ขณะที่เธอไปต่างประเทศ เธอมักจะวีดีโอคอลหาครอบครัวของเธอเสมอ แต่เธอไม่เคยได้ยินว่าเจนสันไปเรียนศิลปะการต่อสู้ ตอนที่กลับมาที่บ้านเมื่อช่วงฤดูหนาว และฤดูร้อนนั้นเธอก็ไม่เคยเห็นเจนสันไปฝึกมันเช่นกันแล้วสิ่งที่เขาแสดงให้เห็นก่อนหน้านี้มันคืออะไร?โจเซฟินพยายามคิดทบทวนอย่างหนักในเรื่องนี้ ขณะที่เธอกำลังเดิน แต่เธอไม่สามารถหาเหตุผลได้ไม่ว่าเธอจะใช้สมองทั้งหมดที่มีคิดออกมาอย่างไรก็ไม่สามารถหาเหตุผลเรื่องนี้ได้ขณะที่เจย์พาเจนสันออกจากสวนสนุก เขาเห็นผู้คนมากมายกำลังมุงรายล้อมอยู่ที่รถซุปเปอร์คาร์สีแดงที่อยู่ตรงทางเข้า ใบหน้าของเขาคล้ำลงทันที “โจเซฟิน อาเรส!”เมื่อได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้นมาอย่างดุเดือดของเจย์ โจเซฟินก็รีบวิ่งเข้ามา เมื่อเธอเห็นรถสปอร์ตของเธอถูกทิ้งขว้างไม่มีใครสนใจ จนถูกปรับมากมายเธอก็อยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาให้ไหล“ฉันควรที่จะตำหนินายอย่างไรดี? รอจนกว่านายจะได้พาดหัวข่าวในวันพรุ่งนี้ดีไหมนะ? เจย์เกลียดการแสดงออกทางหน้าตาของน้องสาว มันช่างดูอวดดีราวกับว่าใบหน้าของเธอจะถูกปั้นแต่งให้เป็นสีทอง จริง ๆ แล้ว
เจนสันไม่อยากใส่ใจและไม่อยากยอมรับในสิ่งที่น้าของเขาพูด เขาเลยเลี่ยงเข้าไปในครัวเพื่อช่วยพ่อของเขาโจเซฟินรู้สึกว่ามันน่าเบื่อและไม่ได้น่าสนใจ เธอจึงจากไปอย่างรีบร้อน“พี่ชาย ฉันไปก่อนนะ แล้วอย่าลืมหาหมอให้มารักษาเจนสัน ดร.แซนเดอร์ แซคารี ที่ แกรนด์ เอเชีย ก็ไม่เลว” โจเซฟินจากไปหลังจากพูดจบเจย์แสดงออกอย่างสงบนิ่ง หมอที่น้องสาวของเขาแนะนำมานั้น มีความเชี่ยวชาญทางด้านจิตเวช ใจของเขารู้สึกต่อต้านเป็นอย่างมากที่จะให้เจนสันไปปรึกษากับหมอด้านจิตเวชเขารู้สึกว่าเจนสันนั้นเหมือนกับเขา พวกเขาเพียงแค่ต้องการความสงบสุข และต่อต้านสังคมเมื่อตอนที่เขายังเด็ก พอโตขึ้นได้รู้จักเพื่อนมากขึ้น มีได้กี่คนที่จะรู้จีกนิสัยของเขาอย่างแท้จริง ทุกอย่างมันจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแต่ช่วงสองสามวันนี้เจนสันมักจะมีอารมณ์ที่สลับไปมาระหว่างกระตือรือร้น และดูสดใสพูดมากขึ้น กับอีกอารมณ์ที่นิ่งเงียบ สิ่งนี้ทำให้เจย์ตกใจ เขากลัวว่าความประมาทของเขาจะทำให้พลาดช่วงเวลาดี ๆ ที่จะรักษาเจนสันไปในมื้ออาหารค่ำ เจย์ตัดสินใจที่จะพูดคุยกับเจนสันอย่างตรงไปตรงมา“เจนสัน คุณพ่อจะให้ ดร.แซคารี มาลองตรวจพรุ่งนี้ ตกลงไหม?”ปฏ
หลังจากที่ ดร.แซคารี จากไปเจนสันก็วิ่งเข้าไปในห้องทำงาน เขาผลักประตูเปิดเข้าไปหาเจย์พร้อมกับเอามือกุมศีรษะเหมือนคนที่มีอาการเจ็บปวดอย่างร้ายแรง เจนสันนั้นมีคำตอบอยู่ในใจของเขา“เขาบอกว่าผมป่วยอย่างนั้นเหรอ?” เจนสันพูดขึ้นมาด้วยความโมโหเจย์เงยหน้ามองไปที่ใบหน้าลูกชายมี่หน้าตาดีของเขา ความกังวลปรากฎทั่วใบหน้าไม่สามารถปกปิดได้บางทีเขาคิดว่าเจนสันนั้นอาจจะสมบูรณ์แบบจนเกินไป จนสวรรค์ต้องการที่จะเล่นตลกกับเขา“เจนสัน… ดร.แซคารี บอกพ่อว่า อาการผิดปกติของลูกนั้นยังอยู่ในช่วงแรกเริ่ม ถ้าเรายินยอมที่จะรักษามันจะหายได้” เจย์ไม่ต้องการให้เจนสันรับรู้เรื่องที่โหดร้ายเช่นนี้ แต่เขาอยากให้เจนสันร่วมมือที่จะรักษามันไปกับเขา ดังนั้นเขาจึงต้องทำให้เจนสันยอมรับความจริง“รักษาชีวิตของผม ให้เหมือนต้นหญ้าที่กำลังถูกเหยียบย่ำ” เจนสันพูดด้วยความโกรธของมาจากปากของเขาเจย์จ้องมองใบหน้าที่แสดงอาการไม่พอใจของเจนสัน ทำให้ภายในใจของเขารู้สึกไม่ดี เรื่องที่เขาแบกรับไว้ในมือครั้งนี้เป็นเรื่องร้ายแรง เขาไม่สามารถโอนอ่อนตามความต้องการของเจนสันได้“คุณพ่อตัดสินใจแล้ว ลูกปฏิเสธหรือแสดงอาการต่อต้านมาก็ไร้ประโยชน์