ในเวลาเดียวกันโรสและโจเซฟินรีบเปลี่ยนชุดและแอบเข้าไปในสวนหลังบ้านของหอท่าเรือหอมหวนโรสปลอมตัวเป็นเจย์ ขณะที่โจเซฟินปลอมตัวเป็นโรส ทั้งสองคนสนุกกันมากกับการแกล้งเป็นสามีภรรยากัน“พี่สะใภ้ ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าการปลอมตัวของเธอจะดูเหมือนพี่ชายของฉันมาก! โดยเฉพาะท่าทางของเธอ มันลึกซึ้งมาก” โจเซฟินกล่าวโรสกล่าวว่า “พี่ชายของเธอมีใบหน้าที่ไร้ซึ่งการเปลี่ยนแปลงมาเป็นเวลาหลายพันปี ฉันแค่ต้องรักษาท่าทางบนหน้าให้เหมือนตรงกับเขาก็เท่านั้น”โรสเดินตามเส้นทางโดยอาศัยความทรงจำของเธอและเดินไปจนสุดทางเท้าของบลูสโตน ด้านหน้าเส้นทางเป็นโคลน เถาวัลย์และไม้พุ่มขึ้นหนาแน่นทั้งสองข้างทาง ลมหนาวพัดมาทำให้เงาของต้นไม้เคลื่อนไหวเหมือนกำลังเต้นรำจู่ ๆ โจเซฟินก็จับมือโรสแน่น เธอพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ที่นี่ค่อนข้างน่าขนลุก”“ชู่ว์!” โรสลดเสียงลง “ฉันจำได้ว่าฉันเคยเจอผู้หญิงแปลก ๆ คลานมาที่นี่”โรสดึงเธอให้หมอบอยู่ในพุ่มไม้ แล้วพวกเธอก็เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างช้า ๆทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ มันฟังเหมือนเสียงสะอื้นไห้ มันเตือนให้นึกถึงเสียงคร่ำครวญของสัตว์ตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งตอนที่แม่ของมันทิ้งไว้ข้าง
“ท่านอาเรส นายคิดว่าฉันหน้าเหมือนใคร?” โรสหัวเราะเยาะกับเขาอย่างใจเย็นเจย์อยู่ท่ามกลางเสียงหัวเราะและน้ำตา “ใช่ฉันหรือเปล่า?”โรสแสร้งทำเป็นรำคาญและพูดว่า “ท่านอาเรส เห็นได้ชัดว่าฉันแต่งตัวเป็นนักแสดงนำชายที่เป็นพระรองในละครของนภาเดือนหงายเลยนะ”เจย์ขมวดคิ้ว “เธอกำลังพูดถึงคนร้ายที่ดูใจดีภายนอกแต่ภายในชั่วร้ายงั้นเหรอ?”เธอพยักหน้าซ้ำ ๆเมื่อเห็นใบหน้าที่มืดมนของเจย์มากขึ้น ดูเหมือนว่าเธอจะถูกสะกดด้วยมนต์สะกดเธอโกรธอยู่ข้างใน แต่เธอก็ยังต้องพิจารณาสถานการณ์หากเธอต้องการระบายบางอย่างออกมาประพฤติชั่วต่อหน้าเสือร้าย ก็เหมือนเธอกำลังถามหาความตายจากเสือร้ายนั่นเอง!“โรส เธอได้หนีหายไปสามวันโดยไม่ถูกตีและอีกทั้งตอนที่เธอต้องการปีนขึ้นไปบนหลังคาก็ยังไม่โดนทำโทษ ใช่ไหม?” เธอกล้าดียังไงไปพูดเยาะเย้ยเขา?โรสกลืนน้ำลาย “ท่านอาเรส อย่าโกรธเลยนะ ฉันแค่เห็นนายด้วยใบหน้าและท่าทางที่ดื้อดึงอยู่ตลอดทั้งวัน ฉันจึงเลียนแบบรูปลักษณ์ของนายเพื่อแสดงใบหน้าของนาย มันดูน่ากลัวจนไม่รู้จะพูดออกเป็นคำพูดยังไงเลยใช่ไหม?“ท่านอาเรส นายควรยิ้มให้มากกว่านี้ จริงไหม? แบบนี้ไงล่ะ?” โรสยิ้ม เผยให้เห็นฟันขาว
โรสเดินถอยไปพิงขนาบหน้าต่างและกำหมัดไว้แน่น“โจเซฟิน ฉันจะจับเขาไว้ เธอหนีไปเร็วเข้า!”“ไม่นะ ฉันจะทิ้งเธอไปไม่ได้”“ถ้าเธออยู่ เราทั้งคู่จะตาย” โรสกล่าวโจเซฟินหน้าซีดในที่สุด เธอตัดสินใจพูดสั่งกับโรสอย่างเคร่งขรึม “เธอต้องอดทนรอฉันกลับมานะ”โจเซฟินจึงกระโดดลงบนเตียงและเธอต้องการไปที่ประตูเพื่อหนีชายคนนั้นจ้องมองเธอด้วยความเกลียดชัง “เธอต้องการที่จะหนีงั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ” เขาเตรียมเข็มพุ่งไปแทงที่หลังของโจเซฟิน“พี่ชาย ฉันเป็นน้องสาวขอนายนะ นายจะไม่ปล่อยฉันไปเหรอ?” โจเซฟินแสดงความกลัวและกังวลใจบนใบหน้าของเธอเธอค่อย ๆ ถอยกลับไปที่ประตูจู่ ๆ โรสก็ก้าวไปข้างหน้า แล้วหมันตัวเตะจรเข้ฟาดหางไปที่คอของชายคนนั้นผู้ชายคนนั้นโกรธโรสมาก เขาหันกลับมาและเหวี่ยงหมัดใส่เธอโจเซฟินใช้โอกาสนี้หลบหนีชายคนนั้นต้องการจะจัดการโรสให้เรียบร้อยโดยเร็ว แต่เธอก็กอดตัวรัดเขาไว้แน่น หลังจากลูกเตะของเธอ เธอถูกเหวี่ยงหมัดล้มลงกับพื้นขอบคุณความว่องไวของเธอจากชีวิตที่แล้วของเธอจริง ๆ ความชื่นชอบของเธอในกีฬาเทควันโดมันใช้ได้เสมอ และความรักกีฬาของเธอยังต้องใช้ต่อสู้กับเจย์ตอนนี้อีก เธอยังคงสงบสติอา
เจย์ที่นอนสลบไสลกลับช็อกกับฝันร้ายจนสะดุ้งลุกขึ้นนั่งทันที!เหงื่อพลันเต็มไปทั่วหน้าผากขณะที่หน้าอกเต้นแรงจากการหายใจอย่างรวดเร็ว“แองเจลีน!”เจย์สะบัดผ้าห่มออก ในตอนนี้เขาสวมชุดนอนสีขาวเหมือนหิมะเท่านั้น เขาลุกออกมาข้างนอกอย่างสิ้นหวังระยะทางระหว่างหอท่าเรือหอมหวนห่างจากบ้านของโจเซฟินเพียงไม่กี่ร้อยเมตร แต่เจย์รู้สึกว่าเขาไม่สามารถไปถึงจุดหมายปลายทางได้ในทันทีคฤหาสน์ของโจเซฟินขนาดใหญ่ขณะนี้ดูปิดมืดประตูสู่ทางเข้าสวนก็เปิดกว้าง!ประตูสู่คฤหาสน์ก็เปิดด้วย!เจย์รู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที เขาเปล่งเสียงจากลำคอและตะโกนขณะวิ่งขึ้นบันไดไป “โรส?”“โจเซฟิน?”แต่ทว่า ไม่มีใครตอบ!เจย์เดินตรงไปที่ห้องนอนของโจเซฟิน ประตูห้องนอนยังเปิดกว้างและมีลมเย็นพัดเข้ามาทางหน้าต่างเจย์มองดูหน้าต่างที่มีรอยแตกขณะที่สายตาของเขาถึงกับตื่นตระหนก“แองเจลีน?”เขาเปิดไฟพรางมองไปรอบ ๆ เห็นร่องรอยของการต่อสู้บนพื้นที่ยังคงมีอยู่ เศษกระจกคราบเลือด… และทุกอย่างทำให้เขาตกใจราวกับว่าเขามีลางสังหรณ์ ทันใดนั้น เขาก็วิ่งไปที่หน้าต่าง เมื่อเขาเห็นกองเลือดอยู่บนพื้น เจย์รู้สึกได้เพียงว่าการหายใจของเขาแทบจะหยุดล
เจย์เปิดปากพูดอย่างสบาย ๆ ด้วยน้ำเสียงที่ชั่วร้าย “ในวันที่ภรรยาของผมประสบอุบัติเหตุ ครอบครัวของคุณสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ คุณบอกผมว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ผมมีแนวโน้มที่จะเชื่อว่าเป็นการสมรู้ร่วมคิดของคุณโดยเจตนาที่จะทำร้ายผู้อื่นเสียมากกว่า“เจมส์ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับภรรยาของผม ผมอยากให้คุณและครอบครัวของคุณถูกฝังพร้อมกับเธอ”เจมส์กลืนน้ำลายทุกเซลล์ในร่างกายของเขาดูเหมือนจะถูกแช่แข็งมันทำให้เขารู้สึกหนาวเหน็บเขาคิดว่าการมองการณ์ไกลของเจย์นั้นเฉียบแหลมและแม่นยำมาตลอดชีวิต ทว่าสำหรับการดูแลเอาใจใส่โรส เขาได้ละเลยมันไปจริง ๆ เจย์ไม่เคยสนิทสนมกับผู้หญิงคนไหน แล้วทำไมเขาต้องรัก โรส ลอยล์อย่างคลั่งไคล้ ซึ่งเธอไม่ได้มีอะไรพิเศษเลย?“เกรย์สัน ช่วยเชิญแขกออกไปด้วย” เจย์พูดอย่างเฉยเมย“ครับ ท่านอาเรส!” เกรย์สันได้ตอบกลับเจย์มองเจมส์อย่างดูถูก “ในอนาคต ถ้าคนนี้กลับมาหาฉันอีก ก็แค่ทุบตีและไล่เขาออกไปได้เลย”เจมส์พลันหน้าซีด...“เจย์ นายเกลียดฉันขนาดนี้เลยเหรอ?”เกรย์สันจ้องไปที่บอร์ดี้การ์ดให้สายตาเตือน “พวกนายยังรออะไรอยู่อีก? ไล่เขาออกไปซะ”บอร์ดี้การ์ดเดินมาข้างหน้าและลากเ
“ฉันรักเธอ!”ดวงตาที่ลึกและเงียบงันของเขาพลันเลือดด้วยความโกรธและความเจ็บปวดน้ำตาที่เย็นชาของเขาเปื้อนเลือดสีแดงเข้มจนน่ากลัว“ฉันจะแก้แค้นให้เธอให้ได้!”ในตอนเช้า แสงแดดสาดส่องลงบนพื้นผ่านม่านหน้าต่างบาง ๆ ฉากกั้นหน้าต่างไหวพริ้วและมีจุดแสงทับซ้อนกันหลาย ๆ จุดอยู่บนพื้นเจย์นั่งอยู่ตรงหัวมุมห้องนอน ด้วยชุดนอนขาวหิมะของเขาที่สวมใส่อย่างหลวม ๆ บนตัวเขา ใบหน้าที่หล่อเหลาและสง่างามนั้นมีขนาดประมาณฝ่ามือ ดวงตาที่เงียบงันและลึกล้ำเต็มไปด้วยแสงอันเยือกเย็นและกระหายเลือด ผมยุ่งของเขาทำให้เขามีออร่าที่ดูนิ่งเฉยและหดหู่ถึงกระนั้น เขาก็งดงามราวกับคนที่เป็นอมตะที่ถูกเนรเทศ!“คุณพ่อ!”ทันใดนั้นเสียงที่นุ่มนวลและเสน่หาของเด็ก ๆ ก็ดังขึ้นจากชั้นล่างแล้วเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นบนบันไดดวงตาที่ไม่ขยับเขยื้อนของเขาเริ่มกระพริบขยับเล็กน้อย ประตูห้องนอนส่งเสียงเอี๊ย เมื่อมีหัวเล็ก ๆ แอบมองผ่านรอยแยกที่ประตูเปิดออกใบหน้างาม นัยน์ตาสีดำ และขนตางอนยาวนั้นบริสุทธิ์และไร้ที่ติราวกับลักษณะของเทพธิดาน้อยเซ็ตตี้น้อยเขย่งปลายเท้าของเธอขณะที่ค่อย ๆ เดินไปหาเจย์ จากนั้นเธอก็คุกเข่าลงต่อหน้าเขาใบหน้าข
โรสจับแก้มและหน้าผากที่หยาบกร้านของเธอและเยาะเย้ยตัวเองอย่างขมขื่น “ถึงขนาดไม่มีแม้แต่จุดไหนที่สามารถแตะต้องได้เลยเหรอ?”แพทย์หญิงผู้ใจดีปลอบโยนเธอ “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณสามารถทำศัลยกรรมหลังจากที่ใบหน้าของคุณหายดีแล้ว เมื่อถึงเวลานั้น ฉันจะเปลี่ยนคุณให้กลายเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกอย่างแน่นอน”โรสรู้สึกซาบซึ้ง...ทันใดนั้น บรรยากาศก็ตกอยู่ในความเงียบเป็นเวลานาน“พี่แองเจลีน เธอได้ยินไหม? หมอบอกว่าเธอสามารถเปลี่ยนพี่เป็นสาวสวยที่สุดได้”โรสพยักหน้าและกล่าวว่า "โจเซฟิน ฉันอาจจะได้รับพรจากโศกนาฏกรรมในครั้งนี้”โจเซฟินพลันน้ำตาคลอ เธอรู้สึกถึงความยืดหยุ่นและการมองโลกในแง่ดีของโรส “เธอทำให้ฉันชื่นชมในตัวเธออย่างเต็มที่เสมอเลยนะ”โรสอธิบายว่า “โจเซฟิน ในที่สุดฉันก็สามารถเป็นแองเจลีนได้อีกครั้ง”โจเซฟินเงียบไปเธอรู้สึกงงมากจริง ๆ หลังจากความโชคร้ายทั้งหมดที่โรสได้ผ่านพ้นไป เธอยังต้องการกลับไปสู่ตัวตนที่ทำให้เธอเจ็บปวดได้ยังไง?กระนั้น โจเซฟินเลือกที่จะเคารพการตัดสินใจทั้งหมดของเธอหมอบอกโรสว่าอาจต้องใช้เวลาหนึ่งปีหรือสองปีในการรอการทำศัลยกรรมของเธอนั่นแสดงว่าโรสต้องอยู่กับหน้าต
ถึงอย่างนั้น โจเซฟินยังคงดูเคร่งขรึม “แล้วผู้ชายคนนั้นที่หน้าเหมือนพี่ฉันจริง ๆ เขาเป็นใครกัน?”การแสดงออกของโรสเริ่มเศร้า “ใครจะไปรู้?”สามวันต่อมาเมื่อโรสกำลังจัดกระเป๋าเดินทางเพื่อเตรียมเดินทางกลับประเทศบ้านเกิด โจเซฟินก็ออกมาในชุดสีขาวและตัดผมตามความยาวให้สั้นลงเหมือนเป็นใครก็ไม่รู้ ใบหน้าที่หล่อเหลาของเธอมีความเป็นชายที่นุ่มนวล“พี่คะ พี่ว่าฉันดูหล่อเหมือนผู้ชายไหม?”โรสอึ้งไปชั่วขณะ“เธอเป็นผู้หญิงที่ดูดี แล้วทำไมเธอถึงเปลี่ยนตัวเองให้ดูเป็นผู้ชายล่ะ?”โจเซฟินยกคางของโรสและพูดจีบเธอเบา ๆ “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะเป็นเหมือนพุ่มไม้สีเขียวที่ปกป้องเธอ”โรสทำปากบึ้งแล้วบ่นพึมพำ “เธอปฏิบัติกับฉันดีมากจนฉันเกือบจะสงสัยว่า ฉันเริ่มโน้มน้าวใจต่อเรื่องเพศกับเธอไปแล้ว”โจเซฟินแสดงอาการน่ายียวนลิ้มลองเป็นอย่างมากและพูดว่า “คงจะดีถ้าไม่มีเซย์นหรือเจย์อยู่ในโลกนี้ เราทั้งคู่ เป็นผู้หญิงสองคนที่จะมีความคิดเดียวกัน คงจะเป็นเนื้อคู่กันอย่างแน่นอน”โรสพูดว่า “มันดูไม่เลวเลยที่เธอแต่งตัวแบบนี้ ด้วยวิธีนี้ จะไม่มีใครจดจำเธอได้จากมดเหล่านั้นในตระกูลอาเรสเมื่อหลบซ่อนตัวอยู่ในดิน”ในส่
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ