หลังจากที่โรสเดินจากไป เจย์เข้าไปในห้องพักฟื้นของท่านปู่เซเวียร์ด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงเกรย์สันนำดอกไม้ที่ถือมาด้วยใส่ลงแจกันและวางเค้กบนโต๊ะที่ริมหน้าต่างเมื่อเขาเห็นเค้กมัทฉะดูดีวางอยู่บนโต๊ะก่อนหน้านี้แล้ว เกรย์สันก็ร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ “ท่านประธาน!”เจย์ยืนอยู่ข้างเตียงของห้อง ขณะที่มองดูท่านปู่เซเวียร์ที่หลับใหลอยู่เงียบ ๆ เมื่อจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงประหลาดใจของเกรย์สัน เจย์ก็หันกลับไปมองเกรย์สันถือเค้กมัทฉะชิ้นเล็ก ๆ แล้วเดินไปหาเจย์ “ท่านอาเรส ดูนี่สิ มีคนมาก่อนหน้าเราด้วยครับ”เจย์เห็นเค้กที่สวยงามที่มีตัวอักษรภาษาอังกฤษว่า ‘ความสุข’ ที่ทำจากผลไม้ จู่ ๆ เขาถึงกับเบิกตากว้างขึ้นมาทันที่เขาเอื้อมมือออกไปทันทีและใช้นิ้วปาดขอบเค้กมัทฉะนั้นก่อนจะตักเข้าปากเพื่อลิ้มรสรสชาติที่คุ้นเคยทำให้หัวใจของเขาเบ่งบานด้วยความปิติยินดีจากนั้นเจย์ก็วิ่งออกไปข้างนอกราวกับว่าเขาบ้าไปแล้วเขามั่นใจว่าแองเจลีนกลับมาแล้วเค้กนี้เป็นงานฝีมือของแองเจลีนเขาเข้าไปในลิฟต์และวิ่งออกจากประตูแกรนด์ เอเซียแต่กลับไม่เห็นร่างที่คุ้นเคยเขาหันไปรอบ ๆ ด้วยความหงุดหงิด โรสยืนมองดูอยู่อย่างเงียบ ๆ
เซย์นตอบอย่างโกรธเคือง “ไม่มี”เจย์ขี้เกียจเกินกว่าจะก่อปัญหากับเซย์นและสั่งเกรย์สันโดยตรงว่า “เกรย์สัน ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดในตอนนี้ให้หน่อย ฉันอยากรู้ว่าใครเป็นคนนำเค้กมัทฉะนี้มา”“ได้ครับ” เกรย์สันหันหลังและเดินออกไปเซย์นยังคงจ้องไปที่เจย์ด้วยความโกรธเจย์พูดเบา ๆ “แองเจลีนเสียชีวิตไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุ แต่มีคนฆ่าเธอโดยเจตนา”เซย์นได้ยินแล้วไม่พอใจ “มีใครอีกล่ะที่ไม่ใช่คุณ?”“ดูเหมือนว่าแองเจลีนจะได้รู้ความลับที่เธอไม่ควรรับรู้ เลยมีคนต้องการจะฆ่าเธอ”“คน ๆ หนึ่งที่แกล้งทำเป็นฉัน ทำให้แองเจลีนเข้าใจผิดคิดว่าฉันจะฆ่าเธอ”เขาชะงักไปครู่หนึ่ง ขากนั้นพูดด้วยความงุนงง “เป็นเวลานานแล้วที่เธอไม่กล้าเปิดใจยอมรับฉัน ถึงกระทั่งปกป้องตัวเธอเองจากทุกวิถีทาง ซึ่งตอนนี้มันทำให้ฉันไม่สามารถปกป้องเธอได้…”ในขณะที่มองไปที่เซย์น เขาพูดต่อ “ถ้าคุณรู้ข้อมูลลึกลับบางอย่าง คุณต้องบอกความจริงกับผม มันสำคัญมากสำหรับฉผมที่จะหาฆาตกรได้”“ประตูเห็ด?” เซย์นลุกขึ้นยืนขึ้นมาจากพื้นเจย์มองเขาอย่างสงสัย “นายก็รู้เหมือนกันเหรอ?”เซย์นพูดด้วยท่าทางเคร่งขรึม “ผมไม่รู้หรอก แต่น้องสาวของผมเคยพูดคำสามคำนี้
หลังจากที่โรสกลับมาที่ห้องเช่าของเธอ เธอก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงพรางถอนหายใจเป็นระยะ ๆขณะที่โจเซฟินกำลังพอกหน้าอยู่นั้น เธอก็รู้สึกสับสนเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจซ้ำ ๆ“เกิดอะไรขึ้น?” โจเซฟินถามโรสพูดอย่างหดหู่ใจ “วันนี้ฉันเจอคน ๆ หนึ่ง แล้วบอกว่าฉันน่าเกลียด”ทันทีที่โจเซฟินลอกที่มาส์กหน้าออกและแผดเสียงออกมา “ใครพูดอย่างนั้น? ให้ฉันไปฉีกปากของเธอสักทีเถอะ”“เป็นเด็กสาว”“หยาบคายอะไรอย่างนี้!” โจเซฟินโพล่งออกมาทันที“ช่างมันเถอะ คำพูดของเด็กไม่มีพิษมีภัยหรอก” โรสตอบโจเซฟินมองโรสที่หดหู่พรางปลอบประโลมเธอ “ในเมื่อรู้ดีว่าคำพูดของเด็กไม่มีพิษไม่มีภัย แล้วทำไมยังทำหน้าบูดเบี้ยวอยู่ล่ะ?”เธอลุกขึ้นนั่งอย่างเศร้าโศก “โจเซฟิน ฉันคิดว่าวันนี้ฉันเห็นพี่ชายของเธอด้วย”ปากของโจเซฟินอ้าค้างด้วยความตกใจ “บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ว่าไหม?”“บังเอิญถึงสองครั้งเลยเหรอ?” โรสชูสองนิ้ว“พี่ชายของฉันจำเธอได้หรือเปล่า?” โจเซฟินรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อเธอเห็นว่าโรสดูสิ้นหวังเพียงใดโรสร้องเสียงดังออกมาว่า “โจเซฟิน เขาจำฉันไม่ได้”โจเซฟิน “...”เธอหยิบกระดาษทิชชู่หนึ่งห่อแล้วยื
จักรวรรดิไร้อาทิตย์อัสดงตอบว่า ‘ชื่อผู้ใช้ของเธอบอกได้ทุกอย่าง’ชื่อ ‘ไล่ล่าเหล่าบุรุษด้วยการชักดาบอาจไม่ใช่ผู้หญิงเสมอ ไปก็ได้ แต่ฉันเป็นผู้ชาย’ โรสกล่าวเสริมว่า ‘แล้วถ้าฉันเป็นเกย์ล่ะ’จักรวรรดิไร้อาทิตย์อัสดงพิมพ์ตอบกลับ '...'โรสพูดต่อว่า ‘ในเมื่อนายต้องการให้ฉันตัดสินใจ ฉันก็จะไม่ยอมอ่อนข้อให้ล่ะนะ เจอกันที่ห้องกลุ่มเทควันโด’จากนั้นฉากบนหน้าจอก็เปลี่ยนเป็นภายในห้องเทควันโดตัวละครในเกมของโรสเป็นนักรบหญิงที่ถือดาบยาว 40 เมตรสำหรับจักรวรรดิไร้อาทิตย์อัสดง ตัวละครของเขาเป็นชายหนุ่มสมัยใหม่ทั่วไปเมื่อฉากถูกขยายออกไป ตัวละครทั้งสองก็ดูสมจริงมากเมื่อยืนอยู่กลางห้องโรสพิมพ์ว่า ‘พวกเรากำลังเดิมพันอะไรอยู่?’จักรวรรดิไร้อาทิตย์อัสดง ถามว่า ‘เธอต้องการอะไร?’‘เงิน’จักรวรรดิไร้อาทิตย์อัสดง ถามว่า ‘เธอต้องการเงิน?’‘ฉันกำลังจะอดตาย!’‘ตกลง เอาชนะฉันแล้วฉันจะให้เงินเธอ!’โรสส่งอีโมจิที่ตาเต็มประกายไปด้วยดวงดาว‘น้องสาวคนนี้จะทุบตีนายให้แหลกเป็นชิ้น ๆ’จักรวรรดิไร้อาทิตย์อัสดงตอบทันทีว่า ‘พี่ใหญ่คนนี้จะเล่นอ่อนโยนกับเธอเอง’โรสตอบว่า '...'ทั้งคู่กดปุ่มเพื่อเปลี่ยนเครื่อง
ขณะที่โรสกำลังจะออกจากระบบ เธอได้ยินเสียงเตือนว่ามีการโอนเงินในเกมเข้าบัญชีเกมของเธอเสียงดังขึ้นไม่หยุดเป็นระยะ ๆ ทำให้โจเซฟินถึงกับอึ้ง เธอเข้าไปดูเงินในเกมซึ่งมันเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณหลายเท่าเลย“โอ้ นี่คงเป็นมหาเศรษฐีหนุ่มที่ไม่มีที่จะใช้เงินของเขาแล้วสินะ”ถ้าพวกเขาจะคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนเป็นดอลลาร์ มันก็เกือบ 10,000!โรสส่งข้อความถึง จักรวรรดิไร้อาทิตย์อัสดง ว่า ‘ขอบคุณที่ส่งความช่วยเหลือนี้มา หากนายต้องการความช่วยเหลือจากฉัน ฉันจะทำให้ดีที่สุดแม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม’‘ฉันไม่ต้องการให้เธอตาย แต่ฉันต้องการภรรยา เธอสามารถพิจารณาการแต่งงานกับฉันเพื่อเป็นการขอบคุณกับฉัน’‘ฉันเกรงว่าเมื่อเห็นหน้าฉัน นายอาจจะกินข้าวไม่ลง’‘ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ ฉันมีใบหน้าที่หล่อเหลาที่สามารถกระตุ้นความอยากอาหารได้เลยเชียวนะ เราสามารถเติมเต็มซึ่งกันและกันได้’โรสตอบกลับด้วยความประหลาดใจว่า ‘ขอบคุณที่ไม่ดูหมิ่นฉัน! ฉันกำลังออกจากระบบแล้วนะ’เจย์จ้องไปที่คอมพิวเตอร์ในขณะที่เขาครุ่นคิดอยู่ลึก ๆเมื่อเกรย์สันเข้ามา เขาเห็นหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเจย์แสดงฉากในเกมที่ต่อสู้ เขาถึงกับตกตะลึง“ท่
เจย์เป็นคนที่ไม่ชอบเสียงดัง ดังนั้นเขาจึงปิดหน้าต่างให้แน่นเมื่อเข้ามาช่างโชคร้าย...เขายังต้องได้ยินเสียงหม้อและชามที่ดังกึกก้องจากห้องถัดไปพร้อมกับการร้องเพลงร็อคแบบมั่ว ๆ ร้องของโจเซฟินดังออกมาด้วยเจย์หยิบสำลีสองก้อนมาอุดไว้ที่หูสองข้างหลังจากนั้นไม่นาน การร้องเพลงของโจเซฟินก็จบลงในที่สุดขณะที่เจย์ถอดสำลีก้อนออก...เขาได้ยินเสียงของโรสปัญหาคือ มันไม่ใช่เสียงที่ทนไม่ได้แต่เป็นเสียงที่สามารถฆ่าเขาได้... มันฟังดูเหมือนผีร้องไห้ที่หายใจไม่ออกเจย์นั่งอยู่บนเตียงด้วยความสงสัยว่ามันเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดีที่วิญญาณของแองเจลีนได้ซึมซับเข้าไปในร่างของโรสแองเจลีนของเขามีเสียงเหมือนดั่งนางฟ้า แต่โรสไม่มี!ขณะที่เจย์อยู่ในความคิดของเขา ห้องข้าง ๆ ก็ตกอยู่ในความเงียบทันทีแม้แต่สภาพแวดล้อมก็เงียบลงเจย์มองดูนาฬิกาของเขาที่แสดงว่าเวลาตอนนี้เป็นเวลา 5 ทุ่มแล้ว‘เด็กสาวที่โตแล้วสองคนนี้ใช้ชีวิตแบบไร้กังวลแบบนี้ได้ยังไง?‘พรุ่งนี้ฉันยังต้องทำงาน!’บางทีเขาอาจจะสัมผัสได้ถึงการปรากฏตัวของเธอในบริเวณใกล้เคียง เมื่อคิดเช่นนั้นอาการนอนไม่หลับเรื้อรังของเจย์จึงหายไป เมื่อการนอนหลับของเ
“โจเซฟิน อาเรส!” เจย์ตะโกนและไล่ตามน้องสาวของเขาไปโจเซฟินไม่สามารถเอาชนะเขาได้ ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหยุดและเผชิญหน้ากับเขา“พี่ พี่ชาย!”ถ้าพี่ชายของเธอรู้ว่าโรสตกลงไปจากหน้าต่างในตอนนั้นเพราะเธอต้องการปกป้องโจเซฟิน เขาอาจจะฆ่าเธอแม้ว่าเธอจะเป็นน้องสาวของเขาก็ตามในท้ายที่สุด พี่ชายของเธอก็ชอบพี่สะใภ้ของเธอมากเกินไป“เธอยังคิดว่าฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่อีกงั้นเหรอ? ทำไมเธอถึงวิ่งหนีเมื่อเห็นฉันล่ะ?” เจย์รู้สึกว่าเขาควรจะพูดตรงไปตรงมาและซื่อสัตย์กับน้องสาวของเขาเขาปล่อยให้โจเซฟินเข้าใจผิดต่อไปไม่ได้!“ฉันขอโทษค่ะ พี่ มันเป็นความผิดของฉันที่ไม่ได้ปกป้องพี่สะใภ้!” โจเซฟินน้ำตาไหลพราก และการแสดงออกของเธอก็จริงใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเจย์รู้สึกราวกับว่ามีสารตะกั่วติดอยู่ในลำคอของเขา ‘ดูเหมือนว่าใบหน้าที่เสียโฉมของโรสจะเป็นความจริง’เขายังคงยึดมั่นในความหวังเล็ก ๆ ที่เธอปลอมตัวเพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริงของเธอ เช่นเดียวกับที่เธอเคยทำเมื่อเธอพยายามซ่อนตัวจากเขาก่อนหน้านี้“ฉันอยากเจอเธอ” เจย์บ่นโจเซฟินส่ายหัวอย่างแรง...“โจเซฟิน...” เจย์คำรามเหมือนสิงโต “ฉันม
ทุกคนบอกว่าพี่ชายของเธอเป็นคนเลือดเย็น แต่เมื่อพูดถึงสิ่งที่เขาทำกับพี่สะใภ้ของเธอนั้นห่างไกลจากความเป็นจริงที่คนอื่นได้รับรู้เลย“พี่ใหญ่ อย่าเศร้าไปเลย! หมอบอกว่าพี่สะใภ้ทำศัลยกรรมได้...”เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนั้น เจย์ก็บ่นว่า “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอผ่านความทุกข์แบบนั้น ฉันแค่อยากให้เธอมีสุขภาพที่แข็งแรง”โจเซฟินกล่าวว่า “พี่ใหญ่ เนื่องจากใบหน้าของพี่สะใภ้เสียโฉม ความคิดของเธอก็เปลี่ยนไปบ้าง เพราะมักจะมีคนบางคนจ้องมองหรือพูดถึงใบหน้าของเธออยู่ข้างหลังเธอเสมอ เธอรับรู้แต่เธออาจจะไม่พูดถึงมัน แต่ฉันรู้ว่าเธอรู้สึกรำคาญกับมันมาก ถ้าการผ่าตัดสามารถช่วยให้เธอปรับความมั่นใจขึ้นมาได้ แล้วทำไมจะไม่ทำล่ะ?”เจย์กอดโรสแน่นขึ้น “ไม่เป็นไร ฉันจะปล่อยเธอให้มีความสุขมากขึ้นในทุก ๆ วันเอง”จากนั้น เขาจ้องไปที่โจเซฟินและพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เธอมีร่างกายที่อ่อนแอ หยุดโน้มน้าวให้เธอต้องผ่านการผ่าตัดศัลยกรรมทีนะ”โจเซฟินได้แต่ตอบอย่างหดหู่ใจว่า “ตกลงค่ะ”ภายในใจของเธอ เธอบ่นและพูดว่า “การทำศัลยกรรมให้สวยขึ้นไม่ใช่เรื่องแย่สักหน่อย”‘ผู้หญิงคนไหนก็มีความสไตล์ความชอบในแบบของพวกเธอเองทั้งนั้นแห
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ