ภรรยาคนที่สามและหญิงในชุดดำบาดหมางกันอย่างดุเดือดและรุนแรงคิ้วของเจย์ย่นด้วยความระโกรธเคืองโรสมองไปที่เจย์ ราวกับจะได้ฉลองกับหายนะครั้งนี้ “ท่านอาเรส ฉันได้ยินมาว่าตอนนี้ตระกูลของอาเรสเป็นเรื่องของนายที่จะต้องตัดสินใจเรื่องทั้งหมดในครอบครัว ผู้ชายอย่างนายที่ไม่คุ้นเคยกับผู้หญิงก็ไม่รู้จะรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไรสินะ? ทำไมนายไม่เรียกฉันว่า ‘พี่ใหญ่’ แล้วฉันจะแก้ไขปัญหานี้ให้เธอเอง”เจย์ “ ... ”เมื่อเธอเห็นว่าเขาไม่เต็มใจ เธอก็ยกย่องอวดตัวเองและพูดว่า “ฉันเป็นทหารผ่านศึกที่ช่ำชองเมื่อต้องเจอกับความรัก ถ้าฉันช่วยนายได้ สิ่งที่นายต้องทำคือให้เงินฉัน!”“บอกฉันสิว่า เธอผ่านสมรภูมิมาแค่ไหนกัน?”“ฉันหลงรักกับความรักครั้งนี้มา 17 ปีแล้ว นายจะมาบอกฉันว่าฉันผ่านสมรภูมิมาแค่ไหนงั้นเหรอ”เจย์ยิ้มจนเห็นร่องรอยของมันในดวงตาของเขา 17 ปี…นั่นหมายความว่าเธอเคยรักผู้ชายคนอื่นมาก่อนหรือเปล่า?“ฉันไม่มีเงินเหลือแล้ว!” เจย์ตอบกลับหลังจากให้บัตรของเขากับเธอ เขาก็กลายเป็นยากจนไปแล้วโรสปฏิเสธข้อเสนอของเธอเร็วกว่าที่เธอจะพลิกหน้าหนังสือได้อีก “ถ้าอย่างนั้นนายจะต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตัว
โรสมองเขาอย่างข่มขู่ “ฉันอยากช่วยเธอเพื่อขอความยุติธรรม!”เขย์กล่าวด้วยสีหน้าที่บูดบึ้ง “นี่หมายความว่าเธอกำลังต่อต้านฉันใช่ไหม?”โรสยังคงยืนกราน “ใช่!”เขาถามว่า “งั้นเธอคิดจะทำอะไรเพื่อต่อต้านฉัน?”เธอตอบว่า “นายกำลังดูหมิ่นฉันอยู่เหรอ? นายไม่เคยได้ยินหรือว่าแมลงที่มีขา 100 ขา ไม่เคยตาย?”เจย์เย้ยหยันเธอ “ยังไงเธอก็มีแค่สองขาอยู่ดี มันยังดูห่างไกลถึง 100 ขา!”โรส “...”ให้ตายเถอะ เขาเป็นคนหน้าด้านได้ขนาดนี้เลยสินะ ผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลวร้ายแค่ครึ่งเดียว“ท่านอาเรส นายดูถูกกดขี่ข่มเหงมากไปแล้วนะ” โรสโต้กลับ“โรส วันนี้เธอดื้อมาก…” สีหน้าของเจย์มืดลง“ท่านอาเรส นายไม่ได้ขาดแคลนเรื่องเงินเลย เพียงแค่ให้เงินกับเธอคนนั้นแล้วเธออาจจะรู้สึกดีขึ้นกว่านี้”“แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องเงิน”“นายแค่ขี้เหนียว!”เจย์“ ... ”ตอนนี้เขาจะเดินจากไปโดยทิ้งเธอไว้ด้วยความประทับใจที่ไม่ดีต่อเขาได้อย่างไรกัน?เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก เซย์นและโจเซฟินก็เดินออกมาโรสเอนหลังพิงกำแพงและถูกเขาหอมแก้มของเธอ หน้าอกที่สั่นรัว ๆ ทำให้เธอดูเหมือนคนเป็นบ้าเซย์นผลักมือของโจเซฟินออกและตะโกนใส่เจย์ “คุณกล้ารัง
ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์พลันดังขึ้นซึ่งเป็นสายโทรเข้าจากเจย์“เซย์นพาโรสกลับไปที่เดิม เอาผู้หญิงของนายกลับไปด้วย!” เสียงเจย์เริ่มระเบิดทางโทรศัพท์“แน่นอน แน่นอน แน่นอนล่ะ ท่านอาเรส”เซย์นเช็ดเหงื่อออกจากคิ้วและพาโรสกลับไปเมื่อเธอเห็นเขา โจเซฟินใช้สายตาเปล่งประกายไปที่เซย์น “บอกฉันสิว่า นายชอบเธอไม่ใช่ฉัน เป็นเรื่องจริงใช่ไหม?”เซย์นกล่าวอย่างสำนึกผิดว่า “ขอโทษนะ ฉันจับมือคนผิดออกไป”เมื่อได้ยินเช่นนี้เธอก็ชกเขาเบา ๆ “ฉันจะทำร้ายนายให้ตายเลย เชื่อฉันเถอะ นายจะทำเรื่องวุ่นวายแบบนั้นได้ยังไง?”ทั้งสองกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งมือของเจย์เอื้อมไปหาโรส แต่เธอรีบเอามือของเธอเก็บซ่อนไว้ข้างหลัง กลับทำให้มือของเขาถูกปล่อยค้างไว้กลางอากาศหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ยอมจำนน “เนื่องจากเธอต้องการอให้หล่อนได้ค่าตอบแทน ฉันจะทำตามที่เธอพูดแล้วกัน”โรสแสดงความดีใจทันทีและจับมือเขาอย่างสนิทสนม “ท่านอาเรส งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มขึ้น ไปกันเถอะ”เจย์ปวดหัวแทบแย่กับเรื่องพวกนี้เริ่มงานฉลองกันได้!ตอนนี้ที่นั่งเต็มไปด้วยผู้คนหมดแล้วด้านหน้าเป็นเวทีใหญ่และมีการตกแต่งงานเลี้ยงวันเกิด มีเค้กใหญ่เป็นยอด
เซ็ตตี้น้อยสวมชุดสีขาวตัวเล็ก ๆ ดูบริสุทธิ์และไร้ที่ติลูก ๆ ของเธอทุกคนต่างคาดหวังให้คุณพ่อคุณแม่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอย่างใจจดใจจ่อ มันจะเป็นการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ทว่า ในตอนนี้โรสยังไม่ต้องการทำสิ่งนี้เลยเจนสันเบะปากเล็กน้อยข้าง ๆ แม่ “คุณแม่ครับ คุณพ่อบอกว่าถ้าคุณฟังเขาวันนี้ เขาจะฟังคุณนับจากนี้ไป”จู่ ๆ โรสก็จำสิ่งนี้ได้!เธอเกือบลืมเรื่องนั้นไปแล้วถ้าเขาล้มล้างเธอไม่สำเร็จในวันนี้ พรุ่งนี้เขาจะถูกเธอล้มล้างแทนเมื่อคิดเช่นนั้น เธอก็เดินขึ้นไปบนเวทีอย่างยินดีเธอค่อย ๆ เดินไปหาเจย์ ชุดเดรสสีขาวราวกับหิมะของเธอเปล่งประกายระยิบระยับภายใต้แสงไฟ ชุดของเธอยาวอยู่บนพื้น โดยมีเด็ก ๆ อยู่ด้วย มันดูดีพอ ๆ กับชุดแต่งงานชุดหนึ่งเลยก็ว่าได้เจย์เดินเข้ามาหาเธอและจับมือเธอ การจ้องมองที่อบอุ่นของเขาได้ถูกจับจ้องมาที่ใบหน้าที่ชวนฝันของเธอ“นาย... จริงจังกับเรื่องนี้ไหม?” โรสรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน“อืม” เจย์ตอบกลับมาโรสมองไปที่ใบหน้าที่ไม่แสดงออกของเขาและคิดกับตัวเองว่า ‘เหตุการณ์ไฟไหม้นั้นของตระกูลอาเรสกำลังเป็นประเด็นร้อนที่ถกเถียงกันอยู่ ดังนั้นไอ้หมอนี้จึงใช้การแต่งงานเพื่อเบ
ในระหว่างมื้อค่ำ เจย์ได้ตักอาหารใส่จานเธอไม่หยุดโรสเห็นอาหารกองเท่าภูเขาอยู่ในจานของเธอและร้องว่า “ท่านอาเรส นายกำลังจะรักฉันแทบตายจริง ๆ”เมื่อได้ยินเธอบอกเช่นนั้น ใบหน้าของเขาก็มืดลง “เธอไปเอาปากที่ช่างพูดแบบนี้มาจากที่ไหนในโลกใบนี้กันฮะ?”ในอดีตคำพูดของเธอหวานยิ่งกว่าน้ำผึ้ง แค่เพียงประโยคเดียวอาจทำให้เขานอนไม่หลับติดต่อกันหลายคืนแต่ตอนนี้ ทุกคำพูดที่ออกมาจากปากของเธอคือน้ำกรด เผาไหม้เขาจากข้างในออกมาถ้าเพียงเขารู้ว่าเธอได้สิ่งนั้นมาจากใคร เขาจะหั่นเธอเป็นชิ้น ๆจู่ ๆ เขาก็วางช้อนส้อมลง ความหิวของเขาหมดไปเขาลุกขึ้นออกไปที่สวนด้านนอกเพื่อเดินไปผ่อนคลายโรสเดินตามออกไปด้วยความรู้สึกที่ไม่สบายใจ เธอดูไม่มีประโยชน์อะไรจากตอนนี้เพราะเธอเป็นคนทำให้เขาขุ่นเคืองเมื่อเธอก้าวออกไป จู่ ๆ เธอก็ถูกรายล้อมไปด้วยกลุ่มสตรีผู้สูงศักดิ์และชนชั้นสูง พวกเธอต่างชื่นชมเธอและอิจฉาริษยาตาร้อนเธอในเวลาเดียวกัน“คุณลอยล์ ตอนนี้คุณคือนายหญิงอาเรสแล้ว โปรดดูแลเราตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปด้วย”“ท่านอาเรสห่วงใยคุณมาก คุณโชคดีมากจริง ๆ ”โรสฝืนยิ้มออกมาการแต่งงานของเธอกับเจย์ได้ใช้เวลาเพียงวันเดีย
หลังจากงานเลี้ยงสิ้นสุดลง แขกต่างก็แยกย้ายกันไปในขณะที่เจย์ส่งพวกเขากลับไป โรสก็ได้โอกาสกลับเข้าไปในหอท่าเรือหอมหวน เธอกำลังคิดว่าจะต้องทำอย่างไรให้เจย์เซ็นสัญญานั่นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอหยิบสัญญาออกมาและทำให้เธอประหลาดใจ เธอสังเกตเห็นว่ามันมีตราของ อาเรส ฟิล์ม จำกัด พร้อมกับลงชื่อของเจย์อยู่แล้วโรสดีใจมาก!ตั้งแต่ที่เห็นการทำสัญญานี้ทำไว้เรียบร้อยแล้ว เธอก็ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ที่นั่นอีกต่อไป หากอยู่ต่อก็มีโอกาสที่ทำให้เขาจะทำร้ายเธอเท่านั้นหลังจากเธอเปลี่ยนชุดกลับเป็นเสื้อผ้าปกติของเธอแล้ว เธอก็หยิบเอกสารสัญญาและเตรียมพร้อมที่จะออกเดินทาง แต่บังเอิญเจย์เดินกลับมาถึงบ้านในช่วงเวลานี้พอดี“เธอกำลังจะไปไหน?” หน้าผากของเจย์มีเส้นเลือดปูดออกมา ความโกรธของเขาดูเหมือนจะถึงขีดสูงสุดโรสรู้ดีว่าเขากำลังจะผิดคำพูดของเขาที่ให้ไว้ในที่สุดตัวตนเจ้าเล่ห์ของเขาก็แสดงออกมาเธอรักษาความสงบและพูดว่า “ท่านอาเรส นายโกหกฉัน นายบอกว่าไม่ว่าฉันจะทำผิดอะไร นายก็จะไม่โกรธไง”เจย์ค่อย ๆ เดินชิดเข้ามาหาเธอมีความหวาดกลัวเต็มใบหน้าของเธอในขณะที่เธอก้าวถอยหลังเธอถอยกลับไปติดกำแพง และตอนนี้ไม่มี
วันรุ่งขึ้นเจย์ตื่นขึ้นมาเขาไม่เห็นผู้หญิงอันเป็นที่รักของเขารอบ ๆ ตัวเลย แต่เขากลับเห็น ‘ของขวัญ’ พิเศษของเธอแทน ทันใดนั้นเขาก็โมโหขึ้นมาทันที!สิ่งนี้กำลังทำให้เหลือทนมากขึ้นเรื่อย ๆ!“มีคนกำลังเดินเข้ามาที่นี่!”เมื่อแม่บ้านเข้ามาในห้องและเห็นเจย์ถูกมัดไว้กับเตียง พวกเธอก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างด้วยความไม่น่าเชื่อ“นายท่าน สารเลวคนไหนที่กล้าทำแบบนี้กับคุณ?”ดวงตาของเจย์เย็นชาขณะที่เขาจ้องไปที่แม่บ้านอย่างเข้มข้น “คนนั้นคือยัยภรรยาตัวดี”แม่บ้านก็ปิดปาก “ฉันขอโทษ นายท่าน ฉันขอกลับคำพูดที่เอ่ยว่าเมื่อกี้แล้วกันนะ”“อืม”“แต่ทำไมนายหญิงถึงผูกคุณไว้กับเตียงแบบนี้?” คำถามของแม่บ้านที่อยากรู้อยากเห็น“นายหญิงกระทำรุนแรงเกินไป หรือพวกคุณมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า?”“ไม่… ไม่ได้มีปัญหากัน”นายหญิงชอบกระทำรุนแรงขนาดนี้เลยเหรอ?หลังจากที่เจย์หลุดพ้นจากการถูกมัดได้แล้ว เขาก็รีบหยิบโทรศัพท์และโทรออกไปยังเบอร์ของโรสทันทีเขาได้ยินแต่เสียงตู๊ดตอนโทรออกไปเท่านั้น… มันเห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้บล็อกเบอร์ของเขาเจย์เขวี้ยงโทรศัพท์ซัดไปที่กำแพงอย่างมืดมน...แม่บ้านจ้องไปที่โทรศัพท์ที่หน้
โรสรู้ดีว่าเขาต้องระแคะระคายเรื่องนี้ เธอจึงไม่ได้ปิดบังเรื่องนี้อีกต่อไป “ฉันได้ให้ของขวัญตัวเองกับเขาแล้ว ซึ่งเป็นวิธีที่ฉันแลกด้วยสัญญานี้”เซย์น “ ... ”เจย์หยิบโทรศัพท์ของเขาออกมา เขาพิมพ์ข้อความหนึ่งบรรทัด และถือมันไว้ตรงหน้าเซย์น“โรส มาพบกันหน่อย!”“ได้เลย ส่งข้อความหาฉันว่าจะเจอที่ไหนและเมื่อไหร่”โรสตกลงอย่างง่ายดาย“โอ้ ได้เลย” ขณะที่เซย์นพูดจบ เจย์ก็เอื้อมไปกดวางสายจากนั้นเขาก็คว้าโทรศัพท์ของเซย์นและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ให้ฉันยืมโทรศัพท์ของนายก่อนนะ”เซย์นเอื้อมมือไปคว้ามันกลับมา “แล้วผมจะใช้อะไรล่ะ?”เขามอบเงินจำนวนหนึ่งให้เขา “ไปซื้อใหม่สิ”เซย์นรู้สึกทำอะไรไม่ถูก “ผมมีลูกค้ามากมายในโทรศัพท์ของผม จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาโทรหาผม?”“ฉันจะรับสายให้นายเอง”“พวกเขากำลังจะพูดคุยเกี่ยวกับการเป็นพันธมิตรด้านการงานกับผมนะ คุณจะช่วยคุยงานให้ผมด้วยงั้นเหรอ?”เจย์เปิดหน้ารายชื่อผู้ติดต่อ ใช้เวลาดูรายชื่อเหล่านั้นอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจ้องมองเซย์นอย่างดูถูก “นายคงต้องติดต่อกับพวกเขาเป็นเวลานานแล้วสินะ แต่พวกเขาทั้งหมดไม่สนใจนายเลย ใช่ไหม?”เซย์นขมวดคิ้ว “ได้โปรดอย่า
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ