ณ ศูนย์การแพทย์แกรนด์ เอเซียเจย์เดินเข้าห้องวีไอพีสุดพิเศษกับผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาที่มีชื่อเสียงมากมายจากทั่วทุกมุมโลกคนไข้ที่อยู่ในห้องไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากคุณปู่ของโรส ... ท่านประธานเซเวียร์เจย์ได้จัดเตรียมการย้ายท่านประธานเซเวียร์จากเมืองนางแอ่นไปยังเมืองอิมพีเรียลในชั่วข้ามคืน นอกจากนี้ เขายังมีผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อทำการตรวจร่างกายชายชราคนนี้ การวินิจฉัยการทำงานของพวกเขาคือ... ชายชรามีอาการเจ็บป่วยที่หายาก เขาเป็นโรคฮิสทีเรียอัมพาตผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่เกี่ยวข้องอธิบายโรคนี้กับเจย์ว่า “ผู้ป่วยคนนี้สามารถรู้สึกตัวได้ แต่แขนขาทั้งหมดของเขาเป็นอัมพาต การตรวจร่างกายและการทดสอบเสริมอื่น ๆ แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจขาดเลือดซึ่งดูเหมือนจะควบคุมให้คงที่ได้ค่อนข้างดีอยู่ การที่เป็นอัมพาตทั้งตัวของเขาอาจเกี่ยวข้องกับบาดแผลทางจิตใจที่เขาประสบเมื่อเจ็ดปีก่อน”ผู้เชี่ยวชาญกำลังจดบันทึกข้อมูลผู้ป่วยกรณีของท่านประธานเซเวียร์ในขณะที่อธิบายสภาพของผู้ป่วยการจ้องมองของเจย์จ้องไปที่แฟ้มข้อมูลที่ผู้เชี่ยวชาญกำลังเก็บไว้และนำไปวิเคราะห์อย่างละเอียดอ
“พูดสิ!” เจย์ตะคอกเกรย์สันกล่าวว่า “ท่านประธาน อย่าโกรธนะครับ ถ้าผมจะบอกว่า ประธานเบลไม่มีความสำนึกผิดต่อการกระทำของเขาหลังจากเหตุการณ์นั้นเลย และเขาพยายามติดสินบนผมเพียงเพื่อให้ผมยอมหาแพะรับบาปเรื่องนี้มาแทน”เจย์กระแทกโต๊ะและทำให้ขาโต๊ะข้างหนึ่งหัก ดังนั้น โต๊ะจึงเอนทรุดตกไปด้านข้างเกรย์สันตัวสั่น ‘ท่านประธานไม่ได้แสดงความแข็งแกร่งของเขาออกมาแบบนี้เป็นเวลานานแล้ว’“สแตนลีย์ เบล เนื่องจากคุณต้องการเข้าข้างลูกสาวของคุณ อย่ามาตำหนิผมที่ต้องการเข้าข้างภรรยาของผมอย่างเต็มที่เช่นกัน!”ดวงตาของเกรย์สันเบิกกว้าง เขาไม่เข้าใจความหมายของคำว่า ‘เข้าข้างภรรยาอย่างเต็มที่’ ที่เจย์พูดถึง‘โรสเป็นภรรยาเก่าที่ท่านประธานเกลียดที่สุดไม่ใช่เหรอ?‘ทำไมเขามีท่าทีเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน?‘เขาเกลียดเธอมากในอดีต แต่ตอนนี้เขาให้ความสำคัญกับเธอมากได้อย่างไรกัน?’เกรย์สันรู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับโรสใหม่อีกครั้ง ไม่อย่างนั้น คนที่จะได้รับความโกรธจากท่านประธานของเขาคงจะไม่ใช่ใครอื่นนอกจากตัวเขาเอง“เกรย์สัน เตรียมประกาศยกเลิกการลงทุนและเทคโนโลยีทั้งหมดของแกรนด์ เอเซีย ในบริษัท เบล ทันที
การแสดงออกของ สแตนลีย์ เบล เปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง บุคคลเดียวที่มีอำนาจควบคุมหุ้นของบริษัท เบล นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก เจย์ อาเรสหลังจากที่ก้าวช้าเกินไปเขาก็ตระหนักว่าเมื่อนักลงทุนทั้งหมดถอนตัวออกจากโครงการ ไม่ใช่เพราะบริษัทย่อยเป็นผู้ตัดสินใจเอง แต่นั้นคือ พวกเขาได้รับคำสั่งจากเจย์เมื่อเขานึกถึงความสัมพันธ์ล่าสุดที่เขามีกับเจย์ แม้แต่คนโง่ก็สามารถบอกได้ว่าทำไมเจย์ถึงโจมตี“ท่านอาเรส โอ้ ท่านอาเรส คุณจะโหดร้ายต่อบริษัท เบล ได้อย่างไรเพียงเพราะแค่ผู้หญิงคนหนึ่งอย่างนั้นเหรอ? คุณไม่รู้หรือว่าผู้หญิงคือต้นตอของปัญหาทั้งหมด”แนนซี่หน้าซีดเมื่อได้ยินสิ่งที่พ่อของเธอคร่ำครวญ เธอรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม ‘นั่นคือ โรส ลอยล์ ที่คุณสมบัติไม่ตรงกับฉันในทุกด้าน ไม่ต้องพูดถึงเลย ถ้าเปรียบกับที่เธอมาจากภูมิหลังที่ต่ำต้อยกว่าฉันอีก ทำไมท่านอาเรสถึงปฏิบัติกับเธออย่างดีและทำให้บริษัทเบลเป็นศัตรูของเขาได้?‘ฉันทุ่มเทให้เขาด้วยความรักใคร่ของฉันมาหลายปีแล้ว แต่ทำไมกัน ฉันไม่สามารถเอาชนะพวกที่เป็นต้นไม้ป่าทึบได้งั้นเหรอ?’“พ่อคะ เป็นความจริงเหรอคะ ที่ท่านอาเรสต้องการแก้แค้นบริษัท เบล เป็นเพราะ โรส ลอย
ท่านปู่อาเรสจะเข้าข้างหลานชายของเขาอย่างแน่นอนหากใครก็ตามที่ต่อต้านเจย์ในทางกลับกันเมื่อประธานเบลได้รับคำตอบจากท่านปู่อาเรส เขาก็หมดความหวังอย่างสิ้นเชิงเขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้และจ้องมองไปที่แนนซี่ “แนนซี่ คนที่ผูกปมเรื่องนี้ต้องแก้มัน ปัญหานี้เริ่มต้นขึ้นเพราะลูก บางทีลูกควรไปหาท่านอาเรสและขอโทษเขาซะนะ”แนนซี่พึมพำแล้วตอบกลับ “โอเค เข้าใจแล้วค่ะ”ตราบใดที่เธอไม่จำเป็นต้องขอโทษ โรส ลอยล์ เธอก็จะทำทุกอย่างเพื่อช่วยบริษัท เบลแนนซี่บรรจงแต่งหน้าตัวเองอย่างตั้งใจจนพอใจกับรูปลักษณ์ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังแกรนด์ เอเซียแนนซี่เดินตรงไปที่ห้องทำงานท่านอาเรสตามปกติโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า อย่างไรก็ตาม คราวนี้ เมื่อออกจากลิฟต์ที่ชั้นเก้า เธอเห็นเกรย์สันยืนพิงกำแพงหินอย่างสบาย ๆ โดยยืนกอดอกอยู่ เขามีรอยยิ้มปริศนาบนใบหน้า“คุณเบล ผมกลัวที่จะแจ้งให้คุณทราบว่าวันนี้ประธานของผมจะไม่ขอพบแขกคนใดเลยนะครับ”การแสดงออกของแนนซี่ดูอึดอัดขณะที่เธอมองไปยังทิศทางของห้องทำงานท่านประธานที่ในครั้งหนึ่งเป็นสถานที่ที่เธอสามารถเข้ามาแวะเยี่ยมได้อย่างอิสระ แต่แล้ว ตอนนี้เธอถูกห้ามไม่ให้เข้าพบ“เกรย์สัน
แนนซี่ดูเหมือนว่าเธอได้ยินสิ่งที่ไม่อยากทำ “เป็นไปไม่ได้ ฉันขอโทษผู้หญิงที่ไร้การศึกษาคนนั้นไม่ได้”เกรย์สันได้เสนอเรื่องนี้ของเขาแล้ว แต่เมื่อฟังการโต้แย้งจากเธอจึงหมดความอดทน เขาพูดอย่างเย็นชา “ถ้าอย่างนั้น คุณเบล รอดูได้เลยว่า บริษัท เบล จะต่อสู้อย่างไรในน้ำลึก บางที - คงใกล้จะล้มละลายแล้วล่ะครับ บริษัท ลอยล์ ที่ทุกคนเรียกร้องให้เอาชนะและในตอนนี้จะกลายเป็นบริษัทอนาคตของคุณที่จะล้มละลายแทน”แนนซี่มักจะเย้ยหยันที่บริษัทลอยล์ซึ่งใกล้จะล้มละลาย ด้วยเหตุนี้ ความคิดที่ว่าบริษัท เบล ที่โดดเด่นจะถูกลดสถานะเป็นเหมือนบริษัท ลอยล์ ที่กำลังถูกเยาะเย้ยจากผู้คนทั่วเมือง กลับกลายเป็นหัวใจที่เย่อหยิ่ง และความสง่าที่เป็นดั่งเจ้าหญิงของเธอก็เริ่มจมลงในหลุมแห่งความกลัวทีละนิด“ได้โปรดเถอะนะ ให้ฉันพบท่านอาเรส”เกรย์สันมองไปที่คุณนายเบลผู้เย่อหยิ่งราวกับว่าเธอเป็นสุนัขจรจัดและอดไม่ได้ที่จะขบริมฝีปากของเขา เขากล่าวอย่างเสียใจว่า “คุณนายเบล ยกโทษให้ผมด้วยที่ไม่สามารถช่วยคุณได้”จากนั้นแนนซี่ก็ไม่สนใจภาพลักษณ์ส่วนตัวของเธอและตะโกนว่า “ท่านอาเรส ฉันชื่อแนนซี่โปรดออกมาพบฉันหน่อย ฉันรู้ว่าฉันผิดไปแล้ว”
เสียงแตรรถดังขึ้น และประตูเหล็กแกะสลักดูเหมือนจะรับรู้ได้ถึงออร่าของเจ้าของบ้านที่กำลังเข้ามาเมื่อมันเปิดออก ต่อจากนั้น รถโรลส์ - รอยซ์ สุดหรูก็ขับเข้าไปข้างในอย่างช้า ๆทันใดนั้น หน้าต่างรถก็เปิดออก และเจย์ อาเรส ก็ชะเง้อหน้าออกไปมองที่ โรส ลอย์แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดหรือทำอะไรเลยนอกจากมองไปที่เธอ แต่ดวงตาที่น่าทึ่งของเขาก็มีชีวิตชีวา ดวงตาคู่นั้นทำให้โรสรู้สึกเคลิบเคลิ้ม“ท่านอาเรส นายกลับมาแล้วเหรอ?”โรสลงจากวงสวิงของชิงช้า เธอรู้สึกประหลาดใจ ท้ายที่สุดแล้ว สถานที่แห่งนี้ก็ค่อนข้างไกลจากที่เขาทำงาน ดังนั้น เธอจึงคิดว่าเขาจะไม่กลับมาเจย์จอดรถไว้ตรงทางเปิดประตูและลงจากรถเขายืนอยู่ตรงหน้าโรสพร้อมกับรอยยิ้มตื้น ๆ แสดงออกถึงดวงตาของเขา เขาพูดด้วยความร่าเริงว่า “เธอรอฉันอยู่เหรอ?”ความหวังในฉากนับไม่ถ้วนที่เขาจินตนาการมาก่อนนั้น รวมถึงแองเจลีนนั่งอยู่บนชิงช้าและรอให้เขากลับบ้านมันจบลงด้วยความเป็นจริงในวันนี้โรสรู้สึกเขินเล็กน้อย เธอยื่นมือไปจัดผมที่หลังหูของเธอและพูดอย่างเชื่องช้า “ท่านอาเรส ฉันมีข้อสงสัยมากมายในใจ ฉันจะคุยกับนายได้ไหม?”เจย์กล่าวว่า “ยังมีเวลาอีกนานมากในการพิ
หลังจากออกมาจากห้องอาบน้ำ เจย์ก็เหลือบมองไปที่ทางเดินที่มีแสงสลัวบนชั้นสอง เขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าประตูห้องนอนทุกบานปิดแน่นเขาบอกโรสและเด็ก ๆ ให้เลือกห้องที่พวกเขาชอบ และดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งหมดจะหลีกเลี่ยงการเลือกห้องนอนใกล้ ๆ จากที่เขาอยู่เขาน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?เจย์เดินลงไปชั้นล่าง มองเห็นคนรับใช้ แม่แซคคารี่ กำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารเย็นเมื่อเห็นเจย์ แม่แซคคารี่ก็พูดอย่างใจดีว่า “นายท่าน อาหารเย็นจะพร้อมเสิร์ฟแล้วเร็ว ๆ นี้ ดิฉันจะไปเรียกนายหญิงและเด็ก ๆ ลงมาทานอาหารเย็นนะ”เดิมแล้ว แม่แซคคารี่เป็นซุปเปอร์เชฟในบริษัท อสังหาริมทรัพย์ ทัวร์มาลีน เธอเป็นคนที่อยู่ที่นั่นเป็นเวลานานที่สุด แม่ของเจย์ได้ช่วยเธอแก้ปัญหาครอบครัวของเธอมากมาย ดังนั้นแม่แซคคารี่ผู้แสนกตัญญูจึงใจดีกับภรรยาคนแรกของครอบครัวอาเรสมาโดยตลอด เธอมองว่าเจย์เป็นลูกของเธอเองด้วยซ้ำเจย์ยังไว้วางใจแม่แซคคารี่มาก ดังนั้นเขาจึงพาแม่แซคคารี่ออกไปโดยไม่คำนึงถึงการคัดค้านของภรรยาคนอื่น ๆ เขาอนุญาตให้เธอดูแลโรสและลูก ๆ ของเขาทักษะการทำอาหารและอันดับทางศีลธรรมของแม่แซคคารี่เป็นสิ่งที่ดีที่เขาเชื่อใจ และเป็นสิ่
เธอแค่ไม่ต้องการที่จะย้ายเจย์พูด “แต่แม่แซคคารี่ของฉันแก่เกินไปที่จะเดินขึ้นบันไดแล้ว”โรสทำได้แค่ยอมจำนนดังนั้น หลังอาหารค่ำ โรสจึงขึ้นไปชั้นบนเพื่อย้ายข้าวของของเธอเจย์เรียกเด็กน่ารักทั้งสามคนว่า “ลูก ๆ เลือกห้องไหนก็ได้บนชั้นสองนะ แต่อย่าลืมอยู่ห่างจากคุณพ่อด้วย”เจนสัน อาเรส สอดมือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋ากางเกงและพยักหน้าอย่างเย็นชา “ผมเข้าใจแล้วครับ”ร็อบบี้น้อยรู้สึกสับสนเล็กน้อยและถามเจนสันว่า “เจนส์ ทำไมพ่อไม่ปล่อยให้เราอยู่ข้าง ๆ เขาล่ะ?”เจนสันพูดโดยไม่หันกลับไปมองว่า “นั่นเป็นเพราะนายไม่ใช่แม่”ร็อบบี้น้อยมีความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งทันที “โอ้!”เซ็ตตี้น้อยทำหน้าตาบูดบึ้งใส่เจย์ “ไม่มีใครอยากอยู่ข้าง ๆ คุณลุงหรอก!”เมื่อโรสย้ายเครื่องใช้ในห้องน้ำของเธอลงมาจากชั้นสี่ เธอพบว่าห้องส่วนใหญ่บนชั้นสองถูกเด็กซนทั้งสามเข้าใช้งานจนเต็มเหลือแต่ห้องข้าง ๆ เจย์ห้องทั้งสามห้องที่อยู่ห่างจากห้องคุณพ่อของพวกเขามากที่สุดถูกครอบครองโดยเจนสันซึ่งจะใช้เป็นห้องศึกษา ห้องนอน และห้องของเล่นของเขาสำหรับร็อบบี้น้อย เขาอาศัยอยู่ในห้องสามห้องถัดจากเจนสัน เป็นห้องนอน ห้องเปียโนและห้องออกก
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ