เมื่อเขาเร่งมาที่ แกรนด์ เอเซีย เขาก็พบเกรย์สันที่กำลังถือเอกสารหนาเตอะในขณะที่รอเขาอยู่ที่ออฟฟิศประธาน"ให้ฉันดูมัน" เจย์สั่งอย่างกระตือรือร้นทันทีที่เขานั่งลงเกรย์สันเดินมาข้างหน้าแล้วเทเอกสารทุกอย่างลงมันมีรูปถ่ายกองหนึ่งจดหมายบางฉบับรูปวาดหลายรูปและซีดีหลายแผ่น!เมื่อเจย์เห็นรูปวาดสีเอิร์ธโทนที่ดูสร้างสรรค์ของโรส ดวงตาที่ชัดเจนและเป็นประกายของเขาก็พลันแดงฉานทันทีนี่มันรูปภาพของแองเจลีน เธอชอบเขาและมักจะส่งดอกกุหลาบให้เขาเสมอ ต่อมา เมื่อเธอพบว่าดอกไม้มักจะเหี่ยวเสมอ ดังนั้นเธอจึงเริ่มวาดรูปดอกกุหลาบให้เขาแทน ภาพโทนสีเอิร์ธโทนเป็นโทนโปรดของเจย์ ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนสีแดงของกุหลาบแทน"ฉันบอกให้นายไปตรวจเบื้องหลังของโรส ไม่ใช่เหรอ? พวกนี้มันอะไร?" เจย์ถามด้วยแสบแหบแห้งเกรย์สันอธิบาย "สิ่งของพวกนี้เป็นของคุณเซีเวียร์ผู้ล่วงลับ"เจย์กล่าวอย่างเจ็บปวด "ฉันรู้ ฉันถามว่าทำไมพวกมันมาอยู่ที่นี่ตอนนี้?"เกรย์สันตอบ "อย่ากระวนกระวายเลยครับ ท่านอาเรส ได้โปรดใจเย็นแล้วฟังสิ่งที่ผมจะบอกคุณก่อนครับ"เจย์เก็บอารมณ์ที่เดือดพล่านและโหมกระหน่ำไว้ในใจ เขาพยายามสงบใจลงเกรย์สันอธิบาย
แองเจลีนมีออร่าที่ไม่สามารถปิดบังได้ ดวงตาและคิ้วของเธอพกพาความสุขของหญิงสาวที่ถูกประคบประหงมมาตั้งแต่เด็ก มันทั้งดูยโส, มั่นใจ, และรังสีไม่ธรรมดาซึ่งออกมาจากตัวตนของเธอนั้นมันเหมือนนักวิชาการที่อหังการเอามาก ๆไม่ว่าจะเป็นส่วนผสมพิเศษของความแข็งแกร่งและความอ่อนโยนที่สลักลึกอยู่ในรากของเธอ หรือออร่าที่โดดเด่นและบริสุทธิ์อย่างเหลือเชื่อของเธอ เธอก็เป็นคนที่น่าทึ่งที่สุดโรส ในอีกด้านหนึ่ง สวมเสื้อผ้าที่มีสีสันสดใสปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน เธอดูเศร้าโศกและมีสายน้ำตาไหลลงมาจากใบหน้า เธอมีความงดงามและร่างกายที่น่าเย้ายวนอย่างแท้จริง แต่ข้อได้เปรียบทุกอย่างที่แสดงอยู่บนเธอนั้นเหมือนความผิดพลาดโดยบังเอิญจากการสรรสร้างจากพระเจ้าเธอสำเร็จในการปกปิดคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมของเธอและเน้นด้านที่ไม่ได้รับการขัดเกลาของเธอให้ชัดขึ้นในฐานะสาวบ้านนอกเจ็ดปีก่อน แองเจลีนและโรสนั้นตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิงความประหลาดใจอย่างสุดแสนปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาของเจย์ ทำไม หลังจากเจ็ดปีให้หลัง ทำไมโรสถึงได้สะท้อนเงาอันสดใสมากมายที่เป็นของแองเจลีน?ในตอนที่เขากำลังจะหลุดเข้าไปในภวังค์ เสียงแตรรถก็ดังขึ้นเมื่อเจย์ห
สวรรค์รับรู้ว่าเขาใช้เวลาและพลังงานไปมากขนาดไหนกับแองเจลีน สมัยที่เธออายุสิบขวบ เขาก็เริ่มพยายามที่จะฝึกเธอให้กลายเป็นคู่คิดของเขาแล้ว เขาช่วยและพัฒนางานอดิเรกของเธอ และพยายามใช่เวลากับเธอให้มากที่สุด เธอเป็นเพียงเด็กหญิงเพียงคนเดียวที่เขาจะยอมแบ่งปันความสัมพันธ์ทางการที่ชิดเชื้อให้ในเมื่อเธอยังอายุน้อยเกินไป เขาจึงเก็บความรู้สึกของเขาเพื่อที่เธอจะยังคงมีความบริสุทธิ์และชีวิตที่ไร้เดียงสาเหมือนเด็กสาวทั่วไปหากเขารู้ว่าเธอจะจากเขาไปเร็วแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นเขาคงไม่มีทางพยายามเก็บความรู้สึกของตัวเองแล้วทำมันตั้งแต่วันแรกที่เธอเข้าสู่วันผู้ใหญ่ไปแล้วเกรย์สันมองดวงตาแดงฉานของท่านอาเรส เขาทำงานกับท่านอาเรสมาหลายปีและรู้ดีว่าแองเจลีนนั้นเป็นหัวข้อต้องห้าม เขามาที่นี่เพื่อสืบเรื่องของโรสวันนี้ แต่การสืบสวนกลับจบลงที่ความเกี่ยวข้องกับแองเจลีนเช่นกัน โชคชะตาช่วงเป็นสิ่งที่น่าหลงไหล"ท่านอาเรส โรสอยู่ในเหตุการณ์ตอนที่เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ของคุณเซเวียร์ คุณไม่คิดว่าเรื่องบังเอิญนี้มันแปลกไปเหรอครับ? ด้วยเหตุผลแปลก ๆ บางอย่าง โรสถึงขนาดแทนที่คุณเซเวียร์แล้วแต่งงานกับคุณในที่สุด คุณไม่คิดว่าเรื
เมื่อไหร่ที่แองเจลีนวาดภาพเหมือนเขา มันจะดูเหมือนมีชีวิตสุด ๆจากสายตาของคนอื่น เจย์เเก่นและเข้าถึงไม่ได้—ประธานผู้ชั่วร้ายและน่าสะพรึงกลัว แต่ในสายตาของแองเจลีน ยังไงก็ตาม เขาเหมือนเด็กผู้ชายตัวใหญ่เสมอในภาพวาดของเธอ เขามักจะสวมเสื้อยืดสีขาวที่ดูเด็ก และสร้อยแพลทินัมที่มีเครื่องรางใบโคลเวอร์สี่กลีบ และรองเท้าไนกี้ ผมของเขาจะปลิวตามสายลมในขณะที่ดวงตาของเขาจะกลมโต—เด็กชายร่างใหญ่ที่มีภาพลักษณ์ที่สดใสเจย์ถือภาพวาดสุดท้ายของแองเจลีน เขารู้ดีว่ารูปวาดนี้ล้ำค่ากับเขาเพียงใดเขาเสียใจที่ทำตัวอ่อนแอเมื่อก่อนนั้น ไม่มีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความตายของแองเจลีน มันจะดีแค่ไหนหากเขาได้รู้เร็วกว่านี้ว่าแองเจลีนนั้นหวังพึ่งเขาขนาดไหนทุกคนรู้ว่าแผลเป็นที่ชัดเจนจะตกสะเก็ดและค่อย ๆ ดีขึ้นหากไม่ไปแตะต้องมัน แต่สิ่งที่เจย์ไม่คาดคิดก็คือรอยแผลเป็นที่ถูกปิดผนึกไว้ในใจของคน ๆ หนึ่งโดยเจตนาจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไปเหมือนไวน์ชั้นดียกตัวอย่างเช่นความตายของแองเจลีนหลังจากปิดผนึกไว้ในหัวใจของเขาเป็นเวลาเจ็ดปีเต็ม ในช่วงเวลาที่เจย์ได้เห็นภาพการเสียชีวิตของเธอ ความเศร้าโศกอย่างแสนสาหัสก็เร
โรสจับที่หัวใจของเธอ เด็กทุกคนคือสมบัติล้ำค่าของพ่อแม่ พ่อแม่ทุกคนคงปวดใจหากเห็นลูกของพวกเขาถูกทุบตี เธอเคยบอกร็อบบี้ เจ้าเด็กบ้านั่นหลายรอบแล้ว ว่าห้ามเขารังแกคนอื่นเพียงเพราะเขาแข็งแรง เขาออกนอกลู่นอกทางจริง ๆ แล้วเหรอครั้งนี้?เมื่อครูประจำชั้นกล่าวจบ เธอก็ไม่ได้วิจารณ์อะไรโรส เธอเพียงแค่กล่าวกับโรสด้วยท่าทางจริงจัง "คุณลอยล์ ฉันหวังว่าคุณจะเผชิญหน้ากับปัญหาของเด็ก ๆ อย่างตรงไปตรงมา และร่วมมือกับเราในการพัฒนาข้อบกพร่องของเด็ก ๆ นะคะ""แน่นอนค่ะ" โรสตอบครูประจำชั้นจากไปพร้อมรอยยิ้ม โรสมองไปที่เด็กน้อยทั้งสอง หัวเล็ก ๆ ของทั้งสองก้มลงต่ำเหมือนพวกเขากำลังจะถูกฝังดิน เซ็ตตี้น้อยเองก็ดูกังวลอย่างมาก"เงยหน้าขึ้นมา!" โรสยื่นมือของเธอออกไปดึงแก้มของพวกเขาขึ้นเธอฉีกยิ้มอย่างใจกว้างให้เจนสันและร็อบบี้น้อย "กลับบ้านกันก่อนเถอะ"เจนสันมองดูแม่ที่ดูอ่อนโยนของเขาอย่างสงสัย ไม่ใช่ว่าร็อบบี้น้อยบอกว่าคุณแม่จะดุร้ายมากเวลาอารมณ์เสียเหรอ?โรสอุ้มเซ็ตตี้น้อยไว้ในอ้อมแขนแล้วหันหลังกลับเด็กดื้อทั้งสอง ร็อบบี้น้อยและเจนสันเดินตามเธอไปพร้อมกันระหว่างทาง เจนสันเหลือบมองร็อบบี้น้อยหลายครั้งแล้
"ความแตกต่างควรถูกสร้างไว้ระหว่างชายและหญิง คุณแม่ ได้โปรดหยุดหวดก้นผม คนอื่นจะหัวเราะเยาะผมถ้ารู้เข้า" ร็อบบี้น้อยวิ่งเผ่นไปสุดทางตรงข้ามของโต๊ะดินเนอร์ยาว เขาวิ่งเป็นวงกลมหลบหนีคุณแม่ในขณะที่พยายามโน้มน้าวเธอไปด้วยในเวลาเดียวหลังจากวิ่งกันไปหลายรอบ โรสก็เหนื่อยเกินกว่าจะตามต่อ เธอใช้มือเท้าเอว หอบหายใจ "เจ้าเด็กแสบ เธอโตแล้วสินะ ใช่ไหม? ลูกรู้ว่ามันมีความแตกต่างระหว่างหญิงกับชายตอนนี้แล้วใช่ไหม หือ? ได้เลย แม่จะรักษาศักดิ์ศรีของลูกไว้และไม่จัดการก้นของลูก… ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแม่จะจับลูกไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว แม่ต้องหาไม้มาสอนบทเรียนลูกซะแล้วสิ..."โรสเริ่มหาไม้หรืออะไรที่คล้ายกันในบ้าน ด้วยความฉลาดแกมชั่วร้าย ร็อบบี้น้อยร้องไห้โฮออกมาพยายามเรียกความเห็นใจของแม่เขาเมื่อเจนสันเห็นหลั่งน้ำตาออกมายกใหญ่ หัวใจน้อย ๆ ของเขาก็เริ่มตื่นตระหนกอย่างมาก ในตอนนั้นเอง เซ็ตตี้น้อยก็แอบเปิดประตูออกมานั่งยอง ๆ อยู่ที่บันไดบนทางเดินชั้นสองเพื่อสังเกตสถานการณ์ที่ชั้นล่างเจนสันส่งสัญญาณให้คู่หูของเขา เซ็ตตี้น้อยพลันวิ่งเข้าไปในห้องแล้วโทรหาเจย์ทันทีเจย์นั้นกำลังอยู่ในอารมณ์หดหู่อย่างรุนแรง เมื่
”ใครเป็นคนสอนลูกพูดเปรียบว่าจะไม่ปล่อยให้กลุ่มหมูมากินและทำลายกะหล่ำปลีที่ดีแบบนั้น”“น้าโจเซฟินครับ”โรส "... " ดูเหมือนว่าเธอกับโจเซฟินจะต้องคุยกันสายตาของเธอเปลี่ยนไปที่เจนสันที่ดูไม่สบายใจ “แล้วลูกล่ะ เจนส์? ทำไมพูดคำหยาบปัญญาอ่อนกับครูแบบนั้น?”เจนสันกัดริมฝีปากและนิ่งเงียบโรสปฏิบัติต่อลูกชายของเธอไม่เหมือนกัน นับตั้งแต่ร็อบบี้น้อยเริ่มฝึกเทควันโด เขาผ่านการฝึกฝนที่ยากลำบากมานับไม่ถ้วนและตอนนี้ก็มีผิวหนังที่แข็งเหมือนหมี เธอจะตีเขาสองสามครั้งและมันจะรู้สึกเหมือนว่าเธอกำลังกระตุ้นเขาในทางกลับกัน เจนส์เติบโตมาในครอบครัวอาเรสโดยเป็นความต้องการของเขาที่อยู่ด้วยอย่างระมัดระวัง บวกกับความหมกหมุ่นเล็กน้อยของเขา โรสยังอ่อนโยนต่อเขาเป็นพิเศษ“เจนส์ แม่จะไม่ทุบตีลูกหรือดุลูก แม่แค่อยากรู้ว่าทำไมลูกถึงพูดคำพูดที่ไร้มารยาทเหล่านั้นแม่สามารถช่วยลูกแก้ไขข้อผิดพลาดของลูกและทำให้ลูกเป็นเด็กที่โดดเด่นและน่ารักยิ่งขึ้นถ้าลูกบอกแม่ ตรง ๆ นะ”ภายใต้คำแนะนำที่อดทนและอ่อนโยนของโรสในที่สุดเจนสันก็พูดว่า “ครูพูดในบรรดาหมูน้อยสามตัว ตัวโตขี้เกียจ ตัวที่สองมีความเฉลียวฉลาดเล็กน้อย และมีเพียงตัวท
ขณะที่โรสฟังคำกล่าวหาของเจย์ที่ทำให้ใจสลายอีกครั้งจากเซ็ตตี้ เธอเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจและไม่สบายใจตั้งแต่วันที่เซ็ตตี้ย้ายเข้ามาจากโฮไรซอน คอลเลอร์ เจย์ก็ปฏิบัติกับเธอเหมือนคนนอก เจย์ที่เย็นชาและแยกตัวออกมาปฏิบัติต่อเซ็ตตี้อย่างไม่แยแส และสิ่งนี้ทำให้เซ็ตตี้สึกราวกับว่าเธอใช้ชีวิตอยู่กับเขาเหมือนถูกเมินเฉยช่วงนี้เซ็ตตี้กลายเป็นคนอึมขรึมมากขึ้นเรื่อย ๆ และยังยิ้มน้อยลงเรื่อย ๆ ซึ่งไม่ใช่สัญญาณที่ดี โรสกลัวว่าเซ็ตตี้น้อยจะเริ่มแยกตัวเองและไม่ติดต่อกันเหมือนกับเจนส์ถ้าเธอยังคงอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เธอเก็บกดตัวเองอยู่ตลอดเวลาล่ะโรสไม่รู้ว่าจะปลอบเซ็ตตี้อย่างไรเพราะโรสไม่สามารถควบคุมทัศนคติของเจย์ที่มีต่อเซ็ตตี้ได้ โรสทำได้เพียงแค่ดึงความคิดของเธอเพื่อคิดหาวิธีแก้ปัญหาโดยปล่อยเงียบ ๆ กับคำตอบนี้ไปก่อนเจย์กลับมาตั้งแต่เช้าตรู่ แต่ไม่ได้ขึ้นมาชั้นบน เขานั่งบนโซฟาและเริ่มสูบบุหรี่อย่างแรงโรสนอนไม่หลับทั้งคืน เมื่อเธอลงไปข้างล่างเพื่อหยิบเครื่องดื่มเธอเห็นเจย์นั่งอยู่บนโซฟาและเกือบจะล้มลงกับพื้นด้วยความตกใจ“ท่านอาเรส!”โรสมองเขาด้วยความประหลาดใจแทบจะไม่ทันได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของเขาจาก
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ