เมื่อไหร่ที่แองเจลีนวาดภาพเหมือนเขา มันจะดูเหมือนมีชีวิตสุด ๆจากสายตาของคนอื่น เจย์เเก่นและเข้าถึงไม่ได้—ประธานผู้ชั่วร้ายและน่าสะพรึงกลัว แต่ในสายตาของแองเจลีน ยังไงก็ตาม เขาเหมือนเด็กผู้ชายตัวใหญ่เสมอในภาพวาดของเธอ เขามักจะสวมเสื้อยืดสีขาวที่ดูเด็ก และสร้อยแพลทินัมที่มีเครื่องรางใบโคลเวอร์สี่กลีบ และรองเท้าไนกี้ ผมของเขาจะปลิวตามสายลมในขณะที่ดวงตาของเขาจะกลมโต—เด็กชายร่างใหญ่ที่มีภาพลักษณ์ที่สดใสเจย์ถือภาพวาดสุดท้ายของแองเจลีน เขารู้ดีว่ารูปวาดนี้ล้ำค่ากับเขาเพียงใดเขาเสียใจที่ทำตัวอ่อนแอเมื่อก่อนนั้น ไม่มีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความตายของแองเจลีน มันจะดีแค่ไหนหากเขาได้รู้เร็วกว่านี้ว่าแองเจลีนนั้นหวังพึ่งเขาขนาดไหนทุกคนรู้ว่าแผลเป็นที่ชัดเจนจะตกสะเก็ดและค่อย ๆ ดีขึ้นหากไม่ไปแตะต้องมัน แต่สิ่งที่เจย์ไม่คาดคิดก็คือรอยแผลเป็นที่ถูกปิดผนึกไว้ในใจของคน ๆ หนึ่งโดยเจตนาจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไปเหมือนไวน์ชั้นดียกตัวอย่างเช่นความตายของแองเจลีนหลังจากปิดผนึกไว้ในหัวใจของเขาเป็นเวลาเจ็ดปีเต็ม ในช่วงเวลาที่เจย์ได้เห็นภาพการเสียชีวิตของเธอ ความเศร้าโศกอย่างแสนสาหัสก็เร
โรสจับที่หัวใจของเธอ เด็กทุกคนคือสมบัติล้ำค่าของพ่อแม่ พ่อแม่ทุกคนคงปวดใจหากเห็นลูกของพวกเขาถูกทุบตี เธอเคยบอกร็อบบี้ เจ้าเด็กบ้านั่นหลายรอบแล้ว ว่าห้ามเขารังแกคนอื่นเพียงเพราะเขาแข็งแรง เขาออกนอกลู่นอกทางจริง ๆ แล้วเหรอครั้งนี้?เมื่อครูประจำชั้นกล่าวจบ เธอก็ไม่ได้วิจารณ์อะไรโรส เธอเพียงแค่กล่าวกับโรสด้วยท่าทางจริงจัง "คุณลอยล์ ฉันหวังว่าคุณจะเผชิญหน้ากับปัญหาของเด็ก ๆ อย่างตรงไปตรงมา และร่วมมือกับเราในการพัฒนาข้อบกพร่องของเด็ก ๆ นะคะ""แน่นอนค่ะ" โรสตอบครูประจำชั้นจากไปพร้อมรอยยิ้ม โรสมองไปที่เด็กน้อยทั้งสอง หัวเล็ก ๆ ของทั้งสองก้มลงต่ำเหมือนพวกเขากำลังจะถูกฝังดิน เซ็ตตี้น้อยเองก็ดูกังวลอย่างมาก"เงยหน้าขึ้นมา!" โรสยื่นมือของเธอออกไปดึงแก้มของพวกเขาขึ้นเธอฉีกยิ้มอย่างใจกว้างให้เจนสันและร็อบบี้น้อย "กลับบ้านกันก่อนเถอะ"เจนสันมองดูแม่ที่ดูอ่อนโยนของเขาอย่างสงสัย ไม่ใช่ว่าร็อบบี้น้อยบอกว่าคุณแม่จะดุร้ายมากเวลาอารมณ์เสียเหรอ?โรสอุ้มเซ็ตตี้น้อยไว้ในอ้อมแขนแล้วหันหลังกลับเด็กดื้อทั้งสอง ร็อบบี้น้อยและเจนสันเดินตามเธอไปพร้อมกันระหว่างทาง เจนสันเหลือบมองร็อบบี้น้อยหลายครั้งแล้
"ความแตกต่างควรถูกสร้างไว้ระหว่างชายและหญิง คุณแม่ ได้โปรดหยุดหวดก้นผม คนอื่นจะหัวเราะเยาะผมถ้ารู้เข้า" ร็อบบี้น้อยวิ่งเผ่นไปสุดทางตรงข้ามของโต๊ะดินเนอร์ยาว เขาวิ่งเป็นวงกลมหลบหนีคุณแม่ในขณะที่พยายามโน้มน้าวเธอไปด้วยในเวลาเดียวหลังจากวิ่งกันไปหลายรอบ โรสก็เหนื่อยเกินกว่าจะตามต่อ เธอใช้มือเท้าเอว หอบหายใจ "เจ้าเด็กแสบ เธอโตแล้วสินะ ใช่ไหม? ลูกรู้ว่ามันมีความแตกต่างระหว่างหญิงกับชายตอนนี้แล้วใช่ไหม หือ? ได้เลย แม่จะรักษาศักดิ์ศรีของลูกไว้และไม่จัดการก้นของลูก… ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแม่จะจับลูกไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว แม่ต้องหาไม้มาสอนบทเรียนลูกซะแล้วสิ..."โรสเริ่มหาไม้หรืออะไรที่คล้ายกันในบ้าน ด้วยความฉลาดแกมชั่วร้าย ร็อบบี้น้อยร้องไห้โฮออกมาพยายามเรียกความเห็นใจของแม่เขาเมื่อเจนสันเห็นหลั่งน้ำตาออกมายกใหญ่ หัวใจน้อย ๆ ของเขาก็เริ่มตื่นตระหนกอย่างมาก ในตอนนั้นเอง เซ็ตตี้น้อยก็แอบเปิดประตูออกมานั่งยอง ๆ อยู่ที่บันไดบนทางเดินชั้นสองเพื่อสังเกตสถานการณ์ที่ชั้นล่างเจนสันส่งสัญญาณให้คู่หูของเขา เซ็ตตี้น้อยพลันวิ่งเข้าไปในห้องแล้วโทรหาเจย์ทันทีเจย์นั้นกำลังอยู่ในอารมณ์หดหู่อย่างรุนแรง เมื่
”ใครเป็นคนสอนลูกพูดเปรียบว่าจะไม่ปล่อยให้กลุ่มหมูมากินและทำลายกะหล่ำปลีที่ดีแบบนั้น”“น้าโจเซฟินครับ”โรส "... " ดูเหมือนว่าเธอกับโจเซฟินจะต้องคุยกันสายตาของเธอเปลี่ยนไปที่เจนสันที่ดูไม่สบายใจ “แล้วลูกล่ะ เจนส์? ทำไมพูดคำหยาบปัญญาอ่อนกับครูแบบนั้น?”เจนสันกัดริมฝีปากและนิ่งเงียบโรสปฏิบัติต่อลูกชายของเธอไม่เหมือนกัน นับตั้งแต่ร็อบบี้น้อยเริ่มฝึกเทควันโด เขาผ่านการฝึกฝนที่ยากลำบากมานับไม่ถ้วนและตอนนี้ก็มีผิวหนังที่แข็งเหมือนหมี เธอจะตีเขาสองสามครั้งและมันจะรู้สึกเหมือนว่าเธอกำลังกระตุ้นเขาในทางกลับกัน เจนส์เติบโตมาในครอบครัวอาเรสโดยเป็นความต้องการของเขาที่อยู่ด้วยอย่างระมัดระวัง บวกกับความหมกหมุ่นเล็กน้อยของเขา โรสยังอ่อนโยนต่อเขาเป็นพิเศษ“เจนส์ แม่จะไม่ทุบตีลูกหรือดุลูก แม่แค่อยากรู้ว่าทำไมลูกถึงพูดคำพูดที่ไร้มารยาทเหล่านั้นแม่สามารถช่วยลูกแก้ไขข้อผิดพลาดของลูกและทำให้ลูกเป็นเด็กที่โดดเด่นและน่ารักยิ่งขึ้นถ้าลูกบอกแม่ ตรง ๆ นะ”ภายใต้คำแนะนำที่อดทนและอ่อนโยนของโรสในที่สุดเจนสันก็พูดว่า “ครูพูดในบรรดาหมูน้อยสามตัว ตัวโตขี้เกียจ ตัวที่สองมีความเฉลียวฉลาดเล็กน้อย และมีเพียงตัวท
ขณะที่โรสฟังคำกล่าวหาของเจย์ที่ทำให้ใจสลายอีกครั้งจากเซ็ตตี้ เธอเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจและไม่สบายใจตั้งแต่วันที่เซ็ตตี้ย้ายเข้ามาจากโฮไรซอน คอลเลอร์ เจย์ก็ปฏิบัติกับเธอเหมือนคนนอก เจย์ที่เย็นชาและแยกตัวออกมาปฏิบัติต่อเซ็ตตี้อย่างไม่แยแส และสิ่งนี้ทำให้เซ็ตตี้สึกราวกับว่าเธอใช้ชีวิตอยู่กับเขาเหมือนถูกเมินเฉยช่วงนี้เซ็ตตี้กลายเป็นคนอึมขรึมมากขึ้นเรื่อย ๆ และยังยิ้มน้อยลงเรื่อย ๆ ซึ่งไม่ใช่สัญญาณที่ดี โรสกลัวว่าเซ็ตตี้น้อยจะเริ่มแยกตัวเองและไม่ติดต่อกันเหมือนกับเจนส์ถ้าเธอยังคงอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เธอเก็บกดตัวเองอยู่ตลอดเวลาล่ะโรสไม่รู้ว่าจะปลอบเซ็ตตี้อย่างไรเพราะโรสไม่สามารถควบคุมทัศนคติของเจย์ที่มีต่อเซ็ตตี้ได้ โรสทำได้เพียงแค่ดึงความคิดของเธอเพื่อคิดหาวิธีแก้ปัญหาโดยปล่อยเงียบ ๆ กับคำตอบนี้ไปก่อนเจย์กลับมาตั้งแต่เช้าตรู่ แต่ไม่ได้ขึ้นมาชั้นบน เขานั่งบนโซฟาและเริ่มสูบบุหรี่อย่างแรงโรสนอนไม่หลับทั้งคืน เมื่อเธอลงไปข้างล่างเพื่อหยิบเครื่องดื่มเธอเห็นเจย์นั่งอยู่บนโซฟาและเกือบจะล้มลงกับพื้นด้วยความตกใจ“ท่านอาเรส!”โรสมองเขาด้วยความประหลาดใจแทบจะไม่ทันได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของเขาจาก
“ฉันพูดถูก นายเองที่แอบชอบฉัน”โรสกล่าวว่า “ท่านอาเรส นายออกรายการทีวีตลอดเวลาและมีสายตาที่น่ารักให้กับผู้หญิงทุกคน จำนวนผู้หญิงที่แอบชอบนายมากพอที่จะสร้างเป็นวงกลมที่สมบูรณ์รอบโลก มันเป็นเรื่องปกติอย่างยิ่งที่ฉันจะตกหลุมรักกับนายในตอนนั้นเพราะฉันไม่สามารถต้านทานเสน่ห์ของนายได้นั้นล่ะ!”เขาซักถามเธอมาเป็นเวลานานและคำตอบที่ได้รับจากเธอก็ทำให้เธอเสียใจ เขาปล่อยไหล่ที่จับไว้แน่นของเธอด้วยความหงุดหงิดและเดินโซซัดโซเซกลับไปบนโซฟา“ท่านอาเรส!”“ปล่อย!”วันนี้โรสไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาในขณะที่เธอไม่สามารถคาดคั้นสิ่งที่เขาพูดในคืนนี้ได้ กลัวว่าเขาจะทำเรื่องยุ่งยากให้เธออีก เธอรินน้ำให้ตัวเองหนึ่งแก้วแล้วหนีไปทันทีที่เธอวิ่งขึ้นบันได เธอสังเกตเห็นว่าเจย์เดินไปนั่งบนโซฟา“นายโอเคใช่ไหม อาเรส?” โรสยังคงเป็นห่วงเขา ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหันกลับไปหลังจากวางมือลงบนหน้าผากของเจย์ เธอก็รู้ว่าเขากำลังมีไข้โรสเปิดไฟเพื่อหาเทอร์โมมิเตอร์ เมื่อเธออ้าปากเขาเพื่อใช้ที่วัดอุณหภูมิเข้าไปวัดไข้ เธอสังเกตเห็นจุดสีแดงโผล่ขึ้นมาที่เยื่อบุด้านในของปากของเจย์โรสรีบพับแขนเสื้อขึ้น ด้วยความตื่น
ภายใต้การเล้าโลมการหลอกล่อและเล่ห์เหลี่ยมอย่างต่อเนื่องของโจเซฟิน โรสไม่ยืนกรานและไม่ได้ไปโรงพยาบาลอีกต่อไปโชคดีที่ตัวชี้วัดของการตรวจเลือดที่หมอทำกับเจย์นั้นเป็นโชคที่ดีที่เขาไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง ดังนั้นเขาจึงถูกย้ายไปที่ห้องพักฟื้นทั่วไป แต่เมื่อโรสเข้ามาในห้องพักฟื้น เธอได้รับการต้อนรับด้วยใบหน้าที่บูดบึ้งของเจย์และออร่าที่ไม่พึงประสงค์ที่เล็ดลอดออกมาจากเขาบนเตียงโรงพยาบาลข้าง ๆ เขาคือคนไข้หญิงสาวที่จ้องมองไปที่เจย์เหมือนคนโง่ที่หลงรักทันทีที่โรสเข้ามา เจย์ก็โกรธมากเมื่อเขาถามเธอ “ทำไมเธอถึงจองห้องพักฟื้นทั่วไปให้ฉัน?”เมื่อเห็นว่าเขาเป็นคนที่มีความอดทน ประกอบกับคำพูดของโจเซฟินในช่วงก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการที่บริษัทของเขาประสบปัญหา ซึ่งเป็นสิ่งที่บังคับให้เขาต้องเข้าสังคมแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ดื่มไม่เก่งก็ตาม... โรสเห็นอกเห็นใจเจย์จากก้นบึ้งของหัวใจและปลอบใจเขาในทางที่ดีว่า “ฉันไม่ได้เป็นคนจองห้องพักฟื้นทั่วไปให้นาย หมอเป็นคนตัดสินใจโดยพิจารณาจากความรุนแรงของอาการป่วยของนาย”“ฉันต้องการออกจากโรงพยาบาลเดี่ยวนี้” เจย์สั่งอย่างโมโหโรสเหลือบมองไปที่ผื่นขึ้นที่หลังมือของเขาและปลอ
“หลังจากที่พูดกันจบและเคลียร์เรื่องห้องเสร็จแล้ว เธอก็ไม่ได้เป็นอะไรนอกจากคนจน” เจย์หัวเราะเยาะโรสไม่อยากทะเลาะกับเขา เธอจึงนั่งลงข้าง ๆ และเริ่มปอกแอปเปิ้ลให้เขา หลังจากหั่นแอปเปิ้ลเป็นชิ้น ๆ แล้วเธอก็จุ้มมันลงในน้ำเดือดก่อนที่จะนำมาวางต่อหน้าเจย์เจย์จ้องมองไปที่แอปเปิ้ลในน้ำอุ่น ซึ่งมีร่องรอยของความสับสนที่มองไม่เห็นเล็ดลอดออกมาจากดวงตาของเขาแองเจลีนมีนิสัยชอบต้มผลไม้ในน้ำเดือดด้วยเช่นกันหลังจากวางจานผลไม้ลงบนโต๊ะข้าง ๆ เขาแล้ว โรสก็หันกลับมาและเดินจากไป เธอยืนนิ่งอยู่ในจุดที่ห่างไกลจากเขามากเธอพยายามรักษาระยะห่างจากเขาเสมอเพื่อที่เขาจะได้ไม่พบว่าเธอยังคงมีความรู้สึกไม่พอใจอยู่ลึก ๆเมื่อมองไปที่โรสที่เชื่อฟังอย่างน่าปวดหัว เจย์รู้สึกสับสนและอึกอักอย่างที่สุดเธอจำทุกคำพูดที่เจ็บปวดที่เขาพูดกับเธอและยังเชื่อฟังคำสั่งของเขาเป็นอย่างดีหากสิ่งนี้เกิดขึ้นในอดีต เขาจะต้องพอใจกับการเชื่อฟังของเธออย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ไม่ทราบสาเหตุความรู้สึกเหยียดและข่มขืนในหัวใจของเขาเมื่อเขาเห็นเธอรักษาระยะห่างจากเขาเจย์ทรุดตัวลงพิงหมอน เขากำลังต่อสู้กับควา