เจย์มองคนจองหองตรงหน้าแล้วคิดกับตัวเอง 'ในเมื่อเธอไม่อยากเป็นคนใช้ของฉัน ฉันก็จะหาทางทำให้เธอกลายเป็นคนใช้ของตระกูลอาเรสโดยไม่รู้ตัว'"ครั้งหน้า ฉันจะกินอาหารกับเด็ก ๆ ฉันจะกินทุกอย่างที่เธอทำและจ่ายเงินให้ เงิน 20,000 ต่อเดือนฟังดูเป็นไง? เธอยังสามารถเพลิดเพลินกับสุดสัปดาห์และวันหยุดได้ เธอคิดว่ายังไง?" เจย์วางกับดักสำหรับเหยื่อของเขาโรสคิด 'ฉันต้องทำอาหารให้เด็ก ๆ ทุกวันอยู่แล้ว มันไม่ได้ยุ่งยากที่จะทำมากกว่าปกติเพื่อเขาอกคน และฉันก็ยังได้เงินพิเศษอีก 20,000 ทำไมจะไม่เอาล่ะ?"ดีล" โรสหยิบจานของเจย์ไปอย่างอารมณ์ดีแผนการสำเร็จภายใต้ดวงตาของเจย์คืนนั้นเอง เจย์ไปที่ห้องทำงานของเขาพร้อมถือเอกสารไปด้วย เมื่อเขาออกมา เขาก็พบว่าเจนสันและร็อบบี้น้อยไม่ได้อยู่ในห้องของพวกเขาเขามองดูนาฬิกาข้อมือแล้วพบว่ามันเป็นเวลาเข้านอนของพวกเขาแล้วเจย์ได้ยินเสียงชัดเจนออกมาจากห้องของโรส การแสดงออกบนสีหน้าหล่อเหลาของเขามืดลง เจย์เป็นพวกนักเรียนที่มีพรสวรรค์ เขาไม่ต้องเรียนหนักแต่ก็ยังเป็นอันดับหนึ่งในทุกวิชา ดังนั้นเขาจึงเกลียดคนที่จัดกิจกรรมนอกเวลาอะไรให้เด็ก ๆ ทั้งวันทั้งคืน เจย์ไม่พอใจที่โรสยึด
เกรย์สันรายงาน "ท่านประธาน เราได้ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดของโรส ลอยล์ แล้ว แต่เราไม่สามารถหาข้อมูลของเธอตั้งแต่เจ็ดปีก่อนจนถึงวันนี้ได้เลย คุณไม่คิดว่ามันน่าตลกเหรอครับ?"ดวงตาเหยี่ยวของเจย์กลายเป็นเฉียบคม ด้วยความสงสัยที่ห่อหุ้มดวงตาเย็นชาทรงลูกพีชของเขาในสังคมปัจจุบันที่อินเทอร์เน็ตเป็นข้อได้เปรียบ มันเป็นเรื่องปกติที่จะมีข้อมูลของใครหายไป มากไปกว่านั้น สิ่งที่หายไปคือข้อมูลของโรส ซึ่งไม่ได้นานมากนักในสมัยที่อินเทอร์เน็ตยังไม่ได้พัฒนามาก มันไม่กี่ปีเท่านั้นเอง นี่แปลว่ามีคนน่าสงสัยอยู่ในเรื่องนี้"สืบต่อไป!" เจย์สั่ง"รับทราบครับท่านประธาน"เจย์จัดการงานของเขาก่อนจะเข้านอนเมื่อเขาปิดตาลง หัวของเขาก็แสดงเสียงของโรสที่กำลังท่อง 'ถึงต้นโอ๊ก' อย่างไม่น่าเชื่อ สำเนียงที่นำมาซึ่งการรักษาอันอบอุ่น มันทำให้เขาหยุดตัวเองไม่ให้คิดเรื่องแองเจลีนไม่ได้เลยนอกจากเนื้อเสียงที่ต่างกัน โทนเสียงของแองเจลีนและโรสตอนที่ท่องกวีนั้นเหมือนกันจนน่าตกใจเจย์กลิ้งไปมา มันยากที่เขาจะทำใจนอนได้ ในที่สุด เขาก็เปิดแอปเสียง เขาสวมหูฟัง แล้วฟังเสียงฝนตลอดทั้งคืน เขาไม่รู้ว่าเขาผลอยหลับไปตอนไหนบางทีอาจเป็นเ
เจย์ขยี้หัวลูกชายของเขา แต่เมินเฉยตัวตนของเซ็ตตี้ เขาไม่ได้สังเกตเลยว่าความไม่รับรู้ของเขานั้นทำให้ความอาฆาตพยาบาทของเซ็ตตี้มากขึ้นเจย์เดินขึ้นชั้นบนแล้วเคาะประตูห้องของโรส ดวงตาซึมเซาของโรสพบเข้ากับเจย์ที่กำลังโกรธ "ท่านอาเรส มีอะไรเหรอ?""มื้อเช้า" เขาพูดออกมาแค่สองพยางค์ลอดไรฟันออกมาโรสพลันตื่นเต็มที่ "อ้า ฉันขอโทษ ฉันจะไปทำให้เดี๋ยวนี้"อย่างไรก็ตาม เธอยังอยู่ในชุดผ้าฝ้าย แขนสั้น ชุดนอนของเธอ เธอต้องการเปลี่ยนมันและออกจากห้อง แต่เจย์ยังอยู่ที่ประตู ดูเขาไม่ต้องการจะไปไหนเจย์ดูรูปปิกาจูบนชุดนอนเธอ มีความหยอกล้อในสายตาเขาโรสปิดลายเด็กน้อยบนอกของเธอแล้วหน้าแดง "หยุดมองได้แล้ว!"เจย์กล่าวอย่างเย็นชา "ไม่ต้องห่วง ต่อให้เธอแก้ผ้าต่อหน้าฉัน ฉันก็ไม่สนใจหุ่นแบน ๆ ของเธอหรอก"ดวงตาของโรสเบิกกว้าง 'ฉันหุ่นแบนเหรอ? เหลวไหล ร่างกายของฉันมีสัดส่วนสมบูรณ์แบบ ก็แค่ชุดนอนนี่หลวมไปเลยปิดทรวดทรงของฉันต่างหาก'ในขณะที่เจย์กำลังจะหันหลังจากไป...เจนสันลุกออกจากเตียง เมื่อเจย์เห็นเจนสัน เขาก็จ้องโรส "ทำไมเจนสันมาอยู่ห้องเธอ?" 'ชัดเจนว่าโรสมีเจตนาที่ไม่ดูในการเข้าหาเจนสัน'เมื่อเห็นความระ
มีคนไม่มากนักในโลกนี้ที่จะได้รับการปฏิบัติอย่างอ่อนโยนจากความเย็นชาและไร้หัวใจของเจย์ ชีวิตก่อนของเธอ แองเจลีน เซเวียร์ ได้เสียสละตัวเองต่อก็ยังไม่สามารถทำให้หัวใจเหล็กกล้าเย็น ๆ ของเขาอบอุ่นขึ้นได้ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะกลายเป็นอ่อนโยนขนาดนี้กับลูกของเขาโรสคิดเรื่องไร้สาระไปเรื่อยจนเจย์เตือนเธออย่างเย็นชา "ไปทำมื้อเช้า"โรสเข้าใจว่าเธอจะไม่มีทางได้รับความอ่อนโยนจากเขา ในชีวิตที่แล้วของเธอเป็นยังไง ชีวิตนี้ก็เป็นแบบนั้นโรสพุ่งลงไปชั้นล่างเจย์เดินไปในห้องแล้วนั่งลงบนขอบเตียงก่อนจะขยี้หัวเจนสัน เขาสอบถามอย่างนุ่มนวล "ลูกฝันร้ายอีกแล้วเหรอ?"สายตาของเขาเจนสันมืดลง เขามีขอบตาดำรอบดวงตา เป็นเครื่องยืนยันว่าเขานอนไม่ค่อยหลับดีนัก เจนสันมองเจย์ แม้ว่าปากเขาจะสั่นเล็ก ๆ แต่ก็ไม่มีคำพูดหลุดออกมาเจย์กอดลุกเขาอย่างอ่อนโยน "เจนส์ มีอะไรกำลังรบกวนลูกอยู่รึเปล่า?"เจย์คิดไม่ออกว่าทำไมเจนส์ถึงยอมบอกเรื่องฝันร้ายกับโรส แต่ปฏิเสธจะบอกกับเขาเจย์ยอมรับว่าเขาไม่ได้ยิ้มเป็นปกติ และมักจะมอบความรู้สึกเฉยเมยให้คนอื่น อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาอยู่กับลูก ๆ ของเขา เขาก็เปลี่ยนเป็นคนละคน—อ่อนโยนและมอบความร
"คุณลุง ถ้าคุณไม่ชอบนมถั่วเหลืองกับปาท่องโก๋ คุณก็ไม่ต้องกินมันสิคะ ไม่มีใครบังคับให้คุณกินมันเสียหน่อย" เสียงแผ่วเบาและน่ารักของเซ็ตตี้นั้นกลับก้องกังวาลในหูของเจย์ ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกเหมือนชีวิตเขาเริ่มไร้ความหมายเด็กน้อยคนนี้มักต่อรองกับเขาเสมอเจย์ขมวดคิ้วแล้วมองเซ็ตตี้น้อย "แม่ของเธอไม่สอนเหรอว่าไม่ควรพูดตอนกินข้าว?"ไม่มีใครคาดคิดว่าเซ็ตตี้จะยกหัวของเธอขึ้นมาแล้วสวนกลับ "คุณลุง งั้นทำไมคุณถึงยังไม่หยุดพูดล่ะคะ?"เจย์หมดคำพูดโรสช่วยไม่ได้ที่จะต้องจับหัวของเซ็ตตี้อย่างนุ่มนวล การกระทำของเธอมันชัดเจนว่าเธอกำลังให้กําลังใจเซ็ตตี้ดวงตาดั่งลูกศรของเจย์พุ่งเข้าใส่โรสรอยยิ้มบนใบหน้าโรสหยุดนิ่ง เธอรีบก้มหน้าแล้วเคี้ยวปาท่องโก๋ต่อหลังจากมื้อเช้า เจย์นั้นไม่ได้รีบไปทำงานมากนัก เขาเรียกโรสมา เสียงของเขาไม่ได้ดูกระตือรือร้นในการปรึกษา เขาแค่อยากจะบอกเธอว่าเธอต้องพาร็อบบี้น้อยกับเจนสันไปสมัครโรงเรียนอนุบาลใหม่ข่าวนี้เหมือนฟ้าผ่ากลางวันแสก ๆ มันทำให้โรสกระอักกระอ่วน"แล้วเซ็ตตี้ล่ะ?" โรสโพล่งออกมามีความยินดีในสายตาของเจย์เมื่อมองไปที่โรส "ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องรับผิดชอบและเลี
เจย์พบผู้คนในทางเดินชีวิตมามากมาย คนประเภทที่เขาพบมากที่สุดคือพวกคนที่จนและไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง แต่พวกเขาก็ยังทะนงตัว เมื่อความจริงอันโหดร้ายตบเข้าที่หน้าของพวกเขา พวกเขาก็จะเปลี่ยนจากจนแค่ภายนอกเป็นจนทั้งจิตใจและวิญญาณโรส ลอยล์ เคยถูกเจย์กำหนดว่าเป็นคนแบบนั้นเจย์ไม่ได้คิดมากอีกเมื่อโรสขอกู้เงินจากเขา "รอจนกว่าจะถึงวันที่เธอมีปัญญาพอ แล้วค่อยมาคุยเรื่องความรับผิดชอบหน้าที่กับฉัน"โรสกัดริมฝีปากของเธอ เจย์ดูถูกเธอและไม่เชื่อว่าเธอจะสามารถจ่ายคืนเขาได้ตอนนี้ เธอมีปัญหาเร่งด่วนเพิ่มขึ้น ปัญหาเรื่องโรงเรียนของร็อบบี้น้อยและเจนสันถูกจัดการแล้ว อย่างไรก็ตาม เซ็ตตี้นั้นจะไม่ได้เข้าร่วมกับโรงเรียนอนุบาลในเครือของโฮไรซอน คอลเลอร์โรงเรียนอนุบาลในเครือของโฮไรซอน คอลเลอร์ นั้นโดยหลักแล้วถูกก่อตั้งขึ้นให้เจ้าของที่ดินในโฮไรซอน คอลเลอร์ได้ใช้ มันมีที่ว่างจำกัดมากสำหรับเด็กที่มาจากด้านนอกโฮไรซอน คอลเลอร์ คนที่อยากเข้ามาโฮไรซอน คอลเลอร์ ต้องมีเส้นสายที่ดีภายใน และพวกเขาต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเข้าโรงเรียนเพิ่มมากขึ้นด้วยสำหรับเจย์ ความประทับใจของเขาต่อเซ็ตตี้คือ ลูกสาวของภรรยาเก่า ซึ่งเป็นลูก
"คุณแม่ขา เขาพาแค่ร็อบบี้น้อยกับเจนสันออกไปเล่น แต่ทิ้งหนูอยู่บ้าน" เซ็ตตี้หันมองแม่ของเธอ ความผิดหวังในดวงตาของเธอไม่หายไปไหน"เซ็ตตี้ ลูกอยากออกไปเล่นไหม? แม่พาลูกออกไปดีไหม?" โรสเดินมาแล้วนั่งข้างเซ็ตตี้เซ็ตตี้มองดูบ้านหลังโตที่สวยงาม เธอพลันรู้สึกเศร้าแล้วถอนหายใจ "คุณแม่ หนูไม่ชอบที่นี่เลย"โรสตะลึงระยะห่างระหว่างเซ็ตตี้และโรสกว้างขึ้นเร็วมาก หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ มันอาจกว้างและลึกจนสุดท้ายก็ไม่มีวันรักษาหาย"เซ็ตตี้ ลูกอยากให้คุณพ่อของลูกรู้เรื่องลูกไหม?" โรสถามอย่างกังวลเธอลังเลอยู่นานกับคำถามนี้ ในอดีต เธอตั้งใจเก็บเด็กทั้งสองไว้อย่างเห็นแก่ตัวเพื่อที่เธอจะไม่มีวันพรากจากพวกเขา ยังไงก็ตาม เรื่องไม่ได้เป็นไปตามที่เธอวางไว้ เธอพลาดในการซ่อนร็อบบี้น้อย ปล่อยให้ร็อบบี้น้อยและเจย์รู้จักกันต่อมา เธอก็ตัดสินใจซ่อนเซ็ตตี้จากเขา อย่างน้อยถ้าเซ็ตตี้อยู่กับเธอ เธอก็ยังมีใครให้พึ่งพา อย่างไรก็ตาม แต่ละครั้งที่เธอเห็นความผิดหวังและความเศร้าในดวงตาของเซ็ตตี้ ครั้งใดที่เธอถูดเมินโดยพ่อของเธอ โรสก็เริ่มสั่นไหวเธอรู้สึกว่าเธอเห็นแก่ตัวจนทำร้ายเซ็ตตี้ เธอกังวลว่าหากเธอถูกเมินจากพ่อข
เจย์มองดูตุ๊กตาในมือของเขาด้วยใบหน้าเคร่งขรึม จากนั้น เขาก็จ้องไปที่ห้องของหมั่นโถวน้อย หลังจากเซ็ตตี้เข้าห้องไป เธอก็กระแทกประตูเสียงดังจนสะเทือนไปทั้งบ้าน มันชัดเจนเลยว่าเธอกำลังอยู่ในอารมณ์บูดแบบสุด ๆเจย์รู้สึกว่าอารมณ์ของหมั่นโถวน้อยนั้นรุนแรงและแปลก เขาเดาว่าเธอคงเกิดมาแบบนั้น และมันคงไม่มีอะไรให้เขาต้องทำอารมณ์ของเขาดีขึ้นหลังจากเขาปลอบใจตัวเองภายในห้องนอน เซ็ตตี้ซ่อนตัวใต้ผ้าห่มและปาดน้ำตาเงียบ ๆ โรสมองดูมนุษย์ตัวน้อยที่กำลังรู้สึกเสียใจอย่างมาก และรู้สึกว่าเธอคงไม่สามารถเมินเฉยต่อสุขภาพจิตของเซ็ตตี้ได้เพียงเพราะเธอต้องการเก็บเซ็ตตี้ไว้กับเธอ"เซ็ตตี้น้อย ลูกอยากให้เขาพาลูกออกไปด้วยใช่ไหม?" โรสนั่งข้างเซ็ตตี้น้อย เสียงของเธออ่อนโยนและผ่อนคลายเซ็ตตี้ยกใบหน้าขึ้นมาจากน้ำตาแล้วพยักหน้า เสียงอ่อน ๆ และน่ารักของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและสงสัย "คุณแม่ ทำไมคุณลุงถึงไม่ชอบหนู?"โรสคิด เธอจะตอบยังไงดี? เหตุผลที่เจย์ไม่ชอบเซ็ตตี้ก็เพราะโรสเอง เพราะเขาไม่ชอบโรส เขาจึงไม่ชอบลูกสาวของเธอด้วยเช่นกันทำไมเจย์ถึงไม่ชอบโรส? เพราะว่าเขาเป็นพวกทะนงตนที่ไม่สนใจคนแบบโรสที่เกิดมาอย่างผิดธ
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ