เกรย์สันนั้นสุภาพอย่างยิ่งยวดเมื่อเขาพูดกับเชอร์ลีย์ “พี่ครับ ให้ผมอุ้มนะครับ”เชอร์ลีย์ยังคงอ่อนแออยู่ ดังนั้นเธอก็ไม่พยายามแสร้งทำว่าตัวเองแข็งแกร่ง เพราะฉะนั้นเธอจึงตกลงเซย์นร้องครางหงิง ๆ เมื่อได้เห็นเช่นนั้น แค่เดินเองเขาก็หอบแฮ่กแล้วแต่เขายังต้องมาคำนึงถึงศักดิ์ศรีตัวเองด้วย ดังนั้นเขาจึงพูดกับโจเซฟินว่า “ที่รัก ให้ฉันอุ้มนะ”โจเซฟินเห็นหน้าเซย์นซีดเผือดไม่รู้ว่าเพราะอากาศที่หนาวเย็นหรือว่าเพราะความอ่อนแอของเขา เธอจึงตอบว่า “ฉันเดินเองได้ แค่ไม่ต้องให้ฉันอุ้มนายก็พอ”เซย์นนั้นซาบซึ้งใจมาก “ชีวิตนี้ฉันได้แต่งงานกับผู้หญิงดี ๆ แบบนี้คงเพราะชาติที่แล้วฉันทำบุญมาเยอะแน่”เจย์นั้นชิงชังความทึ่มทื่อของเซย์นมากและสวนกลับไปทันที “ถ้าเป็นแบบนั้นการที่โจเซฟินต้องมาลงเอยกับนายก็คงเป็นเพราะชาติก่อนเธอทำบาปมามากแน่ ๆ”โจเซฟิน “...”เซย์น “...”เมื่อผู้นำทางหญิงได้พาพวกเขาลงมาที่ถนนบนเขาที่ค่อนข้างเรียบแล้ว พวกเขาก็มาถึงทางแยกที่ลงเขา ผู้นำทางได้หยุดก่อนที่จะหันมาถามว่า “ถนนทางซ้ายนี้ตามประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่าได้คร่าชีวิตคนไปถึง 382 คนแล้ว ส่วนทางขวาก็มีนักท่องเที่ยวตายไปประมาณ 283
สเปนเซอร์พูดอย่างมีโทสะ “คาร์สัน แกส่งมันกลับคืนมาทำไม?”คาร์สันเงียบถึงอย่างไรเขานั้นก็เป็นคนของโคล แล้วเขาจะหักหลังนายน้อยของเขาง่าย ๆ ได้อย่างไรกัน?สเปนเซอร์ถอนใจ “เฮ้อ หิมะก็ตกมานานแล้ว ไม่รู้ทองคำแท่งในห้องเก็บสมบัติของฉันจะขึ้นราหรือยัง? ครอบครัวฉันก็ไม่มีทายาท แล้วอนาคตใครจะมาดูแลทองพวกนี้ให้ฉันกันนะ?”ความทุ่มเทที่คาร์สันมีให้กับนายน้อยของเขานั้นไม่สามารถเอาชนะเงินทองที่ยั่วใจได้ เขารีบเปลี่ยนข้างและเอานิ้วมาจิ้มโคลก่อนบอกว่า “นายท่านครับ นายน้อยบอกว่าท่านน่ะมีคนรักมากมายในชีวิตนี้ และก็ทำให้บรรดาสาว ๆ ทั้งหลายที่เคยคบหากับท่านต่างก็อกหัก ต้นกระบองเพชรนี้น่าจะเหมาะกับท่านมากกว่าเพราะว่ามันมีหนามเพียบ”โคลหน้าเคร่งมองคาร์สันด้วยดวงตาเปี่ยมโทสะจากด้านหลัง เขาพูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า “แก ไอ้คนเฮงซวย เงินสำคัญกับแกมากหรือไง? ทำไมแกถึงได้ทำงานไม่มีความเป็นมืออาชีพขนาดนี้?”คาร์สันรีบไปแอบอยู่หลังประมุขของตระกูล เมื่อมีสเปนเซอร์คอยหนุนหลังคาร์สันก็ยิ่งได้ใจ“ผมเห็นด้วยกับคุณทุกอย่างครับนายน้อย แต่ว่าผมก็แค่เข้าข้างนายท่านเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับการหาภรรยาของคุณ มุมมองทางด้านคว
สเปนเซอร์กระเด้งตัวจากเก้าอี้เอนหลังอย่างกระฉับกระเฉงราวกับได้เจอทอง“ลูกสะใภ้ฉันขึ้นเขามาเหรอ เร็วเข้าไปปิดค่ายกลให้หมด”คนให้ห้องโถงทั้งหมดต่างก็พากันอึ้งไปหนึ่งในผู้หญิงของเขาเอ่ยเตือนขึ้นมาว่า “นายท่านคะ ท่านจะปิดค่ายกลทั้งหมดได้ยังไงคะ? หากว่ามีคนร้ายฉวยโอกาสเข้ามาล่ะ?”ความหวาดกลัวความตายของสเปนเซอร์หายไปล้ว “พวกยอร์กเรามีตั้ง 108 ป้อม แต่เราจะกลัวแค่นักท่องเที่ยวไม่กี่คนเหรอ? หากว่าเรื่องนี้หลุดออกไปคนจะมองเรายังไง?”อนุของเขาพลันเงียบไปช่วงหลายปีที่ผ่านมา นายท่านได้พยายามบังคับให้นายน้อยแต่งงานแล้วก็มีทายาม แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว หากว่ามีผู้หญิงที่ทำให้นายน้อยปลงใจได้ นายท่านก็ต้องปฏิบัติต่อเธอเหมือนผู้มีพระคุณแน่นอนสเปนเซอร์ปิดตัวกั้นถนนที่เข้ามาในภูเขาและโคลก็เร่งออกไปข้างนอกสเปนเซอร์จะพลาดวันสำคัญของลูกชายไปได้อย่างไรกัน? เขารีบรวบรวมคนและสั่งการพวกเขา “ไปเตรียมแตรและเครื่องเป่ามาเล่นต้อนรับว่าที่ลูกสะใภ้ของป้อมตระกูลยอร์กด้วย”“ครับ”เวลาเดียวกัน เจย์ก็เลือกที่จะเดินไปถนนด้านซ้าย แต่ไม่นานเขาก็ตระหนักได้ว่าถนนเส้นนี้ท้าทายและอันตรายมากกว่าเซย์นและโจเซฟินที่เดิน
เจย์มองเซย์น แม้ว่าเสียงของหมอนี่จะโดนแปลงไป แต่เขาก็ยังสติแตกเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานอยู่เหมือนเดิม หากว่ามองดูเซย์นอย่างตั้งใจแล้วก็จะรู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาเขายังคงกดดันเซย์นต่อ “ถ้านายไม่อยากตาย ก็หุบปากซะ”ประโยคนี้เหมือนคำศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้เซย์นหุบปากฉับไม่นานปาฏิหาริย์ก็บังเกิดเหมือนกับว่ามีนางฟ้ามาเสกมนตร์ให้กับถนนบนเขานี้ จู่ ๆ พื้นถนนก็ราบเรียบ หิมะหนาก็ราวกับว่าโดนกวาดออกไปจนหมดเผยให้เห็นต้นไม้สีเขียวสดเซย์นพูดด้วยความกลัวที่ยังมีอยู่ในใจ “คนที่รอดจากวิกฤติรอบนี้ไปได้ จากนี้ต้องโชคดีแน่”ทั้งโจเซฟีนและพี่เชอร์ลีย์ต่างก็แสดงท่าทางยินดีที่รอดพ้นหายนะมาได้ใบหน้าหล่อเหลาของเจย์จู่ ๆ ก็เย็นชายิ่งกว่าหิมะที่อยู่รายรอบ เขารู้ดีว่าสาเหตุที่ทำให้ค่ายกลนั้นโดนปิดก็เป็นเพราะว่าแองเจลีนใช้ชื่อของตัวเองเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนเขานึกด่าโคลในใจ ‘ไอ้หนอนสวะ’แองเจลีนคิดบางอย่างได้และรีบบอกเจย์ “ที่รักคะ พอเราเข้าไปที่ป้อมแล้ว คุณต้องไม่เปิดเผยตัวตนนะ ถ้าเราจำเป็นต้องทำก็ให้ฉันเป็นคนจัดการเอง ฉันคิดว่าโคล ยอร์กคงไม่สร้างปัญหาให้ฉันหรอก”ขณะที่เจย์กำลังจะเอ่ยขัด แองเจลีนก็บอกว่า “ถ้าไม่อด
ดวงตาที่ก่อนนี้แฝงความรักใคร่แฝงไว้ด้วยความระแวดระวังและความเป็นศัตรู “แกต้องแน่ใจนะโคล อย่าพาพวกศัตรูเข้าบ้านเรา”ตอนนี้เจย์และคนที่เหลือต่างก็อยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้วโคลจ้องหน้าแต่ละคนอย่างพินิจพิเคราะห์และไม่เห็นคนที่เขามองหา เขารู้สึกว่าความหวังที่มีพลันหายไปและแสงระยิบระยับในดวงตาเขาก็จางหายไป“แองเจลีนอยู่ไหน?” ตอนนี้เขาห่อเหี่ยวมาก เสียงที่เคยกระตือรือร้นก็หดหู่ทันใดแองเจลีนพูดเบา ๆ “ฉันแองเจิล ลินน์ค่ะ” เธอเปลี่ยนแปลงเสียงของเธอโคลยังคงจ้องแองเจลีนไม่วางตา…แม้ว่าจะปลอมตัวแต่แองเจลีนก็ยังคงมีรูปหน้าที่งดงามไว้อยู่ แต่ว่าหน้าของเธอก็ไม่เหมือนเดิมเลยสักนิดโคลจำแองเจลีนไม่ได้และรู้สึกว่าโดนหลอก เขาโมโหปรี๊ดทันที “เธอบอกว่าตัวเองชื่อแองเจลีนเหรอ?”แองเจลีนแสร้งทำเป็นหวาดกลัว “ค่ะ ใช่ค่ะ”“เธอกล้าโกหกฉันเหรอ?” โคลโมโหเดือดแองเจลีนพูดทั้งน้ำตา “คุณคะ ฉันไม่ได้โกหกคุณนะคะ ฉันชื่อแองเจิล ลินน์ แ-อ-ง-เ-จ-ิ-ล-ลิ-น-น์”พอได้ฟังคำอธิบายจากแองเจลีน ใบหน้าหล่อเหลาของโคลก็เปลี่ยนเป็นเขียวและพลันซีดเผือดทันทีสเปนเซอร์กลั้นหัวเราะต่อไปไม่ไหวเมื่อเขาได้เห็นสีหน้าของลูกชาย “ฮ่าฮ่าฮ
หลังจากลังเลอยู่ชั่วขณะ เขาก็สั่งคนของเขาว่า “ให้พวกเขาเข้ามา”ชายหนุ่มสองสามคนเดินเข้ามา และพูดอย่างไม่เป็นมิตรว่า “ไปได้”เจย์หลิ่วตาให้เกรย์สันและเซย์นที่จริงแล้วตอนนี้เซย์นกลัวมากจนพูดไม่ออก แต่ละก้าวของเขาไม่มั่นคงและโจเซฟีนจำต้องพยุงเขาไว้เจย์และแองเจลีนเดินตามมาข้างหลังและหลังจากที่เข้ามาในตัวอาคารแล้ว ความอบอุ่นในห้องก็ทำให้คิ้วที่ขมวดแน่นของเจย์ผ่อนคลายลงเล็กน้อยสเปนเซอร์นั้นนั่งรออยู่ตรงส่วนที่สูงที่สุดของห้องโถงรับแขก เก้าอี้ของเขาหุ้มด้วยหนังเสือ ดวงตาเหยี่ยวจ้องเจย์และคนที่เหลือ“ทีนี้บอกได้หรือยังว่าข้อความที่รอนนี่ขอให้ส่งมาให้ฉันคืออะไร?”เจย์จ้องสเปนเซอร์ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาดูไม่พอใจ “นี่คือมารยาทในการรับแขกของคุณเหรอ? ช่วยหาอะไรร้อน ๆ ให้เราดื่มก่อนไม่ได้–”“ฉันคิดว่าแกคงอยากโดนอัดสินะ” คาร์สันกระโดดออกมาสเปนเซอร์สะกดกลั้นโทสะในใจไว้และบอกคาร์สันอย่างหมดความอดทน “เทชาร้อนมา”ตอนนั้นโคลที่กำลังห่อเหี่ยวก็นอนทิ้งตัวอยู่บนเก้าอี้ปรับได้ของพ่อเขาคาร์สันส่งถ้วยชาร้อนให้เจย์และคนอื่น ๆ เจย์ลองชิมดูก่อนที่จะเอาให้แองเจลีนหลังจากที่ดื่มชาเสร็จเจย์ก็อ้าปากพู
คาร์สันจ้องเจย์ เขาสงสัยว่าชายคนนี้เอาความมั่นใจมาจากไหนถึงได้หยิ่งจองหองและเก่งกล้าต่อป้อมตระกูลยอร์กเช่นนี้คาร์สันก็ดุจกับโดนสะกด เขาพาแขกทั้งหมดไปยังห้องพักที่ดีที่สุด เจย์เดินไปรอบ ๆ ห้องและพูดอย่างไม่เต็มใจ “ก็พอใช้ได้”คาร์สันแอบด่าเขาในใจ 'แน่สิ คนที่หน้าหนาก็จะกล้ามากเป็นธรรมดา'ห้องพักแขกนี้ที่จริงแล้วเป็นส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์ก มันเรียกว่าส่วนหน้าเพราะว่ามีตึกที่แย่ ๆ และทรุดโทรมมากมายในป้อมตระกูลยอร์ก แต่มีแค่อาคารในสวนตรงนี้ที่ดูหรูหราหน่อยมันเป็นสวนที่หรูหราซึ่งมีสวนอยู่ตรงกลางด้วย เฟอร์นิเจอร์ก็ทำมาจากไม้มะฮอกกานีซึ่งมีราคาแพง ต้องเป็นคนสำคัญมีเกียรติถึงได้พักในห้องเช่นนี้แต่ว่าปีศาจคลั่งรักภรรยาอย่างเจย์นั้นอยากจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้เธอเสมอ ดังนั้นเขาจึงเรื่องมากกับห้องพักหลังจากที่เลือกห้องพักได้ เจย์ก็สั่งคาร์สันอีก “ช่วยเอาผ้าห่มมาเพิ่มให้เราหน่อยแล้วก็เปิดเครื่องทำความร้อนด้วย… ผมอยากได้เครื่องทำความชื้นด้วย… อีกอย่างเราหิวมาก คุณช่วยเตรียมอาหารเที่ยงเร็วหน่อยได้ไหม?”คาร์สันพยายามเก็บกักโทสะไว้ในใจและเมื่อออกมาจากสวน เขาก็ตรงไปที่โถงรับแขกพร้อมกับด่าไ
โคลบอกว่า “ตอนที่มีคนกลุ่มก่อนหน้านี้มาพ่อก็พูดแบบนี้ พ่อเกือบปล่อยฝูงรถคอร์เวตต์เราออกไปแล้ว แต่ที่จริงเธอก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงที่อยากจะมาร่วมมือพัฒนาป้อมตระกูลยอร์กกับเราแค่นั้น”สเปนเซอร์ตอบเสียงอ่อย “ผู้หญิงคนนั้นมีธุรกิจตั้งมากมายนับไม่ถ้วนและก็ถือว่าเป็นเศรษฐีแม้แต่กับพวกประเทศคู่แข่งของเรา แล้วจะนับว่าเธอเป็นคนธรรมดาได้ยังไง?”โคลไม่สนใจจะเถียงกับเขาต่อแล้ว “นักท่องเที่ยวหกคนที่มานี่ มีคนหนึ่งตาบอด อีกคนป่วย สองคนก็กลัวมาก ส่วนผู้ชายอีกสองคนที่เหลือก็ดูมีประโยชน์กว่าหน่อยเพราะว่าช่วยลากเพื่อนร่วมทางไร้ประโยชน์มาได้ แล้วพ่อจะต้องกลัวอะไร?”สเปนเซอร์หยุดคิดชั่วขณะก่อนจะพยักหน้าหลังจากผ่านไปประมาณชั่วโมง สเปนเซอร์ก็ทนรอไม่ไหวแล้วและบอกคาร์สันว่า “ช่วยไปดูหน่อยซิว่าพวกเพี้ยนนั่นกินมื้อเที่ยงเสร็จหรือยัง? ถ้ากินเสร็จแล้วก็ให้พามาพบฉัน ฉันอยากจะถามอะไรสักหน่อย”“ครับ”คาร์สันกลับไปที่ห้องพักแขกในสวนอีกครั้งเจย์และคนอื่น ๆ เพิ่งกินอาหารเสร็จและกำลังจะเตรียมพักผ่อนในช่วงบ่ายขณะที่คาร์สันพรวดพราดเข้ามาไม่บอกกล่าว“นายท่านอยากพบพวกนาย” คาร์สันยืนตรงประตูและพูดกับเจย์อย่างออกคำส
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ