คุณนายอาเรสชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นแองเจลีน เกราะภาพลักษณ์นุ่มนวลอ่อนโยนของเธอเผยรอยร้าวเมื่อแววตาของเธอเต็มไปด้วยความเกลียดชัง“โอ้ แองเจลีนก็มาเหรอเนี่ย?” คุณนายอาเรสยิ้มเสแสร้งทักทายหลังจากทักทายกันอย่างสุภาพแล้ว เธอก็ตำหนิแองเจลีนราวหมาป่าที่ห่มหนังแกะ “เจย์กลับมาที่เมืองอิมพีเรียลตั้งนานแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ยอมให้เราได้พบเขา เธอไม่คิดว่านี่มันจะเกินไปหน่อยเหรอ? เราเป็นครอบครัวของเจย์นะ เธอไม่รู้เหรอว่าพวกเราคิดถึงเขามากแค่ไหน?”แองเจลีนดูลำบากใจคุณท่านปู่อาเรสขัดจังหวะแล้วก็พูดแทนแองเจลีน “เรื่องนี้เธอจะไปว่าแองเจลีนไม่ได้ แองเจลีนแจ้งฉันแล้วทันทีที่เธอพบเจย์ ฉันเองที่เป็นคนไม่ให้เขากลับมาที่ตระกูล เจย์เสียสละเพื่อตระกูลเรามามากแล้ว จนกว่าความจำของเขาจะกลับมา ฉันไม่อยากให้เขาต้องกลับมาบ้านเพราะกลัวว่าองค์กรโลกาวินาศจะย้อนกลับมา…”แววตาตื่นตระหนกพาดผ่านดวงตาของคุณนายอาเรสเมื่อเธอได้ยินสิ่งที่คุณท่านปู่พูดแองเจลีนจ้องคุณนายอาเรสและพูดอย่างขมขื่น “คุณปู่วางแผนเรื่องนี้ไว้อย่างยากลำบากแล้วคุณก็มาทำลายมันจนพัง คุณนายอาเรส เพียงเพื่อจะช่วยส่งเสริมความต้องการแสนเห็นแก่ตัวของเซร่า
คุณนายอาเรสส่ายหน้าอย่างแรง เสียงเธอสั่นเมื่อพูดว่า “อย่าดูเลยนะคะ คุณท่านแจ็ค”แจ็คมองแองเจลีน “บอกฉันมาแองเจลีน พวกนี้มันคือรูปอะไร?”แองเจลีนตอบ “ตอนนี้แกรนด์ เอเซียกำลังเจอปัญหาหนัก เราไม่ได้แค่โดนแฮกเกอร์ไม่ทราบที่มาเข้าโจมตีเท่านั้น แต่ตราประทับส่วนตัวของฉันก็ยังโดนขโมยเอาไปใช้ พอมาคิดดูแล้ว ฉันก็นึกออกว่าเจย์บี้เป็นคนเดียวที่สามารถเข้ามาขโมยตราประทับส่วนตัวของฉันได้ แล้วคนเดียวที่สามารถโน้มน้าวให้เจย์บี้ทำเรื่องแบบนี้ได้ก็คือคุณนายอาเรส ดังนั้นฉันจึงเปลี่ยนเป้าหมายมาที่คุณนายอาเรสแล้วก็จ้างให้คนตรวจสอบเธอ ฉันก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะค้นพบความลับสกปรกเล็ก ๆ ของเธอพวกนี้”“ช่วงหลังนี้คุณนายอาเรสไปที่บ้านของตระกูลเบลบ่อยมากแล้วก็ค่อนข้างจะใกล้ชิดกับสตีเฟน ฉันคิดว่าตระกูลอาเรสกับเบลไม่น่าจะร่วมมือกันโจมตีแกรนด์ เอเซีย ดังนั้นคุณนายอาเรสน่าจะทำเรื่องนี้เองเพื่อที่จะช่วยเหลือเบล เอนเตอร์ไพรส์”ขณะที่เธอพูด แองเจลีนก็มองหน้าแจ็ค เมื่อเธอเห็นว่าใบหน้าหล่อเหลาของเขาเริ่มปรากฏโทสะ เธอก็รู้แล้วว่าตัวเองเดาถูกเมื่อแผนของคุณนายอาเรสโดนเปิดโปง เธอก็ตัวอ่อนยวบทรุดลงนั่งกองกับพื้น ถึงขนาดนั้
ความบุ่มบ่ามของเขาเป็นสาเหตุของโศกนาฏกรรมของตระกูลอาเรสในอดีต ถ้าหากว่าสมัยนั้นเขาสามารถควบคุมอารมณ์ได้ เขาก็คงไม่นำความหวาดกลัวและโชคร้ายมาสู่ตระกูลอาเรส“แจ็ค หยุดได้แล้ว” คุณท่านปู่อาเรสตะโกนก้องแจ็คโยนไม้กวาดทิ้งไป เขามองคุณนายอาเรสอย่างดุร้ายด้วยดวงตาแดงก่ำราวกับปีศาจกระหายเลือด “ลองถามตัวเองดูสิว่าที่ทำลงไปมันถูกต้องไหม?”คุณนายอาเรสที่ตอนนี้บาดเจ็บจนไม่เหลือสภาพ ร้องไห้คร่ำครวญและร้องขอความเมตตา “ฉันทำผิดไปแล้วค่ะคุณท่านแจ็ค แต่ฉันก็เลี้ยงเจย์และโจเซฟีนให้คุณ ทั้ง ๆ ที่สองคนนั้นไม่ใช่ลูกของฉัน ฉันไม่สมควรได้รับคำขอบคุณจากงานหนักต่าง ๆ ที่ฉันได้ทำมาเลยเหรอ? ทุกสิ่งที่ฉันเหนื่อยยากทำมา ทุกความลำบากที่ฉันต้องทนเจ็บปวด ฉันขอร้องให้คุณละเว้นฉันด้วย”แจ็คคำราม “แกอยากให้ฉันละเว้น หลังจากที่แกหักหลังฉันแบบนี้เหรอ? แกเห็นฉันเป็นเหมือนโรงแรมที่แกคิดจะไปจะมาตอนไหนก็ได้เหรอไง? ฉันจะบอกแกให้นะ ความเกลียดชังในใจฉันไม่มีทางหายไปได้จนกว่าจะได้ทรมานแกจนตาย”จากนั้นแจ็คก็ตะโกนใส่บรรดาคนรับใช้ “เอาคุณนายอาเรสไปขังไว้ในห้องมืด ไม่มีคำสั่งฉันใครก็ห้ามปล่อยเธอออกมา แล้วก็ห้ามใครเข้าไปเยี่ยมเธอ
ดวงตาของเจย์มืดครึ้ม แม่สาวคนนี้เก่งเรื่องใช้ลูกไม้จู่โจมเวลาที่ไม่ระวังตัวจริง ๆจากนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ถึงโรส…หญิงสาวที่อ่อนแอไร้พิษสงเจย์ผลักแองเจลีนออกห่างทันใดแองเจลีนมองเขาอย่างงุนงง ดวงตาเหมือนตากวางน้อยของเธอดูเจ็บปวด “มีอะไรคะ?”เจย์ยืนอย่างขัดเคือง เมื่อเขาเห็นดวงตาแฝงแววเจ็บปวดของเธอ หัวใจเขากลับเจ็บยิ่งกว่า“ผมซื้อเสื้อผ้ามาให้คุณ ผมจะไปเอามาให้” เขาหาข้ออ้างออกมาแองเจลีนพยักหน้าด้วยสีหน้าเฉยชา “ค่ะ”เธอจะไม่รู้สึกถึงการต่อต้านของเขาได้อย่างไร?เจย์เป็นชายที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก บางครั้งเขาก็เข้าใกล้เธอ บางครั้งก็ตีตัวออกห่าง เขาเหมือนหุ่นที่โดนคนอื่นคอยชักใยแองเจลีนถอนใจอย่างอ่อนแรง “เมื่อไหร่ความทรงจำคุณจะฟื้นคืนมาสักทีนะ?”ไม่นานเจย์ก็กลับมาพร้อมถุงช้อปปิ้งสองสามใบ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังเก็บกดความขุ่นเคืองใจเอาไว้เขาส่งถุงพวกนั้นให้แองเจลีนแล้วพูดเบา ๆ “ลองดูสิว่าคุณชอบไหม?”แววตาแองเจลีนระยิบระยับเมื่อเธอหยิบชุดกระโปรงออกมา “ชุดเดรสสวยจังเลยค่ะ ฉันไม่ได้ใส่ชุดเดรสสวย ๆ แบบนี้มานานมากแล้ว”เจย์พูด “ทำไมคุณไม่ลองใส่ดูล่ะ?”แองเจลีนพยักหน้า “ค่ะ”
เจย์อึ้งไปเล็กน้อยก่อนพูดขึ้นด้วยความหมายแฝงลึกซึ้ง “โอ้จริงเหรอ? คุณคิดถึงอดีตเหรอ?”ในอดีตเธอไม่ใช่ประธานของแกรนด์ เอเซียที่มีอำนาจบงการชีวิตคนอื่นรวมถึงทรัพย์สินมากมายได้ตามใจแบบนี้ แต่เธอก็ชอบเหรอ?แองเจลีนเอนตัวพิงไหล่ของเขาก่อนพูดอย่างโศกเศร้า “ฉันคิดถึงวันเก่า ๆ ที่เราไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องกังวลแล้วสายตาฉันก็มีไว้มองคุณเท่านั้น ตอนนี้มันมีหลายสิ่งที่ช่วยไม่ได้…”เจย์ฟังเธอและโอบกอดเธอแน่นขึ้นอย่างไม่ตั้งใจเขาภาวนาเหลือเกินให้เรื่องที่ซิดนีย์เล่ามานั้นไม่เป็นความจริงเขาอยากจะเชื่อว่าทั้งเขาและแองเจลีนต่างก็รักและโอบกอดกันไว้ เชื่อว่าความรักของเขาทั้งคู่นั้นไม่ซับซ้อนและใสบริสุทธิ์หลังมื้อค่ำเจย์ล้างจานขณะที่แองเจลีนและเซ็ตตี้น้อยออกไปดูดอกไม้ในสวนทันใดนั้นมือถือของเจย์ก็สั่น เขาหยิบมือถือออกมาและเห็นข้อความจากแม่ของเขาปรากฏอยู่บนหน้าจอ เขารู้สึกงุนงงเล็กน้อยก่อนที่จะเลื่อนปลดล็อกมือถือคุณนายอาเรส [แองเจลีนวางกับดักแม่ ลูกมาช่วยแม่ที]หน้าเจย์เปลี่ยนสี เขารู้สึกได้ว่าทั้งกายกำลังเย็นเยียบเป็นน้ำแข็งทำไมแองเจลีนต้องทำแบบนี้กับแม่ของเขาด้วย?เจย์วางจานลงแล้วเดินออ
”แม่ครับ” เจย์ร้องเรียกอย่างกระวนกระวายคุณนายอาเรสคลานเข้ามาหาเขาอย่างอ่อนแรงและคร่ำครวญให้เขาฟังเรื่องทุกข์ระทมและเสื่อมเสียเกียรดิที่เธอเจอมา “แม่ขอโทษนะลูก แม่ของลูกนำความอับอายมาให้ตระกูลอาเรสแล้ว”คุณนายอาเรสพยายามจะเรียกร้องความเห็นใจจากเจย์ด้วยการสารภาพความผิดของเธอให้เขาได้รู้ก่อนจากนั้นเธอก็โอดครวญทั้งน้ำตา “แต่แม่เองก็เสียใจเหมือนกันนะลูก สตีเฟนกับแม่เป็นคนรักกันมาตั้งแต่เด็ก พ่อแม่ของเราทั้งสองฝ่ายเองก็สนับสนุน พอพวกเขาส่งเสริมแม่เองก็ทุ่มเทใจรักเขาเต็มที่ ใครจะไปรู้ว่าสุดท้ายตระกูลของแม่จะล้มละลาย? ตระกูลเบลก็เป็นพวกหัวสูงแล้วก็บังคับให้แม่ยกเลิกสัญญาหมั้นหมาย สตีเฟนกับแม่พยายามจะหนีตามกันแต่แผนเราก็พังเพราะว่าเราโดนจับได้แล้วก็พากลับมาที่นี่ พวกเขาหักขาสตีเฟนข้างหนึ่ง เพื่อช่วยชีวิตเขาแม่ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องรับปากตระกูลเบลว่าจะแต่งเข้าตระกูลอาเรส”“แม่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแต่งงานกับพ่อของลูก พ่อของลูกปฏิบัติกับแม่เป็นอย่างดีแต่ในหัวใจแม่ก็เหมือนมีหนามแหลมทิ่มแทง แม่ไม่สามารถทำใจให้รักเขาได้ทั้งใจเพราะว่าแม่โดนบังคับให้ต้องแต่งงาน”พอพูดมาถึงตอนนี้โทสะก็พา
เจย์ไม่รู้ว่าตัวเขากลับมาที่สวนบันทึกรักได้อย่างไร แม้ว่าเขาปรารถนาที่จะหนีไปจากสถานที่แสนอึดอัดนี้ แต่เขาก็ยังกลับมาที่นี่ด้วยเหตุผลบางอย่างไม่ว่าภรรยาของเขาจะแย่อย่างไร แต่เขาก็รู้ดีในจิตใต้สำนึกที่ว่า เขานั้นยังห่วงและรักเธออยู่ เขาไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอความรักก็เหมือนเสียงเพรียกที่พาเขากลับมาหาแองเจลีน ถึงอย่างนั้นสีหน้าเขาก็ดูพร้อมเผชิญหน้าอีกหนเมื่อเขาเปิดประตูวิลล่าเข้าไป เจย์ก็เห็นแองเจลีนนั่งอยู่บนโซฟาเงียบ ๆ เมื่อสายตาพวกเขาประสานกัน ดวงตาเขาก็เต็มไปด้วยโทสะ ส่วนแววตาของเธอก็มีความรู้สึกผิดเขาเดินเข้าไปหาเธอ ถือเสื้อสีขาวของตนซึ่งตอนนี้มีเลือดสีแดงสดติดอยู่ไว้ในมือ เขาก้มหน้าลงมองเธอแองเจลีนจำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นมองเขา ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยความเดือดดาลสีหน้าของแองเจลีนหม่นลงเมื่อเธอถาม “คุณไปที่ตระกูลอาเรสมาใช่ไหม?”เจย์ชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่รอยยิ้มหยันจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าทรงเสน่ห์ เขาก็เป็นเหมือนคนโง่ที่เอาแต่ฝันลม ๆ แล้ง ๆ เขามักจะหวังไว้เกินจริงว่าเธอจะไม่มีส่วนรู้เห็นอะไรกับแผนและเล่ห์กลต่าง ๆแต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าที่แสดงว่าเธอรับรู้เรื่องพวกน
เขาโมโหจัด ก่อนปล่อยเธอแล้วเดินโซเซจากไปเขาไม่ทันได้เห็นตอนที่แองเจลีนล้มลงนอนตัวแข็งกับพื้นและไม่เห็นสายตาหมดหนทางของเธอที่มองตามแผ่นหลังเหยียดตรงของร่างสูงของเขาคำพูดของเจย์ทิ่มแทงเธอเสมือนมีดกรีดใจ“แองเจลีน ผมเกลียดที่ต้องอยู่เหมือนเป็นตัวตลก เหมือนตัวประกันที่ใครจะใช้งานหรือลากจูงไปทางไหนก็ได้ ผมจะไปแล้ว ส่วนคุณก็อยู่ของคุณไป”แองเจลีนพยายามอย่างสุดชีวิตที่จะคว้าเขาไว้และบอกความจริงทั้งหมดกับเขา แต่เธอไม่สามารถที่จะตะโกนหรือขยับตัวได้สายตาเธอจับจ้องค้างอยู่ที่เพดานขณะที่รอให้อาการแพนิคบ้านี่หายไปสักทีตอนที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเธอเพิ่งจะส่งเซ็ตตี้น้อยออกไปข้างนอกไม่นานคืนนี้เธอวางแผนว่าจะต้องพูดคุยกับเจย์อย่างยาวนานเธออยากที่จะสลายความสับสนทั้งหมดที่เขามีแต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะกลับมาบ้านด้วยท่าทางที่เป็นศัตรูเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายของเธอก็ยังทรยศ ทำให้เธอมีอาการแพนิคเพราะคำพูดเสียดแทงของเขาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก การที่เห็นเขาโกรธก็เป็นสิ่งที่เธอกลัวที่สุดนี่แสดงให้เห็นว่าเธอไร้ค่าแค่ไหนความมืดค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาแองเจลีนหลับตาลงอย่างสิ้นหวังในค่ำคืนที่มืดสงัด
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ