ราตรีดาวเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลเพื่อมาดูแลผู้เป็นแม่ คุณหมอเจ้าของเคสบอกให้เธอทำใจรับความสูญเสียไว้แต่เนิ่นๆ เพราะตอนนี้อวัยวะภายในร่างกายบางของแม่เริ่มทำงานผิดปกติ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ถอดใจหรือยอมแพ้อย่างเด็ดขาดและบอกแม่ให้เข้มแข็งแล้วกลับมาหาเธอให้ได้เช่นกัน บ่อยครั้งก็เหนื่อยจนหมดแรงจึงเผลอหลับอยู่หน้าห้องไอซียูจนพยาบาลต้องออกมาปลุกบ่อยๆ ทว่าคราวนี้คนที่ผ่านมาเห็นและกำลังจะเข้าไปปลุกเธอกลับเป็นคุณหมอท่านหนึ่ง และก่อนที่คุณหมอท่านนั้นจะได้ทำอย่างที่ตั้งใจเสียโทรศัพท์ของราตรีดาวก็ดังขึ้นจนเธอสะดุ้งตื่น จังหวะที่เธอควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพาย คุณหมอท่านนั้นก็เดินผ่านไปเสียแล้ว“ฮัลโหล”“สรุปเย็นนี้มาได้ไหม” ปลายสายเอ่ยถามทันที นั่นเพราะถ้างานนี้ยังขาดสาวสวยเสิร์ฟน้ำอีกหลายคน ยิ่งติดต่อได้มากเท่าไหร่เงินเปอร์เซ็นต์ที่ไปรยาจะได้ก็มากตามไปด้วยเท่านั้น และมองว่างานนี้เงินดีไม่ต้องทำอะไรจึงชวนราตรีดาวด้วย“ได้ เราเคลียร์งานที่ร้านแล้ว” ปกติราตรีดาวทำงานที่ร้านอาหารแต่วันนี้เธอขอหยุดหนึ่งวันเพราะอยากทำงานที่ได้เงินมากกว่า “ขอบคุณนะตรี”“เราต่างหากที่ต้องขอบคุณเธอที่ช่วยหางานให้” คำพูดของ
ชายหนุ่มรั้งรอจังหวะกระทั่งเห็นราตรีดาววางถาดลงกับโต๊ะเพื่อเก็บแก้วจึงเดินตรงปรี่เข้าไปหาแล้วล็อคตัวราตรีดาวไว้รวดเร็ว นั่นทำให้เธอเกิดอาการเหวอทันทีก่อนจะขยับหนีและปัดป้องทว่าสุดท้ายก็พลาดพลั้งถูกโรจน์ล็อคตัวเอาไว้ได้ “โรจน์เดี๋ยว” วิทย์ที่เห็นเหตุการณ์พยายามห้าม ทว่าจังหวะนั้นโรจน์ที่จับใบหน้าของราตรีดาวไว้ได้แล้วก็ออกแรงบีบจนปากของเธออ้าออก เสี้ยววินาทีต่อมาก็กรอกเหล้าในแก้วที่ถืออยู่ซึ่งเมื่อครู่เขาได้ผสมอะไรบางอย่างลงไปเข้าปากเธอทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากมากเสียจนราตรีดาวตั้งตัวไม่ทัน เพราะถูกบีบปากไว้ทำให้ราตรีดาวจำต้องกลืนเหล้าบางส่วนลงคออีกบางส่วนเลอะตรงลำคอและเสื้อ เธอไอจนหน้าแดงก่ำหวังลึกๆ ว่าจะมีใครสักคนเข้ามาช่วยให้รอดพ้นจากสถานการณ์ในตอนนี้แต่เหมือนจะไม่มีใครมาสนใจ เธอจึงต้องเอาตัวเองให้รอด“ทำอะไรกัน” เสียงทุ้มจากใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้น นั่นทำให้โรจน์จำต้องปล่อยราตรีดาวให้เป็นอิสระ แม้เขาจะไม่รู้จักแขกในงานของเสี่ยครบทุกคน แต่รู้ว่าทุกคนที่ได้รับเชิญให้มาร่วมงานนั้นไม่ธรรมดาทั้งสิ้น ทางที่ดีคือเขาไม่ควรที่จะไปมีเรื่องด้วย “เราก็แค่คุยกันตามประสาคนรู้จักนะครับ” โรจน์เอ่ย
เสียงน้ำที่ดังมาจากภายในห้องน้ำก้องอยู่ในหัวของราตรีดาว บ่งบอกว่าตอนนี้มีคนใช้ห้องน้ำอยู่ เธอลืมตาขึ้นแล้วมองเพดานห้องที่ไม่มีความคุ้นตาเลยแม้แต่น้อยก่อนจะเด้งตัวขึ้นมากึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง แม้จะเจ็บตรงท้องก็กัดฟันข่มความเจ็บไว้ ก่อนที่ภาพเหตุการณ์ต่างๆ จะกรูเข้ามาในความคิดนั่นทำให้ราตรีดาวชาวูบไปทั้งตัวดวงตาทั้งสองข้างของเธอเวลานี้แดงก่ำ ความกลัวรวมถึงความเสียใจเข้าครอบงำจนแทบหายใจไม่ออกด้วยซ้ำ เธอก้มมองร่างกายตัวเองด้วยม่านน้ำตาที่กำลังไหล แม้เสื้อผ้าจะยังอยู่บนตัวครบทุกชิ้นแต่มันก็ไม่ได้การันตีว่าเธอยังไม่ได้ถูกล่วงเกิน และก่อนที่สมองจะได้คิดอะไรประตูห้องน้ำก็เปิดออกและคนที่ก้าวออกมาก็เป็นคนละคนกับเมื่อคืน“ตื่นแล้วเหรอครับ เป็นไงบ้าง ยังเจ็บอยู่ไหม” เสียงทุ้มของดาวฤกษ์เอ่ยถามเพราะเป็นห่วงแผลฟกช้ำตรงบริเวณท้องของเธอนั่นเองแต่ทว่าคำถามนั้นกลับคล้ายมีดปลายแหลมที่พุ่งเข้าใส่หัวใจของราตรีดาว เธอเจ็บปวดจึงสบตาอีกฝ่ายได้แค่ไม่กี่วินาทีก็หลบสายตาเขาแล้วมองไปที่จุดอื่นแทน มือของเธอเย็นเฉียบเพราะกำลังช็อค ร่างกายเหมือนตายไปแล้ว “เมื่อคืน…”“อ้อ…คือว่า” จังหวะที่ดาวฤกษ์กำลังจะอธิบาย เสีย
“คุณแม่รู้แล้วเหรอครับ”“อืม…รู้แล้ว นี่ถ้าแม่ไม่คาดคั้นจากคุณลุงก็คงไม่รู้อะไรอีกตามเคย” เอ่ยจบก็ถอนหายใจออกมาเพราะครอบครัวเธอเป็นหมอมาตั้งแต่ต้นตระกูล สามีที่เสียไปแล้วของเธอก็เป็นหมอ “อันที่จริงผมก็ตั้งใจจะบอกคุณแม่อยู่พอดี” “บอกตอนไหน ไม่ใช่ก่อนวันเดินทางหรอกนะ”“โธ่คุณแม่ครับ” ดาวฤกษ์แกล้งโอดโอย แต่ดูเหมือนผู้เป็นแม่จะไม่คล้อยตามแม้แต่น้อย “คราวนี้จะไปนานแค่ไหน”“ยังไม่มีกำหนดครับ พอดีที่นั่นพึ่งจะสร้างโรงพยาบาล กว่าอะไรจะเข้าที่เข้าทางคงอีกพักใหญ่ๆ” อันที่จริงนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ดาวฤกษ์ขอย้ายไปทำงานตามโรงพยาบาลต่างจังหวัด ไปมาหลายครั้งซึ่งกรองแก้วก็เป็นห่วงทุกครั้งเช่นกัน “หมอมีเป็นร้อยๆ ทำไมต้องเป็นลูกด้วย”“เพราะผมอยากไปครับคุณแม่” ดาวฤกษ์เอ่ยบอกเหตุผลไป “โรงพยาบาลเอกชนหรือรัฐบาลดีๆ ในกรุงเทพฯ ก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ ลูกไม่ต้องดิ้นรนไปเจอความลำบากทั้งๆ ที่คนอื่นเขาไม่ต้องการก็ได้นี่ฤกษ์” นั่นเพราะกรองแก้วเคยตามดาวฤกษ์ไปทำงานที่ต่างจังหวัดมาบ้าง จึงเห็นว่าสถาพบ้านพักมีแต่ทรุดโทรม ที่อยู่ที่กินไม่พร้อมสักอย่าง “คนอื่นจะคิดยังไงก็ช่าง แต่ผมอยากไปจริงๆ คนที่นั่นขาดหมอและถ้าผมไปจ
“คือว่าแม่หนูท่านไม่สบาย คุณหมอบอกให้รีบไปโรงพยาบาลด่วน” น้ำเสียงของราตรีดาวสั่นเล็กน้อยเพราะเธอห่วงว่าครั้งนี้แม่จะไม่กลับมาหาอีกแล้ว “งั้นรีบไป เดี๋ยวฉันให้คนขับรถขับไปส่งเอง”“ไม่เป็นไรค่ะ หนูนั่งวินมอไซค์ไปได้”“ไม่ได้ๆ ฝนเริ่มลงเม็ดแล้ว ขึ้นรถเถอะ จะได้รีบไปกัน” กรองแก้วรบเร้า “ขอบคุณมากค่ะ” ในที่สุดราตรีดาวก็ยอมเข้าไปนั่งในรถคันหรูของกรองแก้ว จากนั้นคนขับรถก็รีบขับพาคนทั้งคู่ไปยังโรงพยาบาล เมื่อมาถึงยังไม่ทันที่รถจะได้จอดสนิทด้วยซ้ำ ราตรีดาวก็หันมาไหว้ลาพร้อมขอบคุณกรองแก้วแล้วเปิดประตูลงไปจากรถอย่างรีบร้อน “กลับกันเถอะ ไว้พรุ่งนี้เทิดค่อยมาดูว่าแม่ของหนูตรีเป็นยังไงบ้าง” “ได้ครับ” คนขับรถของกรองแก้วเอ่ยรับก่อนจะพาเจ้านายมุ่งตรงกลับบ้าน ซึ่งขณะนั้นอาการของแม่ ราตรีดาวนั้นโคม่าอีกครั้งแต่เธอก็ยังไม่ถอดใจที่จะยื้อลมหายใจของแม่ไว้ แม้จะเป็นการยื้อด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ก็ตาม นั่นเพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะรับความสูญเสียจริงๆ วันรุ่งขึ้นคนขับรถของกรองแก้วก็แวะไปที่โรงพยาบาลอีกครั้งพร้อมกับสืบข่าวเรื่องอาการป่วยของแม่ราตรีดาวอย่างละเอียดจากนั้นก็กลับไปรายงานผู้เป็นเจ้านาย
“เงินหรือทองใช่ไหม”“ไม่ใช่”“งั้นเอามาดูหน่อย” เอ่ยจบก็เข้าไปแย่งซองสีน้ำตาลมาจากมือของราตรีดาวทันที“ไม่ได้นะลุง นี่มันเงินค่ารักษาแม่นะ” ราตรีดาวพยายามยื้อเพื่อไม่ให้คมสันแย่งเงินไปจากมือตัวเองได้ แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ“เออ…เอามาให้กูยืมก่อนไม่ได้หรือไง อีกอย่างแม่มึงก็เหมือนคนจะตายไม่ตายแหล่อยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจไม่ใช่หรือไง ปล่อยๆ มันไปเถอะ จะยื้อมันไว้อีกทำไม ทรมานเปล่าๆ” คำพูดร้ายๆ ที่แทงความรู้สึกดังขึ้นจากปากของพี่ชายแท้ๆ ของแม่ทำให้ราตรีดาวช็อคไป“ลุงพูดแบบนี้ได้ยังไง แม่หนูก็น้องแท้ๆ ของลุงนะ ทำไมถึงบอกให้หนูฆ่าแม่ตัวเองแบบนั้น”“กูไม่ได้บอกให้มึงฆ่าแต่กูบอกให้มึงปล่อยมันไป มึงนั่นแหละกำลังทำให้แม่ตายทั้งเป็น เอาเงินมานี่” เอ่ยจบคมสันก็ออกแรงยื้อซองสีน้ำตาลจากมือของราตรีดาวอีกครั้ง“ถ้าจะเอาก็เอาก้อนนี้ไป ส่วนก้อนนี้เป็นตายร้ายดียังไงหนูก็ไม่ให้&
“แม่ครับ” สีหน้าของคนฟังไม่สู้ดีนัก เพราะดูเหมือนคราวนี้แม่เขาจะเอาจริง“ว่าไง ถ้าอยากไปทำงานก็รับข้อเสนอของแม่” เมื่อยังไม่ได้คำตอบที่อยากได้เสียทีกรองแก้วก็เอ่ยถามขึ้น ในขณะที่ดาวฤกษ์ก็ใช้ความคิดเพื่อไต่ตรองกับตัวเองอยู่สักพักใหญ่ๆแม่เขาหาเมียให้แถมยังกำชับว่าเขาต้องมีลูกกับเธอภายในสามเดือน ผู้หญิงคนนั้นมาจากไหนและเธอเป็นใครกันหรือเขาจะยอมทำตามที่แม่ต้องการไปก่อนเพื่อได้ย้ายไปทำงานต่างจังหวัด จากนั้นค่อยไปตกลงต่างคนต่างแยกย้ายกับเธอภายหลัง“งั้นผมถามคุณแม่ข้อเดียว”“ได้ ถามมาสิ”“ผู้หญิงคนนั้นใช่รุ้งไหม” นั่นเพราะดาวฤกษ์ไม่เคยคิดอะไรกับเทวิกา ขืนผู้หญิงคนนั้นคือเธอขึ้นมาจริงๆ การตกลงหลังจากนี้คงเป็นไปไม่ได้แน่นอน“ไม่ใช่หนูรุ้ง” กรองแก้วเอ่ยตอบ จู่ๆ ใบหน้าของ ดาวฤกษ์ที่เครียดอย่างเห็นได้ชัดก็คลี่ยิ้มตรงมุมปากออกมาเล็กน้อย นั่นเพราะเขาไม่ได้คิดอะไรกับเทวิกาขืนให้อยู่กับเธอแบบสามีภรรยาคงได้อกแต
ก่อนวันเดินทางราตรีดาวนอนไม่หลับก็ว่าได้ เธอมีเพื่อนสนิทแค่ไม่กี่คนที่สามารถเล่าทุกอย่างในชีวิตให้อีกฝ่ายฟังอย่างไม่ปิดบังแต่เรื่องที่เธอกำลังทำคือข้อยกเว้นเพราะไม่กล้าเล่าจริงๆ จึงบอกไปรยาไปเพียงแค่ว่าเธอจะย้ายไปทำงานที่ต่างจังหวัดชั่วคราวเพราะได้เงินดีกว่าวันรุ่งขึ้นราตรีดาวหิ้วกระเป๋าเดินทางหนึ่งใบไปยังบ้านของกรองแก้ว เมื่อรถแท็กซี่จอดส่งจังหวะที่จะก้าวเท้าลงไปก็ไม่วายถอนหายใจหนักๆ แต่ทุกอย่างก็ต้องเดินต่อ“มาแล้วหรือจ๊ะหนูตรี” กรองแก้วที่ออกมารับ ราตรีดาวด้วยตัวเองเอ่ยทักทายขึ้น“สวัสดีค่ะ” ราตรีดาวยกมือไหว้ผู้สูงวัยก่อนจะส่งยิ้มให้เล็กน้อยแล้วสลัดความรู้สึกหม่นหมองต่างๆ ออกไป“กินอะไรมาหรือยัง”“เรียบร้อยแล้วค่ะ”“เข้าบ้านกันก่อน อีกเดี๋ยวพี่เขาก็คงมา” กรองแก้วคว้ามือของราตรีดาวไว้แล้วพาเข้าบ้านไปทันที ส่วนคนที่ถูกเรียกว่าพี่ขณะนั้นก็กำลังขับรถมุ่งหน้ามาเช่นกันเส
เมื่อครบเวลาที่ตั้งไว้ในใจราตรีดาวก็คว้าร่มมาถือไว้ในมือ แต่จังหวะที่เธอกำลังจะเดินออกไปจากบ้านนั้น สายตาก็มองเห็นดาวฤกษ์เดินฝ่าสายฝนที่ซาลงไปบ้างแล้วตรงหน้าบ้านเข้า เมื่อเห็นแบบนั้นราตรีดาวจึงรีบเดินกางร่มเข้าไปหาเขาทันที“ทำไมถึงเดินกลับละคะ รถไปไหน”“จอดเสียอยู่กลางทางครับ ประจวบกับฝนตกเลยไม่มีรถผ่านไปผ่านมาที่พอจะขอให้ช่วยได้ พี่เลย…” ดาวฤกษ์ยังยิ้มออก ยิ่งเห็นว่าราตรีดาวยังปลอดภัยแบบนี้เขาก็รู้สึกว่าหายเหนื่อย คุ้มแล้วที่รีบเดินกลับมาบ้าน“พี่เลยเดินกลับมาบ้านเหรอคะ”“ครับ เป็นห่วงตรีเลยอยากกลับมาบ้านเร็วๆ” คำตอบของดาวฤกษ์ทำเอาราตรีดาวใจสั่นไปหมด เธอน้ำตาเอ่อเมื่อรู้ว่าเขาเป็นห่วงถึงขนาดนี้ ในขณะที่ ดาวฤกษ์เองก็ซึ้งใจเพราะเมื่อครู่ทันทีที่ราตรีดาวเห็นเขาเธอก็เดินตรงเข้ามาหาแล้วกางร่มให้ในขณะที่ตัวเองยืนเปียกไปครึ่งตัวดาวฤกษ์ก้าวเข้าไปยืนให้ใกล้กับเธอมากขึ้นอีกนิด ตอนนี้สิ่งที่คั่นพ
ดาวฤกษ์เดินกุมมือราตรีดาวมาเรื่อยๆ กระทั่งถึงศาลาทว่าหมอหนุ่มกลับยังไม่ปล่อยมืออีกฝ่ายแต่อย่างใด สัมผัสจากเขาแม้จะเพียงเล็กน้อยแต่มันกลับทำให้หัวใจของราตรีดาวเต้นแรงและรัว มือไม้เริ่มเย็นเพราะความประหม่าและเพราะกลัวเขาจะจับได้จึงค่อยๆ ดึงมือตัวเองกลับแม้จะอยากยื้อไว้แต่สุดท้ายดาวฤกษ์ก็ต้องปล่อยราตรีดาวให้เป็นอิสระ หมอหนุ่มนั่งดื่มน้ำดับกระหายเพราะตั้งแต่เช้ามีงานให้เขาทำจนแทบไม่มีเวลาได้พัก เพราะเหตุนั้นเขาจึงกลับไปกินมื้อเที่ยงที่บ้านไม่ได้ ระหว่างนั้นราตรีดาวก็แกะปิ่นโตออกมาวางให้เขา“แกงอันนี้คนในหมู่บ้านเอามาให้ค่ะ ส่วนผัดผักตรีทำเอง”“น่ากินทั้งนั้นเลย” จากที่พอจะทนหิวไหวแต่เมื่อเห็นอาหารท้องของดาวฤกษ์ก็เริ่มส่งเสียงประท้วง“รีบกินข้าวเถอะค่ะเลยเวลามาชั่วโมงกว่าแล้ว เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”“ครับ” ดาวฤกษ์เอ่ยบอก ปกติเขาไม่ใช่พวกอ่อนไหวหรือโหยหาการดูแลจากคนอื่น แต่พอราตรีดาวเข้ามาดูแลแม้จะไม่กี่วันเขากลับชอบความรู้สึกดีอย่างในตอนนี้ไปเสียแล้ว อาหารง่ายๆ แต่ทว่ากลับถูกปากจนเขากินหมดทุกอย่าง ก่อนจะตบท้ายด้วยผลไม้
อาหารมื้อแรกที่ราตรีดาวทำให้ดาวฤกษ์กินนั้นถูกปากหมอหนุ่มไม่น้อยเพราะเขากินจนหมดเกลี้ยงเลยก็ว่าได้ ก่อนออกไปทำงานก็ยังให้เงินราตรีดาวไว้ใช้จ่าย เธอมาอยู่กับเขาในฐานะภรรยาเขาก็ควรต้องดูแลเธอในฐานะสามีที่ดีที่ควรทำก็ถูกต้องแล้ว แถมยังพามาอยู่ในป่าในเขาไม่ได้สุขสบายเหมือนในกรุงเทพฯ“พี่ไปทำงานก่อนนะครับ”“ค่ะ ใกล้ๆ เที่ยงตรีจะเอาปิ่นโตไปส่งนะคะหรือว่าพี่จะกลับมากินที่บ้าน”“ที่บ้านครับ”“ได้ค่ะ” ราตรีดาวเอ่ยรับก่อนจะเดินออกไปส่ง ดาวฤกษ์ที่หน้าประตู ยืนส่งเขากระทั่งเห็นชายหนุ่มเดินไปได้ไกลแล้วจึงกลับเข้าบ้าน อย่างน้อยบ้านพักหมอก็อยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลมากนักจึงทุ่นเวลาเดินทางไปได้ไม่น้อยราตรีดาวจัดการธุระภายในบ้านจนเสร็จจากนั้นก็ขึ้นไปอาบน้ำแล้วโทรกลับไปหากรองแก้วเพื่อถามอาการของแม่ กรองแก้วจึงส่งทั้งรูปภาพและคลิปที่ได้จากพยาบาลพิเศษให้เธอดูว่าตอนนี้ทุกอย่างยังเป็นปกติ พอวางสายก็เผลอนั่งเหม่อเนื่องจากที่ผ่านมาเธอเรียนกับทำงานทุกวัน พอต้องมานั่งเฉยๆ แบบนี้ก็เริ่มเบื่อ กระทั่งได้ยินเสียงเล็กๆ
“ไม่อ้อมค้อมนะ ถ้าจะอยากอยู่ด้วยกันก็อย่าส่งเสียบ่อยๆ เมียฉันไม่ชอบนายรู้ไหม ถ้าพูดไม่รู้เรื่องฉันจะจับนายส่งไปขายเมืองจีน” ดาวฤกษ์คุยได้แม้กระทั่งกับตุ๊กแกแถมไม่คุยเปล่ายังขู่ไปอีกด้วย ซึ่งเจ้าตุ๊กแกเหมือนจะไม่ยอมรับข้อเสนอเพราะมันส่งเสียงร้องทันทีที่หมอหนุ่มพูดจบ“ท้าทายซึ่งหน้าใช่ไหม ได้” เอ่ยจบก็ตรงเข้าไปหมายจะสั่งสอนตุ๊กแกตัวนั้นทันทีก่อนจะหยุดกึกเมื่อเห็นตุ๊กแกตัวที่สองและสามโผล่ออกมา“โอเค พรุ่งนี้ฉันจะมาคุยใหม่ วันนี้นายไปปรึกษากับครอบครัวก่อนแล้วกัน” ดาวฤกษ์รีบหมุนตัวกลับเข้าบ้านทันที สงสัยหลังจากนี้ต้องเปลี่ยนแผนเป็นผูกมิตรแทนการข่มขู่ ก่อนจะโทรหาผู้เป็นแม่เพื่อบอกว่าตอนนี้เขากับราตรีดาวถึงบ้านพักอย่างปลอดภัยแล้วเมื่อกลับเข้ามาในห้องก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ ราตรีดาวอาบน้ำเสร็จพอดี ชายหนุ่มส่งยิ้มให้เธอเล็กน้อยก่อนจะเข้าไปอาบน้ำบ้าง ซึ่งคราวนี้เสียงตุ๊กแกก็ถึงกับดังระงมลั่นบ้านนั่นทำให้ราตรีดาวหน้าตาตื่นรีบขึ้นไปนั่งบนเตียงหมอหนุ่มหันขวับไปมองยังต้นเสียงที่เขาอุตส่าห์ลงไปคุยเพื่อหาทางสงบศึกแต่ดูเหมื
ในขณะที่ราตรีดาวนั้นมารอเขาที่บ้านพักแพทย์ที่ปล่อยร้างมานานสภาพของบ้านจึงทรุดโทรมไม่น้อย แต่จู่ๆ ชาวบ้านกลุ่มเมื่อครู่ก็พากันมาช่วยทำความสะอาด ทาสีและซ่อมแซมจุดที่ชำรุดพร้อมกับนำพวกข้าวของเครื่องใช้รวมถึงข้าวสารอาหารแห้งมาให้อีกหลายอย่าง โดยเฉพาะผักและผลไม้สดๆ ที่เก็บมาจากไร่สวน“คุณเป็นเมียคุณหมอเหรอจ๊ะ”“เอ่อ” คำถามซื่อๆ แต่ตรงไปตรงมาของชาวบ้านคนหนึ่งทำเอาราตรีดาวอึกอัก ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน ก่อนที่ชาวบ้านอีกคนจะช่วยตอบแทนเธอ“ต้องเป็นเมียสิ ถ้าไม่ใช่เมียคุณหมอจะพามาด้วยทำไม”“เออ ข้าก็ไม่น่าถามอะไรโง่ๆ เลย ขอโทษนะจ๊ะคุณ”“ไม่เป็นไรจ้ะ” ราตรีดาวส่งยิ้มให้พวกเขา ก่อนจะช่วยเก็บของในครัวกันละไม้ละมือกระทั่งเสร็จชาวบ้านจึงทยอยกันกลับไป ตอนกลางวันภายในบ้านก็ดูปกติแต่พอตกเย็นทำไมถึงได้ดูวังเวงจนราตรีดาวขนลุกบอกไม่ถูก เธอนั่งชะเง้อมองหาดาวฤกษ์ว่าเมื่อไหร่ชายหนุ่มจะกลับมาจากประชุมเสียทีแต่ยิ่งรอเหมือนเวลาจะยิ่งช้าจนอยากไปตามแต่คงทำแบบนั้นไม่ได้เพราะจะดูเสียมารยาท บรรยากาศรอบๆ ต
“ว่าแต่เรากำลังจะไปไหนกันหรือคะ” แม้จะได้ยินคร่าวๆ แต่เพื่อความแน่ใจราตรีดาวจึงถามขึ้น“เมืองกาญ”“เมืองกาญ กาญจนบุรีใช่ไหม”“ใช่ พี่ย้ายตัวเองไปเป็นหมอที่นั่น แล้วตอนนี้ตรีทำงานหรือเรียนอยู่”“ทำงานค่ะ”“เรียนจบแล้วใช่ไหมถึงทำงานหรือว่าดรอปไว้” เสียงทุ้มเอ่ยถามขณะที่สายตาเหลือบมามองคนข้างๆ เล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปมองถนนตรงหน้า“เรียนจบแล้วค่ะ แค่ยังไม่ได้เข้ารับปริญญา” ราตรีดาวไม่ได้อธิบายเพิ่มเติมว่าเพราะอะไรเธอถึงยังไม่ได้เข้ารับปริญญา“อืม…แล้วนี่แม่เป็นยังไงบ้าง” แม้จะพอทราบอาการป่วยของแม่ราตรีดาวมาคร่าวๆ บ้างแล้ว แต่ ดาวฤกษ์ก็อยากถามกับเธอโดยตรง“หมอบอกว่าดีขึ้นตามลำดับ หวังว่าถ้าได้มาเยี่ยมครั้งหน้าตรีจะได้ยินข่าวดีมากกว่านี้”“คุณแม่พี่ท่านรักษาสัญญาเส
ดาวฤกษ์กลับมาพร้อมถังน้ำแข็งและผ้าขนหนูผืนเล็ก จากนั้นก็จัดการเริ่มประคบเย็นลงไปบนแก้มฝั่งที่กำลังบวมของราตรีดาวโดยที่เธอปฏิเสธหรือต่อต้านเขาไม่ได้ด้วยซ้ำไป หมอหนุ่มแอบใช้จังหวะนั้นมองหน้าเธออย่างสนใจก่อนที่สมองจะหวนคิดไปถึงเรื่องของเขากับเธอในคืนนั้น“เก็บเบอร์โทรพี่ไว้อยู่ไหม” ดาวฤกษ์แทนตัวเองว่าพี่ทันที“ไม่ได้เก็บค่ะ พอดีว่าวันนั้นรีบออกไปเลยลืมหยิบไปด้วย”“อย่างนั้นเหรอ”“อย่าพูดถึงเรื่องในคืนนั้นอีกได้ไหมคะ” น้ำเสียงสั่นๆ ของราตรีดาวเอ่ยขอร้องอีกฝ่าย เพราะเธอไม่อยากได้ยินเรื่องราวหรือเหตุการณ์อะไรในคืนนั้นอีก แค่จู่ๆ ต้องโคจรมาอยู่กับเขาก็ช็อคมากพอแล้ว“ได้สิ” ดาวฤกษ์รับปากดูเหมือนราตรีดาวจะยังคงเข้าใจผิดว่าคืนนั้นเขากับเธอมีอะไรกันแล้วสินะ ไหนๆ เธอก็เข้าใจแบบนั้นแล้วเขาก็ไม่อยากแก้ต่างเดี๋ยวจะหาว่าแก้ตัวไม่เป็นสุภาพบุรุษ ทั้งๆ ที่ความตั้งใจแรกเมื่อได้พบหน้าผู้หญิงคนที่แม่หมายมั่นอยากให้เขาทำเมียจะทำข้อตกลงกับเธอว่าขอให้ต่างคนต่างอยู่หรือถ้าเธออยากได้เงินเท่
“รุ้ง”“รุ้งจะรอพี่นะคะ ยังไงก็จะรอ” แววตาของเทวิกานั้นเต็มไปด้วยความวิงวอนทว่าดาวฤกษ์กลับเลือกที่จะตัดความหวังนั้นของเธอ เพราะอยากให้อีกฝ่ายเปิดใจให้ใครก็ได้ที่รักและคู่ควรกับเขามากกว่าเขา“อย่ารอเลย พี่บอกแล้วไงว่าไม่เคยคิดอะไรกับรุ้ง เราเป็นพี่น้องกันดีกว่า”“ไม่ค่ะ รุ้งจะรักพี่ฤกษ์”“เอาเป็นว่าพี่กับตรีจะไม่มีวันเลิกกัน”“วันนี้เราออกไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันนะคะ” แทนที่จะเข้าใจและตัดใจเทวิกากลับเลือกที่ตื๊อและปล่อยเบลอราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น“คงไม่ได้ครับ เพราะวันนี้พี่กับตรีกำลังจะย้ายไปทำงานที่ต่างจังหวัดด้วยกัน”“อะไรนะคะ” เทวิกาช็อคไปเล็กน้อยนั่นเพราะเธอไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนนั่นเอง“ถ้ามีโอกาสเราคงได้พบกันนะครับรุ้ง” ดาวฤกษ์ส่งยิ้มให้เทวิกาซึ่งมันคือรอยยิ้มที่ไม่ได้สื่อไปเรื่องชู้สาวแต่อย่างใด ซึ่งเทวิกามักจะได้รับรอยย
ก่อนวันเดินทางราตรีดาวนอนไม่หลับก็ว่าได้ เธอมีเพื่อนสนิทแค่ไม่กี่คนที่สามารถเล่าทุกอย่างในชีวิตให้อีกฝ่ายฟังอย่างไม่ปิดบังแต่เรื่องที่เธอกำลังทำคือข้อยกเว้นเพราะไม่กล้าเล่าจริงๆ จึงบอกไปรยาไปเพียงแค่ว่าเธอจะย้ายไปทำงานที่ต่างจังหวัดชั่วคราวเพราะได้เงินดีกว่าวันรุ่งขึ้นราตรีดาวหิ้วกระเป๋าเดินทางหนึ่งใบไปยังบ้านของกรองแก้ว เมื่อรถแท็กซี่จอดส่งจังหวะที่จะก้าวเท้าลงไปก็ไม่วายถอนหายใจหนักๆ แต่ทุกอย่างก็ต้องเดินต่อ“มาแล้วหรือจ๊ะหนูตรี” กรองแก้วที่ออกมารับ ราตรีดาวด้วยตัวเองเอ่ยทักทายขึ้น“สวัสดีค่ะ” ราตรีดาวยกมือไหว้ผู้สูงวัยก่อนจะส่งยิ้มให้เล็กน้อยแล้วสลัดความรู้สึกหม่นหมองต่างๆ ออกไป“กินอะไรมาหรือยัง”“เรียบร้อยแล้วค่ะ”“เข้าบ้านกันก่อน อีกเดี๋ยวพี่เขาก็คงมา” กรองแก้วคว้ามือของราตรีดาวไว้แล้วพาเข้าบ้านไปทันที ส่วนคนที่ถูกเรียกว่าพี่ขณะนั้นก็กำลังขับรถมุ่งหน้ามาเช่นกันเส