ราตรีดาวเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลเพื่อมาดูแลผู้เป็นแม่ คุณหมอเจ้าของเคสบอกให้เธอทำใจรับความสูญเสียไว้แต่เนิ่นๆ เพราะตอนนี้อวัยวะภายในร่างกายบางของแม่เริ่มทำงานผิดปกติ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ถอดใจหรือยอมแพ้อย่างเด็ดขาดและบอกแม่ให้เข้มแข็งแล้วกลับมาหาเธอให้ได้เช่นกัน
บ่อยครั้งก็เหนื่อยจนหมดแรงจึงเผลอหลับอยู่หน้าห้องไอซียูจนพยาบาลต้องออกมาปลุกบ่อยๆ ทว่าคราวนี้คนที่ผ่านมาเห็นและกำลังจะเข้าไปปลุกเธอกลับเป็นคุณหมอท่านหนึ่ง และก่อนที่คุณหมอท่านนั้นจะได้ทำอย่างที่ตั้งใจเสียโทรศัพท์ของราตรีดาวก็ดังขึ้นจนเธอสะดุ้งตื่น จังหวะที่เธอควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพาย คุณหมอท่านนั้นก็เดินผ่านไปเสียแล้ว “ฮัลโหล” “สรุปเย็นนี้มาได้ไหม” ปลายสายเอ่ยถามทันที นั่นเพราะถ้างานนี้ยังขาดสาวสวยเสิร์ฟน้ำอีกหลายคน ยิ่งติดต่อได้มากเท่าไหร่เงินเปอร์เซ็นต์ที่ไปรยาจะได้ก็มากตามไปด้วยเท่านั้น และมองว่างานนี้เงินดีไม่ต้องทำอะไรจึงชวนราตรีดาวด้วย “ได้ เราเคลียร์งานที่ร้านแล้ว” ปกติราตรีดาวทำงานที่ร้านอาหารแต่วันนี้เธอขอหยุดหนึ่งวันเพราะอยากทำงานที่ได้เงินมากกว่า “ขอบคุณนะตรี” “เราต่างหากที่ต้องขอบคุณเธอที่ช่วยหางานให้” คำพูดของราตรีดาวทำเอาไปรยายิ้มรับได้อย่างไม่เต็มใจนัก เพราะเธอก็ได้ผลประโยชน์เช่นกัน “ไม่เป็นไร มีอะไรก็ช่วยๆ กัน” “เราแค่ไปเสิร์ฟน้ำให้แขกในงานวันเกิดใช่ไหม” ราตรีดาวเอ่ยถามขึ้นเพื่อความมั่นใจ เพราะลึกๆ ก็รู้ว่าไปรยานั้นทำงานพิเศษอะไรอยู่ “ใช่ งานของตรีคือแค่เสิร์ฟน้ำเท่านั้นนะ ไม่จำเป็นต้องดื่มอะไรในงาน” ไปรยากำชับเพราะปกติเธอรับงานเอ็นเตอร์เทนนั่งดื่มเหล้านั่งคุยกับลูกค้าอยู่แล้วเพียงแค่ราตรีดาวไม่รู้เรื่องนี้ก็เท่านั้นเอง และเธอก็ขอร้องกับคนจ้างงานเป็นพิเศษไปแล้วว่าราตรีดาวดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ งานหลักคือแค่ไปเสิร์ฟน้ำ เมื่อออกจากโรงพยาบาลราตรีดาวก็ตรงไปยังสถานที่จัดงานวันเกิดทันที ซึ่งคือผับกึ่งร้านอาหารแห่งหนึ่งที่วันนี้เหมาพื้นที่จัดงานไปเกือบทั้งหมด เว้นเสียแต่โซนทานอาหารที่ยังพอมีโต๊ะว่างให้ลูกค้าทั่วไปบ้าง แม้สถานที่จะดูอึดอัดไปบ้างก็ตามราตรีดาวสลัดความรู้สึกนั้นทิ้งแล้วเข้าไปเตรียมตัว โดยคืนนี้ผู้หญิงทุกคนจะใส่ชุดเหมือนกันมองเผินๆ เหมือนชุดนักศึกษาไม่มีผิด ทว่าก็มีผู้หญิงอีกกลุ่มที่จะมีที่คาดผมหูกระต่ายบนหัว นั่นก็เพื่อต้องการแยกระหว่างพนักงานเสิร์ฟและสายเอ็นเตอร์เทนออกจากกัน งานของราตรีดาวเริ่มขึ้นทันทีที่รับถาดมาไว้ในมือ เธอเดินเสิร์ฟน้ำให้แขกภายในงานที่มีประมาณสามสิบคนได้และการมาทำงานวันนี้ก็ทำให้เธอเปิดโลกให้กว้างขึ้น แม้จะรู้หรือเห็นแต่ก็เลือกที่จะเงียบแล้วทำงานของเธอไป “งานคือเงินเงินคืองานท่องไว้ให้ขึ้นใจ” ราตรีดาวพึมพำกับตัวเอง ยิ่งดึกคนในงานก็ยิ่งมากขึ้น ไฟที่เคยสว่างก็เริ่มสลัว บรรยากาศในงานก็สนุกสนานเพราะมีแอลกอฮอล์เป็นตัวเชื่อม บางจุดบางมุมในงานก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้ราตรีดาวรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย นั่นเพราะการต้องมาเห็นชายหญิงนัวเนียลูบไล้หรือผลัดกันจูบต่อหน้าตาแบบนี้ก็ทำเอาใบหน้าราตรีดาวร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ โดยไม่รู้ว่ามีใครบางคนจ้องมองเธออยู่ตลอดเวลา “เด็กเสิร์ฟน้ำคนนั้นสวยดีว่ะ” “กฎของวันนี้คือห้ามยุ่งกับเด็กที่ไม่มีหูกระต่าย” คนที่ออกกฎคือเจ้าของวันเกิดนั่นเอง “แต่กูจะแหก เพราะของแบบนี้มันตกลงแล้วไปสนุกนอกรอบกันได้” รอยยิ้มเกิดขึ้นที่มุมปากของโรจน์ เขาจ้องมองเป้าหมายราวกับจะกลืนกินเธอไปทั้งตัว ก่อนจะตบกระเป๋ากางเกงเพื่อสำรวจอะไรบางอย่างพอรู้ว่ามีก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา “เอาจริงเหรอ” “อืม…กูเคยพูดเล่นๆ เหรอ เสี่ยอยากตั้งกฎอะไรก็ตั้งไปสิ กฎพวกนั้นทำอะไรกูไม่เคยได้สักครั้ง” นั่นเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โรจน์จะแหกกฎนั่นเอง เพราะคิดว่าตัวเองคือญาติห่างๆ ของเจ้าของวันเกิดหรือที่เรียกว่าเสี่ยนั่นเอง “อีกอย่าง เสี่ยไม่รู้หรอกถ้ามึงหุบปากให้เงียบเข้าไว้” เอ่ยจบโรจน์ก็เดินตรงเข้าไปหาเป้าหมาย โดยระหว่างทางก็คว้าเหล้ามาดื่มอีกหลายแก้ว ความรู้สึกของเขาวันนี้เหมือนเป็นผู้ล่าในขณะที่เหยื่อคือสาวสวยตรงหน้า “ขอเหล้าแก้วหนึ่งครับ” “นี่ค่ะ” เสียงหวานใสของราตรีดาวเอ่ยรับพร้อมกับยื่นแก้วเหล้าให้แขกในงาน ซึ่งเธอทำแบบนี้ติดต่อกันมาได้สองชั่วโมงแล้ว “จบงานแล้วเราไปหาอะไรๆ สนุกทำกันดีไหมคนสวย” ประโยคคำถามของชายตรงหน้าทำให้ราตรีดาวรู้สึกชาไปทั้งหน้าและใจก็ว่าได้ นั่นเพราะเธอเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ ทั้งๆ ที่ปกติเธอมีภูมิเรื่องการถูกคนอื่นดูถูกมาตลอดแต่คำถามนี้คำถามเดียวกลับเทียบไม่ได้เลยจริงๆ “ขอโทษนะคะ ฉันมาเพื่อเสิร์ฟน้ำ” “เอานะ รู้ๆ กันอยู่ ไม่ต้องอายหรอก อยากได้ค่าตัวเท่าไหร่ก็เรียกมาได้เลย” โรจน์เอ่ยราวกับรู้ทันทุกอย่าง “คุณคงมีเงินเยอะ” “ใช่ เยอะพอจะซื้อผู้หญิงแบบเธอได้ทีละเป็นสิบๆ” โรจน์โอ้อวดทั้งๆ ที่เงินเหล่านั้นได้มาจากพ่อทั้งหมด ไม่ใช่เงินที่ทำงานหามาได้ด้วยตัวเอง “ถ้างั้นคงต้องเชิญคุณไปซื้อผู้หญิงคนอื่นดีกว่า เพราะฉันมาที่นี่แค่ทำงานเสิร์ฟน้ำให้แขก ไม่ได้มาเพื่อขายตัวให้ใคร” คำตอบของราตรีดาวทำให้โรจน์หน้าชาแต่กับวิทย์แล้วกลับรู้สึกสะใจอยู่ลึกๆ คนแบบโรจน์ต้องเจอผู้หญิงแบบนี้เสียบ้าง “ถ้าคุณไม่ต้องการรับน้ำอะไรแล้ว ฉันขอตัวก่อน” “เดี๋ยว” เอ่ยค้านเสร็จโรจน์ก็เดินมาดักหน้าของราตรีดาวไว้ แล้วยื่นแก้วเหล้าในมือให้เธอ “ถ้าจะไปต้องดื่มเหล้าแก้วนี้ให้หมดก่อน” “ฉันดื่มไม่ได้ค่ะ” “ถ้าฉันต้องการให้เธอดื่ม เธอก็ต้องดื่ม” โรจน์ตะคอกเสียงดังลั่นแต่เสียงเพลงในงานก็ช่วยกลบจนทุกอย่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “กูดื่มเอง” วิทย์อาสาเพราะรู้สึกสงสารราตรีดาวนั่นเอง “อย่าเสือกได้ไหมไอ้วิทย์ กูบอกให้เด็กนี่ดื่มไม่ใช่มึง” “ฉันดื่มไม่ได้จริงๆ ค่ะ” ราตรีดาวปฏิเสธอย่างสุภาพแต่แทนที่อีกฝ่ายจะยอมรับและทำตามโรจน์กลับสะแยะยิ้มออกมาพร้อมกับจ้องมองเธอผ่านความสลัวด้วยแววตาไม่พอใจ โรจน์คือลูกชายของนักการเมืองผู้มีอิทธิพลของที่นี่ ซึ่งพ่อของเขาสนิทสนมกับเจ้าของวันเกิดเป็นอย่างดี เขาเป็นคนประเภทอยากได้อะไรแล้วต้องได้ยิ่งเวลานี้ในเลือดมีแอลกอฮอล์ผสมอยู่มากเพราะดื่มหนักตั้งแต่มาถึงงาน นั่นทำให้ชายหนุ่มขาดสติชายหนุ่มรั้งรอจังหวะกระทั่งเห็นราตรีดาววางถาดลงกับโต๊ะเพื่อเก็บแก้วจึงเดินตรงปรี่เข้าไปหาแล้วล็อคตัวราตรีดาวไว้รวดเร็ว นั่นทำให้เธอเกิดอาการเหวอทันทีก่อนจะขยับหนีและปัดป้องทว่าสุดท้ายก็พลาดพลั้งถูกโรจน์ล็อคตัวเอาไว้ได้ “โรจน์เดี๋ยว” วิทย์ที่เห็นเหตุการณ์พยายามห้าม ทว่าจังหวะนั้นโรจน์ที่จับใบหน้าของราตรีดาวไว้ได้แล้วก็ออกแรงบีบจนปากของเธออ้าออก เสี้ยววินาทีต่อมาก็กรอกเหล้าในแก้วที่ถืออยู่ซึ่งเมื่อครู่เขาได้ผสมอะไรบางอย่างลงไปเข้าปากเธอทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากมากเสียจนราตรีดาวตั้งตัวไม่ทัน เพราะถูกบีบปากไว้ทำให้ราตรีดาวจำต้องกลืนเหล้าบางส่วนลงคออีกบางส่วนเลอะตรงลำคอและเสื้อ เธอไอจนหน้าแดงก่ำหวังลึกๆ ว่าจะมีใครสักคนเข้ามาช่วยให้รอดพ้นจากสถานการณ์ในตอนนี้แต่เหมือนจะไม่มีใครมาสนใจ เธอจึงต้องเอาตัวเองให้รอด“ทำอะไรกัน” เสียงทุ้มจากใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้น นั่นทำให้โรจน์จำต้องปล่อยราตรีดาวให้เป็นอิสระ แม้เขาจะไม่รู้จักแขกในงานของเสี่ยครบทุกคน แต่รู้ว่าทุกคนที่ได้รับเชิญให้มาร่วมงานนั้นไม่ธรรมดาทั้งสิ้น ทางที่ดีคือเขาไม่ควรที่จะไปมีเรื่องด้วย “เราก็แค่คุยกันตามประสาคนรู้จักนะครับ” โรจน์เอ่ย
เสียงน้ำที่ดังมาจากภายในห้องน้ำก้องอยู่ในหัวของราตรีดาว บ่งบอกว่าตอนนี้มีคนใช้ห้องน้ำอยู่ เธอลืมตาขึ้นแล้วมองเพดานห้องที่ไม่มีความคุ้นตาเลยแม้แต่น้อยก่อนจะเด้งตัวขึ้นมากึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง แม้จะเจ็บตรงท้องก็กัดฟันข่มความเจ็บไว้ ก่อนที่ภาพเหตุการณ์ต่างๆ จะกรูเข้ามาในความคิดนั่นทำให้ราตรีดาวชาวูบไปทั้งตัวดวงตาทั้งสองข้างของเธอเวลานี้แดงก่ำ ความกลัวรวมถึงความเสียใจเข้าครอบงำจนแทบหายใจไม่ออกด้วยซ้ำ เธอก้มมองร่างกายตัวเองด้วยม่านน้ำตาที่กำลังไหล แม้เสื้อผ้าจะยังอยู่บนตัวครบทุกชิ้นแต่มันก็ไม่ได้การันตีว่าเธอยังไม่ได้ถูกล่วงเกิน และก่อนที่สมองจะได้คิดอะไรประตูห้องน้ำก็เปิดออกและคนที่ก้าวออกมาก็เป็นคนละคนกับเมื่อคืน“ตื่นแล้วเหรอครับ เป็นไงบ้าง ยังเจ็บอยู่ไหม” เสียงทุ้มของดาวฤกษ์เอ่ยถามเพราะเป็นห่วงแผลฟกช้ำตรงบริเวณท้องของเธอนั่นเองแต่ทว่าคำถามนั้นกลับคล้ายมีดปลายแหลมที่พุ่งเข้าใส่หัวใจของราตรีดาว เธอเจ็บปวดจึงสบตาอีกฝ่ายได้แค่ไม่กี่วินาทีก็หลบสายตาเขาแล้วมองไปที่จุดอื่นแทน มือของเธอเย็นเฉียบเพราะกำลังช็อค ร่างกายเหมือนตายไปแล้ว “เมื่อคืน…”“อ้อ…คือว่า” จังหวะที่ดาวฤกษ์กำลังจะอธิบาย เสีย
คนที่ใช่ เวลาที่ใช่ สถานการณที่ใช่เมื่อทุกอย่างมีแต่คำว่าใช่ก็จงพร้อมที่จะก้าวไปพร้อมกับความรู้สึกของหัวใจ ดั่งเช่นความรักของพระนางในเรื่องนี้ค่ะ แม้จุดเริ่มต้นมันดูฉุกละหุกจนเจ็บปวดไปบ้างแต่หลังจากนั้นสิ่งที่ตอบแทนพวกเขาคือความหอมหวาน บิลค่ารักษาพยาบาล ไหนจะค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่รวมกันแล้วเป็นจำนวนมหาศาล มันคือแรงกดดันที่ทำให้หญิงสาวตัวเล็กๆ อย่างราตรีดาวนั่งทอดถอนใจอย่างกลัดกลุ้มอยู่หน้าห้องการเงิน เพราะไม่ว่าจะหันหน้าไปทางไหนคำตอบที่ได้คือความว่างเปล่าไร้ซึ่งหนทางออกแม้แต่ทางเดียวเธอเกิดมาในครอบครัวที่ไม่ได้มีฐานะ พ่อและแม่ทำงานหาเช้ากินค่ำยิ่งมาเกิดเหตุการณ์ครั้งใหญ่เมื่อหลายวันก่อนก็ยิ่งทำให้สถานการณ์ครอบครัวเธอแย่ลงจนติดลบ อุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิดได้พรากลมหายใจของพ่อไปจากเธอในขณะที่แม่นั้นก็โคม่าเป็นตายเท่ากัน ค่ารักษาพยาบาล รวมถึงค่าเสียหายที่คู่กรณีเรียกร้องมานั้นมากมาย ทุกอย่างถาโถมเข้าหาจนราตรีดาวโอนเอนอย่างไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะเดินต่อ ญาติพี่น้องที่คิดว่าจะหันหน้าไปพึ่งพากลับกลายเป็นเพียงคนอื่นในพริบตา เวลานี้เธอจึงเหมือนตัวคนเดียวไม่มีผิดราตรีดาวเป็นเพียงผู้หญิงตั