ชายหนุ่มรั้งรอจังหวะกระทั่งเห็นราตรีดาววางถาดลงกับโต๊ะเพื่อเก็บแก้วจึงเดินตรงปรี่เข้าไปหาแล้วล็อคตัวราตรีดาวไว้รวดเร็ว นั่นทำให้เธอเกิดอาการเหวอทันทีก่อนจะขยับหนีและปัดป้องทว่าสุดท้ายก็พลาดพลั้งถูกโรจน์ล็อคตัวเอาไว้ได้
“โรจน์เดี๋ยว” วิทย์ที่เห็นเหตุการณ์พยายามห้าม ทว่าจังหวะนั้นโรจน์ที่จับใบหน้าของราตรีดาวไว้ได้แล้วก็ออกแรงบีบจนปากของเธออ้าออก เสี้ยววินาทีต่อมาก็กรอกเหล้าในแก้วที่ถืออยู่ซึ่งเมื่อครู่เขาได้ผสมอะไรบางอย่างลงไปเข้าปากเธอทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากมากเสียจนราตรีดาวตั้งตัวไม่ทัน เพราะถูกบีบปากไว้ทำให้ราตรีดาวจำต้องกลืนเหล้าบางส่วนลงคออีกบางส่วนเลอะตรงลำคอและเสื้อ เธอไอจนหน้าแดงก่ำหวังลึกๆ ว่าจะมีใครสักคนเข้ามาช่วยให้รอดพ้นจากสถานการณ์ในตอนนี้แต่เหมือนจะไม่มีใครมาสนใจ เธอจึงต้องเอาตัวเองให้รอด “ทำอะไรกัน” เสียงทุ้มจากใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้น นั่นทำให้โรจน์จำต้องปล่อยราตรีดาวให้เป็นอิสระ แม้เขาจะไม่รู้จักแขกในงานของเสี่ยครบทุกคน แต่รู้ว่าทุกคนที่ได้รับเชิญให้มาร่วมงานนั้นไม่ธรรมดาทั้งสิ้น ทางที่ดีคือเขาไม่ควรที่จะไปมีเรื่องด้วย “เราก็แค่คุยกันตามประสาคนรู้จักนะครับ” โรจน์เอ่ยตอบพร้อมกับปล่อยราตรีดาวทันที แม้จะไม่รู้ว่าเป้าหมายกลืนไปมากน้อยแค่ไหนก็ตามแต่สำหรับเขาแค่สองสามอึกก็เกินพอ “จริงหรือเปล่า” ดาวฤกษ์ที่วันนี้แวะมากินข้าวที่นี่เอ่ยถามขึ้นเมื่อครู่เขาผ่านมาเห็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้นเข้า อันที่จริงเขารู้สึกคุ้นหน้าผู้หญิงคนข้างๆ อย่างบอกไม่ถูกแต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน “ค่ะ” เพราะไม่อยากมีปัญหาราตรีดาวจึงจำต้องเอ่ยรับ “ไว้เจอกันครับคนสวย” คำพูดของชายตรงหน้าทำให้ราตรีดาวเครียดทันที นั่นหมายความว่าเธออาจสลัดผู้ชายป่าเถื่อนคนนี้ไม่ได้ ส่วนโรจน์นั้นเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามที่ต้องการจึงเดินออกไปตามด้วยวิทย์ แต่ก็ยังคงจับตามองเหยื่อของเขาอยู่ตลอดเวลา “ไม่เป็นอะไรจริงๆ ใช่ไหม เธอไม่จำเป็นต้องโกหกนะ” ชายคนนั้นหันมาถามราตรีดาว แต่เวลานี้เธอแสบไปทั้งคอจึงพูดโต้ตอบอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงโบกไม้โบกมือบอกเขาว่าเธอไม่เป็นอะไร ผ่านไปครู่หนึ่งถึงเปล่งเสียงออกมา “ขอบคุณที่เมื่อกี้คุณเข้ามาถาม แต่ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” เอ่ยบอกเสร็จเธอก็รีบเดินจ้ำไปหลังร้านทันที ราตรีดาวรีบคว้าน้ำเปล่ามาดื่มซึ่งเธอดื่มไปหลายต่อหลายแก้วทว่าความรู้สึกร้อนวูบๆ วาบๆ ในคอกลับยังไม่หายไป พร้อมกับพยายามเอาผ้าเช็ดคราบเหล้าที่เลอะตรงปกเสื้อและลำคอออก ใจจริงอยากกลับบ้านเสียแต่ตอนนี้แต่ถ้าทำแบบนั้นวันนี้เธอคงไม่ได้ค่าแรงแน่นอน นั่นทำให้ราตรีดาวฝืนออกไปทำงานต่อเพราะคิดว่าอาการที่เกิดขึ้นกับเธอขณะนี้มาจากเหล้าแก้วนั้นหมดฤทธิ์เหล้าเมื่อไหร่ทุกอย่างคงดีขึ้น แต่สิ่งที่ราตรีดาวคิดกลับผิดมหันต์เพราะยิ่งเธอต่อต้านอาการแปลกๆ ก็ยิ่งปรากฎรวมถึงรู้สึกง่วงผิดปกติ จังหวะที่เธอกำลังโอนเอนเหมือนจะล้ม จู่ๆ ก็มีคนมาช้อนตัวรับไว้ “บอกแล้วไงว่าเราต้องได้เจอกันอีก”“บอกแล้วไงว่าเราต้องได้เจอกันอีก” เสียงที่ดังขึ้นข้างหูทำให้ราตรีดาวตกใจสุดขีด ความกลัวทำให้สั่นไปทั้งตัว นั่นเพราะก่อนหน้านี้เธอกวาดสายตามองหาเจ้าของเสียงอย่างระแวดระวังมาตลอด แต่กลับไม่เจอเขาหนำซ้ำยังคิดเองเออเองว่าเขาคงกลับออกไปจากงานแล้ว ทว่าจู่ๆ กลับโผล่เข้ามาข้างๆ แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“ได้เวลาที่เราต้องไปสนุกกันแล้วสาวน้อย” “ปล่อยฉันนะ ปล่อย…อือ” เสียงของราตรีดาวหายไปเมื่อถูกโรจน์ใช้มือขนาดใหญ่ของเขาปิดปากเธอเอาไว้ ราตรีดาวดิ้นรนเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่เธอไม่อยากเจอที่สุดในชีวิต แม้ในร่างกายจะมีสารกระตุ้นบางอย่างแต่ความกลัวของเธอก็ทำให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ ฮึดสู้จนข่วนเล็บเข้าที่ตาของโรจน์อย่างแรง นั่นทำให้ชายหนุ่มต้องปล่อยเธอทันที “อีนี่ ฤทธิ์เยอะนักใช่ไหม” เอ่ยจบโรจน์ก็เงื้อมือตบใบหน้าเล็กๆ ของราตรีดาวอย่างแรง เสียงเพลงในงานกลบเสียงทุกอย่างแม้กระทั่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือของราตรีดาว โรจน์ใช้แรงที่มีมากกว่าลากตัวราตรีดาวออกมาจากงานได้สำเร็จ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็พยายามที่จะเอาตัวให้รอดทุกวิถีทางเช่นกัน ยิ่งเธอต่อต้านโรจน์ก็ยิ่งใช้กำลังและสิ่งที่ราตรีดาวได้รับในเวลานี้คือความเจ็บปวดที่จุกไปทั่วทั้งร่างเมื่อเธอถูกชายหนุ่มต่อยเข้าที่ท้องน้อย แต่ถึงอย่างนั้นราตรีดาวก็ยังมีแรงขัดขืนยิ่งทำให้โรจน์หงุดหงิดเพราะกลัวมีคนผ่านมาเห็นเข้า “ช่วยด้วย ช่วยด้วย” ราตรีดาวตะโกนขอความช่วยเหลือด้วยแรงที่มี โรจน์เห็นท่าไม่ดีจึงเผลอบีบคอของเธอเข้าแรงบีบทำให้ราตรีดาวหายใจไม่ออกและหมดสติไปในที่สุด โรจน์หน้าเสียเล็กน้อยเพราะกลัวเกิดปัญหาหากเขาทำเธอตายขึ้นมา แต่เมื่อตรวจสอบแล้วเหยื่อยังคงหายใจเขาจึงยิ้มออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะพาเธอไปที่รถโดยมีวิทย์คอยดูต้นทาง แต่จู่ๆ คนดูต้นทางก็ถูกล็อคตัวไปยังมุมอับของผับและเพียงไม่กี่นาทีต่อจากนั้นคนที่ก้าวออกมากลับไม่ใช่วิทย์ ดาวกฤษ์บีบมือตัวเองสองสามครั้ง นานๆ จะได้ออกแรงแบบนี้ก็สนุกไปอีกแบบ เพราะปกติชายหนุ่มจะอยู่แต่กับคนไข้กับโรคภัยที่ต้องวินิจฉัยเป็นส่วนใหญ่ ก่อนที่คุณหมอหนุ่มจะเดินตรงไปยังรถของเป้าหมายแต่ก็ต้องรีบหลบเมื่อเห็นโรจน์หันมองมาจุดที่ยืนอยู่ “หายไปไหนของมันวะ” โรจน์กระฟัดกระเฟียดเหตุเพราะมองหาเพื่อนสนิทไม่เจอนั่นเอง นี่ถ้ากุญแจรถไม่อยู่ที่วิทย์ล่ะก็ป่านนี้เขาขับออกไปนานแล้ว เพราะแบบนั้นโรจน์จึงจำต้องปล่อยเหยื่อไว้ในรถก่อนชั่วคราวแล้วออกเดินตามหาวิทย์ ดาวกฤษ์จึงใช้จังหวะจึงรีบเข้าไปช่วยเธอออกมาทันที ยิ่งตอนนี้นึกออกแล้วว่าเขาเคยเจอผู้หญิงคนนี้ที่ไหนก็ยิ่งต้องช่วย เพราะถ้าเธอเป็นอะไรขณะที่แม่ยังรักษาตัวอยู่ในไอซียูแบบนั้นคงไม่ดีเท่าไหร่ ดาวฤกษ์พาราตรีดาวไปที่รถแล้วขับออกไปทันที ปล่อยให้โรจน์ควานหาทั้งเพื่อนและเธอต่อไป ซึ่งทันทีที่กลับมายังรถแล้วไม่เจอเหยื่อโรจน์ยิ่งอาละวาดและประกาศกร้าวว่าจะเอาคืนใครก็ตามที่กล้าทำแบบนี้กับเขา “จะพาไปไหนดี” ดาวฤกษ์เอ่ยถามกับตัวเอง ในขณะที่เวลานี้ราตรีดาวยังคงนอนไม่ได้สติอยู่ข้างๆ หมอหนุ่มถอนหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะเลี้ยวรถเข้าโรงแรมแห่งหนึ่งแทนการกลับไปที่คอนโดมิเนียมของเขาเสียงน้ำที่ดังมาจากภายในห้องน้ำก้องอยู่ในหัวของราตรีดาว บ่งบอกว่าตอนนี้มีคนใช้ห้องน้ำอยู่ เธอลืมตาขึ้นแล้วมองเพดานห้องที่ไม่มีความคุ้นตาเลยแม้แต่น้อยก่อนจะเด้งตัวขึ้นมากึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง แม้จะเจ็บตรงท้องก็กัดฟันข่มความเจ็บไว้ ก่อนที่ภาพเหตุการณ์ต่างๆ จะกรูเข้ามาในความคิดนั่นทำให้ราตรีดาวชาวูบไปทั้งตัวดวงตาทั้งสองข้างของเธอเวลานี้แดงก่ำ ความกลัวรวมถึงความเสียใจเข้าครอบงำจนแทบหายใจไม่ออกด้วยซ้ำ เธอก้มมองร่างกายตัวเองด้วยม่านน้ำตาที่กำลังไหล แม้เสื้อผ้าจะยังอยู่บนตัวครบทุกชิ้นแต่มันก็ไม่ได้การันตีว่าเธอยังไม่ได้ถูกล่วงเกิน และก่อนที่สมองจะได้คิดอะไรประตูห้องน้ำก็เปิดออกและคนที่ก้าวออกมาก็เป็นคนละคนกับเมื่อคืน“ตื่นแล้วเหรอครับ เป็นไงบ้าง ยังเจ็บอยู่ไหม” เสียงทุ้มของดาวฤกษ์เอ่ยถามเพราะเป็นห่วงแผลฟกช้ำตรงบริเวณท้องของเธอนั่นเองแต่ทว่าคำถามนั้นกลับคล้ายมีดปลายแหลมที่พุ่งเข้าใส่หัวใจของราตรีดาว เธอเจ็บปวดจึงสบตาอีกฝ่ายได้แค่ไม่กี่วินาทีก็หลบสายตาเขาแล้วมองไปที่จุดอื่นแทน มือของเธอเย็นเฉียบเพราะกำลังช็อค ร่างกายเหมือนตายไปแล้ว “เมื่อคืน…”“อ้อ…คือว่า” จังหวะที่ดาวฤกษ์กำลังจะอธิบาย เสีย
“คุณแม่รู้แล้วเหรอครับ”“อืม…รู้แล้ว นี่ถ้าแม่ไม่คาดคั้นจากคุณลุงก็คงไม่รู้อะไรอีกตามเคย” เอ่ยจบก็ถอนหายใจออกมาเพราะครอบครัวเธอเป็นหมอมาตั้งแต่ต้นตระกูล สามีที่เสียไปแล้วของเธอก็เป็นหมอ “อันที่จริงผมก็ตั้งใจจะบอกคุณแม่อยู่พอดี” “บอกตอนไหน ไม่ใช่ก่อนวันเดินทางหรอกนะ”“โธ่คุณแม่ครับ” ดาวฤกษ์แกล้งโอดโอย แต่ดูเหมือนผู้เป็นแม่จะไม่คล้อยตามแม้แต่น้อย “คราวนี้จะไปนานแค่ไหน”“ยังไม่มีกำหนดครับ พอดีที่นั่นพึ่งจะสร้างโรงพยาบาล กว่าอะไรจะเข้าที่เข้าทางคงอีกพักใหญ่ๆ” อันที่จริงนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ดาวฤกษ์ขอย้ายไปทำงานตามโรงพยาบาลต่างจังหวัด ไปมาหลายครั้งซึ่งกรองแก้วก็เป็นห่วงทุกครั้งเช่นกัน “หมอมีเป็นร้อยๆ ทำไมต้องเป็นลูกด้วย”“เพราะผมอยากไปครับคุณแม่” ดาวฤกษ์เอ่ยบอกเหตุผลไป “โรงพยาบาลเอกชนหรือรัฐบาลดีๆ ในกรุงเทพฯ ก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ ลูกไม่ต้องดิ้นรนไปเจอความลำบากทั้งๆ ที่คนอื่นเขาไม่ต้องการก็ได้นี่ฤกษ์” นั่นเพราะกรองแก้วเคยตามดาวฤกษ์ไปทำงานที่ต่างจังหวัดมาบ้าง จึงเห็นว่าสถาพบ้านพักมีแต่ทรุดโทรม ที่อยู่ที่กินไม่พร้อมสักอย่าง “คนอื่นจะคิดยังไงก็ช่าง แต่ผมอยากไปจริงๆ คนที่นั่นขาดหมอและถ้าผมไปจ
“คือว่าแม่หนูท่านไม่สบาย คุณหมอบอกให้รีบไปโรงพยาบาลด่วน” น้ำเสียงของราตรีดาวสั่นเล็กน้อยเพราะเธอห่วงว่าครั้งนี้แม่จะไม่กลับมาหาอีกแล้ว “งั้นรีบไป เดี๋ยวฉันให้คนขับรถขับไปส่งเอง”“ไม่เป็นไรค่ะ หนูนั่งวินมอไซค์ไปได้”“ไม่ได้ๆ ฝนเริ่มลงเม็ดแล้ว ขึ้นรถเถอะ จะได้รีบไปกัน” กรองแก้วรบเร้า “ขอบคุณมากค่ะ” ในที่สุดราตรีดาวก็ยอมเข้าไปนั่งในรถคันหรูของกรองแก้ว จากนั้นคนขับรถก็รีบขับพาคนทั้งคู่ไปยังโรงพยาบาล เมื่อมาถึงยังไม่ทันที่รถจะได้จอดสนิทด้วยซ้ำ ราตรีดาวก็หันมาไหว้ลาพร้อมขอบคุณกรองแก้วแล้วเปิดประตูลงไปจากรถอย่างรีบร้อน “กลับกันเถอะ ไว้พรุ่งนี้เทิดค่อยมาดูว่าแม่ของหนูตรีเป็นยังไงบ้าง” “ได้ครับ” คนขับรถของกรองแก้วเอ่ยรับก่อนจะพาเจ้านายมุ่งตรงกลับบ้าน ซึ่งขณะนั้นอาการของแม่ ราตรีดาวนั้นโคม่าอีกครั้งแต่เธอก็ยังไม่ถอดใจที่จะยื้อลมหายใจของแม่ไว้ แม้จะเป็นการยื้อด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ก็ตาม นั่นเพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะรับความสูญเสียจริงๆ วันรุ่งขึ้นคนขับรถของกรองแก้วก็แวะไปที่โรงพยาบาลอีกครั้งพร้อมกับสืบข่าวเรื่องอาการป่วยของแม่ราตรีดาวอย่างละเอียดจากนั้นก็กลับไปรายงานผู้เป็นเจ้านาย
“เงินหรือทองใช่ไหม”“ไม่ใช่”“งั้นเอามาดูหน่อย” เอ่ยจบก็เข้าไปแย่งซองสีน้ำตาลมาจากมือของราตรีดาวทันที“ไม่ได้นะลุง นี่มันเงินค่ารักษาแม่นะ” ราตรีดาวพยายามยื้อเพื่อไม่ให้คมสันแย่งเงินไปจากมือตัวเองได้ แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ“เออ…เอามาให้กูยืมก่อนไม่ได้หรือไง อีกอย่างแม่มึงก็เหมือนคนจะตายไม่ตายแหล่อยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจไม่ใช่หรือไง ปล่อยๆ มันไปเถอะ จะยื้อมันไว้อีกทำไม ทรมานเปล่าๆ” คำพูดร้ายๆ ที่แทงความรู้สึกดังขึ้นจากปากของพี่ชายแท้ๆ ของแม่ทำให้ราตรีดาวช็อคไป“ลุงพูดแบบนี้ได้ยังไง แม่หนูก็น้องแท้ๆ ของลุงนะ ทำไมถึงบอกให้หนูฆ่าแม่ตัวเองแบบนั้น”“กูไม่ได้บอกให้มึงฆ่าแต่กูบอกให้มึงปล่อยมันไป มึงนั่นแหละกำลังทำให้แม่ตายทั้งเป็น เอาเงินมานี่” เอ่ยจบคมสันก็ออกแรงยื้อซองสีน้ำตาลจากมือของราตรีดาวอีกครั้ง“ถ้าจะเอาก็เอาก้อนนี้ไป ส่วนก้อนนี้เป็นตายร้ายดียังไงหนูก็ไม่ให้&
“แม่ครับ” สีหน้าของคนฟังไม่สู้ดีนัก เพราะดูเหมือนคราวนี้แม่เขาจะเอาจริง“ว่าไง ถ้าอยากไปทำงานก็รับข้อเสนอของแม่” เมื่อยังไม่ได้คำตอบที่อยากได้เสียทีกรองแก้วก็เอ่ยถามขึ้น ในขณะที่ดาวฤกษ์ก็ใช้ความคิดเพื่อไต่ตรองกับตัวเองอยู่สักพักใหญ่ๆแม่เขาหาเมียให้แถมยังกำชับว่าเขาต้องมีลูกกับเธอภายในสามเดือน ผู้หญิงคนนั้นมาจากไหนและเธอเป็นใครกันหรือเขาจะยอมทำตามที่แม่ต้องการไปก่อนเพื่อได้ย้ายไปทำงานต่างจังหวัด จากนั้นค่อยไปตกลงต่างคนต่างแยกย้ายกับเธอภายหลัง“งั้นผมถามคุณแม่ข้อเดียว”“ได้ ถามมาสิ”“ผู้หญิงคนนั้นใช่รุ้งไหม” นั่นเพราะดาวฤกษ์ไม่เคยคิดอะไรกับเทวิกา ขืนผู้หญิงคนนั้นคือเธอขึ้นมาจริงๆ การตกลงหลังจากนี้คงเป็นไปไม่ได้แน่นอน“ไม่ใช่หนูรุ้ง” กรองแก้วเอ่ยตอบ จู่ๆ ใบหน้าของ ดาวฤกษ์ที่เครียดอย่างเห็นได้ชัดก็คลี่ยิ้มตรงมุมปากออกมาเล็กน้อย นั่นเพราะเขาไม่ได้คิดอะไรกับเทวิกาขืนให้อยู่กับเธอแบบสามีภรรยาคงได้อกแต
ก่อนวันเดินทางราตรีดาวนอนไม่หลับก็ว่าได้ เธอมีเพื่อนสนิทแค่ไม่กี่คนที่สามารถเล่าทุกอย่างในชีวิตให้อีกฝ่ายฟังอย่างไม่ปิดบังแต่เรื่องที่เธอกำลังทำคือข้อยกเว้นเพราะไม่กล้าเล่าจริงๆ จึงบอกไปรยาไปเพียงแค่ว่าเธอจะย้ายไปทำงานที่ต่างจังหวัดชั่วคราวเพราะได้เงินดีกว่าวันรุ่งขึ้นราตรีดาวหิ้วกระเป๋าเดินทางหนึ่งใบไปยังบ้านของกรองแก้ว เมื่อรถแท็กซี่จอดส่งจังหวะที่จะก้าวเท้าลงไปก็ไม่วายถอนหายใจหนักๆ แต่ทุกอย่างก็ต้องเดินต่อ“มาแล้วหรือจ๊ะหนูตรี” กรองแก้วที่ออกมารับ ราตรีดาวด้วยตัวเองเอ่ยทักทายขึ้น“สวัสดีค่ะ” ราตรีดาวยกมือไหว้ผู้สูงวัยก่อนจะส่งยิ้มให้เล็กน้อยแล้วสลัดความรู้สึกหม่นหมองต่างๆ ออกไป“กินอะไรมาหรือยัง”“เรียบร้อยแล้วค่ะ”“เข้าบ้านกันก่อน อีกเดี๋ยวพี่เขาก็คงมา” กรองแก้วคว้ามือของราตรีดาวไว้แล้วพาเข้าบ้านไปทันที ส่วนคนที่ถูกเรียกว่าพี่ขณะนั้นก็กำลังขับรถมุ่งหน้ามาเช่นกันเส
“รุ้ง”“รุ้งจะรอพี่นะคะ ยังไงก็จะรอ” แววตาของเทวิกานั้นเต็มไปด้วยความวิงวอนทว่าดาวฤกษ์กลับเลือกที่จะตัดความหวังนั้นของเธอ เพราะอยากให้อีกฝ่ายเปิดใจให้ใครก็ได้ที่รักและคู่ควรกับเขามากกว่าเขา“อย่ารอเลย พี่บอกแล้วไงว่าไม่เคยคิดอะไรกับรุ้ง เราเป็นพี่น้องกันดีกว่า”“ไม่ค่ะ รุ้งจะรักพี่ฤกษ์”“เอาเป็นว่าพี่กับตรีจะไม่มีวันเลิกกัน”“วันนี้เราออกไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันนะคะ” แทนที่จะเข้าใจและตัดใจเทวิกากลับเลือกที่ตื๊อและปล่อยเบลอราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น“คงไม่ได้ครับ เพราะวันนี้พี่กับตรีกำลังจะย้ายไปทำงานที่ต่างจังหวัดด้วยกัน”“อะไรนะคะ” เทวิกาช็อคไปเล็กน้อยนั่นเพราะเธอไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนนั่นเอง“ถ้ามีโอกาสเราคงได้พบกันนะครับรุ้ง” ดาวฤกษ์ส่งยิ้มให้เทวิกาซึ่งมันคือรอยยิ้มที่ไม่ได้สื่อไปเรื่องชู้สาวแต่อย่างใด ซึ่งเทวิกามักจะได้รับรอยย
ดาวฤกษ์กลับมาพร้อมถังน้ำแข็งและผ้าขนหนูผืนเล็ก จากนั้นก็จัดการเริ่มประคบเย็นลงไปบนแก้มฝั่งที่กำลังบวมของราตรีดาวโดยที่เธอปฏิเสธหรือต่อต้านเขาไม่ได้ด้วยซ้ำไป หมอหนุ่มแอบใช้จังหวะนั้นมองหน้าเธออย่างสนใจก่อนที่สมองจะหวนคิดไปถึงเรื่องของเขากับเธอในคืนนั้น“เก็บเบอร์โทรพี่ไว้อยู่ไหม” ดาวฤกษ์แทนตัวเองว่าพี่ทันที“ไม่ได้เก็บค่ะ พอดีว่าวันนั้นรีบออกไปเลยลืมหยิบไปด้วย”“อย่างนั้นเหรอ”“อย่าพูดถึงเรื่องในคืนนั้นอีกได้ไหมคะ” น้ำเสียงสั่นๆ ของราตรีดาวเอ่ยขอร้องอีกฝ่าย เพราะเธอไม่อยากได้ยินเรื่องราวหรือเหตุการณ์อะไรในคืนนั้นอีก แค่จู่ๆ ต้องโคจรมาอยู่กับเขาก็ช็อคมากพอแล้ว“ได้สิ” ดาวฤกษ์รับปากดูเหมือนราตรีดาวจะยังคงเข้าใจผิดว่าคืนนั้นเขากับเธอมีอะไรกันแล้วสินะ ไหนๆ เธอก็เข้าใจแบบนั้นแล้วเขาก็ไม่อยากแก้ต่างเดี๋ยวจะหาว่าแก้ตัวไม่เป็นสุภาพบุรุษ ทั้งๆ ที่ความตั้งใจแรกเมื่อได้พบหน้าผู้หญิงคนที่แม่หมายมั่นอยากให้เขาทำเมียจะทำข้อตกลงกับเธอว่าขอให้ต่างคนต่างอยู่หรือถ้าเธออยากได้เงินเท่
ทันทีที่เข้ามาในห้องนอนได้ ดาวฤกษ์ที่อารมณ์ปรารถนาลุกโชนไปแล้วก็ผลักราตรีดาวเบาๆ เพื่อให้เธอลงนอนราบกับเตียงขนาดหกฟุต ริมฝีปากร้อนชื้นทำหน้าที่เล้าโลมภรรยาสาวจนเธออ่อนระทวยก่อนจะวกขึ้นไปจูบปากอิ่มอย่างเร่าร้อนพร้อมกันนั้นต่างฝ่ายก็ต่างจัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองกระทั่งเปลือยเปล่า เซ็กซ์จานด่วนที่แข่งกับเวลาว่าเมื่อไหร่ลูกจะตื่นช่างตื่นเต้นเหลือเกินยิ่งตื่นเต้นสารอะดรีนาลีนในร่างกายก็ยิ่งหลั่งออกมาส่งผลให้ยิ่งโหยหา ดาวฤกษ์ถอนจูบออกก่อนจะพรมจูบหนักๆ ลงไปจนทั่วตัวของราตรีดาวโดยเฉพาะบริเวณหน้าอกทั้งสองข้างที่อวบอิ่มเต็มมือ “พี่รักตรีนะ รักมากเหลือเกินที่รักของพี่…อืม” ท้ายเสียงของดาวฤกษ์นั่นครางกระเส่าด้วยไฟราคะยิ่งเขาจงใจบดเบียดสะโพกเข้าหาราตรีดาวเพื่อให้แกนกายเสียดสีกับกลีบกุหลาบของเธอด้วยแล้วก็ยิ่งเสียวซ่าน ก่อนจะค่อยๆ กดสิ่งนั้นเข้าสู่ภายในตัวของภรรยา ราตรีดาวสะดุ้งเฮือกก่อนจะครางกระเส่าในเวลาต่อมา ใบหน้าสวยเหยเกดูทรมานเพราะจังหวะถาโถมเข้าหาเธอของดาวฤกษ์นั้นหนักหน่วงจนยากจะต้านทานไหว แม้จะอยู่กินกันมาจนมีลูกเป
ทันทีที่รู้ข่าวดาวฤกษ์ก็ตรงดิ่งไปหาเธอที่โรงพยาบาลทันที ซึ่งขณะนั้นราตรีดาวกำลังจะนอนรอคลอดอยู่ในห้อง ซึ่งเขาสามารถเข้าไปอยู่กับเธอได้“มดลูกเปิดได้แปดเซ็นแล้วครับตรี อดทนหน่อยนะ” ราตรีดาวพยักหน้ารับก่อนที่ความเจ็บเพราะมดลูกบีบตัวจะเล่นงานจนนิ่วหน้าเธอนอนรอเวลาเพื่อให้มดลูกเปิดแบบนี้มานานหลายชั่วโมงแล้วในขณะที่ดาวฤกษ์ก็พยายามชวนเธอคุยเพื่อให้เธอลืมความเจ็บ กระทั่งหมอเข้ามาตรวจปากมดลูกเธออีกครั้ง ซึ่งประโยคหลังจากนั้นคือหมอให้เธอเตรียมตัวสำหรับการให้กำเนิดทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ราตรีดาวเบ่งตามจังหวะที่คุณหมอบอกอยู่ราวๆ สิบนาทีโดยขณะนั้นดาวฤกษ์กุมมือเธออยู่ตลอดเวลา ความเจ็บมันมีมากมายเหลือเกินแต่เหนืออีกอื่นใดคือราตรีดาวอยากเห็นหน้าลูกเธอออกแรงเบ่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เสียงร้องจากเด็กตัวทารกตัวน้อยที่เวลานี้ยังมีสายสะดือยังติดอยู่กับรกของผู้เป็นแม่ดังจ้าขึ้นทันทีเมื่อพยาบาลผู้ช่วยเช็ดคราบเลือดเสร็จก็วางทารกลงบนหน้าอกของผู้เป็นแม่เพื่อให้ทั้งคู่ได้สัมผัสความอบอุ่นของกันและกัน ราตรีด
“มีคำสั่งให้พี่ย้ายกลับเข้ากรุงเทพฯ เดือนหน้า” โดยก่อนเดินทางกลับจะมีหมอมาประจำการแทนเขา ส่วนอาจารย์แพทย์ท่านได้เกษียณอายุอย่างเป็นทางการไปนานแล้ว“พี่ฤกษ์ตัดสินใจว่ายังไงคะ”“พี่ยังสองจิตสองใจ แต่ก็มีอีกข้อเสนอหนึ่งที่พี่อยากตอบรับคือทางโรงพยาบาลจะให้ทุนพี่ไปเรียนต่อเฉพาะทางที่ต่างประเทศโดยสามารถพาครอบครัวไปด้วยได้”“ไม่ว่าพี่ฤกษ์จะตัดสินใจแบบไหน ตรีก็จะอยู่ข้างๆ เสมอค่ะ” เอ่ยจบราตรีดาวก็กระชับอ้อมกอดที่มีคนรักให้แน่นขึ้นเพราะรู้ว่านี่คือการตัดสินใจที่ยากที่สุดของ ดาวฤกษ์ หมอหนุ่มนอนครุ่นคิดเรื่องนี้มาตลอดทั้งคืนกระทั่งได้คำตอบเวลาปีกว่าๆ ที่ทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่นี่ทำให้เกิดความผูกพัน ทั้งกับเรื่องงานและผู้คนรอบข้างที่น่ารักกับพวกเขาอย่างเสมอต้นเสมอปลาย แม้แรกๆ ที่มาจะเกิดอาการหวาดหวั่นไปบ้างแต่หลังจากนั้นความรู้สึกที่ว่าก็หายไปยิ่งได้อยู่ด้วยกันทั้งดาวฤกษ์และราตรีดาวก็ยิ่งรักกันมากขึ้น ทั้งคู่ต่างคอยช่วยเหลืออี
“ผมรู้เรื่องจากคุณแม่แล้ว เสียใจด้วยนะครับ”“ขอบคุณค่ะ” ราตรีดาวเอ่ยขอบคุณ ซึ่งจังหวะนั้นดาวฤกษ์ก็กลับมาบ้านพักพอดี ทันทีที่เห็นน้องชายทั้งคู่ก็สวมกอดกันอย่างคิดถึงนั่นเพราะไม่ได้เจอหน้ากันมาหลายปีแล้ว“กลับมาอยู่ไทยถาวรเลยไหม” ดาวฤกษ์เอ่ยถามน้องชายขึ้น“ไม่ครับ ตั้งใจกลับมาเยี่ยมแม่เฉยๆ”“คราวนี้จะอยู่นานแค่ไหน”“อืม…หนึ่งหรือไม่ก็สองเดือน” นั่นคือเวลาที่ดาวเหนือประมาณไว้คร่าวๆ แต่ถ้ามีอะไรผิดแผนเขาก็พร้อมจะขยับเวลาให้เร็วขึ้นหรือยืดออกไปได้เสมอ“แล้วมาถึงนี่ทำไมไม่บอกกันก่อนล่วงหน้า”“เบื่อๆ นะ ไม่ได้ตั้งใจจะมา รู้ตัวอีกทีก็อยู่เมืองกาญแล้ว เลยตัดสินใจแวะมาหาพี่สักหน่อย” ดาวเหนือแค่ต้องการขับรถเล่นเท่านั้นเองแต่พอรู้ตัวก็โผล่มาอยู่กาญจนบุรีแล้ว“เบื่ออะไรหรือถูกคุณแม่นัดดูตัวให้”“ใช่ ถามจริงพี่ฤกษ์รอดจนเจอ
หลังเสร็จสิ้นงานเผาศพของโฉมฉาย ราตรีดาวก็นำอัฐิบางส่วนของแม่ไปลอยอังคาร จากนั้นก็กลับมาเก็บข้าวของส่วนตัวที่บ้านอีกเล็กน้อย ซึ่งจังหวะที่เธอกลับออกไปนั้นก็สวนทางกับผู้เป็นลุงที่เวลานี้ถลุงเงินที่ได้ไปจนหมดตัวในบ่อนและหวังกลับมาขูดรีดเอากับหลานสาวหรือไม่ก็ขนสมบัติไปขาย แต่พอไม่เจอใครหรือหยิบฉวยอะไรไปขายต่อได้อย่างที่ใจหวังก็หงุดหงิดจนอาละวาดไปทั่ว“มาแล้วหรือครับลูกหนี้ที่รัก” เสียงเจ้าหน้าคนหนึ่งดังขึ้นจากหน้าบ้านทำให้คมสันหน้าถอดสีทันที ไม่คิดว่าคนของบ่อนจะตามตัวเขาเจอได้เร็วขนาดนี้“กูกำลังมาหาเงินใช้นายมึงอยู่นี่ไง”“แล้วไหนล่ะเงิน”“ยังไม่มี แต่ขอเวลากูหน่อย รับรองกูจะเอาเงินมาคืนได้แน่”“ขอเวลาเหรอ ได้สิ งั้นเราไปขอกันเป็นการส่วนตัวหน่อยดีไหม สักในเรือกลางทะเลเป็นไง เคว้งคว้างดีออกแถมถ้าโชคร้ายถูกฆ่าโยนลงทะเลก็ไม่มีใครหาศพเจอ” คำขู่ที่ได้ยินทำให้คมสันสั่นไปทั้งตัว เพราะเมื่อก่อนเคยได้ยินมาบ้างเรื่องการเบี้ยวหนี้แล้วถูกจับได้ว่าช
“ตรีไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะได้แต่งงาน รวมถึงไม่เคยคิดมาก่อนว่าต้องใส่ชุดแต่งงานสวยๆ ชุดนี้ไปหาแม่ที่โรงพยาบาล” เธอสะอื้นไปพูดไปเพราะไม่คิดว่าตัวเองนั้นจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์อย่างตอนนี้ ในขณะที่ ดาวฤกษ์ก็ดึงตัวเข้ามากอด รับรู้ความเจ็บปวดและความเครียดของเธอได้“พี่รู้ว่าตรีรู้สึกยังไง แต่เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกันนะครับ” อ้อมกอดและคำปลอบโยนจากเขาทำให้ ราตรีดาวกลับมาเข้มแข็งได้อีกครั้ง เธอสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ เพื่อรวบรวมความกล้าและกลับมาทำทุกอย่างเพื่อแม่ทั้งสองมาที่โรงพยาบาลด้วยชุดเจ้าสาวและเจ้าบ่าวที่สวยหล่อเหมาะสมกันเป็นอย่างมาก โดยข้างๆ ทั้งคู่คือกรองแก้วและหมอปราณที่รู้เรื่องจากดาวฤกษ์จึงรีบเคลียร์งานแล้วมาเป็นสักขีพยาน ห้องพักฟื้นถูกจัดตกแต่งให้เป็นงานแต่งงานเล็กๆโฉมฉายที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงคนไข้ส่งยิ้มให้ลูกสาวและลูกเขย รอยยิ้มนี้มาพร้อมกับน้ำตาของความยินดีอย่างเหลือล้นยิ่งได้เห็นราตรีดาวอยู่ในชุดเจ้าสาวสวยๆ แบบนี้ด้วยแล้วหัวใจคนเป็นแม่ก็พองโตไปหมด&
ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับดาวฤกษ์นั้นยังสบสนจับต้นชนปลายแทบไม่ได้ แต่สิ่งเดียวที่เธอรู้คือเวลาทุกๆ นาทีที่เธอได้อยู่กับเขานั้นมันมีความสุขมาก เธอไม่เคยคิดถึงอนาคตอันไกลลิบลิ่วแต่มักจะคิดแค่วันนี้กับวันพรุ่งนี้และทำมันให้ดีที่สุดภาพครอบครัวที่ไม่เคยวาดฝันมาก่อนจู่ๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัวของราตรีดาว ภาพขณะที่เธอกับเขาช่วยกันสร้างครอบครัวไปด้วยกัน ภาพของลูกๆ ที่แสนน่ารักน่าชัง ภาพของรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่แว่วเข้ามาอย่างแจ่มแจ้ง สามีและพ่อของลูกเธอต้องคือดาวฤกษ์คนเดียวเท่านั้น“ตรี…ตรีอยากมีค่ะ แต่ที่ลังเลเพราะกำลังตกใจทั้งเรื่องโรคที่ตรวจเจอ ทั้งวิธีการรักษาและเรื่องความสัมพันธ์ของเราสองคน”“เรื่องหลังมันอาจตอบยากเพราะเราต่างก็ไม่รู้ใช่ไหมว่าจุดเริ่มต้นมันเกิดจากตรงไหน”“ค่ะ”“ถึงแม้ความสัมพันธ์ของเรามันอาจไม่เหมือนคู่อื่น แต่ทำไมต้องไปเหมือนในเมื่อนี่คือตัวเรา แค่เรา…รู้สึกดีให้กันก็พอแล้ว ใช่ไหม”“ค่ะ” ราตรีดาวพ
“อดทนหน่อยนะครับตรี” ราตรีดาวพยักหน้ารับก่อนจะขบเม้มริมฝีปากของตัวเอง คิ้วสวยได้รูปที่ไม่เคยเขียนหรือกันคิ้วขมวดเข้าหากันเพราะความเจ็บปวดที่ยังคงเล่นงาน ไหนจะอ่อนแรงเพราะเลือดที่ออกเยอะกว่าปกติอีกด้วยดาวฤกษ์โทรศัพท์ไปหาหมออดุลย์เพื่อขอลากะทันหันโดยให้เหตุผลไปว่าเพราะอะไร ซึ่งปลายสายก็ไม่ได้คัดค้านและสนับสนุนให้ดาวฤกษ์ทำในสิ่งที่ควรทำเพราะสำหรับหมอแล้วนอกจากคนไข้คนในครอบครัวก็สำคัญไม่แพ้กันวันรุ่งขึ้นดาวฤกษ์จึงพาราตรีดาวเข้ากรุงเทพฯ ทันที ขณะขับรถอยู่นั้นก็คอยถามอาการเธอเสมอกระทั่งมาถึงโรงพยาบาลราตรีดาวก็ถูกนำตัวเข้าห้องตรวจร่างกายโดยละเอียดอย่างเร่งด่วน ในขณะที่ดาวฤกษ์เดินกระสับกระส่ายไปมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดกระทั่งประตูห้องตรวจของนายแพทย์คนหนึ่งเปิดออก“เข้ามาสิ” ประโยคที่เอ่ยทักนั้นดูคุ้นเคยเพราะทั้งคู่เป็นเพื่อนกันนั่นเอง“ตรีเป็นยังไงบ้างไอ้หมอ” ดาวฤกษ์เอ่ยถามเพื่อนสนิทที่เป็นหมอแผนกสูตินรีเวชขึ้นทันทีด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความกังวลใจ&ld
ก่อนจะสลัดความคิดที่อยากจะหนีกลับบ้านเสียตอนนี้ออกไปจากหัว แต่ยิ่งอยากสลัดความโหยหาก็ยิ่งมากขึ้น กระทั่งเสียงของผู้ใหญ่บ้านที่อาสาไปดูรถของเขาที่จอดไว้ก่อนทางเข้าหมู่บ้านตั้งแต่เมื่อคืนจะดังขึ้น“แบตเสื่อมนะครับคุณหมอ แต่ผมให้ลูกชายไปซื้อแบตในเมืองมาเปลี่ยนให้แล้ว”“นี่เงินค่าแบตเตอรี่แล้วก็ค่าแรงครับ” เอ่ยจบ ดาวฤกษ์ก็ยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้ผู้ใหญ่บ้าน“เอาแต่ค่าแบตเตอรี่ก็พอครับ”“ไม่ได้ครับ ต้องรับไปทั้งหมด ถ้าไม่รับแล้วผู้ใหญ่เกิดปวดหัวขึ้นมาผมไม่รักษาให้นะ”“งั้นผมรับก็ได้ครับ” พอถูกขู่มาแบบนั้นผู้ใหญ่บ้านก็จำต้องรับเงินจากดาวฤกษ์ทันทีก่อนจะยกมือไหว้พร้อมเอ่ยขอบคุณซึ่งทางหมอหนุ่มเองก็รีบไหว้กลับไปเช่นกัน“ผมเองก็ขอบคุณผู้ใหญ่กับลูกชายเหมือนกันที่อาสาไปดูรถให้ เพราะเรื่องรถผมก็แทบไม่มีความรู้เหมือนกัน”“คุณหมอเป็นหมอนี่ครับ เก่งเรื่องรักษาคนก็พอแล้ว เรื่องอื่น