ชายหนุ่มรั้งรอจังหวะกระทั่งเห็นราตรีดาววางถาดลงกับโต๊ะเพื่อเก็บแก้วจึงเดินตรงปรี่เข้าไปหาแล้วล็อคตัวราตรีดาวไว้รวดเร็ว นั่นทำให้เธอเกิดอาการเหวอทันทีก่อนจะขยับหนีและปัดป้องทว่าสุดท้ายก็พลาดพลั้งถูกโรจน์ล็อคตัวเอาไว้ได้
“โรจน์เดี๋ยว” วิทย์ที่เห็นเหตุการณ์พยายามห้าม ทว่าจังหวะนั้นโรจน์ที่จับใบหน้าของราตรีดาวไว้ได้แล้วก็ออกแรงบีบจนปากของเธออ้าออก เสี้ยววินาทีต่อมาก็กรอกเหล้าในแก้วที่ถืออยู่ซึ่งเมื่อครู่เขาได้ผสมอะไรบางอย่างลงไปเข้าปากเธอทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากมากเสียจนราตรีดาวตั้งตัวไม่ทัน เพราะถูกบีบปากไว้ทำให้ราตรีดาวจำต้องกลืนเหล้าบางส่วนลงคออีกบางส่วนเลอะตรงลำคอและเสื้อ เธอไอจนหน้าแดงก่ำหวังลึกๆ ว่าจะมีใครสักคนเข้ามาช่วยให้รอดพ้นจากสถานการณ์ในตอนนี้แต่เหมือนจะไม่มีใครมาสนใจ เธอจึงต้องเอาตัวเองให้รอด “ทำอะไรกัน” เสียงทุ้มจากใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้น นั่นทำให้โรจน์จำต้องปล่อยราตรีดาวให้เป็นอิสระ แม้เขาจะไม่รู้จักแขกในงานของเสี่ยครบทุกคน แต่รู้ว่าทุกคนที่ได้รับเชิญให้มาร่วมงานนั้นไม่ธรรมดาทั้งสิ้น ทางที่ดีคือเขาไม่ควรที่จะไปมีเรื่องด้วย “เราก็แค่คุยกันตามประสาคนรู้จักนะครับ” โรจน์เอ่ยตอบพร้อมกับปล่อยราตรีดาวทันที แม้จะไม่รู้ว่าเป้าหมายกลืนไปมากน้อยแค่ไหนก็ตามแต่สำหรับเขาแค่สองสามอึกก็เกินพอ “จริงหรือเปล่า” ดาวฤกษ์ที่วันนี้แวะมากินข้าวที่นี่เอ่ยถามขึ้นเมื่อครู่เขาผ่านมาเห็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้นเข้า อันที่จริงเขารู้สึกคุ้นหน้าผู้หญิงคนข้างๆ อย่างบอกไม่ถูกแต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน “ค่ะ” เพราะไม่อยากมีปัญหาราตรีดาวจึงจำต้องเอ่ยรับ “ไว้เจอกันครับคนสวย” คำพูดของชายตรงหน้าทำให้ราตรีดาวเครียดทันที นั่นหมายความว่าเธออาจสลัดผู้ชายป่าเถื่อนคนนี้ไม่ได้ ส่วนโรจน์นั้นเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามที่ต้องการจึงเดินออกไปตามด้วยวิทย์ แต่ก็ยังคงจับตามองเหยื่อของเขาอยู่ตลอดเวลา “ไม่เป็นอะไรจริงๆ ใช่ไหม เธอไม่จำเป็นต้องโกหกนะ” ชายคนนั้นหันมาถามราตรีดาว แต่เวลานี้เธอแสบไปทั้งคอจึงพูดโต้ตอบอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงโบกไม้โบกมือบอกเขาว่าเธอไม่เป็นอะไร ผ่านไปครู่หนึ่งถึงเปล่งเสียงออกมา “ขอบคุณที่เมื่อกี้คุณเข้ามาถาม แต่ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” เอ่ยบอกเสร็จเธอก็รีบเดินจ้ำไปหลังร้านทันที ราตรีดาวรีบคว้าน้ำเปล่ามาดื่มซึ่งเธอดื่มไปหลายต่อหลายแก้วทว่าความรู้สึกร้อนวูบๆ วาบๆ ในคอกลับยังไม่หายไป พร้อมกับพยายามเอาผ้าเช็ดคราบเหล้าที่เลอะตรงปกเสื้อและลำคอออก ใจจริงอยากกลับบ้านเสียแต่ตอนนี้แต่ถ้าทำแบบนั้นวันนี้เธอคงไม่ได้ค่าแรงแน่นอน นั่นทำให้ราตรีดาวฝืนออกไปทำงานต่อเพราะคิดว่าอาการที่เกิดขึ้นกับเธอขณะนี้มาจากเหล้าแก้วนั้นหมดฤทธิ์เหล้าเมื่อไหร่ทุกอย่างคงดีขึ้น แต่สิ่งที่ราตรีดาวคิดกลับผิดมหันต์เพราะยิ่งเธอต่อต้านอาการแปลกๆ ก็ยิ่งปรากฎรวมถึงรู้สึกง่วงผิดปกติ จังหวะที่เธอกำลังโอนเอนเหมือนจะล้ม จู่ๆ ก็มีคนมาช้อนตัวรับไว้ “บอกแล้วไงว่าเราต้องได้เจอกันอีก”“บอกแล้วไงว่าเราต้องได้เจอกันอีก” เสียงที่ดังขึ้นข้างหูทำให้ราตรีดาวตกใจสุดขีด ความกลัวทำให้สั่นไปทั้งตัว นั่นเพราะก่อนหน้านี้เธอกวาดสายตามองหาเจ้าของเสียงอย่างระแวดระวังมาตลอด แต่กลับไม่เจอเขาหนำซ้ำยังคิดเองเออเองว่าเขาคงกลับออกไปจากงานแล้ว ทว่าจู่ๆ กลับโผล่เข้ามาข้างๆ แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“ได้เวลาที่เราต้องไปสนุกกันแล้วสาวน้อย” “ปล่อยฉันนะ ปล่อย…อือ” เสียงของราตรีดาวหายไปเมื่อถูกโรจน์ใช้มือขนาดใหญ่ของเขาปิดปากเธอเอาไว้ ราตรีดาวดิ้นรนเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่เธอไม่อยากเจอที่สุดในชีวิต แม้ในร่างกายจะมีสารกระตุ้นบางอย่างแต่ความกลัวของเธอก็ทำให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ ฮึดสู้จนข่วนเล็บเข้าที่ตาของโรจน์อย่างแรง นั่นทำให้ชายหนุ่มต้องปล่อยเธอทันที “อีนี่ ฤทธิ์เยอะนักใช่ไหม” เอ่ยจบโรจน์ก็เงื้อมือตบใบหน้าเล็กๆ ของราตรีดาวอย่างแรง เสียงเพลงในงานกลบเสียงทุกอย่างแม้กระทั่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือของราตรีดาว โรจน์ใช้แรงที่มีมากกว่าลากตัวราตรีดาวออกมาจากงานได้สำเร็จ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็พยายามที่จะเอาตัวให้รอดทุกวิถีทางเช่นกัน ยิ่งเธอต่อต้านโรจน์ก็ยิ่งใช้กำลังและสิ่งที่ราตรีดาวได้รับในเวลานี้คือความเจ็บปวดที่จุกไปทั่วทั้งร่างเมื่อเธอถูกชายหนุ่มต่อยเข้าที่ท้องน้อย แต่ถึงอย่างนั้นราตรีดาวก็ยังมีแรงขัดขืนยิ่งทำให้โรจน์หงุดหงิดเพราะกลัวมีคนผ่านมาเห็นเข้า “ช่วยด้วย ช่วยด้วย” ราตรีดาวตะโกนขอความช่วยเหลือด้วยแรงที่มี โรจน์เห็นท่าไม่ดีจึงเผลอบีบคอของเธอเข้าแรงบีบทำให้ราตรีดาวหายใจไม่ออกและหมดสติไปในที่สุด โรจน์หน้าเสียเล็กน้อยเพราะกลัวเกิดปัญหาหากเขาทำเธอตายขึ้นมา แต่เมื่อตรวจสอบแล้วเหยื่อยังคงหายใจเขาจึงยิ้มออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะพาเธอไปที่รถโดยมีวิทย์คอยดูต้นทาง แต่จู่ๆ คนดูต้นทางก็ถูกล็อคตัวไปยังมุมอับของผับและเพียงไม่กี่นาทีต่อจากนั้นคนที่ก้าวออกมากลับไม่ใช่วิทย์ ดาวกฤษ์บีบมือตัวเองสองสามครั้ง นานๆ จะได้ออกแรงแบบนี้ก็สนุกไปอีกแบบ เพราะปกติชายหนุ่มจะอยู่แต่กับคนไข้กับโรคภัยที่ต้องวินิจฉัยเป็นส่วนใหญ่ ก่อนที่คุณหมอหนุ่มจะเดินตรงไปยังรถของเป้าหมายแต่ก็ต้องรีบหลบเมื่อเห็นโรจน์หันมองมาจุดที่ยืนอยู่ “หายไปไหนของมันวะ” โรจน์กระฟัดกระเฟียดเหตุเพราะมองหาเพื่อนสนิทไม่เจอนั่นเอง นี่ถ้ากุญแจรถไม่อยู่ที่วิทย์ล่ะก็ป่านนี้เขาขับออกไปนานแล้ว เพราะแบบนั้นโรจน์จึงจำต้องปล่อยเหยื่อไว้ในรถก่อนชั่วคราวแล้วออกเดินตามหาวิทย์ ดาวกฤษ์จึงใช้จังหวะจึงรีบเข้าไปช่วยเธอออกมาทันที ยิ่งตอนนี้นึกออกแล้วว่าเขาเคยเจอผู้หญิงคนนี้ที่ไหนก็ยิ่งต้องช่วย เพราะถ้าเธอเป็นอะไรขณะที่แม่ยังรักษาตัวอยู่ในไอซียูแบบนั้นคงไม่ดีเท่าไหร่ ดาวฤกษ์พาราตรีดาวไปที่รถแล้วขับออกไปทันที ปล่อยให้โรจน์ควานหาทั้งเพื่อนและเธอต่อไป ซึ่งทันทีที่กลับมายังรถแล้วไม่เจอเหยื่อโรจน์ยิ่งอาละวาดและประกาศกร้าวว่าจะเอาคืนใครก็ตามที่กล้าทำแบบนี้กับเขา “จะพาไปไหนดี” ดาวฤกษ์เอ่ยถามกับตัวเอง ในขณะที่เวลานี้ราตรีดาวยังคงนอนไม่ได้สติอยู่ข้างๆ หมอหนุ่มถอนหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะเลี้ยวรถเข้าโรงแรมแห่งหนึ่งแทนการกลับไปที่คอนโดมิเนียมของเขาเสียงน้ำที่ดังมาจากภายในห้องน้ำก้องอยู่ในหัวของราตรีดาว บ่งบอกว่าตอนนี้มีคนใช้ห้องน้ำอยู่ เธอลืมตาขึ้นแล้วมองเพดานห้องที่ไม่มีความคุ้นตาเลยแม้แต่น้อยก่อนจะเด้งตัวขึ้นมากึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง แม้จะเจ็บตรงท้องก็กัดฟันข่มความเจ็บไว้ ก่อนที่ภาพเหตุการณ์ต่างๆ จะกรูเข้ามาในความคิดนั่นทำให้ราตรีดาวชาวูบไปทั้งตัวดวงตาทั้งสองข้างของเธอเวลานี้แดงก่ำ ความกลัวรวมถึงความเสียใจเข้าครอบงำจนแทบหายใจไม่ออกด้วยซ้ำ เธอก้มมองร่างกายตัวเองด้วยม่านน้ำตาที่กำลังไหล แม้เสื้อผ้าจะยังอยู่บนตัวครบทุกชิ้นแต่มันก็ไม่ได้การันตีว่าเธอยังไม่ได้ถูกล่วงเกิน และก่อนที่สมองจะได้คิดอะไรประตูห้องน้ำก็เปิดออกและคนที่ก้าวออกมาก็เป็นคนละคนกับเมื่อคืน“ตื่นแล้วเหรอครับ เป็นไงบ้าง ยังเจ็บอยู่ไหม” เสียงทุ้มของดาวฤกษ์เอ่ยถามเพราะเป็นห่วงแผลฟกช้ำตรงบริเวณท้องของเธอนั่นเองแต่ทว่าคำถามนั้นกลับคล้ายมีดปลายแหลมที่พุ่งเข้าใส่หัวใจของราตรีดาว เธอเจ็บปวดจึงสบตาอีกฝ่ายได้แค่ไม่กี่วินาทีก็หลบสายตาเขาแล้วมองไปที่จุดอื่นแทน มือของเธอเย็นเฉียบเพราะกำลังช็อค ร่างกายเหมือนตายไปแล้ว “เมื่อคืน…”“อ้อ…คือว่า” จังหวะที่ดาวฤกษ์กำลังจะอธิบาย เสีย
คนที่ใช่ เวลาที่ใช่ สถานการณที่ใช่เมื่อทุกอย่างมีแต่คำว่าใช่ก็จงพร้อมที่จะก้าวไปพร้อมกับความรู้สึกของหัวใจ ดั่งเช่นความรักของพระนางในเรื่องนี้ค่ะ แม้จุดเริ่มต้นมันดูฉุกละหุกจนเจ็บปวดไปบ้างแต่หลังจากนั้นสิ่งที่ตอบแทนพวกเขาคือความหอมหวาน บิลค่ารักษาพยาบาล ไหนจะค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่รวมกันแล้วเป็นจำนวนมหาศาล มันคือแรงกดดันที่ทำให้หญิงสาวตัวเล็กๆ อย่างราตรีดาวนั่งทอดถอนใจอย่างกลัดกลุ้มอยู่หน้าห้องการเงิน เพราะไม่ว่าจะหันหน้าไปทางไหนคำตอบที่ได้คือความว่างเปล่าไร้ซึ่งหนทางออกแม้แต่ทางเดียวเธอเกิดมาในครอบครัวที่ไม่ได้มีฐานะ พ่อและแม่ทำงานหาเช้ากินค่ำยิ่งมาเกิดเหตุการณ์ครั้งใหญ่เมื่อหลายวันก่อนก็ยิ่งทำให้สถานการณ์ครอบครัวเธอแย่ลงจนติดลบ อุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิดได้พรากลมหายใจของพ่อไปจากเธอในขณะที่แม่นั้นก็โคม่าเป็นตายเท่ากัน ค่ารักษาพยาบาล รวมถึงค่าเสียหายที่คู่กรณีเรียกร้องมานั้นมากมาย ทุกอย่างถาโถมเข้าหาจนราตรีดาวโอนเอนอย่างไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะเดินต่อ ญาติพี่น้องที่คิดว่าจะหันหน้าไปพึ่งพากลับกลายเป็นเพียงคนอื่นในพริบตา เวลานี้เธอจึงเหมือนตัวคนเดียวไม่มีผิดราตรีดาวเป็นเพียงผู้หญิงตั
ราตรีดาวเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลเพื่อมาดูแลผู้เป็นแม่ คุณหมอเจ้าของเคสบอกให้เธอทำใจรับความสูญเสียไว้แต่เนิ่นๆ เพราะตอนนี้อวัยวะภายในร่างกายบางของแม่เริ่มทำงานผิดปกติ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ถอดใจหรือยอมแพ้อย่างเด็ดขาดและบอกแม่ให้เข้มแข็งแล้วกลับมาหาเธอให้ได้เช่นกัน บ่อยครั้งก็เหนื่อยจนหมดแรงจึงเผลอหลับอยู่หน้าห้องไอซียูจนพยาบาลต้องออกมาปลุกบ่อยๆ ทว่าคราวนี้คนที่ผ่านมาเห็นและกำลังจะเข้าไปปลุกเธอกลับเป็นคุณหมอท่านหนึ่ง และก่อนที่คุณหมอท่านนั้นจะได้ทำอย่างที่ตั้งใจเสียโทรศัพท์ของราตรีดาวก็ดังขึ้นจนเธอสะดุ้งตื่น จังหวะที่เธอควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพาย คุณหมอท่านนั้นก็เดินผ่านไปเสียแล้ว“ฮัลโหล”“สรุปเย็นนี้มาได้ไหม” ปลายสายเอ่ยถามทันที นั่นเพราะถ้างานนี้ยังขาดสาวสวยเสิร์ฟน้ำอีกหลายคน ยิ่งติดต่อได้มากเท่าไหร่เงินเปอร์เซ็นต์ที่ไปรยาจะได้ก็มากตามไปด้วยเท่านั้น และมองว่างานนี้เงินดีไม่ต้องทำอะไรจึงชวนราตรีดาวด้วย“ได้ เราเคลียร์งานที่ร้านแล้ว” ปกติราตรีดาวทำงานที่ร้านอาหารแต่วันนี้เธอขอหยุดหนึ่งวันเพราะอยากทำงานที่ได้เงินมากกว่า “ขอบคุณนะตรี”“เราต่างหากที่ต้องขอบคุณเธอที่ช่วยหางานให้” คำพูดของ