“ท่านพ่อ ข้าไม่สนใจ...”จางอวี่ม่อพูดทั้งตาแดงเห็นบุตรสาวน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนี้ ในที่สุดจางเต้าหลินก็ใจอ่อน ถ้าฉินอวิ๋นฟานไม่เกิดอยู่ในราชวงศ์ จางเต้าหลินจะยินยอมอย่างยิ่ง เพราะฉินอวิ๋นฟานโดดเด่นนัก แม้จะเป็นเขาในปีนั้นก็ยังไม่เหนือคนเท่าฉินอวิ๋นฟานตระกูลใหญ่ก็ดี ครอบครัวพื้น ๆ ก็ช่าง ขอเพียงบุตรสาวชอบ เขาจะไม่ขัดขวางทั้งนั้น เพราะเทียบกันแล้วคุณชายเช่นนี้ย่อมเกรงกลัวบารมีของเขา ไม่กล้าทำไม่ดีต่อบุตรสาว แต่รัชทายาทฉินอวิ๋นฟานไม่เหมือนกัน เจ้านี่มีลักษณะแห่งจักรพรรดิแต่กำเนิด ทั้งยังมีปณิธานจะเป็นจักรพรรดิ มิใช่ของในบ่อบุตรสาวออกเรือนกับคนประเภทนี้ ต่อไปกลัวแต่ต้องน้ำตาอาบแก้มเป็นปกติ!“เฮ้อ! ชะตา ทุกอย่างล้วนคือชะตา!”จางเต้าหลินถอนหายใจหนัก ๆ “ข้าตกลงเรื่องแต่งงานของพวกเจ้าได้ แต่! พวกเจ้ายังอยู่ด้วยกันตอนนี้ไม่ได้!”“จริงหรือ? ท่านพ่อตกลงแล้ว?”จางอวี่ม่อเห็นบิดาเฒ่าตกลงก็ลืมเรื่องที่บิดาเฒ่าข่มขู่เมื่อครู่จนหมดสิ้น แทนที่ด้วยใบหน้าแห่งความยินดี กอดแขนจางเต้าหลินด้วยความตื่นเต้นจนแทบจะกระโดด“ข้าตกลงได้ แต่ก่อนพวกเจ้าจะแต่งงานกัน ห้ามให้ฉินอวิ๋นฟานแตะต้องตัวเจ้า เจ้าบัดซบน
“ดังนั้นเพื่อให้สถานการณ์ของต้าเฉียนเกิดเสถียรภาพมากขึ้น เพื่อให้ฉินอวิ๋นฟานสามารถขึ้นครองราชย์ได้อย่างราบรื่น พวกเจ้าห้ามพบกันง่าย ๆ และจะให้ใครจับจุดอ่อนของฉินอวิ๋นฟานได้เด็ดขาด!”จางอวี่ม่อเห็นบิดาวิเคราะห์สถานการณ์จริงจังเช่นนี้ ในที่สุดนางก็ตระหนักถึงสถานการณ์ล่อแหลมของฉินอวิ๋นฟานได้สักที ในฐานะที่เป็นคนรักผ่านมาตรฐานคนหนึ่ง นางย่อมไม่อยากให้พฤติกรรมโง่เขลาของตัวเองทำร้ายฉินอวิ๋นฟานจางอวี่ม่อจึงผงกศีรษะหนัก ๆ และพูดว่า “ท่านพ่อ ข้าเข้าใจแล้ว ท่านวางใจเถอะ ก่อนที่ฉินอวิ๋นฟานจะยืนอย่างมั่นคง ข้าจะไม่พบหน้าเขาง่าย ๆ เด็ดขาด และจะไม่เผยความสัมพันธ์ใด ๆ กับเขาด้วย”“แต่... ท่านพ่อ ท่านต้องช่วยเขาให้มาก ๆ นะ”......“รัชทายาท นี่แค่แพล็บเดียวเอง ท่านจะกลับแล้วหรือขอรับ?!”ฉินอวิ๋นฟานเดินย่องเบาอย่างระมัดระวังมาถึงหน้าประตูใหญ่ เด็กรับใช้หน้าประตูเห็นฉินอวิ๋นฟานระมัดระวังเช่นนี้จึงยิ้มหน้าระรื่นมาหา!“ชู่...”ฉินอวิ๋นฟานรีบทำมือบอกว่าห้ามพูด ก่อนจะกระซิบ “อย่าเอ็ดไป ข้าจะไปแล้ว ไปแล้ว...”เห็นฉินอวิ๋นฟานทำท่าเหมือนมีชนักติดหลังจะหนี ทำให้เด็กรับใช้หน้าประตูงุนงงเล็กน้อย แต่นึกถ
“เอ่อ เขาคือรัชทายาทในรัชกาลปัจจุบันนะขอรับ จะ จะให้เขาอยู่นอกประตูจริงหรือ?”แม้เด็กรับใช้หน้าประตูจะอายุไม่มาก แต่ยังรู้จักสังเกตสีหน้าคน จางไท่เว่ยป้องกันรัชทายาทเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ปกติ แต่พอพิจารณาถึงสถานะพิเศษของฉินอวิ๋นฟานจึงถามเพื่อยืนยันอีกครั้ง“เจ้าจงจำเอาไว้ จะผ่อนปรนกับใครอย่างเหมาะสมก็ทำได้ มีแต่รัชทายาทที่ไม่ได้! ถ้าข้าไม่อนุญาต ห้ามให้เขาเข้าจวนไท่เว่ยแม้แต่ครึ่งก้าว! เข้าใจหรือไม่?!”จางเต้าหลินพูดด้วยสีหน้าจริงจัง“เอ่อ เข้าใจแล้วขอรับ!” เด็กรับใช้หน้าประตูรีบตอบรับ......“พี่อวิ๋นฟาน ท่านเป็นอะไรไป? เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ? ทำไมถึงกระหืดกระหอบเช่นนี้ล่ะ?”มู่หรงจิ่นเห็นฉินอวิ๋นฟานกลับมาแบบรุกรี้รุกรนเช่นนี้จึงรีบเข้าไปถาม ตอนนี้หลู่เซียงหลิงก็อยู่ในตำหนักรัชทายาทเหมือนกัน จึงเดินปรี่ไปหาด้วย“เปล่า ไม่มีอะไร แค่อยากรีบกลับมาเจอยอดยาใจของข้าเท่านั้น...”ฉินอวิ๋นฟานฉีกยิ้มเป็นการกลบเกลื่อนความขลาดของเขา เพราะเมื่อครู่อันตรายเกินไป จางเต้าหลินไม่ใช่คนธรรมดา เขาคือคนสนิทของอดีตฮ่องเต้ที่ได้รับความไว้ใจมากที่สุด อีกอย่าง คนผู้นี้ดูผิวเผินไม่มีพิษมีภัย หากฝีมื
เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดโจ่งแจ้งเช่นนี้ มู่หรงจิ่นขวยเขินจะแย่อยู่แล้ว หน้าแดงแปร๊ดไปถึงลำคอ มีอย่างที่ไหนกัน เอาเรื่องพรรค์นี้ออกมาพูด แถมหลู่เซี่ยงหลิงยังอยู่ที่นี่อีก“ข้าไม่ได้พูดผิดนี่ ไม่อย่างนั้นเจ้าจะทำของบำรุงชั้นยอดขนานนี้ให้ข้ากินหรือ? เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจผัวจ๋า!”ฉินอวิ๋นฟานฉวยโอกาสตอนที่เป็นต่อ กัดไม่ปล่อย วันนี้เขาสามารถเฝ้าห้องอย่างเดียวดายได้ แต่หัวเด็ดตีนขาดจะไม่ดื่มน้ำแกงตัวเดียวอันเดียวเสือกับเลือดกวางนั่น! เขาไม่มีชีวิตจะรับความปรารถนาดีของมู่หรงจิ่นได้“ไอ้หยา ก็ต้องไม่ใช่อยู่แล้ว ข้าเห็นท่านเหงื่อไหลเยอะอย่างนั้น ห่วงสุขภาพท่าน ข้าถามหมอหลวงมาแล้ว เขาบอกว่านี่คือเครื่องหมายบ่งบอกว่าร่างกายอ่อนแอ ต้องค้นพบอย่างทันท่วงที รักษาให้ทันกาล เช่นนี้จะดีต่อสุขภาพ!”มู่หรงจิ่นพูดอย่างจริงจังครั้นได้ยินว่ามู่หรงจิ่นเจาะจงถามหมอหลวงเพราะเรื่องที่เขาเหงื่อไหลมาก เวลาฉินอวิ๋นฟานมีใจคิดลาจากภพภูมินี้แล้ว นี่ไม่ใช่การเอาเรื่องไปตีแผ่เป็นวงกว้างหรือ?!แม้มู่หรงจิ่นจะถามไปอย่างนั้น แต่สำหรับคนที่มีใจเป็นอื่น นี่คือข่าวเด็ดน่าทึ่งในปฐพี รัชทายาทวัยเพียงสิบแปด แต่อ่อนแอเสียแล้ว จำเป
จู่ ๆ หลู่เซียงหลิงก็พูดโพล่งออกมาอย่างนี้ ฉินอวิ๋นฟานสองขาอ่อนแรงล้มพับกองกับพื้นทันที มุมปากกระตุกไม่หยุด แม่สาวสองคนนี้อยู่ทีมเดียวกันตั้งแต่เมื่อไร...นี่พวกนางพี่น้องเสียดายน้ำแกงตัวเดียวอันเดียวเสือกับเลือดกวางอันเป็นของบำรุงขนานใหญ่ถ้วยนี้ หรือคิดว่าเขาทำไม่ถึงใจจริง ๆ กันแน่?!“เอ่อ เอ่อคือ เซียงหลิงจ๋า มันเป็นเช่นนี้ วันนี้ผัวจ๋าของพวกเจ้าดื่มเหล้าฤทธิ์แรงมาแล้ว ถ้ายังดื่มของบำรุงมากพวกนี้อีก อาจมีโอกาสตายเพราะเกินขนาดได้มิใช่หรือ? อีกอย่างบำรุงมากเกินไปจะเป็นการทำร้ายร่างกายอย่างหนัก หรือพวกเจ้าอยากวางแผนฆ่าสามีตัวเอง?”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยหน้าตาเศร้าสลด “ที่สำคัญไปกว่านั้นนะ ตอนนี้ผัวจ๋าของพวกเจ้าทรมานใจนัก ต้องการการปลุกปลอบ มิใช่ดื่มน้ำแกงประเภทนี้...”เห็นฉินอวิ๋นฟานทำท่าน้อยเนื้อต่ำใจสุดประมาณ สองดรุณีจึงใจอ่อน ถ้าร่างกายพี่อวิ๋นฟานเสียเพราะบำรุงเกินขนาด นั่นจะได้ไม่คุ้มเสีย“ก็ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านก็ไม่ต้องดื่มแล้ว”เมื่อนั้นมู่หรงจิ่นจึงยอมผ่อนผัน แม้จะสิ้นเปลืองไปบ้าง แต่สุขภาพร่างกายของพี่อวิ๋นฟานมาเป็นอันดับหนึ่ง นางจึงรีบขอโทษขอโพย “พี่อวิ๋นฟาน ขอโทษด้วย
ฉินอวิ๋นฟานรีบเดินไปหา ประคองแขนของเฉาเจิ้งฉุนแล้วพูดว่า “หัวหน้าขันทีเฉา คนกันเองทั้งนั้นไม่ต้องมากพิธีหรอก ข้าไม่เคยใส่ใจกับพิธีรีตองพวกนี้อยู่แล้ว”“รัชทายาทมีเมตตา ข้าน้อยเลื่อมใส”เฉาเจิ้งฉุนยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะพูด “ที่ข้าน้อยมาในครั้งนี้เพราะด้วยพระบัญชาของไท่ซั่งหวง เชิญรัชทายาทไปที่ตำหนักเหยียนเหนียน...”“หัวหน้าขันทีเฉาเชิญ!”ฉินอวิ๋นฟานรีบผายมือเชิญทันที แม้เขาจะสูงศักดิ์ถึงรัชทายาท แต่ก็ยังคงความอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างยิ่ง สัญชาตญาณบอกกับฉินอวิ๋นฟานว่าการเรียกตัวเขาไปครั้งนี้ ไท่ซั่งหวงต้องมีจุดประสงค์ล้ำลึกยาวไกลแน่เฉาเจิ้งฉุนพึงพอใจกับท่าทีเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานมาก สมกับที่เป็นรัชทายาทต้าเฉียน กบดานมานานสิบกว่าปี มีจิตใจและวิสัยทัศน์กว้างดังคาด ไม่วางมาดต่อหน้าเขาสักนิด จิตใจสุขุมมั่นคงหากเป็นองค์ชายองค์อื่น ต้องวางมาดสูงส่งแน่ กระทั่งยังคิดจะหลอกถามจุดประสงค์ของไท่ซั่งหวงเพื่อเตรียมกลยุทธ์ล่วงหน้าทว่าฉินอวิ๋นฟานกลับต่างกันโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่มีท่าทีที่ดี มิหนำซ้ำเรื่องที่ไม่ควรถามก็ไม่ถาม ยิ่งเขาเป็นเช่นนี้ ยิ่งทำให้เห็นว่าเขามีความคิดอยู่ในใจอยู่แล้ว“รัชทายาท หรือ
เริ่มแรกเฉาเจิ้งฉุนมิได้ยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานจะสามารถเอาชนะในการชิงบัลลังก์ในหมู่องค์ชายได้ เพราะเขาเห็นแจ้งในสถานการณ์ของต้าเฉียนที่สุด ฉินอวิ๋นฟานมีเชาวน์ปัญญาและเชี่ยวชาญในการวางแผน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลใหญ่ซึ่งฝังรากหยั่งลึกยังคงไม่พอดังนั้นในสายตาของเขา ความพยายามทั้งหมดทั้งมวลของฉินอวิ๋นฟานคือการลงแรงเปล่า แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อฉินอวิ๋นฟานแบบหน้ามือเป็นหลังมือ ฉินอวิ๋นฟานนอกจากจะเฉลียวฉลาดวางแผนได้เหนือคน ยังมีฝีมือร้ายกาจและมีความมุ่งมั่น รู้จักรับและให้ท่ามกลางการชิงอำนาจราชวงศ์อันโหดเหี้ยมเช่นนี้ เขากลับแหวกทางออกภายใต้การบีบคั้นจากเหล่าตระกูลใหญ่ ใช้กฎหมายและระบอบในปัจจุบันของต้าเฉียนควบคุมทุกคน ซ้ำยังจะอยู่เหนือลม ตอบโต้กลับได้ยอดเยี่ยมมากบรรดาองค์ชายผู้สง่างาม เมื่ออยู่หน้าเขาล้วนถูกกลบรัศมี มิใช่คู่ต่อสู้ของเขา...คนประเภทนี้ อายุอานามน้อย ๆ ก็แสดงความสามารถในการปกครอง แสดงสติปัญญาเหนือคนและฝีมือวางหมากกระดานใหญ่ หากเขาสามารถกลายเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่ของต้าเฉียน ภายภาคหน้าต้องได้เห็นต้าเฉียนในภาพใหม่ที่ไม่เหมือนกันแน่บัดนี้ไท่ซั่งหวงยังยอมร
“ดังนั้นหน่วยบูรพาที่เจ้าดูแลอยู่ก็ควรรักษาสัญญานี้ด้วยเช่นกัน ต่อไปพวกเจ้าก็คือมือซ้ายแขนขวาที่ประคับประคองฟานเอ๋อร์...” เฉาเจิ้งฉุนอมยิ้มพร้อมเอ่ย “กระหม่อมรับบัญชา!”คำพูดเรียบง่ายของไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจน ยอมรับฉินอวิ๋นฟานแล้ว ทว่าในใจของไท่ซั่งหวงยังคงมีความกังวลมากมาย เขามองไปทางฉินอวิ๋นฟานและเอ่ยเสียงหนัก “ฟานเอ๋อร์ ข้ามีคำถามบางข้อที่อยากจะถามเจ้า”“เสด็จปู่เชิญตรัสมาได้พ่ะย่ะค่ะ!” ฉินอวิ๋นฟานตอบด้วยสีหน้าขึงขัง“นับแต่โบราณมา ผู้ปกครองทั้งหลายต่างดำเนินนโยบายที่ทำร้ายประชาชน ทำให้ประชาชนอ่อนแอ อ่อนล้าและโง่เขลา มีเพียงเช่นนี้พวกเขาจึงจะเหน็ดเหนื่อยมากขึ้น โง่เขลามากขึ้น วิ่งเต้นเพื่อความอยู่รอดทั้งวัน เช่นนี้ผู้ปกครองจึงจะวางใจและเป็นผลดีต่อการควบคุมใต้หล้ามากขึ้น”ไท่ซั่งหวงเอ่ย “แต่ทุกนโยบายที่เจ้าทำล้วนผิดต่อหลักเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ทำให้ประชาชนมีชีวิตที่มีความสุข มั่งมี ยิ่งทำให้พวกเขาได้กรรมสิทธิ์ในการใช้ที่ดิน นี่คือสัญญาณอันตรายอย่างหนึ่งสำหรับการปกครองด้วยอำนาจราชวงศ์”“แน่นอน หากกล่าวจากมุมหัวใจประชาชน เจ้าทำถูกต้อง เพราะการก่อตั้งราชวงศ์หนึ่งจะต้องได้ใจประชา
ในที่สุดเหมิงฉาก็รับไม่ไหว ร้องตะโกนคำที่แทบจะเป็นความอัปยศนั้นการแข่งขันทางบู๊นี้ก็ปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน...เรื่องหักเหจากการคาดหมายของทุกคนเหลียงจ้านอิงและเหลียงเทียนจื้อต่างคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้จะล้วงปืนสั้นออกมาพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันด้านบู๊นี้กระทั่งว่าเหลียงเทียนจื้อไม่มีโอกาสจะได้ออกโรงเลย...เช่นละครอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากเหมิงฉากลัวสุดขีดจึงยกมือยอมแพ้ดังนั้นเหลียงเทียนอี้จึงคว้าชัยชนะการแข่งขันรอบนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงภาพมหัศจรรย์เกิดให้แบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงลุ้นระทึกและไม่มีเลือดร้อนพลุ่งพล่านที่ใครคาดหวัง!ถึงขั้นว่าลวงตามากแต่ผลลัพธ์เป็นของจริงแท้แน่นอน เหลียงเทียนอี้ชนะแล้ว......“ดูท่าครั้งนี้ฟานเอ๋อร์จะช่วยข้าได้มากอีกแล้ว”เหลียงเทียนอี้กลับมาถึงด้านในก็คืนปืนสั้นให้ฉินอวิ๋นฟานและพรูลมหนัก ๆ“เหอะ ๆ เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของท่านทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ มิได้กล่าวอะไรอีกถ้าจะบอกว่าเขาทำอะไรเพื่อเหลียงเทียนอี้ นั่นก็แค่บอกเขาว่าความจริงการแข่งขันนี้สามาร
การกระทำของเหลียงเทียนอี้ทำให้ทุกคนในนั้นตกตะลึงแม้แต่เหลียงจ้านอิงที่อยู่บนปะรำก็ยังหยุดการดื่มน้ำชาไม่ได้ มองไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”เหลียงเทียนจื้อมองเหลียงเทียนอี้ที่ปราศจากเครื่องป้องกันใด ๆ ด้านข้าง ใบหน้าแปลกใจนี่คือการแข่งขันบู๊นะ คือสถานที่ตีรันฟันแทง ถ้าไม่ระวังอาจต้องคมศาสตราได้จริง ๆ ศีรษะย้ายที่อยู่ หากไม่ใช่เพราะมั่นใจกับฝีมือของตัวเองมาก กอปรกับวางแผนร่วมกับทางซยงหนูดีแล้วเขาคงต้องสวมชุดเกราะหนักมารับมือกับการแข่งขันด้านบู๊วันนี้เหมือนกันทว่าการกระทำเช่นนี้ของเหลียงเทียนอี้ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก เหลียงเทียนจื้อหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย...ทั้งที่เขาควรดีใจกับเวลานี้ ถ้าเหลียงเทียนอี้เกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบนี้ เช่นนั้นบัลลังก์ต้องเป็นของเขาแน่แล้วแต่ใจกับกระวนกระวาย อย่างไรก็ไม่เป็นสุข“หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไร?”ทันใดนั้นเหมิงฉาเริ่มบุกโจมตีก่อนแล้วร่างสูงใหญ่นั้นหวดขวานใหญ่หนักร้อยชั่งพลางเข้าใกล้เหลียงเทียนอี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แสงสุริยา คมมีดนั้นน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับแค่ถากเถือเบา ๆ ก็เฉือนศีรษ
“ข้าเอง!”ทันใดนั้นเหลียงเทียนอี้ก็ก้าวออกมาช้า ๆโง่อย่างที่คิด...เหลียงเทียนจื้อยืนยิ้มเยาะอยู่ในใจข้างหลังเขารู้นิสัยของพี่ชายดี และรู้ว่าเหลียงเทียนอี้เป็นคนดื้อรั้นมากเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มักจะดาหน้าออกไปทันทีแม้เผชิญหน้ากับพันขุนศึกหมื่นอาชาก็ยังปราศจากความกลัวเกรง พลีตนจนตัวตาย...แต่พฤติกรรมวู่วามเช่นนี้ กลัวแต่ต้องจบอย่างอนาถในท้ายที่สุด“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทกล้าหาญดังคาด!” เหมิงฉาหัวเราะเสียงดัง “ปกติยังนึกว่าท่านเป็นแต่สะบัดพู่กันขีดเขียน วันนี้ข้าอยากลองดูสิว่าฝีมือดาบกระบี่ของท่านจะล้ำลึกหรือไม่?”เพิ่งกล่าวจบ เหมิงฉาก็กวัดแกว่งขวานใหญ่พลางเดินประชิดไปทางเหลียงเทียนอี้ทีละก้าวรูปร่างใหญ่นั้น ร่างกายแข็งแรงนั้น แค่ยืนอยู่ก็สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นแล้วทำให้หลาย ๆ คนเห็นแล้วอดเกิดใจกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้“อุ๊ย ท่านพี่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังไง?”เหลียงจื่อฝูที่อยู่บนปะรำหน้าทุกข์ร้อน สองมือบีบผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าซีดไปเล็กน้อยนางจ้องเหลียงเทียนอี้กลางลานฝึกซ้อม“ท่านพี่ไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมิงฉา!”ผู้เป็นน้องสาว
เหลียงเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าราบเรียบ มองอารมณ์ไม่ออกแต่ในใจเขารู้ดี การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการตั้งแต่เหมิงฉาเริ่มพูดแล้วนี่คือการหยามหน้า คือการหยามเหยียดอย่างชัดเจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย“เป็นยังไง? องค์ชายสาม?”เหมิงฉาเมินเหลียงเทียนอี้ที่อยู่อีกทางหนึ่ง แล้วใช้สายตาท้าทายมองไปทางเหลียงเทียนจื้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ได้ยินว่าฝีมือการใช้ดาบกระบี่ขององค์ชายสามค่อนข้างร้ายกาจ วันนี้ข้าขอท้าทายสักหน่อยเถิด”“มิเป็นไร” เหลียงเทียนจื้อฉีกยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความกระหยิ่มใจจากนั้นก็ชักกระบี่ล้ำค่าคู่กายออกมาจากตรงเอวช้า ๆการต่อสู้ครั้งนี้ คือของเขาเท่านั้น!และเป็นเขาได้เท่านั้น!เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาเหลียงเทียนจื้อต่างหากที่เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดคนนั้น คือคนที่สามารถเอาชนะซยงหนูได้อย่างแท้จริง!......“ดูท่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนนะ”เหลียงจ้านอิงดื่มน้ำชาสบายใจเฉิบอยู่บนปะรำมองผลสะท้อนกลับอย่างอบอุ่นของเหล่าผู้ชม จิตใจยิ่งฮึกเหิมตื่นเต้นไม่พูดไม่ได้เลย ถ้อยคำนั้นของเหมิงฉาทำให้เกิดผลดีเยี่ยม สามารถชักจูงอารมณ์ของทุกคนได้ในพริบตาเขาเช
ตกลงไว้แต่แรกว่าเป็นการแข่งขันรูปแบบปิด และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร นอกจากราชวงศ์จะมิมีผู้ใดล่วงรู้ทว่าตอนนี้กลับแข่งขันในลานกว้างต่อหน้าธารกำนัล?หากท่านพี่แพ้มิต้องเป็นที่หัวเราะไปทั่วหรือ?“นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ทางเหลียงชินอ๋องต้องการกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงด้านข้าง ยิ้มพูดอย่างเฉยชา “ในฐานะที่เป็นละครฉายซ้ำของวันนี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นความประดักประเดิดของเสด็จน้าเท่านั้น”แต่แพ้จากการต่อสู้เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องเทข้างแน่โอรสสวรรค์ของต้าเหลียงที่กล่าวขานกลับแพ้ให้กับคนป่าเถื่อน ทั้งความสามารถยังมิสู้องค์ชายสามเหลียงเทียนจื้อขอเพียงมีการพูดประเภทนี้ต่อไป ไม่นานอัตราการสนับสนุนเหลียงเทียนจื้อก็จะพุ่งสูงลูกไม้พรรค์นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก“น่ารังเกียจจริง ๆ...” คิ้วงามเหลียงจื่อฝูย่นยู่เล็กน้อย อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้”“เมื่อวานท่านพี่ชนะการแข่งขันด้านบุ๋นกับซยงหนูในท้องพระโรง พวกเขาไม่เห็นจะพูดกันเลย เลวทรามจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะอย่างไม่ออกความเห็นเขากลับไม่ใส่ใจว่าเมื่อวานจะชนะหรือแพ้ วันนี้ต่างหากที่เป็นส่วนสำค
สำหรับเหลียงเทียนอี้ การแข่งขันในวันนี้ค่อนข้างน่าตกใจแต่ยังดีที่สุดท้ายเขาสามารถคลี่คลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้พวกซยงหนูหน้าบึ้งตึง โจมตีจนพวกเขารับมือไม่ทันดูท่าปกติว่างเว้นจากการงานอ่านหนังสือให้มากจะมีประโยชน์...หลังประชุมเช้า เหลียงเทียนอี้ก็อดรนทนไม่ไหวบอกข่าวดีกับฉินอวิ๋นฟาน อยากแบ่งปันความสุขและความเปรมปรีดิ์ของตนแต่พอได้ยินฉินอวิ๋นฟานตอบกลับ เขาจึงตระหนักว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เขาคิดอย่างนั้น“การแข่งขันทางบู๊ในวันพรุ่งนี้จึงจะเป็นส่วนสำคัญอย่างแท้จริง”คำพูดราบเรียบประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานทำให้ความยินดีปรีดาของเหลียงเทียนอี้ในแต่เดิมสูญสิ้น สีหน้าอึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ“ข้าย่อมรู้ดี...แต่ปกติ คนที่จะชนะในการแข่งขันทางบู๊คงจะเป็นน้องสาม”เกี่ยวกับจุดนี้แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นเพราะเหลียงเทียนจื้อร่ำเรียนกับเหลียงจ้านอิงแต่เล็ก อีกทั้งยังเคยเข้าสนามรบฟาดฟันกับศัตรู ด้านประสบการณ์การรบ จึงมีความคล่องมากกว่าเป็นธรรมดาเช่นนี้ หากคิดจะชิงคะแนนหนึ่งมาจากมือของเหลียงเทียนจื้อ คาดว่าต้องยากเป็นพิเศษเมื่อเห็นเหลียงเทียนอี้มีท่าทางปราศจากใจฮึดสู้ ฉินอวิ
“พันทุบหมื่นเจาะจึงได้แผ่นดิน ไฟโหมเผาไหม้เป็นอาจิณ ร่างแหลกกายเหลวมิหวั่น คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ในโลกา”ฝุ่นหินหนึ่งบททำให้หลิ่วเหวินเซี่ยมั่นใจมากขึ้นไม่น้อยครั้งนี้เขาไม่ออมมืออีก ทั้งยังท่องออกมาจนจบ ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้กับเหลียงเทียนอี้เช่นเดียวกัน เขาทำนอกเหนือแผนเดิม ไม่คิดสนใจความรู้สึกของเหลียงเทียนจื้ออีก“นี่ นี่มันกลอนอะไร?”เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ด้านหลังเหงื่อตก ในหัวถึงขั้นว่าไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับกลอนบทนี้แน่นอน ด้วยความทึ่มทื่อของเขาจะต่อกลอนได้อย่างไร ได้แต่เกาหลังศีรษะยิก ๆทว่าเหลียงเทียนอี้ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงครู่เดียวก็ตอบ“หวงคะนึงความทุกข์เข็ญในการสอบ บัดนี้ไฟสงครามสงบผ่านพ้นสี่ปี”“บ้างเมืองไหวเอนดังกิ่งหลิว ใครเล่ามิใช่ผิวน้ำฝนซัดสาด”“หวงข่งทานปราชัยพรั่นพรึงถึงวันนี้ หลิงติงหยางอ้างว้างถอนหายใจ”“นับแต่โบราณใครบ้างมิดับสูญ เหลือใจรักชาติในพงศาวดาร”ครั้นกล่าวออกมาก็ได้รีบเสียงปรบมือดังสนั่นขุนนางบุ๋นบู๊ที่ชมละครฉากเด็ดในแต่เดิม ยามนี้ยอมสยบกับความสามารถทางวรรณกรรมของเหลียงเทียนอี้แล้วไม่ว่าจะเป็นกลอนในสมัยใด เหลียงเทียนอี้ก็เหมือน
ชั่วขณะ ท้องพระโรงเงียบกริบ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่กับตัวของเหลียงเทียนอี้แทบทั้งหมดในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความยินดีหลังจากหลิ่วเหวินเซี่ยร่ายกลอนท่อนแรกออกมา เหลียงเทียนอี้กลับสามารถตอบสนองทันควันพร้อมต่อท่อนหลังความเร็วเช่นนี้เรียกว่าเร็วยิ่ง!“อวิ๋นเฉ่าสาทรฤดูมีเขียวแห่งวสันต์ของกวีราชวงศ์ซ่ง คือยอดบทกวีโดยแท้!”เหลียงเทียนอี้พยักหน้าอย่างสง่างาม ใบหน้าประดับรอยยิ้มมั่นใจงานนี้ทำให้เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ข้างล่างหน้าตึงฉับพลันเหลียงจ้านอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งหนักกว่า สายตาที่มองมาราวกับมีไฟพุ่งออกมาได้“บ้าเอ๊ย...ถูกชิงตัดหน้าไปก่อน!”เหลียงเทียนจื้อกัดฟันกรอด ในใจกรุ่นโกรธไม่หยุดทั้งที่เขาทำการบ้านมาล่วงหน้า ไม่ว่าหลิ่วเหวินเซี่ยจะท่องกลอนบทใดเขาก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเร็วสู้เหลียงเทียนอี้ไม่ได้!และไม่รู้ว่าตัวเองโง่เขลาหรือเหลียงเทียนอี้เก่งจริงกันแน่!“รัชทายาททรงภูมิแท้ ข้าน้อยเลื่อมใส!”หลิ่วเหวินเซี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าคงเดิมทว่าในใจกลับไม่พอใจเล็กน้อยแล้วคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้ผู้นี้จะมีฝีมือ เขาจงใจเลือกบทกวี
การกระทำเช่นนี้คือการแสดงความยโสหยิ่งผยองของซยงหนูอย่างมิต้องสงสัย“เหมิงฉา คารวะรัชทายาท”“หลิ่วเหวินเซี่ย คารวะรัชทายาท”คนอื่น ๆ ก็ทักทายตามด้วยเหมือนกัน เมื่อนั้นเหลียงเทียนอี้จึงรู้ฐานะของพวกเขาดูแล้วหนึ่งคนในนั้นก็คือบุตรชายของเหมิงเก๋อเอ่อร์ หรือก็คือคนที่มาท้าทายเขาในครั้งนี้อย่างที่เหลียงจ้านอิงบอก การมาครั้งนี้ของเหมิงเก๋อเอ่อร์ก็เพื่อหยั่งเชิงเขาโดยอ้างเหตุผลเยี่ยมเยือนฮ่องเต้ต้าเหลียง ดังนั้นเรื่องที่เริ่มสนทนาในท้องพระโรงจึงเกี่ยวกับสุขภาพของฮ่องเต้ต้าเหลียงแทบจะทั้งหมดทว่าทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดี จุดประสงค์ของผู้นิยมสุรามิได้อยู่ที่สุรานี่อย่างไร ครั้นเปลี่ยนเรื่อง เหมิงเก๋อเอ่อร์ก็กล่าวถึงการแข่งขันเลย“ได้ยินว่ารัชทายาทและองค์ชายสามเก่งทั้งบุ๋นแล้วบู๊มานาน คืออัจฉริยะของต้าเหลียง การมาเยือนต้าเหลียงครั้งนี้ นอกจากจะเยี่ยมฮ่องเต้ต้าเหลียงสหายเก่าท่านนี้ ก็อยากให้บุตรชายได้ประมือกับรัชทายาทและองค์ชายสักหน่อย”เหมิงเก๋อเอ่อร์สีหน้าขึงขัง ในที่สุดก็เข้าประเด็นชั่วขณะ ทุกคนในท้องพระโรงหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ต่างสังเกตสีหน้าเหลียงเทียนอี้อย่างแนบเนียนทว่าเ