“บัดซบ! รุมมันเลย!”ถูกเซี่ยงเส้าเหยียนหยามหน้า รองเจ้าสำนักหม่าอายจนโกรธ กอปรกับพลังที่เซี่ยงเส้าเหยียนแสดงออกมาในตอนส่งหมัดเมื่อครู่ เขาไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย นำคนที่อยู่ข้างหลังสามคนรุมโจมตีเซี่ยงเส้าเหยียนทันทีเซี่ยงเส้าเหยียนสงบดังสุนัขเฒ่า[1] นิ่งไม่กริ่งเกรง ต่อสู้กับยอดฝีมือเขตปรมาจารย์สี่คนด้วยตัวคนเดียวกลับไม่ตกเป็นรองแม้แต่น้อย อีกฝ่ายเปิดโหลดโจมตีคลั่งแล้วพลังของเอเคสี่สิบแปดยังคงน่ากลัวดังเดิม ยิงจนเหล่ายอดฝีมือในยุทธภพหนังเปิดเนื้อเละ ชั่วครู่เดียวก็คว่ำคนอีกเป็นโขยง โหยหวนดังระงม“ฉิบหาย! แม่งเอ๊ย! ไอ้บัดซบหลัวเทียนเป้าฉวยโอกาสหนีไปแล้ว?!”เห็นเงาร่างของหลัวเทียนเป้าและจางหมาจื่อหายวับไป ฉินอวิ๋นฟานโมโหโกรธาพลังดุเดือดของเอเคสี่สิบแปดสะกดยอดฝีมือในยุทธภพเหล่านี้ได้โดยสมบูรณ์ ทำให้ฉินอวิ๋นฟานมั่นใจมากขึ้น ไม่นึกว่าในเวลาสำคัญเช่นนี้ พวกหลัวเทียนเป้ากลับฉวยโอกาสหนี?ที่ขึ้นเขาก็เพราะปราบโจร เพื่อทำลายแผนชั่วของหลัวเทียนเป้า ผลกลับดีเลย ดันให้ตัวบัดซบสองตัวซึ่งเป็นตัวการหลักหนีไปในช่วงสำคัญได้? นี่ยังจะทนได้ยังไงอีก! จะให้ตัวบัดซบสองตัวนี้หนีไปง่าย ๆ ไม่ได้เด็ด
“แม่จ๋า นี่มันเป็นอาวุธลับอะไรเนี่ย? น่ากลัวเกินไปแล้ว นี่มันนานแค่ไหนกันเชียว คนขอเราก็ตายไปสี่สิบคนแล้ว?!”“พวกเรายอดฝีมือเขตปรมาจารย์กลับตายอนาถไปห้าคน? ช่างน่ากลัวนัก ข้าว่าข้าเอาตัวรอดก่อนดีกว่า เอาชีวิตไปแลกกับเงินแค่นี้ ไม่คุ้มเอาซะเลย”“ข้าก็ว่าอย่างนั้นเหมือนกัน การโจมตีสองชุดทำให้พวกเขาเพลี่ยงพล้ำหนักนัก นอกจากนี้ ขนาดจะเข้าใกล้ยังเข้าใกล้ไม่ได้เลย ขนาดแม่ทัพหลัวก็ยังเผ่น ข้าว่าแล้วไปเถอะ ข้าไปก่อนละ!”“สหาย พวกเจ้ารักษาตัวนะ ข้าไปก่อนแล้ว!”......เหล่ายอดฝีมือในยุทธภพตาแหลมเพียงไร เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ถูกต้องก็เลือกถอยทันที กลัวว่าช้าไปอีกนิดชีวิตจะหาไม่ ชั่วประเดี๋ยวเดียวยอดฝีมือในยุทธภพหายไปหมด เหลือเพียงรองเจ้าสำนักหม่าสี่คนเท่านั้น“อาจารย์หม่า ทำยังไงดี? ไม่อย่างนั้นเราก็ถอยกันเถอะ!”“นั่นสิอาจารย์หม่า ฝีมือของยอดฝีมือตระกูลเซี่ยงคนนี้แข็งแกร่งนัก ต่อให้เราสี่คนร่วมมือกันก็คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ขืนลากยาวต่อไปจะไม่เป็นผมดีกับเรานะ!””ก็ขณะที่รองเจ้าสำนักหม่ากำลังลังเลตัดสินใจไม่ได้ ยอดฝีมือเขตปรมาจารย์อีกสองคนรีบโน้มน้าว และถือเป็นการทอดบันไดให้เขาลงด้วย“ถ้า
เห็นฉินอวิ๋นฟานโอหังเช่นนี้ หลัวเทียนเป้าโกรธขบฟันจนฟันแทบจะแหลก เขาหนีไปพลางก็พูดด้วยหน้าตาดุร้ายไปพลาง “ฉินอวิ๋นฟาน เจ้ากำแหงไปเถอะ อีกเดี๋ยวไม่เอาเจ้าให้ตาย ข้าจะใช้แซ่ตามเจ้า!” “ฉินอวิ๋นฟาน คือคนของตระกูลวิธียุทธ์อันดับหนึ่งของต้าเยียน ท่านลุงหลัวยิ่งเป็นแม่ทัพใหญ่พิทักษ์ชาติแห่งราชวงศ์ต้าเยียน เสาหลังของต้าเยียน เจ้ากลัวฆ่าคุณชายสี่ของตระกูลหลัวหรือ? ข้าขอเตือนให้เจ้าคิดให้ดีนะ อย่าได้บีบจนถึงทางตัน!”เพื่อยั่วยุฉินอวิ๋นฟาน เพื่อลดความสงสัยของฉินอวิ๋นฟาน จางหมาจื่อทำตัวอ่อนด้อยต่อ เติมเชื้อเพลิงไม่หยุด“ฉินอวิ๋นฟาน เจ้าอย่าทำได้เกินไปนัก ถ้าไม่ใช่เพราะอาวุธลับอะไรพวกนั้นของเจ้ามีพลังทำลายล้างมากเกินไป ข้าจะแพ้เจ้าหรือ?!”หลัวเทียนเป้าหนีพลางตะคอก “ถ้าวันนี้เจ้ากล้าแตะต้องข้าแม้แต่นิดเดียว พ่อของข้าต้องพาพันนักรับหมื่นอาชามาเยียบราชวงศ์ต้าเฉียนของเจ้าให้ราบแน่ ข้าขอเตือน รีบกลับใจเสียเถอะ อย่าตามอีกเลย”“เสี่ยวฟาน ดูท่าหลัวเทียนเป้าจะกลัวจริง ๆ นะ”เห็นจางหมาจื่อและหลัวเทียนเป้าตะลีตะลานเช่นนี้ อู่จ้านปลดการเฝ้าระวังโดยสิ้นเชิงแล้ว ความกังวลเมื่อก่อนหน้านี้หายไปสิ้น ไล่กวดตา
“อื่ม!”เดิมทีฉินอวิ๋นฟานคือสุดยอดทหารหน่วยรบพิเศษในยุคปัจจุบัน กับการต่อสู้ในป่า คำว่า ‘ระวัง’ สลักอยู่ในกระดูกของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้สถานการณ์ที่มียอดฝีมือเช่นนี้ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ทางแยก หน้าผาก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าทุกคน“ฉินอวิ๋นฟาน เจ้าบัดซบ มาสิ มาฆ่าข้าสิ!”ในจุดไม่ไกล หลัวเทียนเป้าและจางหมาจื่อหยุดฝีเท้าลงแล้ว ตอนนี้จู่ ๆ หลัวเทียนเป้าก็ท้าทายฉินอวิ๋นฟานยกใหญ่ ลางสังหรณ์ร้ายทวีความรุนแรง!ตอนนี้เอง อู่จ้านก็รู้สึกถึงความผิดแผกแล้วเหมือนกัน เขาขมวดคิ้วมุ่นพูด “เสี่ยวฟาน ที่นี่คงไม่มีกับดักหรอกนะ?”ทันทีที่อู่จ้านพูดจบ พลังขย่มขวัญถึงจิตวิญญาณของทั้งสองก็ปะทุขึ้นมา ไม่ให้ใครรู้ตัวทั้งนั้น บุคคลหนึ่งโจมตีไปทางหน่วยเอเคสี่สิบแปดตามด้วยโจมตีฉินอวิ๋นฟานมาโดยตรง“แย่แล้ว! มีการดักซุ่มจริง ๆ ด้วย!”เมื่อเห็นสถานการณ์ผิดปกติ อู่จ้านตะโกนขึ้น เขาใช้พลังทั้งหมดที่มีขวางอยู่ตรงหน้าฉินอวิ๋นฟาน ฉินอวิ๋นฟานในเวลานี้สมองดังวิ้ง ไม่มีโอกาสตอนสนองสักนิด!ปัง!!!“หึ! ไม่ประมาณตน!”ชายชุดดำผู้นั้นแค่นเสียงออกจากจมูก หนึ่งหมัดซัดอู่จ้านกระเด็นกระแทกต้นไม้หลายต้นในจุดที่ไม่ไกลหัก ความเ
“ท่านพี่...”ในตอนที่วิญญาณใกล้จะออกจากร่าง ในดวงตาคือความเคียดแค้นและสิ้นหวัง หากทุกอย่างมันสายไปแล้ว“พวกเจ้ารนหาที่ตายแล้ว!”เริ่นอู่ไม่ได้ตระหนักถึงพลังขย่มขวัญของเอเคสี่สิบแปด เมื่อออกแรงใต้เท้า เขาพุ่งตัวไปทางเหล่าชายหนุ่มที่ถือเอเคสี่สิบแปดอยู่ในมือชั่วพริบตากลับไม่รู้ ชายหนุ่มพวกนี้ก็ฆ่าขึ้นหัวแล้วเหมือนกัน พวกเขาร่วมแรงร่วมใจกัน ยกเอเคสี่สิบแปดยิงไปทางเริ่นอู่ เริ่นอู่นึกว่าตัวเองสามารถหลบอาวุธลับเหล่านี้ได้ แต่สุดท้ายก็ประเมินอานุภาพของเอเคสี่สิบแปดต่ำเกินไปในระยะใกล้ อานุภาพของเอเคสี่สิบแปดยิ่งน่ากลัวจนชวนขนหัวลุก ไวกว่าชนิดที่ไม่ด้อยไปกว่าเขาเลย ทั้งในสถานการณ์ที่กระหน่ำยิงมา คิดจะหลบหลีกคือเป็นไปไม่ได้ปัง ๆ ๆ...ลูกกระสุนยิ่งไปทางเริ่นอู่ต่อ แค่หนึ่งวินาที แม้เขาจะใช้พลังของตัวเองหลบให้วุ่น แต่ร่างกายของเขาก็ยังถูกเจาะทะลุ นาทีนี้ เริ่นอู่เบิกตาโพลง ไม่กล้าเชื่อว่าตัวเองก็ถูกอาวุธลับด้วยเหมือนกันพู่ ๆ ๆ...“จะเป็น จะเป็นไปได้ยังไง?!”จ้องรูที่มีเลือดพุ่งออกมาตรงทรวงอก ในดวงตาของเริ่นอู่เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ แต่ทั้งหมดมันสายไปแล้ว ชีวิตที่กำลังหายไปทีละน้อย
“เทียนเวิ่น เจ้าให้องครักษ์อู่กินยาให้อาการนิ่งก่อน พวกเราจะพาพี่น้องไปจัดการหลัวเทียนเป้าก่อนแล้วค่อยว่ากัน ไม่ว่ายังไงก็ต้องแก้แค้นให้รัชทายาทให้ได้!”เซี่ยงเส้าเหยียนพูดทั้งสีหน้าขมึงทึง“ได้!”......ถูกเริ่นอู่ซัดบาดเจ็บสาหัส ฉินอวิ๋นฟานจวนจะหมดสติ ปล่อยให้ร่างทิ้งตัวตกลงหน้าผาด้วยความเร็ว ตามความเร็วที่มากขึ้น ไอเย็นจากก้นเหวกระตุ้นร่างกายของเขา ทำให้เขาเริ่มได้สติจากการกระตุ้นอย่างรุนแรงนี้“เฮ้ย! นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?! ”ฉินอวิ๋นฟานที่ได้สติขึ้นมาตกตะลึงพรึงเพริด หน้าตาซีดเซียว ปราศจากสีเลือด เจ็บทั่วสรรพางค์กาย ทั้งกำลังดิ่งพสุธาด้วยความเร็วสูง ความตายอยู่อีกชั่วพริบตาเดียว!“ไม่ได้การ แผนการยิ่งใหญ่ฉันเพิ่งจะเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง เพิ่งจะสร้างอาณาจักรธุรกิจและกองทัพล้ำสมัยของตัวเอง ยังไม่ทันได้เดินแผนเลย จะตายอย่างนี้ได้ยังไง?!”ฉินอวิ๋นฟานพึมพำแล้วพูดขึ้นมาอย่างแค้นใจที่สุด “ยังมีสาวสวยเช้งตั้งเยอะแยะ ยังไม่ได้จับมือเลยด้วยซ้ำ จะตายได้ยังไง?! เพิ่งจะได้เปิดประสบการณ์ออกกำลังกายครั้งละสามคนไปทีเดียวเอง ยังไม่หนำใจเลย แล้วฉันจะตายได้ยังไง?!” เมื่อมองสภาพแวดล้
“อ๊า ๆ ๆ ๆ...”ตามเสียงที่ดังและใกล้เข้ามาทุกที นางยิ่งตกใจลนลาน รีบว่ายน้ำขึ้นฝั่ง และในตอนนี้เอง ชายผู้หนึ่งก็ตกลงมาจากฟากฟ้า ดิ่งลงมาตรงศีรษะของนางแบบเหมาะเหม็ง“โอ๊ย! ทำไมถึงมีผู้ชายตัวเหม็นตกลงมาจากฟ้าได้นะ?”เมื่อเห็นดังนั้น โฉมสะคราญหน้าถอดสี ตกใจสุดขีด ไม่เปิดโอกาสให้นางหลบหลีกใด ๆ บังเกิดปัญญาในยามคับขัน นางรีบดำน้ำลงไปทันที หนึ่งเพื่อป้องกันไม่ให้ร่างเปลือยเปล่าเผยในที่สาธารณะ สองเพื่อเอาตัวรอด มิเช่นนั้นได้ถูกทับตายแน่!ตูม...แม้ฉินอวิ๋นฟานจะทำชุดบินวิงสูทฉบับเรียบง่าย แต่ก็ยังตกลงมาเร็วอยู่ดี จังหวะที่เขารู้สึกถึงไออุ่นของก้นเหวส่งมาถึง พลันรู้ว่าตัวเองรอดแล้ว หากความทุกข์ทางเนื้อหนังมิอาจหลีกเลี่ยงให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ใต้บึงกลับมีเรื่องน่ายินดีแบบเหนือคาด?“หือ? อะไรกัน นี่ฉันไม่ตายเหรอ?!”จังหวะที่ฉินอวิ๋นฟานตกลงไปในน้ำ ที่ทำให้เขาประหลาดใจ คือเหมือนว่าเขาจะกระแทกกับอะไรบางอย่างข้างใต้ ดังนั้นจึงไม่ได้จมดิ่งลงไปต่อ เมื่อนึกถึงตรงนี้ ฉินอวิ๋นฟานพลันขมิบดอกเบญจมาศ ลางร้ายผุดขึ้นมาในใจ “ใต้บึง... คงไม่... ไม่มีจระเข้หรอกนะ?”คิดเช่นนี้แล้ว ฉินอวิ๋นฟานสะดุ
ฉินอวิ๋นฟานเรียกอยู่หลายครั้ง จางอวี่ม่อก็ไม่ตื่น ฉินอวิ๋นฟานใจร้อนดังไฟ เขาอดทนต่อความเจ็บปวดรุนแรง ลากจางอวี่ม่อว่ายขึ้นฝั่งอย่างเร็วรี่แม้ว่าเขาจะอยู่ห่างจากฝั่งเพียงสิบกว่าเมตร แต่สำหรับฉินอวิ๋นฟานที่บาดเจ็บสาหัส การพาอีกคนขึ้นฝั่งด้วยคือเรื่องที่ลำบากมากผ่านไปพักหนึ่ง ฉินอวิ๋นฟานจึงพาจางอวี่ม่อที่ไม่ได้สติไปถึงริมฝั่ง เขาใช้กำลังทั้งหมดที่มีวางร่างของจางอวี่ม่อให้นอนราบ เมื่อสัมผัสถึงลมหายใจของจางอวี่ม่อรวยริน ฉินอวิ๋นฟานร้อนใจดังไฟแผดเผา“นี่ นี่จะทำยังไงดี? จางอวี่ม่อนอกจากจะเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิต ยังเป็นลูกสาวของจางไท่เว่ย ตอนนี้ยังถูกฉันเห็นหมดแล้วอีก ทำยังไงดี?!”ฉินอวิ๋นฟานกระหืดกระหอบไปก็บ่นไป “ไม่ได้ ฉันเคยบอกว่าต้องรับผิดชอบต่อแม่นางอวี่ม่อ เพื่อตอบแทนบุญคุณช่วยชีวิตของนาง ฉันต้องมอบกาย!”“ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถ้าครั้งนี้นางไม่ได้เป็นเบาะรองอยู่ข้างล่างให้ ฉันคงเด๊ดสะมอเร่ไปอีกรอบแล้ว เท่ากับว่าแม่นางอวี่ม่อช่วยชีวิตฉันเอาไว้อีกครั้ง บุญคุณนี้ ยากจะตอบแทนทั้งชาติ!”ในตอนที่ฉินอวิ๋นฟานมองเรือนร่างอวบอิ่มขาวสะอาดปานหยกของจางอวี่ม่ออีกครั้ง ก็อดกลืนน้ำลายลงอึกแรง ๆ ไม
ในที่สุดเหมิงฉาก็รับไม่ไหว ร้องตะโกนคำที่แทบจะเป็นความอัปยศนั้นการแข่งขันทางบู๊นี้ก็ปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน...เรื่องหักเหจากการคาดหมายของทุกคนเหลียงจ้านอิงและเหลียงเทียนจื้อต่างคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้จะล้วงปืนสั้นออกมาพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันด้านบู๊นี้กระทั่งว่าเหลียงเทียนจื้อไม่มีโอกาสจะได้ออกโรงเลย...เช่นละครอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากเหมิงฉากลัวสุดขีดจึงยกมือยอมแพ้ดังนั้นเหลียงเทียนอี้จึงคว้าชัยชนะการแข่งขันรอบนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงภาพมหัศจรรย์เกิดให้แบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงลุ้นระทึกและไม่มีเลือดร้อนพลุ่งพล่านที่ใครคาดหวัง!ถึงขั้นว่าลวงตามากแต่ผลลัพธ์เป็นของจริงแท้แน่นอน เหลียงเทียนอี้ชนะแล้ว......“ดูท่าครั้งนี้ฟานเอ๋อร์จะช่วยข้าได้มากอีกแล้ว”เหลียงเทียนอี้กลับมาถึงด้านในก็คืนปืนสั้นให้ฉินอวิ๋นฟานและพรูลมหนัก ๆ“เหอะ ๆ เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของท่านทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ มิได้กล่าวอะไรอีกถ้าจะบอกว่าเขาทำอะไรเพื่อเหลียงเทียนอี้ นั่นก็แค่บอกเขาว่าความจริงการแข่งขันนี้สามาร
การกระทำของเหลียงเทียนอี้ทำให้ทุกคนในนั้นตกตะลึงแม้แต่เหลียงจ้านอิงที่อยู่บนปะรำก็ยังหยุดการดื่มน้ำชาไม่ได้ มองไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”เหลียงเทียนจื้อมองเหลียงเทียนอี้ที่ปราศจากเครื่องป้องกันใด ๆ ด้านข้าง ใบหน้าแปลกใจนี่คือการแข่งขันบู๊นะ คือสถานที่ตีรันฟันแทง ถ้าไม่ระวังอาจต้องคมศาสตราได้จริง ๆ ศีรษะย้ายที่อยู่ หากไม่ใช่เพราะมั่นใจกับฝีมือของตัวเองมาก กอปรกับวางแผนร่วมกับทางซยงหนูดีแล้วเขาคงต้องสวมชุดเกราะหนักมารับมือกับการแข่งขันด้านบู๊วันนี้เหมือนกันทว่าการกระทำเช่นนี้ของเหลียงเทียนอี้ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก เหลียงเทียนจื้อหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย...ทั้งที่เขาควรดีใจกับเวลานี้ ถ้าเหลียงเทียนอี้เกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบนี้ เช่นนั้นบัลลังก์ต้องเป็นของเขาแน่แล้วแต่ใจกับกระวนกระวาย อย่างไรก็ไม่เป็นสุข“หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไร?”ทันใดนั้นเหมิงฉาเริ่มบุกโจมตีก่อนแล้วร่างสูงใหญ่นั้นหวดขวานใหญ่หนักร้อยชั่งพลางเข้าใกล้เหลียงเทียนอี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แสงสุริยา คมมีดนั้นน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับแค่ถากเถือเบา ๆ ก็เฉือนศีรษ
“ข้าเอง!”ทันใดนั้นเหลียงเทียนอี้ก็ก้าวออกมาช้า ๆโง่อย่างที่คิด...เหลียงเทียนจื้อยืนยิ้มเยาะอยู่ในใจข้างหลังเขารู้นิสัยของพี่ชายดี และรู้ว่าเหลียงเทียนอี้เป็นคนดื้อรั้นมากเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มักจะดาหน้าออกไปทันทีแม้เผชิญหน้ากับพันขุนศึกหมื่นอาชาก็ยังปราศจากความกลัวเกรง พลีตนจนตัวตาย...แต่พฤติกรรมวู่วามเช่นนี้ กลัวแต่ต้องจบอย่างอนาถในท้ายที่สุด“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทกล้าหาญดังคาด!” เหมิงฉาหัวเราะเสียงดัง “ปกติยังนึกว่าท่านเป็นแต่สะบัดพู่กันขีดเขียน วันนี้ข้าอยากลองดูสิว่าฝีมือดาบกระบี่ของท่านจะล้ำลึกหรือไม่?”เพิ่งกล่าวจบ เหมิงฉาก็กวัดแกว่งขวานใหญ่พลางเดินประชิดไปทางเหลียงเทียนอี้ทีละก้าวรูปร่างใหญ่นั้น ร่างกายแข็งแรงนั้น แค่ยืนอยู่ก็สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นแล้วทำให้หลาย ๆ คนเห็นแล้วอดเกิดใจกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้“อุ๊ย ท่านพี่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังไง?”เหลียงจื่อฝูที่อยู่บนปะรำหน้าทุกข์ร้อน สองมือบีบผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าซีดไปเล็กน้อยนางจ้องเหลียงเทียนอี้กลางลานฝึกซ้อม“ท่านพี่ไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมิงฉา!”ผู้เป็นน้องสาว
เหลียงเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าราบเรียบ มองอารมณ์ไม่ออกแต่ในใจเขารู้ดี การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการตั้งแต่เหมิงฉาเริ่มพูดแล้วนี่คือการหยามหน้า คือการหยามเหยียดอย่างชัดเจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย“เป็นยังไง? องค์ชายสาม?”เหมิงฉาเมินเหลียงเทียนอี้ที่อยู่อีกทางหนึ่ง แล้วใช้สายตาท้าทายมองไปทางเหลียงเทียนจื้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ได้ยินว่าฝีมือการใช้ดาบกระบี่ขององค์ชายสามค่อนข้างร้ายกาจ วันนี้ข้าขอท้าทายสักหน่อยเถิด”“มิเป็นไร” เหลียงเทียนจื้อฉีกยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความกระหยิ่มใจจากนั้นก็ชักกระบี่ล้ำค่าคู่กายออกมาจากตรงเอวช้า ๆการต่อสู้ครั้งนี้ คือของเขาเท่านั้น!และเป็นเขาได้เท่านั้น!เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาเหลียงเทียนจื้อต่างหากที่เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดคนนั้น คือคนที่สามารถเอาชนะซยงหนูได้อย่างแท้จริง!......“ดูท่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนนะ”เหลียงจ้านอิงดื่มน้ำชาสบายใจเฉิบอยู่บนปะรำมองผลสะท้อนกลับอย่างอบอุ่นของเหล่าผู้ชม จิตใจยิ่งฮึกเหิมตื่นเต้นไม่พูดไม่ได้เลย ถ้อยคำนั้นของเหมิงฉาทำให้เกิดผลดีเยี่ยม สามารถชักจูงอารมณ์ของทุกคนได้ในพริบตาเขาเช
ตกลงไว้แต่แรกว่าเป็นการแข่งขันรูปแบบปิด และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร นอกจากราชวงศ์จะมิมีผู้ใดล่วงรู้ทว่าตอนนี้กลับแข่งขันในลานกว้างต่อหน้าธารกำนัล?หากท่านพี่แพ้มิต้องเป็นที่หัวเราะไปทั่วหรือ?“นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ทางเหลียงชินอ๋องต้องการกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงด้านข้าง ยิ้มพูดอย่างเฉยชา “ในฐานะที่เป็นละครฉายซ้ำของวันนี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นความประดักประเดิดของเสด็จน้าเท่านั้น”แต่แพ้จากการต่อสู้เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องเทข้างแน่โอรสสวรรค์ของต้าเหลียงที่กล่าวขานกลับแพ้ให้กับคนป่าเถื่อน ทั้งความสามารถยังมิสู้องค์ชายสามเหลียงเทียนจื้อขอเพียงมีการพูดประเภทนี้ต่อไป ไม่นานอัตราการสนับสนุนเหลียงเทียนจื้อก็จะพุ่งสูงลูกไม้พรรค์นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก“น่ารังเกียจจริง ๆ...” คิ้วงามเหลียงจื่อฝูย่นยู่เล็กน้อย อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้”“เมื่อวานท่านพี่ชนะการแข่งขันด้านบุ๋นกับซยงหนูในท้องพระโรง พวกเขาไม่เห็นจะพูดกันเลย เลวทรามจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะอย่างไม่ออกความเห็นเขากลับไม่ใส่ใจว่าเมื่อวานจะชนะหรือแพ้ วันนี้ต่างหากที่เป็นส่วนสำค
สำหรับเหลียงเทียนอี้ การแข่งขันในวันนี้ค่อนข้างน่าตกใจแต่ยังดีที่สุดท้ายเขาสามารถคลี่คลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้พวกซยงหนูหน้าบึ้งตึง โจมตีจนพวกเขารับมือไม่ทันดูท่าปกติว่างเว้นจากการงานอ่านหนังสือให้มากจะมีประโยชน์...หลังประชุมเช้า เหลียงเทียนอี้ก็อดรนทนไม่ไหวบอกข่าวดีกับฉินอวิ๋นฟาน อยากแบ่งปันความสุขและความเปรมปรีดิ์ของตนแต่พอได้ยินฉินอวิ๋นฟานตอบกลับ เขาจึงตระหนักว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เขาคิดอย่างนั้น“การแข่งขันทางบู๊ในวันพรุ่งนี้จึงจะเป็นส่วนสำคัญอย่างแท้จริง”คำพูดราบเรียบประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานทำให้ความยินดีปรีดาของเหลียงเทียนอี้ในแต่เดิมสูญสิ้น สีหน้าอึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ“ข้าย่อมรู้ดี...แต่ปกติ คนที่จะชนะในการแข่งขันทางบู๊คงจะเป็นน้องสาม”เกี่ยวกับจุดนี้แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นเพราะเหลียงเทียนจื้อร่ำเรียนกับเหลียงจ้านอิงแต่เล็ก อีกทั้งยังเคยเข้าสนามรบฟาดฟันกับศัตรู ด้านประสบการณ์การรบ จึงมีความคล่องมากกว่าเป็นธรรมดาเช่นนี้ หากคิดจะชิงคะแนนหนึ่งมาจากมือของเหลียงเทียนจื้อ คาดว่าต้องยากเป็นพิเศษเมื่อเห็นเหลียงเทียนอี้มีท่าทางปราศจากใจฮึดสู้ ฉินอวิ
“พันทุบหมื่นเจาะจึงได้แผ่นดิน ไฟโหมเผาไหม้เป็นอาจิณ ร่างแหลกกายเหลวมิหวั่น คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ในโลกา”ฝุ่นหินหนึ่งบททำให้หลิ่วเหวินเซี่ยมั่นใจมากขึ้นไม่น้อยครั้งนี้เขาไม่ออมมืออีก ทั้งยังท่องออกมาจนจบ ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้กับเหลียงเทียนอี้เช่นเดียวกัน เขาทำนอกเหนือแผนเดิม ไม่คิดสนใจความรู้สึกของเหลียงเทียนจื้ออีก“นี่ นี่มันกลอนอะไร?”เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ด้านหลังเหงื่อตก ในหัวถึงขั้นว่าไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับกลอนบทนี้แน่นอน ด้วยความทึ่มทื่อของเขาจะต่อกลอนได้อย่างไร ได้แต่เกาหลังศีรษะยิก ๆทว่าเหลียงเทียนอี้ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงครู่เดียวก็ตอบ“หวงคะนึงความทุกข์เข็ญในการสอบ บัดนี้ไฟสงครามสงบผ่านพ้นสี่ปี”“บ้างเมืองไหวเอนดังกิ่งหลิว ใครเล่ามิใช่ผิวน้ำฝนซัดสาด”“หวงข่งทานปราชัยพรั่นพรึงถึงวันนี้ หลิงติงหยางอ้างว้างถอนหายใจ”“นับแต่โบราณใครบ้างมิดับสูญ เหลือใจรักชาติในพงศาวดาร”ครั้นกล่าวออกมาก็ได้รีบเสียงปรบมือดังสนั่นขุนนางบุ๋นบู๊ที่ชมละครฉากเด็ดในแต่เดิม ยามนี้ยอมสยบกับความสามารถทางวรรณกรรมของเหลียงเทียนอี้แล้วไม่ว่าจะเป็นกลอนในสมัยใด เหลียงเทียนอี้ก็เหมือน
ชั่วขณะ ท้องพระโรงเงียบกริบ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่กับตัวของเหลียงเทียนอี้แทบทั้งหมดในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความยินดีหลังจากหลิ่วเหวินเซี่ยร่ายกลอนท่อนแรกออกมา เหลียงเทียนอี้กลับสามารถตอบสนองทันควันพร้อมต่อท่อนหลังความเร็วเช่นนี้เรียกว่าเร็วยิ่ง!“อวิ๋นเฉ่าสาทรฤดูมีเขียวแห่งวสันต์ของกวีราชวงศ์ซ่ง คือยอดบทกวีโดยแท้!”เหลียงเทียนอี้พยักหน้าอย่างสง่างาม ใบหน้าประดับรอยยิ้มมั่นใจงานนี้ทำให้เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ข้างล่างหน้าตึงฉับพลันเหลียงจ้านอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งหนักกว่า สายตาที่มองมาราวกับมีไฟพุ่งออกมาได้“บ้าเอ๊ย...ถูกชิงตัดหน้าไปก่อน!”เหลียงเทียนจื้อกัดฟันกรอด ในใจกรุ่นโกรธไม่หยุดทั้งที่เขาทำการบ้านมาล่วงหน้า ไม่ว่าหลิ่วเหวินเซี่ยจะท่องกลอนบทใดเขาก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเร็วสู้เหลียงเทียนอี้ไม่ได้!และไม่รู้ว่าตัวเองโง่เขลาหรือเหลียงเทียนอี้เก่งจริงกันแน่!“รัชทายาททรงภูมิแท้ ข้าน้อยเลื่อมใส!”หลิ่วเหวินเซี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าคงเดิมทว่าในใจกลับไม่พอใจเล็กน้อยแล้วคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้ผู้นี้จะมีฝีมือ เขาจงใจเลือกบทกวี
การกระทำเช่นนี้คือการแสดงความยโสหยิ่งผยองของซยงหนูอย่างมิต้องสงสัย“เหมิงฉา คารวะรัชทายาท”“หลิ่วเหวินเซี่ย คารวะรัชทายาท”คนอื่น ๆ ก็ทักทายตามด้วยเหมือนกัน เมื่อนั้นเหลียงเทียนอี้จึงรู้ฐานะของพวกเขาดูแล้วหนึ่งคนในนั้นก็คือบุตรชายของเหมิงเก๋อเอ่อร์ หรือก็คือคนที่มาท้าทายเขาในครั้งนี้อย่างที่เหลียงจ้านอิงบอก การมาครั้งนี้ของเหมิงเก๋อเอ่อร์ก็เพื่อหยั่งเชิงเขาโดยอ้างเหตุผลเยี่ยมเยือนฮ่องเต้ต้าเหลียง ดังนั้นเรื่องที่เริ่มสนทนาในท้องพระโรงจึงเกี่ยวกับสุขภาพของฮ่องเต้ต้าเหลียงแทบจะทั้งหมดทว่าทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดี จุดประสงค์ของผู้นิยมสุรามิได้อยู่ที่สุรานี่อย่างไร ครั้นเปลี่ยนเรื่อง เหมิงเก๋อเอ่อร์ก็กล่าวถึงการแข่งขันเลย“ได้ยินว่ารัชทายาทและองค์ชายสามเก่งทั้งบุ๋นแล้วบู๊มานาน คืออัจฉริยะของต้าเหลียง การมาเยือนต้าเหลียงครั้งนี้ นอกจากจะเยี่ยมฮ่องเต้ต้าเหลียงสหายเก่าท่านนี้ ก็อยากให้บุตรชายได้ประมือกับรัชทายาทและองค์ชายสักหน่อย”เหมิงเก๋อเอ่อร์สีหน้าขึงขัง ในที่สุดก็เข้าประเด็นชั่วขณะ ทุกคนในท้องพระโรงหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ต่างสังเกตสีหน้าเหลียงเทียนอี้อย่างแนบเนียนทว่าเ