“ถ้าท่านจะเข้าใจเช่นนี้ ข้าก็ทำอะไรไม่ได้ เรื่องนี้ท่านจะทำก็ทำ ไม่ทำก็ต้องทำ!”หลัวเทียนเป้าสองมือไพล่หลัง พูดด้วยท่าทีแข็งกร้าวที่สุด “ถ้าท่านกล้าถอนตัว ข้าหลัวเทียนเป้าจะทำให้ได้รู้ว่าผลที่จะมามันหนักหนาสาหัสเพียงไร!”ในเมื่อพูดถึงขั้นนี้แล้ว หลัวเทียนเป้าจึงไม่ใส่หน้ากากอีก เทียบกับการเปลืองน้ำลายกับฮั่วจื้อจวิน มิสู้แสดงท่าทีให้ชัดเจนไปเลย ลงเรือของข้าแล้ว จะขึ้นจากเรือโดยไม่ได้รับการไม่อนุญาตจากข้า จะง่ายขนาดนั้นที่ไหน?เรื่องเอาชีวิตฉินอวิ๋นฟาน ไม่สำเร็จจะไม่เลิกราเด็ดขาด! ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำให้ฉินอวิ๋นฟานขึ้นเขาทลายรังโจรให้ได้ มีเพียงเช่นนี้เขาถึงมีโอกาสกำจัดฉินอวิ๋นฟานอย่างโจ่งแจ้ง“ท่าน...ท่านจะหน้าด้านเกินไปแล้ว!”ถูกหลัวเทียนเป้าข่มขู่ด้วยเรื่องนี้อีกครั้ง ฮั่วจื้อจวินโกรธจนหน้าแดงก่ำ ตัวสั่นเทิ้ม แทบอยากสับหลัวเทียนเป้าเป็นหมื่น ๆ ชิ้น ความรู้สึกที่ถูกคนกุมชะตาอยู่ในมือช่างทรมานนัก“ท่านก็คิดเสียว่าข้าหน้าด้านเถอะ เอาไว้ข้าฆ่าฉินอวิ๋นฟานแล้ว ต้องทำตามสัญญา ไม่แพร่งพรายเรื่องนี้แน่นอน!”หลัวเทียนเป้าพูดด้วยสีหน้าจริงจัง“ฮึ!”ฮั่วจื้อจวินหน้าเขียวปัด สะบัดแขนเสื
หลิวเป้ยกล่าว “แต่... รัชทายาทขอรับ ในเมื่อพวกเรารู้แล้วว่าการทลายรังโจรหนนี้คือกับดักใหญ่ ทัพห้าหมื่นคนขององค์ชายรองก็ยังพังพินาศ พวกเรายังต้องไปทลายรังโจรต่อหรือไม่ขอรับ?”การปราชัยของฉินอวิ๋นฮุยทำให้หลิวเป้ยกังวลมาก ใช่ว่าเขาจะขี้ขลาดตาขาว แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ในช่วงพัฒนาอย่างก้าวกระโดด กำลังยังแข็งแกร่งไม่พอ เมื่อรู้ว่าการทลายรังโจรมีปัญหาแต่ก็ยังฝืนไป นั่นไม่เท่ากันเอาตัวเองไปเสี่ยงหรือ?“ไป ต้องไป ยิ่งเป็นเช่นนี้พวกเรายิ่งต้องเผชิญกับความยากลำบาก ถ้าแม้แต่เราก็ยังไม่ไป นั่นไม่หมายความว่าพวกเราปอดแหก กลัวพวกโจรอย่างพวกมันหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ถึงตอนนั้น กองโจรในเมืองอู่โจวมิอาละวาดหนักกว่าเดิม? ยิ่งกำแหงไม่เกรงกลัว? นั่นไม่เท่ากับฉีกหน้าตัวเอง?”“เอ่อ... เหมือนว่าจะใช่ขอรับ!”หลิวเป้ยพูดหน้าแหย“เอาละ เจ้าไปเตรียมตัวให้ดีเถอะ รวบรวมข่าวสารต่อ ต้องรัดกุมอย่าได้พลาดเด็ดขาด!”ฉินอวิ๋นฟานกำชับ“ขอรับ!”หลังจากหลิวเป้ยออกจากห้องโถงใหญ่ ฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ได้อยู่เฉย ตรงดิ่งไปยังโรงแรมห้าดาวต้าเฉียนอีกครั้ง เขาอยากดูสิว่าจะได้ข่าวที่มีประโยชน์จากทางหวงต้าหยวนหรือไม่
เป็นเวลาเดียวกัน ท่านผู้เฒ่าเริ่นก็ได้รับข่าวที่ส่งมาจากเมืองอู่โจวด้วย แต่เขาไม่รู้แผนการชั่วร้ายของหลัวเทียนเป้าที่ให้ฉินอวิ๋นคังขี่หลังเสือแล้วลงยาก ตกเป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างหนัก ได้แต่เดินสู่เส้นทางดำมืด“ท่านผู้เฒ่า ดูเหมือนว่าแผนการของคังเอ๋อร์จะได้ผลนะ พวกเราจะทำยังไงกันดี? หรือว่าจะสละคังเอ๋อร์จริง?”ในห้องหนังสือเรียบง่ายและเก่าห้องหนึ่งของตระกูลเริ่น หลังจากได้ข่าวจากเมืองอู่โจว ฮั่วเจิ้นหลงก็รีบรุดไปยังตระกูลเริ่นทันที เขายืนพูดอย่างไม่ยินยอมอยู่ด้านข้าง “พวกเราประคับประคองคังเอ๋อร์มานานหลายปีเช่นนี้ ห่างจากเก้าอี้มังกรอีกแค่ก้าวเดียว ข้าตัดใจไม่ลงจริง ๆ”ฉินอวิ๋นคังคือลูกเขยของฮั่วเจิ้นหลง และเป็นขุนศึกห้าวหาญคนหนึ่ง แม้ด้านวางกลยุทธ์ของเขาจะแย่ไปหน่อย แต่... อุปนิสัยถือว่าไม่เลว ถ้าสละฉินอวิ๋นคังไปทั้งอย่างนี้ ฮั่วเจิ้นหลงตัดใจไม่ลงโดยแท้“เฮ้อ!”ท่านผู้เฒ่าเริ่นถอนหายใจหนัก ๆ ทีหนึ่ง เขาพูดอย่างจนใจ “จากสภาพของเราในตอนนี้ ต่อให้ไม่ทิ้งคังเอ๋อร์แล้วจะทำอะไรได้?!”“อีกไม่นาน พวกเราจะต้องเสียอำนาจในการควบคุมเกลือหลวงโดนสิ้นเชิง เมื่อไม่มีรายรับ จะมีสักกี่ตระกูล กี่ขั้วอิ
“ถูกต้อง!”ท่านผู้เฒ่าเริ่นพยักหน้าพูด “นี่ก็คือทำไมข้าบอกว่าไท่ซั่งหวงยิ่งแก่ก็ยิ่งตื่นรู้ ยิ่งแก่ก็ยิ่งร้าย ที่พระองค์กล้าทำอย่างนี้ ก็หมายถึงสถานการณ์ของต้าเฉียนยังอยู่ในการควบคุมของพระองค์เหมือนเดิม”“ขอเพียงพวกเรากล้าใช้กำลังขัดขืน ผลลัพธ์ในท้ายที่สุดเกรงว่าจะอนาถมาก!”“ดังนั้นพวกเรารอดูความเปลี่ยนแปลงอย่างสงบเถอะ ขืนทำลายแผนการของไท่ซั่งหวงในเวลานี้ ก็คือไม่มีหัวคิดมาก ทุกอย่างขึ้นอยู่กับดวงของพวกเขาสามคนแล้ว”“แต่ตอนนี้พวกเราเลือกก้มหัวอ่อนข้อกลับเป็นเรื่องดี เมื่อโอกาสเหมาะสมที่รอคอยมาถึง พวกเราลงมือเต็มกำลังอีกครั้งก็ใช่จะไม่มีโอกาสเสียทีเดียว”“ข้าเข้าใจแล้วขอรับ!”หลังจากท่านผู้เฒ่าเริ่นวิเคราะห์ ฮั่วเจิ้นหลงราวกับตื่นรู้ รู้จักกับไท่ซั่งหวงใหม่ทั้งหมด สุดท้ายเขาก็คือเสาหลักของต้าเฉียน คือประกายคมที่มิอาจโค่นล้มได้โดยง่าย......ในตำหนักเหยียนเหนียน ไท่ซั่งหวงกำลังฟังการรายงานของเฉาเจิ้งฉุนอย่างละเอียด!“อ้อ? จะยิ่งสนุกแล้วสิ ฮุยเอ๋อร์แพ้ราบคาบเช่นนี้ ดูท่านฝีมือและสติปัญญาของเขาเหมาะกับการเล่นกับอำนาจ พูดเรื่องทหารบนกระดาษมากกว่า”ไท่ซั่งหวงพูดอย่างประหลาดใจเล็กน้
“องค์ชายใหญ่ สภาพการณ์ของเราในเวลานี้ไม่ใช่เวลาจะมาหัวเสียนะ ตอนนี้นอกจากจะร่วมมือกับหลัวเทียนเป้าก็ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว!”ฮั่วจื้อจวินพูดด้วยความอึดอัดเหลือทนฉินอวิ๋นคังไฟโกรธท่วมท้นจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง ในราชสำนัก เขาถูกฉินอวิ๋นฮุยกดข่ม กว่าจะผงาดขึ้นมาระหว่างที่ฉินอวิ๋นฮุยต่อสู้กับฉินอวิ๋นฟาน กลับไม่เคยคิดเลย เขาเพิ่งจะโงหัวก็ต้องถูกฉินอวิ๋นฟานเหยียบอยู่ใต้เท้าบัดนี้ กว่าจะมีโอกาสวิเศษได้ปลดแอก กลับถูกไอ้บัดซบหลัวเทียนเป้าหลอก คิดแล้วช่างเป็นความโชคร้ายจริง ๆ ทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจยิ่งนักเมื่อเห็นฉินอวิ๋นคังสงบใจได้เล็กน้อย ฮั่วจื้อจวินปาดเหงื่อบนหน้าผากแล้วพูดต่อ “องค์ชายใหญ่ ถึงเราจะถูกหลัวเทียนเป้าบีบบังคับ แต่สถานการณ์ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดอย่างนั้น”“อ้อ? หมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นคังเลิกคิ้ว ยังทำหน้าบึ้งตึงเหมือนเดิม“ท่านคิดดูสิ ถึงเราจะถูกหลัวเทียนเป้าบังคับ แต่ก็ยังอยู่ในแผนการเราเหมือนเดิม องค์ชายรองหนีหัวซุกหัวซุนกลับไป นี่ก็คือผลที่เราต้องการมิใช่หรือ?”ฮั่วจื้อจวินเอ่ยเสียงหนัก “ในเมื่อหลัวเทียนเป้าต้องการมัดเราให้อยู่เรือลำเดียวกับเขาให้ได้ เช่นนั้นทำไมเร
ฮั่วจื้อจวินอมยิ้มยามนี้ สีหน้าของฉินอวิ๋นคังเปลี่ยนเป็นพิลึกขึ้นมา ถ้าทำตามแผนการนี้ของฮั่วจื้อจวิน จะสามารถทำให้เขาอยู่ในจุดที่ไม่แพ้ แม้สุดท้ายงานนี้จะล้มเหลว แต่ก็สามารถทำให้เขาถอนตัวออกมาได้อย่างสวยงาม“โอ้โฮ ฮั่วจื้อจวิน ข้าไม่ยักรู้นะว่าเจ้าจะหลักแหลมเพียงนี้ ทำให้ข้าเปิดหูเปิดตาโดยแท้ แผนการครั้งนี้ยกให้เป็นหน้าที่ของเจ้าแล้วกัน ทำให้ข้าวางใจได้มากจริง ๆ”ฉินอวิ๋นคังจ้องฮั่วจื้อจวินด้วยสายตาที่ต่างออกไป ในนั้นเต็มไปด้วยความชื่นชม แม่ทัพที่มีทั้งฝีมือและปัญญาวางแผนช่างหายากนัก เขาพึงพอใจกับการแสดงฝีมือความสามารถของฮั่วจื้อจวินมาก“เฮ้อ!”ฮั่วจื้อจวินถอนหายใจหนัก ๆ พลางส่ายหน้า “องค์ชายใหญ่ ไม่ขอปิดบัง นี่คือสิ่งที่ท่านกุนซือกำชับข้าก่อนจะไปเป็นการเฉพาะ”“เขาบอกว่าทุกอย่างอาจมีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการร่วมมือกับแม่ทัพแคว้นศัตรูอย่างหลัวเทียนเป้า ต้องป้องกันมากกว่าเดิม ดังนั้นเพื่อเผื่อเหลือเผื่อขาด เขาจึงแนะแนวการพูดหลังจากล้มเหลว และสุดท้ายเขาก็พูดถูกจริง ๆ!”“หา! นี่ นี่คือกลยุทธ์ที่หวังจื้อสอนเจ้าหรือ?”ฉินอวิ๋นคังตกตะลึงอย่างหนัก กระแสอุ่นแล่นพล่านทันที ทุกสิ่งทุกอย
เหอเหวินเย่าไม่ได้สนใจฉินอวิ๋นฮุยที่กำลังตวาดอยู่ แต่จุดเทียนในห้องให้สว่างเลย!ตามแสงเทียนที่สว่างมากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นเพียงฉินอวิ๋นฮุยคุดคู้อยู่ในมุมหนึ่ง สยายผมกระเซอะกระเซิง ร่างกายยังสั่นเทา ทั้งคนดูหมดสารรูปดูไม่ได้“เสี่ยวฮุย นี่เจ้าเป็นอะไรไปน่ะ?”เหอเหวินเย่าเห็นสภาพแล้วปวดใจนัก นี่ยังใช่องค์ชายรองของต้าเฉียนผู้มีสง่าราศีวางแผนในกระโจมที่เขาเคยพบหรือไม่? ล้มเหลวแค่ครั้งเดียว ทำไมถึงหมดสภาพเช่นนี้?“น้า น้าสาม ใช่ท่านจริงหรือ? น้าสาม?”ยินเสียงของเหอเหวินเย่า ฉินอวิ๋นฮุยราวกับเห็นแสงสว่างดวงหนึ่ง เงยหน้าขึ้นฉับพลัน จังหวะที่เห็นเหอเหวินเย่า เขากระโจนตัวเข้าสู่อ้อมอกของอีกฝ่ายทันที ปล่อยโฮสะอื้นไห้ เจ็บปวดยากจะทน“ไม่เป็นไรแล้ว เสี่ยวฮุย มันผ่านไปแล้ว ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว!”เวลานี้เหอเหวินเย่ากรอบตาแดงเหมือนกัน เขาตบหลังของฉินอวิ๋นฮุยเบา ๆ เวทนายิ่งนัก ครั้งนี้สะเทือนใจพวกเขาหนักเกินไปจริง ๆ และอยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขาโดยสิ้นเชิงผ่านไปครู่หนึ่ง ฉินอวิ๋นฮุยสงบสติอารมณ์ได้ เขาซึมกะทือไปทั้งคน ประหนึ่งมะเขือต้องน้ำค้างแข็ง นั่งกองอยู่กับพื้น“ใครก็ได้ ตักน้ำมาหน่อย!”
ฉินอวิ๋นคังเพิ่งขึ้นกำแพงเมืองก็หาเรื่องฉินอวิ๋นฟานทันที“ทำไม? ฝนจะตก แดดจะออก เกิดเรื่องแค่นี้ข้าก็ชื่นชมภูเขาลำน้ำสักหน่อยไม่ได้แล้วหรือ? การทลายรังโจรเกรงจะไม่ใช่เรื่องเร่งร้อนกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานเลิกคิ้วพูด“ไม่เร่งร้อน? น้องเจ็ด เจ้าไม่ได้ล้อเล่นกับข้ากระมัง?”ฉินอวิ๋นฮุยพูดจริงจัง “น้องรองถูกพวกโจรทำจนเป็นอย่างไรไปแล้ว พวกเราพี่น้องจะทนได้หรือ? พวกมันมิใช่กำลังหยามเกียรติของราชวงศ์ต้าเฉียนเราหรือ?!”“อ้อ?”ครั้นฉินอวิ๋นฟานได้ยินการพูดของฉินอวิ๋นคังก็ได้กลิ่นตุ ๆ ทันที เขาถามในแบบหยั่งเชิง “พี่ใหญ่ ท่านหมายความว่ายังไง?”“น้องเจ็ด ข้าขอพูดตามตรง ข้าแค่มาถามเจ้าว่าเรื่องทลายรังโจรที่เจ้าพูดเมื่อก่อนหน้านี้ยังจะถือเป็นจริงจังหรือไม่?”ฉินอวิ๋นคังเอ่ยเสียงหนัก“ลูกผู้ชายอกสามศอก ลั่นวาจาประหนึ่งน้ำที่สาดออก ในเมื่อข้าว่าจะทำ เช่นนั้นก็ต้องทำ นี่ยังมีอะไรไม่จริงจัง?”ฉินอวิ๋นฟานพูดอย่างจริงจัง“ดี มีคำพูดนี้ของเจ้า ข้าก็วางใจแล้ว!”ฉินอวิ๋นคังกล่าวต่อ “ตอนนี้น้องรองถูกพวกโจรโจมตีเละไม่เป็นท่า แทบถูกล้างบางทั้งกองทัพ ถ้าพวกเราพี่น้องไม่แสดงท่าทีสักหน่อย ไอ้โจรพวกนั้นจะยิ่ง
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว