องค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังยังคงจมอยู่กับความปีติกับสุรารสเลิศ ไม่เข้าใจความหมายแฝงของฉินอวิ๋นฟาน เขาแทบอยากยกสุราในจอกให้หมดแบบอดรนทนไม่ไหว“เหล้าดี เหล้าดีจริง ๆ!”องค์ชายใหญ่มิได้สนใจคำขอขมาเมื่อครู่ของฉินอวิ๋นฟาน จังหวะที่อู่เหลียงเย่ลงถึงท้อง เขารู้สึกสดชื่นทั้งคน ในใจได้รับการเติมเต็มแบบสุด ๆแม้อู่เหลียงเย่ในครั้งนี้จะไม่ต่างอะไรกับครั้งก่อน แต่ฉินอวิ๋นฟานเติมสิ่งหนึ่งลงไปในนั้นนิด ๆ ดังนั้นรสชาติจึงพิเศษออกไปเล็กน้อย แต่องค์ชายใหญ่หรือจะรู้สึกถึงรายละเอียดนั้น?“เชอะ จริงหรือเปล่า?”องค์ชายรองที่อยู่ด้านข้างกลับสีหน้าอึมครึม ในใจเจ็บจี๊ด ๆ จะให้เขาก้มหัวขอสุราดื่ม? ไม่มีทางเสียหรอก! แต่ความยั่วยวนของสุรามันทำให้เขาร้อนรุ่มจริง ๆ มีความรู้สึกคันไม้คันมือน้ำลายสอแต่พวกเขากลับไม่รู้เลย เรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานจะทำต่อไปนี้จะทำให้พวกเขาทั้งสองผิดใจเป็นศัตรูกันอีกครั้งฉินอวิ๋นฟานเห็นบรรยากาศได้ที่แล้ว จึงสวมบทดาราเจ้าบทบาททันที พูดด้วยใบหน้ารู้สึกผิด “พี่ใหญ่ ข้าต้องขอโทษจริง ๆ ความจริงข้าควรขอโทษและบอกความจริงกับท่านต่อหน้านานแล้ว แต่มันยุ่งจนทำให้ล่าช้า วันนี้จึงขอใช้โอกาสนี้แล้วกั
องค์ชายใหญ่หน้าขมึงทึงจ้องฉินอวิ๋นฟาน แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่นชิ้น และที่ฉินอวิ๋นฟานต้องการก็คือผลลัพธ์เช่นนี้นี่แหละ พี่ใหญ่ยิ่งโกรธ อีกประเดี๋ยวก็จะยิ่งบันเทิง! “พี่ใหญ่ ท่านเข้าใจข้าผิดแล้ว”ฉินอวิ๋นฟานรีบอธิบาย “ข้ารู้ว่าเรื่องนี้สะเทือนใจท่านมาก และมันก็ผ่านมานานอย่างนี้แล้ว เดิมข้าไม่ควรพูดถึงอีก แต่ไม่ว่ายังไงข้าก็รู้สึกเหมือนตัวเองถูกคนหลอกใช้ ไม่พูดความจริงมันอึดอัดใจนัก”พอฉินอวิ๋นฟานพูดออกมา ราวกับมีระเบิดบอมบ์ลูกใหม่ระเบิดใส่หัวของทั้งสองภายหลังฉินอวิ๋นคังเคยคิดตรวจสอบเรื่องนี้ เขาอาจเข้าใจน้องรองผิด แต่ในใจของเขาเทไปฝั่งที่ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับน้องรองมากกว่า จังหวะที่ฉินอวิ๋นฟานอยากพูดความจริงออกมา ทำให้เขาอดรนทนไม่ไหวอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครั้นฉินอวิ๋นฮุยได้ยินว่าฉินอวิ๋นฟานต้องการพูด ‘ความจริง’ สีหน้าดำเป็นตับหมูฉับพลัน ความจริง? นี่มีความจริงอะไร นี่มิใช่ผลจากการที่เจ้าฉินอวิ๋นฟานแสดงละครเองหรอกหรือ?ทันใดนั้นเขาเริ่มลนแล้ว มักรู้สึกว่าฉินอวิ๋นฟานกำลังเบนหัวหอกมาทางเขาและที่เขาคิดก็ถูกต้องจริง ๆ เรื่องมันก็เป็นเช่นนี้“น้องเจ็ด เจ้าว่ามาเถ
เพราะเรื่องนี้ เดิมทีฉินอวิ๋นคังก็ไม่พอใจฉินอวิ๋นฮุยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และปักใจเชื่อว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับน้องรองแน่นอน พอเห็นฉินอวิ๋นฟานมั่นใจอย่างนี้ กระดาษแถบหลักฐานหนักแน่นดังขุนเขา ความจริงปรากฏสู่ผิวน้ำ เพลิงโทสะในใจของเขาจึงถูกจุดขึ้นอีกครั้งฉินอวิ๋นฟานเห็นภาพนี้ เขายกยิ้มเย็นชาตรงมุมปาก พูดในใจว่า ‘ดูสิว่าครั้งนี้พวกเจ้าสองคนยังจะได้ใจยังไงอีก เล่นงานข้ารึ? นี่ก็คือสิ่งที่ต้องจ่าย!’“พี่ใหญ่ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป เรื่องนี้เห็นชัดว่ามีเงื่อนงำ นี่ นี่ต้องเป็นแผนร้ายของน้องเจ็ดแน่ มันแผนร้าย!”หัวหอกของพี่ใหญ่กับฉินอวิ๋นฟานต่างชี้มาที่ตน ยามนี้ฉินอวิ๋นฮุยถึงขนาดว่าอยากตายแล้ว นี่ทำให้เขาร้อยปากก็แก้ต่างไม่ได้ จึงร้อนรนอย่างหนัก“น้องรอง น้องเจ็ดแค่ให้เจ้าพูดเรื่องนี้ออกมาให้ชัดเจนเท่านั้น ไยเจ้าต้องตื่นตระหนกเช่นนี้ด้วย? ทำไมต้องกัดน้องเจ็ด?”ฉินอวิ๋นคังจ้องฉินอวิ๋นฮุยตามเขม็ง ฉินอวิ๋นฮุยยิ่งร้อนรน เขาก็ยิ่งเชื่อว่าฉินอวิ๋นฮุยนั่นแหละที่หักหลังเขา ช่วงเวลาสามเดือนนี้ แม้เขาจะตรวจสอบ กลับไม่ได้ข้อเท็จจริงใด ๆ“ตื่นตระหนก? ข้าหรือ? พี่ใหญ่ ท่านจะใช้หัวสมองหน่อยได้หรื
ฉินอวิ๋นฮุยโกรธจนหน้าดำคร่ำเครียด กล้ามเนื้อใบหน้ากระตุก เขาเอ่ยเสียงเย็น “คนผู้นั้นคือคนดูแลสวนจวนน้าเล็กข้าก็จริง แต่เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องกระดาษแถบอะไรกับข้ามาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเนื้อหาในนั้น ข้าไม่รู้สักหน่อยว่าคืออะไร!”“สถานการณ์อย่างนี้ ท่านจะให้ข้าอธิบายกับพวกท่านยังไง? แม่เอ๊ยข้าจะเริ่มอธิบายกับพวกท่านจากตรงไหน?”ฉินอวิ๋นฮุยผู้อัดอั้นตันใจโมโหจนหน้ามืดตาลาย สองคนนี้เจ้าคำข้าคำ ทำให้เขาแบกรับบาปนี้ แถมยังไม่ให้เขาโต้แย้งอีก ความรู้สึกอึดอัดเช่นนั้นมันทรมานนัก“เสแสร้ง! เจ้าเสแสร้งต่อไปสิ!”องค์ชายใหญ่สีหน้าเย็นชา ไม่เชื่อน้ำมนต์ของฉินอวิ๋นฮุยอีก แม้เขาจะมีปัญญาน้อยนิดอย่างไร ก็ไม่ถึงขั้นที่คิดเชื่อมโยงอะไรไม่ได้เลยในสายตาของเขา ฉินอวิ๋นฮุยก็คือปากแข็ง!กลับไม่รู้ว่าทั้งหมดนี้คือแผนการชั่วร้ายของฉินอวิ๋นฟาน ความจริงฉินอวิ๋นฮุยไม่รู้จะเริ่มพูดจากจริงไหนจริง ๆ และอธิบายได้ไม่ชัดเจนด้วย เพราะเขาไม่รู้ว่าขณะนั้นมันเกิดอะไรขึ้น“พี่รอง มีอะไรท่านก็ว่ามาตรง ๆ เถอะ พี่ใหญ่หายโกรธนานแล้ว เขาแค่ต้องการความจริงเท่านั้น ไยท่านต้องกัดไม่ปล่อยด้วย?”ฉินอวิ๋นฟานเสริมมีดอีกหนึ่ง“ฉ
“เอ่อ...นี่...”หมู่องครักษ์งงหนักกว่าเดิม มองไปทางนายของตน ใบหน้าสับสนฉินอวิ๋นฟานตบบ่าอู่จ้านแล้วพูด “อาจ้าน ไม่เป็นไร พวกท่านออกไปเถอะ!”ยามนี้ ฉินอวิ๋นฟานชักจะเวทนาพี่รองแล้ว ตอนนี้คงมีแต่เขาที่เข้าใจความอัดอั้นตันใจของฉินอวิ๋นฮุย เพราะคนที่สร้างความทรมานนี้ให้จึงจะเข้าใจความทรมานนี้ของอีกฝ่าย“ก็ได้!”อู่จ้านพยักหน้า พาเซี่ยงเทียนเวิ่นและคนอื่น ๆ ออกจากห้องส่วนตัว องครักษ์สองสามคนขององค์ชายรองก็ออกไปแบบรู้จักมองสถานการณ์มากเหมือนกัน องค์ชายใหญ่ก็ส่งสายตาให้องครักษ์ด้วยในห้องกลับเป็นปกติ สีหน้าทั้งสามคนแตกต่างกันไป“พี่ใหญ่ ข้าว่าเรื่องนี้พอแค่นี้เถอะ ท่านก็อย่าทำให้พี่รองลำบากใจอีกเลย”ฉินอวิ๋นฟานรีบทำให้เรื่องนี้จบ “ถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ว่าพี่รองจะพูดหรือไม่ มันก็ไม่มีความหมาย ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปจะส่งผลกับความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราพี่น้องด้วย”“อีกอย่าง ศัตรูที่แท้จริงของเราคือต้าเยียน เป้าหมายของเราคือรับเมืองอู่โจวกลับมาอย่างราบรื่น ถ้าจะเลือดขึ้นหน้าเพราะเรื่องที่ผ่านไปนานนม มันไม่คุ้มกัน ช่างเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานบรรลุผลลัพธ์ที่ต้องการแล้ว ถ้าปะทะกันต่อไปจะไร้ซึ่งความหมาย ปร
“อาจ้าน ข้าจะเล่าให้ท่านฟังนะว่าเมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น เมื่อกี้น่ะ ข้าใช้ลูกไม้นิดหน่อย กุเรื่องที่พี่ใหญ่ถูกหลอกให้อึราดเมื่อสามเดือนก่อน...”ฉินอวิ๋นฟานเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องเมื่อครู่อย่างละเอียดและตั้งใจรอบหนึ่ง อู่จ้านและเซี่ยงเทียนเวิ่นฟังแล้วต้องร้องว่าเจ๋ง! สีหน้าพิลึก นี่ใครจะไปรับได้? องค์ชายรองมิต้องจุกอกตายหรือ?นึกถึงหน้าตาชั่วร้ายทะยานอยากขององค์ชายใหญ่และองค์ชายรองเมื่อตอนกลางวัน แกล้งพวกเขาสองคนให้หนักก็ถือว่าระบายแค้นแล้ว เช่นนี้จะสามารถป้องกันไม่ให้พวกเขาร่วมมือกันอีกเพียงแต่วิธีการเสี่ยงไปหน่อย หากใช้กับพวกเขาสองคน กลับไม่รู้สึกว่ามีอะไรไม่เหมาะสมตอนนี้เอง เย่ซื่อกวานเดินเข้ามาในห้องด้วยการนำของเสิ่นวั่นซาน เย่ซื่อกวานในเวลานี้แทบจะต่างจากเมื่อสามเดือนก่อนราวฟ้ากับดิน จิตวิญญาณทั้งคนเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง“คำนับรัชทายาท!”เย่ซื่อกวานจดจำบุญคุณที่ได้พบพานของฉินอวิ๋นฟานเสมอ มาถึงห้องคุกเข่าลงตรงหน้าฉินอวิ๋นฟานทันทีฉินอวิ๋นฟานรีบเข้าไปประคองเขาและพูดว่า “เย่ซื่อกวาน อยู่ข้างนอกไม่ต้องมากพิธี ข้าไม่สนใจพิธีการที่ว่าพวกนั้นหรอก เจ้าแค่ทำเรื่องที่ควรทำให้เรียบ
“เอ่อ... ข้าน้อยเข้าใจแล้ว ต่อไปจะระวังขอรับ ขอบคุณรัชทายาทที่เป็นห่วง”เมื่อนั้นเย่ซื่อกวานจึงเข้าใจความหมายของฉินอวิ๋นฟานสักที รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างหาที่เปรียบมิได้อีกครั้ง หลายปีขนาดนี้ ไม่เคยมีใครสนใจว่าเขาจะเหนื่อยหรือไม่ ลำบากหรือไม่ แม้จะเป็นบิดาบังเกิดเกล้าก็พร่ำสอนสั่งเขาเหมือนกันว่าต้องพยายามหาเงินเลี้ยงครอบครัวสุดชีวิต ฉินอวิ๋นฟานเป็นคนเดียวที่บอกให้เขาไม่ต้องพยายามสุดชีวิต ใช้เวลาและจิตใจอยู่กับครอบครัวให้มากหน่อย ความสุขในครอบครัวชนิดนั้นคือสิ่งที่เขาปรารถนาแม้ยามหลับฝันฉินอวิ๋นฟานนอกจากจะให้โอกาสเขา ยิ่งให้รายรับซึ่งสูงเป็นหมื่นเท่า การได้พบฉินอวิ๋นฟานคือความโชคดีในชีวิตของเขาอย่างมิต้องสงสัย......“เชี่ย เจ้าไม่มีตารึ? หรือว่าอยากตายแล้ว?”ก็ขณะที่เสิ่นวั่นซานและคนอื่น ๆ กำลังรายงานการทำงานอย่างละเอียดกับฉินอวิ๋นฟาน จู่ ๆ นอกประตูก็มีเสียงเอ็ดอึงดังขึ้น ทำให้ฉินอวิ๋นฟานหงุดหงิดมาก ดึกอย่างนี้แล้ว ยังมีคนอาละวาดอยู่ข้างนอกอีก?อู่จ้านรีบวิ่งไปดูที่หน้าต่างและบอก “เสี่ยวฟาน ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เหมือนว่ามีคนสัญจรคนหนึ่งกำลังมีเรื่องขัดแย้งกับองค์ชายรอง องค์ชายรองก
“ฮ่า ๆ ๆ...”คนสนิท องครักษ์และผู้ติดตามข้างตัวฉินอวิ๋นฮุยต่างแหงนหน้าหัวเราะกับฟ้าชายวัยสามสิบต้น ๆ ด้านข้างคนหนึ่งพูดด้วยใบหน้าเสียดสี “เจ้ารู้หรือไม่ว่ารองเท้าคู่นี้ขององค์ชายรองเท่าไร? อ้าปากก็บอกว่าจะชดใช้ แต่ก็ได้ ข้าจะบอกให้ว่าเท่าไร ทั้งหมดเจ็ดสิบเก้าตำลึง ขอเพียงเจ้าจ่ายไหว องค์ชายรองของเราอาจจะพิจารณาปล่อยตัวเจ้า”“ฮะ? เจ็ดสิบเก้าตำลึง? รอง รองเท้าคู่นี้แพงอย่างนี้เชียว? ต่อให้ท่านฆ่าข้า ข้าก็ไม่มีปัญญาหาเงินขนาดนี้หรอก ในตัวข้ามีอยู่แค่สิบแปดตำลึงเอง นี่คือเงินทองทั้งหมดของข้าแล้ว”ใบหน้าแตกตื่น เผยอารมณ์สิ้นหวัง เดิมยังนึกว่าพอชดใช้รองเท้าขององค์ชายรองแล้ว แต่ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง นี่คือรองเท้าราคาสูงเฉียดฟ้า ถึงเขาจะไม่กินไม่ใช้หนึ่งปีก็หาเงินเจ็ดสิบเก้าตำลึงไม่ได้“เหอะ อายุอานามขนาดนี้แล้วยังไม่มีเจ็ดสิบเก้าตำลึงอีก ยังกล้าพูดหน้าด้าน ๆ ว่าจะชดใช้รองเท้าคู่นี้ให้ข้า?”ฉินอวิ๋นฮุยหัวเราะเสียงเย็น “รองเท้าคู่ละเจ็ดสิบเก้าตำลึง แพงหรือ? เจ้าเคยหาสาเหตุของตัวเองหรือไม่ ที่ผ่านมาพยายามหาเงินหรือยัง? รายรับเพิ่มขึ้นไหม? แม้แต่รองเท้าข้าคู่เดียวก็ชดใช้ไม่ได้ ไม่รู้
ฉินอวิ๋นฮุยจ้องฉินอวิ๋นฟาน สายตามืดสว่างไม่แน่นอน เขาเลื่องชื่อเรื่องชำนาญการวางแผนกลอุบายในต้าเฉียน มีหรือจะไม่เข้าใจความหมายโดยนัยที่อีกฝ่ายพูดเฮ่อชินอ๋องฉินอ้าวอันตรายเพียงใด วิธีการน่ากลัวเพียงใด เขารู้ดีกว่าคนส่วนใหญ่ในที่นี้อีก นั่นคือราชสีห์เฒ่าที่ซ่อนเร้นมานานหลายสิบปีตัวหนึ่ง บัดนี้ตื่นขึ้นโดยสิ้นเชิงแล้ว“องค์ชายรอง ฉินอวิ๋นฟานคารมคมคายที่สุด ท่านอย่าได้หลงกลเขานะ”ยามนี้ถังเจิ้นไห่ใจร้อนดั่งไฟเผา หากฉินอวิ๋นฮุยหันหลังทิ้งเขา นั่นจะได้เปิดหูเปิดตาจริงแล้ว ความสัมพันธ์พันธมิตรที่เพิ่งก่อตั้ง พลังทลายลงด้วยผลประโยชน์อันยั่วยวนและการพูดไม่กี่คำของฉินอวิ๋นฟาน“ข้า...”ฉินอวิ๋นฮุยอยากจะพูดแต่ก็หยุดอีก ในใจสับสนนักยามที่เขาได้ประโยชน์จากฉินอวิ๋นฟานและร่วมมือกับอีกฝ่าย ในใจก็มีคำตอบแล้ว ติดที่ร่วมมือกับเฮ่อชินอ๋องเป็นครั้งแรกก็ต้องจบด้วยรูปแบบไม่รื่นรมย์เช่นนี้ มากน้อยยังลำบากใจอยู่บ้างนาทีนี้ ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วน้อย ๆ ที่แล้วมาพี่รองเป็นคนคำนวณแม่นยำ ความคิดชัดเจน สถานการณ์ในวันนี้เรียกว่าแค่มองก็รู้ คุณโทษเขาก็วิเคราะห์ได้ชัด ไม่นึกว่าพี่รองจะคิดหนักถึงขั้นนี้ทันใดนั้น
ถังเจิ้นไห่สีหน้าแย่ที่สุด นี่คือการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรก เข้าร่วมการชิงบัลลังก์อย่างโจ่งแจ้งและเป็นทางการของพวกเขา กลับต้องพ่ายแพ้ย่อยยับ เขาแค้นใจนัก ดังนั้นก็ต้องไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้อยู่แล้ว“เหอะ...รัชทายาท ข้าจำต้องยอมรับความต้องการก้าวสู้ความยิ่งใหญ่ของท่าน ทุกคนในที่นี้ถูกหลอกกันหมด ท่านคิดว่าตัวเองอาภรณ์ไร้ตะเข็บจริงหรือ?”ถังเจิ้นไห่เห็นฉินอวิ๋นฮุยหวั่นไหวจึงก้าวออกมาอีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องกวนน้ำให้ขุ่น จะให้ฉินอวิ๋นฟานสมหวังไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นขั้วอิทธิพลของพวกเขาจะกลายเป็นชุดวิวาห์ของฉินอวิ๋นฟานการทุ่มเทกายใจเพื่อให้คนอื่นประสบความสำเร็จ เขาไม่มีทางทำเด็ดขาด แม้ต้องเสี่ยงล่วงเกินไท่ซั่งหวง เขายังต้องก้าวออกมา ถึงอย่างไรผู้ที่อยู่ข้างหลังเขาก็คือเฮ่อชินอ๋อง โอรสสายพระโลหิตของไท่ซั่งหวงเขาไม่เชื่อว่าไท่ซั่งหวงจะกล้าฆ่ากระทั่งโอรสที่เหลืออยู่เพียงองค์เดียว“อ้อ? แม่ทัพผู้เฒ่าถัง ท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วมุ่นอีกครั้ง ยามนี้ทุกย่างก้าวสำคัญต่อเขามาก เขาต้องระมัดระวังรอบคอบ นอกเสียจากเป็นเรื่องที่มีคุณไร้โทษต่อเขา เขาจึงจะออกมาแสดงจ
“เลอะเลือน?”ฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางพูด “น้องเจ็ด เจ้าหมายความว่ายังไง?”ชิงอำนาจผลประโยชน์มานานเช่นนี้ พวกเขาย่อมแบ่งแยกคุณโทษได้ชัดเจน ชนชั้นเจ้าของที่ดินคือรายได้และผลประโยชน์ส่วนสำคัญและเป็นความมั่นคงของบรรดาผู้มีอำนาจ คือวิธีการสำคัญในการบีบบังคับอำนาจราชวงศ์มาถึงฉินอวิ๋นฟานก็จะลงมือกับพวกเจ้าของที่ดิน ย่อมแตะจุดอ่อนไหวของพวกเขาเป็นธรรมดา พวกเขามิใช่คนเขลา ไม่มีทางให้ฉินอวิ๋นฟานสมปรารถนาง่าย ๆ หรอก ต่อให้ไม่ได้เมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูง พวกเขาก็จะไม่เปิดโอกาสให้ฉินอวิ๋นฟานง่าย ๆ อย่างแน่นอน!“พี่ใหญ่ พี่รอง หรือพวกท่านยังไม่เห็นอีก? ฮ่องเต้ต้าเฉียนแต่ละพระองค์ปวดหัวกับพวกเจ้าของที่ดินพวกนี้มากที่สุดใช่หรือไม่?”ฉินอวิ๋นฟานกล่าววาจาโน้มน้าวทีละขั้น“หือ?”ฉินอวิ๋นฮุยเลิกคิ้ว ไม่ได้ตอบคำถามของฉินอวิ๋นฟานโดยตรง เขากำลังใคร่ครวญอยู่ในใจ ก่อนขึ้นครองราชย์เขาจะต้องเป็นพวกเดียวกับเจ้าของที่ดินเหล่านี้ หากเขารู้ดีว่าในอดีตเสด็จพ่อทรงปวดศีรษะมากเพียงไร ถ้าเขาสามารถขึ้นตำแหน่งนั้น...จะต่างกันโดยสิ้นเชิง!“ท่านดูสิ ข้าแค่ใช้ที่ดินของพวกเจ้าของที่ดินเหล่านี้ผลิตธัญพืชมากขึ้น ภายใต้
“แน่นอน”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มอย่างมั่นใจ “ในเมื่อชาวบ้านเมืองจัวต่างเพาะปลูกข้าวผลผลิตสูงจนชีวิตความเป็นอยู่เริ่มดีแล้ว แล้วหม่อมฉันยังจะทำใจเห็นชาวบ้านเมืองอื่น ๆ หิวโหยได้อย่างไร?”“อ้อ? ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง ฟานเอ๋อร์ เจ้าคิดจะทำยังไง?”สายตาที่ไท่ซั่งหวงมองฉินอวิ๋นฟานเกิดความเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ทบทวนทุกเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานทำในวันนี้ นั่นล้วนแล้วแต่ทำให้เขารู้สึกปลื้มใจและตกตะลึงยิ่งนัก เรื่องแรกที่เขาทำก็คือเรื่องสำนักศึกษาหลวง บ่มเพาะผู้มีความสามารถเพื่ออนาคตของต้าเฉียนเรื่องที่สองคือก่อตั้งเมืองการค้าขนาดใหญ่ ให้คนจากทุกแคว้นมาค้าขายกับต้าเฉียน เช่นนี้จะทำให้ต้าเฉียนกลายเป็นศูนย์กลางการค้าโลก เศรษฐกิจของต้าเฉียนจะรุดหน้าแบบที่มิอาจหยุดยั้งเรื่องที่สามคือเรื่องที่ไท่ซั่งหวงปลาบปลื้มมากที่สุด โลกในปัจจุบัน การแก้ไขปัญหาปากท้องคือปัญหาใหญ่หลวงในศตวรรษนี้ ทว่าฟานเอ๋อร์ใส่ใจกับเรื่องนี้ตามที่เขาคาดคิดเอาไว้“เสด็จปู่ เป็นเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ ปริมาณการผลิตของข้าวข้ามสายพันธุ์สูงกว่าข้าวทั่วไปถึงเจ็ดเท่า ดังนั้นการกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวผลผลิตสูงนี้จะรอช้าไม่ได้”ฉินอวิ๋นฟานพูดเป็นการเป็นง
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน