ฉินอวิ๋นฟานหรี่ดวงตาทั้งสองและพูด “พี่ใหญ่ลองว่ามาได้ ข้าทำเรื่องอันใดที่เป็นภัยคุกคามต่อต้าเฉียนหรือ? ถึงกับทำให้พวกท่านต้องดิ้นพล่านขนาดนี้?”ในเมื่อถูกฉินอวิ๋นฟานมองออกแล้ว ตอนนี้ฉินอวิ๋นคังจึงไม่เสแสร้งอีกเขาไต่ถามเสียงเข้ม “น้องเจ็ด เยียนอวี่เฉินคือองค์หญิงสามผู้สูงศักดิ์ยิ่งของต้าเยียน ตามหลักแล้วนางสมควรพักที่เรือนรับรองของต้าเฉียนเรา แต่ทำไมพวกนางต้องไปพักที่โรงแรมห้าดาวต้าเฉียนของเจ้าด้วย? นี่เกรงว่าจะไม่สอดคล้องกับกฎระเบียบและตรรกะกระมัง?”“เรื่องแค่นี้?”ฉินอวิ๋นฟานทำหน้าประหลาดใจ แม้แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเยียนอวี่เฉินถึงไปพักที่โรงแรมห้าดาวต้าเฉียนได้ เขาเองก็เพิ่งจะรู้เมื่อคืนเหมือนกัน!ทว่าเรื่องนี้ยังถูกองค์ชายใหญ่เอามาหาเรื่อง ฉินอวิ๋นฟานไม่สบอารมณ์อย่างหนัก“ไม่ ๆ ๆ ไม่ใช่แค่นี้”ฉินอวิ๋นคังส่ายหน้าพูด “น้องเจ็ดเจ้าน่าจะรู้ดี ยามนี้ต้าเฉียนอยู่ในช่วงอ่อนไหว มิอาจรับความกระทบกระเทือนอะไรได้ เสด็จพ่อสวรรคตเพียงเดือนเศษ องค์หญิงสามต้าเยียนก็ปรากฏตัว แถมยังเข้าพักที่โรงแรมของเจ้าอีก”“ไม่เพียงเท่านี้ พวกเจ้ายังจับพลัดจับผลูหมั้นหมายกัน ทั้งหมดนี้เป็นแค่ความบังเอิ
“อ้อ? เชื่อแล้วจะยังไง? ไม่เชื่อแล้วจะยังไง?”ยามนี้ ดวงตาทั้งสองของฉินอวิ๋นฟานเปลี่ยนเป็นคมกริบขั้นสุดแล้ว กับการใส่ร้ายป้ายสีของทุกคน แต่ไรมาเขาฉินอวิ๋นฟานเถรตรง มีหรือจะยอมให้พวกเขาเชือดตามอำเภอใจ?ถ้าแม้แต่การเสียเปรียบพรรค์นี้เขายังกระเดือกลง เช่นนั้นต่อไปเขาจะยืนอยู่ในต้าเฉียนได้อย่างไร? จะคว้าชัยชนะในศึกชิงความเป็นหนึ่งอย่างไร จะขึ้นนั่งแท่นมังกรซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดได้อย่างไร? จะนำเทคโนโลยีสุดไฮเทคประกาศสู่ชาวโลกได้อย่างไร?! เห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงเย็นเยียบ “ท่าทีของข้าฉินอวิ๋นฟานชัดเจนที่สุด ถ้าไม่เอาหลักฐานที่ทำให้ข้ายอมรับจากใจมาได้ ก็อย่าทำตัวโง่เขลาเบาปัญญา อย่าทำมาเดาสุ่มสี่สุ่มห้ามุ่งร้ายกับข้า!”“อยากเล่นสกปรกกับข้า? คิดว่าพวกท่านน่าจะรู้จุดจบนะว่าคืออะไร!”“สำหรับอู่โจวกับเมืองหานกู่ ตามหลักคุณธรรมแล้วมันก็คือของต้าเฉียน เรื่องนี้ทั่วหล้ายอมรับ ส่วนพวกเขาจะให้หรือไม่ให้ นั่นเป็นเรื่องของพวกเขา จะเอากลับคืนมาได้หรือไม่ คือเรื่องของข้า! อีกครึ่งปีให้หลังก็จะประจักษ์เอง พวกท่านไม่มีเรื่องหาเรื่องอยู่ที่นี่จะเอายังไง?!”ฉินอวิ๋นฟานท่าทีแข็งกร้าวถึงที่สุด กับคว
จางเต้าหลินพูดด้วยใบหน้าราบเรียบ “ในเมื่อพวกท่านพี่น้องต่างมีเป้าหมายเดียวกัน ข้าจะพูดได้หรือไม่ว่าที่ท่านทำก็เพื่อจะเอาชนะ จงใจผลักไสข่มรัชทายาท?!”ถูกจางเต้าหลินไต่ถามกะทันหัน สีหน้าองค์ชายใหญ่และองค์ชายรองดำเป็นตับหมูฉับพลัน คำพูดนี้โต้กลับมาจนพวกเขาสองพี่น้องอ้าปากไม่ออกถ้าคำพูดนี้ออกมาจากปากของฉินอวิ๋นฟาน พวกเขายังพอแก้ต่างได้ แต่ออกมาจากปากของจางเต้าหลินกลับไม่เหมือนกันตอนนี้สายตาที่ฉินอวิ๋นฟานมองจางเต้าหลินเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง ถึงเขาจะมีวิธีการแก้สถานการณ์ แต่สิ่งที่ต้องจ่ายกลับมีมูลค่าสูงมาก ถ้าพลาดพลั้งไปเพียงนิดเดียว จะต้องถูกใส่ความต่าง ๆ นานาและการปรากฏตัวของจางเต้าหลินสลายแผนร้ายนี้ไปโดยตรง“เอ่อ จางไท่เว่ย... ท่านกล่าวหนักไปแล้ว!”องค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังเห็นดังนั้นจึงรีบอธิบาย “พวกเราแค่สันนิษฐานไปตามเนื้อผ้า มิได้ผลักไสเพื่อการชิงบัลลังก์เลย ความตั้งใจเดิมของเราล้วนเพื่อต้าเฉียน เพราะต้าเยียนมีกำลังแข็งแกร่งนัก น้องเจ็ดเอาชนะได้ง่าย ๆ อย่างนี้ พวกเราจำต้องระวัง”“สันนิษฐาน? ไม่จำเป็น!”จางเต้าหลินส่ายหน้าพูด “สำหรับเรื่องที่เอาชนะต้าเยียนได้ยิ่งง่าย! พวกท่านแค
แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฮุยก็เป็นคนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนฉลาดล้ำลึกคนหนึ่ง การลดตัวร่วมมือกับองค์ชายใหญ่ก็ทำเพื่อผลประโยชน์เช่นกัน พร้อมกันนั้นก็เพื่อข่มฉินอวิ๋นฟานด้วย แต่เขายิ่งเข้าใจน้ำหนักและความหมายในคำพูดของจางเต้าหลินระยะนี้เขาพ่ายแพ้เนือง ๆ กับเรื่องนี้ เขารอบคอบขึ้นมาเยอะ สังเกตสถานการณ์ตลอดเวลา เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน เขากลับลำอย่างเด็ดขาด อย่างไรเสีย จางเต้าหลินจะไม่ลงมือง่าย ๆ เมื่อลงมือก็คือต้องมีเบื้องหลัง!“น้องรอง นี่ นี่เจ้า...”ฉินอวิ๋นฮุยกลับลำกะทันหัน ทำเอาองค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังอึ้งไปเลย ทุกอย่างที่วางแผนไว้ดิบดีเมื่อก่อนหน้านี้กลับไปที่จุดเริ่มต้น เขาไม่รู้ว่าจะเล่นเกมหลังจากนี้อย่างไรแล้ว“พี่ใหญ่ ขอโทษด้วย”ฉินอวิ๋นฮุยทำหน้ารู้สึกผิด “ก่อนหน้านี้ข้าสงสัยว่าน้องเจ็ดจะมีความคิดไม่บริสุทธิ์จริง แต่นั่นก็เป็นเพียงการคาดเดาของเราเท่านั้น ในเมื่อทุกอย่างคือการพิจารณาเพื่ออนาคตของต้าเฉียน ข้าคิดว่าเราสมควรให้โอกาสน้องเจ็ดสักครั้ง สังเกตการณ์ระยะหนึ่ง”“อย่างไรน้องเจ็ดก็ไม่ทำงานตามครรลองเสมอ ถ้าเป็นอย่างที่จางไท่เว่ยกล่าวจริง ไม่แน่ว่าน้องเจ็ดอาจได้อู่โจวกลับคืนมา? นี
“ข้าน้อยเห็นด้วย! ถ้าปล่อยรัชทายาทไปเช่นนี้ นั่นมิใช่เป็นการประกาศต่อชาวโลกหรือว่ารัชทายาทต้าเฉียนเราก็คืออันธพาลบ้ากาม เสเพลอย่างยิ่ง ข่มเหงชายย่ำยีหญิงสาวกลางถนน? การกระทำเช่นนี้ต่ำทรามยิ่งนัก ต้องลงโทษให้หนัก!”......เมื่อทุกคนตระหนักถึงผลลัพธ์ร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นจากพฤติกรรมของฉินอวิ๋นฟาน ก็พูดสาดเสียเทเสียต่อเขาทันที เพราะต้าเยียนแข็งแกร่งเกินไปจริง ๆ พวกเขาเจอมากับตัวแล้วเมื่อหนึ่งปีก่อนถ้าราชวงศ์ต้าเยียนจะยกทัพมาบุกเพราะมีเหตุมาจากการกระทำของฉินอวิ๋นฟาน เช่นนั้นจะต้องลำบากแล้ว!กับวาจาของเหล่าขุนนาง ฉินอวิ๋นคังใบหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง ท่ามกลางการกดดันอย่างหนักของทุกคน เขาก็อยากดูสิว่าฉินอวิ๋นฟานจะแก้ต่างให้ตัวเองยังไงปึก!!!ก็ขณะที่เหล่าขุนนางกำลังเอาเรื่องเป็นเสียงเดียว จู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็เดือดพลุ ขว้างกระบี่อาญาสิทธิ์ในมือปักลงกลางท้องพระโรงอย่างแรง การกระทำแบบกะทันหันของเขาทำให้พวกขุนนางตกใจผงะ รีบถอยหลังเนือง ๆ“โธ่เว้ย! ให้ตายเถอะ! ไอ้พวกสวะ!”ฉินอวิ๋นฟานตวาดกร้าวออกไปเสียงหนึ่ง เวลานี้เขาโมโหปรอทแตกแล้ว ไฟโทสะท่วมท้น ทำให้ดวงตาทั้งคู่ของเขาแดงก่ำ แผ่กลิ่นอายสังหารน
“การที่พวกเจ้ามีชีวิตอยู่ คือความอัปยศอย่างใหญ่หลวงของต้าเฉียน!”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวที่สุด “ทั้งวันแม่งรู้แต่พิธีกงพิธีการ วัฒนธรรมโต๊ะเหล้า วัฒนธรรมส่งของขวัญ ลูบเคราประจบประแจง รวมตัวจับกลุ่ม ขุนนางปกป้องกันเอง แต่พอทำงานจริงกลับพยายามผลักให้พ้นตัว เบ่งบารมีหาผลประโยชน์ ไม่รู้จักรักษาหน้าตาจริง ๆ!”“เรื่องดี เรื่องแน่ของจริงพวกเจ้ากลับไม่แตะ ข้าแทบอยากสับพวกเจ้าไอ้สารเลวลูกเต่าฝูงนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย!”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าต่อหน้าทุกคน ทั้งยังลดค่าพวกเขาไม่มีชิ้นดี เหยียบย่ำติดดิน ราวกับโรคร้ายฝังเข้ากระดูก บรรดาขุนนางโมโหโกรธาจนหน้าแดงหูแดง อายจนยากจะอยู่เป็นคน ดีชั่วพวกเขาก็คือบุคคลมีอำนาจอยู่ยอดพีระมิดของต้าเฉียนการกระทำของฉินอวิ๋นฟานคือการเหยียดคุณลักษณะของพวกเขาอย่างร้ายแรงที่สุดแบบมิต้องสงสัยหยางเคอในฐานะที่เป็นรองเจ้ากรมกลาโหมฝ่ายขวาและเป็นคนที่องค์ชายใหญ่ให้ท้าย เขาสมควรแสดงความสามารถในเวลานี้จึงจะถูก มิเช่นนั้นกลับไปต้องถูกองค์ชายใหญ่ตำหนิแน่เขาพูดติดอ่าง ใบหน้าหวาดกลัว “ทะ ทะ ท่านกำลังใส่ความเหล่าขุนนางอย่างร้ายแรงนะ พวกเราขยันขันแข็งทำงานมาตลอด เหตุใด
ฉินอวิ๋นฟานกวาดสายตามองทุกคนด้วยความเย็นชา“นี่...”พอทุกคนเห็นดังนั้นก็กลัวจนหัวหด สายตาที่มองฉินอวิ๋นฟานมีแต่ความประหวั่นพรั่นพรึง แม้แต่ลมก็ไม่กล้าผาย พวกเขารู้ความเด็ดขาดของฉินอวิ๋นฟานดียามนี้ไท่ซั่งหวงทรงประทับอยู่ด้วย ถึงพวกเขาจะมีองค์ชายใหญ่เป็นที่พึ่ง เกรงว่ายังต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยหลังจากทุกคนถูกฉินอวิ๋นฟานหยามเหยียดลบหลู่ถ้วนหน้าแล้ว ก็ถูกเขาข่มขวัญอีก องค์ชายใหญ่แค้นใจนักเขาพูดด้วยสายตาที่มีไฟโกรธ “น้องเจ็ด ขุนนางใหญ่พวกนี้ล้วนเป็นขุนนางสร้างผลงานของต้าเฉียนเรา เป็นเสาคานของบ้างเมืองที่เสด็จพ่อทรงเลือกด้วยองค์เอง ถูกเจ้าว่าจนไม่มีชิ้นดีเยี่ยงนี้ ทำจนหัวใจผู้คนระส่ำระสาย เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?!”“ทำอะไร?”ฉินอวิ๋นฟานหรี่ดวงตาแล้วพูด “ต้าเฉียนจะล่มสลายอยู่รอมร่อ ท่านถามว่าข้าจะทำอะไร? ข้าล่วงเกินต้าเยียนก็ทำเอาท่านขี้หดตดหายขวัญหนีดีฝ่อ ท่านถามข้าว่าจะทำอะไร? หรือว่าท่านไม่รู้สึกถึงภัยเลยรึ?!”“ไอ้พวกขุนนางฉ้อฉนพวกนี้ ท่านบอกข้าว่าทั้งหมดนี้เพื่อต้าเฉียน? ต่อให้ไม่มีเรื่องที่ข้าล่วงเกินต้าเยียน พวกท่านก็ไม่กลัวต้าเยียนแล้ว? พี่ใหญ่! ท่านควักหัวใจเอามาถามดู ข้าลบห
“รัชทายาท เรื่องพวกนี้คือนโยบายบ้านเมืองที่ต้าเฉียนเรากำหนดไว้เมื่อก่อนหน้านี้ ตอนนี้อยู่ ๆ ท่านก็เอามาพูดให้เป็นเรื่อง ความหมายว่ายังไงกันแน่? หรือว่าท่านคิดว่าระบบที่อดีตฮ่องเต้ทรงวางไว้ไม่ดีหรือ?!”ตอนนี้เอง จู่ ๆ ฮั่วเจิ้นหลงก็ก้าวออกมา เขาทนดูต่อไปไม่ไหวแล้วจริง ๆ ต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน ฉินอวิ๋นคังมิใช่คู่ปรับเลยสักนิด แทบจะเป็นมวยคนละชั้น ถูกโจมตีแบบลดมิติขืนสู้กันแบบนี้ต่อไป น่ากลัวว่าฉินอวิ๋นคังต้องถูกฉินอวิ๋นฟานขยี้เละไม่เหลือซากแน่!การแสดงท่าทีอย่างกะทันหันของฮั่วเจิ้นหลงทำให้ฉินอวิ๋นฟานประหลาดใจนิด ๆ ไม่นานก็สงบสติลง ชัดเจน ฮั่วเจิ้นหลงวางหลุมพรางเอาไว้ให้เขา โบ้ยจุดบกพร่องของต้าเฉียนในเวลานี้ว่าเป็นนโยบายบ้านเมืองที่อดีตฮ่องเต้กำหนดเช่นนั้นข้อสงสัยที่เขาพูดมาทั้งหมด ก็คือการปฏิเสธอำนาจของอดีตฮ่องเต้ เรื่องนี้ไม่ธรรมดา พูดให้เป็นเรื่องใหญ่ก็คือการท้าทายอำนาจสูงสุดแห่งราชวงศ์ เมินความน่าเกรงขามของอดีตฮ่องเต้เขาหรือจะพลาดเรื่องง่าย ๆ เช่นนี้? เพียงแต่เขาจำต้องยอมรับลูกไม้และความฉลาดของฮั่วเจิ้นหลง“แม่ทัพผู้เฒ่าฮั่วอย่าโยนบาปให้ข้าเลย บาปนี้ข้ารับไว้ไม่ไหวหรอก!”ฉินอวิ๋