“หากข้าบอกว่าให้พวกเจ้าคืนห้าเมืองให้เรา พวกเจ้าจะยินดีหรือไม่?!”ต่อหน้าฉินอวิ๋นฟานที่บีบคั้นทุกฝีก้าว เยียนอวี่เฉินในเวลานี้อึดอัดยิ่งนัก นางต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานหาวิธีการแสดงความไม่พอใจต้าเยียนที่รุกรานห้าเมืองได้ยอดเยี่ยมมากคืนรึ? นั่นคือเป็นไปไม่ได้!“คืนห้าเมืองให้พวกเจ้า เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”เยียนอวี่เฉินส่ายหน้าพูด “หวังว่าเจ้าฉินอวิ๋นฟานจะเข้าใจ การที่ระหว่างแคว้นจะมีเรื่องบาดหมาง การเสียเมืองสักเมืองสองเมืองคือเรื่องปกติ และนี่ก็คือการแสดงให้เห็นถึงความสามารถเหนือชั้นของแคว้นหนึ่ง”กับคำตอบของเยียนอวี่เฉิน ฉินอวิ๋นฟานไม่แปลกใจเลยสักนิด ยึดเมืองด้วยความสามารถ ถือดียังไงต้องคืนด้วย? และเขาก็จับจุดนี้ได้อย่างพอดิบพอดี“นั่นสิ ข้าใช้ความสามารถขโมยถุงหอมมา แล้วถือดียังไงต้องคืน?!”ฉินอวิ๋นฟานแบมือพลางพูด“เจ้า...!”เห็นฉินอวิ๋นฟานไม่คิดจะคืนถุงหอมให้แน่แล้ว เยียนอวี่เฉินกระฟัดกระเฟียดกระทืบเท้า แต่นางกลับทำอะไรฉินอวิ๋นฟานไม่ได้เลย“ฉินอวิ๋นฟาน นอกจากห้าเมืองแล้ว เจ้าจะเอายังไงถึงจะยอมคืนถุงหอมให้ข้า!”เยียนอวี่เฉินกัดฟันกรอด พูดด้วยความเคียดแค้น“นอกจากห้าเมือง ไม
“รัชทายาท ท่านบ้าไปแล้วรึ?!”“ป้ายแผ่นนี้หมายถึงเกียรติของต้าเฉียนเรา ท่าน ท่านกลับทำลายมัน?!”.......เห็นป้ายของสำนักศึกษาหลวงถูกฉินอวิ๋นฟานทำลาย เหล่าคณาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงพากันถลึงตาเป่าหนวด ในดวงตาความโกรธอัดแน่น กรุ่นโกรธกับการกระทำของฉินอวิ๋นฟานมาก“หุบปาก! ตาแก่หงำเหงือก! เมื่อกี้ก็เป็นพวกเจ้านั่นแหละที่ทำลายเกียรติของสำนักศึกษาหลวงต้าเฉียนข้าสูญสิ้น! ตอนนี้ยังมีหน้ามาว่าข้า?!”ฉินอวิ๋นฟานตะคอกด่า “เก็บป้ายนี้ไว้ก็ปิดบังการแพ้ยับเยินของพวกเจ้าได้แล้วรึ? ปิดเรื่องที่พวกเจ้าที่เป็นถึงอาจารย์สู้แม่นางน้อยคนหนึ่งไม่ได้?!”“พวกเจ้ามันเป็นคนที่ฝังร่างครึ่งท่อนอยู่ในดินแล้ว จะรักษาหน้าหน่อยได้ไหม? อย่าหลอกตัวเองเลยได้ไหม? พวกเจ้ารู้หรือไม่กันแน่ว่าอะไรคือยางอาย?!”“แพ้แล้วก็คือแพ้แล้ว ยังจะอิด ๆ ออด ๆ อะไร? รักษาป้ายนี้ไว้แล้ว ความเก่งของพวกเจ้าจะเพิ่มขึ้นรึ?!”“เทียบกับการดึงดันจะเอาป้ายให้ได้ มิสู้ถกปัญหาศึกษาวรรณกรรมให้ถ่องแท้ พัฒนาตัวเองเรื่อย ๆ ต่อไปพอเจอเรื่องแบบนี้จะได้ไม่ถึงกับเอาหน้าแก่ ๆ ไปขาย!”“ข้า...”คณาจารย์สำนักศึกษาหลวงถูกฉินอวิ๋นฟานตอกหน้าต่อหน้าธารกำนัล
“อะไรนะ?!”“เจ้ารับปาก?!”“รัชทายาท จะวู่วามไม่ได้เด็ดขาดนะขอรับ!”......เห็นฉินอวิ๋นฟานรับปากฉับไวเช่นนี้ เหล่าคณาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงรวมถึงผู้คนรอบด้านจ้าละหวั่นทันที ความตื่นตระหนกลนลานปรากฏอยู่บนสีหน้าของทุกคนห้าเมืองย่อมสำคัญ แต่อย่างไรมันก็เป็นแต่เมืองบริวารเล็ก ๆ ของเมืองจัว ประชากรไม่ถึงล้าน แต่เมืองจัวไม่เหมือนกัน นั่นคือหนึ่งในเจ็ดเมืองหลักของต้าเฉียน ยิ่งเป็นเมืองชายแดนสำคัญของต้าเฉียน!หากใช้เมืองจัวเป็นสิ่งเดิมพัน เช่นนั้นเกมนี้จะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ทันทีที่แพ้การประลอง เมืองจัวจะต้องไปจากต้าเฉียน เรื่องใหญ่เทียมฟ้าเช่นนี้ต้องสะเทือนไปถึงเบื้องบนของต้าเฉียนแน่ สถานการณ์เช่นนี้พวกเขาเดิมพันไม่ไหวความสามารถด้านวรรณกรรมของพวกคนต้าเยียนแข็งแกร่งมาก พวกเขามิใช่คู่ต่อสู้เลย องค์หญิงสามต้าเยียนเพิ่มเดิมพันในเวลานี้กะทันหัน เห็นได้ว่าฉวยโอกาสปล้นกันชัด ๆถ้าฉินอวิ๋นฟานตอบรับในยามนี้ จะมิตกหลุมพรางพวกเขาหรือ?เยียนอวี่เฉินเห็นชาวต้าเฉียนมีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนี้จึงยิ่งเอ่ยปากได้ใจ “ฉินอวิ๋นฟาน เมืองจัวคือเมืองสำคัญของต้าเฉียน ต่อให้ประสบกับอุทกภัย มันก็ยังเป็นหนึ่งในเ
ไท่ซั่งหวงเงียบมาตลอด จู่ ๆ ก็ถามขึ้น “เหล่าเฉา เรื่องของจักรพรรดิต้าเยียนเยียนจ้านเทียน เจ้าน่าจะรู้ดีกระมัง?”เฉาเจิ้งฉุนอึ้งไปเล็กน้อย แต่ก็ยังอธิบาย “จักรพรรดิต้าเยียนเยียนจ้านเทียนขึ้นครองราชย์ในวัยยี่สิบหกชันษา สร้างผลงานบันลือโลกแต่เยาว์วัย เพื่อขยายดินแดนต้าเยียนทำศึกไปทั่ว มีอุปนิสัยเด็ดขาดฉับไว วิธีการเผด็จการ มีชื่อเสียงในต้าเยียนอย่างยิ่ง ขึ้นครองราชย์ด้วยท่วงทำนองเหนือชั้นแต่ยังเยาว์วัย”“บัดนี้ทรงมีพระชนมายุสี่สิบหกชันษา อยู่ในวัยฉกรรจ์ ช่วงเวลายี่สิบปีที่ดำรงตำแหน่ง พัฒนาศักยภาพรอบด้านของต้าเยียนแบบก้าวกระโดด กระทั่งหากจะขนานนามว่าจักรพรรดิอันดับหนึ่งของโลกปัจจุบันก็มิเกินจริงพ่ะย่ะค่ะ”ไท่ซั่งหวงพยักหน้าน้อย ๆ และพูด “ในเมื่อเจ้ายังเรียกเขาว่าจักรพรรดิอันดับหนึ่งของโลกปัจจุบัน เช่นนั้นเจ้าคิดว่าเขาจะมีจิตใจทะยานอยากจะครองโลกหรือไม่?”เฉาเจิ้งฉุนผงะเล็กน้อย เขาถามราวกับมีความคิด “ไท่ซั่งหวง ทรงหมายถึง...เยียนจ้านเทียนมิได้พึงพอใจแค่การปกครองหนึ่งแคว้น? แต่คิดวางแผนสร้างสิ่งที่มิเคยมีมาก่อนหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ไท่ซั่งหวงมิได้ตอบยืนยันความทึ่งของเฉาเจิ้งฉุน สำหรับจักรพรรดิ
“จะ เจ้าพูดว่าอะไรนะ?! ให้เข้าไปเป็นอนุของเจ้า?!”พอได้ยินถ้อยคำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน ดวงตาทั้งคู่ของเยียนอวี่เฉินหรี่ลงทันที ดวงหน้ารูปไข่สวยงามเย็นยะเยือกปานน้ำค้างแข็ง คับอกคับใจกับการล่วงเกินและไร้ยางอายของฉินอวิ๋นฟานถึงที่สุดเห็นแววตาลวนลามโลภโมโทสันนั้นของฉินอวิ๋นฟาน ตอนนี้นางมั่นใจแล้ว ฉินอวิ๋นฟานเป็นพวกคนลามกคนหนึ่ง เพลิงโทสะที่เก็บกดมานานแทบจะปะทุเต็มทนจากเล็กจนโต ไม่ว่าผู้ชายคนไหนกล้ากระทำการล่วงเกินหรือพูดจาจาบจ้วงนาง ถ้าไม่ถูกตอนก็คือเป็นคนตายคนหนึ่งหนึ่งเพราะนางมีปัญญาหลักแหลมอย่างยิ่ง มีพรสวรรค์ด้านวรรณกรรมสูงส่ง สองคือนางได้รับความรักและการเอาอกเอาใจจากจักรพรรดิต้าเยียน เป็นดั่งไข่มุกบนฝ่ามือ ตั้งแต่ยังเยาว์วัย นางมีความรู้สึกเหนือกว่าผู้อื่นมากกว่าคนทั่วไป ท่าทางสูงส่งทำให้คนยำเกรงนางมาก มิมีผู้ใดกล้าพูดจาหมิ่นประมาทนางฉินอวิ๋นฟานแตะเส้นต่ำสุดของนางหลายครั้งหลายหน ทำให้นางอดรนทนไม่ไหวนานแล้ว“ดูจากเงื่อนไขการประลอง ยุติธรรมมาก ถุงหอมต่อห้าเมือง สำหรับเมืองหานกู่ก็เป็นแค่เมืองริม ๆ ขอบ ๆ เล็กขี้ปะติ๋วของต้าเยียนเจ้าเท่านั้น มิอาจเทียบกับเมืองจัวของเราได้”ฉินอวิ
เยียนอวี่เฉินหรี่ดวงตาทั้งสองและพูด “เจ้าต้องการลบหลู่ต้าเยียนของข้า ลบหลู่ข้าเยียนอวี่เฉินต่างหาก! เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าแตกหักกับเจ้าจริงรึ?!”“อ้อ?”ฉินอวิ๋นฟานชะงักงันเล็กน้อยแล้วตอบ “เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี? บ้านข้าฉินอวิ๋นฟานมีคนเสียแล้วด้วย ฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวก็อยากต่อแถวเป็นคนในบ้านข้าเหมือนกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงองค์หญิงเล็ก ๆ เช่นเจ้า?”ฉินอวิ๋นฟานโอบมู่หรงจิ่นเข้าอ้อมแขนพลางยิ้มชั่วร้าย ก่อนจะพูด “ตอนนี้จิ่นเอ๋อร์ต่างหากที่เป็นยอดรักของข้า เจ้าคิดจะแทนที่ตำแหน่งของนาง? เช่นนั้นก็ต้องดูการแสดงออกของเจ้าแล้ว”“เจ้า...!”ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานเกือบทำให้เยียนอวี่เฉินโกรธจนกระอักเลือด ทีแรกนึกว่าเงื่อนไขที่ฉินอวิ๋นฟานกล่าวมาเพื่อหยามนาง แต่ให้นางคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ฉินอวิ๋นฟานกลับหน้าหนาไม่มียางอายเช่นนี้ นางนับว่าแพ้ฉินอวิ๋นฟานราบคาบแล้วกับพฤติกรรมไร้ยางอายของฉินอวิ๋นฟาน ทุกคนต่างทำหน้าอีหลักอีเหลื่อ ที่ฉินอวิ๋นฟานเผชิญหน้าอยู่คือองค์หญิงสามแห่งราชวงศ์ต้าเยียนผู้เป็นใหญ่สูงสุดเชียวนะ ทำไมเขาถึงไม่ครั่นคร้ามสักนิด ไม่เกรงกลัวอะไรเลยหรือ?แต่พอเห็นพวกต้าเยียนจุกอก ในใจกลับฮึก
เห็นว่าลงนามในหนังสือสัญญาพนันแล้ว ทุกคนต่างตื่นตระหนกถ้วนหน้าหนนี้เดิมพันหนักแล้วจริง ๆ ไม่ว่าฝ่ายไหนจะชนะ น่ากลัวว่าจะเป็นเรื่องที่ยอมรับยากสำหรับทุกฝ่าย “เยียนอวี่เฉิน เจ้าเป็นผู้หญิง เจ้าเริ่มก่อนเถอะ!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มพลางพูดเรียบ“ฮึ!”เยียนอวี่เฉินแค่นฮึเสียงเย็น “ยังเป็นกลอนคู่วรรคนั้นของข้า ตำราหอมสิบลี้ชิงชัยแปดทิศ เจ้าต่อเถอะ!”เยียนอวี่เฉินมั่นใจกับกลอนคู่ของตัวเองมาก ใช้ตัวเลขและตำราหอมเป็นหัวข้อ ย่อมมีระดับความยากสูงเป็นธรรมดา หากไม่มีการสั่งสมที่มากพอรวมถึงผ่านการศึกษาเชิงลึกและรักก็ไม่มีทางต่อวรรคหลังได้คณาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงต่างมองฉินอวิ๋นฟานด้วยใบหน้าสิ้นหวัง พวกเขารู้ว่าฉินอวิ๋นฟานมีพรสวรรค์และความสามารถด้านวรรณกรรมเหนือคน แต่พวกเขากลับไม่ค่อยเชื่อว่าฉินอวิ๋นฟานจะสามารถต่อวรรคต่อไปได้จริงหลู่เซียงหลิงและมู่หรงจิ่นจ้องฉินอวิ๋นฟานด้วยแววตาแห่งความหวัง หวังว่าเขาจะสามารถต่อวรรคหลังได้อย่างสมบูรณ์แบบ!เห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานยกยิ้มตรงมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อนเอ่ย “ข้าต่อว่า ท่องเมฆเก้าทิวาเขียนภาพสี่สมุทร!”ซ่า...ขณะฉินอวิ๋นฟานต่อวรรคหลังได้ รอบด้านส่งเสียง
“เฮอะ ฉินอวิ๋นฟาน เจ้าเสียใจตอนนี้ยังทันนะ ข้าจะขอร้ององค์หญิงสามให้ก็ได้ ว่าให้เมตตาเจ้าสักหน่อยหน่อย เหลือเกียรติให้เจ้าสักนิด อย่างไรเสีย อีกเดี๋ยวแพ้ยับเยินแล้วข้าละกลัวว่าเจ้าจะรับไม่ได้”ถงจินเฉิงสาวเท้ายาวออกมาข้างหน้าถึงตรงหน้าของฉินอวิ๋นฟานแล้วพูดวาจาเสียดสี“ถงจินเฉิง เจ้ามีโรคร้ายแรงอะไรหรือไม่?”ฉินอวิ๋นฟานไม่ตามใจถงจินเฉิงสักนิด เขาพูดด้วยใบหน้าดูถูก “เจ้าหมูตอนสมควรตายนี่ คนที่ข้าซ้อมที่หอวั่งเจียงเมื่อสามวันก่อนไม่ใช่เจ้าหรอกรึ? คนที่คุกเข่าร้องไห้ฟูมฟายวิงวอนข้ามิใช่เจ้า? ตอนนี้มาทำเป็นใหญ่เป็นโตอะไรต่อหน้าข้า?!” “เจ้ามันก็แค่สุนัขที่ต้าเยียนเลี้ยงไว้ตัวหนึ่ง จะมาเห่าหอนต่อหน้าข้าทำอะไร? ข้าไม่ตามใจนิสัยแย่ ๆ ของเจ้าหรอก ถ้ากล้าท้าทายข้าอีก เชื่อหรือไม่ข้าจะซ้อมเจ้าให้หนักอีกรอบ?”“ก็แค่จอหงวนบุ๋นของต้าเยียนเท่านั้น เก่งมากรึ? มากางปีกรำแพนต่อหน้าข้าให้มีตัวตน เจ้าไม่คู่ควรสักนิด!”“เอ่อ...”เดิมถงจินเฉิงวางแผนว่าจะเหยียดหยามฉินอวิ๋นฟานสักหน่อย กระทืบเขาสักที ไม่คิดว่าที่ต้อนรับเขากลับเป็นคำพูดเสีย ๆ หาย ๆ เฉกเช่นพายุฝนกระหน่ำของฉินอวิ๋นฟาน หยามเขาเสียไม่มีชิ้นด