“หากข้าบอกว่าให้พวกเจ้าคืนห้าเมืองให้เรา พวกเจ้าจะยินดีหรือไม่?!”ต่อหน้าฉินอวิ๋นฟานที่บีบคั้นทุกฝีก้าว เยียนอวี่เฉินในเวลานี้อึดอัดยิ่งนัก นางต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานหาวิธีการแสดงความไม่พอใจต้าเยียนที่รุกรานห้าเมืองได้ยอดเยี่ยมมากคืนรึ? นั่นคือเป็นไปไม่ได้!“คืนห้าเมืองให้พวกเจ้า เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”เยียนอวี่เฉินส่ายหน้าพูด “หวังว่าเจ้าฉินอวิ๋นฟานจะเข้าใจ การที่ระหว่างแคว้นจะมีเรื่องบาดหมาง การเสียเมืองสักเมืองสองเมืองคือเรื่องปกติ และนี่ก็คือการแสดงให้เห็นถึงความสามารถเหนือชั้นของแคว้นหนึ่ง”กับคำตอบของเยียนอวี่เฉิน ฉินอวิ๋นฟานไม่แปลกใจเลยสักนิด ยึดเมืองด้วยความสามารถ ถือดียังไงต้องคืนด้วย? และเขาก็จับจุดนี้ได้อย่างพอดิบพอดี“นั่นสิ ข้าใช้ความสามารถขโมยถุงหอมมา แล้วถือดียังไงต้องคืน?!”ฉินอวิ๋นฟานแบมือพลางพูด“เจ้า...!”เห็นฉินอวิ๋นฟานไม่คิดจะคืนถุงหอมให้แน่แล้ว เยียนอวี่เฉินกระฟัดกระเฟียดกระทืบเท้า แต่นางกลับทำอะไรฉินอวิ๋นฟานไม่ได้เลย“ฉินอวิ๋นฟาน นอกจากห้าเมืองแล้ว เจ้าจะเอายังไงถึงจะยอมคืนถุงหอมให้ข้า!”เยียนอวี่เฉินกัดฟันกรอด พูดด้วยความเคียดแค้น“นอกจากห้าเมือง ไม
“รัชทายาท ท่านบ้าไปแล้วรึ?!”“ป้ายแผ่นนี้หมายถึงเกียรติของต้าเฉียนเรา ท่าน ท่านกลับทำลายมัน?!”.......เห็นป้ายของสำนักศึกษาหลวงถูกฉินอวิ๋นฟานทำลาย เหล่าคณาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงพากันถลึงตาเป่าหนวด ในดวงตาความโกรธอัดแน่น กรุ่นโกรธกับการกระทำของฉินอวิ๋นฟานมาก“หุบปาก! ตาแก่หงำเหงือก! เมื่อกี้ก็เป็นพวกเจ้านั่นแหละที่ทำลายเกียรติของสำนักศึกษาหลวงต้าเฉียนข้าสูญสิ้น! ตอนนี้ยังมีหน้ามาว่าข้า?!”ฉินอวิ๋นฟานตะคอกด่า “เก็บป้ายนี้ไว้ก็ปิดบังการแพ้ยับเยินของพวกเจ้าได้แล้วรึ? ปิดเรื่องที่พวกเจ้าที่เป็นถึงอาจารย์สู้แม่นางน้อยคนหนึ่งไม่ได้?!”“พวกเจ้ามันเป็นคนที่ฝังร่างครึ่งท่อนอยู่ในดินแล้ว จะรักษาหน้าหน่อยได้ไหม? อย่าหลอกตัวเองเลยได้ไหม? พวกเจ้ารู้หรือไม่กันแน่ว่าอะไรคือยางอาย?!”“แพ้แล้วก็คือแพ้แล้ว ยังจะอิด ๆ ออด ๆ อะไร? รักษาป้ายนี้ไว้แล้ว ความเก่งของพวกเจ้าจะเพิ่มขึ้นรึ?!”“เทียบกับการดึงดันจะเอาป้ายให้ได้ มิสู้ถกปัญหาศึกษาวรรณกรรมให้ถ่องแท้ พัฒนาตัวเองเรื่อย ๆ ต่อไปพอเจอเรื่องแบบนี้จะได้ไม่ถึงกับเอาหน้าแก่ ๆ ไปขาย!”“ข้า...”คณาจารย์สำนักศึกษาหลวงถูกฉินอวิ๋นฟานตอกหน้าต่อหน้าธารกำนัล
“อะไรนะ?!”“เจ้ารับปาก?!”“รัชทายาท จะวู่วามไม่ได้เด็ดขาดนะขอรับ!”......เห็นฉินอวิ๋นฟานรับปากฉับไวเช่นนี้ เหล่าคณาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงรวมถึงผู้คนรอบด้านจ้าละหวั่นทันที ความตื่นตระหนกลนลานปรากฏอยู่บนสีหน้าของทุกคนห้าเมืองย่อมสำคัญ แต่อย่างไรมันก็เป็นแต่เมืองบริวารเล็ก ๆ ของเมืองจัว ประชากรไม่ถึงล้าน แต่เมืองจัวไม่เหมือนกัน นั่นคือหนึ่งในเจ็ดเมืองหลักของต้าเฉียน ยิ่งเป็นเมืองชายแดนสำคัญของต้าเฉียน!หากใช้เมืองจัวเป็นสิ่งเดิมพัน เช่นนั้นเกมนี้จะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ทันทีที่แพ้การประลอง เมืองจัวจะต้องไปจากต้าเฉียน เรื่องใหญ่เทียมฟ้าเช่นนี้ต้องสะเทือนไปถึงเบื้องบนของต้าเฉียนแน่ สถานการณ์เช่นนี้พวกเขาเดิมพันไม่ไหวความสามารถด้านวรรณกรรมของพวกคนต้าเยียนแข็งแกร่งมาก พวกเขามิใช่คู่ต่อสู้เลย องค์หญิงสามต้าเยียนเพิ่มเดิมพันในเวลานี้กะทันหัน เห็นได้ว่าฉวยโอกาสปล้นกันชัด ๆถ้าฉินอวิ๋นฟานตอบรับในยามนี้ จะมิตกหลุมพรางพวกเขาหรือ?เยียนอวี่เฉินเห็นชาวต้าเฉียนมีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนี้จึงยิ่งเอ่ยปากได้ใจ “ฉินอวิ๋นฟาน เมืองจัวคือเมืองสำคัญของต้าเฉียน ต่อให้ประสบกับอุทกภัย มันก็ยังเป็นหนึ่งในเ
ไท่ซั่งหวงเงียบมาตลอด จู่ ๆ ก็ถามขึ้น “เหล่าเฉา เรื่องของจักรพรรดิต้าเยียนเยียนจ้านเทียน เจ้าน่าจะรู้ดีกระมัง?”เฉาเจิ้งฉุนอึ้งไปเล็กน้อย แต่ก็ยังอธิบาย “จักรพรรดิต้าเยียนเยียนจ้านเทียนขึ้นครองราชย์ในวัยยี่สิบหกชันษา สร้างผลงานบันลือโลกแต่เยาว์วัย เพื่อขยายดินแดนต้าเยียนทำศึกไปทั่ว มีอุปนิสัยเด็ดขาดฉับไว วิธีการเผด็จการ มีชื่อเสียงในต้าเยียนอย่างยิ่ง ขึ้นครองราชย์ด้วยท่วงทำนองเหนือชั้นแต่ยังเยาว์วัย”“บัดนี้ทรงมีพระชนมายุสี่สิบหกชันษา อยู่ในวัยฉกรรจ์ ช่วงเวลายี่สิบปีที่ดำรงตำแหน่ง พัฒนาศักยภาพรอบด้านของต้าเยียนแบบก้าวกระโดด กระทั่งหากจะขนานนามว่าจักรพรรดิอันดับหนึ่งของโลกปัจจุบันก็มิเกินจริงพ่ะย่ะค่ะ”ไท่ซั่งหวงพยักหน้าน้อย ๆ และพูด “ในเมื่อเจ้ายังเรียกเขาว่าจักรพรรดิอันดับหนึ่งของโลกปัจจุบัน เช่นนั้นเจ้าคิดว่าเขาจะมีจิตใจทะยานอยากจะครองโลกหรือไม่?”เฉาเจิ้งฉุนผงะเล็กน้อย เขาถามราวกับมีความคิด “ไท่ซั่งหวง ทรงหมายถึง...เยียนจ้านเทียนมิได้พึงพอใจแค่การปกครองหนึ่งแคว้น? แต่คิดวางแผนสร้างสิ่งที่มิเคยมีมาก่อนหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ไท่ซั่งหวงมิได้ตอบยืนยันความทึ่งของเฉาเจิ้งฉุน สำหรับจักรพรรดิ
“จะ เจ้าพูดว่าอะไรนะ?! ให้เข้าไปเป็นอนุของเจ้า?!”พอได้ยินถ้อยคำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน ดวงตาทั้งคู่ของเยียนอวี่เฉินหรี่ลงทันที ดวงหน้ารูปไข่สวยงามเย็นยะเยือกปานน้ำค้างแข็ง คับอกคับใจกับการล่วงเกินและไร้ยางอายของฉินอวิ๋นฟานถึงที่สุดเห็นแววตาลวนลามโลภโมโทสันนั้นของฉินอวิ๋นฟาน ตอนนี้นางมั่นใจแล้ว ฉินอวิ๋นฟานเป็นพวกคนลามกคนหนึ่ง เพลิงโทสะที่เก็บกดมานานแทบจะปะทุเต็มทนจากเล็กจนโต ไม่ว่าผู้ชายคนไหนกล้ากระทำการล่วงเกินหรือพูดจาจาบจ้วงนาง ถ้าไม่ถูกตอนก็คือเป็นคนตายคนหนึ่งหนึ่งเพราะนางมีปัญญาหลักแหลมอย่างยิ่ง มีพรสวรรค์ด้านวรรณกรรมสูงส่ง สองคือนางได้รับความรักและการเอาอกเอาใจจากจักรพรรดิต้าเยียน เป็นดั่งไข่มุกบนฝ่ามือ ตั้งแต่ยังเยาว์วัย นางมีความรู้สึกเหนือกว่าผู้อื่นมากกว่าคนทั่วไป ท่าทางสูงส่งทำให้คนยำเกรงนางมาก มิมีผู้ใดกล้าพูดจาหมิ่นประมาทนางฉินอวิ๋นฟานแตะเส้นต่ำสุดของนางหลายครั้งหลายหน ทำให้นางอดรนทนไม่ไหวนานแล้ว“ดูจากเงื่อนไขการประลอง ยุติธรรมมาก ถุงหอมต่อห้าเมือง สำหรับเมืองหานกู่ก็เป็นแค่เมืองริม ๆ ขอบ ๆ เล็กขี้ปะติ๋วของต้าเยียนเจ้าเท่านั้น มิอาจเทียบกับเมืองจัวของเราได้”ฉินอวิ
เยียนอวี่เฉินหรี่ดวงตาทั้งสองและพูด “เจ้าต้องการลบหลู่ต้าเยียนของข้า ลบหลู่ข้าเยียนอวี่เฉินต่างหาก! เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าแตกหักกับเจ้าจริงรึ?!”“อ้อ?”ฉินอวิ๋นฟานชะงักงันเล็กน้อยแล้วตอบ “เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี? บ้านข้าฉินอวิ๋นฟานมีคนเสียแล้วด้วย ฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวก็อยากต่อแถวเป็นคนในบ้านข้าเหมือนกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงองค์หญิงเล็ก ๆ เช่นเจ้า?”ฉินอวิ๋นฟานโอบมู่หรงจิ่นเข้าอ้อมแขนพลางยิ้มชั่วร้าย ก่อนจะพูด “ตอนนี้จิ่นเอ๋อร์ต่างหากที่เป็นยอดรักของข้า เจ้าคิดจะแทนที่ตำแหน่งของนาง? เช่นนั้นก็ต้องดูการแสดงออกของเจ้าแล้ว”“เจ้า...!”ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานเกือบทำให้เยียนอวี่เฉินโกรธจนกระอักเลือด ทีแรกนึกว่าเงื่อนไขที่ฉินอวิ๋นฟานกล่าวมาเพื่อหยามนาง แต่ให้นางคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ฉินอวิ๋นฟานกลับหน้าหนาไม่มียางอายเช่นนี้ นางนับว่าแพ้ฉินอวิ๋นฟานราบคาบแล้วกับพฤติกรรมไร้ยางอายของฉินอวิ๋นฟาน ทุกคนต่างทำหน้าอีหลักอีเหลื่อ ที่ฉินอวิ๋นฟานเผชิญหน้าอยู่คือองค์หญิงสามแห่งราชวงศ์ต้าเยียนผู้เป็นใหญ่สูงสุดเชียวนะ ทำไมเขาถึงไม่ครั่นคร้ามสักนิด ไม่เกรงกลัวอะไรเลยหรือ?แต่พอเห็นพวกต้าเยียนจุกอก ในใจกลับฮึก
เห็นว่าลงนามในหนังสือสัญญาพนันแล้ว ทุกคนต่างตื่นตระหนกถ้วนหน้าหนนี้เดิมพันหนักแล้วจริง ๆ ไม่ว่าฝ่ายไหนจะชนะ น่ากลัวว่าจะเป็นเรื่องที่ยอมรับยากสำหรับทุกฝ่าย “เยียนอวี่เฉิน เจ้าเป็นผู้หญิง เจ้าเริ่มก่อนเถอะ!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มพลางพูดเรียบ“ฮึ!”เยียนอวี่เฉินแค่นฮึเสียงเย็น “ยังเป็นกลอนคู่วรรคนั้นของข้า ตำราหอมสิบลี้ชิงชัยแปดทิศ เจ้าต่อเถอะ!”เยียนอวี่เฉินมั่นใจกับกลอนคู่ของตัวเองมาก ใช้ตัวเลขและตำราหอมเป็นหัวข้อ ย่อมมีระดับความยากสูงเป็นธรรมดา หากไม่มีการสั่งสมที่มากพอรวมถึงผ่านการศึกษาเชิงลึกและรักก็ไม่มีทางต่อวรรคหลังได้คณาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงต่างมองฉินอวิ๋นฟานด้วยใบหน้าสิ้นหวัง พวกเขารู้ว่าฉินอวิ๋นฟานมีพรสวรรค์และความสามารถด้านวรรณกรรมเหนือคน แต่พวกเขากลับไม่ค่อยเชื่อว่าฉินอวิ๋นฟานจะสามารถต่อวรรคต่อไปได้จริงหลู่เซียงหลิงและมู่หรงจิ่นจ้องฉินอวิ๋นฟานด้วยแววตาแห่งความหวัง หวังว่าเขาจะสามารถต่อวรรคหลังได้อย่างสมบูรณ์แบบ!เห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานยกยิ้มตรงมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อนเอ่ย “ข้าต่อว่า ท่องเมฆเก้าทิวาเขียนภาพสี่สมุทร!”ซ่า...ขณะฉินอวิ๋นฟานต่อวรรคหลังได้ รอบด้านส่งเสียง
“เฮอะ ฉินอวิ๋นฟาน เจ้าเสียใจตอนนี้ยังทันนะ ข้าจะขอร้ององค์หญิงสามให้ก็ได้ ว่าให้เมตตาเจ้าสักหน่อยหน่อย เหลือเกียรติให้เจ้าสักนิด อย่างไรเสีย อีกเดี๋ยวแพ้ยับเยินแล้วข้าละกลัวว่าเจ้าจะรับไม่ได้”ถงจินเฉิงสาวเท้ายาวออกมาข้างหน้าถึงตรงหน้าของฉินอวิ๋นฟานแล้วพูดวาจาเสียดสี“ถงจินเฉิง เจ้ามีโรคร้ายแรงอะไรหรือไม่?”ฉินอวิ๋นฟานไม่ตามใจถงจินเฉิงสักนิด เขาพูดด้วยใบหน้าดูถูก “เจ้าหมูตอนสมควรตายนี่ คนที่ข้าซ้อมที่หอวั่งเจียงเมื่อสามวันก่อนไม่ใช่เจ้าหรอกรึ? คนที่คุกเข่าร้องไห้ฟูมฟายวิงวอนข้ามิใช่เจ้า? ตอนนี้มาทำเป็นใหญ่เป็นโตอะไรต่อหน้าข้า?!” “เจ้ามันก็แค่สุนัขที่ต้าเยียนเลี้ยงไว้ตัวหนึ่ง จะมาเห่าหอนต่อหน้าข้าทำอะไร? ข้าไม่ตามใจนิสัยแย่ ๆ ของเจ้าหรอก ถ้ากล้าท้าทายข้าอีก เชื่อหรือไม่ข้าจะซ้อมเจ้าให้หนักอีกรอบ?”“ก็แค่จอหงวนบุ๋นของต้าเยียนเท่านั้น เก่งมากรึ? มากางปีกรำแพนต่อหน้าข้าให้มีตัวตน เจ้าไม่คู่ควรสักนิด!”“เอ่อ...”เดิมถงจินเฉิงวางแผนว่าจะเหยียดหยามฉินอวิ๋นฟานสักหน่อย กระทืบเขาสักที ไม่คิดว่าที่ต้อนรับเขากลับเป็นคำพูดเสีย ๆ หาย ๆ เฉกเช่นพายุฝนกระหน่ำของฉินอวิ๋นฟาน หยามเขาเสียไม่มีชิ้นด
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว
ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปากเดี๋ยวนั้น “ข้าแค่บอกว่า ‘สัจธรรมมักอยู่ในมือของคนส่วนน้อย ของไร้ประโยชน์กองหนึ่งสนับสนุนมีประโยชน์อันใด?’ ข้าระบุหรือยังว่าหมายถึงใคร?”“หือ? รัชทายาท นี่ท่านหมายความว่ายังไง?”เห็นท่าทางฉินอวิ๋นฟานกำลังจะแก้ต่างให้ตัวเอง ถังเจิ้นไห่หน้าดำทะมึน เขาพูดขึ้นมาทันทีว่า“แน่นอนว่าหมายความตามนั้น ยังจะมีความหมายอะไรอีก?”ฉินอวิ๋นฟานแบมือออก “ข้ารำคาญของไร้ประโยชน์จำนวนหนึ่งมากจริง ๆ นี่คือการแสดงออกและการระบายของข้าตามปกติ มีปัญหาอะไรหรือ? ที่ข้าพูดมาได้ชี้ไปที่ใครแล้วหรือยัง?”คำอธิบายที่มาอย่างกะทันหันของฉินอวิ๋นฟานทำให้ทุกคนในที่นั้นงงงวยไปเลย จริงอยู่ที่เมื่อครู่ฉินอวิ๋นฟานพูดว่าของไร้ประโยชน์จำนวนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นใครนี่“ไม่ถูก รัชทายาท เมื่อครู่ท่านไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้นี่!”ยามนี้สมองน้อย ๆ ของถังเจิ้นไห่ถูกฉินอวิ๋นฟานทำให้ฝ่อแล้ว ฉินอวิ๋นฟานมิใช่ทำเรื่องจริงให้บิดเบี้ยว เถียงข้าง ๆ คู่ ๆ หรือ? เล่นเกมเลี่ยงบาลีต่อหน้าทุกคนเลย?“เช่นนั้นขอถามแม่ทัพผู้เฒ่าถัง ข้าหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานย้อนถาม ทำให้ถังเจิ้นไห่อึ้งอยู่กับที่ หมายความว่าอย
“รัชทายาท ท่านก็เห็นแล้ว”ถังเจิ้นไห่มองไปทางฉินอวิ๋นฟานด้วยความกระหยิ่มแล้วเอ่ยต่อ “เวลานี้ทุกคนต่างสนับสนุนพ่อลูกตระกูลเจี่ยง ไม่มีใครสนับสนุนหวังอันสือสักคน ท่านยังจะโต้แย้งอีกหรือไม่?”กับความโอหังของถังเจิ้นไห่ ฉินอวิ๋นฟานหน้าดำทะมึนจนแทบหยดเป็นน้ำ ทว่าฉินอวิ๋นฟานมิใช่คนที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ“เหอะ แล้วจะยังไง? สัจธรรมมักอยู่ในมือของคนส่วนน้อย ของไร้ประโยชน์กองหนึ่งสนับสนุนมีประโยชน์อันใด? ได้แต่พิสูจน์ให้เห็นถึงความคับแคบและเบาปัญญาของพวกเขาเท่านั้น!”ฉินอวิ๋นฟานเยาะเย้ยด้วยใบหน้าดูถูก ยิ่งพวกเขาทำเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งรำคาญ และยิ่งตอกย้ำการตัดสินใจที่จะสลายพวกเขาด้วยที่ต้าเฉียนอยู่อันดับรั้งท้ายเช่นนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะการเพิกเฉยและความฉ้อฉลของหนอนเจาะพวกนี้ จึงทำให้เกิดสถานการณ์ในปัจจุบัน พวกเขาเห็นดีเห็นงามไม่ได้หมายถึงฉินอวิ๋นฟานจะยอมแพ้“บังอาจ!!!”“น่ารังเกียจ!!!”“รัชทายาทจะทำเกินไปแล้วกระมัง พวกเราแค่แสดงความเห็นของพวกเราเท่านั้น กลับถูกรัชทายาทลบหลู่ด่าทอว่าเป็นของไร้ประโยชน์? ไม่เคารพผู้อื่นเอาเสียเลย!”“ไท่ซั่งหวงโปรดให้ความเป็นธรรมแก่พวกเราด้วยพ่ะย่ะค่ะ ในฐ
ดังนั้นหลังจากได้เมืองอู่โจวกลับคืนมา ชื่อเสียงและเสียงเรียกร้องที่มีต่อฉินอวิ๋นฟานในต้าเฉียนก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ หากพวกเขายังกบดานต่อไป เช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็จะกลายเป็นไร้ความหมาย“อ้อ? แม่ทัพผู้เฒ่าถัง ท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานประหลาดใจมากกับการที่จู่ ๆ ถังเจิ้นไห่ก็ก้าวออกมา หากฉินอวิ๋นฮุยกับฉินอวิ๋นคังออกมาแย้งเขา เขาจะไม่แปลกใจสักนิด แต่การออกหน้าของถังเจิ้นไห่ทำให้เขาจำต้องระวัง“รัชทายาทก็บอกมิใช่หรือ ในฐานะที่ข้าคือขุนนางของต้าเฉียน พวกเราสมควรทำงานเพื่อบ้านเมือง”ถังเจิ้นไห่กล่าวสีหน้าเคร่งขรึม “ดังนั้นกระหม่อมคิดว่าหวังอันสือไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้านี้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเห็นว่าหัวหน้าสำนักศึกษาหลวงต้องเลือกผู้ที่มีความสามารถเหนือคน มีชาติตระกูลดีสืบทอดมาดำรงตำแหน่งจะเหมาะสมกว่า”“อื่ม ที่ใต้เท้าถังว่ามาก็ใช่จะไม่มีเหตุผล”ไท่ซั่งหวงพยักหน้า เอ่ยปากด้วยสีหน้าสงบ “ไม่ทราบว่าใต้เท้าถังมีคนที่เหมาะสมกว่าหรือไม่?”ถังเจิ้นไห่ตอบหนักแน่น “ทูลไท่ซั่งหวง กระหม่อมคิดว่าบุตรชายเจี่ยงหย่งกังจากสำนักราชเลขา เจี่ยงฝานฝานเหมาะสมกว่าพ่ะย่ะค่ะ ตระกูลเจี่ยงไม่เพียงแ
“เด็กบางคนคือเด็ก เด็กบางคนเกิดมาก็คือปีศาจ ข้าฆ่าปีศาจมีอะไรผิด?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ถ้าพี่รองไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ก็ตรวจสอบให้ละเอียดได้ หากข้าไม่มีจุดไหนที่ทำไม่ถูก ท่านก็ต้องทนเอาไว้ อย่างไรนี่ก็คือลักษณะการทำงานของข้าฉินอวิ๋นฟาน”“สำหรับทำไมถึงฆ่าคนเยอะอย่างนั้น ข้าได้แต่บอกท่านว่าพวกเขาล้วนสมควรตาย พร้อมกันนั้น ข้ากำลังเตือนทุกคน มีบางเรื่องทำได้ มีบ้างเรื่องทำไม่ได้ ถ้าใครกล้าล้ำเส้น ข้าฉินอวิ๋นฟานก็จะเอาชีวิตมันผู้นั้นเหมือนกัน!”“และถ้าจะให้ข้ามอบเหตุผลให้ได้ละก็ เช่นนั้นข้าได้แต่พูดว่าเพราะข้าคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินของต้าเฉียน มีกระบี่อาญาสิทธิ์อยู่ในมือ คือผู้ดำรงกฎหมายต้าเฉียน ข้ามีอำนาจและมีหน้าที่พิทักษ์บ้านเมืองของต้าเฉียน ชาวบ้านคือรากฐานของเรา มิใช่คนที่พวกท่านจะข่มเหงรังแกได้ตามอำเภอใจ!”ซี้ด...ฉินอวิ๋นฟานกล่าววาจาเผด็จการ ทำเอาทุกคนในที่นั้นต่างสูดลมเย็นเข้าปาก แม้ในใจพวกเขาจะมีความแค้นมากมายเพียงใด หากเวลานี้ได้แต่สะกดกลั้นเอาไว้เพราะฉินอวิ๋นฟานไม่เพียงแต่มีอำนาจประหารอันเป็นอำนาจสูงสุด ยังยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอำนาจราชวงศ์ต้าเฉียน ผู้ใดกล้าคั