“โอ้โฮ สะพานลายนี้สวยจังเลย”พอมู่หรงจิ่นเห็นทางเดินเชื่อมต่อที่ห้อยโคมไฟทั้งทะเลสาบก็ตื่นเต้นจนมือโบกเท้ารำ กระดี๊กระด๊าเหมือนเด็กสาว ฉินอวิ๋นฟานกลับจูงมือหยกของนางอยู่ด้านข้าง ร่วมชมทิวทัศน์สวยงามนี้ด้วย“นั่นสิเจ้าคะ คุณหนู คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ เทศกาลโคมไฟของปีนี้จะพิเศษกว่าปีก่อน ๆ สะพานลอยนี้ยิ่งเพิ่มดอกไม้บนลายผ้าทอ แต่งแต้มสีสันให้กับทั้งทะเลสาบ”เสี่ยวจวี๋ก็พูดด้วยความตื่นเต้นอยู่ด้านข้างด้วยการอารักขาของฉินอวิ๋นฟานในครั้งนี้แตกต่างจากก่อนหน้านี้ชัดเจน ไม่เพียงแต่มีอู่จ้านอยู่ด้วย หลัวเหิงที่ร่างกายฟื้นฟูแปดเก้าส่วนก็อยู่ด้วย ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ เซี่ยงเทียนเวิ่นคุ้มครองอยู่ข้างกายเขา อารักขาระวังภัยตลอดเวลา“จิ่นเอ๋อร์ ได้ยินว่าอีกเดี๋ยวจะมีการแสดง พวกเราไปดูที่โรงแรมเถอะ ถึงตอนนั้นเราจะได้ชมไปพลางดูการแสดงไปพลางไม่เสียเวลา”ผ่านไปอีกพักหนึ่ง ฉินอวิ๋นฟานจึงเอ่ยปากสบาย ๆ“ได้!”ภายใต้การนำของฉินอวิ๋นฟาน ไม่นานพวกเขาก็มาถึงโรงแรมห้าดาวต้าเฉียน ขณะที่พวกเขาอยู่ห่างประตูโรงแรมไม่ถึงห้าสิบเมตร ผู้หญิงท่วงทำนององอาจห้าวหาญเดินพกพาลมคนหนึ่งสะท้อนเข้าม่านตาของฉินอวิ๋นฟานมองอ
พอฉินอวิ๋นฟานรับถุงหอมมาก็สำรวจมันด้วยความแปลกใจ เป็นถึงองค์หญิงสามแห่งต้าเยียน กลับพกถุงหอมเก่า ๆ นี่ นี่ทำให้ฉินอวิ๋นฟานอดรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยไม่ได้จากภายนอก แม้ถุงหอมจะเก่าไปบ้าง หากกลิ่นยังคงเดิม ถุงหอมมีเงื่อนเชียนเชียน[1]น่ารักห้อยอยู่ ตรงกลางของเงื่อนปักตัวอักษรสีแดงน่ารักคำว่า ‘เฉิน’ เห็นได้ชัดว่าเงื่อนเชียนเชียนนี้อาจมีความหมายพิเศษกับองค์หญิงสามแห่งต้าเยียนมาก“ผู้หญิงที่แต่งตัวสูงส่งคนนั้นก็คือองค์หญิงสามของต้าเยียน? แต่ทำไมนางถึงปรากฏตัวในงานเทศกาลโคมไฟของต้าเฉียนล่ะ?”มู่หรงจิ่นมองทางฉินอวิ๋นฟานด้วยความประหลาดใจ มิน่าเมื่อกี้ฉินอวิ๋นฟานมองตาไม่กะพริบเลย พอรู้ตัวตนของผู้หญิงก็เห็นได้ชัดว่าพี่อวิ๋นฟานไม่ตกใจ แต่เหมือนกำลังคาดหวังอะไรอยู่ หรือว่าพี่อวิ๋นฟานรู้แต่แรกแล้ว?“จิ่นเอ๋อร์ ช่วงก่อนมิใช่มีการประลองด้านบุ๋นบู๊หรือ?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเรียบ“เรื่องนี้ข้าย่อมรู้ พี่อวิ๋นฟานในตอนนั้นแสดงทักษะฝีมือสะกดข่มทุกด้าน ใช้ความสามารถเหนือขั้นได้ที่หนึ่ง แถมโคลงกลอนและกลอนคู่ที่ท่านแต่งยังได้รับการสรรเสริญในหมู่ชาวบ้านเป็นวงกว้าง”มู่หรงจิ่นพูดด้วยใบหน้าภาคภูมิใจ“ดังนั้นเมื
“เดี๋ยวเจ้าก็จะรู้เอง”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มชั่วร้าย ไม่ได้อธิบายใด ๆเห็นฉินอวิ๋นฟานทำท่าลึกลับอย่างนี้ พลันกระตุ้นต่อมอยากรู้ของมู่หรงจิ่นขึ้นมาทันที หรือว่าพี่อวิ๋นฟานเตรียมเรื่องประหลาดใจใหญ่ให้นางหรือ?มู่หรงจิ่นในตอนนี้ทั้งตื่นเต้นทั้งจิตใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เพราะพี่อวิ๋นฟานเป็นคนที่ชอบทำแบบแปลกแนวดังคาด ทันทีที่พวกเขามาถึงหน้าห้องสุดพิเศษห้องหนึ่ง ฉินอวิ๋นฟานก็หยุดฝีเท้าลง จากนั้นก็เปิดประตูออกเบา ๆ ห้องเพรสซิเดนสูทหรูหราอลังการงานสร้างห้องหนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้า“โอ้โฮ...”ทันทีที่เห็นห้องที่มีลักษณะเอกลักษณ์ตรงหน้า มู่หรงจิ่นก็ทึ่งจนอ้าปากหวอทันที ในดวงตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ การตกแต่งของทั้งห้องทำให้นางตาโตฉับพลัน ร้องอุทานออกมาโดยตรงในตอนที่ออกแบบโรงแรม ฉินอวิ๋นฟานยังจงใจทำตามความปรารถนาของตัวเองอย่างหนึ่ง โดยการแบ่งชั้นแปดออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งคือเขตวิไอพีเหนือระดับ อีกส่วนหนึ่งคือห้องเพรสซิเดนสูทสุดหรูนี้และห้องเพรสซิเดนสูทนี้มีเอกลักษณะเฉพาะมาก ไม่เพียงแต่มีพื้นที่ทำงาน ยังมีอุปกรณ์เร้าอารมณ์ เตียงน้ำยิ่งเป็นส่วนประกอบมาตรฐาน และนี่คือพื้นที่ของเขา หากไม่ได้รับการอนุญา
“ไม่สนท่านแล้ว!”มู่หรงจิ่นอายขั้นสุด เบือนหน้าแล้วเดินไปทางอื่น ฉินอวิ๋นฟานคว้าตัวนางกลับมา ฉินอวิ๋นฟานในเวลานี้ใกล้จะควบคุมตัวเองไม่อยู่เต็มทนแล้ว อารมณ์เช่นนี้บรรยากาศเช่นนี้ เหมาะสมทำอะไรสักหน่อยอย่างยิ่ง!“กระต่ายขาวตัวน้อยน่ารักของข้า เจ้าหนีไม่พ้นเงื้อมมือของข้าหรอก!”ฉินอวิ๋นฟานกอดมู่หรงจิ่นแล้วจูบหน้าผากของนางหนัก ๆ แม้ตอนนี้เขาอยากทำอะไรสักหน่อยมาก ๆ แต่เทศกาลโคมไฟอันยิ่งใหญ่จะเริ่มขึ้นแล้ว ด้วยพลังการรบของเขา สองชั่วยามไม่พอแน่ คิดแล้วก็ช่างเถอะ มิเช่นนั้นจะเสียงานใหญ่เข้าจริง ๆ“ไอ้หยา พี่อวิ๋นฟาน เทศกาลโคมไฟจะเริ่มแล้วนะ ทุกคนกำลังรอท่านอยู่ข้างล่างแน่ะ”มู่หรงจิ่นเขินจัด“ก็ได้!”ฉินอวิ๋นฟานได้แต่ปล่อยตัวมู่หรงจิ่นด้วยใบหน้าทุกข์ระทมหลังจากม่านราตรีมาถึง ฉินอวิ๋นฟานและคนอื่น ๆ ก็มาถึงท้องถนนที่ครึกครื้นแห่งนี้ ในมือของผู้ใหญ่และเด็กต่างถือโคมไฟรูปแบบต่าง ๆ ฉลองเทศกาลนี้กันอย่างคึกคัก“จิ่นเอ๋อร์ เจ้าร่วมเทศกาลโคมไฟทุกปี หรือไม่เจ้าก็บรรยายเทศกาลนี้กับพวกเราหน่อยเถอะ พวกเราจะได้เตรียมใจเอาไว้”ฉินอวิ๋นฟานจูงมือของมู่หรงจิ่นและพูดเสียงอ่อนนุ่ม“อื้ม!”มู่หรงจิ่
มู่หรงจิ่นยิ้มสวย “การเปิดงานเทศกาลโคมไฟของทุกปีจะเริ่มจากการแสดงของหอนางคณิกาชั้นสูงวั่งเจียงก่อน เพื่อเฉลิมฉลองและอวยพรให้ฤดูกาลเก็บเกี่ยวจะแสดงให้แบบไม่คิดเงินสามเพลง แสดงการบรรเลงเพลงหนึ่ง แสดงการร่ายรำหนึ่ง และแสดงการตีกลองอีกหนึ่ง”“เมื่อการแสดงตีกลองเริ่มขึ้น ก็หมายถึงเทศกาลโคมไฟได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว”“อย่างนี้นี่เอง!”ฉินอวิ๋นฟานพยักหน้าด้วยความพอใจ สมกับที่เป็นหอนางคณิกาชั้นสูงวั่งเจียง ทำการค้าเก่งจริง ๆ ถึงกับรู้จักใช้วิธีการเช่นนี้ทำโฆษณาให้ตัวเองเสียด้วยพอการตีกลองจบลง ที่ทำให้ฉินอวิ๋นฟานประหลาดใจอย่างหนักคือการปรากฏตัวของหวงต้าหยวน!เห็นเพียงนางถือโทรโข่งในมือแล้วพูดว่า “เพื่อฉลองการเปิดงานเทศกาลโคมไฟในปีนี้ หอนางคณิกาชั้นสูงวั่งเจียงเจาะจงเชิญแม่นางต้าซวงและแม่นางเสี่ยวซวงปรมาจารย์ด้านดนตรีคนดังมาบรรเลงเพื่อทุกท่านเพลงหนึ่ง”“อะไรนะ?! ให้แม่นางต้าซวงและแม่นางเสี่ยวซวงปรมาจารย์ด้านดนตรีคนดังมาบรรเลงเพลงด้วยตัวเอง? ครั้งนี้หอวั่งเจียงทุ่มทุนจริง ๆ!”“ก็นั่นนะสิ คนดังของหอวั่งเจียงไม่ธรรมดานะ ต่อให้เจ้ามีเงินก็ไม่แน่ว่าจะได้พบพวกนางสักครั้ง ยิ่งไม่ต้องพูดถ
“เอาละ ๆ ลิ้นเป็นปลาไหล น่าชังนัก!”ฉินอวิ๋นฟานสารภาพรักกะทันหันต่อหน้าธารกำนัล มู่หรงจิ่นเขินอายแบบสุด ๆ หน้าสวยแดงระเรื่อ หัวใจหวานชื่น บุปผาในใจผลิบานเห็นว่าหยอกสำเร็จ ฉินอวิ๋นฟานจึงทำหน้าได้ใจ มีแต่ผู้ชายที่หน้าด้านพอ ปากขยันขันแข็งและหวานพอ ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืนก็สยบผู้หญิงได้ทั้งนั้น ต้องการหัวใจของหญิงสาว อาศัยเพียงหนึ่งปากก็พอ!อู่จ้านเห็นภาพนี้แล้วอิจฉายิ่งนัก มีเมียนี่ดีจริง ๆ ชมโคมไฟพลางหยอกล้อกันไป พาลให้คนรอบข้างอิจฉา หลังจากแม่นางต้าซวงและแม่นางเสี่ยวซวงบรรเลงเพลงจบก็มีเสียงปรบมือดังระงมจากทุกสารทิศ ทุกคนล้วนรู้สึกทึ่งและเลื่อมใสการบรรเลงรวมไปถึงท่วงทำนองที่ไต่ระดับถึงขั้นสูงสุดของสองนาง มอบคำวิจารณ์สูงส่งยิ่งจากนั้นก็คือการแสดงร่ายรำของคนดังจากหอนางคณิกาชั้นสูงวั่งเจียง หญิงแปดนางต่างอยู่ในชุดกระโปรงผ้าบางสีแดง ปานนางฟ้าบนสวรรค์ งดงามตระการตาอย่างยิ่ง ตามการร่ายรำด้วยท่วงท่าชดช้อย นำการเปิดงานเทศกาลโคมไฟเข้าสู่ช่วงครื้นเครงที่สุดฉินอวิ๋นฟานกลับเฉย สามวันก่อนมีอะไรที่เขายังไม่เห็น? น่าเสียดายที่ได้แต่มอง ได้แต่จับ แต่ล้ำเส้นไม่ได้ครึ่งชั่วยามให้หลัง การแ
“บังอาจ!”“กำแหง!”“เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมถึงกับกล้าด่าทอลบหลู่พวกเรา? น่ารังเกียจที่สุด...”......ถูกเยียนอวี่เฉินลบหลู่ต่อหน้าสาธารณชน บรรดาอาจารย์ในสำนึกศึกษาหลวงโมโหโกรธาจนเป่าหนวดถลึงตา ในดวงตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น แต่ต่อหน้าเยียนอวี่เฉินผู้หยิ่งทระนงแข็งกร้าว พวกเขากลับมิอาจเกรี้ยวกราดสำนักศึกษาหลวงคือสำนักศึกษาสูงสุดของต้าเฉียน การที่พวกเขาสามารถยืนอยู่ที่นี่ได้ ย่อมเป็นตัวแทนของความรู้ขั้นสุดของต้าเฉียน นั่นคือเกียรติยศสูงสุดบัดนี้ศักดิ์ศรีที่พวกเขาภาคภูมิใจกลับถูกแม่นางวัยยี่สิบกว่าเหยียบขยี้อยู่กับพื้น เหลืออดเหลือคนจริง ๆ! “เฮอะ ข้าบังอาจ ข้ากำแหง?”เยียนอวี่เฉินหัวเราะเสียดสีทีหนึ่ง “ฝูงตาแก่อย่างพวกเจ้าแน่จริงก็ต่อกลอนคู่วรรคหลังของข้าได้ให้สิ?+ ไม่อย่างนั้นจะให้ทุกคนยอมรับได้ยังไง? ใช่ว่าข้ากำแหง แต่เป็นพวกเจ้าที่ไร้น้ำยาเองต่างหาก ให้ต้นทุนในการกำแหงกับข้า ที่ข้าพูด...ไม่ผิดกระมัง?”“จะ เจ้า...”ถูกเยียนอวี่เฉินลบหลู่ด้วยวาจา เหล่าชายชราต่างเดือดดาลจนหน้าเขียวปัด น้ำท่วมปาก กับการท้าทายของเยียนอวี่เฉิน พวกเขาไร้ความสามารถโต้กลับจริง ๆ“ให้เวลาข้าหน่อย ข้
“เหอะ แม่นางน้อย เจ้าจะไร้เดียงสาเกินไปแล้วกระมัง?”หลัวเทียนเป้าแสยะยิ้มพูด “นี่คือโลกที่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก รั้งท้ายต้องถูกเหยียบย่ำ พวกเจ้าคือปลาเล็ก มีสิทธิ์อะไรมาพูดเรื่องเกียรติต่อหน้าพวกเราที่เป็นปลาใหญ่?”“บู๊ไม่เอาไหนก็ช่างเถอะ ไม่นึกว่าบุ๋นก็ยังห่วยแตกเช่นนี้ ข้าลบหลู่บ้านเมืองของพวกเจ้าแล้วจะทำไม? พวกเจ้าต่อกลอนคู่วรรคหลังได้หรือ? ข้าละขายหน้าแทนพวกเจ้าจริง ๆ! เป็นเช่นขยะกองหนึ่งยังไม่รู้จักอายอีก?!”กับความเดือดดาลของหลู่เซียงหลิง หลัวเทียนเป้าไม่มีท่าทีถนอมหญิงสาวแม้แต่น้อย วาจายังคงเสียดสีหยามเหยียด ในสายตาของเขา ต้าเฉียนในปัจจุบันก็คือขยะ“พวก พวกเจ้าจะรังแกคนมากไปแล้วนะ!”ถูกหลัวเทียนเป้าโต้กลับมา หลู่เซียงหลิงโกรธจนจะร้องไห้แล้ว นางร้อนรนจนเดินวนอยู่กับที่ ไม่รู้ว่าควรโต้ตอบอย่างไรดี หนึ่งปีก่อนต้าเฉียนเสียห้าเมืองไป บัดนี้การประลองด้านบุ๋นยังจะจบด้วยความพ่ายแพ้อีก นี่ควรทำอย่างไรดี?“บัดซบ! ต้าเยียนของพวกเจ้าจะกัดคนไม่ปล่อยเกินไปแล้วมั้ง?!”“ทำเกินไปแล้ว พวกเราแค่แพ้ในการประลองด้านบุ๋น เจ้าถือดียังไงพูดจาไม่น่าฟังเช่นนี้? นึกว่าพวกเราต้าเฉียนรังแกได้ง่าย ๆ รึ?!”