“โอ้โฮ สะพานลายนี้สวยจังเลย”พอมู่หรงจิ่นเห็นทางเดินเชื่อมต่อที่ห้อยโคมไฟทั้งทะเลสาบก็ตื่นเต้นจนมือโบกเท้ารำ กระดี๊กระด๊าเหมือนเด็กสาว ฉินอวิ๋นฟานกลับจูงมือหยกของนางอยู่ด้านข้าง ร่วมชมทิวทัศน์สวยงามนี้ด้วย“นั่นสิเจ้าคะ คุณหนู คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ เทศกาลโคมไฟของปีนี้จะพิเศษกว่าปีก่อน ๆ สะพานลอยนี้ยิ่งเพิ่มดอกไม้บนลายผ้าทอ แต่งแต้มสีสันให้กับทั้งทะเลสาบ”เสี่ยวจวี๋ก็พูดด้วยความตื่นเต้นอยู่ด้านข้างด้วยการอารักขาของฉินอวิ๋นฟานในครั้งนี้แตกต่างจากก่อนหน้านี้ชัดเจน ไม่เพียงแต่มีอู่จ้านอยู่ด้วย หลัวเหิงที่ร่างกายฟื้นฟูแปดเก้าส่วนก็อยู่ด้วย ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ เซี่ยงเทียนเวิ่นคุ้มครองอยู่ข้างกายเขา อารักขาระวังภัยตลอดเวลา“จิ่นเอ๋อร์ ได้ยินว่าอีกเดี๋ยวจะมีการแสดง พวกเราไปดูที่โรงแรมเถอะ ถึงตอนนั้นเราจะได้ชมไปพลางดูการแสดงไปพลางไม่เสียเวลา”ผ่านไปอีกพักหนึ่ง ฉินอวิ๋นฟานจึงเอ่ยปากสบาย ๆ“ได้!”ภายใต้การนำของฉินอวิ๋นฟาน ไม่นานพวกเขาก็มาถึงโรงแรมห้าดาวต้าเฉียน ขณะที่พวกเขาอยู่ห่างประตูโรงแรมไม่ถึงห้าสิบเมตร ผู้หญิงท่วงทำนององอาจห้าวหาญเดินพกพาลมคนหนึ่งสะท้อนเข้าม่านตาของฉินอวิ๋นฟานมองอ
พอฉินอวิ๋นฟานรับถุงหอมมาก็สำรวจมันด้วยความแปลกใจ เป็นถึงองค์หญิงสามแห่งต้าเยียน กลับพกถุงหอมเก่า ๆ นี่ นี่ทำให้ฉินอวิ๋นฟานอดรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยไม่ได้จากภายนอก แม้ถุงหอมจะเก่าไปบ้าง หากกลิ่นยังคงเดิม ถุงหอมมีเงื่อนเชียนเชียน[1]น่ารักห้อยอยู่ ตรงกลางของเงื่อนปักตัวอักษรสีแดงน่ารักคำว่า ‘เฉิน’ เห็นได้ชัดว่าเงื่อนเชียนเชียนนี้อาจมีความหมายพิเศษกับองค์หญิงสามแห่งต้าเยียนมาก“ผู้หญิงที่แต่งตัวสูงส่งคนนั้นก็คือองค์หญิงสามของต้าเยียน? แต่ทำไมนางถึงปรากฏตัวในงานเทศกาลโคมไฟของต้าเฉียนล่ะ?”มู่หรงจิ่นมองทางฉินอวิ๋นฟานด้วยความประหลาดใจ มิน่าเมื่อกี้ฉินอวิ๋นฟานมองตาไม่กะพริบเลย พอรู้ตัวตนของผู้หญิงก็เห็นได้ชัดว่าพี่อวิ๋นฟานไม่ตกใจ แต่เหมือนกำลังคาดหวังอะไรอยู่ หรือว่าพี่อวิ๋นฟานรู้แต่แรกแล้ว?“จิ่นเอ๋อร์ ช่วงก่อนมิใช่มีการประลองด้านบุ๋นบู๊หรือ?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเรียบ“เรื่องนี้ข้าย่อมรู้ พี่อวิ๋นฟานในตอนนั้นแสดงทักษะฝีมือสะกดข่มทุกด้าน ใช้ความสามารถเหนือขั้นได้ที่หนึ่ง แถมโคลงกลอนและกลอนคู่ที่ท่านแต่งยังได้รับการสรรเสริญในหมู่ชาวบ้านเป็นวงกว้าง”มู่หรงจิ่นพูดด้วยใบหน้าภาคภูมิใจ“ดังนั้นเมื
“เดี๋ยวเจ้าก็จะรู้เอง”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มชั่วร้าย ไม่ได้อธิบายใด ๆเห็นฉินอวิ๋นฟานทำท่าลึกลับอย่างนี้ พลันกระตุ้นต่อมอยากรู้ของมู่หรงจิ่นขึ้นมาทันที หรือว่าพี่อวิ๋นฟานเตรียมเรื่องประหลาดใจใหญ่ให้นางหรือ?มู่หรงจิ่นในตอนนี้ทั้งตื่นเต้นทั้งจิตใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เพราะพี่อวิ๋นฟานเป็นคนที่ชอบทำแบบแปลกแนวดังคาด ทันทีที่พวกเขามาถึงหน้าห้องสุดพิเศษห้องหนึ่ง ฉินอวิ๋นฟานก็หยุดฝีเท้าลง จากนั้นก็เปิดประตูออกเบา ๆ ห้องเพรสซิเดนสูทหรูหราอลังการงานสร้างห้องหนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้า“โอ้โฮ...”ทันทีที่เห็นห้องที่มีลักษณะเอกลักษณ์ตรงหน้า มู่หรงจิ่นก็ทึ่งจนอ้าปากหวอทันที ในดวงตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ การตกแต่งของทั้งห้องทำให้นางตาโตฉับพลัน ร้องอุทานออกมาโดยตรงในตอนที่ออกแบบโรงแรม ฉินอวิ๋นฟานยังจงใจทำตามความปรารถนาของตัวเองอย่างหนึ่ง โดยการแบ่งชั้นแปดออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งคือเขตวิไอพีเหนือระดับ อีกส่วนหนึ่งคือห้องเพรสซิเดนสูทสุดหรูนี้และห้องเพรสซิเดนสูทนี้มีเอกลักษณะเฉพาะมาก ไม่เพียงแต่มีพื้นที่ทำงาน ยังมีอุปกรณ์เร้าอารมณ์ เตียงน้ำยิ่งเป็นส่วนประกอบมาตรฐาน และนี่คือพื้นที่ของเขา หากไม่ได้รับการอนุญา
“ไม่สนท่านแล้ว!”มู่หรงจิ่นอายขั้นสุด เบือนหน้าแล้วเดินไปทางอื่น ฉินอวิ๋นฟานคว้าตัวนางกลับมา ฉินอวิ๋นฟานในเวลานี้ใกล้จะควบคุมตัวเองไม่อยู่เต็มทนแล้ว อารมณ์เช่นนี้บรรยากาศเช่นนี้ เหมาะสมทำอะไรสักหน่อยอย่างยิ่ง!“กระต่ายขาวตัวน้อยน่ารักของข้า เจ้าหนีไม่พ้นเงื้อมมือของข้าหรอก!”ฉินอวิ๋นฟานกอดมู่หรงจิ่นแล้วจูบหน้าผากของนางหนัก ๆ แม้ตอนนี้เขาอยากทำอะไรสักหน่อยมาก ๆ แต่เทศกาลโคมไฟอันยิ่งใหญ่จะเริ่มขึ้นแล้ว ด้วยพลังการรบของเขา สองชั่วยามไม่พอแน่ คิดแล้วก็ช่างเถอะ มิเช่นนั้นจะเสียงานใหญ่เข้าจริง ๆ“ไอ้หยา พี่อวิ๋นฟาน เทศกาลโคมไฟจะเริ่มแล้วนะ ทุกคนกำลังรอท่านอยู่ข้างล่างแน่ะ”มู่หรงจิ่นเขินจัด“ก็ได้!”ฉินอวิ๋นฟานได้แต่ปล่อยตัวมู่หรงจิ่นด้วยใบหน้าทุกข์ระทมหลังจากม่านราตรีมาถึง ฉินอวิ๋นฟานและคนอื่น ๆ ก็มาถึงท้องถนนที่ครึกครื้นแห่งนี้ ในมือของผู้ใหญ่และเด็กต่างถือโคมไฟรูปแบบต่าง ๆ ฉลองเทศกาลนี้กันอย่างคึกคัก“จิ่นเอ๋อร์ เจ้าร่วมเทศกาลโคมไฟทุกปี หรือไม่เจ้าก็บรรยายเทศกาลนี้กับพวกเราหน่อยเถอะ พวกเราจะได้เตรียมใจเอาไว้”ฉินอวิ๋นฟานจูงมือของมู่หรงจิ่นและพูดเสียงอ่อนนุ่ม“อื้ม!”มู่หรงจิ่
มู่หรงจิ่นยิ้มสวย “การเปิดงานเทศกาลโคมไฟของทุกปีจะเริ่มจากการแสดงของหอนางคณิกาชั้นสูงวั่งเจียงก่อน เพื่อเฉลิมฉลองและอวยพรให้ฤดูกาลเก็บเกี่ยวจะแสดงให้แบบไม่คิดเงินสามเพลง แสดงการบรรเลงเพลงหนึ่ง แสดงการร่ายรำหนึ่ง และแสดงการตีกลองอีกหนึ่ง”“เมื่อการแสดงตีกลองเริ่มขึ้น ก็หมายถึงเทศกาลโคมไฟได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว”“อย่างนี้นี่เอง!”ฉินอวิ๋นฟานพยักหน้าด้วยความพอใจ สมกับที่เป็นหอนางคณิกาชั้นสูงวั่งเจียง ทำการค้าเก่งจริง ๆ ถึงกับรู้จักใช้วิธีการเช่นนี้ทำโฆษณาให้ตัวเองเสียด้วยพอการตีกลองจบลง ที่ทำให้ฉินอวิ๋นฟานประหลาดใจอย่างหนักคือการปรากฏตัวของหวงต้าหยวน!เห็นเพียงนางถือโทรโข่งในมือแล้วพูดว่า “เพื่อฉลองการเปิดงานเทศกาลโคมไฟในปีนี้ หอนางคณิกาชั้นสูงวั่งเจียงเจาะจงเชิญแม่นางต้าซวงและแม่นางเสี่ยวซวงปรมาจารย์ด้านดนตรีคนดังมาบรรเลงเพื่อทุกท่านเพลงหนึ่ง”“อะไรนะ?! ให้แม่นางต้าซวงและแม่นางเสี่ยวซวงปรมาจารย์ด้านดนตรีคนดังมาบรรเลงเพลงด้วยตัวเอง? ครั้งนี้หอวั่งเจียงทุ่มทุนจริง ๆ!”“ก็นั่นนะสิ คนดังของหอวั่งเจียงไม่ธรรมดานะ ต่อให้เจ้ามีเงินก็ไม่แน่ว่าจะได้พบพวกนางสักครั้ง ยิ่งไม่ต้องพูดถ
“เอาละ ๆ ลิ้นเป็นปลาไหล น่าชังนัก!”ฉินอวิ๋นฟานสารภาพรักกะทันหันต่อหน้าธารกำนัล มู่หรงจิ่นเขินอายแบบสุด ๆ หน้าสวยแดงระเรื่อ หัวใจหวานชื่น บุปผาในใจผลิบานเห็นว่าหยอกสำเร็จ ฉินอวิ๋นฟานจึงทำหน้าได้ใจ มีแต่ผู้ชายที่หน้าด้านพอ ปากขยันขันแข็งและหวานพอ ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืนก็สยบผู้หญิงได้ทั้งนั้น ต้องการหัวใจของหญิงสาว อาศัยเพียงหนึ่งปากก็พอ!อู่จ้านเห็นภาพนี้แล้วอิจฉายิ่งนัก มีเมียนี่ดีจริง ๆ ชมโคมไฟพลางหยอกล้อกันไป พาลให้คนรอบข้างอิจฉา หลังจากแม่นางต้าซวงและแม่นางเสี่ยวซวงบรรเลงเพลงจบก็มีเสียงปรบมือดังระงมจากทุกสารทิศ ทุกคนล้วนรู้สึกทึ่งและเลื่อมใสการบรรเลงรวมไปถึงท่วงทำนองที่ไต่ระดับถึงขั้นสูงสุดของสองนาง มอบคำวิจารณ์สูงส่งยิ่งจากนั้นก็คือการแสดงร่ายรำของคนดังจากหอนางคณิกาชั้นสูงวั่งเจียง หญิงแปดนางต่างอยู่ในชุดกระโปรงผ้าบางสีแดง ปานนางฟ้าบนสวรรค์ งดงามตระการตาอย่างยิ่ง ตามการร่ายรำด้วยท่วงท่าชดช้อย นำการเปิดงานเทศกาลโคมไฟเข้าสู่ช่วงครื้นเครงที่สุดฉินอวิ๋นฟานกลับเฉย สามวันก่อนมีอะไรที่เขายังไม่เห็น? น่าเสียดายที่ได้แต่มอง ได้แต่จับ แต่ล้ำเส้นไม่ได้ครึ่งชั่วยามให้หลัง การแ
“บังอาจ!”“กำแหง!”“เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมถึงกับกล้าด่าทอลบหลู่พวกเรา? น่ารังเกียจที่สุด...”......ถูกเยียนอวี่เฉินลบหลู่ต่อหน้าสาธารณชน บรรดาอาจารย์ในสำนึกศึกษาหลวงโมโหโกรธาจนเป่าหนวดถลึงตา ในดวงตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น แต่ต่อหน้าเยียนอวี่เฉินผู้หยิ่งทระนงแข็งกร้าว พวกเขากลับมิอาจเกรี้ยวกราดสำนักศึกษาหลวงคือสำนักศึกษาสูงสุดของต้าเฉียน การที่พวกเขาสามารถยืนอยู่ที่นี่ได้ ย่อมเป็นตัวแทนของความรู้ขั้นสุดของต้าเฉียน นั่นคือเกียรติยศสูงสุดบัดนี้ศักดิ์ศรีที่พวกเขาภาคภูมิใจกลับถูกแม่นางวัยยี่สิบกว่าเหยียบขยี้อยู่กับพื้น เหลืออดเหลือคนจริง ๆ! “เฮอะ ข้าบังอาจ ข้ากำแหง?”เยียนอวี่เฉินหัวเราะเสียดสีทีหนึ่ง “ฝูงตาแก่อย่างพวกเจ้าแน่จริงก็ต่อกลอนคู่วรรคหลังของข้าได้ให้สิ?+ ไม่อย่างนั้นจะให้ทุกคนยอมรับได้ยังไง? ใช่ว่าข้ากำแหง แต่เป็นพวกเจ้าที่ไร้น้ำยาเองต่างหาก ให้ต้นทุนในการกำแหงกับข้า ที่ข้าพูด...ไม่ผิดกระมัง?”“จะ เจ้า...”ถูกเยียนอวี่เฉินลบหลู่ด้วยวาจา เหล่าชายชราต่างเดือดดาลจนหน้าเขียวปัด น้ำท่วมปาก กับการท้าทายของเยียนอวี่เฉิน พวกเขาไร้ความสามารถโต้กลับจริง ๆ“ให้เวลาข้าหน่อย ข้
“เหอะ แม่นางน้อย เจ้าจะไร้เดียงสาเกินไปแล้วกระมัง?”หลัวเทียนเป้าแสยะยิ้มพูด “นี่คือโลกที่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก รั้งท้ายต้องถูกเหยียบย่ำ พวกเจ้าคือปลาเล็ก มีสิทธิ์อะไรมาพูดเรื่องเกียรติต่อหน้าพวกเราที่เป็นปลาใหญ่?”“บู๊ไม่เอาไหนก็ช่างเถอะ ไม่นึกว่าบุ๋นก็ยังห่วยแตกเช่นนี้ ข้าลบหลู่บ้านเมืองของพวกเจ้าแล้วจะทำไม? พวกเจ้าต่อกลอนคู่วรรคหลังได้หรือ? ข้าละขายหน้าแทนพวกเจ้าจริง ๆ! เป็นเช่นขยะกองหนึ่งยังไม่รู้จักอายอีก?!”กับความเดือดดาลของหลู่เซียงหลิง หลัวเทียนเป้าไม่มีท่าทีถนอมหญิงสาวแม้แต่น้อย วาจายังคงเสียดสีหยามเหยียด ในสายตาของเขา ต้าเฉียนในปัจจุบันก็คือขยะ“พวก พวกเจ้าจะรังแกคนมากไปแล้วนะ!”ถูกหลัวเทียนเป้าโต้กลับมา หลู่เซียงหลิงโกรธจนจะร้องไห้แล้ว นางร้อนรนจนเดินวนอยู่กับที่ ไม่รู้ว่าควรโต้ตอบอย่างไรดี หนึ่งปีก่อนต้าเฉียนเสียห้าเมืองไป บัดนี้การประลองด้านบุ๋นยังจะจบด้วยความพ่ายแพ้อีก นี่ควรทำอย่างไรดี?“บัดซบ! ต้าเยียนของพวกเจ้าจะกัดคนไม่ปล่อยเกินไปแล้วมั้ง?!”“ทำเกินไปแล้ว พวกเราแค่แพ้ในการประลองด้านบุ๋น เจ้าถือดียังไงพูดจาไม่น่าฟังเช่นนี้? นึกว่าพวกเราต้าเฉียนรังแกได้ง่าย ๆ รึ?!”
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว
ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปากเดี๋ยวนั้น “ข้าแค่บอกว่า ‘สัจธรรมมักอยู่ในมือของคนส่วนน้อย ของไร้ประโยชน์กองหนึ่งสนับสนุนมีประโยชน์อันใด?’ ข้าระบุหรือยังว่าหมายถึงใคร?”“หือ? รัชทายาท นี่ท่านหมายความว่ายังไง?”เห็นท่าทางฉินอวิ๋นฟานกำลังจะแก้ต่างให้ตัวเอง ถังเจิ้นไห่หน้าดำทะมึน เขาพูดขึ้นมาทันทีว่า“แน่นอนว่าหมายความตามนั้น ยังจะมีความหมายอะไรอีก?”ฉินอวิ๋นฟานแบมือออก “ข้ารำคาญของไร้ประโยชน์จำนวนหนึ่งมากจริง ๆ นี่คือการแสดงออกและการระบายของข้าตามปกติ มีปัญหาอะไรหรือ? ที่ข้าพูดมาได้ชี้ไปที่ใครแล้วหรือยัง?”คำอธิบายที่มาอย่างกะทันหันของฉินอวิ๋นฟานทำให้ทุกคนในที่นั้นงงงวยไปเลย จริงอยู่ที่เมื่อครู่ฉินอวิ๋นฟานพูดว่าของไร้ประโยชน์จำนวนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นใครนี่“ไม่ถูก รัชทายาท เมื่อครู่ท่านไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้นี่!”ยามนี้สมองน้อย ๆ ของถังเจิ้นไห่ถูกฉินอวิ๋นฟานทำให้ฝ่อแล้ว ฉินอวิ๋นฟานมิใช่ทำเรื่องจริงให้บิดเบี้ยว เถียงข้าง ๆ คู่ ๆ หรือ? เล่นเกมเลี่ยงบาลีต่อหน้าทุกคนเลย?“เช่นนั้นขอถามแม่ทัพผู้เฒ่าถัง ข้าหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานย้อนถาม ทำให้ถังเจิ้นไห่อึ้งอยู่กับที่ หมายความว่าอย
“รัชทายาท ท่านก็เห็นแล้ว”ถังเจิ้นไห่มองไปทางฉินอวิ๋นฟานด้วยความกระหยิ่มแล้วเอ่ยต่อ “เวลานี้ทุกคนต่างสนับสนุนพ่อลูกตระกูลเจี่ยง ไม่มีใครสนับสนุนหวังอันสือสักคน ท่านยังจะโต้แย้งอีกหรือไม่?”กับความโอหังของถังเจิ้นไห่ ฉินอวิ๋นฟานหน้าดำทะมึนจนแทบหยดเป็นน้ำ ทว่าฉินอวิ๋นฟานมิใช่คนที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ“เหอะ แล้วจะยังไง? สัจธรรมมักอยู่ในมือของคนส่วนน้อย ของไร้ประโยชน์กองหนึ่งสนับสนุนมีประโยชน์อันใด? ได้แต่พิสูจน์ให้เห็นถึงความคับแคบและเบาปัญญาของพวกเขาเท่านั้น!”ฉินอวิ๋นฟานเยาะเย้ยด้วยใบหน้าดูถูก ยิ่งพวกเขาทำเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งรำคาญ และยิ่งตอกย้ำการตัดสินใจที่จะสลายพวกเขาด้วยที่ต้าเฉียนอยู่อันดับรั้งท้ายเช่นนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะการเพิกเฉยและความฉ้อฉลของหนอนเจาะพวกนี้ จึงทำให้เกิดสถานการณ์ในปัจจุบัน พวกเขาเห็นดีเห็นงามไม่ได้หมายถึงฉินอวิ๋นฟานจะยอมแพ้“บังอาจ!!!”“น่ารังเกียจ!!!”“รัชทายาทจะทำเกินไปแล้วกระมัง พวกเราแค่แสดงความเห็นของพวกเราเท่านั้น กลับถูกรัชทายาทลบหลู่ด่าทอว่าเป็นของไร้ประโยชน์? ไม่เคารพผู้อื่นเอาเสียเลย!”“ไท่ซั่งหวงโปรดให้ความเป็นธรรมแก่พวกเราด้วยพ่ะย่ะค่ะ ในฐ
ดังนั้นหลังจากได้เมืองอู่โจวกลับคืนมา ชื่อเสียงและเสียงเรียกร้องที่มีต่อฉินอวิ๋นฟานในต้าเฉียนก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ หากพวกเขายังกบดานต่อไป เช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็จะกลายเป็นไร้ความหมาย“อ้อ? แม่ทัพผู้เฒ่าถัง ท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานประหลาดใจมากกับการที่จู่ ๆ ถังเจิ้นไห่ก็ก้าวออกมา หากฉินอวิ๋นฮุยกับฉินอวิ๋นคังออกมาแย้งเขา เขาจะไม่แปลกใจสักนิด แต่การออกหน้าของถังเจิ้นไห่ทำให้เขาจำต้องระวัง“รัชทายาทก็บอกมิใช่หรือ ในฐานะที่ข้าคือขุนนางของต้าเฉียน พวกเราสมควรทำงานเพื่อบ้านเมือง”ถังเจิ้นไห่กล่าวสีหน้าเคร่งขรึม “ดังนั้นกระหม่อมคิดว่าหวังอันสือไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้านี้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเห็นว่าหัวหน้าสำนักศึกษาหลวงต้องเลือกผู้ที่มีความสามารถเหนือคน มีชาติตระกูลดีสืบทอดมาดำรงตำแหน่งจะเหมาะสมกว่า”“อื่ม ที่ใต้เท้าถังว่ามาก็ใช่จะไม่มีเหตุผล”ไท่ซั่งหวงพยักหน้า เอ่ยปากด้วยสีหน้าสงบ “ไม่ทราบว่าใต้เท้าถังมีคนที่เหมาะสมกว่าหรือไม่?”ถังเจิ้นไห่ตอบหนักแน่น “ทูลไท่ซั่งหวง กระหม่อมคิดว่าบุตรชายเจี่ยงหย่งกังจากสำนักราชเลขา เจี่ยงฝานฝานเหมาะสมกว่าพ่ะย่ะค่ะ ตระกูลเจี่ยงไม่เพียงแ
“เด็กบางคนคือเด็ก เด็กบางคนเกิดมาก็คือปีศาจ ข้าฆ่าปีศาจมีอะไรผิด?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ถ้าพี่รองไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ก็ตรวจสอบให้ละเอียดได้ หากข้าไม่มีจุดไหนที่ทำไม่ถูก ท่านก็ต้องทนเอาไว้ อย่างไรนี่ก็คือลักษณะการทำงานของข้าฉินอวิ๋นฟาน”“สำหรับทำไมถึงฆ่าคนเยอะอย่างนั้น ข้าได้แต่บอกท่านว่าพวกเขาล้วนสมควรตาย พร้อมกันนั้น ข้ากำลังเตือนทุกคน มีบางเรื่องทำได้ มีบ้างเรื่องทำไม่ได้ ถ้าใครกล้าล้ำเส้น ข้าฉินอวิ๋นฟานก็จะเอาชีวิตมันผู้นั้นเหมือนกัน!”“และถ้าจะให้ข้ามอบเหตุผลให้ได้ละก็ เช่นนั้นข้าได้แต่พูดว่าเพราะข้าคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินของต้าเฉียน มีกระบี่อาญาสิทธิ์อยู่ในมือ คือผู้ดำรงกฎหมายต้าเฉียน ข้ามีอำนาจและมีหน้าที่พิทักษ์บ้านเมืองของต้าเฉียน ชาวบ้านคือรากฐานของเรา มิใช่คนที่พวกท่านจะข่มเหงรังแกได้ตามอำเภอใจ!”ซี้ด...ฉินอวิ๋นฟานกล่าววาจาเผด็จการ ทำเอาทุกคนในที่นั้นต่างสูดลมเย็นเข้าปาก แม้ในใจพวกเขาจะมีความแค้นมากมายเพียงใด หากเวลานี้ได้แต่สะกดกลั้นเอาไว้เพราะฉินอวิ๋นฟานไม่เพียงแต่มีอำนาจประหารอันเป็นอำนาจสูงสุด ยังยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอำนาจราชวงศ์ต้าเฉียน ผู้ใดกล้าคั