“เหอะ แม่นางน้อย เจ้าจะไร้เดียงสาเกินไปแล้วกระมัง?”หลัวเทียนเป้าแสยะยิ้มพูด “นี่คือโลกที่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก รั้งท้ายต้องถูกเหยียบย่ำ พวกเจ้าคือปลาเล็ก มีสิทธิ์อะไรมาพูดเรื่องเกียรติต่อหน้าพวกเราที่เป็นปลาใหญ่?”“บู๊ไม่เอาไหนก็ช่างเถอะ ไม่นึกว่าบุ๋นก็ยังห่วยแตกเช่นนี้ ข้าลบหลู่บ้านเมืองของพวกเจ้าแล้วจะทำไม? พวกเจ้าต่อกลอนคู่วรรคหลังได้หรือ? ข้าละขายหน้าแทนพวกเจ้าจริง ๆ! เป็นเช่นขยะกองหนึ่งยังไม่รู้จักอายอีก?!”กับความเดือดดาลของหลู่เซียงหลิง หลัวเทียนเป้าไม่มีท่าทีถนอมหญิงสาวแม้แต่น้อย วาจายังคงเสียดสีหยามเหยียด ในสายตาของเขา ต้าเฉียนในปัจจุบันก็คือขยะ“พวก พวกเจ้าจะรังแกคนมากไปแล้วนะ!”ถูกหลัวเทียนเป้าโต้กลับมา หลู่เซียงหลิงโกรธจนจะร้องไห้แล้ว นางร้อนรนจนเดินวนอยู่กับที่ ไม่รู้ว่าควรโต้ตอบอย่างไรดี หนึ่งปีก่อนต้าเฉียนเสียห้าเมืองไป บัดนี้การประลองด้านบุ๋นยังจะจบด้วยความพ่ายแพ้อีก นี่ควรทำอย่างไรดี?“บัดซบ! ต้าเยียนของพวกเจ้าจะกัดคนไม่ปล่อยเกินไปแล้วมั้ง?!”“ทำเกินไปแล้ว พวกเราแค่แพ้ในการประลองด้านบุ๋น เจ้าถือดียังไงพูดจาไม่น่าฟังเช่นนี้? นึกว่าพวกเราต้าเฉียนรังแกได้ง่าย ๆ รึ?!”
“แพ้แล้วก็คือแพ้แล้ว ไม่ต้องมาทำตัวน่าสงสารหรอก ข้าไม่รู้จักเคารพคนแก่รักเด็กอะไรทั้งนั้น!”หลัวเทียนเป้าพูดถากถาง “เร็วหน่อย อย่าบีบให้ข้าลงมือละ ถึงตอนนั้นหน้าตาของทุกคนจะไม่น่าดูแล้ว”เยียนอวี่เฉินเอามือกอดอก เหยียดยิ้มตรงมุมปาก ใบหน้าคือความหยิ่งทระนง การเหยียบสำนักศึกษาหลวงต้าเฉียนอยู่ใต้ฝ่าเท้าได้แบบสบาย ๆ ทำให้นางรู้สึกภูมิใจอย่างหาที่เปรียบมิได้“พวกเจ้าไม่ลงมือสักที หรือว่าแพ้ไม่ลง?”เยียนอวี่เฉินเห็นหมู่ชายชราใบหน้าอีหลักอีเหลื่อ ครึ่งค่อนวันก็ยังไม่มีทีท่าลงมือ นางจึงก้าวออกมาอีกครั้ง ข่มบรรดาอาจารย์ทั้งหลาย ความรู้สึกที่แลมองจากที่สูงเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกสะใจมาก!“เอ่อ...”เวลานี้บรรดาคนของสำนักศึกษาหลวงลำบากใจมากกว่าเดิม... ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี“เมียจ๋า คนกันเองทั้งนั้น ทำไมต้องทำให้เขาลำบากใจด้วย?”ก็ขณะที่กำลังประชันหน้ากันอยู่ จู่ ๆ ก็มีเสียงระคายหูดังมาจากด้านล่างของเวที ทุกคนต่างมองหาต้นเสียง เห็นเพียงชายหนุ่มองอาจหล่อเหลาคนหนึ่ง มุมปากทำมุมมั่นใจกำลังเดินขึ้นบนเวทีช้า ๆตึง...“เจ้า ไอ้ลามก! ถึงกับกล้าล่วงเกินข้าต่อหน้าสาธารณชน รนหาที่ตายแล้ว!”เยียนอวี
“ปั้นน้ำเป็นตัว?”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มอย่างล้ำลึก “ข้าคือรัชทายาทของต้าเฉียน ใต้หนึ่งคน เหนือหมื่นคน จะล้อเล่นกับองค์หญิงสามต้าเยียนในเรื่องพรรค์นี้หรือ?”ถ้อยคำที่ราวกับฟ้าผ่าของฉินอวิ๋นฟานทำให้ทุกคนแตกตื่นกันทันทีแรกเริ่มเดิมที ทุกคนนึกว่าฉินอวิ๋นฟานแค่แกล้งเล่น แต่ที่ทำให้ทุกคนคาดไม่ถึงคือ ฉินอวิ๋นฟานไม่เหมือนกับล้อเล่น แต่ให้คำตอบยืนยันแบบจริงจังคราวนี้ทุกคนอลหม่านแล้ว!ฉินอวิ๋นฟานที่กำลังจดจ้องด้วยใบหน้าเท่ ๆ เยียนอวี่เฉินโกรธควันออกหู กระทั่งไม่รู้ว่าฉินอวิ๋นฟานกำลังมาไม้ไหน ตอนนี้นางมีข้อสรุปแล้ว ฉินอวิ๋นฟานต้องมีแผนสำรองแน่ ไม่อย่างนั้นจะไม่พูดอย่างนี้เด็ดขาด!นางหรี่ดวงตาทั้งสอง “ฉินอวิ๋นฟาน ในเมื่อไม่ได้ล้อเล่น เช่นนั้นเจ้าก็ควรอธิบายหน่อยว่ามันยังไงกันแน่?ในฐานะที่เป็นองค์หญิงสามแห่งต้าเยียน มีเรื่องอะไรที่ไม่เคยเจอบ้าง? ครั้นรู้ตัวตนของฉินอวิ๋นฟาน นางก็ใจเย็นลงทันที แม้จะถูกฉินอวิ๋นฟานเอารัดเอาเปรียบ นางก็ยังสะกดไฟโกรธในใจ“หึ ถึงเจ้าฉินอวิ๋นฟานจะเป็นรัชทายาทของต้าเฉียน แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะล่วงเกินองค์หญิงสามของเรากระมัง ถ้าอธิบายอย่างสมเหตุสมผลไม่ได้ เรื่องนี้เกรงว
“องค์หญิงสาม!!!”หลัวเทียนเป้าเห็นองค์หญิงสามยอมอ่อนข้อให้ก่อน อารมณ์โกรธพลุ่งพล่าน ในฐานะที่เป็นขุนศึกทหารกล้า จะแพ้มาดให้กับคนอื่นได้อย่างไร? มิหนำซ้ำยังเป็นแคว้นกระจอก ๆ รัชทายาทผู้มิมีกำลังจับไก่!“หุบปาก!”เยียนอวี่เฉินตวาด หลัวเทียนเป้าเห็นองค์หญิงสามเกิดโทสะแล้ว จึงได้แต่อดกลั้นความโกรธในใจเอาไว้และปิดปากเสีย“ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะรู้จักวางตัวให้เหมาะสม ที่นี่คือต้าเฉียนของข้า มิใช่ต้าเยียนของพวกเจ้า จะทำอะไรต้องดูสีหน้าข้าฉินอวิ๋นฟาน เป็นพยัคฆ์ต้องหมอบให้ข้า เป็นมังกรก็ต้องขดตัวให้ข้า!”ฉินอวิ๋นฟานสองมือไพล่หลัง ดวงตาเห็นทุกสิ่งคือว่างเปล่า “ต่อให้ต้าเยียนของพวกเจ้ามีกำลังเหยียบต้าเยียนข้าให้ราบเป็นหน้ากลอง แต่อย่างน้อยตอนนี้ข้าก็มีกำลังลงพันดาบหมื่นเฉือนกับพวกเจ้า!”กับกำลังแข็งแกร่งมิมีใดเทียมตรงหน้า ฉินอวิ๋นฟานแข็งกร้าวถึงที่สุด เยียนอวี่เฉินรูม่านตาหดเล็กฉับพลัน ในใจยิ่งเกิดคลื่นปั่นป่วน ให้นางคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ฉินอวิ๋นฟานเป็นคนเด็ดขาดแท้ ทั้งยังเป็นคนบ้าที่ไม่สนโลกด้วยถ้าพวกเขากล้าทำเลยเถิด น่ากลัวว่าฉินอวิ๋นฟานจะกล้าเอาชีวิตพวกเขาจริง ๆ!“เหอะ ต่อให้เป็นเช่นนี้
ทันทีที่เห็นฉินอวิ๋นฟานล้วงถุงหอมประจำตัวขององค์หญิงสามออกมาหลัวเทียนเป้าก็ทำหน้าฉงนเหมือนกัน ไม่มีใครรู้ความหมายของมันต่อองค์หญิงสามได้ดีไปกว่าเขาอีกแล้วในเมื่อถุงหอมปรากฏอยู่ในมือของฉินอวิ๋นฟาน เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียว ฉินอวิ๋นฟานต้องจงใจขโมยแน่ ด้วยเรื่องนี้ มันทำให้เขาดูถูกฉินอวิ๋นฟานมากกว่าเดิมต้าเฉียนบนล่างคานบนไม่ตรงคานล่างเบี้ยวโดยแท้ ลูกไม้สกปรกก็ยังเอาออกมาใช้“ฉินอวิ๋นฟาน ยังไงเจ้าก็เป็นถึงรัชทายาทของต้าเฉียน ทำไมถึงทำเรื่องลักเล็กขโมยน้อยเล่า? พฤติกรรมเช่นนี้จะไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง? แพ้แล้วก็คือแพ้แล้ว ไยต้องลดเส้นต่ำสุดของบ้านเมืองอีก?”ถงจินเฉิงเห็นดังนั้นจึงเปิดโหมดถากถาง“พี่อวิ๋นฟาน...”มู่หรงจิ่นกระตุกแขนเสื้อของฉินอวิ๋นฟาน ใบหน้าเต็มไปด้วยความร้อนรนถุงหอมนี้พนักงานโรงแรมของพวกเขาเก็บได้แล้วมอบให้พี่อวิ๋นฟานแท้ ๆ จะขโมยได้อย่างไร?ตอนนี้ไม่เพียงแต่พวกคนต้าเยียนจะเข้าใจผิดว่าพี่อวิ๋นฟานขโมย ประชาชนต้าเยียนที่อยู่รอบ ๆ ก็มีสีหน้าอีหลักอีเหลื่ออย่างหนักเหมือนกัน อย่างไรเสีย ถุงหอมต้องเป็นของที่องค์หญิงสามพกติดตัวแน่ ในเมื่ออยู่ในมือของพี่อว
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ...”“คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ รัชทายาทของต้าเฉียนกลับเป็นพวกลักเล็กขโมยน้อย ไร้ยางอายที่สุด! ไม่รักษาหน้าสักนิด! แม้แต่ของประจำกายขององค์หญิงสามต้าเยียนเราก็ยังจะลัก น่าขายหน้าจริงแท้!”“ฉินอวิ๋นฟาน ถ้าเจ้านิยมถุงหอมของอิสตรีจริง ๆ ข้าจะให้เจ้าสักสองสามร้อยใบก็ได้ ราคาเท่าเศษขี้เล็บ ไยต้องฉกฉวย เจ้าว่าใช่หรือไม่? ลักมาเพื่อให้ได้มาในชั่วครู่ ลมปากไม่ผ่านสมอง ช่างน่าขายหน้าโดยแท้ หนำซ้ำยังขายหน้าต้าเฉียนของพวกเจ้าด้วย!”......ได้รับคำตอบยืนยันจากฉินอวิ๋นฟาน บรรดาคนจากต้าเยียนก็หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง เปิดโหมดเยาะเย้ยถากถางทันที เริ่มมหกรรมด่าทอฉินอวิ๋นฟานต่าง ๆ นานากับการโจมตีทางวาจาของหมู่คนต้าเยียน คนของต้าเฉียนล้วนอับอายก้มหน้างุด ทำท่าทอดถอนใจอย่างหนัก ท่าทางเศร้าสลดที่ไม่โชคดี โกรธแค้นที่สู้ไม่ได้ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบฉินอวิ๋นฟานยังไม่เปลี่ยนสีหน้า ผ่อนคลายสบายอารมณ์!ตอนนี้เอง จู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็เอ่ยขึ้น บุคลิกของทั้งคนเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบกลับตาลปัตร เขากวาดมองทุกคน สายตาเปลี่ยนเป็นคมกริบอย่างหาที่เปรียบมิได้เห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงกร้าว “ต่อให้ข้าเป็นคนขโมยถุงหอ
“หากข้าบอกว่าให้พวกเจ้าคืนห้าเมืองให้เรา พวกเจ้าจะยินดีหรือไม่?!”ต่อหน้าฉินอวิ๋นฟานที่บีบคั้นทุกฝีก้าว เยียนอวี่เฉินในเวลานี้อึดอัดยิ่งนัก นางต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานหาวิธีการแสดงความไม่พอใจต้าเยียนที่รุกรานห้าเมืองได้ยอดเยี่ยมมากคืนรึ? นั่นคือเป็นไปไม่ได้!“คืนห้าเมืองให้พวกเจ้า เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”เยียนอวี่เฉินส่ายหน้าพูด “หวังว่าเจ้าฉินอวิ๋นฟานจะเข้าใจ การที่ระหว่างแคว้นจะมีเรื่องบาดหมาง การเสียเมืองสักเมืองสองเมืองคือเรื่องปกติ และนี่ก็คือการแสดงให้เห็นถึงความสามารถเหนือชั้นของแคว้นหนึ่ง”กับคำตอบของเยียนอวี่เฉิน ฉินอวิ๋นฟานไม่แปลกใจเลยสักนิด ยึดเมืองด้วยความสามารถ ถือดียังไงต้องคืนด้วย? และเขาก็จับจุดนี้ได้อย่างพอดิบพอดี“นั่นสิ ข้าใช้ความสามารถขโมยถุงหอมมา แล้วถือดียังไงต้องคืน?!”ฉินอวิ๋นฟานแบมือพลางพูด“เจ้า...!”เห็นฉินอวิ๋นฟานไม่คิดจะคืนถุงหอมให้แน่แล้ว เยียนอวี่เฉินกระฟัดกระเฟียดกระทืบเท้า แต่นางกลับทำอะไรฉินอวิ๋นฟานไม่ได้เลย“ฉินอวิ๋นฟาน นอกจากห้าเมืองแล้ว เจ้าจะเอายังไงถึงจะยอมคืนถุงหอมให้ข้า!”เยียนอวี่เฉินกัดฟันกรอด พูดด้วยความเคียดแค้น“นอกจากห้าเมือง ไม
“รัชทายาท ท่านบ้าไปแล้วรึ?!”“ป้ายแผ่นนี้หมายถึงเกียรติของต้าเฉียนเรา ท่าน ท่านกลับทำลายมัน?!”.......เห็นป้ายของสำนักศึกษาหลวงถูกฉินอวิ๋นฟานทำลาย เหล่าคณาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงพากันถลึงตาเป่าหนวด ในดวงตาความโกรธอัดแน่น กรุ่นโกรธกับการกระทำของฉินอวิ๋นฟานมาก“หุบปาก! ตาแก่หงำเหงือก! เมื่อกี้ก็เป็นพวกเจ้านั่นแหละที่ทำลายเกียรติของสำนักศึกษาหลวงต้าเฉียนข้าสูญสิ้น! ตอนนี้ยังมีหน้ามาว่าข้า?!”ฉินอวิ๋นฟานตะคอกด่า “เก็บป้ายนี้ไว้ก็ปิดบังการแพ้ยับเยินของพวกเจ้าได้แล้วรึ? ปิดเรื่องที่พวกเจ้าที่เป็นถึงอาจารย์สู้แม่นางน้อยคนหนึ่งไม่ได้?!”“พวกเจ้ามันเป็นคนที่ฝังร่างครึ่งท่อนอยู่ในดินแล้ว จะรักษาหน้าหน่อยได้ไหม? อย่าหลอกตัวเองเลยได้ไหม? พวกเจ้ารู้หรือไม่กันแน่ว่าอะไรคือยางอาย?!”“แพ้แล้วก็คือแพ้แล้ว ยังจะอิด ๆ ออด ๆ อะไร? รักษาป้ายนี้ไว้แล้ว ความเก่งของพวกเจ้าจะเพิ่มขึ้นรึ?!”“เทียบกับการดึงดันจะเอาป้ายให้ได้ มิสู้ถกปัญหาศึกษาวรรณกรรมให้ถ่องแท้ พัฒนาตัวเองเรื่อย ๆ ต่อไปพอเจอเรื่องแบบนี้จะได้ไม่ถึงกับเอาหน้าแก่ ๆ ไปขาย!”“ข้า...”คณาจารย์สำนักศึกษาหลวงถูกฉินอวิ๋นฟานตอกหน้าต่อหน้าธารกำนัล
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว
ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปากเดี๋ยวนั้น “ข้าแค่บอกว่า ‘สัจธรรมมักอยู่ในมือของคนส่วนน้อย ของไร้ประโยชน์กองหนึ่งสนับสนุนมีประโยชน์อันใด?’ ข้าระบุหรือยังว่าหมายถึงใคร?”“หือ? รัชทายาท นี่ท่านหมายความว่ายังไง?”เห็นท่าทางฉินอวิ๋นฟานกำลังจะแก้ต่างให้ตัวเอง ถังเจิ้นไห่หน้าดำทะมึน เขาพูดขึ้นมาทันทีว่า“แน่นอนว่าหมายความตามนั้น ยังจะมีความหมายอะไรอีก?”ฉินอวิ๋นฟานแบมือออก “ข้ารำคาญของไร้ประโยชน์จำนวนหนึ่งมากจริง ๆ นี่คือการแสดงออกและการระบายของข้าตามปกติ มีปัญหาอะไรหรือ? ที่ข้าพูดมาได้ชี้ไปที่ใครแล้วหรือยัง?”คำอธิบายที่มาอย่างกะทันหันของฉินอวิ๋นฟานทำให้ทุกคนในที่นั้นงงงวยไปเลย จริงอยู่ที่เมื่อครู่ฉินอวิ๋นฟานพูดว่าของไร้ประโยชน์จำนวนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นใครนี่“ไม่ถูก รัชทายาท เมื่อครู่ท่านไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้นี่!”ยามนี้สมองน้อย ๆ ของถังเจิ้นไห่ถูกฉินอวิ๋นฟานทำให้ฝ่อแล้ว ฉินอวิ๋นฟานมิใช่ทำเรื่องจริงให้บิดเบี้ยว เถียงข้าง ๆ คู่ ๆ หรือ? เล่นเกมเลี่ยงบาลีต่อหน้าทุกคนเลย?“เช่นนั้นขอถามแม่ทัพผู้เฒ่าถัง ข้าหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานย้อนถาม ทำให้ถังเจิ้นไห่อึ้งอยู่กับที่ หมายความว่าอย
“รัชทายาท ท่านก็เห็นแล้ว”ถังเจิ้นไห่มองไปทางฉินอวิ๋นฟานด้วยความกระหยิ่มแล้วเอ่ยต่อ “เวลานี้ทุกคนต่างสนับสนุนพ่อลูกตระกูลเจี่ยง ไม่มีใครสนับสนุนหวังอันสือสักคน ท่านยังจะโต้แย้งอีกหรือไม่?”กับความโอหังของถังเจิ้นไห่ ฉินอวิ๋นฟานหน้าดำทะมึนจนแทบหยดเป็นน้ำ ทว่าฉินอวิ๋นฟานมิใช่คนที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ“เหอะ แล้วจะยังไง? สัจธรรมมักอยู่ในมือของคนส่วนน้อย ของไร้ประโยชน์กองหนึ่งสนับสนุนมีประโยชน์อันใด? ได้แต่พิสูจน์ให้เห็นถึงความคับแคบและเบาปัญญาของพวกเขาเท่านั้น!”ฉินอวิ๋นฟานเยาะเย้ยด้วยใบหน้าดูถูก ยิ่งพวกเขาทำเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งรำคาญ และยิ่งตอกย้ำการตัดสินใจที่จะสลายพวกเขาด้วยที่ต้าเฉียนอยู่อันดับรั้งท้ายเช่นนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะการเพิกเฉยและความฉ้อฉลของหนอนเจาะพวกนี้ จึงทำให้เกิดสถานการณ์ในปัจจุบัน พวกเขาเห็นดีเห็นงามไม่ได้หมายถึงฉินอวิ๋นฟานจะยอมแพ้“บังอาจ!!!”“น่ารังเกียจ!!!”“รัชทายาทจะทำเกินไปแล้วกระมัง พวกเราแค่แสดงความเห็นของพวกเราเท่านั้น กลับถูกรัชทายาทลบหลู่ด่าทอว่าเป็นของไร้ประโยชน์? ไม่เคารพผู้อื่นเอาเสียเลย!”“ไท่ซั่งหวงโปรดให้ความเป็นธรรมแก่พวกเราด้วยพ่ะย่ะค่ะ ในฐ
ดังนั้นหลังจากได้เมืองอู่โจวกลับคืนมา ชื่อเสียงและเสียงเรียกร้องที่มีต่อฉินอวิ๋นฟานในต้าเฉียนก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ หากพวกเขายังกบดานต่อไป เช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็จะกลายเป็นไร้ความหมาย“อ้อ? แม่ทัพผู้เฒ่าถัง ท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานประหลาดใจมากกับการที่จู่ ๆ ถังเจิ้นไห่ก็ก้าวออกมา หากฉินอวิ๋นฮุยกับฉินอวิ๋นคังออกมาแย้งเขา เขาจะไม่แปลกใจสักนิด แต่การออกหน้าของถังเจิ้นไห่ทำให้เขาจำต้องระวัง“รัชทายาทก็บอกมิใช่หรือ ในฐานะที่ข้าคือขุนนางของต้าเฉียน พวกเราสมควรทำงานเพื่อบ้านเมือง”ถังเจิ้นไห่กล่าวสีหน้าเคร่งขรึม “ดังนั้นกระหม่อมคิดว่าหวังอันสือไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้านี้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเห็นว่าหัวหน้าสำนักศึกษาหลวงต้องเลือกผู้ที่มีความสามารถเหนือคน มีชาติตระกูลดีสืบทอดมาดำรงตำแหน่งจะเหมาะสมกว่า”“อื่ม ที่ใต้เท้าถังว่ามาก็ใช่จะไม่มีเหตุผล”ไท่ซั่งหวงพยักหน้า เอ่ยปากด้วยสีหน้าสงบ “ไม่ทราบว่าใต้เท้าถังมีคนที่เหมาะสมกว่าหรือไม่?”ถังเจิ้นไห่ตอบหนักแน่น “ทูลไท่ซั่งหวง กระหม่อมคิดว่าบุตรชายเจี่ยงหย่งกังจากสำนักราชเลขา เจี่ยงฝานฝานเหมาะสมกว่าพ่ะย่ะค่ะ ตระกูลเจี่ยงไม่เพียงแ
“เด็กบางคนคือเด็ก เด็กบางคนเกิดมาก็คือปีศาจ ข้าฆ่าปีศาจมีอะไรผิด?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ถ้าพี่รองไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ก็ตรวจสอบให้ละเอียดได้ หากข้าไม่มีจุดไหนที่ทำไม่ถูก ท่านก็ต้องทนเอาไว้ อย่างไรนี่ก็คือลักษณะการทำงานของข้าฉินอวิ๋นฟาน”“สำหรับทำไมถึงฆ่าคนเยอะอย่างนั้น ข้าได้แต่บอกท่านว่าพวกเขาล้วนสมควรตาย พร้อมกันนั้น ข้ากำลังเตือนทุกคน มีบางเรื่องทำได้ มีบ้างเรื่องทำไม่ได้ ถ้าใครกล้าล้ำเส้น ข้าฉินอวิ๋นฟานก็จะเอาชีวิตมันผู้นั้นเหมือนกัน!”“และถ้าจะให้ข้ามอบเหตุผลให้ได้ละก็ เช่นนั้นข้าได้แต่พูดว่าเพราะข้าคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินของต้าเฉียน มีกระบี่อาญาสิทธิ์อยู่ในมือ คือผู้ดำรงกฎหมายต้าเฉียน ข้ามีอำนาจและมีหน้าที่พิทักษ์บ้านเมืองของต้าเฉียน ชาวบ้านคือรากฐานของเรา มิใช่คนที่พวกท่านจะข่มเหงรังแกได้ตามอำเภอใจ!”ซี้ด...ฉินอวิ๋นฟานกล่าววาจาเผด็จการ ทำเอาทุกคนในที่นั้นต่างสูดลมเย็นเข้าปาก แม้ในใจพวกเขาจะมีความแค้นมากมายเพียงใด หากเวลานี้ได้แต่สะกดกลั้นเอาไว้เพราะฉินอวิ๋นฟานไม่เพียงแต่มีอำนาจประหารอันเป็นอำนาจสูงสุด ยังยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอำนาจราชวงศ์ต้าเฉียน ผู้ใดกล้าคั