“องค์หญิงสาม!!!”หลัวเทียนเป้าเห็นองค์หญิงสามยอมอ่อนข้อให้ก่อน อารมณ์โกรธพลุ่งพล่าน ในฐานะที่เป็นขุนศึกทหารกล้า จะแพ้มาดให้กับคนอื่นได้อย่างไร? มิหนำซ้ำยังเป็นแคว้นกระจอก ๆ รัชทายาทผู้มิมีกำลังจับไก่!“หุบปาก!”เยียนอวี่เฉินตวาด หลัวเทียนเป้าเห็นองค์หญิงสามเกิดโทสะแล้ว จึงได้แต่อดกลั้นความโกรธในใจเอาไว้และปิดปากเสีย“ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะรู้จักวางตัวให้เหมาะสม ที่นี่คือต้าเฉียนของข้า มิใช่ต้าเยียนของพวกเจ้า จะทำอะไรต้องดูสีหน้าข้าฉินอวิ๋นฟาน เป็นพยัคฆ์ต้องหมอบให้ข้า เป็นมังกรก็ต้องขดตัวให้ข้า!”ฉินอวิ๋นฟานสองมือไพล่หลัง ดวงตาเห็นทุกสิ่งคือว่างเปล่า “ต่อให้ต้าเยียนของพวกเจ้ามีกำลังเหยียบต้าเยียนข้าให้ราบเป็นหน้ากลอง แต่อย่างน้อยตอนนี้ข้าก็มีกำลังลงพันดาบหมื่นเฉือนกับพวกเจ้า!”กับกำลังแข็งแกร่งมิมีใดเทียมตรงหน้า ฉินอวิ๋นฟานแข็งกร้าวถึงที่สุด เยียนอวี่เฉินรูม่านตาหดเล็กฉับพลัน ในใจยิ่งเกิดคลื่นปั่นป่วน ให้นางคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ฉินอวิ๋นฟานเป็นคนเด็ดขาดแท้ ทั้งยังเป็นคนบ้าที่ไม่สนโลกด้วยถ้าพวกเขากล้าทำเลยเถิด น่ากลัวว่าฉินอวิ๋นฟานจะกล้าเอาชีวิตพวกเขาจริง ๆ!“เหอะ ต่อให้เป็นเช่นนี้
ทันทีที่เห็นฉินอวิ๋นฟานล้วงถุงหอมประจำตัวขององค์หญิงสามออกมาหลัวเทียนเป้าก็ทำหน้าฉงนเหมือนกัน ไม่มีใครรู้ความหมายของมันต่อองค์หญิงสามได้ดีไปกว่าเขาอีกแล้วในเมื่อถุงหอมปรากฏอยู่ในมือของฉินอวิ๋นฟาน เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียว ฉินอวิ๋นฟานต้องจงใจขโมยแน่ ด้วยเรื่องนี้ มันทำให้เขาดูถูกฉินอวิ๋นฟานมากกว่าเดิมต้าเฉียนบนล่างคานบนไม่ตรงคานล่างเบี้ยวโดยแท้ ลูกไม้สกปรกก็ยังเอาออกมาใช้“ฉินอวิ๋นฟาน ยังไงเจ้าก็เป็นถึงรัชทายาทของต้าเฉียน ทำไมถึงทำเรื่องลักเล็กขโมยน้อยเล่า? พฤติกรรมเช่นนี้จะไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง? แพ้แล้วก็คือแพ้แล้ว ไยต้องลดเส้นต่ำสุดของบ้านเมืองอีก?”ถงจินเฉิงเห็นดังนั้นจึงเปิดโหมดถากถาง“พี่อวิ๋นฟาน...”มู่หรงจิ่นกระตุกแขนเสื้อของฉินอวิ๋นฟาน ใบหน้าเต็มไปด้วยความร้อนรนถุงหอมนี้พนักงานโรงแรมของพวกเขาเก็บได้แล้วมอบให้พี่อวิ๋นฟานแท้ ๆ จะขโมยได้อย่างไร?ตอนนี้ไม่เพียงแต่พวกคนต้าเยียนจะเข้าใจผิดว่าพี่อวิ๋นฟานขโมย ประชาชนต้าเยียนที่อยู่รอบ ๆ ก็มีสีหน้าอีหลักอีเหลื่ออย่างหนักเหมือนกัน อย่างไรเสีย ถุงหอมต้องเป็นของที่องค์หญิงสามพกติดตัวแน่ ในเมื่ออยู่ในมือของพี่อว
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ...”“คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ รัชทายาทของต้าเฉียนกลับเป็นพวกลักเล็กขโมยน้อย ไร้ยางอายที่สุด! ไม่รักษาหน้าสักนิด! แม้แต่ของประจำกายขององค์หญิงสามต้าเยียนเราก็ยังจะลัก น่าขายหน้าจริงแท้!”“ฉินอวิ๋นฟาน ถ้าเจ้านิยมถุงหอมของอิสตรีจริง ๆ ข้าจะให้เจ้าสักสองสามร้อยใบก็ได้ ราคาเท่าเศษขี้เล็บ ไยต้องฉกฉวย เจ้าว่าใช่หรือไม่? ลักมาเพื่อให้ได้มาในชั่วครู่ ลมปากไม่ผ่านสมอง ช่างน่าขายหน้าโดยแท้ หนำซ้ำยังขายหน้าต้าเฉียนของพวกเจ้าด้วย!”......ได้รับคำตอบยืนยันจากฉินอวิ๋นฟาน บรรดาคนจากต้าเยียนก็หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง เปิดโหมดเยาะเย้ยถากถางทันที เริ่มมหกรรมด่าทอฉินอวิ๋นฟานต่าง ๆ นานากับการโจมตีทางวาจาของหมู่คนต้าเยียน คนของต้าเฉียนล้วนอับอายก้มหน้างุด ทำท่าทอดถอนใจอย่างหนัก ท่าทางเศร้าสลดที่ไม่โชคดี โกรธแค้นที่สู้ไม่ได้ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบฉินอวิ๋นฟานยังไม่เปลี่ยนสีหน้า ผ่อนคลายสบายอารมณ์!ตอนนี้เอง จู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็เอ่ยขึ้น บุคลิกของทั้งคนเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบกลับตาลปัตร เขากวาดมองทุกคน สายตาเปลี่ยนเป็นคมกริบอย่างหาที่เปรียบมิได้เห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงกร้าว “ต่อให้ข้าเป็นคนขโมยถุงหอ
“หากข้าบอกว่าให้พวกเจ้าคืนห้าเมืองให้เรา พวกเจ้าจะยินดีหรือไม่?!”ต่อหน้าฉินอวิ๋นฟานที่บีบคั้นทุกฝีก้าว เยียนอวี่เฉินในเวลานี้อึดอัดยิ่งนัก นางต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานหาวิธีการแสดงความไม่พอใจต้าเยียนที่รุกรานห้าเมืองได้ยอดเยี่ยมมากคืนรึ? นั่นคือเป็นไปไม่ได้!“คืนห้าเมืองให้พวกเจ้า เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”เยียนอวี่เฉินส่ายหน้าพูด “หวังว่าเจ้าฉินอวิ๋นฟานจะเข้าใจ การที่ระหว่างแคว้นจะมีเรื่องบาดหมาง การเสียเมืองสักเมืองสองเมืองคือเรื่องปกติ และนี่ก็คือการแสดงให้เห็นถึงความสามารถเหนือชั้นของแคว้นหนึ่ง”กับคำตอบของเยียนอวี่เฉิน ฉินอวิ๋นฟานไม่แปลกใจเลยสักนิด ยึดเมืองด้วยความสามารถ ถือดียังไงต้องคืนด้วย? และเขาก็จับจุดนี้ได้อย่างพอดิบพอดี“นั่นสิ ข้าใช้ความสามารถขโมยถุงหอมมา แล้วถือดียังไงต้องคืน?!”ฉินอวิ๋นฟานแบมือพลางพูด“เจ้า...!”เห็นฉินอวิ๋นฟานไม่คิดจะคืนถุงหอมให้แน่แล้ว เยียนอวี่เฉินกระฟัดกระเฟียดกระทืบเท้า แต่นางกลับทำอะไรฉินอวิ๋นฟานไม่ได้เลย“ฉินอวิ๋นฟาน นอกจากห้าเมืองแล้ว เจ้าจะเอายังไงถึงจะยอมคืนถุงหอมให้ข้า!”เยียนอวี่เฉินกัดฟันกรอด พูดด้วยความเคียดแค้น“นอกจากห้าเมือง ไม
“รัชทายาท ท่านบ้าไปแล้วรึ?!”“ป้ายแผ่นนี้หมายถึงเกียรติของต้าเฉียนเรา ท่าน ท่านกลับทำลายมัน?!”.......เห็นป้ายของสำนักศึกษาหลวงถูกฉินอวิ๋นฟานทำลาย เหล่าคณาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงพากันถลึงตาเป่าหนวด ในดวงตาความโกรธอัดแน่น กรุ่นโกรธกับการกระทำของฉินอวิ๋นฟานมาก“หุบปาก! ตาแก่หงำเหงือก! เมื่อกี้ก็เป็นพวกเจ้านั่นแหละที่ทำลายเกียรติของสำนักศึกษาหลวงต้าเฉียนข้าสูญสิ้น! ตอนนี้ยังมีหน้ามาว่าข้า?!”ฉินอวิ๋นฟานตะคอกด่า “เก็บป้ายนี้ไว้ก็ปิดบังการแพ้ยับเยินของพวกเจ้าได้แล้วรึ? ปิดเรื่องที่พวกเจ้าที่เป็นถึงอาจารย์สู้แม่นางน้อยคนหนึ่งไม่ได้?!”“พวกเจ้ามันเป็นคนที่ฝังร่างครึ่งท่อนอยู่ในดินแล้ว จะรักษาหน้าหน่อยได้ไหม? อย่าหลอกตัวเองเลยได้ไหม? พวกเจ้ารู้หรือไม่กันแน่ว่าอะไรคือยางอาย?!”“แพ้แล้วก็คือแพ้แล้ว ยังจะอิด ๆ ออด ๆ อะไร? รักษาป้ายนี้ไว้แล้ว ความเก่งของพวกเจ้าจะเพิ่มขึ้นรึ?!”“เทียบกับการดึงดันจะเอาป้ายให้ได้ มิสู้ถกปัญหาศึกษาวรรณกรรมให้ถ่องแท้ พัฒนาตัวเองเรื่อย ๆ ต่อไปพอเจอเรื่องแบบนี้จะได้ไม่ถึงกับเอาหน้าแก่ ๆ ไปขาย!”“ข้า...”คณาจารย์สำนักศึกษาหลวงถูกฉินอวิ๋นฟานตอกหน้าต่อหน้าธารกำนัล
“อะไรนะ?!”“เจ้ารับปาก?!”“รัชทายาท จะวู่วามไม่ได้เด็ดขาดนะขอรับ!”......เห็นฉินอวิ๋นฟานรับปากฉับไวเช่นนี้ เหล่าคณาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงรวมถึงผู้คนรอบด้านจ้าละหวั่นทันที ความตื่นตระหนกลนลานปรากฏอยู่บนสีหน้าของทุกคนห้าเมืองย่อมสำคัญ แต่อย่างไรมันก็เป็นแต่เมืองบริวารเล็ก ๆ ของเมืองจัว ประชากรไม่ถึงล้าน แต่เมืองจัวไม่เหมือนกัน นั่นคือหนึ่งในเจ็ดเมืองหลักของต้าเฉียน ยิ่งเป็นเมืองชายแดนสำคัญของต้าเฉียน!หากใช้เมืองจัวเป็นสิ่งเดิมพัน เช่นนั้นเกมนี้จะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ทันทีที่แพ้การประลอง เมืองจัวจะต้องไปจากต้าเฉียน เรื่องใหญ่เทียมฟ้าเช่นนี้ต้องสะเทือนไปถึงเบื้องบนของต้าเฉียนแน่ สถานการณ์เช่นนี้พวกเขาเดิมพันไม่ไหวความสามารถด้านวรรณกรรมของพวกคนต้าเยียนแข็งแกร่งมาก พวกเขามิใช่คู่ต่อสู้เลย องค์หญิงสามต้าเยียนเพิ่มเดิมพันในเวลานี้กะทันหัน เห็นได้ว่าฉวยโอกาสปล้นกันชัด ๆถ้าฉินอวิ๋นฟานตอบรับในยามนี้ จะมิตกหลุมพรางพวกเขาหรือ?เยียนอวี่เฉินเห็นชาวต้าเฉียนมีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนี้จึงยิ่งเอ่ยปากได้ใจ “ฉินอวิ๋นฟาน เมืองจัวคือเมืองสำคัญของต้าเฉียน ต่อให้ประสบกับอุทกภัย มันก็ยังเป็นหนึ่งในเ
ไท่ซั่งหวงเงียบมาตลอด จู่ ๆ ก็ถามขึ้น “เหล่าเฉา เรื่องของจักรพรรดิต้าเยียนเยียนจ้านเทียน เจ้าน่าจะรู้ดีกระมัง?”เฉาเจิ้งฉุนอึ้งไปเล็กน้อย แต่ก็ยังอธิบาย “จักรพรรดิต้าเยียนเยียนจ้านเทียนขึ้นครองราชย์ในวัยยี่สิบหกชันษา สร้างผลงานบันลือโลกแต่เยาว์วัย เพื่อขยายดินแดนต้าเยียนทำศึกไปทั่ว มีอุปนิสัยเด็ดขาดฉับไว วิธีการเผด็จการ มีชื่อเสียงในต้าเยียนอย่างยิ่ง ขึ้นครองราชย์ด้วยท่วงทำนองเหนือชั้นแต่ยังเยาว์วัย”“บัดนี้ทรงมีพระชนมายุสี่สิบหกชันษา อยู่ในวัยฉกรรจ์ ช่วงเวลายี่สิบปีที่ดำรงตำแหน่ง พัฒนาศักยภาพรอบด้านของต้าเยียนแบบก้าวกระโดด กระทั่งหากจะขนานนามว่าจักรพรรดิอันดับหนึ่งของโลกปัจจุบันก็มิเกินจริงพ่ะย่ะค่ะ”ไท่ซั่งหวงพยักหน้าน้อย ๆ และพูด “ในเมื่อเจ้ายังเรียกเขาว่าจักรพรรดิอันดับหนึ่งของโลกปัจจุบัน เช่นนั้นเจ้าคิดว่าเขาจะมีจิตใจทะยานอยากจะครองโลกหรือไม่?”เฉาเจิ้งฉุนผงะเล็กน้อย เขาถามราวกับมีความคิด “ไท่ซั่งหวง ทรงหมายถึง...เยียนจ้านเทียนมิได้พึงพอใจแค่การปกครองหนึ่งแคว้น? แต่คิดวางแผนสร้างสิ่งที่มิเคยมีมาก่อนหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ไท่ซั่งหวงมิได้ตอบยืนยันความทึ่งของเฉาเจิ้งฉุน สำหรับจักรพรรดิ
“จะ เจ้าพูดว่าอะไรนะ?! ให้เข้าไปเป็นอนุของเจ้า?!”พอได้ยินถ้อยคำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน ดวงตาทั้งคู่ของเยียนอวี่เฉินหรี่ลงทันที ดวงหน้ารูปไข่สวยงามเย็นยะเยือกปานน้ำค้างแข็ง คับอกคับใจกับการล่วงเกินและไร้ยางอายของฉินอวิ๋นฟานถึงที่สุดเห็นแววตาลวนลามโลภโมโทสันนั้นของฉินอวิ๋นฟาน ตอนนี้นางมั่นใจแล้ว ฉินอวิ๋นฟานเป็นพวกคนลามกคนหนึ่ง เพลิงโทสะที่เก็บกดมานานแทบจะปะทุเต็มทนจากเล็กจนโต ไม่ว่าผู้ชายคนไหนกล้ากระทำการล่วงเกินหรือพูดจาจาบจ้วงนาง ถ้าไม่ถูกตอนก็คือเป็นคนตายคนหนึ่งหนึ่งเพราะนางมีปัญญาหลักแหลมอย่างยิ่ง มีพรสวรรค์ด้านวรรณกรรมสูงส่ง สองคือนางได้รับความรักและการเอาอกเอาใจจากจักรพรรดิต้าเยียน เป็นดั่งไข่มุกบนฝ่ามือ ตั้งแต่ยังเยาว์วัย นางมีความรู้สึกเหนือกว่าผู้อื่นมากกว่าคนทั่วไป ท่าทางสูงส่งทำให้คนยำเกรงนางมาก มิมีผู้ใดกล้าพูดจาหมิ่นประมาทนางฉินอวิ๋นฟานแตะเส้นต่ำสุดของนางหลายครั้งหลายหน ทำให้นางอดรนทนไม่ไหวนานแล้ว“ดูจากเงื่อนไขการประลอง ยุติธรรมมาก ถุงหอมต่อห้าเมือง สำหรับเมืองหานกู่ก็เป็นแค่เมืองริม ๆ ขอบ ๆ เล็กขี้ปะติ๋วของต้าเยียนเจ้าเท่านั้น มิอาจเทียบกับเมืองจัวของเราได้”ฉินอวิ