“อยู่เป็นคนต้องโดดเด่น ตายต้องเป็นวีรบุรุษในหมู่ผีดี!”ในตอนที่ทั้งหกกำลังพูดคุยแลกเปลี่ยนกันในวาระสุดท้ายของชีวิต ฉินอวิ๋นฟานปรากฏตัวขึ้นทันใด เดินไปหาทุกคนช้า ๆ จังหวะที่เห็นฉินอวิ๋นฟาน พวกเขาก็ตะลึงงัน“รัช รัชทายาท!”ทีแรกหลิวเป้ยนึกว่าฉินอวิ๋นฟานจะทิ้งพวกเขาแล้ว จึงไม่คาดหวังใด ๆ คิดไม่ถึงว่าในช่วงความเป็นความตาย ฉินอวิ๋นฟานกลับปรากฏตัวที่ลานประหารทันกาล“จะถูกตัดหัวอยู่แล้ว พวกเจ้ากลัวหรือไม่?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปากถาม“ความตายมีอะไรน่ากลัว? ก็แค่ช้าหรือเร็วเท่านั้น”หลิวเป้ยส่ายหน้าพูด“พวกเรากลับไม่กลัวตาย เราแค่กลัวติดตามคนผิด สุดท้ายจนตายก็ยังไม่รู้ว่าตายเพราะอะไร!”จางเฟยเปล่งเสียงพูด“พวกเราสามคนพี่น้องเห็นคุณธรรมเป็นที่ตั้ง ไม่เคยเกรงกลัวอะไรทั้งนั้น ขอเพียงรัชทายาทไม่ผิดต่อมโนธรรม พวกเราก็ถือว่าตายอย่างคุ้มค่าแล้ว!”กวนอวี่เอ่ย“ได้เจอรัชทายาทก่อนตาย ชาตินี้ไม่เสียใจ!”หานซิ่นและลิ่งหูเสี่ยวเอ่ยขึ้นพร้อมกันมีแต่มู่หรงโหลวที่เงียบ เส้นประสาทตึงเครียด จ้องฉินอวิ๋นฟานด้วยสายตาเหม่อลอย“ใครก็ได้ ปล่อยตัวพวกเขา!”ฉินอวิ๋นฟานสั่งออกไป องครักษ์สองสามคนรีบวิ่งไปถึงต
ในฐานะที่เป็นราชวงศ์ผู้อยู่เหนือสุดคนหนึ่ง ไท่ซั่งหวงย่อมมีสายตาการมองคนที่ต่างจากปุถุชนทั่วไป พวกเขาเอาตัวออกจากอำนาจไม่ได้ กลับเจ็บแค้นอำนาจนัก การแสดงออกของฉินอวิ๋นฮุยอาจสามารถเป็นจักรพรรดิคนหนึ่งได้ หากเป็นตัวตนผู้อำมหิตไร้หลักความเป็นมนุษย์“พ่ะย่ะค่ะ นับจากรัชทายาทแจ้งเกิด องค์ชายรองรีบร้อนไปบ้างจริง ๆ เขาอยากข่มรัชทายาทให้ได้เร็วที่สุด ให้เห็นว่าเขามีความสามารถ ทว่าผลลัพธ์กลับต้องปราชัยอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขาเริ่มตื่นตระหนกลนลาน”เฉาเจิ้งฉุนกล่าวเสริมอยู่ด้านข้าง“ทุกครั้งฟานเอ๋อร์มักทำให้ข้าสะดุดตา เป็นพันธุ์ไม้ที่หาได้ยาก สามารถมองใต้หล้าด้วยมุมมองของจักรพรรดิ เสียดายที่ไร้สมัครพรรคพวก คิดจะเฉิดฉายท่ามกลางความสัมพันธ์ของตระกูลใหญ่ซึ่งฝังรากหยั่งลึกในต้าเฉียนมันยากมากจริง ๆ”ไท่ซั่งหวงส่ายหน้าพลางเอ่ย“พ่ะย่ะค่ะ องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองต่างมีตระกูลใหญ่สนับสนุน หลังจากครองตำแหน่งจะสามารถกุมราชสำนักได้เร็ว ส่วนราชทายาท แม้จะได้ขึ้นครองราชย์ แต่เกรงว่าไม่นานต้องร่วงลงมาอีก นอกเสียจากเขาจะมีความสามารถเหนือฟ้า”เฉาเจิ้งฉุนติดตามจักรพรรดิสองรุ่นสี่สิบกว่าปี รอบรู้สถานการณ์ของต้
“เจ้า เจ้าจะเอาจริงหรือ?”เหอเหวินเย่าพูดแบบไม่อยากจะเชื่อ“ท่านเห็นข้าเหมือนพูดล้อเล่นหรือ?”องค์ชายรองกล่าวด้วยใบหน้าชั่วร้าย “น้าสาม บอกอู๋อีฝาน ให้เขากำจัดฉินอวิ๋นฟานให้ข้า!”“อวิ๋นฮุย เจ้าใจเย็นก่อน เจ้าน่าจะรู้ดีว่าอู๋อีฝานเป็นใคร เขาเป็นคนในยุทธภพ ถ้าให้อู๋อีฝานลงมือกับองค์ชายต้าเฉียนจะเท่ากับทำลายสัญญาระหว่างราชวงศ์กับยุทธภพ จะเกิดเรื่องใหญ่เอานะ!” เหอเหวินเย่าสีหน้าปั้นยากกว่าปกติ ใช่ว่าจะใช้ขั้วอิทธิพลของยุทธภพไม่ได้ แต่จะใช้ง่าย ๆ ไม่ได้ และจะใช้อย่างโจ่งแจ้งก็ไม่ได้ด้วย การสังหารองค์ชายยิ่งเป็นข้อห้ามร้ายแรง และไม่ต้องพูดถึงว่าฉินอวิ๋นฟานมีสถานะพิเศษเป็นรัชทายาทอีก “แล้วยังไง? ต่อให้ข้าฆ่าฉินอวิ๋นฟานแล้วพวกเขาจะทำอะไรข้าได้? ยังจะแก้แค้นกับข้าหรือ? อีกอย่าง อู๋อีฝานเป็นสุดยอดนักฆ่าที่ข้าฝึกฝนอย่างลับ ๆ เชี่ยวชาญการหลบซ่อนที่สุด ไม่มีใครรู้ข้อมูลตัวตนของเขาหรอก มันจะเกิดเรื่องง่ายขนาดนั้นที่ไหน”ฉินอวิ๋นฮุยยิ้มร้ายพลางพูด“องค์ชายรอง ท่านจะไม่ไตร่ตรองอีกสักหน่อยจริง ๆ หรือ?”ลิ่งหูชงขมวดคิ้วแน่น สุดท้ายยังเตือนอีกคำ อย่างไรเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงส่วนรวม และตอนนี้ยัง
หลัวเหิงซาบซึ้งใจเสียไม่มี กรอบดวงตาชื้นแฉะ“เรียนรัชทายาท พวกหานซิ่นมาแล้วขอรับ” ขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนา ทหารคนหนึ่งรายงานอยู่นอกกระโจม“ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ!”ได้รับการอนุญาตจากฉินอวิ๋นฟาน หานซิ่น หลิวเป้ยและคนอื่น ๆ ก็เดินเข้ามา หลังจากทำแผลบนตัวและกินข้าวแล้ว พวกเขาก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้ากลับมามีสีเลือดเล็กน้อย“รัชทายาท!” พวกหานซิ่นคำนับฉินอวิ๋นฟานด้วยท่าทีเคารพนบนอบ“นั่งเถอะ!”ฉินอวิ๋นฟานแสดงเจตนารมณ์ “หลังจากผ่านปัญหาครั้งนี้ พวกเราสมควรนั่งลงคุยกันดี ๆ เริ่มจากหลัวเหิงก่อนเถอะ!”ยามนี้ไม่มีใครล่วงรู้ว่าฉินอวิ๋นฟานกำลังคิดอะไรอยู่ในใจกันแน่ และไม่รู้ว่าแผนการลำดับต่อไปของเขาคืออะไร กลับไม่รู้เลยว่าฉินอวิ๋นฟานมีแผนอยู่ในใจชัดเจนแล้วหลัวเหิงพูดอย่างจริงจัง “หลังจากพัฒนามาครึ่งเดือน ค่ายทานหลางมีพี่น้องหนึ่งหมื่นคนแล้ว และยังจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ พี่น้องทุกคนต่างพยายามอย่างเต็มที่ ทุกหน่วยย่อยพัฒนาฝีมือไม่หยุดหย่อน ฝึกฝนจนชำนาญแล้วขอรับ”พอได้ยินการรายงานของหลัวเหิง ฉินอวิ๋นฟานพึงพอใจมาก เขามองไปทางหานซิ่นแล้วถาม “ทางเจ้าล่ะเป็นยังไงบ้าง?”หานซิ่นตอบ
หานซิ่นโดดเดี่ยวทุกข์ยากมาทั้งชีวิต รับกับความอยุติธรรมและการหยามเหยียดมากมาย การปรากฏตัวของฉินอวิ๋นฟานช่วยเขาจากหว่างขาคนขายเนื้อ ฟันเฟืองในชีวิตของเขาจึงเริ่มหมุนเดินอย่างเป็นทางการสำหรับเขา ฉินอวิ๋นฟานก็คือแสงสว่างในชีวิต ไม่ว่าปัจจุบันจะเป็นอย่างไร อนาคตจะเป็นเช่นไร เขาก็จะติดตามฉินอวิ๋นฟานอย่างจงรักภักดีหลังจากหานซิ่นแสดงจุดยืน หลิวเป้ยก็ลุกขึ้นพรวดแล้วเอ่ยอย่างจริงจัง “นับจากได้เห็นท่วงทำนองของรัชทายาทในการประลองยุทธ์ด้านบู๊ พวกเราก็เลื่อมใสในมนต์เสน่ห์นิสัยของรัชทายาทแล้ว”“อีกอย่าง ท่านทำเรื่องที่สัญญากับประชาชนผู้ประสบเคราะห์ในพื้นที่ภัยพิบัติเป็นจริงทีละเรื่อง ห่วงใยชาวประชา พวกเราสามคนพี่น้องเลื่อมใสยิ่งนัก อนาคตไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง พวกเราล้วนสมัครใจติดตามรัชทายาทขอรับ!”ได้รับคำมั่นอย่างจริงจังของหลิวเป้ย ฉินอวิ๋นฟานฉายรอยยิ้มพอใจ สุดท้ายเขาก็ไม่ได้มองคนผิด หลิวเป้ยที่เป็นแบบนี้คู่ควรแก่การเชื่อถือและมอบงานใหญ่“เจ้าล่ะ?”ฉินอวิ๋นฟานมองไปทางลิ่งหูเสี่ยวและถาม“ข้าน้อยมีภาพในอุดมคติอยู่ในใจมาตลอด ข้าน้อยอยากติดตามรัชทายาททำมันให้สำเร็จทีละก้าว ข้าน้อยหวังว่าจะได
ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากได้ฟังการวิเคราะห์ของลิ่งหูเสี่ยว โดยรวมฉินอวิ๋นฟานก็เข้าใจจุดสำคัญของเรื่องแล้ว เช่นเดียวกับที่ลิ่งหูเสี่ยวบอก ถ้าลิ่งหูชงเข้าร่วมกับพรรคพวกหนึ่ง เช่นนั้นก็เป็นไปได้มากว่าเขาจะเข้าร่วมกับพี่รองฉินอวิ๋นฮุย“ถูกต้อง ศิษย์พี่ข้าเป็นคนมากเล่ห์ไม่เลือกวิธี แต่เขาเชี่ยวชาญการกบดาน วิเคราะห์สถานการณ์ ชี้กวางเป็นม้า กลับดำเป็นขาวเก่งที่สุด เรื่องการปลุกปั่นอารมณ์ผู้ประสบเคราะห์นี้ก็เหมือนเป็นฝีมือของเขามาก”ลิ่งหูเสี่ยวเอ่ย“อย่างนี้นี่เอง!”ฉินอวิ๋นฟานหรี่ดวงตาทั้งสอง เผยรอยยิ้มเย็นชาตรงมุมปาก ปืนแจ้งหลบง่าย ศรลับยากป้องกัน หลังจากผ่านเรื่องในครั้งนี้ ต้องระวังคนผู้นี้จึงจะดี“ในเมื่อแนวคิดชัดเจนแล้ว ต่อไปก็จัดการง่าย”ฉินอวิ๋นฟานราวกับยกภูเขาออกจากอก หันไปทางมู่หรงโหลวและยิ้มร้าย “พี่โหลว ท่านล่ะ? ดูท่าครั้งนี้ท่านจะตกใจไม่น้อยนะ ยังจะร่วมงานกับข้าต่ออีกหรือไม่? จะไปตอนนี้ยังทันนะ”“เฮอะ ทุกคนเลือกที่จะฝ่าฟันกับความลำบาก ถ้าข้าเลือกไปตอนนี้ ข้าจะไม่ดูเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อขี้ขลาดตาขาวมากหรือ?”มู่หรงโหลวแข็งใจพูด “ถึงยังไงก็มีน้องสาวกับพ่อข้าอยู่ ถ้าเจ
“ทำไม? เจ้าไม่เชื่อ?”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะเล็กน้อย ความมั่นใจล้นออกมาจากใบหน้าดังเดิม เขาที่รอบรู้เทคโนโลยีสมัยใหม่ สามารถโจมตีแบบลดมิติได้โดยสมบูรณ์ ต้าเยียนจะกร่างอย่างไร หรือจะเก่งไปกว่าเทคโนโลยีขั้นสูง?สำหรับฉินอวิ๋นฟาน การครองโลกขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น เขาในเวลานี้ต้องการเวลาสะสมขุมกำลังของตัวเอง ปืนย่อมมีพลังการทำลายล้างสูง แต่มันคือมีดสองคม ทันทีที่ตกอยู่ในมือของพวกองค์ชายรอง มันจะเป็นอันตรายต่อเขาอย่างยิ่งยวดโดยมิต้องสงสัยดังนั้นในตอนที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเหล่านี้ เขาต้องระมัดระวังรอบคอบอย่าให้เกิดความผิดพลาดจึงจะดี“ใช่ว่าไม่เชื่อ แต่ต้าเยียนแข็งแกร่งเกินไปจริง ๆ อันดับหนึ่งของเก้าราชวงศ์ โลกในยามนี้มีแต่ต้าเยียนจะรุกรานคนอื่น แคว้นอื่นหรือจะกล้าส่งทหารไปต้าเยียน?”หลิวเป้ยส่ายหน้าพูดอย่างจนปัญญาเมืองจัวติดกับแคว้นเหมียวและต้าเยียน หลิวเป้ยรู้กำลังของต้าเยียนดี สำหรับสถานการณ์ในปัจจุบันของต้าเฉียน สามารถรักษาเมืองจัวไว้ได้ก็โชคดีมากแล้ว การชิงห้าเมืองคืนแทบจะเป็นคนบ้าฝันละเมอ“อ้อ? ดูท่าเจ้าจะรู้เรื่องต้าเยียนดีมากนะ ไหนลองว่ามาสิ”หลิวเป้ยมีปฏิกิริยาหนักขนาดนี้จึงดึง
หลิวเป้ยเอ่ย “ทันทีที่พวกเขาบุกห้าเมืองจะต้องจุดไฟพิโรธของต้าเยียนแน่ ถึงตอนนั้นพวกเขาจะมีข้าอ้างส่งทหารมาเมืองจัวเรา กำลังของสองแคว้นต่างกันมาก เกรงว่าพวกเราจะต้านทานราชสีห์นับล้านของต้าเยียนไม่ไหว”หลังจากการวิเคราะห์ของหลิวเป้ย ฉินอวิ๋นฟานพยักหน้าเห็นด้วย มิน่าอยู่ต่อหน้าค่ายหู่เปิน องค์ชายใหญ่ถึงไม่มีกำลังต่อต้านใด ๆ ไม่เพียงเพราะความต่างในด้านฝีมือ ที่มากกว่าคือความครั่นคร้ามจากขั้วหัวใจนึกถึงคำพูดนั้นของฮั่วเจิ้นหลงในตอนประลองด้านบู๊ ฉินอวิ๋นฟานกลับเริ่มเข้าใจแล้ว กับการล่มสลายของแคว้น เสียเมืองหนึ่งนับเป็นอะไร?สำหรับพวกเขาซึ่งสูงศักดิ์มีอำนาจอยู่ในมือเหล่านี้ อำนาจในมือคือที่หนึ่งเสมอ ถ้าเมืองหนึ่งสามารถแลกความสงบสุขและอภิสิทธิ์พิเศษหลายปีของพวกเขาได้ พวกเขาจะเลือกประนีประนอมอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อยกับพวกที่พูดจาดีว่ายอมถอยเพราะหวังดีต่ออาณาประชาราษฎ์ เพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองพรรค์นี้ ความจริงแล้วก็คือรักตัวกลัวตาย เป็นโจรขายชาติตามแบบฉบับ หน้าไม่อาย กระดูกอ่อน[1] ไม่ซื่อตรงปราศจากคุณธรรม“อื่ม ข้ารู้แล้ว เจ้าทำตามที่ข้าบอกก็พอ ถึงเวลาข้าย่อมมีแผน สำหรับห้าเมือง ข้าจะเอ