“พัฒนานี่!”ฉินอวิ๋นฟานไม่สนใจสายตาคนอื่น ลูบจมูกมู่หรงจิ่นเบา ๆ ทีหนึ่ง จากการเรียกว่ารัชทายาทในสมัยก่อน จนถึงการเรียกว่าพี่อวิ๋นฟานในตอนนี้ เขาพึงพอใจแล้ว“ไอ้หยา!”ถูกฉินอวิ๋นฟานเปิดโปง ทั้งยังหวานแหววต่อหน้าประชาชี มู่หรงจิ่นอายจนเอาหน้าซุกเข้าอกของอีกฝ่าย“อาจ้าน ตรวจสอบนางกำนัลขันทีทั้งหมดในตำหนัก พวกฐานะไม่สะอาดไม่ชัดเจนก็ไล่กลับไปให้หมด ตำหนักรัชทายาทไม่ต้องการภัยแฝง”หลังจากกลับถึงตำหนักรัชทายาท เรื่องแรกที่ฉินอวิ๋นฟานทำก็คือตรวจสอบนางกำนัลและขันทีที่เข้ามาใหม่ทั้งหมดแบบเรียงตัว ถ้ายังมีคนที่คนอื่นส่งมาอีก เช่นนั้นต้องมีภัยไม่สิ้นสุด“อื่ม ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”พออู่จ้านออกไป ก็เหลือแต่ฉินอวิ๋นฟาน มู่หรงจิ่นกับเสี่ยวจวี๋สามคนในห้องมู่หรงจิ่นไม่รีบร้อนทำความสะอาดบาดแผลและใส่ยา แต่มองฉินอวิ๋นฟานอย่างลึกซึ้ง พูดด้วยใบหน้ากังวล “พี่อวิ๋นฟาน แตกหักกับองค์ชายรองเพื่อข้ามันคุ้มกันแล้วหรือ?”“ข้าเคยสัญญากับเจ้าแล้วนี่ ต่อไปจะไม่ใช้เจ้าเป็นเครื่องต่อรองเด็ดขาด และจะไม่ทำเรื่องที่ทำร้ายเจ้าด้วย ข้าไม่ใช่แค่รัชทายาท แต่เป็นลูกผู้ชายอกสามศอก จะไม่ถือสัจจะได้ยังไง?”ฉินอวิ๋นฟ
มู่หรงจิ่นส่ายหน้าน้อย ๆ“จิ่นเอ๋อร์เป็นเด็กดีนะ”ฉินอวิ๋นฟานลูบจมูกมู่หรงจิ่นอย่างสนิทสนมอีกครั้ง จากนั้นก็ตัดต่อ กระทั่งตัดเสื้อผ้าบนตัวของนางออกจนหมดจึงจะหยุดมู่หรงจิ่นในตอนนี้อายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีแล้ว นางเอาหน้ามุดอยู่ในหมอน กระทั่งไม่กล้ามองฉินอวิ๋นฟานสักสายตาจากบนถึงล่าง ชื่นชมผิวพรรณประหนึ่งหยกใสบริสุทธิ์ทุกชุ่นของมู่หรงจิ่น แม้จะมีรอยแส้น่ากลัวอยู่บ้าง หากมิอาจบดบังเรือนร่างสมบูรณ์แบบและขนาดที่เด่นชัดอย่างยิ่งนั้นได้เย้ายวนใจเหลือเกินจริง ๆภายใต้การโจมตีทางสายตาอย่างรุนแรง ฉินอวิ๋นฟานเลือดขึ้นหัวฉับพลัน ท้องน้อยเร่าร้อน เขาได้แต่พึมพำว่า “ฮอร์โมนบ้านี่ ให้ตายเหอะ”ถึงมู่หรงจิ่นจะอายแทบแทรกแผ่นดินหนี แต่นางก็ยังสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงของฉินอวิ๋นฟานได้ราง ๆ และยังแอบดีใจเล็ก ๆ ด้วย“น้ำร้อนมาแล้วเจ้าค่ะ!”เสี่ยวจวี๋เพิ่งยกน้ำร้อนเข้ามาก็เห็นภาพนี้เข้าพอดี ตอนนี้นางก็กระดากเล็กน้อยเหมือนกัน เพราะผู้หญิงยิงเรือตัวโป้เปลือยนอนอยู่ตรงหน้าผู้ชาย น่าอายจังเลย“เจ้าอดทนหน่อยนะ ข้าจะล้างแผลให้เจ้า!”ฉินอวิ๋นฟานสะกดอารมณ์วาบหวานอย่างหนัก ใช้ผ้าขนหนูชุบให้เปียก จากนั้นก็เช็
ดึกดื่นเที่ยงคืน องค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังรีบร้อนไฟรนไปถึงจวนตระกูลฮั่ว“คังเอ๋อร์ ดึกอย่างนี้แล้ว เจ้ามีเรื่องเร่งด่วนอะไรหรือ?”ฮั่วเจิ้นหลงเห็นลูกเขยมาถึงบ้านแบบรีบร้อนกลางดึกเช่นนี้ ทำให้เขาจำต้องระแวดระวังขึ้นมา กลัวว่าจะเกิดเรื่องใหญ่อะไร“ท่านพ่อตา เกิดเรื่องแล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”องค์ชายใหญ่กระหืดกระหอบพูด “เมื่อกี้ น้องห้าเอาตัวชายาของน้องเจ็ดไปที่ห้องลับในคุกหลวง หมายจะทำมิดีมิร้าย กลับถูกน้องเจ็ดจับได้ ท่านก็เคยเห็นอารมณ์ของน้องเจ็ด พอโมโหขึ้นมาเขาก็ฆ่าน้องห้าไปแล้วจริง ๆ!”“อะไรนะ?”“รัชทายาทฆ่าองค์ชายห้าจริงรึ?”ฮั่วเจิ้นหลงเด้งพรวดขึ้นมาจากเก้าอี้ ในดวงตาเต็มไปด้วยความสะพรึง ถ้าองค์ชายองค์อื่นถูกสังหาร ฮั่วเจิ้นหลงกลับไม่ใส่ใจ เพราะช่วงชิงบัลลังก์ก็คือหนทางแห่งการเข่นฆ่าสายเลือดเดียวกันอยู่แล้ว แต่องค์ชายห้าไม่เหมือนกัน เขาไม่เพียงเป็นองค์ชาย ยิ่งเป็นคนของตระกูลเหอ ฆ่าเขาเท่ากับประกาศสงครามกับองค์ชายรองและตระกูลเหอ ซึ่งจะเป็นศึกที่ไม่ตายไม่เลิกราถึงจะเป็นตระกูลฮั่วของเขาก็ไม่กล้าเอาชีวิตองค์ชายห้าง่าย ๆ“จริงแท้แน่นอน เสด็จปู่ก็เสด็จไปที่นั่นด้วย แต่ไม่ได้ลงโท
เหอเหวินเย่าสีหน้าดำทะมึน เดือดดาลถึงที่สุดจากการเสียหลานชาย ตระกูลเหอคือตระกูลเหนือชั้นของต้าเฉียน เคยต้องรับกับความคับแค้นใจเช่นนี้หรือ?เขาแค้นใจอย่างยิ่ง นี่คือการท้าทายตระกูลเหอ ยิ่งเป็นการท้าทายฝ่ายของพวกเขา“แล้วพวกเจ้ามีแผนรับมืออะไรดี ๆ บ้าง?”นายผู้เฒ่าเหอย่อมกระเดือกแค้นนี้ไม่ลงอยู่แล้ว อย่างไรก็เป็นหลานชายแท้ ๆ จะซุกซนอย่างไรก็สืบทอดสายเลือดจากพวกเขา พวกเขามีสิทธิ์อบรม แต่คนอื่นไม่!“เรื่องนี้ต้องวางแผนระยะยาว จะผลีผลามไม่ได้อีก ไม่อย่างนั้นพวกเราจะเสียเปรียบ”เหอเหวินเย่าเอ่ยเสียงหนักฉินอวิ๋นฮุยหน้าบึ้งตลอดเวลา ไม่พูดไม่จา ไม่มีใครเข้าใจสถานการณ์ในเวลานี้เท่ากับเขาอีกแล้ว เขาคือตัวเอกในศึกชิงบัลลังก์ การกระทำของฉินอวิ๋นฟานคือการท้าทายและการข่มเขาหากต้องการขึ้นนั่งตำแหน่งสูงสุด เขาต้องเอาชนะฉินอวิ๋นฟานให้ได้ มิเช่นนั้นนี่จะเป็นฝันร้ายชั่วชีวิตของเขาตอนนี้เอง จู่ ๆ ลิ่งหูชงก็เอ่ยปาก “ข้ามีวิธีหนึ่ง บางทีอาจกำจัดฉินอวิ๋นฟานกับคนข้างตัวเขาสิ้นซากในคราวเดียวได้”พอพูดออกมา นายผู้เฒ่าเหอ เหอเหวินเย่า เหอปี้อวี้ องค์ชายรองล้วนมองมาทางลิ่งหูชงด้วยสีหน้าประหลาดใจ สำหรับ
“คนทั่วไปน่าจะแยกแยะหัวหนูกับคอเป็ดได้กระมัง?”พอองค์ชายรองได้ยินคำพูดนี้แล้วใบหน้าสับสนงงงวยไปหมด ในฐานะที่เป็นองค์ชายผู้อยู่สูง อยากเห็นหนูราวกับได้เห็นของล้ำค่าหายาก แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ เขาก็ยังแบ่งแยกความแตกต่างในลักษณะของสองสิ่งนั้นได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ประสบเคราะห์ นั่นคือไม่มีความจำเป็นต้องแก้ต่างฉินอวิ๋นฟานกระมัง?“ถูกต้อง ที่ข้าต้องการก็คือผลลัพธ์อย่างนี้นี่แหละ ถ้าทุกคนแยกแยะไม่ได้ งั้นพวกเราก็ต้องทำอย่างนี้”ลิ่งหูชงพูดอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง “พอผู้ประสบเคราะห์ผ่านวิกฤตความตายไปได้ พวกเขาก็จะเริ่มสังเกตคุณภาพอาหาร ถ้าเจอว่าในอาหารมีหัวหนูจะต้องทำให้พวกเขาไม่พอใจแน่”“ถ้าพวกเรายืนกรานว่ามันคือคอเป็ด กลับดำเป็นขาวต่อหน้าทุกคน ท่านคิดว่าจะปลุกอารมณ์โกรธของพวกคนที่ตอนแรกไม่โกรธได้หรือไม่?”“จงใจชี้ลาเป็นม้า? จงใจกระพือไฟ ก็เพื่อกระตุ้นความโกรธผู้ประสบเคราะห์? ถ้าเป็นแบบนี้ ต่อให้ฉินอวิ๋นฟานจะดิ้นรนแค่ไหนก็คงควบคุมสถานการณ์อีกไม่ได้กระมัง?”เวลานี้องค์ชายรองกระจ่างใจสักที ยกนิ้วหัวแม่มือให้ลิ่งหูชง แผนนี้เด็ดนัก นี่ก็คือเห็นอยู่ชัด ๆ แต่พูดมั่วหรือ?ทันทีที่ทำให้ผู้ประสบภั
ตอนนี้เอง นายผู้เฒ่าเหอเอ่ยปากแล้ว ดวงตาประหนึ่งเหยี่ยวคู่นั้นของเขาคมกริบและหนักแน่นที่สุด เขาที่บัดนี้อายุอานามสูงถึงเจ็ดสิบปียังคงมีกำลังวังชาเต็มเปี่ยมเขาล้มลุกคลุกคลานอยู่ในต้าเฉียนห้าสิบกว่าปี จะบอกว่าเขาเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ตัวหนึ่งก็ไม่เกินไปสักนิด ความสามารถในการวิเคราะห์ยิ่งดังไฟเผาไหม้สมบูรณ์เขาติดตามไท่ซั่งหวงห้าสิบกว่าปี ย่อมรู้แก่นแท้ของเขามากกว่า“อื่ม ข้าเข้าใจแล้ว!”องค์ชายรองพยักหน้าราวกับมีความคิด หลังจากทบทวนแผนการทั้งหมด เขาก็พูดอย่างจริงจัง “น้าสาม เรื่องนี้สำคัญมาก มิเช่นนั้นท่านก็จัดการให้ชาวยุทธภพในท้องที่ทำเถอะ”“อื่ม! ได้!”และแผนการร้ายทั้งหมดนี้ ฉินอวิ๋นฟานไม่รู้เลยสักนิดฉินอวิ๋นฟานตื่นขึ้นมาท่ามกลางความอ่อนล้าในตอนเช้าตรู่ ยามนี้มู่หรงจิ่นยังหลับสนิท เสี่ยวจวี๋กลับยกอาหารเช้าจำนวนหนึ่งมาแล้วจ้องเรือนร่างสมบูรณ์แบบของมู่หรงจิ่น ฉินอวิ๋นฟานฉายรอยยิ้มอิ่มเอมอย่างยิ่ง แม่สาวคนนี้จากที่ต่อต้านพยศในทีแรก มาถึงตอนหลังที่ค่อย ๆ ดื่มด่ำและรับมันอย่างช้า ๆ จนถึงการรุกและให้ความร่วมมือเมื่อวานในท้ายที่สุดน่าเสียดาย บนตัวของมู่หรงจิ่นมีบาดแผลมากเกินไป เสี
“อู่เหลียงเย่? ชื่อนี้พิเศษนัก มีความหมายว่าอย่างไรหรือ?”มู่หรงซื่อควานถามด้วยความสงสัยเล็กน้อย“ไม่ได้มีความหมายอะไรพิเศษหรอก เหล้าของพวกเราทำจากธัญพืช ก็เลยตั้งชื่อนี้”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มบาง ไม่ได้อธิบายมากนัก ที่ตั้งชื่อนี้ก็เพราะตอนที่อยู่ในยุคปัจจุบัน เขาชอบเหล้ายี่ห้อนี้มาก และนี่ก็คงเป็นตราหนึ่งที่เขาประทับไว้ในยุคนี้กับตัวเองที่เป็นคนสมัยใหม่กระมัง“ได้ งั้นเราจะเริ่มโฆษณาออกไปเดี๋ยวนี้!”ตามคำสั่งของมู่หรงซื่อควาน ไม่นานรถม้าหลายสิบคันก็ปรากฏอยู่บนท้องถนนเมืองหลวงต้าเฉียน บนรถม้ามีแถบผ้าแขวนอยู่เต็มไปหมด คนที่อยู่หน้ารถม้าตีฆ้องร้องป่าว คึกคักผิดปกติแค่ชั่วเดี๋ยวเดียวถนนทั้งสายก็คึกคักอย่างยิ่ง จากโบราณถึงปัจจุบัน ผู้คนต่างชอบดูความครื้นเครง ภาพครึกครื้นที่จู่ ๆ ก็มีการฆ้องร้องป่าวจึงดึงดูดสายตาของทุกคน“เอ๋ วันนี้เป็นวันพิเศษอะไรหรือ? ทำไมภัตตาคารต้าเฉียนถึงตีฆ้องโฉ่งฉ่าง จุดประทัดดังสนั่นคึกคักอย่างนี้”“พวกเจ้าดูสิ บนป้ายเขียนไว้ว่าอู่เหลียงเย่สุราอันดับหนึ่งของต้าเฉียน นี่มันอะไรกัน? โอ้อวดขนาดนี้เชียว? ใครก็รู้ว่านารีแดงของพวกเขาเป็นน้ำเหล้าอันดับสองของต้าเฉียนไปแล
ซุนฉี่เชาหยิบข้อตกลงออกมายื่นให้บิดาซุนหั่ววั่งเลยจังหวะที่ซุนหั่ววั่งเห็นเนื้อหาข้อตกลงทั้งหมด ตบหน้าขาแรง ๆ ฉาดหนึ่งแล้วกระโดดโหยงขึ้นมา พูดด้วยความตื่นเต้นที่สุด “เชาเอ๋อร์ เจ้าช่างเป็นลูกชายประเสริฐของข้า ได้เรื่องแล้ว ข้าพยายามมาตั้งหลายปีก็ไม่ได้ภัตตาคารตรงนั้นสักที กลับจะได้มาด้วยข้อตกลงแผ่นหนึ่งของเจ้าไม่ต้องจ่ายเงินสักแดง?”ซุนหั่ววั่งยังนึกว่าตัวเองตาฝาดไป กลับมาอ่านข้อตกลงอีกครั้ง พบว่ากระดาษขาว ตัวหนังสือดำ ลงชื่อ พิมพ์นิ้วมือ ปราศจากข้อผิดพลาดอย่าว่าแต่ยอดขายเจ็ดวันเลย ต่อให้ใช้ยอดขายหนึ่งวันของพวกเขาเทียบกับยอดขายสิบวันของภัตตาคารต้าเฉียน นี่มิใช่การค้าที่มีแต่ได้ไม่มีเสียแน่อย่างแช่แป้งหรือ?นี่ฉินอวิ๋นฟานคิดไม่ตกขนาดไหนถึงได้ทำข้อตกลงผิดไร้มโนธรรมฟ้าเช่นนี้? ตาแก่มู่หรงซื่อควานกลับไม่คัดค้าน? ไม่รู้จักประมาณตนแท้ ๆ“ข้าพูดไม่ผิดใช่ไหมล่ะ ท่านพ่อ นี่ข้าจัดการปัญหาใหญ่เทียมฟ้าให้ภัตตาคารเซิ่งหลงพวกเราเลยนะ”ร่างอ้วนตุ๊ต๊ะของซุนฉี่เชานอนไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ มองดูภาพคึกคักเบื้องล่าง ท่าทางเกษมสันต์ยิ้มย่อง“ยอดไปเลย ยอดมาก เชาเอ๋อร์ เจ้าทำผลงานใหญ่ให้ตระกูลซุนแล้ว