แขกเหรื่อในภัตตาคารต้าเฉียนเกิดเสียงฮือฮา ไม่นานก็ดึงดูดคนที่กำลังดูเรื่องสนุกอยู่โดยรอบ คนมากมายล้อมมุงดูความคึกคักรอบภัตตาคารต้าเฉียน“เสี่ยวเอ้อร์ เหล้าดีเช่นนี้เอามาให้ข้าอีกหนึ่งไห และอีกเดี๋ยวเอากลับอีกหนึ่งไห”“เสี่ยวเอ้อร์ ปลาไหลผัดพริกนี่ไม่เลว เอามาให้ข้าอีกสามจาน ปลาไหลน้ำแดงนี่ก็เยี่ยม เอามาให้ข้าอีกสองจาน แล้วลวดห่อกลับบ้านให้ข้าอีกอย่างละห้าชุด ข้าจะเอากลับไปให้ลูกเมียกิน”“เสี่ยวเอ้อร์ อย่ามัวชักช้าสิ! ข้าก็เอาสองไหเหมือนกัน รีบเอามาเร็ว ๆ เหล้านี่จะรสดีเกินไปแล้ว”......แค่ชั่วเดี๋ยวเดียว บรรดาลูกค้าต่างคลั่งกันขึ้นมา เพียงเหล้าจอกเล็ก ๆ ลงท้อง สยบคนได้โดยตรง ความยั่วยวนของอาหารอันโอชะยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง คืออาหารสุดล้ำที่พวกเขาเคยกินมาในชาตินี้แน่นอนชั่วอึดใจเดียว ทุกคนเริ่มตะโกนแย่งกันสั่งทีแรกพวกเขานึกว่าเสี่ยวเอ้อร์จะตื่นเต้นจนตัวสั่นเพราะพวกเราสั่งกันอย่างบ้าคลั่ง ไม่คิดว่าพวกเขาเรียกจนคอแทบแตกกลับไม่มีเสี่ยวเอ้อร์คนไหนในร้านสนใจพวกเขาเลย“แค่ก ๆ...”ผู้ดูแลอายุครึ่งร้อยต้น ๆ กระแอมกระไอสองที กวาดสายตามองทุกคนและเอ่ย “นายท่านทั้งหลาย ต้องขออภัยจริง ๆ ขอร
“นั่นนะสิ ถึงเหล้านี้จะอร่อยยังไงก็ไม่ตั้งราคาอย่างนี้กันกระมัง? เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรกนี่แหละ ไหละสองร้อยตำลึง อยู่นานได้เห็นโลกแท้ ๆ”“ไม่ต้องพูดมาก เรียกเถ้าแก่ของพวกเจ้าออกมา ข้าอยากเห็นสิว่าเขามีหัวกี่หัวถึงกล้าขูดรีดโจ่งแจ้งอย่างนี้”......พอได้ยินราคาสูงฉี่อย่างนี้ ทุกคนพากันด่าทอพ่นน้ำลาย สุราคือสิ่งจำเป็นในชีวิตของพวกเขา หนึ่งไหสองสามตำลึงกลับไม่นับเป็นอะไร แต่ไหละสองสามร้อยตำลึงนี่แทบจะพลิกความรู้ความเข้าใจของพวกเขาแบบหน้ามือเป็นหลังมือ ตั้งราคาเช่นนี้มิสู้ปล้นเสียเลยดีกว่า“เอ่อ...”ผู้ดูลองมองไปทางชั้นสองด้วยสีหน้าปั้นยาก อย่างไรเรื่องนี้เขาก็ตัดสินใจไม่ได้ จึงได้แต่ขอความช่วยเหลือจากด้านบนฉินอวิ๋นฟานเห็นดังนั้นรู้ว่าถึงตาเขาออกโรงแล้ว มิเช่นนั้นพวกขุนนางใหญ่มากบารมีพวกนี้ไม่หาเรื่องหน่อยคงไม่ยอมรามือ“ยังไง? เห็นว่าคนจะหาเรื่องหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานสองมือกอดอก เดินลงมาจากชั้นสองด้วยใบหน้าเย็นชา กวาดมองทุกคน เนื้อตัวบนล่างเต็มไปด้วยความเผด็จการ ท่าทางแลมองเบื้องล่างทำให้ทุกคนหยุดลงทันทีเห็นว่าคนที่มายังหนุ่มทั้งยังโอหัง จึงถามอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าเป็นใคร? เรื่องน
“อย่างไร? ไม่ต้อนรับข้ารึ?”จางเต้าหลินกล่าวอย่างไม่มีพิษไม่มีภัย นับจากดื่มสุราของฉินอวิ๋นฟานในคืนนั้นแล้ว เขาก็ลืมความรู้สึกเผ็ดร้อนกระตุ้นนั้นไม่ลง ทุกครั้งที่ดื่มสุราอื่นให้ความรู้สึกราวกับน้ำเปล่า ชืดสนิทสุราในสมัยโบราณแค่สิบกว่าดีกรี กระตุ้นต่อมรับรสน้อยมาก แต่อู่เหลียงเย่ที่ฉินอวิ๋นฟานหมักทำให้เขาได้นิยามของสุรารูปแบบใหม่หมดประเด็นสุดสำคัญคือ บุตรสาวชอบสุราชนิดนี้มาก ครั้นดื่มร่วมกับปลาไหลผัดพริกและปลาไหลน้ำแดง นั่นแทบจะสมบูรณ์แบบ เมื่อวานยังทะเลาะกับเขาด้วยเรื่องนี้ทั้งวันอีกแน่ะหนึ่งเพื่อความต้องการทางปากของตัวเอง สองก็เพื่อบุตรสาวสุดที่รักของเขา จากที่เขาสังเกตฉินอวิ๋นฟานในระยะนี้ เจ้านี่เปลี่ยนแปลงไปแบบสุดโต่ง ไหวพริบดี กระเหี้ยนกระหือรือ แม้แต่องค์ชายห้าก็ยังกล้าฆ่าตามสัญชาตญาณของเขา สองร้อยตำลึงต้องไม่ใช่ราคาสูงสุดของอีกฝ่ายแน่ เพื่อป้องกันว่าเจ้านี่จะไม่ทำให้ของขาดตลาดแล้วให้คนรอคอยตาละห้อยในตอนหลัง เขาจึงเลือกซื้อสิบไหในคราวเดียว นี่พอให้เขาดื่มได้สองเดือนแล้ว“ต้อนรับสิ จะไม่ต้อนรับใต้เท้าไท่เว่ยของต้าเฉียนได้อย่างไร!”ฉินอวิ๋นฟานฉีกยิ้ม ตาแก่นี่เป็นจิ้งจอกเฒ
คุณชายคนรวยในชุดผ้าต่วนเห็นจางไท่เว่ยมาซื้อสุราด้วยตนเอง เขายังมีเหตุผลอะไรมาอ้างอีก? แพงก็ต้องมีเหตุผลที่แพง ก็อู่เหลียงเย่มันรสดีจริง ๆ นี่แต่ละคนต่างมองหน้ากัน แค่ชั่วเดี๋ยวเดียวก็ขายไปแล้วสิบสองไหจึงพากันคล้อยตาม หลาย ๆ คนชักอยากลอง แต่ก็ยังลังเลอยู่เล็กน้อยเพราะราคาต่างกันร้อยเท่า หัวใจเลือดซิบจริง ๆ ก็เหมือนกับการหาสาวมาเล่นไพ่ด้วยในราคาแปดร้อยมาตลอด แต่จู่ ๆ วันหนึ่งอีกฝ่ายกลับบอกว่าตัวเองไปกรอบทองยกกระชับมา ต่อไปราคาเล่นไพ่คือแปดหมื่น นี่ก็ทำให้รู้สึกเสียดายมากเหมือนกันและในตอนนี้เอง ฉินอวิ๋นฟานเห็นคนจำนวนไม่น้อยมีท่าทีลังเลตัดสินใจไม่ได้ เพื่อกระตุ้นการขาย เขาจึงเอ่ยเสียงหนัก “นับจากวันนี้ อู่เหลียงเย่จะขายในจำนวนจำกัด ขายในรูปแบบขั้นบันได ใครมาก่อนได้ก่อน”“หา? จำกัดการขาย ขายในรูปแบบขั้นบันไดหมายความว่ายังไง?”พอทุกคนได้ยิน ต่างไม่รู้เลยว่าฉินอวิ๋นฟานกำลังมาไม้ไหน ราคาสูงลิ่วถึงขั้นนี้แล้ว คนที่ซื้อไหวคงมีอยู่แค่ไม่กี่คน ยังจะใช้กลยุทธ์ทางการขายอีก?“หนึ่งวันจะขายแค่สามร้อยไห ขายหมดก็หยุด ร้อยไหแรกราคาสองร้อยตำลึง ร้อยไหต่อมาห้าร้อยตำลึง ร้อยไหที่เหลือพันตำลึง”ฉิน
“เฮ้ย นี่ล้อกันเล่นรึ?!”พอทุกคนได้ยินว่าราคาอู่เหลียงเย่พุ่งขึ้นไปถึงไหละห้าร้อยตำลึงก็รับไม่ได้ กระทั่งมีคนจำนวนไม่น้อยหัวเสียที่เมื่อกี้ไม่ได้ซื้อสักสองไห ตอนนี้ราคาแทบจะกีดกันทุกคนให้อยู่ข้างนอก“เอ่อ คือว่านะ จางไท่เว่ย เมื่อครู่ท่านซื้ออู่เหลียงเย่เยอะแยะอย่างนั้น ดื่มไม่หมดหรอก หรือท่านจะทำบุญสักหน่อย ข้าให้ท่านสองร้อยตำลึง ท่านให้ข้าหนึ่งไหเป็นอย่างไร?”มีคนทำหน้าเจ้าเล่ห์มองมาทางจางเต้าหลินแบบมีแผนการร้ายและเอ่ยปาก“เจ้าคิดจะกินลมผาย? ตอนนี้ไหละห้าร้อยตำลึง เจ้ากลับจะซื้อจากข้าสองร้อยตำลึง? เจ้าพูดออกมาได้ยังไง? เจ้ายังมีจิตสำนึกอยู่ไหม? นี่ข้ายังว่าน้อยไปเลย!”จางเต้าหลินปฏิเสธการร้องขอของอีกฝ่ายแบบไม่ลังเล ขอเพียงสุรานี้เข้าสู่ตลาด ผู้คนต้องพากันแย่งซื้ออย่างดุเดือดแน่ สุราแต่ละไหล้ำค่าปานอัญมณี อย่าว่าแต่คนผู้นั้นให้สองร้อยตำลึงเลย ต่อให้หนึ่งพันตำลึง จางเต้าหลินก็ไม่ขายด้วยความเข้าใจในธุรกิจและความเข้าใจฉินอวิ๋นฟาน ไหละพันตำลึงเกรงว่าเดี๋ยวเดียวคงกลายเป็นอดีตไปแล้ว เจ้านี่หน้าเลือดจะตาย“เอ่อ...”คนผู้นั้นสีหน้าปั้นยากเดี๋ยวนั้น เขาหันไปมองชายในชุดผ้าต่วนเมื่อครู่
“รีบส่งคนไปตำหนักรัชทายาท ข้าต้องการอู่เหลียงเย่ห้าร้อยไห เงินไม่ใช่ปัญหา!”“ข้าเอาพันไห รีบไปหามู่หรงซื่อควานที่ภัตตาคารต้าเฉียนเร็ว ขึ้นราคาเป็นสองเท่าก็ไม่เป็นไร ข้าต้องการดื่มอู่เหลียงเย่ อย่ามาขวางข้านะ!”.......แค่เวลาครึ่งวัน ต้าเฉียนเดือดพล่านแล้ว คนที่มาซื้ออู่เหลียงเย่ถึงหน้าประตูมีมาไม่ขาดสาย ทั้งยังเป็นขุนนางใหญ่มากบารมีทั้งนั้น พกตั๋วเงินตำลึงมหาศาลมาซื้อ แต่ผลลัพธ์คือถูกปฏิเสธอยู่หน้าประตูภัตตาคารต้าเฉียนทั้งหมดข่าวที่ทุกคนได้รับเหมือนกันหมด คือจะขายในวันพรุ่งนี้ตอนแปดโมงเช้า และจะประกาศราคาในตอนนั้น“ต้าซวง เสี่ยวซวง คนของพวกเราไปขอซื้ออู่เหลียงเย่ที่ตำหนักรัชทายาทถูกปฏิเสธอยู่นอกประตูหมด เหล้านี้เป็นของชั้นยอด ไม่ว่ายังไงพวกเราก็ต้องได้มาก่อน ไม่อย่างนั้นจะกระทบกับการค้าของหอวั่งเจียงมาก”ในห้องที่ตกแต่งเป็นสีชมพูอ่อนห้องหนึ่งในหอวั่งเจียง สตรีนางหนึ่งซึ่งปกปิดใบหน้าด้วยผ้าผืนบางสีชมพู แม้จะเป็นเช่นนี้ก็มิอาจปกปิดโฉมหน้างามล่มเมืองของนางได้มิดชิด นางนั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะกลม เอ่ยปากกับแม่นางต้าซวงและแม่นางเสี่ยวซวงที่กำลังยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม“พี่หยวน อู่เหลียงเย่นี
“องค์ชายใหญ่ พอข้าน้อยทราบข่าวก็ส่งคนไปติดต่อขอซื้ออู่เหลียงเย่จำนวนหนึ่งที่ตำหนักรัชทายาททันที กลับพบว่าหน้าประตูราวกับตลาดสด มีคนรอขอเข้าพบฉินอวิ๋นฟานมากมาย ทั้งยังถูกเขาปฏิเสธกลับไปหมด ข้าน้อยต้องกลับมามือเปล่าเหมือนกับทุกคน”บ่าวรับใช้ผู้นั้นพูดหน้าเศร้า “เพื่อซื้ออู่เหลียงเย่ให้องค์ชายใหญ่ ข้าไปที่ภัตตาคารต้าเฉียนอีก แต่สุดท้ายก็ถูกปฏิเสธอยู่นอกประตู น่ากลัวว่าจะมีบางคนต่อแถวยาวเหยียดหน้าประตูภัตตาคารต้าเฉียนเพื่อซื้ออู่เหลียงเย่แล้วขอรับ”“หา? ต่อแถวอะไร?”องค์ชายใหญ่ถามด้วยใบหน้าไม่เข้าใจบ่าวรับใช้ตอบ “พรุ่งนี้แปดโมงจึงจะเริ่มขายอู่เหลียงเย่ ดังนั้นพวกเขาจึงต่อแถวอยู่หน้าประตูภัตตาคารยาวเป็นมังกรแล้วขอรับ”“เฮ้ย! บ้าขนาดนั้นเชียว?”องค์ชายใหญ่ตกใจกับคนที่คลั่งไคล้เหล่านั้น เพื่ออู่เหลียงเย่ไหเดียวกลับต้องต่อแถวทั้งวันทั้งคืน มันต้องสู้ตายอย่างนั้นเลยรึ?“ไม่ดื่มก็ช่างเถอะ ไปเอาจอหงวนแดงชั้นดีให้ข้าไหหนึ่ง”องค์ชายใหญ่งงเป็นไก่ตาแตก ในเมื่อซื้อไม่ได้ก็มีแต่ต้องดื่มจอหงวนแดงชั้นดีต่อแล้ว อย่างไรนี่ก็เป็นสุราที่ดีที่สุดในตลาดต้าเฉียนในเวลานี้“ขอรับ!”บ่าวรับใช้รีบวิ่งไป
เฉาเจิ้งฉุนพยักหน้าแสดงออกว่าเห็นด้วย“เจ้าเด็กนี่มีความกล้า มีความมั่นใจ กล้าฟันฝ่า กล้าทำ ไหวพริบดี ดูท่าการเก็บตัวสิบกว่าปีก่อนหน้าเพียงเพื่อเฉิดฉายในวันนี้”ไท่ซั่งหวงชมเชยแบบไม่ปกปิด“ทูลไท่ซั่งหวง รัชทายาทของเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ!”ในตอนที่ไท่ซั่งหวงกำลังถกเรื่องฉินอวิ๋นฟานกับเฉาเจิ้งฉุน ฉินอวิ๋นฟานก็ปรากฏ ทั้งสองสบตากันลึก ๆ ทีหนึ่ง ต่างเผยรอยยิ้มมีความนัย“ให้เขาเข้ามาเถอะ!”ไท่ซั่งหวงกล่าวจบ ฉินอวิ๋นฟานก็พาอู่จ้านเข้ามา “ถวายบังคมเสด็จปู่ ขอให้เสด็จปู่มีพระพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์”“อื่ม ลุกขึ้นเถอะ”ไท่ซั่งหวงยกมือพูดด้วยใบหน้าเมตตา “ฟานเอ๋อร์ ทำไมจู่ ๆ เจ้าก็มาเยี่ยมตาแก่อย่างข้าได้ล่ะ มีเรื่องสำคัญอะไรหรือ?”ไท่ซั่งหวงนอนอยู่บนเก้าอี้ ท่าทางเหมือนคนแก่อ่อนแอ กำลังอาบแสงแดดอย่างเพลิดเพลิน“เสด็จปู่ หม่อมฉันจะมีธุระอะไรได้ แค่ว่าช่วงนี้คิดค้นอู่เหลียงเย่ รสชาติไม่เลว จึงเจาะจงนำมาถวายพระองค์ไหหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”ขณะฉินอวิ๋นฟานพูด ขันทีสองคนยกไหสุราเข้ามาถึงตรงหน้าฉินอวิ๋นฟาน จากนั้นจึงพูดต่อ “เสด็จปู่ สุรานี้มีรสพิเศษจำเพาะ หากพอพระทัย ต่อไปหม่อมฉันรับรองว่ามีส่วนของพระองค์เ
ในที่สุดเหมิงฉาก็รับไม่ไหว ร้องตะโกนคำที่แทบจะเป็นความอัปยศนั้นการแข่งขันทางบู๊นี้ก็ปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน...เรื่องหักเหจากการคาดหมายของทุกคนเหลียงจ้านอิงและเหลียงเทียนจื้อต่างคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้จะล้วงปืนสั้นออกมาพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันด้านบู๊นี้กระทั่งว่าเหลียงเทียนจื้อไม่มีโอกาสจะได้ออกโรงเลย...เช่นละครอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากเหมิงฉากลัวสุดขีดจึงยกมือยอมแพ้ดังนั้นเหลียงเทียนอี้จึงคว้าชัยชนะการแข่งขันรอบนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงภาพมหัศจรรย์เกิดให้แบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงลุ้นระทึกและไม่มีเลือดร้อนพลุ่งพล่านที่ใครคาดหวัง!ถึงขั้นว่าลวงตามากแต่ผลลัพธ์เป็นของจริงแท้แน่นอน เหลียงเทียนอี้ชนะแล้ว......“ดูท่าครั้งนี้ฟานเอ๋อร์จะช่วยข้าได้มากอีกแล้ว”เหลียงเทียนอี้กลับมาถึงด้านในก็คืนปืนสั้นให้ฉินอวิ๋นฟานและพรูลมหนัก ๆ“เหอะ ๆ เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของท่านทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ มิได้กล่าวอะไรอีกถ้าจะบอกว่าเขาทำอะไรเพื่อเหลียงเทียนอี้ นั่นก็แค่บอกเขาว่าความจริงการแข่งขันนี้สามาร
การกระทำของเหลียงเทียนอี้ทำให้ทุกคนในนั้นตกตะลึงแม้แต่เหลียงจ้านอิงที่อยู่บนปะรำก็ยังหยุดการดื่มน้ำชาไม่ได้ มองไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”เหลียงเทียนจื้อมองเหลียงเทียนอี้ที่ปราศจากเครื่องป้องกันใด ๆ ด้านข้าง ใบหน้าแปลกใจนี่คือการแข่งขันบู๊นะ คือสถานที่ตีรันฟันแทง ถ้าไม่ระวังอาจต้องคมศาสตราได้จริง ๆ ศีรษะย้ายที่อยู่ หากไม่ใช่เพราะมั่นใจกับฝีมือของตัวเองมาก กอปรกับวางแผนร่วมกับทางซยงหนูดีแล้วเขาคงต้องสวมชุดเกราะหนักมารับมือกับการแข่งขันด้านบู๊วันนี้เหมือนกันทว่าการกระทำเช่นนี้ของเหลียงเทียนอี้ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก เหลียงเทียนจื้อหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย...ทั้งที่เขาควรดีใจกับเวลานี้ ถ้าเหลียงเทียนอี้เกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบนี้ เช่นนั้นบัลลังก์ต้องเป็นของเขาแน่แล้วแต่ใจกับกระวนกระวาย อย่างไรก็ไม่เป็นสุข“หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไร?”ทันใดนั้นเหมิงฉาเริ่มบุกโจมตีก่อนแล้วร่างสูงใหญ่นั้นหวดขวานใหญ่หนักร้อยชั่งพลางเข้าใกล้เหลียงเทียนอี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แสงสุริยา คมมีดนั้นน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับแค่ถากเถือเบา ๆ ก็เฉือนศีรษ
“ข้าเอง!”ทันใดนั้นเหลียงเทียนอี้ก็ก้าวออกมาช้า ๆโง่อย่างที่คิด...เหลียงเทียนจื้อยืนยิ้มเยาะอยู่ในใจข้างหลังเขารู้นิสัยของพี่ชายดี และรู้ว่าเหลียงเทียนอี้เป็นคนดื้อรั้นมากเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มักจะดาหน้าออกไปทันทีแม้เผชิญหน้ากับพันขุนศึกหมื่นอาชาก็ยังปราศจากความกลัวเกรง พลีตนจนตัวตาย...แต่พฤติกรรมวู่วามเช่นนี้ กลัวแต่ต้องจบอย่างอนาถในท้ายที่สุด“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทกล้าหาญดังคาด!” เหมิงฉาหัวเราะเสียงดัง “ปกติยังนึกว่าท่านเป็นแต่สะบัดพู่กันขีดเขียน วันนี้ข้าอยากลองดูสิว่าฝีมือดาบกระบี่ของท่านจะล้ำลึกหรือไม่?”เพิ่งกล่าวจบ เหมิงฉาก็กวัดแกว่งขวานใหญ่พลางเดินประชิดไปทางเหลียงเทียนอี้ทีละก้าวรูปร่างใหญ่นั้น ร่างกายแข็งแรงนั้น แค่ยืนอยู่ก็สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นแล้วทำให้หลาย ๆ คนเห็นแล้วอดเกิดใจกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้“อุ๊ย ท่านพี่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังไง?”เหลียงจื่อฝูที่อยู่บนปะรำหน้าทุกข์ร้อน สองมือบีบผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าซีดไปเล็กน้อยนางจ้องเหลียงเทียนอี้กลางลานฝึกซ้อม“ท่านพี่ไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมิงฉา!”ผู้เป็นน้องสาว
เหลียงเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าราบเรียบ มองอารมณ์ไม่ออกแต่ในใจเขารู้ดี การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการตั้งแต่เหมิงฉาเริ่มพูดแล้วนี่คือการหยามหน้า คือการหยามเหยียดอย่างชัดเจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย“เป็นยังไง? องค์ชายสาม?”เหมิงฉาเมินเหลียงเทียนอี้ที่อยู่อีกทางหนึ่ง แล้วใช้สายตาท้าทายมองไปทางเหลียงเทียนจื้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ได้ยินว่าฝีมือการใช้ดาบกระบี่ขององค์ชายสามค่อนข้างร้ายกาจ วันนี้ข้าขอท้าทายสักหน่อยเถิด”“มิเป็นไร” เหลียงเทียนจื้อฉีกยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความกระหยิ่มใจจากนั้นก็ชักกระบี่ล้ำค่าคู่กายออกมาจากตรงเอวช้า ๆการต่อสู้ครั้งนี้ คือของเขาเท่านั้น!และเป็นเขาได้เท่านั้น!เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาเหลียงเทียนจื้อต่างหากที่เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดคนนั้น คือคนที่สามารถเอาชนะซยงหนูได้อย่างแท้จริง!......“ดูท่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนนะ”เหลียงจ้านอิงดื่มน้ำชาสบายใจเฉิบอยู่บนปะรำมองผลสะท้อนกลับอย่างอบอุ่นของเหล่าผู้ชม จิตใจยิ่งฮึกเหิมตื่นเต้นไม่พูดไม่ได้เลย ถ้อยคำนั้นของเหมิงฉาทำให้เกิดผลดีเยี่ยม สามารถชักจูงอารมณ์ของทุกคนได้ในพริบตาเขาเช
ตกลงไว้แต่แรกว่าเป็นการแข่งขันรูปแบบปิด และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร นอกจากราชวงศ์จะมิมีผู้ใดล่วงรู้ทว่าตอนนี้กลับแข่งขันในลานกว้างต่อหน้าธารกำนัล?หากท่านพี่แพ้มิต้องเป็นที่หัวเราะไปทั่วหรือ?“นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ทางเหลียงชินอ๋องต้องการกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงด้านข้าง ยิ้มพูดอย่างเฉยชา “ในฐานะที่เป็นละครฉายซ้ำของวันนี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นความประดักประเดิดของเสด็จน้าเท่านั้น”แต่แพ้จากการต่อสู้เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องเทข้างแน่โอรสสวรรค์ของต้าเหลียงที่กล่าวขานกลับแพ้ให้กับคนป่าเถื่อน ทั้งความสามารถยังมิสู้องค์ชายสามเหลียงเทียนจื้อขอเพียงมีการพูดประเภทนี้ต่อไป ไม่นานอัตราการสนับสนุนเหลียงเทียนจื้อก็จะพุ่งสูงลูกไม้พรรค์นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก“น่ารังเกียจจริง ๆ...” คิ้วงามเหลียงจื่อฝูย่นยู่เล็กน้อย อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้”“เมื่อวานท่านพี่ชนะการแข่งขันด้านบุ๋นกับซยงหนูในท้องพระโรง พวกเขาไม่เห็นจะพูดกันเลย เลวทรามจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะอย่างไม่ออกความเห็นเขากลับไม่ใส่ใจว่าเมื่อวานจะชนะหรือแพ้ วันนี้ต่างหากที่เป็นส่วนสำค
สำหรับเหลียงเทียนอี้ การแข่งขันในวันนี้ค่อนข้างน่าตกใจแต่ยังดีที่สุดท้ายเขาสามารถคลี่คลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้พวกซยงหนูหน้าบึ้งตึง โจมตีจนพวกเขารับมือไม่ทันดูท่าปกติว่างเว้นจากการงานอ่านหนังสือให้มากจะมีประโยชน์...หลังประชุมเช้า เหลียงเทียนอี้ก็อดรนทนไม่ไหวบอกข่าวดีกับฉินอวิ๋นฟาน อยากแบ่งปันความสุขและความเปรมปรีดิ์ของตนแต่พอได้ยินฉินอวิ๋นฟานตอบกลับ เขาจึงตระหนักว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เขาคิดอย่างนั้น“การแข่งขันทางบู๊ในวันพรุ่งนี้จึงจะเป็นส่วนสำคัญอย่างแท้จริง”คำพูดราบเรียบประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานทำให้ความยินดีปรีดาของเหลียงเทียนอี้ในแต่เดิมสูญสิ้น สีหน้าอึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ“ข้าย่อมรู้ดี...แต่ปกติ คนที่จะชนะในการแข่งขันทางบู๊คงจะเป็นน้องสาม”เกี่ยวกับจุดนี้แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นเพราะเหลียงเทียนจื้อร่ำเรียนกับเหลียงจ้านอิงแต่เล็ก อีกทั้งยังเคยเข้าสนามรบฟาดฟันกับศัตรู ด้านประสบการณ์การรบ จึงมีความคล่องมากกว่าเป็นธรรมดาเช่นนี้ หากคิดจะชิงคะแนนหนึ่งมาจากมือของเหลียงเทียนจื้อ คาดว่าต้องยากเป็นพิเศษเมื่อเห็นเหลียงเทียนอี้มีท่าทางปราศจากใจฮึดสู้ ฉินอวิ
“พันทุบหมื่นเจาะจึงได้แผ่นดิน ไฟโหมเผาไหม้เป็นอาจิณ ร่างแหลกกายเหลวมิหวั่น คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ในโลกา”ฝุ่นหินหนึ่งบททำให้หลิ่วเหวินเซี่ยมั่นใจมากขึ้นไม่น้อยครั้งนี้เขาไม่ออมมืออีก ทั้งยังท่องออกมาจนจบ ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้กับเหลียงเทียนอี้เช่นเดียวกัน เขาทำนอกเหนือแผนเดิม ไม่คิดสนใจความรู้สึกของเหลียงเทียนจื้ออีก“นี่ นี่มันกลอนอะไร?”เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ด้านหลังเหงื่อตก ในหัวถึงขั้นว่าไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับกลอนบทนี้แน่นอน ด้วยความทึ่มทื่อของเขาจะต่อกลอนได้อย่างไร ได้แต่เกาหลังศีรษะยิก ๆทว่าเหลียงเทียนอี้ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงครู่เดียวก็ตอบ“หวงคะนึงความทุกข์เข็ญในการสอบ บัดนี้ไฟสงครามสงบผ่านพ้นสี่ปี”“บ้างเมืองไหวเอนดังกิ่งหลิว ใครเล่ามิใช่ผิวน้ำฝนซัดสาด”“หวงข่งทานปราชัยพรั่นพรึงถึงวันนี้ หลิงติงหยางอ้างว้างถอนหายใจ”“นับแต่โบราณใครบ้างมิดับสูญ เหลือใจรักชาติในพงศาวดาร”ครั้นกล่าวออกมาก็ได้รีบเสียงปรบมือดังสนั่นขุนนางบุ๋นบู๊ที่ชมละครฉากเด็ดในแต่เดิม ยามนี้ยอมสยบกับความสามารถทางวรรณกรรมของเหลียงเทียนอี้แล้วไม่ว่าจะเป็นกลอนในสมัยใด เหลียงเทียนอี้ก็เหมือน
ชั่วขณะ ท้องพระโรงเงียบกริบ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่กับตัวของเหลียงเทียนอี้แทบทั้งหมดในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความยินดีหลังจากหลิ่วเหวินเซี่ยร่ายกลอนท่อนแรกออกมา เหลียงเทียนอี้กลับสามารถตอบสนองทันควันพร้อมต่อท่อนหลังความเร็วเช่นนี้เรียกว่าเร็วยิ่ง!“อวิ๋นเฉ่าสาทรฤดูมีเขียวแห่งวสันต์ของกวีราชวงศ์ซ่ง คือยอดบทกวีโดยแท้!”เหลียงเทียนอี้พยักหน้าอย่างสง่างาม ใบหน้าประดับรอยยิ้มมั่นใจงานนี้ทำให้เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ข้างล่างหน้าตึงฉับพลันเหลียงจ้านอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งหนักกว่า สายตาที่มองมาราวกับมีไฟพุ่งออกมาได้“บ้าเอ๊ย...ถูกชิงตัดหน้าไปก่อน!”เหลียงเทียนจื้อกัดฟันกรอด ในใจกรุ่นโกรธไม่หยุดทั้งที่เขาทำการบ้านมาล่วงหน้า ไม่ว่าหลิ่วเหวินเซี่ยจะท่องกลอนบทใดเขาก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเร็วสู้เหลียงเทียนอี้ไม่ได้!และไม่รู้ว่าตัวเองโง่เขลาหรือเหลียงเทียนอี้เก่งจริงกันแน่!“รัชทายาททรงภูมิแท้ ข้าน้อยเลื่อมใส!”หลิ่วเหวินเซี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าคงเดิมทว่าในใจกลับไม่พอใจเล็กน้อยแล้วคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้ผู้นี้จะมีฝีมือ เขาจงใจเลือกบทกวี
การกระทำเช่นนี้คือการแสดงความยโสหยิ่งผยองของซยงหนูอย่างมิต้องสงสัย“เหมิงฉา คารวะรัชทายาท”“หลิ่วเหวินเซี่ย คารวะรัชทายาท”คนอื่น ๆ ก็ทักทายตามด้วยเหมือนกัน เมื่อนั้นเหลียงเทียนอี้จึงรู้ฐานะของพวกเขาดูแล้วหนึ่งคนในนั้นก็คือบุตรชายของเหมิงเก๋อเอ่อร์ หรือก็คือคนที่มาท้าทายเขาในครั้งนี้อย่างที่เหลียงจ้านอิงบอก การมาครั้งนี้ของเหมิงเก๋อเอ่อร์ก็เพื่อหยั่งเชิงเขาโดยอ้างเหตุผลเยี่ยมเยือนฮ่องเต้ต้าเหลียง ดังนั้นเรื่องที่เริ่มสนทนาในท้องพระโรงจึงเกี่ยวกับสุขภาพของฮ่องเต้ต้าเหลียงแทบจะทั้งหมดทว่าทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดี จุดประสงค์ของผู้นิยมสุรามิได้อยู่ที่สุรานี่อย่างไร ครั้นเปลี่ยนเรื่อง เหมิงเก๋อเอ่อร์ก็กล่าวถึงการแข่งขันเลย“ได้ยินว่ารัชทายาทและองค์ชายสามเก่งทั้งบุ๋นแล้วบู๊มานาน คืออัจฉริยะของต้าเหลียง การมาเยือนต้าเหลียงครั้งนี้ นอกจากจะเยี่ยมฮ่องเต้ต้าเหลียงสหายเก่าท่านนี้ ก็อยากให้บุตรชายได้ประมือกับรัชทายาทและองค์ชายสักหน่อย”เหมิงเก๋อเอ่อร์สีหน้าขึงขัง ในที่สุดก็เข้าประเด็นชั่วขณะ ทุกคนในท้องพระโรงหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ต่างสังเกตสีหน้าเหลียงเทียนอี้อย่างแนบเนียนทว่าเ