คุณชายคนรวยในชุดผ้าต่วนเห็นจางไท่เว่ยมาซื้อสุราด้วยตนเอง เขายังมีเหตุผลอะไรมาอ้างอีก? แพงก็ต้องมีเหตุผลที่แพง ก็อู่เหลียงเย่มันรสดีจริง ๆ นี่แต่ละคนต่างมองหน้ากัน แค่ชั่วเดี๋ยวเดียวก็ขายไปแล้วสิบสองไหจึงพากันคล้อยตาม หลาย ๆ คนชักอยากลอง แต่ก็ยังลังเลอยู่เล็กน้อยเพราะราคาต่างกันร้อยเท่า หัวใจเลือดซิบจริง ๆ ก็เหมือนกับการหาสาวมาเล่นไพ่ด้วยในราคาแปดร้อยมาตลอด แต่จู่ ๆ วันหนึ่งอีกฝ่ายกลับบอกว่าตัวเองไปกรอบทองยกกระชับมา ต่อไปราคาเล่นไพ่คือแปดหมื่น นี่ก็ทำให้รู้สึกเสียดายมากเหมือนกันและในตอนนี้เอง ฉินอวิ๋นฟานเห็นคนจำนวนไม่น้อยมีท่าทีลังเลตัดสินใจไม่ได้ เพื่อกระตุ้นการขาย เขาจึงเอ่ยเสียงหนัก “นับจากวันนี้ อู่เหลียงเย่จะขายในจำนวนจำกัด ขายในรูปแบบขั้นบันได ใครมาก่อนได้ก่อน”“หา? จำกัดการขาย ขายในรูปแบบขั้นบันไดหมายความว่ายังไง?”พอทุกคนได้ยิน ต่างไม่รู้เลยว่าฉินอวิ๋นฟานกำลังมาไม้ไหน ราคาสูงลิ่วถึงขั้นนี้แล้ว คนที่ซื้อไหวคงมีอยู่แค่ไม่กี่คน ยังจะใช้กลยุทธ์ทางการขายอีก?“หนึ่งวันจะขายแค่สามร้อยไห ขายหมดก็หยุด ร้อยไหแรกราคาสองร้อยตำลึง ร้อยไหต่อมาห้าร้อยตำลึง ร้อยไหที่เหลือพันตำลึง”ฉิน
“เฮ้ย นี่ล้อกันเล่นรึ?!”พอทุกคนได้ยินว่าราคาอู่เหลียงเย่พุ่งขึ้นไปถึงไหละห้าร้อยตำลึงก็รับไม่ได้ กระทั่งมีคนจำนวนไม่น้อยหัวเสียที่เมื่อกี้ไม่ได้ซื้อสักสองไห ตอนนี้ราคาแทบจะกีดกันทุกคนให้อยู่ข้างนอก“เอ่อ คือว่านะ จางไท่เว่ย เมื่อครู่ท่านซื้ออู่เหลียงเย่เยอะแยะอย่างนั้น ดื่มไม่หมดหรอก หรือท่านจะทำบุญสักหน่อย ข้าให้ท่านสองร้อยตำลึง ท่านให้ข้าหนึ่งไหเป็นอย่างไร?”มีคนทำหน้าเจ้าเล่ห์มองมาทางจางเต้าหลินแบบมีแผนการร้ายและเอ่ยปาก“เจ้าคิดจะกินลมผาย? ตอนนี้ไหละห้าร้อยตำลึง เจ้ากลับจะซื้อจากข้าสองร้อยตำลึง? เจ้าพูดออกมาได้ยังไง? เจ้ายังมีจิตสำนึกอยู่ไหม? นี่ข้ายังว่าน้อยไปเลย!”จางเต้าหลินปฏิเสธการร้องขอของอีกฝ่ายแบบไม่ลังเล ขอเพียงสุรานี้เข้าสู่ตลาด ผู้คนต้องพากันแย่งซื้ออย่างดุเดือดแน่ สุราแต่ละไหล้ำค่าปานอัญมณี อย่าว่าแต่คนผู้นั้นให้สองร้อยตำลึงเลย ต่อให้หนึ่งพันตำลึง จางเต้าหลินก็ไม่ขายด้วยความเข้าใจในธุรกิจและความเข้าใจฉินอวิ๋นฟาน ไหละพันตำลึงเกรงว่าเดี๋ยวเดียวคงกลายเป็นอดีตไปแล้ว เจ้านี่หน้าเลือดจะตาย“เอ่อ...”คนผู้นั้นสีหน้าปั้นยากเดี๋ยวนั้น เขาหันไปมองชายในชุดผ้าต่วนเมื่อครู่
“รีบส่งคนไปตำหนักรัชทายาท ข้าต้องการอู่เหลียงเย่ห้าร้อยไห เงินไม่ใช่ปัญหา!”“ข้าเอาพันไห รีบไปหามู่หรงซื่อควานที่ภัตตาคารต้าเฉียนเร็ว ขึ้นราคาเป็นสองเท่าก็ไม่เป็นไร ข้าต้องการดื่มอู่เหลียงเย่ อย่ามาขวางข้านะ!”.......แค่เวลาครึ่งวัน ต้าเฉียนเดือดพล่านแล้ว คนที่มาซื้ออู่เหลียงเย่ถึงหน้าประตูมีมาไม่ขาดสาย ทั้งยังเป็นขุนนางใหญ่มากบารมีทั้งนั้น พกตั๋วเงินตำลึงมหาศาลมาซื้อ แต่ผลลัพธ์คือถูกปฏิเสธอยู่หน้าประตูภัตตาคารต้าเฉียนทั้งหมดข่าวที่ทุกคนได้รับเหมือนกันหมด คือจะขายในวันพรุ่งนี้ตอนแปดโมงเช้า และจะประกาศราคาในตอนนั้น“ต้าซวง เสี่ยวซวง คนของพวกเราไปขอซื้ออู่เหลียงเย่ที่ตำหนักรัชทายาทถูกปฏิเสธอยู่นอกประตูหมด เหล้านี้เป็นของชั้นยอด ไม่ว่ายังไงพวกเราก็ต้องได้มาก่อน ไม่อย่างนั้นจะกระทบกับการค้าของหอวั่งเจียงมาก”ในห้องที่ตกแต่งเป็นสีชมพูอ่อนห้องหนึ่งในหอวั่งเจียง สตรีนางหนึ่งซึ่งปกปิดใบหน้าด้วยผ้าผืนบางสีชมพู แม้จะเป็นเช่นนี้ก็มิอาจปกปิดโฉมหน้างามล่มเมืองของนางได้มิดชิด นางนั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะกลม เอ่ยปากกับแม่นางต้าซวงและแม่นางเสี่ยวซวงที่กำลังยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม“พี่หยวน อู่เหลียงเย่นี
“องค์ชายใหญ่ พอข้าน้อยทราบข่าวก็ส่งคนไปติดต่อขอซื้ออู่เหลียงเย่จำนวนหนึ่งที่ตำหนักรัชทายาททันที กลับพบว่าหน้าประตูราวกับตลาดสด มีคนรอขอเข้าพบฉินอวิ๋นฟานมากมาย ทั้งยังถูกเขาปฏิเสธกลับไปหมด ข้าน้อยต้องกลับมามือเปล่าเหมือนกับทุกคน”บ่าวรับใช้ผู้นั้นพูดหน้าเศร้า “เพื่อซื้ออู่เหลียงเย่ให้องค์ชายใหญ่ ข้าไปที่ภัตตาคารต้าเฉียนอีก แต่สุดท้ายก็ถูกปฏิเสธอยู่นอกประตู น่ากลัวว่าจะมีบางคนต่อแถวยาวเหยียดหน้าประตูภัตตาคารต้าเฉียนเพื่อซื้ออู่เหลียงเย่แล้วขอรับ”“หา? ต่อแถวอะไร?”องค์ชายใหญ่ถามด้วยใบหน้าไม่เข้าใจบ่าวรับใช้ตอบ “พรุ่งนี้แปดโมงจึงจะเริ่มขายอู่เหลียงเย่ ดังนั้นพวกเขาจึงต่อแถวอยู่หน้าประตูภัตตาคารยาวเป็นมังกรแล้วขอรับ”“เฮ้ย! บ้าขนาดนั้นเชียว?”องค์ชายใหญ่ตกใจกับคนที่คลั่งไคล้เหล่านั้น เพื่ออู่เหลียงเย่ไหเดียวกลับต้องต่อแถวทั้งวันทั้งคืน มันต้องสู้ตายอย่างนั้นเลยรึ?“ไม่ดื่มก็ช่างเถอะ ไปเอาจอหงวนแดงชั้นดีให้ข้าไหหนึ่ง”องค์ชายใหญ่งงเป็นไก่ตาแตก ในเมื่อซื้อไม่ได้ก็มีแต่ต้องดื่มจอหงวนแดงชั้นดีต่อแล้ว อย่างไรนี่ก็เป็นสุราที่ดีที่สุดในตลาดต้าเฉียนในเวลานี้“ขอรับ!”บ่าวรับใช้รีบวิ่งไป
เฉาเจิ้งฉุนพยักหน้าแสดงออกว่าเห็นด้วย“เจ้าเด็กนี่มีความกล้า มีความมั่นใจ กล้าฟันฝ่า กล้าทำ ไหวพริบดี ดูท่าการเก็บตัวสิบกว่าปีก่อนหน้าเพียงเพื่อเฉิดฉายในวันนี้”ไท่ซั่งหวงชมเชยแบบไม่ปกปิด“ทูลไท่ซั่งหวง รัชทายาทของเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ!”ในตอนที่ไท่ซั่งหวงกำลังถกเรื่องฉินอวิ๋นฟานกับเฉาเจิ้งฉุน ฉินอวิ๋นฟานก็ปรากฏ ทั้งสองสบตากันลึก ๆ ทีหนึ่ง ต่างเผยรอยยิ้มมีความนัย“ให้เขาเข้ามาเถอะ!”ไท่ซั่งหวงกล่าวจบ ฉินอวิ๋นฟานก็พาอู่จ้านเข้ามา “ถวายบังคมเสด็จปู่ ขอให้เสด็จปู่มีพระพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์”“อื่ม ลุกขึ้นเถอะ”ไท่ซั่งหวงยกมือพูดด้วยใบหน้าเมตตา “ฟานเอ๋อร์ ทำไมจู่ ๆ เจ้าก็มาเยี่ยมตาแก่อย่างข้าได้ล่ะ มีเรื่องสำคัญอะไรหรือ?”ไท่ซั่งหวงนอนอยู่บนเก้าอี้ ท่าทางเหมือนคนแก่อ่อนแอ กำลังอาบแสงแดดอย่างเพลิดเพลิน“เสด็จปู่ หม่อมฉันจะมีธุระอะไรได้ แค่ว่าช่วงนี้คิดค้นอู่เหลียงเย่ รสชาติไม่เลว จึงเจาะจงนำมาถวายพระองค์ไหหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”ขณะฉินอวิ๋นฟานพูด ขันทีสองคนยกไหสุราเข้ามาถึงตรงหน้าฉินอวิ๋นฟาน จากนั้นจึงพูดต่อ “เสด็จปู่ สุรานี้มีรสพิเศษจำเพาะ หากพอพระทัย ต่อไปหม่อมฉันรับรองว่ามีส่วนของพระองค์เ
ไม่ว่าจะในประวัติศาสตร์หรือในภาพยนตร์ ฉินอวิ๋นฟานเคยเห็นการต่อสู้อย่างโหดเหี้ยมของกษัตริย์นับไม่ถ้วน ไหนเลยจะมีสายใยพี่น้อง เพื่อผลประโยชน์และตำแหน่งสูงสุด พ่อบังเกิดเกล้าก็ยังฆ่าได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพี่น้องต่างแม่?อยากรอดก็ต้องพยายามวิ่ง หยุดไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว“ฟานเอ๋อร์ ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้าในยามนี้ และรู้สึกภูมิใจกับความคิดและปณิธานเช่นนี้ของเจ้าด้วย”ไท่ซั่งหวงพูดหักมุม “แต่กับเรื่องของเจ้าห้า เจ้าจัดการผลีผลามเกินไป!”“ผลีผลาม?”ฉินอวิ๋นฟานพูดแบบประหลาดใจเล็กน้อย “เสด็จปู่ ความผิดที่พี่ห้าก่อ ไม่ว่าจะเป็นข้อไหนก็คือโทษตายทั้งนั้น ข้าฆ่าเขาไม่ใช่เพราะความโกรธแค้นทั้งหมด แต่เพื่อความยุติธรรมด้วย”ฉินอวิ๋นฟานแสดงความคิดของตัวเองอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย การเอาชีวิตฉินอวิ๋นผู่คือเรื่องที่เขาต้องทำอยู่แล้ว แค่ต้องการเหตุผลที่เหมาะสมจะโทษก็ต้องโทษที่เขาไม่รู้จักดูตาม้าตาเรือ อยู่หน้ากระบอกปืนของเขาในเวลานี้“ถ้าพูดในด้านของความยุติธรรม ที่เจ้าทำมันไม่ผิด แต่ถ้าอนาคตของเจ้าแค่เพื่อผดุงความยุติธรรม เช่นนั้นที่เจ้าทำมาทั้งหมดก็คือไร้ความหมาย”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก“เสด็
“เพราะอะไรพ่ะย่ะค่ะ”ฉินอวิ๋นฟานในตอนนี้จิตใจมิอาจสงบ ดูท่าสุดท้ายยังเพราะตัวเองเด็กเกินไป ถ้าไม่ใช่เพราะการฉุกให้คิดของไท่ซั่งหวงนี้ เขาจะตายอย่างไรก็ยังไม่รู้ไท่ซั่งหวงทำท่ามือและพูดกับขันทีเฒ่าเฉาเจิ้งฉุนที่อยู่ด้านหลัง “เฉากงกง เจ้าอธิบายให้เขาฟังหน่อยเถอะ!”ครั้นเห็นสีหน้าบ่อน้ำโบราณไร้คลื่นนั้นของเฉาเจิ้งฉุน ฉินอวิ๋นฟานจึงสังเกตว่าคนผู้นี้แทบจะเป็นคนที่ไร้ตัวตน เป็นขันทีเฒ่าลึกลับที่ติดตามอยู่เบื้องหลังไท่ซั่งหวงเงียบ ๆเพียงสายตาเดียว ฉินอวิ๋นฟานก็รู้ว่าคนผู้นี้ไม่ธรรมดา“คารวะรัชทายาท!”เฉาเจิ้งฉุนทำความเคารพฉินอวิ๋นฟานอย่างจริงจังและพูด “หากข้าน้อยสันนิษฐานไม่ผิด ที่ตระกูลเหอไม่กล้าลงมือกับรัชทายาทง่าย ๆ เพราะกลัวไท่ซั่งหวงกับหน่วยบูรพาที่ข้าน้อยดูแลอยู่ขอรับ”“ข้าน้อยทราบว่ารัชทายาทคงสับสนมาก ข้าน้อยจะไขข้อข้องใจรัชทายาททีละเรื่อง เมื่อสองศตวรรษก่อน ฮ่องเต้องค์ใหม่ของต้าเฉียนเผชิญกับวิกฤต ราชสำนักเสียการควบคุม เพื่อปกป้องแผ่นดินต้าเฉียน ฝ่าบาทสั่งให้ขันทีคนสนิทที่เชื่อพระทัยมากที่สุดตั้งหน่วยบูรพาองค์กรลับขึ้นมาอย่างลับ ๆ!”“การปรากฏอย่างกะทันหันของหน่วยบูรพาสะเทือนเ
ฉินอวิ๋นฟานย่อมรู้ความสำคัญของข้อมูลข่าวสาร มีข่าวสารสนับสนุนจะสามารถวางแผนในกระโจม ตัดสินแพ้ชนะพันลี้ แต่ด้วยกำลังของเขาในตอนนี้ จำเป็นต้องมีข่าวสารสนับสนุน ดังนั้นเขาจึงเบนความหวังไปที่ตัวเฉาเจิ้งฉุน นี่คือองค์กรข่าวสารสุดเจ๋งและน่ากลัวที่สุดของต้าเฉียนเชียวนะ มีเขาสนับสนุนมิเท่ากับเสือติดปีก?“รัชทายาทคิดมากไปแล้ว ก่อนที่ท่านจะได้นั่งตำแหน่งสูงสุด หน่วยบูรพาจะไม่สนับสนุนและช่วยเหลือองค์ชายองค์ไหน นี่คือกฎเหล็กของต้าเฉียนขอรับ”เฉาเจิ้งฉุนยิ้มตาหยีเอ่ย“เอ่อ นี่จะยากแล้วสิ!”ฉินอวิ๋นฟานในเวลานี้เครียดจนหนึ่งหัวเท่ากับสองหัว สถานการณ์ในปัจจุบันไม่เป็นผลดีกับเขาอย่างยิ่ง ถ้าประมาทเพียงนิดเดียวจะต้องตกเหวลึกพันจั้น ถ้าอยากสร้างระบบข่าวสารของตัวเองและเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกองทัพตัวเองให้เร็ว จะไม่ใช่เรื่องธรรมดาเรื่องหนึ่ง“ฟานเอ๋อร์ เจ้าฉลาดมาก ทั้งยังมีเมตตากับราษฎรใต้หล้า”ไท่ซั่งหวงพูดอย่างจริงจังที่สุด “ถ้าเจ้าอยากเปลี่ยนแปลงต้าเฉียนจริง อย่างเปลี่ยนแปลงโลก ให้ทุกคนมีชีวิตอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มีแต่ความเสมอภาคและยุติธรรม เช่นนั้นเจ้าต้องมีสติปัญญาเหนือคนและความสามารถ