“เพราะอะไรพ่ะย่ะค่ะ”ฉินอวิ๋นฟานในตอนนี้จิตใจมิอาจสงบ ดูท่าสุดท้ายยังเพราะตัวเองเด็กเกินไป ถ้าไม่ใช่เพราะการฉุกให้คิดของไท่ซั่งหวงนี้ เขาจะตายอย่างไรก็ยังไม่รู้ไท่ซั่งหวงทำท่ามือและพูดกับขันทีเฒ่าเฉาเจิ้งฉุนที่อยู่ด้านหลัง “เฉากงกง เจ้าอธิบายให้เขาฟังหน่อยเถอะ!”ครั้นเห็นสีหน้าบ่อน้ำโบราณไร้คลื่นนั้นของเฉาเจิ้งฉุน ฉินอวิ๋นฟานจึงสังเกตว่าคนผู้นี้แทบจะเป็นคนที่ไร้ตัวตน เป็นขันทีเฒ่าลึกลับที่ติดตามอยู่เบื้องหลังไท่ซั่งหวงเงียบ ๆเพียงสายตาเดียว ฉินอวิ๋นฟานก็รู้ว่าคนผู้นี้ไม่ธรรมดา“คารวะรัชทายาท!”เฉาเจิ้งฉุนทำความเคารพฉินอวิ๋นฟานอย่างจริงจังและพูด “หากข้าน้อยสันนิษฐานไม่ผิด ที่ตระกูลเหอไม่กล้าลงมือกับรัชทายาทง่าย ๆ เพราะกลัวไท่ซั่งหวงกับหน่วยบูรพาที่ข้าน้อยดูแลอยู่ขอรับ”“ข้าน้อยทราบว่ารัชทายาทคงสับสนมาก ข้าน้อยจะไขข้อข้องใจรัชทายาททีละเรื่อง เมื่อสองศตวรรษก่อน ฮ่องเต้องค์ใหม่ของต้าเฉียนเผชิญกับวิกฤต ราชสำนักเสียการควบคุม เพื่อปกป้องแผ่นดินต้าเฉียน ฝ่าบาทสั่งให้ขันทีคนสนิทที่เชื่อพระทัยมากที่สุดตั้งหน่วยบูรพาองค์กรลับขึ้นมาอย่างลับ ๆ!”“การปรากฏอย่างกะทันหันของหน่วยบูรพาสะเทือนเ
ฉินอวิ๋นฟานย่อมรู้ความสำคัญของข้อมูลข่าวสาร มีข่าวสารสนับสนุนจะสามารถวางแผนในกระโจม ตัดสินแพ้ชนะพันลี้ แต่ด้วยกำลังของเขาในตอนนี้ จำเป็นต้องมีข่าวสารสนับสนุน ดังนั้นเขาจึงเบนความหวังไปที่ตัวเฉาเจิ้งฉุน นี่คือองค์กรข่าวสารสุดเจ๋งและน่ากลัวที่สุดของต้าเฉียนเชียวนะ มีเขาสนับสนุนมิเท่ากับเสือติดปีก?“รัชทายาทคิดมากไปแล้ว ก่อนที่ท่านจะได้นั่งตำแหน่งสูงสุด หน่วยบูรพาจะไม่สนับสนุนและช่วยเหลือองค์ชายองค์ไหน นี่คือกฎเหล็กของต้าเฉียนขอรับ”เฉาเจิ้งฉุนยิ้มตาหยีเอ่ย“เอ่อ นี่จะยากแล้วสิ!”ฉินอวิ๋นฟานในเวลานี้เครียดจนหนึ่งหัวเท่ากับสองหัว สถานการณ์ในปัจจุบันไม่เป็นผลดีกับเขาอย่างยิ่ง ถ้าประมาทเพียงนิดเดียวจะต้องตกเหวลึกพันจั้น ถ้าอยากสร้างระบบข่าวสารของตัวเองและเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกองทัพตัวเองให้เร็ว จะไม่ใช่เรื่องธรรมดาเรื่องหนึ่ง“ฟานเอ๋อร์ เจ้าฉลาดมาก ทั้งยังมีเมตตากับราษฎรใต้หล้า”ไท่ซั่งหวงพูดอย่างจริงจังที่สุด “ถ้าเจ้าอยากเปลี่ยนแปลงต้าเฉียนจริง อย่างเปลี่ยนแปลงโลก ให้ทุกคนมีชีวิตอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มีแต่ความเสมอภาคและยุติธรรม เช่นนั้นเจ้าต้องมีสติปัญญาเหนือคนและความสามารถ
ไม่นึกเลย ลูกเขยกลับให้กำเนิดอู่เหลียงเย่ที่ดังพลุแตกขึ้นมาบนโลกใบนี้ ทำให้ภัตตาคารต้าเฉียนกลับขึ้นสู่ช่วงสูงสุดอีกครั้ง ทำให้เขายากจะเก็บซ่อนความยินดี“นี่นับเป็นอะไร การถอดรกเปลี่ยนกระดูกของภัตตาคารต้าเฉียนเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น อีกห้าวัน ข้าจะมอบของขวัญชิ้นโตให้ท่าน ให้ภัตตาคารต้าเฉียนได้ทะยานฟ้าอีกหน”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มพลางพูดเรียบ“ของขวัญชิ้นโตอะไรหรือ? ถึงกับทำให้ภัตตาคารต้าเฉียนได้ทะยานฟ้าอีกหน?”ถ้าสมัยก่อนได้ยินฉินอวิ๋นฟานพูดแบบนี้ มู่หรงซื่อควานต้องพ่นลมออกจมูกดูแคลนเสียดสี วาจาไม่น่าฟังยิ่งมิอาจหลีกเลี่ยงแต่รัชทายาทในตอนนี้คือสมบัติในอุ้งมือของเขา คือผู้หนุนนำตระกูลมู่หรง ทำให้ภัตตาคารต้าเฉียนที่ใกล้จะล่มสลายได้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง ทุกคำพูดของเขา ทุกการตัดสินใจของเขา มู่หรงซื่อควานสนับสนุนอย่างปราศจากเงื่อนไข“ถึงเวลาท่านก็รู้เอง ที่ข้ามาเพราะยังมีธุระอื่น นับจากพรุ่งนี้ จำกัดการขายอู่เหลียงเย่ที่สามร้อยไหเหมือนเดิม”ฉินอวิ๋นฟานพูดจริงจัง“ยังจำกัดการขายหรือ?”มู่หรงซื่อควานถามด้วยความไม่เข้าใจ “พ่อลูกเขย ตอนนี้ขายอู่เหลียงเย่ดีอย่างนี้ ทำไมพวกเราไม่อาศัยโอกาสรุกต่อเล่า
“อะไรนะ? ยัง ยังทำแบบนี้ได้ด้วยรึ?”มู่หรงซื่อควานทึ่งกับการทำแบบนี้ของฉินอวิ๋นฟานสุดขีดทันที ทึ่งในแบบที่ทึ่งเพิ่มไม่ได้อีกแล้ว มุมปากสั่นหงึกหงัก ลูกตาแทบจะถลนออกมาแล้วบัดนี้อู่เหลียงเย่ขายดีเทน้ำเทท่า หนึ่งสุรายากจะขอ ถ้าเป็นชุดจะต้องเพิ่มยอดขายอาหารอย่างอื่นด้วยแน่ เกรงว่าตั้งแต่นาทีที่ภัตตาคารต้าเฉียนเปิดประตู ภัตตาคารทั้งหกแห่งจะต้องอยู่ในสภาพแน่นเอียดตลอดเวลายอดขายมิต้องท่วมท้นทันทีหรือ? รัชทายาทคืออัจฉริยะขั้นเทพ เรื่องแบบนี้ก็คิดออกมาได้? “ดำเนินการทันที อย่าลืมนะ ต้องทำตามที่ข้าบอกเท่านั้น อย่าได้เกิดข้อผิดพลาดใด ๆ เด็ดขาด ท่านต้องควบคุมด้วยตัวเอง”ฉินอวิ๋นฟานกำชับหนักหนา“พ่อลูกเขยคนดีของข้า เจ้าวางใจได้เลย เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของตระกูลมู่หรงเรา จะทำเป็นเล่นได้อย่างไร?”มู่หรงซื่อควานทุบอกรับประกัน เริ่มดำเนินการทันทีฉินอวิ๋นฟานมาถึงประตูทางเข้าของภัตตาคารต้าเฉียน ตรงหน้าป้ายประกาศเปิดทำการทุกวันแปดโมงเช้า มีกลุ่มคนต่อแถวยาวเป็นกิโลแล้วฉินอวิ๋นฟานมองห้าคนที่อยู่ด้านหน้าสุดครู่หนึ่ง เห็นเสื้อผ้าบนตัวเขามีคำว่า ‘วั่ง’ อยู่ ทั้งยังมีกลิ่นหอยโชยมา จ
“อาจ้าน หรือว่าท่านดูจุดประสงค์ของข้าไม่ออกหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานพูดเสียงธรรมดา“หือ? จุดประสงค์อะไร?”อู่จ้านงงเป็นไก่ตาแตก ไม่เข้าใจแล้วว่ามันอย่างไรกันฉินอวิ๋นฟานพูดอย่างจริงจัง “อันดับแรก พวกเราไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับหอวั่งเจียงเลย แต่จากการเสนอแนะของเสด็จปู่ หอวั่งเจียงคลุกคลีกับขุนนางใหญ่มากที่สุด และหมายถึงพวกเขามีช่องทางหาข้อมูลข่าวสารมาก แต่ตอนนี้พวกเราเหมือนแมลงวันไร้หัว มีข่าวยังไม่รู้ว่าจะลงมือจากตรงไหนและจะใช้อย่างไร เพราะพวกเรายังแข็งแกร่งไม่พอ”“อีกอย่าง ถ้าพวกเราไปผูกสัมพันธ์กับหอวั่งเจียงก่อน จะต้องถูกหอวั่งเจียงดูเบาแน่ ถึงตอนนั้นพวกเราจะไม่มีเบี้ยเจรจากับพวกเขา มีแต่ต้องลดฐานะตัวเอง ถึงเวลาท่านคิดว่าหอวั่งเจียงจะบอกข่าวเราง่าย ๆ หรือ?”“จุดประสงค์ที่แท้จริงของข้าคืออาศัยข้อได้เปรียบของเราข่มหอวั่งเจียง ให้พวกเขามาหาเราก่อน และต้องเป็นคนที่มีสิทธิ์ขาดในการพูดด้วย ไม่อย่างนั้นพวกเรายากจะบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ”ฉินอวิ๋นฟานพูดถึงตรงนี้ อู่จ้านพลันเข้าใจถ่องแท้ ฉินอวิ๋นฟานคือรัชทายาทของต้าเฉียน และมีความเป็นไปได้สูงที่จะขึ้นเป็นประมุขผู้สูงศักดิ์ลำดับต่อไปในอนาคตด้วย
ลากสังขารอันอ่อนล้ากลับถึงบ้านก็ถูกมู่หรงจิ่นปลอบโยนด้วยรูปแบบนี้ ฉินอวิ๋นฟานในตอนนี้ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือละเหี่ยใจดี นี่คือน้ำแกงตัวเดียวอันเดียวของเสืออันเป็นของบำรุงชั้นเลิศเชียวนะ!เห็นน้ำแกงตัวเดียวอันเดียวของเสือที่มู่หรงจิ่นยกมาตรงหน้า ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก กระทั่งสงสัยว่าเมื่อคืนตัวเองโชว์ลีลาได้ไม่ดีหรือเปล่า จึงถูกมู่หรงจิ่นเตือนด้วยวิธีการนี้“ไอ้หยา ทำไมท่านถึงเป็นคนอย่างนี้นะ? ข้าสู้เข้าครัวด้วยตัวเอง ตุ๋นค่อนวันจึงจะเสร็จ”นึกถึงภาพเร่าร้อนเมื่อวาน มู่หรงจิ่นอายจนทำตัวไม่ถูก ดวงหน้าหมดจดแดงซ่านไปถึงคอในพริบตา นึกถึงช่วงนี้ฉินอวิ๋นฟานลำบากอย่างนั้น จึงตุ๋นน้ำแกงบำรุงเพื่อเขาเป็นการเฉพาะ ไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะนิสัยไม่ดีเช่นนี้ คิดออกนอกทางอยู่เรื่อย“ได้ ๆ ๆ ข้าดื่ม ข้าจะดื่มนะ!”ฉินอวิ๋นฟานทำหน้าเหยเก ยกชามขึ้นมาแล้วก็ดื่ม ทันทีที่เข้าปากก็นึกเสียใจเดี๋ยวนั้นความจำเพาะอย่างยิ่งของตัวเดียวอันเดียวก็คือกลิ่นสาบและกลิ่นคาวที่ฉุนกึก ถ้าไม่มีเครื่องเทศจำนวนมากเสริมยากกระเดือกลง เห็นชัดว่ามู่หรงจิ่นเข้าครัวเป็นครั้งแรก ไม่มีประสบการณ์อะไร กลิ่นสาบและกลิ่นคาวแทง
“ใช่ พี่หยวน ขนาดพวกเขาก็บอกฐานะแล้วนะ แต่ก็ยังถูกฉินอวิ๋นฟานไล่ไปต่อท้าย ข้ามักรู้สึกว่าเขาจงใจหาเรื่องพวกเรา”บ่าวรับใช้ผู้นั้นเล่าความอย่างไม่รับความเป็นธรรม“เอาละ ข้ารู้แล้ว เจ้าออกไปเถอะ”พี่หยวนหน้าไม่สบอารมณ์ หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่งก็ไปที่ห้องของต้าซวงกับเสี่ยวซวง“พี่หยวน มีอะไรหรือ?”ต้าซวงเห็นพี่หยวนมาถึงห้องโมโหควันออกหู พวกนางพี่น้องจึงถามด้วยความห่วงใย“ข้าให้คนต่อแถวหน้าประตูภัตตาคารต้าเฉียนกลับถูกฉินอวิ๋นฟานไล่กลับไป ได้แต่ซื้ออู่เหลียงเย่ทั้งหมดของวันพรุ่งนี้ คิดจะเหมาอู่เหลียงเย่อีกห้าวันข้างหน้าคือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย”พี่หยวนพูดแบบโกรธมาก“อะไรนะ? หรือว่า หรือว่าพวกเราจะถูกเล่นงานแล้ว?”เวลานี้ต้าซวงและเสี่ยวซวงตกใจอย่างหนัก พวกนางแค่ต่อแถวตามปกติเท่านั้น ทำไมจู่ ๆ ถึงถูกไล่กลับล่ะ? สามารถไต่เต้าอยู่ในหอนางคณิกาชั้นสูงวั่งเจียงถึงระดับนี้ ย่อมมีสติปัญญาล้ำเลิศ นางรู้สึกทันทีว่าถูกฉินอวิ๋นฟานเล่นงานแล้วพี่หยวนขมวดคิ้วมุ่นพูด “ข้ากลับไม่กลัวถูกเล่นงาน ข้าแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ เขาถึงมุ่งเป้ามาที่หอวั่งเจียง พวกเราไม่เคยมีความเกี่ยวข้องกับฉินอวิ๋นฟานม
“ให้เขาเข้ามาเถอะ!”ฉินอวิ๋นฟานเพิ่งเดินออกมาจากห้องหนังสือก็เห็นชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งกำลังยื้อยุดฉุดกระชากกับองครักษ์ของตำหนักรัชทายาท ฉินอวิ๋นฟานพอใจกับการแสดงออกของพวกเขามาก สมกับที่เป็นยอดทหารที่บ่มเพาะออกมาจากค่ายทานหลางแม้จะเป็นองค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังก็ยังถูกพวกเขาสกัดอย่างแข็งกร้าวอยู่นอกประตูเหมือนเดิม ในภาพจำของฉินอวิ๋นฟาน นี่น่าจะเป็นครั้งที่สองที่ฉินอวิ๋นคังถูกปฏิเสธให้อยู่ข้างนอก“น้องเจ็ด นี่เจ้าหมายความว่ายังไง? ข้ามาหาเจ้าสองครั้งแล้ว แต่เจ้าหลบหน้าไม่พบ ควรแล้วหรือ?”ในฐานะที่เป็นองค์ชายใหญ่แห่งราชวงศ์ต้าเฉียน ฐานะสูงส่งเพียงใด เพื่อสุราไหเดียวถึงกับยอมบากหน้ามาขอน้องชายคนนี้ ไม่นึกว่าจะถูกขวางอยู่นอกประตูหนแล้วหนเล่าฉินอวิ๋นคังที่ศักดิ์ศรีเสียหายอย่างหนักปะทุอารมณ์เดี๋ยวนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเจอตัวฉินอวิ๋นฟานให้ได้ วันนี้ต้องได้เหตุผล!“พี่ใหญ่ ข้าก็จนใจนะ ระเบียบก็คือระเบียบ ข้าจะอำนวยความสะดวกให้ท่านได้ยังไง?”ฉินอวิ๋นฟานส่ายหน้าพูด“หึ พูดเสียน่าฟัง เจ้าก็เป็นคนตั้งระเบียบเองไม่ใช่รึ?”องค์ชายใหญ่แค่นฮึเสียงหนึ่ง “อีกอย่าง พวกเราเป็นพี่น้องแท้ ๆ ข้าแค่อย