ไม่นึกเลย ลูกเขยกลับให้กำเนิดอู่เหลียงเย่ที่ดังพลุแตกขึ้นมาบนโลกใบนี้ ทำให้ภัตตาคารต้าเฉียนกลับขึ้นสู่ช่วงสูงสุดอีกครั้ง ทำให้เขายากจะเก็บซ่อนความยินดี“นี่นับเป็นอะไร การถอดรกเปลี่ยนกระดูกของภัตตาคารต้าเฉียนเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น อีกห้าวัน ข้าจะมอบของขวัญชิ้นโตให้ท่าน ให้ภัตตาคารต้าเฉียนได้ทะยานฟ้าอีกหน”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มพลางพูดเรียบ“ของขวัญชิ้นโตอะไรหรือ? ถึงกับทำให้ภัตตาคารต้าเฉียนได้ทะยานฟ้าอีกหน?”ถ้าสมัยก่อนได้ยินฉินอวิ๋นฟานพูดแบบนี้ มู่หรงซื่อควานต้องพ่นลมออกจมูกดูแคลนเสียดสี วาจาไม่น่าฟังยิ่งมิอาจหลีกเลี่ยงแต่รัชทายาทในตอนนี้คือสมบัติในอุ้งมือของเขา คือผู้หนุนนำตระกูลมู่หรง ทำให้ภัตตาคารต้าเฉียนที่ใกล้จะล่มสลายได้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง ทุกคำพูดของเขา ทุกการตัดสินใจของเขา มู่หรงซื่อควานสนับสนุนอย่างปราศจากเงื่อนไข“ถึงเวลาท่านก็รู้เอง ที่ข้ามาเพราะยังมีธุระอื่น นับจากพรุ่งนี้ จำกัดการขายอู่เหลียงเย่ที่สามร้อยไหเหมือนเดิม”ฉินอวิ๋นฟานพูดจริงจัง“ยังจำกัดการขายหรือ?”มู่หรงซื่อควานถามด้วยความไม่เข้าใจ “พ่อลูกเขย ตอนนี้ขายอู่เหลียงเย่ดีอย่างนี้ ทำไมพวกเราไม่อาศัยโอกาสรุกต่อเล่า
“อะไรนะ? ยัง ยังทำแบบนี้ได้ด้วยรึ?”มู่หรงซื่อควานทึ่งกับการทำแบบนี้ของฉินอวิ๋นฟานสุดขีดทันที ทึ่งในแบบที่ทึ่งเพิ่มไม่ได้อีกแล้ว มุมปากสั่นหงึกหงัก ลูกตาแทบจะถลนออกมาแล้วบัดนี้อู่เหลียงเย่ขายดีเทน้ำเทท่า หนึ่งสุรายากจะขอ ถ้าเป็นชุดจะต้องเพิ่มยอดขายอาหารอย่างอื่นด้วยแน่ เกรงว่าตั้งแต่นาทีที่ภัตตาคารต้าเฉียนเปิดประตู ภัตตาคารทั้งหกแห่งจะต้องอยู่ในสภาพแน่นเอียดตลอดเวลายอดขายมิต้องท่วมท้นทันทีหรือ? รัชทายาทคืออัจฉริยะขั้นเทพ เรื่องแบบนี้ก็คิดออกมาได้? “ดำเนินการทันที อย่าลืมนะ ต้องทำตามที่ข้าบอกเท่านั้น อย่าได้เกิดข้อผิดพลาดใด ๆ เด็ดขาด ท่านต้องควบคุมด้วยตัวเอง”ฉินอวิ๋นฟานกำชับหนักหนา“พ่อลูกเขยคนดีของข้า เจ้าวางใจได้เลย เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของตระกูลมู่หรงเรา จะทำเป็นเล่นได้อย่างไร?”มู่หรงซื่อควานทุบอกรับประกัน เริ่มดำเนินการทันทีฉินอวิ๋นฟานมาถึงประตูทางเข้าของภัตตาคารต้าเฉียน ตรงหน้าป้ายประกาศเปิดทำการทุกวันแปดโมงเช้า มีกลุ่มคนต่อแถวยาวเป็นกิโลแล้วฉินอวิ๋นฟานมองห้าคนที่อยู่ด้านหน้าสุดครู่หนึ่ง เห็นเสื้อผ้าบนตัวเขามีคำว่า ‘วั่ง’ อยู่ ทั้งยังมีกลิ่นหอยโชยมา จ
“อาจ้าน หรือว่าท่านดูจุดประสงค์ของข้าไม่ออกหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานพูดเสียงธรรมดา“หือ? จุดประสงค์อะไร?”อู่จ้านงงเป็นไก่ตาแตก ไม่เข้าใจแล้วว่ามันอย่างไรกันฉินอวิ๋นฟานพูดอย่างจริงจัง “อันดับแรก พวกเราไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับหอวั่งเจียงเลย แต่จากการเสนอแนะของเสด็จปู่ หอวั่งเจียงคลุกคลีกับขุนนางใหญ่มากที่สุด และหมายถึงพวกเขามีช่องทางหาข้อมูลข่าวสารมาก แต่ตอนนี้พวกเราเหมือนแมลงวันไร้หัว มีข่าวยังไม่รู้ว่าจะลงมือจากตรงไหนและจะใช้อย่างไร เพราะพวกเรายังแข็งแกร่งไม่พอ”“อีกอย่าง ถ้าพวกเราไปผูกสัมพันธ์กับหอวั่งเจียงก่อน จะต้องถูกหอวั่งเจียงดูเบาแน่ ถึงตอนนั้นพวกเราจะไม่มีเบี้ยเจรจากับพวกเขา มีแต่ต้องลดฐานะตัวเอง ถึงเวลาท่านคิดว่าหอวั่งเจียงจะบอกข่าวเราง่าย ๆ หรือ?”“จุดประสงค์ที่แท้จริงของข้าคืออาศัยข้อได้เปรียบของเราข่มหอวั่งเจียง ให้พวกเขามาหาเราก่อน และต้องเป็นคนที่มีสิทธิ์ขาดในการพูดด้วย ไม่อย่างนั้นพวกเรายากจะบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ”ฉินอวิ๋นฟานพูดถึงตรงนี้ อู่จ้านพลันเข้าใจถ่องแท้ ฉินอวิ๋นฟานคือรัชทายาทของต้าเฉียน และมีความเป็นไปได้สูงที่จะขึ้นเป็นประมุขผู้สูงศักดิ์ลำดับต่อไปในอนาคตด้วย
ลากสังขารอันอ่อนล้ากลับถึงบ้านก็ถูกมู่หรงจิ่นปลอบโยนด้วยรูปแบบนี้ ฉินอวิ๋นฟานในตอนนี้ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือละเหี่ยใจดี นี่คือน้ำแกงตัวเดียวอันเดียวของเสืออันเป็นของบำรุงชั้นเลิศเชียวนะ!เห็นน้ำแกงตัวเดียวอันเดียวของเสือที่มู่หรงจิ่นยกมาตรงหน้า ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก กระทั่งสงสัยว่าเมื่อคืนตัวเองโชว์ลีลาได้ไม่ดีหรือเปล่า จึงถูกมู่หรงจิ่นเตือนด้วยวิธีการนี้“ไอ้หยา ทำไมท่านถึงเป็นคนอย่างนี้นะ? ข้าสู้เข้าครัวด้วยตัวเอง ตุ๋นค่อนวันจึงจะเสร็จ”นึกถึงภาพเร่าร้อนเมื่อวาน มู่หรงจิ่นอายจนทำตัวไม่ถูก ดวงหน้าหมดจดแดงซ่านไปถึงคอในพริบตา นึกถึงช่วงนี้ฉินอวิ๋นฟานลำบากอย่างนั้น จึงตุ๋นน้ำแกงบำรุงเพื่อเขาเป็นการเฉพาะ ไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะนิสัยไม่ดีเช่นนี้ คิดออกนอกทางอยู่เรื่อย“ได้ ๆ ๆ ข้าดื่ม ข้าจะดื่มนะ!”ฉินอวิ๋นฟานทำหน้าเหยเก ยกชามขึ้นมาแล้วก็ดื่ม ทันทีที่เข้าปากก็นึกเสียใจเดี๋ยวนั้นความจำเพาะอย่างยิ่งของตัวเดียวอันเดียวก็คือกลิ่นสาบและกลิ่นคาวที่ฉุนกึก ถ้าไม่มีเครื่องเทศจำนวนมากเสริมยากกระเดือกลง เห็นชัดว่ามู่หรงจิ่นเข้าครัวเป็นครั้งแรก ไม่มีประสบการณ์อะไร กลิ่นสาบและกลิ่นคาวแทง
“ใช่ พี่หยวน ขนาดพวกเขาก็บอกฐานะแล้วนะ แต่ก็ยังถูกฉินอวิ๋นฟานไล่ไปต่อท้าย ข้ามักรู้สึกว่าเขาจงใจหาเรื่องพวกเรา”บ่าวรับใช้ผู้นั้นเล่าความอย่างไม่รับความเป็นธรรม“เอาละ ข้ารู้แล้ว เจ้าออกไปเถอะ”พี่หยวนหน้าไม่สบอารมณ์ หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่งก็ไปที่ห้องของต้าซวงกับเสี่ยวซวง“พี่หยวน มีอะไรหรือ?”ต้าซวงเห็นพี่หยวนมาถึงห้องโมโหควันออกหู พวกนางพี่น้องจึงถามด้วยความห่วงใย“ข้าให้คนต่อแถวหน้าประตูภัตตาคารต้าเฉียนกลับถูกฉินอวิ๋นฟานไล่กลับไป ได้แต่ซื้ออู่เหลียงเย่ทั้งหมดของวันพรุ่งนี้ คิดจะเหมาอู่เหลียงเย่อีกห้าวันข้างหน้าคือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย”พี่หยวนพูดแบบโกรธมาก“อะไรนะ? หรือว่า หรือว่าพวกเราจะถูกเล่นงานแล้ว?”เวลานี้ต้าซวงและเสี่ยวซวงตกใจอย่างหนัก พวกนางแค่ต่อแถวตามปกติเท่านั้น ทำไมจู่ ๆ ถึงถูกไล่กลับล่ะ? สามารถไต่เต้าอยู่ในหอนางคณิกาชั้นสูงวั่งเจียงถึงระดับนี้ ย่อมมีสติปัญญาล้ำเลิศ นางรู้สึกทันทีว่าถูกฉินอวิ๋นฟานเล่นงานแล้วพี่หยวนขมวดคิ้วมุ่นพูด “ข้ากลับไม่กลัวถูกเล่นงาน ข้าแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ เขาถึงมุ่งเป้ามาที่หอวั่งเจียง พวกเราไม่เคยมีความเกี่ยวข้องกับฉินอวิ๋นฟานม
“ให้เขาเข้ามาเถอะ!”ฉินอวิ๋นฟานเพิ่งเดินออกมาจากห้องหนังสือก็เห็นชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งกำลังยื้อยุดฉุดกระชากกับองครักษ์ของตำหนักรัชทายาท ฉินอวิ๋นฟานพอใจกับการแสดงออกของพวกเขามาก สมกับที่เป็นยอดทหารที่บ่มเพาะออกมาจากค่ายทานหลางแม้จะเป็นองค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังก็ยังถูกพวกเขาสกัดอย่างแข็งกร้าวอยู่นอกประตูเหมือนเดิม ในภาพจำของฉินอวิ๋นฟาน นี่น่าจะเป็นครั้งที่สองที่ฉินอวิ๋นคังถูกปฏิเสธให้อยู่ข้างนอก“น้องเจ็ด นี่เจ้าหมายความว่ายังไง? ข้ามาหาเจ้าสองครั้งแล้ว แต่เจ้าหลบหน้าไม่พบ ควรแล้วหรือ?”ในฐานะที่เป็นองค์ชายใหญ่แห่งราชวงศ์ต้าเฉียน ฐานะสูงส่งเพียงใด เพื่อสุราไหเดียวถึงกับยอมบากหน้ามาขอน้องชายคนนี้ ไม่นึกว่าจะถูกขวางอยู่นอกประตูหนแล้วหนเล่าฉินอวิ๋นคังที่ศักดิ์ศรีเสียหายอย่างหนักปะทุอารมณ์เดี๋ยวนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเจอตัวฉินอวิ๋นฟานให้ได้ วันนี้ต้องได้เหตุผล!“พี่ใหญ่ ข้าก็จนใจนะ ระเบียบก็คือระเบียบ ข้าจะอำนวยความสะดวกให้ท่านได้ยังไง?”ฉินอวิ๋นฟานส่ายหน้าพูด“หึ พูดเสียน่าฟัง เจ้าก็เป็นคนตั้งระเบียบเองไม่ใช่รึ?”องค์ชายใหญ่แค่นฮึเสียงหนึ่ง “อีกอย่าง พวกเราเป็นพี่น้องแท้ ๆ ข้าแค่อย
องค์ชายใหญ่จี๊ดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน กว่าจะได้เจอตัว ไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนี้ ไม่ได้สุราแต่ได้อารมณ์โกรธมาเต็ม ๆ“เอาละ พี่ใหญ่ ไม่จำเป็นต้องโมโหจริง ๆ”ฉินอวิ๋นฟานรู้ว่าต่อไปยังต้องรีดเงินจากฉินอวิ๋นคัง จะบีบคั้นเขาไม่ได้ จึงป้อนคำหวานใส่ทันทีเขารีบพูด “เมื่อวานไท่เว่ยซื้อไปตั้งเก้าสิบแปดไหมิใช่หรือ? ท่านก็เอาจากเขาหน่อยสิ แค่นี้ก็แก้ปัญหาได้แล้ว อีกอย่าง ขายสามร้อยไหทุกวัน ไม่นานในตลาดจะมีเหล้ามากมาย”“หึ เจ้าไม่พูดยังดี พูดถึงไท่เว่ยจางเต้าหลินแล้วข้าก็โมโห เมื่อวานมาหาเจ้าไม่เจอ ข้าก็เลยไปที่จวนไท่เว่ย ผลกลับดีเลย เขาปิดประตูขอบคุณแขก ไม่เจอตัว ตอนนี้ข้าล่ะอยากรู้นัก พวกเจ้าเตี๊ยมกันมาก่อนแล้วใช่ไหม?”ฉินอวิ๋นคังพูดแบบควันออกหู“เอ๋...ไม่นะ”พอได้ยินว่าจางเต้าหลินปิดประตูขอบคุณแขก ฉินอวิ๋นฟานก็ทำหน้าประหลาด อดด่าในใจไม่ได้ จิ้งจอกเฒ่านี่ร้ายจริง ๆ ดูท่าคงมองแผนการของเขาออกแล้ว ก็เลยปฏิเสธคนที่มาขอเหล้าให้อยู่นอกประตู“พี่ใหญ่ ไม่งั้นข้าจะออกความคิดให้ท่านอีกเป็นอย่างไร”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยความลำบากใจ “ภัตตาคารต้าเฉียนมีทั้งหมดหกสาขา แต่ละสาขาจะขายอาหารชุดหนึ่งหมื่นชุด อ
“ใหญ่ นี่มันเป็นเรื่องน่ายินดีนะ!”พอองค์ชายใหญ่บอกว่าจะเชิญคนหมื่นคนกินมื้อใหญ่ ฉินอวิ๋นฟานก็อึ้งไปเลย คนทั่วไปไม่เด็ดขาดแบบนี้ สำหรับผู้ส่งส่งมือกุมอำนาจเหล่านั้น ถึงจะให้สุนัขก็จะไม่ให้คนยากไร้ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ฉินอวิ๋นคังใจป้ำเช่นนี้ รับปากฉับไว เชิญคนหนึ่งหมื่นคนกินอาหารได้แบบตาไม่กะพริบ ต่อให้มีความต้องการส่วนตัวแต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะสามารถทำได้“ย่อมเป็นเช่นนั้น ฐานที่ข้าคือองค์ชายใหญ่ของราชวงศ์ต้าเฉียน จะเชิญคนยากคนจนมากินข้าวมื้อใหญ่หน่อยจะเป็นไรไป? นี่ไม่ใช่เรื่องที่ข้าควรทำอยู่แล้วรึ?”ยามนี้ อย่าให้พูดเลยว่าฉินอวิ๋นคังอารมณ์ดีแค่ไหน เดิมก็เพิ่มเติมเต็มความปรารถนาของปากท้องตัวเอง ไม่นึกว่าด้วยการดำเนินการของฉินอวิ๋นฟานจะกลายเป็นเรื่องเชิดชูเกียรติศัพท์ทั่วหล้า เรื่องดีแบบนี้เขาต้องทำอยู่แล้ว แถมยังต้องโฆษณาป่าวประกาศอย่างยิ่งใหญ่ด้วย“พี่ใหญ่ ในเมื่อพวกเราจะทำความดี จะทำวันเดียวก็ไม่ได้กระมัง? ไม่อย่างนั้นพี่รองต้องว่าว่าท่านทำเป็นท่าแน่ ถึงตอนนั้นเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?”ฉินอวิ๋นฟานเห็นองค์ชายใหญ่ตกหลุมพรางแล้วจึงรีบกระพือไฟอยู่ข้าง ๆพอองค์ชายใหญ่