Share

บทที่ 168

Author: ไห่ตงชิง
หลังจากถูกหลี่เฉินโจมตีในวันนั้น แม้ว่าโหวอวี้ซูยังไม่รู้ว่าหลี่เฉินเป็นใคร

แต่ด้วยคำพูดของซูจิ่นพ่าที่ดังก้องอยู่ในหู โหวอวี้ซูจึงรู้ว่า ถ้าเขาต้องการจะเอาชนะหลี่เฉินที่ไม่ทราบที่มาที่ไป และทำให้ซูจิ่นพ่าผู้ซึ่งมีสายตาที่สูงส่งหันมามองตัวเอง เช่นนั้นเขาจำเป็นจะต้องเข้าสู่ระดับการสอบหน้าพระที่นั่งให้ได้

นี่คือความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ของเขา ด้วยคำแนะนำของท่านจิ้งจือ บุคคลสำคัญในแวดวงวรรณกรรม และตราบใดที่เขาได้รับการสนับสนุนจากต้วนจิ่นเจียง เมื่อตนเองเข้าสู่เส้นทางขุนนางก็จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น เขาก็จะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับซูจิ่นพ่า...

คิดได้ดังนั้น ดวงตาของโหวอวี้ซูก็เต็มไปด้วยไฟแห่งความทะเยอทะยาน

“ไม่เลว”

หลังจากได้เห็นสายตาของโหวอวี้ซู ต้วนจิ่นเจียงก็ลูบเคราของเขาแล้วพูดว่า “หนุ่มน้อย การมีความทะเยอทะยานเป็นสิ่งที่ดี หากไม่มีความทะเยอทะยาน แม้ว่าเจ้าจะเริ่มต้นอาชีพขุนนาง แต่ก็ไม่สามารถไปได้ไกล ข้ารับปากเจ้าว่า ตราบใดที่เจ้าสามารถติดสิบอันแรกของการสอบขุนนาง และมีคุณสมบัติได้สอบหน้าพระที่นั่ง ข้าจะทำให้เจ้าติดหนึ่งในสามอันดับแรก นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่สูงเพียง
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 169

    การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ ทำให้โหวอวี้ซูที่อยู่ข้างๆ ตกใจ มือที่จับตะเกียบจึงพลอยสั่นไปด้วยเสียงเคร้งดังขึ้น เป็นตะเกียบในมือของโหวอวี้ซูที่ร่วงลงพื้น จนเกิดเสียงดังกังวานขึ้นมาเมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาของพ่อบ้านและต้วนจิ่นเจียงที่จ้องมองมา โหวอวี้ซูก็อยากจะหารอยร้าวบนพื้นแล้วมุดเข้าไปในนั้นแต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือเขารู้สึกหวาดกลัวถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่ได้เข้าสู่เส้นทางของขุนนาง แต่ใครในใต้หล้าบ้างที่ไม่รู้จักความน่ากลัวของหน่วยบูรพา ผู้ที่ถูกจับกุมไปนั้นมีใครเคยกลับมาบ้าง?หน่วยบูรพาจับกุมต้วนจั่งเหมียนและส่งเขาเข้าคุกจริงๆ นี่ไม่ใช่คดีปกติ แต่เป็นเหตุการณ์ทางการเมือง มีคนกำลังมุ่งเป้ามาที่ต้วนจิ่นเจียง“หลานชาย...ข้ามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ…”แค่ได้ยินเสียงสายก็ทราบความนัย โหวอวี้ซูได้ยินดังนั้นก็ลุกขึ้นมาทันที ประสานมือแล้วกล่าวว่า “อวี้ซูนึกขึ้นได้ว่า ท่านอาจารย์กำลังรอให้อวี้ซูกลับไปรายงาน เช่นนั้นข้าขอลาก่อน”พูดจบ โหวอวี้ซูก็จากไป ต้วนจิ่นเจียงที่ตอนนี้ตกอยู่ในอาการสับสน ยังจะมีแก่ใจอวดความหรูหราของตนกับโหวอวี้ซูต่อหรือ ดังนั้นเขาจึงโบกมือและปล่อยเขาไปรอจนโหวอวี้ซูจาก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 170

    หลังจากที่ต้วนจิ่นเจียงวิเคราะห์ พ่อบ้านก็แสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมาทันที “นายท่าน ท่านหมายถึง...องค์รัชทายาทกำลังลงมือกับพวกเราหรือ!?”ต้วนจิ่นเจียงมีสีหน้าเคร่งเครียด และพูดว่า “ตอนนี้ยังไม่แน่ใจนัก มันเป็นเพียงการเดาของข้า แต่การคาดเดานี้ อาจจะเป็นจริงได้...”“เจ้าไปเตรียมรถม้าก่อน ข้าจะไปที่จวนจ้าวสักครา...จากนั้น เจ้าก็คอยสืบข่าวต่อไป อย่างแรกคือค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นที่จุดพักแรมวันนี้ อย่างที่สองคือดูว่าวันนี้องค์รัชทายาทออกจากตำหนักบูรพาหรือไม่ หากมีข่าวใดๆ รีบรายงานข้าตอนกลับมาทันที”“บ่าวจะจัดการทันที”“รีบไป!” ……ตำหนักบูรพา พระที่นั่งสีเจิ้ง“ฝ่าบาท เพิ่งมีข่าวมาถึงว่า ต้วนจิ่นเจียงเดินทางไปที่จวนจ้าวแล้ว”เฉินทงยืนรายงานอย่างนอบน้อมอยู่กลางห้องโถงหลี่เฉินกำลังดูสาส์นกราบทูลข้อราชการของวันนี้ เมื่อได้ยินดังนั้น เขาก็จิบชาในมือแล้วพูดโดยไม่ยกเปลือกตาขึ้นว่า “ข้าทราบแล้ว”เมื่อมองดูสาส์นกราบทูลข้อราชการในมือของเขา หลี่เฉินก็พูดด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้มว่า “สาส์นกราบทูลฉบับนี้ เป็นของกวนเหยียนเทา ปลัดมณฑลเจียงเจ้อที่ยื่นมา เขากล่าวว่าการป้องกันทางชายฝั่งมณฑลเจียงเจ้อจำเป็

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 171

    นั่นเป็นคําพูดที่ชาญฉลาดไม่เพียงแต่แสดงทัศนคติของตนเองเท่านั้น แต่ยังช่วยทำให้สถานการณ์สมบูรณ์แบบอีกด้วยหลี่เฉินยิ้มหลังจากได้ยินสิ่งนี้ แต่ในใจแทบจะให้คะแนนเฉินทงไม่ผ่านเลยเฉินทงแค่คิดมากเกินไปซานเป่ายังฉลาดกว่าเขาหากเป็นสถานการณ์เดียวกัน ถ้าเป็นซานเป่าตอบ เขาคงแสดงความปรารถนาอยากจะมีอำนาจอย่างเปิดเผยอย่างแน่นอนเนื่องจากเฉินทงไม่เข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นหลี่เฉินหรือจักรพรรดิองค์ปัจจุบันผู้ก่อตั้งหน่วยบูรพา ซึ่งยังนอนอยู่บนแท่นมังกร โดยไม่อาจขยับตัวได้ในขณะนี้พวกเราไม่กลัวความทะเยอทะยานของคนที่อยู่ต่ำกว่า แม้กระทั่งยิ่งทะเยอทะยานมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีมากเท่านั้นเพราะมีเพียงคนที่มีความทะเยอทะยานเท่านั้นที่จะคิดทำสิ่งต่างๆ เพื่อควบคุมมันมิฉะนั้นจักรพรรดิองค์ปัจจุบันจะมอบอำนาจทั้งหมดของหน่วยบูรพาให้กับซานเป่าได้อย่างไร?“ข้าทราบแล้ว”หลี่เฉินไม่คิดที่จะชี้แนะเลยสักนิดเรื่องแบบนี้ เฉินทงต้องเข้าใจด้วยตัวเอง หากไม่เข้าใจ เขาจะเป็นเพียงผู้บัญชาการขององครักษ์เสื้อแพรไปตลอดชีวิต และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะก้าวหน้าได้จากทัศนคติที่สงบของหลี่เฉิน เฉินทงจึงไม่สามารถเข้าใจได้ว่าหลี่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 172

    “ใช่แล้ว นี่แหละ!”หลี่เฉินดีใจมากเวลานี้ ปริมานผลผลิตของจักรวรรดิต้าฉินโดยเฉลี่ยแล้วมีเพียงสองต้านต่อหมู่ เมื่อคำนวณสิ่งนี้ จะมีผลผลิตไม่เกิน 300 ชั่ง[footnoteRef:1] [1: 1 ชั่ง = ครึ่งกก.] เรียกได้ว่าค่อนข้างน่าสังเวชเลยทีเดียวแต่ไม่มีทางเลือก ก่อนที่ปุ๋ยเคมีและเทคโนโลยีชลประทานจะก้าวหน้า ปริมานผลผลิตเช่นนี้ อาจเรียกได้ว่าเป็นขีดจำกัดโดยพื้นฐานตลอดสมัยศักดินา โดยพื้นฐานแล้วผลผลิตธัญพืชต่อหมู่ไม่ได้มีความผันผวนมากนัก เพราะทั้งหมดนี้ปลูกด้วยกำลังคน และเมล็ดพืชก็มีทั้งดีและไม่ดี การเก็บเกี่ยวจะเป็นเช่นไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการอวยพรของเหล่าทวยเทพ “สิ่งนี้เรียกว่ามันเทศ มันสามารถใช้เป็นอาหารหลักแทนธัญพืชได้ มันมีประโยชน์มาก เพียงแค่ล้างและปอกเปลือก ก็สามารถทานดิบๆ ได้โดยตรง นอกจากนี้ยังสามารถนำไปปรุงสุกเพื่อรับประทานได้อีกด้วย หรือถ้าหากตากแห้งก็สามารถเก็บไว้ได้นานเช่นกัน หากไม่ได้ผล หลังจากบดเป็นผงแล้ว ก็สามารถเปลี่ยนเป็นอาหารได้หลากหลาย”หลี่เฉินหยิบถุงผ้าใบเล็กออกมา นี่คือกุญแจสำคัญในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้คนในต้าฉิน“สิ่งสำคัญที่สุดคือ เพียงแค่ปลูกสิ่งนี้และดูแลอย่างเ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 173

    “เจ้าพูดเช่นนี้ หากข้าไม่ให้รางวัลเจ้าจริงๆ เจ้าจะไม่เสียใจทีหลังหรือ?” หลี่เฉินกล่าวยิ้มๆ อย่างอารมณ์ดีหลิวซือฉุนพูดด้วยความเคารพ “ไม่เสียใจในภายหลังเพคะ”หลังจากมองหลิวซือฉุนอย่างลึกซึ้งแล้ว หลี่เฉินจึงพูดว่า “ในอนาคต เมื่อสิ่งนี้ได้รับการส่งเสริมเป็นวงกว้าง ข้าจะแบ่งกำไรให้ตระกูลหลิวหนึ่งส่วน”คำสัญญานี้มีค่ามากกว่าทองหนึ่งพันชั่งแม้แต่คนโง่ก็รู้ว่า ถ้ามันเทศนี้ให้ผลผลิตสูงจริงๆ แม้กำไรหนึ่งส่วนจะฟังดูน้อย แต่ก็เพียงพอที่จะฆ่าคนได้ใบหน้างามของหลิวซือฉุนค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง นางโค้งตัวไปข้างหน้าและพูดว่า “ขอบพระทัยองค์รัชทายาท!”“แค่นี้เองหรือ?”หลี่เฉินยกมือเชยคางของหลิวซือฉุนขึ้น เพื่อให้นางเงยหน้าสบตาเขา จากนั้นก็กล่าวอย่างสบายๆ ว่า “ไม่มีอย่างอื่นเลยหรือ?”หลิวซือฉุนใจสั่น และก้าวถอยหลังเพื่อหลีกเลี่ยงมือของหลี่เฉินตามสัญชาตญาณ นางก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันจะกลับไปสั่งคนให้รวบรวมมันเทศ หากฝ่าบาทไม่มีธุระอื่นใดแล้ว หม่อมฉันขอทูลลาเพคะ”หลี่เฉินหรี่ตาเล็กน้อยเขาโลภเสน่ห์สาวใหญ่ของหลิวซือฉุนมาเป็นเวลานานแล้วสตรีที่เหมือนท้อสุกประเภทนี้ เต็มไปด้วยออร่าอันแ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 174

    “พี่รอง วันนี้แตกต่างจากในอดีต พวกเรามีเงินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงต้องคิดคำนวนอย่างระมัดระวังเป็นธรรมดา” หลิวซือฉุนขมวดคิ้วเล็กน้อย และอธิบายอย่างอดทนคำพูดนี้หากไม่พูดออกมาน่าจะดีกว่า เพราะทันทีที่พูดออกมา ชายหนุ่มก็โกรธจัดทันที“เจ้ายังกล้าจะพูดอีกเหรอ?”“เมื่อก่อนครอบครัวหลิวของพวกเราใช้ชีวิตแบบไหน แล้วตอนนี้พวกเราใช้ชีวิตแบบไหน?”“เมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าชื่นชอบขวดยานัตถุ์เครื่องเครือบอันหนึ่งแต่กลับไม่มีเงินซื้อ เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าของร้านมองข้าด้วยสายตาแบบไหน? เมื่อไม่กี่เดือนก่อน เพียงแค่ข้ามาถึง พวกเขาก็กระดิกหางเข้ามาประจบข้าเหมือนสุนัข แต่มันเป็นเพราะความคิดโง่ๆ ของเจ้า ตอนนี้ครอบครัวของเราจึงยากจน ไม่ว่าข้าจะไปที่ไหนก็ถูกผู้คนมองอย่างดูแคลน!”ชายหนุ่มคนนั้นยิ่งพูดยิ่งตื่นเต้น ยิ่งพูดยิ่งเสียงดังคนในตระกูลที่อยู่ข้างๆ คนหนึ่งก็ดึงแขนเสื้อของเขา พลางกระซิบพูดว่า “นายท่านรอง หยุดพูดได้แล้ว”แต่ชายหนุ่มคนนั้นก็สะบัดมือแล้วกล่าวว่า “เจ้าจะหยุดข้าทำไม? ข้าเก็บคำพูดเหล่านี้ไว้นานแล้ว และอยากจะพูดมันมาตั้งนาน”“ให้เขาพูด!”หลิวซือฉุนตะโกน ดวงตาเมล็ดซิ่งพลันเบิกกว้าง นางนั่งอย

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 175

    ประโยคนี้ หลิวซือฉุนไม่ได้พูดเร็วเลย ระดับน้ำเสียงก็ไม่ได้สูงด้วย แต่ในหูของทุกคนตระกูลหลิว กลับได้ยินเสียงดังฟังชัดประหนึ่งฟ้าร้องพวกเขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ที่สมาชิกตระกูลเฉินและตระกูลหูมากกว่าร้อยคน ยืนเรียงแถวเพื่อถูกตัดหัวหน้าตลาดทีละคน ในเวลานั้น ผู้คนรอบข้างต่างปรบมือและโห่ร้องเสียงดังเมื่อเผชิญหน้ากับฉากนองเลือดนี้ ทว่าขนบนตัวพวกเขากลับลุกชัน เหงื่อเย็นๆ ก็ไหลอาบหน้า“พวกเจ้ายังมีหน้ามาด่าข้าลับหลังว่าไร้ยางอาย ที่ยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลหลิวให้แก่องค์รัชทายาท ถึงขั้นไม่รู้จักอายที่ใส่พานยกถึงหน้าประตูบ้าน คำพูดไม่น่าฟังเหล่านั้นเจ้านึกว่าข้าไม่รู้จริงๆ หรือ?”หลิวซือฉุนเยาะเย้ย “ข้าแค่ไม่สนใจเรื่องนี้จริงๆ แค่ตระกูลสามารถอยู่ต่อได้ ก็สามารถลุกขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง ในสายตาของข้า เรื่องนี้สำคัญยิ่งกว่ามานั่งโต้เถียงเรื่องงี่เง่ากับพวกเจ้า”ทั่วทั้งห้องพลันเงียบกริบคำพูดของหลิวซือฉุนแม้จะดูหยาบคาย แต่ทุกคนก็รู้ว่ามันเป็นความจริงเพียงแต่ยังมีบางคนที่ไม่เต็มใจที่จะยอมรับความจริงที่ว่า โชคลาภของครอบครัวตกต่ำลงเมื่อเทียบกับอดีตเมื่อไม่มีใครพูด หลิว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 176

    ตบนี้ หลิวซือฉุนลงมือด้วยความโกรธจัดใบหน้าขาวผ่องของหลิวซือต๋าก็บวมแดงขึ้นมาทันที หลิวซือต๋าที่ถูกตบก็ตะลึงด้วยเช่นกัน เขายกมือกุมหน้า และมองหลิวซือฉุนอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ใช้เวลาสักพักกว่าจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง เขาตะโกนเสียงดังว่า “เจ้าตบข้า!? เจ้ากล้าตบข้า!? ข้าคือพี่รองของเจ้า นายท่านสองของตระกูลหลิว แต่เจ้ากลับกล้าตบข้า!? เจ้ายังมีลำดับชั้นผู้ใหญ่อยู่ในสายตาบ้างไหม!?”“อะไรที่เรียกว่าลำดับชั้นผู้ใหญ่?!”หลิวซือฉุนกัดฟันด้วยความโกรธ และกล่าวเสียงแหลมว่า “ข้าคือผู้รับผิดชอบตระกูล ถ้าพูดถึงลำดับชั้นแล้ว ข้าอยู่เหนือกว่าเจ้า แล้วมันผิดตรงไหนที่ข้าจะตบเจ้า?”“ในฐานะพี่รอง เจ้าทรยศน้องสาวของเจ้าเพื่อเงินเพียงสองพันตำลึง ข้าควรตบเจ้าไหม?”“ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลหลิว เจ้าร่วมมือกับคนนอกเพื่อจัดการกับผู้รับผิดชอบตระกูล เจ้าสมควรโดนตบไหม?”ใบหน้าของหลิวซือฉุนเย็นชาราวกับน้ำแข็ง และยังพูดต่อว่า “ตบนี้ ยังเบาเกินไปด้วยซ้ำ!”“เข้ามา!”สิ้นเสียงของหลิวซือฉุน ประตูก็เปิดออก จากนั้นก็มีข้ารับใช้สองสามคนที่พอมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้างเดินเข้ามา ครอบครัวหลิวเป็นพ่อค้า จึงเลี่ยงไม

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1053

    “นี่มันเรื่องอะไร?”ซูจิ่นพ่ากดดันต่อทันที “หากเจ้ามีเหตุผล ก็กล่าวมาเถิด ให้คนทั้งใต้หล้าได้ยินให้ชัดว่า องค์รัชทายาทนั้น ‘โง่งม’ อย่างไร?”เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เสียงของซูจิ่นพ่าพลันเย็นเยียบลง “หากเจ้าพูดออกมาไม่ได้ เช่นนั้นก็คือการใส่ร้าย ใส่ร้ายองค์รัชทายาทผู้ครองแผ่นดิน ถือเป็นอาชญากรรม ต้องประหาร!”คำว่า “ต้องประหาร” สิ้นสุดลงในวินาทีใด อำนาจและบารมีอันยิ่งใหญ่ก็ปกคลุมรอบทิศจนขุนนางผู้นั้นถึงกับทรุดตัวนั่งตูมลงกลางพื้นซึ่งชุ่มไปด้วยน้ำฝนเขาถึงกับหวาดกลัวจนหมดสติเมื่อร่างล้มลง มือทั้งสองย่อมต้องยันพื้นไว้โดยสัญชาตญาณ ทว่าเมื่อฝ่ามือเขายื่นออกไป กลับสัมผัสกับพื้นของทางเสด็จในพระราชวัง หน้าพระที่นั่งไท่เหอ มีทางเดินอยู่สามสายสายหนึ่งคือ “ทางสามัญ” สำหรับขุนนางเดินใช้สายหนึ่งคือ “ทางอ๋อง” สำหรับเจ้านาย ราชนิกูลและเชื้อพระวงศ์และอีกสายคือ “ทางจักรพรรดิ” หรือเรียกว่า “ทางเสด็จ” เป็นทางที่มีเพียงฮ่องเต้และองค์รัชทายาทเท่านั้นที่สามารถเดินผ่านได้ตามกฎหมาย แบ่งทางเดินแต่ละสายตามสถานะผู้เดินอย่างเคร่งครัด หากผู้ต่ำศักดิ์ละเมิด ย่อมถือว่าเป็นการล่วงละเมิดเบื้องสูง มีโทษฐานก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1052

    เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นโดยไร้สัญญาณเตือน ทำให้ทุกคนในที่นั้นแลเห็นใบหน้าของหลี่เฉินอย่างชัดเจน ภายใต้สายฝนที่เทกระหน่ำและหลี่เฉินเองก็สามารถมองเห็นสีหน้าของเหล่าขุนนางได้ถนัดตาในสีหน้าพวกเหล่าขุนนาง บ้างจริงจัง บ้างเงียบงัน บ้างหวาดหวั่น ทว่ามากที่สุด...คือความเย็นชาไร้ซึ่งอารมณ์พวกเขาราวกับแน่ใจว่า คืนนี้องค์รัชทายาทจะต้องถูกบีบให้สละตำแหน่งอย่างแน่นอนเสียงตะโกนขอให้องค์รัชทายาทสละราชบัลลังก์ดังระงม ประหนึ่งคลื่นมหึมาที่ถาโถมกดทับอยู่บนร่างของหลี่เฉินซูจิ่นพ่าหันไปมองด้านข้างของหลี่เฉิน ใบหน้าของเขาเรียบเฉยไร้อารมณ์ แต่ด้วยความใกล้ชิด นางรู้ดีว่าร่างกายของบุรุษข้างกายกำลังสั่นไหวเล็กน้อยนั่นมิใช่ความหวาดกลัว แต่เป็นความโกรธในห้วงเวลานี้ ซูจิ่นพ่ารู้สึกเลือดลมพลุ่งพล่านจุกแน่นอยู่ในลำคอ ไม่อาจกลืนกลับไปได้อีกนางจำต้องกล่าวบางสิ่งออกมา“หยาบช้า!”เสียงตำหนิของซูจิ่นพ่าดังใสชัดเจน ในค่ำคืนอันเปียกชื้นอึมครึมนั้น เสียงของนางมิได้ละมุนดังเช่นทุกครั้ง ทว่าหนักแน่นเด็ดเดี่ยวอย่างน่าครั่นคร้ามดั่งเสียงขานแรกของนกฟีนิกซ์วัยเยาว์ แม้ยังไม่เติบโตเต็มที่ แต่ก็เผยแววสง่างามของสตรีผ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1051

    สายฝนเทกระหน่ำ ในห้วงฟ้าดินนั้น นอกจากเสียงเม็ดฝนกระทบพื้นอันอึกทึกแล้ว กลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาอีกเลยทันใดนั้น เสียงขานราชาศัพท์กังวานลั่นไปทั่วสะพานจินสุ่ย“ฮองเฮาเสด็จ!”“องค์รัชทายาทเสด็จ!”“พระชายาองค์รัชทายาทเสด็จ!”เสียงขานรับเสด็จทั้งสามดังขึ้นติดกัน ทำให้เหล่าขุนนางหลายสิบคนเริ่มเคลื่อนไหวเล็กน้อย ทว่าจางปี้อู่ซึ่งยืนอยู่แถวหน้าสุดกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นว่า “สงบปากสงบคำ”เพียงคำเดียว ทุกคนก็เงียบลงทันทีในเวลาไม่นาน ร่างสองร่างก็ปรากฏตัวเคียงข้างกันที่หน้าสะพานจินสุ่ยชุดแต่งงานสีแดงฉาน ภายใต้ม่านฝนและรัตติกาล กลับยิ่งสะดุดตาพร้อมกับการปรากฏตัวของพวกเขา คือเสียงฝีเท้าของเหล่าองครักษ์ที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบองครักษ์อวี่หลินเดินเข้าสู่ลานพิธีพวกเขากระจายตัวรายล้อมกำแพงแดงโดยรอบลานสะพานจินสุ่ย จนล้อมพื้นที่โดยรอบไว้ทั้งหมดเหล่าขุนนางเพียงแต่ยืนมองนิ่งๆ ไม่มีใครขัดขืน ไม่มีผู้ใดกล่าวคำหนึ่งคำราวกับรู้ดีว่า...ทหารเหล่านี้ ไร้ความหมายซานเป่าอยากจะกางร่มให้หลี่เฉินกับซูจิ่นพ่า ทว่าหลี่เฉินโบกมือ แล้วหยิบร่มไปกางเหนือศีรษะของซูจิ่นพ่า ส่วนตนกลับปล่อยให้ร่า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1050

    “ข้าเข้าใจแล้ว…เข้าใจหมดทุกอย่างแล้ว”หลี่อิ๋นหู่ระเบิดเสียงหัวเราะลั่น“ไม่แปลกใจเลย ไม่ว่าอย่างไร ข้าทำสิ่งใด เจ้าก็ล่วงรู้หมด ที่แท้เป็นเช่นนี้! เป็นเช่นนี้เอง!”หลี่เฉินมองหลี่อิ๋นหู่ที่หัวเราะจนหอบหายใจแทบไม่ทัน สีหน้าไร้อารมณ์เขาหันหลัง เดินตรงเข้าไปในศาลบูรพกษัตริย์ซานเป่ากลับไม่ได้หันตาม แต่เดินตรงไปทางหลี่อิ๋นหู่ด้านหลังหลี่เฉิน เสียงหัวเราะของหลี่อิ๋นหู่ยังไม่จางหาย เขาหัวเราะพลางตะโกนลั่น “หลี่เฉิน เจ้าอย่าได้ลำพองใจ เจ้ารู้หรือไม่ว่าจ้าวเสวียนจีร้ายกาจเพียงใด! เจ้ารู้หรือไม่ว่าแผ่นดินนี้มีคนอีกมากมายที่ปรารถนาให้เจ้าตาย! ข้าเป็นแค่หุ่นเชิดก็จริง แต่ข้าก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้น!”“หากเจ้าฆ่าข้า คนพวกนั้นจะไม่อาจอยู่นิ่งได้ อาณาจักรที่เจ้าครอง จะไม่มีวันมั่นคงแน่นอน!”ฝีเท้าหลี่เฉินไม่หยุด ยังคงเดินไปข้างหน้า คำพูดของหลี่อิ๋นหู่ไม่มีผลใดๆ กับเขาเลยในเวลาเดียวกัน เสียงตวาดกร้าวของโจวสิงเจี่ยก็ดังขึ้น“เจ้าจะทำอะไร!”ไม่มีผู้ใดตอบต่อมาคือเสียงฟึ่บ! ของคลื่นลมที่ระเบิดออก ตามด้วยเสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองของโจวสิงเจี่ยถัดจากนั้น เสียงหัวเราะของหลี่อิ๋นหู่ก็เงียบห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1049

    หลี่อิ๋นหู่รู้ดีว่าหลี่เฉินจะต้องฆ่าตนทว่าเมื่อความตายมาปรากฏอยู่ตรงหน้าอย่างแท้จริง เขากลับหวาดกลัวขึ้นมาม่านตาหดแน่น ลำคอหลี่อิ๋นหู่แห้งผากจนลิ้นแทบขยับไม่ไหว“จ้าวเสวียนจีบางทีอาจกำลังรอให้เจ้าฆ่าข้าก็เป็นได้!” หลี่อิ๋นหู่พลันเอ่ยขึ้นมา“ไม่ผิด”หลี่เฉินยืนยันคำพูดของหลี่อิ๋นหู่อีกครั้ง“ความผิดของเจ้า คือเข่นฆ่าพี่น้องร่วมสายเลือด หากข้าฆ่าเจ้า เช่นนั้นข้าก็จะมีความผิดเดียวกับเจ้าอย่างเต็มประตู”“จ้าวเสวียนจีจะใช้ข้อหานี้ ประกาศไปทั่วแคว้น ทำให้ข้าเสื่อมเสียชื่อเสียง”หลี่อิ๋นหู่ราวกับคว้าได้หนึ่งในเส้นเชือกแห่งความหวัง จึงรีบกล่าวด้วยความร้อนรนว่า “เพราะฉะนั้นเจ้าก็ยิ่งห้ามหลงกลเขา!”“ข้าไม่กลัว”หลี่เฉินยิ้มอย่างอ่อนโยน “หลุมที่เจ้าก้าวลงไปแล้วต้องตาย ข้าเดินผ่านไป กลับสามารถถมให้ราบได้”สีหน้าหลี่อิ๋นหู่ชะงักนิ่งเขารู้สึกได้ว่าเส้นเชือกแห่งความหวังนั้น ค่อยๆ เลือนหายไป“อย่าฆ่าข้า!”หลี่อิ๋นหู่พลันทรุดตัวคุกเข่าลง สองเข่าติดพื้น ค่อยๆ คลานเข้าไปหาเขาหลี่เฉินไม่ได้พูดอะไร ไม่แม้แต่จะหลบหลีกปล่อยให้อีกฝ่ายคลานเข้ามาใกล้ พอเขาเอื้อมมือจะกอดขาหลี่เฉิน หลี่เฉินจึ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1048

    การระเบิดของระเบิดเทพต้าฉินทั้งสี่ระลอก ทำให้ผู้คนล้มตายไปหลายพันคน ทำลายขวัญกำลังใจของทัพกบฏจนราบคาบ ยังผลให้หลี่อิ๋นหู่ตื่นจากความฝันอันแสนหวานควันดินปืนยังลอยฟุ้งอยู่ทั่ว เปลวเพลิงที่ระเบิดทิ้งไว้ยังคงลุกไหม้ ธงรบที่ขาดวิ่นไหวระริกในสายลมยามโพล้เพล้ เสียงเปลวไฟแตกดังเปรี๊ยะๆ กับเสียงคร่ำครวญของบาดเจ็บที่ยังไม่สิ้นลมหายใจ ดังอยู่ไม่ขาดสายหลี่เฉินออกคำสั่ง ให้ทหารที่ยังมีแรงเหลือออกไปกวาดล้างสนามรบ“ฝ่าบาท พวกกบฏที่ยังรอดชีวิตอยู่ จะทรงให้ประหารหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”ซานเป่าใช้ความเคยชินในฐานะจางกงแห่งตงฉ่าง เห็นว่าศัตรูก็ต้องฆ่าให้สิ้นซาก จึงเอ่ยถาม“หากผู้ใดพอมีหวังรอดชีวิต ก็ให้รักษาไว้”หลี่เฉินปรายตามองซานเป่า เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พวกเขาเลือกจุดยืนทางการเมืองไม่ได้ เรื่องนั้นเป็นของผู้ใหญ่ข้างบน ทหารเหล่านี้ ก็แค่สู้เพื่อค่าจ้างหนึ่งมื้อเท่านั้น ตั้งแต่ตำแหน่งแม่ทัพร้อยคนขึ้นไป ฆ่าให้หมด”การตัดสินใจที่ใหญ่ปล่อยเล็กเช่นนี้ แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และความใจกว้างของผู้เป็นกษัตริย์ซานเป่าค้อมกายรับคำ “ฝ่าบาททรงเปี่ยมด้วยเมตตา บ่าวขอรับพระโอวาทไว้”เมื่อซานเป่านำรับสั่งไ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1047

    มนุษย์ ย่อมหวาดกลัวต่อภัยอันไม่อาจหยั่งรู้ได้นี่คือสันดานดิบของมนุษย์ เป็นสัญชาตญาณที่เปลี่ยนแปลงมิได้ก่อนหน้านี้ เว้นแต่บุคคลส่วนน้อยอย่างหลี่เฉิน ก็แทบไม่มีผู้ใดเคยเห็นระเบิดเทพต้าฉินมาก่อนเลยเพราะฉะนั้น เมื่อมันแสดงโฉมหน้าดุร้ายในฐานะอาวุธสงครามออกมาเป็นครั้งแรกต่อหน้าฝูงชน ทุกผู้คน รวมทั้งทหารองครักษ์ที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่ร้อยนาย ต่างก็พากันตื่นตะลึงจนตาแตกเสียงระเบิดที่ดังกึกก้อง อานุภาพของมันรุนแรงจนชวนให้ผู้คนคิดว่าหรือจะเป็นเทพพิโรธที่ฟ้าดินบันดาลลงมาแม้แต่หลี่เฉินเอง ก็เพิ่งเคยเห็นผลของระเบิดเทพต้าฉินในสนามรบจริงเป็นครั้งแรกเช่นกันเขารู้สึกพึงใจอย่างยิ่งต่ออานุภาพของระเบิดเทพต้าฉิน ทว่าในใจกลับเจ็บราวกับมีเลือดซึมออกมาเหตุใดน่ะหรือ ก็เพราะทุกเสียงระเบิดนั้น ล้วนแปลเป็นเงินทั้งสิ้นตามต้นทุนในปัจจุบัน ระเบิดระเบิดเทพต้าฉินหนึ่งลูกมีค่าใช้จ่ายราวสองร้อยตำลึงเงินแท้จริงแล้ว ปืนใหญ่หนึ่งนัดเท่ากับทองคำหมื่นตำลึงยิ่งไปกว่านั้น คนที่สามารถสร้างมันได้ ในต้าฉินเวลานี้ก็มีเพียงซ่งอิงซิงคนเดียวเท่านั้น แม้เขาจะพยายามฝึกฝนผู้อื่นอยู่ แต่ของสิ่งนี้กลับต้องใช้พรสวรรค์ อ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1046

    มือปืนทั้งสามแถวพอยิงพร้อมกันเสร็จสิ้นรอบหนึ่ง ก็รีบควานเอาสิ่งของกลมดำสนิทสิ่งหนึ่งออกมาจากถุงผ้าที่คล้องอยู่ข้างกายเจ้าสิ่งนั้นดูแล้วไร้ค่าเสียยิ่งกว่าท่อนไม้ในมือของพวกเขา เป็นของที่ต่อให้ถูกโยนทิ้งไว้ข้างทางก็ไม่มีผู้ใดเหลียวแลแต่เมื่อมีตัวอย่างของท่อนไม้ที่กลับกลายเป็นปืนปรากฏอยู่ก่อนหน้าแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดกล้าดูแคลนของสิ่งนี้“นั่นคือสิ่งใดกัน?”หลี่อิ๋นหู่ขมวดคิ้วแน่น ความรู้สึกไม่สู้ดีถาโถมเข้ามาในใจทันทีก่อนหน้านี้ที่เห็นปืนดินปืน แม้จะทำให้เขาตื่นตระหนกอยู่บ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นเสียขวัญก่อนอื่น ปืนดินปืนนั้นมิใช่ของแปลกใหม่เสียทีเดียว จักรวรรดิต้าฉินในอดีตก็เคยคิดค้นของเช่นนี้ขึ้นมาแล้ว เพียงแต่ทุกคนต่างรู้ว่ามันเล็งได้ไม่แม่น แถมยังต้องเสียเวลายัดดินปืนใส่เข้าไป จึงมิได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายหรือพัฒนาอย่างจริงจัง ผู้คนล้วนเห็นว่าอย่างไรก็ยังสู้ฝึกมือธนูที่มีกำลังแขนมากหน่อยไม่ได้และการที่หลี่เฉินนำปืนดินปืนกลับมาพัฒนาใหม่นั้นก็หาใช่ความลับไม่ ขุนนางมากมายต่างตำหนิเจ้าชายรัชทายาทว่าเอาแต่เล่นจนเสียงาน ริหลงใหลในกลไกแปลกประหลาดซึ่งถือเป็นศาสตร์นอกลู่นอกทางหลี่อิ๋นห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1045

    “ฝ่าบาท พะย่ะค่ะ เราคงรักษาแนวไว้ไม่อยู่แล้ว” ซานเป่ามองสถานการณ์ที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ จึงกล่าวกับหลี่เฉินว่า “ไม่สู้พวกเรากลับเข้าไปในศาลบูรพกษัตริย์ แล้วค่อยหาทางใหม่ดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” “ไม่เป็นไร”หลี่เฉินโบกมือเบาๆ เอ่ยว่า “ให้คนที่เหลือถอยกลับมาเถิด” “แต่ว่า…” หลี่เฉินเหลือบตามองซานเป่าหนึ่งแวบ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “เมื่อใดกันที่เจ้ากลายเป็นผู้ตัดสินใจแทนข้า?” ซานเป่าหน้าตึงไปทันใด รีบก้มตัวยอมรับคำสั่งโดยไม่กล้าเถียงแม้แต่น้อย การรบในสนามยังคงดุเดือดโลหิต เมื่อความแตกต่างด้านจำนวนเพิ่มขึ้นตามอัตราผู้บาดเจ็บและล้มตาย เมื่อกำลังของทั้งสองฝ่ายใกล้ถึงขีดสุด สถานการณ์ก็เปลี่ยนเป็นการสังหารฝ่ายเดียว ขณะนั้นเอง คำสั่งถอยทัพก็ส่งต่อไปยังทุกหน่วย เหล่าทหารต่างรีบหดแนวรับอย่างเป็นระเบียบแม้เป็นการถอย แต่พวกเขายังคงปักหลักรักษาหน้าที่ ไม่มีผู้ใดหลบหนี ไม่แม้แต่จะแตกกระเจิง ทหารรักษาการณ์ที่เคยมีอยู่หลายพันนาย บัดนี้เหลือเพียงไม่กี่ร้อย ทั้งยังล้วนแต่มีบาดแผลติดตัว ดวงตาหลี่เฉินเปล่งประกาย เขาหันไปกล่าวกับซานเป่าข้างกายว่า “ศึกนี้ จงจดชื่อของเหล่าทหารที่เข้าร่วมไว้ทั้งห

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status