Share

บทที่ 176

Author: ไห่ตงชิง
ตบนี้ หลิวซือฉุนลงมือด้วยความโกรธจัด

ใบหน้าขาวผ่องของหลิวซือต๋าก็บวมแดงขึ้นมาทันที

หลิวซือต๋าที่ถูกตบก็ตะลึงด้วยเช่นกัน เขายกมือกุมหน้า และมองหลิวซือฉุนอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ใช้เวลาสักพักกว่าจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง เขาตะโกนเสียงดังว่า “เจ้าตบข้า!? เจ้ากล้าตบข้า!? ข้าคือพี่รองของเจ้า นายท่านสองของตระกูลหลิว แต่เจ้ากลับกล้าตบข้า!? เจ้ายังมีลำดับชั้นผู้ใหญ่อยู่ในสายตาบ้างไหม!?”

“อะไรที่เรียกว่าลำดับชั้นผู้ใหญ่?!”

หลิวซือฉุนกัดฟันด้วยความโกรธ และกล่าวเสียงแหลมว่า “ข้าคือผู้รับผิดชอบตระกูล ถ้าพูดถึงลำดับชั้นแล้ว ข้าอยู่เหนือกว่าเจ้า แล้วมันผิดตรงไหนที่ข้าจะตบเจ้า?”

“ในฐานะพี่รอง เจ้าทรยศน้องสาวของเจ้าเพื่อเงินเพียงสองพันตำลึง ข้าควรตบเจ้าไหม?”

“ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลหลิว เจ้าร่วมมือกับคนนอกเพื่อจัดการกับผู้รับผิดชอบตระกูล เจ้าสมควรโดนตบไหม?”

ใบหน้าของหลิวซือฉุนเย็นชาราวกับน้ำแข็ง และยังพูดต่อว่า “ตบนี้ ยังเบาเกินไปด้วยซ้ำ!”

“เข้ามา!”

สิ้นเสียงของหลิวซือฉุน ประตูก็เปิดออก จากนั้นก็มีข้ารับใช้สองสามคนที่พอมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้างเดินเข้ามา

ครอบครัวหลิวเป็นพ่อค้า จึงเลี่ยงไม
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 177

    ทันทีที่เห็นเฉินทง หัวใจส่วนใหญ่ของหลิวซือฉุนก็กลับไปอยู่ในท้องนางรู้จักสถานะของเฉินทงดี และรู้ด้วยว่าเฉินทงเป็นคนสนิทของหลี่เฉิน ดังนั้นเมื่อเขามาที่นี่ เขาจะไม่วางแผนทำร้ายนางอย่างแน่นอน“รองผู้บัญชาการเฉิน”หลิวซือฉุนโค้งคำนับแบบตื้นๆเมื่อเฉินทงเห็นเช่นนั้นก็รีบหลีกทางในทันที ไม่กล้ารับการคารวะ“ผู้ดูแลหลิวเกรงใจเกินไปแล้ว ไม่ต้องคารวะข้าก็ได้ ไม่ควร ไม่ควรเลย”เฉินทงประเมินว่าองค์รัชทายาทน่าจะสนใจหลิวซือฉุนมากหากสิ่งนี้เป็นความจริง หลิวซือฉุนอาจจะเป็นพระสนมในอนาคตขององค์รัชทายาทก็ได้ และหลังจากที่ฝ่าบาทเสด็จขึ้นครองราชย์ นางก็จะได้เป็นสนมขั้นเฟย ต่อให้เขาจะถูกทุบตีจนตาย เขาก็ไม่กล้ารับการคารวะของหลิวซือฉุนหรอกความสุภาพของเฉินทง ทำให้หลิวซือฉุนสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางแค่คิดว่ามันเป็นเพราะเห็นแก่หน้าของหลี่เฉิน ดังนั้นนางจึงพูดว่า “ไม่ทราบว่ารองผู้บัญชาการเฉินมาเยือนที่นี่ยามวิกาล มีสิ่งใดให้ข้าน้อยช่วยได้บ้าง?”เฉินทงยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าต้องการความช่วยเหลือจากผู้ดูแลหลิวจริงๆ”ขณะที่พูด เฉินทงก็โบกมือ และกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ไปพาตัวคนม

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 178

    คำพูดของเฉินทง ทำให้ตระกูลหลิวรู้สึกตึงเครียดและหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่งนี่อาจจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่องค์รัชทายาทแห่งตำหนักบูรพา ใช้อำนาจในฐานะองค์รัชทายาทบังคับจำกัดการแต่งงานของหญิงชาวบ้านคนหนึ่งตระกูลหลิวเคยผ่านประสบการณ์มาด้วยตัวเองย่อมรู้ดีว่า แม้จะเป็นช่วงที่รุ่งเรืองที่สุดของพวกเขา แต่ถ้าหากเบื้องบนต้องการให้พวกเขาตาย ก็เพียงพูดออกมาแค่คำเดียว ไม่ต้องพูดถึงองค์รัชทายาทที่ไม่สามารถเข้าถึงได้เลย แค่รองผู้บัญชาการเฉินแห่งองครักษ์เสื้อแพรที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดเป็นอันดับสองในหน่วยบูรพา ก็สามารถสังหารพวกเขาได้อย่างง่ายดาย ไม่ต่างจากการบีบมดให้ตาย“มีคำกล่าวว่าเมื่อหนึ่งคนบรรลุเต๋า ไก่สุนัขก็ขึ้นสวรรค์ ที่นี่ใครเป็นผู้บรรลุ ใครเป็นไก่สุนัขที่อาบแสงเพื่อขึ้นสวรรค์ พวกเจ้าทุกคนล้วนมีสติปัญญา ควรจะตระหนักถึงมันได้”“เวลานี้ ผู้ดูแลหลิวกำลังทำงานเพื่อฝ่าบาท และเป็นงานที่สำคัญมาก ฝ่าบาททรงตรัสด้วยองค์เองว่า ไม่ชอบให้คนอื่นมาวุ่นวายกับธุระของตน รบกวนงานของผู้ดูแลหลิวก็เท่ากับรบกวนงานของพระองค์”“วันนี้ข้าจะมอบองครักษ์เสื้อแพรเพื่อเป็นการไว้หน้าผู้ดูแล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 179

    “ฝ่าบาท”หลี่เฉินเงยหน้าขึ้น ก็เห็นจ้าวหรุ่ยถือชามซุปเดินเข้ามา“ดึกดื่นป่านนี้แล้ว แม้จะยุ่งอยู่ราชกิจของประเทศ แต่ฝ่าบาทก็ควรให้ความสำคัญกับพระพลามัย ควรจะพักผ่อนให้เร็วขึ้นสักหน่อย”จ้าวหรุ่ยส่งชามซุปตรงหน้าให้กับหลี่เฉิน พลางกล่าวเสียงเบาว่า “นี่คือซ่งลู่เหอเถาที่หม่อมฉันตั้งใจต้มมาให้ฝ่าบาท มันเป็นประโยชน์ต่อชี่และสมองของพระองค์มากที่สุด ฝ่าบาททรงดื่มมันในขณะที่ยังร้อนๆ เถอะเพคะ”หลี่เฉินรับชามซุปมา และวางไว้ที่ด้านข้าง ก่อนกล่าวว่า “ดึกขนาดนี้แล้ว เจ้ายังไม่นอนอีกหรือ?”จ้าวหรุ่ยกล่าวเสียงเบาว่า “วันนี้ได้พบท่านพ่อท่านแม่ ในใจก็รู้สึกขอบพระทัยฝ่าบาทเป็นอย่างยิ่ง ตอนแรกคิดว่าจะรอให้ฝ่าบาททรงพักผ่อนก่อนแล้วจึงกล่าวขอบพระทัย แต่หลังจากรออยู่นาน ฝ่าบาทก็ยังคงยุ่งอยู่ราชกิจ จึงอดไม่ได้ที่จะเข้ามาดู”“พูดเช่นนี้ ก็เป็นความผิดของข้าแล้ว”หลี่เฉินดึงจ้าวหรุ่ยเข้ามาในอ้อมแขน แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “แล้วเจ้าวางแผนจะตอบแทนข้าอย่างไร?”จ้าวหรุ่ยหน้าแดงระเรื่อ ขณะที่กล่าวเสียงกระซิบว่า “ก็...ก็ซุปนั่นยังไงล่ะเพคะ?”“ไม่พอ”หลี่เฉินกล่าว “ยิ่งไปกว่านั้น ระหว่างที่ข้าอ่านสาส์นกราบทูล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 180

    ทุกวันนี้สถานการณ์กำลังยากลำบาก ภัยพิบัติทางธรรมชาติก็เกิดขึ้นติดต่อกันมาหลายปีแล้ว ชาวบ้านแทบจะเอาชีวิตไม่รอด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเก็บภาษีเลย ท้องพระคลังว่างเปล่า แต่ก็จำเป็นต้องใช้เงินเพื่อบรรเทาภัยพิบัติ ด้วยเหตุนี้ตั้งแต่ท้องถิ่นจนถึงราชสำนัก จึงยากจนข้นแค้นอย่างยิ่งราชสำนักยากจน เงินเดือนของขุนนางก็ยิ่งน้อยลงไปด้วยเมื่อก่อนจางเฮ่อจือเป็นหมอหลวงที่มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่หกคนหนึ่ง ตำแหน่งของเขาไม่ได้สูงมากนัก เงินเดือนของเขาก็ประมาณห้าหรือหกตำลึง ด้วยเงินแค่นี้ ก็พอฝืนเลี้ยงปากเลี้ยงท้องคนในครอบครัวได้ แต่ถ้าอยากจะซื้อบ้านสักหลังในเมืองหลวงก็คงทำได้แค่ฝันก่อนหน้านี้หลี่เฉินตบรับรางวัลเป็นเงินหนึ่งร้อยตำลึง ซึ่งเพียงพอสำหรับทั้งครอบครัวกินอยู่อย่างประหยัดไปได้หลายปี เมื่อรวมกับบ้านหลังนี้แล้ว มันก็เป็นรางวัลที่คนอื่นต้องอิจฉาหลี่เฉินยิ้มจางๆเมื่อหัวหน้าให้ผลประโยชน์กับลูกน้อง ปกติแล้วจะต้องทำในที่โล่ง เพื่อให้ลูกน้องรู้สึกซาบซึ้งในพระคุณ ไม่อย่างนั้น พวกเขาจะตระหนักถึงข้อดีในการทำงานให้กับตัวเองได้ได้อย่างไร?หลังจากที่จางเฮ่อจือจากไป หลี่เฉินก็ยืนขึ้นและเดินไปยังพระที่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 181

    หลังจากบอกให้รอ หลี่เฉินก็ปล่อยให้ต้วนจิ่นเจียงยืนอยู่นอกตำหนักบูรพาจนถึงเที่ยงไม่มีใครมาแจ้ง จึงไม่มีข่าวว่าองค์รัชทายาทให้เขาเข้าพบหรือไม่ ดังนั้นต้วนจิ่นเจียงจึงไม่ได้จากไป แต่ยืนอยู่ที่นั่น ปล่อยให้เกล็ดหิมะร่วงลงมาใส่เดิมทีวันนี้หิมะไม่ได้ตกหนักมาก แต่หลังจากยืนอยู่ที่นั่นทั้งเช้า ต้วนจิ่นเจียงก็ดูเหมือนมนุษย์หิมะ คิ้วและผมของเขาถูกปกคลุมไปด้วยน้ำค้างแข็งโชคดีที่ต้วนจิ่นเจียงมีประสบการณ์ทางการทหารเมื่อตอนที่ยังหนุ่ม ร่างกายของเขาจึงค่อนข้างแข็งแกร่ง ไม่เช่นนั้น หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นคงล้มคว่ำไปแล้วเป็นเช่นนี้จนถึงเที่ยง ตอนนั้นเองที่เฉินทงก็เดินออกมา ซึ่งต้วนจิ่นเจียงก็จวนจะพังทลายลงแล้ว“รองผู้บัญชาการเฉิน ฝ่าบาทตกลงที่จะพบข้าหรือไม่?”ต่อหน้าเฉินทง ต้วนจิ่นเจียงก็ลดท่าทางลง และประสานมือถามเฉินทงแสดงท่าทีสงบนิ่ง ไม่ประจบสอพลอหรือจงใจอวดเบ่ง เขาพูดอย่างใจเย็นว่า “ฝ่าบาทให้เจ้าเข้าไป”“ดี”น้ำเสียงของต้วนจิ่นเจียงฟังไม่ออกว่าดีใจหรือโกรธเคืองไม่ว่าจะเป็นคนโมโหร้ายแค่ไหน แต่หลังจากยืนอยู่ท่ามกลางหิมะตกหนักตลอดเช้า มันก็ได้ขัดเกลาอารมณ์บ้างแล้วทันทีที่ก้าวเท้า ร่างกาย

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 182

    “ไม่ต้องพิธีรีตอง”หลี่เฉินมองไปที่เสื้อผ้าของต้วนจิ่นเจียงซึ่งเปียกชื้นไปครึ่งหนึ่ง และน้ำแข็งค้างที่เกาะอยู่ตรงขนคิ้วของเขา จะเห็นได้ชัดว่าสภาพของต้วนจิ่นเจียงนั้นค่อนข้างจะทุลักทุเลอยู่ไม่น้อย จากนั้นก็พูดเสียงเรียบว่า “ข้ามีหลายสิ่งที่ต้องทำ ปล่อยให้ใต้เท้าต้วนต้องรอนานแล้ว”ต้วนจิ่นเจียงก้มศีรษะลงแล้วประสานมือพูดว่า “ฝ่าบาททรงมีหลายอย่างที่ต้องทำ กระหม่อมสามารถรอได้”“ข้ารู้สึกโล่งใจมากที่ใต้เท้าต้วนเข้าใจเหตุผลเช่นนี้”รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่เฉินก็ค่อยๆ หายไป เขาจ้องมองต้วนจิ่นเจียงแล้วพูดว่า “ระหว่างท่านและข้า ไม่จำเป็นต้องพูดอ้อมค้อมอีกต่อไป ท่านมาที่นี่เพื่อต้วนจั่งเหมียนลูกชายของท่านใช่หรือไม่?”ต้วนจิ่นเจียงรีบคุกเข่าลงทันทีหลังจากได้ยินประโยคนี้ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือว่า “กระหม่อมอบรมบุตรชายไม่ดีเอง ลูกทรพีนั่นถึงได้ล่วงเกินฝ่าบาทเข้า หากจะบอกว่าสมควรตายก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินจริงเลย เพียงแต่อยากให้ฝ่าบาททรงมีพระเมตตา เนื่องจากตระกูลต้วนของกระหม่อมมีบุตรชายคนเดียวมาสามรุ่นแล้ว และกระหม่อมก็มีเพียงบุตรชายผู้นี้เท่านั้นที่จะสืบเชื้อสายตระกูลต่อไปได้”“การล่วงเกิน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 183

    ความกดดันลึกๆ ในใจ และความลับกว่าสิบปีก็พรั่งพรูเข้ามาในหัวใจ ใบหน้าของเขาจึงอดไม่ได้ที่จะแสดงความตื่นตระหนกและความหวาดกลัวที่ฝังลึกอยู่ในกระดูกของเขา แต่ความซีดเซียวนี้ก็หายไปในพริบตา ทว่าในสายตาของหลี่เฉินนั้นมันชัดเจนราวกับไฟ สีหน้าของเขายังคงสงบเยือกเย็น และกล่าวอย่างสงบว่า “เสียงร่ำไห้ของดวงวิญญาณทหารชายแดนนับหมื่นคน และเสียงกรีดร้องของพลเรือนนับหมื่น ยังคงกึกก้องทั่วท้องฟ้าของจักรวรรดิทั้งกลางวันและกลางคืน หากคดีนี้ไม่ได้รับความกระจ่าง ก็คงจะเป็นเรื่องยากที่จะปลอบโยนดวงวิญญาณของคนตายได้” สีหน้าของต้วนจิ่นเจียงพลันซีดลง ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกว่าหลี่เฉินกำลังพูดเป็นนัยๆ และทุกคำพูดของเขาก็ราวกับมีด ที่พยายามจะผ่าหน้าอกของเขาออก และเผยให้เห็นความลับที่ลึกที่สุดในใจของเขาที่ไม่สามารถบอกคนอื่นได้ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ฝ่าบาท คดีนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง หากต้องการเริ่มการสอบสวนใหม่ เราจำเป็นต้องหารือกับสำนักราชเลขาหรือไม่” หลี่เฉินกล่าวอย่างใจเย็นว่า “ไม่ใช่ว่าใต้เท้าต้วนก็เป็นสมาชิกของสำนักราชเลขาหรอกหรือ?” ต้วนจิ่นเจียงตกตะลึง และเงยหน้าขึ้นมองหลี่เฉินด้วย

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 184

    เวลาอากาศข้างนอกหนาวจัดและหิมะตกหนัก แต่ภายในพระที่นั่งสีเจิ้งกลับอบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิ เพียงแต่ต้วนจิ่นเจียงไม่ได้รู้สึกถึงความอบอุ่น กลับรู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายถูกแช่ในน้ำเย็น และยืนรับลมหนาวที่ริมชายฝั่งซึ่งพัดเข้ามา หนาว หนาวไปถึงกระดูกจนทำให้จิตวิญญาณของเขาสั่นสะท้านสถานการณ์พลิกผัน สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในแผนการนี้ไม่ใช่การฆ่าคนโดยไม่เห็นเลือด แต่เป็นการทำให้คนที่ยังมีชีวิต ก้าวไปสู่ความสิ้นหวังทีละก้าว องค์รัชทายาทได้เตรียมการอะไรบางอย่าง และหลังจากที่แน่ใจว่าฟู่อวี้จือในสำนักราชเลขาจะไม่ปฏิเสธเรื่องนี้ ผู้ชนะเพียงคนเดียวก็คือตัวเขาเอง ในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิดหลักในโศกนาฏกรรมในปีนั้น ก่อนที่ต้วนจิ่นเจียงจะเข้าสู่ตำหนักบูรพา เขาไม่เคยคิดว่าองค์รัชทายาทจะใช้กลอุบายบีบบังคับให้เขาตกลงที่จะเปิดการสืบสวนคดีในปีนั้นขึ้นมาใหม่ ซึ่งเทียบเท่ากับการยื่นมีดให้องค์รัชทายาทด้วยตัวเอง และเป็นมีดที่สามารถสังหารคนทั้งกลุ่มได้ เมื่อมองไปทางองค์รัชทายาทที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งมีความสงบนิ่งและเยือกเย็น ต้วนจิ่นเจียงก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสิ่งที่จ้าวเสวียนจีพูดกับเขา ในตอนที่เขาไปปรึก

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1053

    “นี่มันเรื่องอะไร?”ซูจิ่นพ่ากดดันต่อทันที “หากเจ้ามีเหตุผล ก็กล่าวมาเถิด ให้คนทั้งใต้หล้าได้ยินให้ชัดว่า องค์รัชทายาทนั้น ‘โง่งม’ อย่างไร?”เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เสียงของซูจิ่นพ่าพลันเย็นเยียบลง “หากเจ้าพูดออกมาไม่ได้ เช่นนั้นก็คือการใส่ร้าย ใส่ร้ายองค์รัชทายาทผู้ครองแผ่นดิน ถือเป็นอาชญากรรม ต้องประหาร!”คำว่า “ต้องประหาร” สิ้นสุดลงในวินาทีใด อำนาจและบารมีอันยิ่งใหญ่ก็ปกคลุมรอบทิศจนขุนนางผู้นั้นถึงกับทรุดตัวนั่งตูมลงกลางพื้นซึ่งชุ่มไปด้วยน้ำฝนเขาถึงกับหวาดกลัวจนหมดสติเมื่อร่างล้มลง มือทั้งสองย่อมต้องยันพื้นไว้โดยสัญชาตญาณ ทว่าเมื่อฝ่ามือเขายื่นออกไป กลับสัมผัสกับพื้นของทางเสด็จในพระราชวัง หน้าพระที่นั่งไท่เหอ มีทางเดินอยู่สามสายสายหนึ่งคือ “ทางสามัญ” สำหรับขุนนางเดินใช้สายหนึ่งคือ “ทางอ๋อง” สำหรับเจ้านาย ราชนิกูลและเชื้อพระวงศ์และอีกสายคือ “ทางจักรพรรดิ” หรือเรียกว่า “ทางเสด็จ” เป็นทางที่มีเพียงฮ่องเต้และองค์รัชทายาทเท่านั้นที่สามารถเดินผ่านได้ตามกฎหมาย แบ่งทางเดินแต่ละสายตามสถานะผู้เดินอย่างเคร่งครัด หากผู้ต่ำศักดิ์ละเมิด ย่อมถือว่าเป็นการล่วงละเมิดเบื้องสูง มีโทษฐานก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1052

    เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นโดยไร้สัญญาณเตือน ทำให้ทุกคนในที่นั้นแลเห็นใบหน้าของหลี่เฉินอย่างชัดเจน ภายใต้สายฝนที่เทกระหน่ำและหลี่เฉินเองก็สามารถมองเห็นสีหน้าของเหล่าขุนนางได้ถนัดตาในสีหน้าพวกเหล่าขุนนาง บ้างจริงจัง บ้างเงียบงัน บ้างหวาดหวั่น ทว่ามากที่สุด...คือความเย็นชาไร้ซึ่งอารมณ์พวกเขาราวกับแน่ใจว่า คืนนี้องค์รัชทายาทจะต้องถูกบีบให้สละตำแหน่งอย่างแน่นอนเสียงตะโกนขอให้องค์รัชทายาทสละราชบัลลังก์ดังระงม ประหนึ่งคลื่นมหึมาที่ถาโถมกดทับอยู่บนร่างของหลี่เฉินซูจิ่นพ่าหันไปมองด้านข้างของหลี่เฉิน ใบหน้าของเขาเรียบเฉยไร้อารมณ์ แต่ด้วยความใกล้ชิด นางรู้ดีว่าร่างกายของบุรุษข้างกายกำลังสั่นไหวเล็กน้อยนั่นมิใช่ความหวาดกลัว แต่เป็นความโกรธในห้วงเวลานี้ ซูจิ่นพ่ารู้สึกเลือดลมพลุ่งพล่านจุกแน่นอยู่ในลำคอ ไม่อาจกลืนกลับไปได้อีกนางจำต้องกล่าวบางสิ่งออกมา“หยาบช้า!”เสียงตำหนิของซูจิ่นพ่าดังใสชัดเจน ในค่ำคืนอันเปียกชื้นอึมครึมนั้น เสียงของนางมิได้ละมุนดังเช่นทุกครั้ง ทว่าหนักแน่นเด็ดเดี่ยวอย่างน่าครั่นคร้ามดั่งเสียงขานแรกของนกฟีนิกซ์วัยเยาว์ แม้ยังไม่เติบโตเต็มที่ แต่ก็เผยแววสง่างามของสตรีผ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1051

    สายฝนเทกระหน่ำ ในห้วงฟ้าดินนั้น นอกจากเสียงเม็ดฝนกระทบพื้นอันอึกทึกแล้ว กลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาอีกเลยทันใดนั้น เสียงขานราชาศัพท์กังวานลั่นไปทั่วสะพานจินสุ่ย“ฮองเฮาเสด็จ!”“องค์รัชทายาทเสด็จ!”“พระชายาองค์รัชทายาทเสด็จ!”เสียงขานรับเสด็จทั้งสามดังขึ้นติดกัน ทำให้เหล่าขุนนางหลายสิบคนเริ่มเคลื่อนไหวเล็กน้อย ทว่าจางปี้อู่ซึ่งยืนอยู่แถวหน้าสุดกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นว่า “สงบปากสงบคำ”เพียงคำเดียว ทุกคนก็เงียบลงทันทีในเวลาไม่นาน ร่างสองร่างก็ปรากฏตัวเคียงข้างกันที่หน้าสะพานจินสุ่ยชุดแต่งงานสีแดงฉาน ภายใต้ม่านฝนและรัตติกาล กลับยิ่งสะดุดตาพร้อมกับการปรากฏตัวของพวกเขา คือเสียงฝีเท้าของเหล่าองครักษ์ที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบองครักษ์อวี่หลินเดินเข้าสู่ลานพิธีพวกเขากระจายตัวรายล้อมกำแพงแดงโดยรอบลานสะพานจินสุ่ย จนล้อมพื้นที่โดยรอบไว้ทั้งหมดเหล่าขุนนางเพียงแต่ยืนมองนิ่งๆ ไม่มีใครขัดขืน ไม่มีผู้ใดกล่าวคำหนึ่งคำราวกับรู้ดีว่า...ทหารเหล่านี้ ไร้ความหมายซานเป่าอยากจะกางร่มให้หลี่เฉินกับซูจิ่นพ่า ทว่าหลี่เฉินโบกมือ แล้วหยิบร่มไปกางเหนือศีรษะของซูจิ่นพ่า ส่วนตนกลับปล่อยให้ร่า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1050

    “ข้าเข้าใจแล้ว…เข้าใจหมดทุกอย่างแล้ว”หลี่อิ๋นหู่ระเบิดเสียงหัวเราะลั่น“ไม่แปลกใจเลย ไม่ว่าอย่างไร ข้าทำสิ่งใด เจ้าก็ล่วงรู้หมด ที่แท้เป็นเช่นนี้! เป็นเช่นนี้เอง!”หลี่เฉินมองหลี่อิ๋นหู่ที่หัวเราะจนหอบหายใจแทบไม่ทัน สีหน้าไร้อารมณ์เขาหันหลัง เดินตรงเข้าไปในศาลบูรพกษัตริย์ซานเป่ากลับไม่ได้หันตาม แต่เดินตรงไปทางหลี่อิ๋นหู่ด้านหลังหลี่เฉิน เสียงหัวเราะของหลี่อิ๋นหู่ยังไม่จางหาย เขาหัวเราะพลางตะโกนลั่น “หลี่เฉิน เจ้าอย่าได้ลำพองใจ เจ้ารู้หรือไม่ว่าจ้าวเสวียนจีร้ายกาจเพียงใด! เจ้ารู้หรือไม่ว่าแผ่นดินนี้มีคนอีกมากมายที่ปรารถนาให้เจ้าตาย! ข้าเป็นแค่หุ่นเชิดก็จริง แต่ข้าก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้น!”“หากเจ้าฆ่าข้า คนพวกนั้นจะไม่อาจอยู่นิ่งได้ อาณาจักรที่เจ้าครอง จะไม่มีวันมั่นคงแน่นอน!”ฝีเท้าหลี่เฉินไม่หยุด ยังคงเดินไปข้างหน้า คำพูดของหลี่อิ๋นหู่ไม่มีผลใดๆ กับเขาเลยในเวลาเดียวกัน เสียงตวาดกร้าวของโจวสิงเจี่ยก็ดังขึ้น“เจ้าจะทำอะไร!”ไม่มีผู้ใดตอบต่อมาคือเสียงฟึ่บ! ของคลื่นลมที่ระเบิดออก ตามด้วยเสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองของโจวสิงเจี่ยถัดจากนั้น เสียงหัวเราะของหลี่อิ๋นหู่ก็เงียบห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1049

    หลี่อิ๋นหู่รู้ดีว่าหลี่เฉินจะต้องฆ่าตนทว่าเมื่อความตายมาปรากฏอยู่ตรงหน้าอย่างแท้จริง เขากลับหวาดกลัวขึ้นมาม่านตาหดแน่น ลำคอหลี่อิ๋นหู่แห้งผากจนลิ้นแทบขยับไม่ไหว“จ้าวเสวียนจีบางทีอาจกำลังรอให้เจ้าฆ่าข้าก็เป็นได้!” หลี่อิ๋นหู่พลันเอ่ยขึ้นมา“ไม่ผิด”หลี่เฉินยืนยันคำพูดของหลี่อิ๋นหู่อีกครั้ง“ความผิดของเจ้า คือเข่นฆ่าพี่น้องร่วมสายเลือด หากข้าฆ่าเจ้า เช่นนั้นข้าก็จะมีความผิดเดียวกับเจ้าอย่างเต็มประตู”“จ้าวเสวียนจีจะใช้ข้อหานี้ ประกาศไปทั่วแคว้น ทำให้ข้าเสื่อมเสียชื่อเสียง”หลี่อิ๋นหู่ราวกับคว้าได้หนึ่งในเส้นเชือกแห่งความหวัง จึงรีบกล่าวด้วยความร้อนรนว่า “เพราะฉะนั้นเจ้าก็ยิ่งห้ามหลงกลเขา!”“ข้าไม่กลัว”หลี่เฉินยิ้มอย่างอ่อนโยน “หลุมที่เจ้าก้าวลงไปแล้วต้องตาย ข้าเดินผ่านไป กลับสามารถถมให้ราบได้”สีหน้าหลี่อิ๋นหู่ชะงักนิ่งเขารู้สึกได้ว่าเส้นเชือกแห่งความหวังนั้น ค่อยๆ เลือนหายไป“อย่าฆ่าข้า!”หลี่อิ๋นหู่พลันทรุดตัวคุกเข่าลง สองเข่าติดพื้น ค่อยๆ คลานเข้าไปหาเขาหลี่เฉินไม่ได้พูดอะไร ไม่แม้แต่จะหลบหลีกปล่อยให้อีกฝ่ายคลานเข้ามาใกล้ พอเขาเอื้อมมือจะกอดขาหลี่เฉิน หลี่เฉินจึ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1048

    การระเบิดของระเบิดเทพต้าฉินทั้งสี่ระลอก ทำให้ผู้คนล้มตายไปหลายพันคน ทำลายขวัญกำลังใจของทัพกบฏจนราบคาบ ยังผลให้หลี่อิ๋นหู่ตื่นจากความฝันอันแสนหวานควันดินปืนยังลอยฟุ้งอยู่ทั่ว เปลวเพลิงที่ระเบิดทิ้งไว้ยังคงลุกไหม้ ธงรบที่ขาดวิ่นไหวระริกในสายลมยามโพล้เพล้ เสียงเปลวไฟแตกดังเปรี๊ยะๆ กับเสียงคร่ำครวญของบาดเจ็บที่ยังไม่สิ้นลมหายใจ ดังอยู่ไม่ขาดสายหลี่เฉินออกคำสั่ง ให้ทหารที่ยังมีแรงเหลือออกไปกวาดล้างสนามรบ“ฝ่าบาท พวกกบฏที่ยังรอดชีวิตอยู่ จะทรงให้ประหารหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”ซานเป่าใช้ความเคยชินในฐานะจางกงแห่งตงฉ่าง เห็นว่าศัตรูก็ต้องฆ่าให้สิ้นซาก จึงเอ่ยถาม“หากผู้ใดพอมีหวังรอดชีวิต ก็ให้รักษาไว้”หลี่เฉินปรายตามองซานเป่า เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พวกเขาเลือกจุดยืนทางการเมืองไม่ได้ เรื่องนั้นเป็นของผู้ใหญ่ข้างบน ทหารเหล่านี้ ก็แค่สู้เพื่อค่าจ้างหนึ่งมื้อเท่านั้น ตั้งแต่ตำแหน่งแม่ทัพร้อยคนขึ้นไป ฆ่าให้หมด”การตัดสินใจที่ใหญ่ปล่อยเล็กเช่นนี้ แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และความใจกว้างของผู้เป็นกษัตริย์ซานเป่าค้อมกายรับคำ “ฝ่าบาททรงเปี่ยมด้วยเมตตา บ่าวขอรับพระโอวาทไว้”เมื่อซานเป่านำรับสั่งไ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1047

    มนุษย์ ย่อมหวาดกลัวต่อภัยอันไม่อาจหยั่งรู้ได้นี่คือสันดานดิบของมนุษย์ เป็นสัญชาตญาณที่เปลี่ยนแปลงมิได้ก่อนหน้านี้ เว้นแต่บุคคลส่วนน้อยอย่างหลี่เฉิน ก็แทบไม่มีผู้ใดเคยเห็นระเบิดเทพต้าฉินมาก่อนเลยเพราะฉะนั้น เมื่อมันแสดงโฉมหน้าดุร้ายในฐานะอาวุธสงครามออกมาเป็นครั้งแรกต่อหน้าฝูงชน ทุกผู้คน รวมทั้งทหารองครักษ์ที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่ร้อยนาย ต่างก็พากันตื่นตะลึงจนตาแตกเสียงระเบิดที่ดังกึกก้อง อานุภาพของมันรุนแรงจนชวนให้ผู้คนคิดว่าหรือจะเป็นเทพพิโรธที่ฟ้าดินบันดาลลงมาแม้แต่หลี่เฉินเอง ก็เพิ่งเคยเห็นผลของระเบิดเทพต้าฉินในสนามรบจริงเป็นครั้งแรกเช่นกันเขารู้สึกพึงใจอย่างยิ่งต่ออานุภาพของระเบิดเทพต้าฉิน ทว่าในใจกลับเจ็บราวกับมีเลือดซึมออกมาเหตุใดน่ะหรือ ก็เพราะทุกเสียงระเบิดนั้น ล้วนแปลเป็นเงินทั้งสิ้นตามต้นทุนในปัจจุบัน ระเบิดระเบิดเทพต้าฉินหนึ่งลูกมีค่าใช้จ่ายราวสองร้อยตำลึงเงินแท้จริงแล้ว ปืนใหญ่หนึ่งนัดเท่ากับทองคำหมื่นตำลึงยิ่งไปกว่านั้น คนที่สามารถสร้างมันได้ ในต้าฉินเวลานี้ก็มีเพียงซ่งอิงซิงคนเดียวเท่านั้น แม้เขาจะพยายามฝึกฝนผู้อื่นอยู่ แต่ของสิ่งนี้กลับต้องใช้พรสวรรค์ อ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1046

    มือปืนทั้งสามแถวพอยิงพร้อมกันเสร็จสิ้นรอบหนึ่ง ก็รีบควานเอาสิ่งของกลมดำสนิทสิ่งหนึ่งออกมาจากถุงผ้าที่คล้องอยู่ข้างกายเจ้าสิ่งนั้นดูแล้วไร้ค่าเสียยิ่งกว่าท่อนไม้ในมือของพวกเขา เป็นของที่ต่อให้ถูกโยนทิ้งไว้ข้างทางก็ไม่มีผู้ใดเหลียวแลแต่เมื่อมีตัวอย่างของท่อนไม้ที่กลับกลายเป็นปืนปรากฏอยู่ก่อนหน้าแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดกล้าดูแคลนของสิ่งนี้“นั่นคือสิ่งใดกัน?”หลี่อิ๋นหู่ขมวดคิ้วแน่น ความรู้สึกไม่สู้ดีถาโถมเข้ามาในใจทันทีก่อนหน้านี้ที่เห็นปืนดินปืน แม้จะทำให้เขาตื่นตระหนกอยู่บ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นเสียขวัญก่อนอื่น ปืนดินปืนนั้นมิใช่ของแปลกใหม่เสียทีเดียว จักรวรรดิต้าฉินในอดีตก็เคยคิดค้นของเช่นนี้ขึ้นมาแล้ว เพียงแต่ทุกคนต่างรู้ว่ามันเล็งได้ไม่แม่น แถมยังต้องเสียเวลายัดดินปืนใส่เข้าไป จึงมิได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายหรือพัฒนาอย่างจริงจัง ผู้คนล้วนเห็นว่าอย่างไรก็ยังสู้ฝึกมือธนูที่มีกำลังแขนมากหน่อยไม่ได้และการที่หลี่เฉินนำปืนดินปืนกลับมาพัฒนาใหม่นั้นก็หาใช่ความลับไม่ ขุนนางมากมายต่างตำหนิเจ้าชายรัชทายาทว่าเอาแต่เล่นจนเสียงาน ริหลงใหลในกลไกแปลกประหลาดซึ่งถือเป็นศาสตร์นอกลู่นอกทางหลี่อิ๋นห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1045

    “ฝ่าบาท พะย่ะค่ะ เราคงรักษาแนวไว้ไม่อยู่แล้ว” ซานเป่ามองสถานการณ์ที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ จึงกล่าวกับหลี่เฉินว่า “ไม่สู้พวกเรากลับเข้าไปในศาลบูรพกษัตริย์ แล้วค่อยหาทางใหม่ดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” “ไม่เป็นไร”หลี่เฉินโบกมือเบาๆ เอ่ยว่า “ให้คนที่เหลือถอยกลับมาเถิด” “แต่ว่า…” หลี่เฉินเหลือบตามองซานเป่าหนึ่งแวบ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “เมื่อใดกันที่เจ้ากลายเป็นผู้ตัดสินใจแทนข้า?” ซานเป่าหน้าตึงไปทันใด รีบก้มตัวยอมรับคำสั่งโดยไม่กล้าเถียงแม้แต่น้อย การรบในสนามยังคงดุเดือดโลหิต เมื่อความแตกต่างด้านจำนวนเพิ่มขึ้นตามอัตราผู้บาดเจ็บและล้มตาย เมื่อกำลังของทั้งสองฝ่ายใกล้ถึงขีดสุด สถานการณ์ก็เปลี่ยนเป็นการสังหารฝ่ายเดียว ขณะนั้นเอง คำสั่งถอยทัพก็ส่งต่อไปยังทุกหน่วย เหล่าทหารต่างรีบหดแนวรับอย่างเป็นระเบียบแม้เป็นการถอย แต่พวกเขายังคงปักหลักรักษาหน้าที่ ไม่มีผู้ใดหลบหนี ไม่แม้แต่จะแตกกระเจิง ทหารรักษาการณ์ที่เคยมีอยู่หลายพันนาย บัดนี้เหลือเพียงไม่กี่ร้อย ทั้งยังล้วนแต่มีบาดแผลติดตัว ดวงตาหลี่เฉินเปล่งประกาย เขาหันไปกล่าวกับซานเป่าข้างกายว่า “ศึกนี้ จงจดชื่อของเหล่าทหารที่เข้าร่วมไว้ทั้งห

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status