จินเสวี่ยยวนสละความบริสุทธิ์ของนาง แล้วหลี่เฉินจะช่วยให้นางได้พบกับองค์รัชทายาทนี่เป็นข้อตกลงที่ทั้งสองเคยเจรจากันมาก่อนจินเสวี่ยยวนคิดว่าหลี่เฉินแค่หาข้ออ้างรังแกนาง แต่ไม่คาดคิดว่าหลี่เฉินจะนำข่าวมาจริงๆนางรีบถามทันทีว่า “ได้ข่าวว่าอย่างไร? องค์รัชทายาทตกลงจะพบข้าหรือไม่?”“พบองค์รัชทายาทหรือ”หลี่เฉินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “จะบอกว่าง่ายก็ง่าย จะบอกว่ายากก็ยาก”สีหน้าของจินเสวี่ยยวนพลันเย็นชา “เจ้ากำลังล้อข้าเล่นอย่างนั้นหรือ?”“อดทนและฟังสิ่งที่ข้าจะพูด”หลี่เฉินรู้สึกเหนื่อย จึงเอนตัวไปบนเก้าอี้เบาะนุ่ม จากนั้นก็ชี้ไปยังองุ่นที่วางอยู่บนโต๊ะชาเล็กๆ จินเสวี่ยยวนตาโต ก่อนจะพูดด้วยความโกรธว่า “เจ้าคิดจะทำอะไร?”หลี่เฉินพูดออกไปตามตรงว่า “ป้อนข้า”จินเสวี่ยยวนกัดฟันแน่น นางแทบทนไม่ไหวอยากจะชักมีดออกมาแทงหลี่เฉินให้ตายเพื่อบรรเทาความโกรธของนาง “ฝันไปเถอะ!”จินเสวี่ยยวนพูดอย่างดื้อรั้น “ไม่ว่าข้าจะผิดหวังแค่ไหน แต่ก็ยังเป็นองค์หญิงแห่งอาณาจักรเสียนเฉา เจ้าจะทำเช่นนั้นกับข้าได้อย่างไร? ให้ข้าทำตัวเป็นสาวใช้ของเจ้า?”“เพื่อให้เจ้าได้พบกับองค์รัชทายาท”หลี่เฉินกล่าวด้วยร
ร่างกายของหลี่เฉินที่แนบชิดนางเต็มไปด้วยกลิ่นไอของบุรุษเพศ จุดอ่อนไหวด้านหลังของนางถูกมือของชายหนุ่มลูบคลำ ใบหน้างามของจินเสวี่ยยวนจึงค่อยๆ แดงก่ำดุจโลหิตภาพที่ไม่น่าดูของพวกเขาทั้งสองคนในร้านอาหารวันนั้น ก็แวบขึ้นมาในหัวของนาง จินเสวี่ยยวนรู้สึกอับอายจนกลายเป็นโกรธ นางพยายามดิ้นหนีและพูดว่า “เจ้า เจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ!”หลี่เฉินกอดจินเสวี่ยยวนแน่นไม่ยอมปล่อย เรือนร่างของสตรีที่กำลังบิดตัวหนีนั้น ยิ่งกระตุ้นประสาทสัมผัสให้แข็งแกร่งขึ้นเขาหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “ผู้หญิงสามารถเปลี่ยนสีหน้าได้เร็วยิ่งกว่าพลิกหน้าหนังสือเสียอีก เราทุกคนเห็นพ้องกันว่านี่คือข้อตกลง และเจ้าก็ตกลง ตอนนี้พอข้าทำภารกิจสำเร็จก็คิดจะเบี้ยว?”จินเสวี่ยยวนเบิกตากว้าง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีคนที่ไร้ยางอายเช่นนี้อยู่บนโลก“เจ้า...ไม่ใช่ว่าวันนั้นเจ้าก็รับไปแล้วรึ!?”เพื่อแยกแยะถูกผิด จินเสวี่ยยวนจึงทนไม่ไหวต้องเป็นฝ่ายยกเรื่องในวันนั้นขึ้นมาพูด...“ดูสิ่งที่พูดสิ เช่นนั้น ถ้าวันนี้เจ้ากินข้าวแล้ว พรุ่งนี้ก็ไม่จำเป็นต้องกินอีกหรือ?”หลี่เฉินพูดอย่างมั่นใจ “ข้าไม่เคยพูดว่าข้าต้องการมันกี่ครั้ง”จินเสวี่ยยวน
เสื้อนอก ผ้าคาดเอว กระโปรง เสื้อซับใน ตู้โตว...เสื้อผ้าทั้งนอกและในล้วนถูกโยนลงจากแท่นบุนวมทีละชิ้นหลังจากถอดเสื้อผ้า หนุ่มสาวก็พากันแนบชิดพัวพันกันบนแท่นบุนวมที่เล็กแคบนั่น หลี่เฉินก็แนบกายใกล้ชิดกับจินเสวี่ยยวนหลี่เฉินอยู่ภายใต้ความกดดันมากเกินไป และมีหลายสิ่งที่ต้องกังวลมากเกินไปทำให้ดูเหมือนกับว่าตอนนี้วินาทีนี้ ร่างอรชรอ้อนแอ้นของสตรีในอ้อมแขนของเขา สามารถทำให้เขาลืมสิ่งที่น่ารำคาญเหล่านั้นได้ชั่วคราวยามที่มังกรทะลวงผ่านดวงอาทิตย์ จินเสวี่ยยวนก็ส่งเสียงร้องออกมา นางอ้าปากแล้วกัดไปที่ไหล่ของหลี่เฉิน ราวกับว่าจะระบายความโกรธของนาง ชนิดที่ว่าแม้ตายก็ไม่ปล่อย ฉับพลันเลือดก็ไหลรินออกมา หลี่เฉินรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงตรงจุดบอบบางที่ไหล่ ราวกับมีเข็มแทงใจ ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกับความรู้สึกที่แน่นตึงสร้างความแตกต่างที่ไม่มีอะไรเทียบได้ประหนึ่งน้ำแข็งกับไฟนอกจุดพักแรมในขณะนี้ต้วนจั่งเหมียนที่จากไปแล้วก็กลับมาอีกครั้งคราวนี้ เขาได้นำคนกลุ่มใหญ่มาด้วยซึ่งคนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้คุ้มกันที่เขานำมาจากบ้านมีมากกว่ายี่สิบคนแม้จะเรียกว่าเป็นผู้คุ้มกัน แต่พวกเขาล้
ทันทีที่เขาเห็นซูผิงเป่ย ใบหน้าของต้วนจั่งเหมียนก็พลันซีดลงเขากลัวซูผิงเป่ยมาก ไม่อย่างนั้นก่อนหน้านี้ เขาคงไม่หนีด้วยความสิ้นหวังเมื่อเห็นป้ายแขวนเอวของซูผิงเป่ยหรอก หลังจากที่รู้ว่าซูผิงเป่ยไม่มีญาติหรือสหายในเมืองหลวง เขาก็รีบนำคนกลับมาทันทีในแวดวงของเหล่าคุณชายชั้นสูงในเมืองหลวงนั้น มีใครไม่รู้บ้างว่าซูผิงเป่ยเผด็จการที่สุด?สิ่งที่น่ากลัวที่สุดเกี่ยวกับซูผิงเป่ยไม่ใช่แค่นิสัยเผด็จการของเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความจริงที่ว่าเขามีสมอง และยังสามารถใช้กลอุบายต่างๆ ได้หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่า จวนแม่ทัพใหญ่ค่อยๆ ตกต่ำลง จ้าวไท่ไหลคงไม่มีทางได้เฉิดฉายหรอก“ซูผิงเป่ย เจ้าจะลุยน้ำโคลนนี่ด้วยหรือ?” ต้วนจั่งเหมียนกัดฟันพูดซูผิงเป่ยเบะปากพูดตามตรง เนื่องจากเขากอดต้นขาทองคำ ตอนนี้จึงดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการของหน่วยองครักษ์อวี่หลินแห่งค่ายเป่ยต้า เขาจึงมีพลังที่แท้จริงอยู่ในมือ ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจศึกชิงรักหักสวาทของเหล่าคุณชายพวกนี้เลยเพียงแต่ว่าองครักษ์เสื้อแพรขอให้เขาจัดการเรื่องนี้ตามคำสั่งของต้นขาทองคำ ดังนั้นซูผิงเป่ยก็จะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอนเขาเดินเข้าไปหาต้วนจั่งเหม
เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็เห็นหลี่เฉินโผล่หน้าออกมาจากทางหน้าต่าง ต้วนจั่งเหมียนกัดฟันจนแทบแตก แม้จะพบกันเพียงแค่สองครั้ง แต่ครั้งแรกที่พวกเขาพบกัน ต้วนจั่งเหมียนก็ถูกชายผู้นี้สั่งให้ลูกน้องโยนเขาออกไปเหมือนกับทิ้งขยะ ตอนนี้เป็นครั้งที่สองที่พวกเขาพบกัน ทว่าตัวเขานั้นกลับกลายเป็นนักโทษไปแล้วแม้ต้วนจั่งเหมียนจะแน่ใจว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา แต่หน้าตาของเขาก็ถูกทำลายจนยับเยินไปแล้ว“เจ้าเป็นใคร!”ต้วนจั่งเหมียนในตอนนี้มีหรือจะมองไม่ออกว่าการที่ซูผิงเป่ยปรากฏตัวที่นี่นั้นเกี่ยวข้องกับหลี่เฉินโดยตรง แต่เขาคิดจนหัวแทบแตกก็ยังนึกไม่ออกว่า ตัวตนของหลี่เฉินเป็นใครกันแน่ ถึงได้ทำให้ซูผิงเป่ยคอยปรนนิบัติรับใช้เช่นนี้ได้หลี่เฉินเหลือบมองต้วนจั่งเหมียนด้วยสายตาเนื่อยๆ เขาไม่สนใจจะพูดคุยกับคุณชายเสเพลพวกนี้หรอกขณะที่หลี่เฉินกำลังจะพูด เรียวแขนดุจรากบัวหิมะก็ยื่นออกมาจ่อที่ปากของเขา ในนิ้วกลมมนนั้นถือองุ่นที่ปอกเปลือกแล้วไว้ลูกหนึ่งท่ามกลางสายตาของทุกคน หลี่เฉินก็เปิดปากของเขาและกินองุ่นที่ถูกป้อนมาฉากนี้ ทำให้ต้วนจั่งเหมียนอิจฉาจนแทบคลั่งเขารู้ว่า ห้องนั้นคือห้องของจินเสวี่ยยวน องค์หญิง
จินเสวี่ยยวนไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของหลี่เฉินเลยแต่นางรับรู้โดยสัญชาตญาณว่า หลี่เฉินกำลังวางแผนบางอย่างอยู่ถ้าตะพาบน้อยคือต้วนจั่งเหมียน แล้วตะพาบแก่คือใครล่ะ?ต้วนจิ่นเจียง?ขุนนางคนสำคัญของสำนักราชเลขาปัจจุบัน มหาอำมาตย์เหวินเก๋อ ต้วนจิ่นเจียง?ความคิดนี้ทำให้จินเสวี่ยยวนตกใจนางมองไปที่หลี่เฉินด้วยความหวาดกลัว และอุทานอย่างตกใจว่า “เจ้าคิดจะทำอะไร?”หลังจากปิดหน้าต่าง อุณหภูมิในห้องก็สูงขึ้นมาก หลี่เฉินเอื้อมมือออกจากผ้าห่มแล้วดึงจินเสวี่ยยวนเข้ามา“อย่าคิดมากไปเลย เจ้าควรจะเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงในคืนพรุ่งนี้ และคิดหาวิธีโน้มน้าวให้องค์รัชทายาทช่วยพวกเจ้า แต่ก่อนหน้านั้น มาสนุกกับข้าอีกสักรอบจะดีกว่า”คำพูดของหลี่เฉินนั้นฟังดูเหมือนลูกค้าที่กำลังหยอกล้อสตรีในหอโคมเขียวหรือซ่องทำให้ศักดิ์ศรีของจินเสวี่ยยวนเหมือนถูกโจมตีอย่างหนักนางพยายามดิ้นหนี ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง“ปล่อยข้านะ ไอ้ชาติชั่ว!”“หากบุรุษในใต้หล้าทำตัวเป็นปราชญ์เมธีที่ไม่ใกล้ชิดกับสตรี คนที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับความสูญเสียที่สุดก็คือบุรุษนั่นแหละ หรือเจ้า สตรีเช่นเจ้าที่สามารถทำให้ผู้ชายจ
คำพูดของซูผิงเป่ย ทำให้หลี่เฉินพูดไม่ออกบอกไม่ถูกแต่เขาก็ไม่ปล่อยให้ซูผิงเป่ยต้องรอเก้อ“เอาล่ะ ถ้าเจ้าว่าเช่นนั้นก็ตามนั้นเถอะ”หลี่เฉินมุ่งหน้าออกจากจุดพักแรม เขาเอามือไพล่หลังแล้วพูดว่า “แต่วันนี้เจ้าทำได้ดีมาก มีหลายสิ่งที่ข้าไม่สามารถคาดเดาได้ทั้งหมด จึงปล่อยให้เจ้าลงมืออย่างอิสระ ตรรกะความเข้าใจของเจ้าก็ไม่เลว ถือว่ามีไหวพริบเลยทีเดียว”ซูผิงเป่ยยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้นมาทันที“ทั้งหมดนี้ต้องขอบพระทัยฝ่าบาท กระหม่อมเพียงทำตามขั้นตอนเท่านั้น”“สิ่งที่เจ้าพูด นับว่าต่ำกว่ามาตรฐาน”หลี่เฉินเหลือบมองซูผิงเป่ยแล้วพูดว่า “หากคนที่ข้าใช้งาน รู้แค่ทำตามขั้นตอนเท่านั้น นี่ไม่ได้หมายความว่าข้าใช้งานคนผิดอย่างนั้นหรือ?”ทันใดนั้นซูผิงเป่ยก็ตื่นตระหนกขึ้นมา และไม่รู้จะตอบกลับอย่างไรดี แต่หลี่เฉินก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า “เอาล่ะ ข้าแค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้นเอง อย่ากังวลไปนักเลย”หลี่เฉินส่ายหน้า เมื่อสถานะสูงขึ้น จึงไม่ใช่เรื่องที่ไร้เหตุผลเลยหากจะบอกว่ายิ่งสูงยิ่งโดดเดี่ยว คำพูดธรรมดาบางคำ แต่คนด้านล่างกลับครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน และจะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะเข้าใจมันเมื่อเดินออกจากประตูจุดพักแรม หลี
“อืม”ต้วนจิ่นเจียงครางรับในจมูกเขารับผ้าร้อนที่สาวใช้ส่งมาให้เช็ดมือแล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “วันนี้มีอะไรเกิดขึ้นในจวนบ้าง?”พ่อบ้านรีบตอบกลับไปว่า “ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่ว่าเมื่อช่วงบ่ายนี้ คุณชายกลับมาเรียกผู้คุ้มกันยี่สิบกว่าออกไป ไม่รู้ว่าออกไปทำสิ่งใด”ใบหน้าของต้วนจิ่นเจียงมืดลง และตะคอกอย่างเย็นชาว่า “เขายังจะทำสิ่งใดได้อีก? นอกจากทะเลาะเบาะแว้งเรื่องผู้หญิงเพราะอิจฉาคนอื่น ข้าเคยบอกเขามาหลายครั้งแล้วว่า สถานการณ์เมืองหลวงในช่วงนี้ค่อนข้างวุ่นวายและไม่สงบ แม้แต่ลูกชายของจ้าวเสวียนจีก็ยังทำตัวซื่อสัตย์ขึ้นไม่น้อย แค่ให้เขาหยุดหาเรื่องสักพัก เจ้าลูกทรพีนี่ก็แสร้งทำเป็นหูหนวกตาบอด”เมื่อเห็นนายท่านไม่มีความสุข พ่อบ้านก็รีบพูดว่า “นายท่าน คุณชายอายุยังน้อย การทำเรื่องเหลวไหลไปบ้างจึงเป็นเรื่องปกติ เมื่อคุณชายกลับมา ท่านก็ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากับเขา อย่าได้โมโหไปเลย มันไม่คุ้มที่จะโกรธจนทำร้ายตัวเองเช่นนี้”“โกรธเหรอ?”ต้วนจิ่นเจียงโยนผ้าเช็ดมือลงในอ่างน้ำ และเดินเข้าไปในจวนพลางพูดว่า “ถ้าข้าโกรธเจ้าลูกทรพีนี่จริงๆ ข้าคงโกรธจนตายไปนานแล้ว”พ่อบ้านกลอกตาแล้วพูดบ่ายเบี่ยงไปว่า