ร่างบางที่ไม่ผอมมาก จัดไปทางน่าถะนุถนอมเสียมากกว่า ราศีจับไม่ต่างกับลูกผู้มากรากดี หากไม่รู้จักกันมาก่อนมองเผินๆ คงนึกว่าเป็นคุณหนูแน่ๆ ทว่า ต่างกับเครื่องหน้าโดยสิ้นเชิง ที่ตอนนี้ซีดเผือดซะจนดูไม่ได้ เดินเชื่องช้าเข้ามายังคลีนิกสัตว์ไร้เรี่ยวแรงเพราะหล่อนยังไม่ได้นอนทั้งคืน
" สวัสดีค่ะคุณหมอ "
" ค่ะ คุณผู้ช่วย "
ผู้ช่วยสัตวแพทย์คนหนึ่งเธอยิ้มแพรวพราวเป็นมิตร ขณะกำลังเดินสวนผ่าน บลูปลดกระเป๋าจากไหล่ตัวเองลง ก่อนจะดึงเสื้อกาวน์มาสวมทับ แล้วถึงจะทำหน้าที่ของตนปกติ ทว่า ไม่ทันได้เดินไปถึงห้องทำงาน ติ๊ด..ติ๊ด... โทรศัพท์ กลับร้องขัดเสียก่อน สาวเจ้าดึงมันออกมาดู ถึงกับกลอกตาด้วยความเซ็ง
" คะ แม่.."
(ไอ้บอลมีเรื่องอะไร ถึงถูกคุมประพฤติ)
แล้วมาน่าฉงนเอาทีหลังเมื่อได้ยินคำถามนี้
" แม่รู้แล้วรึจ๊ะ ใครบอกแม่ "
(ใครจะบอก มันไม่สำคัญหรอก! เอาเป็นว่าไม่ใช่แกก็แล้วกัน)
พลันมาเหน็บหล่อน
"....."
(ทำไมไม่บอกฉัน)
" บลูแค่ไม่อยากให้แม่เครียดน่ะ เพราะคิดว่ายังไง คนจัดการและดูแลเรื่องนี้ ก็คือบลูอยู่แล้ว "
(จ้า! แม่คนเก่ง ดูแลให้ดีก็แล้วกัน อย่าให้มันมากวนฉันอีกล่ะ)
ประโยคหลังเธอจงใจเน้นคำ แล้วตัดสายทิ้ง บลูถึงขั้นค้างชะงักทันที ค่อยๆ ลดโทรศัพท์ลงจากติ่งหูมาหย่อนใส่กระเป๋าเสื้อคลุม ยืนเงียบไปพักหนึ่ง เหมือนเรียกสติ แล้วจึงเดินมาทำงานของตัวเองต่อ
" ไง.. เหมียว วันนี้โอเคขึ้นมาบ้างไหม ไหน..ขอคุณหมอดูอาการหน่อย..."
นั่นคือการคุยกับสัตว์นานาชีวิต สุดแล้วแต่ใครจะพามา จะป่วย ตัดขน รึฝากเลี้ยงเธอรับหมด เธอเปรียบเสมือนนางฟ้าของน้องหมาน้องแมวก็ไม่ปาน และเป็นเพื่อนร่วมงานที่รักของทุกคน ต่างกันก็แต่แม่เลี้ยงที่เอาแต่โขกสับ ทำดีให้ตาย สำหรับเธอก็ไร้ค่า นับตั้งแต่พ่อบลูเสีย หล่อนก็มีแต่ความชิน ชินชาซะจนมีน้ำตา ไหลออกมาทุกครั้งเพราะถูกบั่นทอน
....ใจคอกะจะใช้สมบัติพ่อให้หมดคนเดียวเลยรึไงนะ เฮ้อ...
ทว่า ก็ได้แต่คิด เพราะตามพินัยกรรม มันเป็นสิ่งของที่หล่อนควรจะได้
" ฟู่ววว! บ้าจริง.."
ก่อนบลูจะไล่ความคิดนี้โดยการสะบัดหน้า ก้มหน้าก้มตาใช้ความรู้ที่เรียนมาต่อไป
" ไหน... หมอขอดูตาบ้างสิ หายเปื่อยรึยังเอ่ย? เพชรจ๊ะ เช้านี้น้องพอจะตอบสนองบ้างไหม "
" จิบน้ำได้บ้างแล้วค่ะหมอบลู แต่ก็แค่นิดเดียวเท่านั้น "
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น ขณะฟังเสียงคนเล่า แล้วถอนหายใจทิ้ง...
" ฟู่ววว ก็ยังดี "
ลากเก้าอี้ใกล้ๆมานั่ง พลันหยิบเครื่องมือหมอมาใช้ สายตาเพ่งเล็งตรวจโน่นนี่นั่นตรงตัวของแมว ปากคุยจ้อไปด้วย
" เอ้อ เดี๋ยวเพชรให้น้ำเกลือเพิ่มนะจ๊ะ พี่จะไปดูอีกเคสนึง "
" ค่ะหมอ "
ลุกพรวดทีเดียวทำท่าจะไป ไม่ทันได้เดิน อยู่ดีๆ หน้าเกิดมืดเกือบจะล้มขึ้นมาซะก่อน ลำบากผู้ช่วยตกใจหนัก ต้องวางทุกอย่างลงแล้ววิ่งมาช่วย
" ว้าย! หมอบลู ระวังค่ะ! "
เคร้ง!
เสียงถาดเทกระจาดถูกกวาดหล่นด้วยมือน้อยๆ ของบลู ที่อยู่ดีๆ ก็หน้ามืดขึ้นมา บังคับร่างให้ยืนต่อไม่ไหว ร่วงล้มลงไปพร้อมถาด ขณะมีมือนึงมารองรับไว้ ทว่า ไม่ใช่ผู้ช่วยเพชร แต่กลับกลายเป็นคนมาใหม่ที่เห็นเหตุการณ์นั้นพอดี หมอนนท์ หนึ่งในสัตวแพทย์เพื่อนร่วมงานของบลู ถูกจัดให้เป็นผู้ชายใจดีอีกคนนึงไม่ต่างกัน วิ่งถลาเข้ามาประคองหลังเข้ามาเห็น
“ มาครับ ผมเอง “
“ ค่ะหมอ “
เพชรยอมถอยออกไปแต่โดยดี เพราะรู้ตัวเองนั้นอุ้มไม่ไหว เหลือบมองหน้าซีดเผือดของหญิงสาวแล้วรู้ทันทีว่าหล่อนคงจะรับภาระหนักมาอีกแล้ว จึงหายาดมยาหอมและพัดมาอำนวยความสะดวกให้
“ บลู ไม่ได้นอนอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย “
หมอนนท์นิ่วหน้าฉงน ถือวิสาสะดึงพัดจากมือเพชรมาสะบัดแรงๆ โน้มลงมองหน้าสวยเป็นห่วงเป็นใย
“ อืม...”
ครางแทนคำตอบออกมาแค่นั้น ขณะตายังปรืออยู่ แล้วมากะพริบทีหลังก็ตอนเห็นว่าเป็นหมอนนท์
“ หมอนนท์ มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ“
“ ยังจะมาถามอีก “
แกล้งเอ็ดตะโรตอนหล่อนยันตัวขึ้น เปลี่ยนจากท่าทิ้งตัวเป็นนั่งเอนหลังกับพนักเก้าอี้แทน ขมวดคิ้วนิ่วหน้าพยายามปรับสภาพให้คงที่
“ ขอโทษค่ะ อยู่ๆก็หน้ามืด “
“ บลูไม่ไหว ก็กลับไปพักเถอะ ที่นี่ตอนนี้ไม่ได้ยุ่งเหยิงอะไร “
“ ไม่เอา บลูเป็นห่วงไข่กวน “
ไข่กวนก็คือแมวน้อยที่ป่วยด้วยอุบัติเหตุถูกรถทับ หล่อนเหลือบตาไปมอง ดันทุรังจะลุกขึ้น กลับถูกหมอนนท์ดึงมานั่งลงใหม่ ขณะเพชรตอนนี้ถึงขั้นลอบถอนหายใจ
“ พอเลย “
“....”
“ ไม่ต้องเลย เดี๋ยวนนท์ดูแลเอง “
“ อาทิตย์นี้ บลูรู้สึกว่าตัวเองทำงานไม่เต็มที่ มัวแต่เครียดเรื่องของบอล “
ประโยคหลังหล่อนกระซิบ เผลอช้อนตามองหน้านนท์สลับกับเพชร ที่รู้ปัญหาเรื่องนี้ของหล่อนดี
“ว่าแล้วเชียว ต้องเป็นเรื่องไอ้หมอนั่น เมื่อไหร่นะ จะโตสักที รู้ไหมเนี่ยพี่สาวเดือดร้อน “
เพชรบ่นอุบ พลันมาปิดปากสนิทก็ตอนบลูเหลือบมองหน้า
“ อุ๊ย..ขอโทษค่ะหมอบลู เพชรแค่รู้สึกโกรธแทน เห็นใจผู้หญิงด้วยกัน “
ทว่า เธอกลับยิ้มบางๆ
“ ไม่เป็นไรจ้ะ “
นึกไม่ถึง ว่าจะมีคนเข้าใจหล่อนจนรู้สึกแทนแบบนี้
“ ไป นนท์ไปส่ง “
ก่อนหันขวับมามองคนแทรก แล้วผ่อนลมหายใจ
“ ไม่กลับ..”
“ ไม่เอาน่าบลู อย่าดื้อสิ ผมเป็นห่วงคุณนะ “
“..........”
“ ลาสักวันเถอะ ผมบอกแล้วไง ผมจะดูแลแทนให้ “
บลูถึงกลับเม้มปากแน่น อันที่จริงเขากับเธอก็เปล่าเป็นอะไรกันสักหน่อย แต่เพราะอะไร ทำไม..ถึงได้ดีกับหล่อนขนาดนี้ ตั้งแต่สมัยเรียนอยู่มหาลัยแล้ว ทั้งที่รู้ ชีวิตหล่อนนั้นมีปัญหาตั้งแต่ไหนแต่ไร แล้วคิดว่าคงกู่กลับลำบาก ยังจะกล้าชวนเธอมาหุ้นให้เปิดโรงหมอสัตว์อีก
“ เฮ้อ..”
“ ไม่ต้องมาถอนหายใจเลย ลุก..”
“ นี่สั่งเหรอ..”
“ ใช่! ผมสั่ง ในฐานะหมอใหญ่สุด สั่งให้คุณพักเดี๋ยวนี้ จนกว่าจะดีขึ้น แล้วจึงกลับมาทำงานปกติได้ “
“ โหว่ “
“ คิกๆๆ “
ท่ามกลางเสียงปิดปากของเพชร ที่ยืนมองตั้งแต่ต้น เธออดใจคิดไม่ได้เลยว่า หากหมอนนท์จีบหมอบลูติดขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น
“ น่ารักง่ะ...”
ครางเสียงหน้าตาเพ้อฝัน ยามที่เขาเดินผ่าน แล้วยิ้มกว้าง
....ต่างลิบเลยกับน้องชายตัวดีของบลู.....
“ ไอ้หมอนั่น อย่าให้เจอที่วิทลัยนะ จะด่าให้สะอึกเลย “
รถครอบครัวเจ็ดที่นั่งแต่ถูกพับเบาะเก็บมาไว้ใช้สำหรับการรับส่งสัตว์เดลิเวอรี่ภายในคลีนิก แล่นมาจอดเทียบลาดจอดหน้าคอนโด บลูลอบผ่อนหายใจออกมาหลายเฮือก เพราะไม่ได้เต็มใจจะกลับนัก เหลือบมองคนขับเล็กน้อย“ ขอบคุณนะคะ ““ ให้ผมไปส่งไหม ““ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่นี้เองสบายมาก “ปลดล็อกเข็มขัด เตรียมจะลงในขณะฝั่งตรงข้ามวิ่งมาประคอง ดูแลหล่อนอย่างนี้เสมือนไข่ในหิน“ ดูแลตัวเองให้มากกว่านี้หน่อยสิ ““ บลูไม่มีเวลาขนาดนั้น ““ บลูมี แต่ไปใช้กับอย่างอื่นหมด “หญิงสาวเม้มปากนิ่ง ทำหน้าฉงน“ หมอนนท์...”“ หรือว่าไม่จริง ““ เฮ้อ.. ส่งแค่นี้พอนะคะ ที่เหลือบลูไปเองได้ หมอกลับไปทำงานเถอะค่ะ ฝากดูแลไข่กวนด้วยนะ มันยังมีโอกาสจะรอด “บอกปัด เพราะขี้เกียจต่อปากต่อคำด้วย ในขณะหมอนนท์ประคองมาส่งถึงหน้าลิฟท์“ โอเคครับ เดี๋ยวคืนนี้ผมโทรมาเช็คนะครับ ““ หืม เช็คอะไร ““ เช็คว่าบลูแอบไปเฝ้าใครหน้าผับอีกหรือเปล่า”“ หมอรู้...”“ ห๊า! มันจริงเหรอ ““ เอ๋...นี้หมออำบลูเหรอ “ร่างบางถึงกับทำตาโตทันที ในขณะคนข้างๆหัวเราะร่วน พอใจหนักที่สามารถแกล้งหล่อนได้ ทว่า กลับต้องมาชะงักเพราะเสียงนี้ ติ้ง! พร้อมกับใครคนนึงยืนอยู่
บริษัทกรุปใหญ่ แตกสาขาสายงานออกไปนับไม่ถ้วน เป็นที่ยกย่องถึงความเก่งและแกร่งของใครคนนึง ที่สร้างเครือข่ายเอาไว้ให้ลูกตัวเองนั้นได้มีงานทำกันทุกคน และลูกแต่ละคนก็ไม่เคยทำหล่อนผิดหวังสักครั้ง ยกเว้นก็แต่คราวนี้ กับลูกคนกลางของหล่อน ที่กำลังนั่งแถลงข่าว อยู่ในจอทีวี ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ตอบคำถามของนักข่าวได้อย่างฉะฉาน ใช้วาจาเสมือนรู้สึกผิดซะเต็มประดา และอ้างทุกอย่างคือเรื่องเข้าใจผิดกัน ทว่า แววตานั้นกลับไม่ได้รู้สึกผิดอะไรด้วย อดทำคุณนายอารีย์แค่นยิ้มออกมาไม่ได้ ต่อพฤติกรรมความก้าวร้าวที่ลูกชายนั้นมี นึกย้อนกลับไปถึงใครคนหนึ่ง กับสีหน้าฉงนเหนื่อยใจเกินบรรยาย.....นิสัยเหมือนสามีเธอตอนมีชีวิตอยู่ไม่มีผิด ......“ เตรียมรถ ฉันจะออกไปหาเจ้านั่นที่บริษัท ““ ครับผม “ร่างสูงตระหง่านที่เพิ่งกลับเข้ามาในห้องทำงานตน หลังจากแถลงข่าวเสร็จ ยืนหันหลังให้กับแฟ้มใหญ่ทุกแฟ้มที่มีเลขาอุ้มหอบอยู่ หันหน้าออกไปทางวิวหน้าต่าง ด้วยท่วงท่ามือล้วงกระเป๋ากางเกง ปากเม้มเข้ากันแน่น เป็นเส้นตรงเส้นเดียว คิ้วหย่อนชนกันยุ่งเหยิง บ่งบอกถึงความร้อนใจ สมองต้องคิดอะไรบางอย่างอยู่ จนกระทั่งต้องชะงักกึก หลังจากมีใครบ
กริ๊ง....กริ๊ง.....ตึง! “.................”บ้าชิบ! เสียงคำรามสบถในใจชายหนุ่ม หลังได้ยินเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์เผลอลุกขึ้นพรวด จนเก้าอี้ขยับ ทำบลูที่นั่งอยู่อีกฝั่งเงียบกริบพูดไม่ออก ปาดน้ำตาหน้าเหวอ ตัวแข็งทื่อนึกว่าเป็นผี ยกมือท่วมหัวด้วยความตกใจ“ ใครน่ะ... ผะ ผีเหรอ?? ”“..............”“ บลูขอโทษนะเจ้าคะ ที่บลูร้องไห้เสียงดังรบกวนท่าน อย่ามาหลอกมาหลอน...”“ ผีบ้านเธอสิ ““ เออะ.......”พลันมาอ้าปากค้างหนักกว่าเดิม เพราะเสียงทุ้มนี้ ที่อยู่ดีๆ โพล่งแทรกออกมาไม่มีปี่มีขลุ่ย หล่อนนั่งเงียบไปอึดใจเสมือนคิด มานึกได้ภายหลังก็ตอนที่คุณคอปลุกขึ้นบิดขี้เกียจเตรียมจะไปแล้ว“ เพ้อชิบเป๋ง..”“ คะ คุณ!! ““ อืม ผมเอง “บลูอายถึงขั้นลุกขึ้นพรวดเต็มความสูงมาโวยวาย นานเท่าไหร่ที่เขามานั่งฟังหล่อนคุยโทรศัพท์กับแม่เลี้ยง ป่านนี้คงได้ยินไปถึงต่อไหนต่อไหนแล้ว“ นี่คุณมาแอบฟังฉันคุยโทรศัพท์เหรอคะ ““ แอบบ้าอะไร เสียงคุณดังซะเหมือนพูดโทรโข่งขนาดนั้น ยืนห่างสามห้องยังได้ยิน ““ .....................”โอ๊ย หมอนี่! ปากคอเราะร้ายได้โล่จริงๆ หล่อนได้แต่สบถในใจ อายจนเถียงไม่ออก ปิดปากเงียบเสมือนตัวเธอ
หญิงสาวที่อายุอารามไม่ได้ห่างไกลไปจากบลูเท่าไหร่นัก ทว่า กลับมีความคิดที่โก้กว่า วางแผนจับได้สามีรุ่นราวคราวพ่อไม่สนว่าเป็นหม้ายหรือทำใครบางคนต้องทุกข์ใจ มีเพียงเจตจำนงอยากจะได้สมบัติเขาเท่านั้น ครั้งนึงเคยทำตัวดีมาก อาจจะถูกสร้างมาเพื่อให้ตายใจ ทว่า อย่างไรเสียหล่อนก็พลาดท้องลูกของตัวเองอยู่ดี และเพราะหล่อนยังเสียดายความสาว หรือสิ่งที่เกิดมันไม่ได้อยู่ในแผนที่วางไว้ หล่อนจึงแสดงธาตุแท้ออกมา อิงอรพยายามสรรหาถิ่นทำบาป หวังจะเอาเด็กออก แอบหนีไปทำแท้งเกือบสำเร็จโชคดีสามีจับได้ เพราะความรักที่มีต่อหล่อน หรือเรียกได้ว่าหลงเด็กจนโงหัวไม่ขึ้น หล่อนทำผิดขนาดนี้ยังมองว่าดี ปราโมทย์กลายเป็นคนเห็นกงจักรเป็นดอกบัวนับตั้งแต่ได้แต่งงานดับหล่อนเป็นต้นมา ลงทุนส่งบุตรสาวคนเดียวไปเรียนต่อถึงเมืองนอกเพราะแค่ต้องการจะตัดความรำคาญ ระงับสงครามเย็นภายในครอบครัวระหว่างเมียใหม่กับลูกสาวเท่านั้น ความหยิ่งยโส บาดหมางภายในจิตใจบลูคราวนั้น ยังฝั่งลึกเป็นตราบาปไม่จางหายมาถึงทุกวันนี้ เธอยังคงคิดเสมอ หากระงับสติไม่ใจร้อนจนใช้อารมณ์วัยรุ่นตัดสินเหนือเหตุผล พ่อของเธอคงไม่ต้องมาตายแบบนี้.....ที่อยู่ๆก็ตาย ด้วยโรคกล
ร่างบางเดินโซซัดโซเซลงมาจากรถตอนเจ็ดโมงเช้า หล่อนอยู่ในสภาพอิดโรยเต็มที กว่าจะลากขามาถึงกล่องลิฟต์ได้ กินเวลาไปมากมายเลยทีเดียวติ๊ง! ชั้นที่สิบ ประตูเหล็กเปิดออกหลังหล่อนมาถึง ทำบลูชะงัก เปลี่ยนสีหน้าที่เศร้าสลดเป็นหน้าบึ้งตึงไปเลยทันที“ ไอ้บอล แก...”ผั๊วะ! ผั๊ว! ผั๊ว! “ โอ๊ย อะไรของพี่เนี่ย “หวดกำปั้นลงกลางหัวไม่ยั้ง ทำผู้หญิงที่มากับเขาด้วยถอยหลังกรูด ขณะบอลตอนนี้ปัดป้องตัวเองเป็นพัลวัน“ นี่แกพาผู้หญิงมานอนในห้องฉันเหรอ “ เหลือบตาไปมองผู้หญิงคนนั้นตอนประโยคท้าย หล่อนหลบตาแทบไม่ทันด้วยความละอาย " ไหนแกบอกว่า จะมาหาฉันที่โรงพยาบาล! "“ เปล่านะพี่ เพิ่งมาถึงเมื่อกี้ เธอเป็นเพื่อนที่วิทลัย ““ โกหก! เพื่อนแกสิ หน้าแก่กว่าฉันแบบนี้ “ใส่อารมณ์ยับ กะจะทุบลงไปอีกแต่คราวนี้บอลหลบทัน ฉีกตัวเองออกไปยืนไกล แล้วชี้หน้า“ พี่เป็นบ้าไปแล้วเหรอ ““ เออ! ฉันบ้า! “ตอบทันควัน พร้อมดวงตาตะลึงโต แล้วถึงมาถอนหายใจเอาภายหลัง เมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ใน กับความรู้สึกของเธอที่พกติดมาตอนชั่วโมงก่อนหน้า“ บ้าเพราะน้องฉันตาย...ฮืออออ”ปล่อยโฮทรุดนั่งลงตรงหน้าลิฟต์ ระหว่างทางเดินไปยังห้องของเธอ หมดค
เสร็จจากพิธีการเคลื่อนย้ายศพไปยังวัดบ้านเกิด ซึ่งถูกจัดการโดยบลูทั้งสิ้น นอกเหนือจากหมอนนท์ ผู้ช่วยเพชร และคนอื่นๆ ที่เป็นเจ้าหน้าที่สัตวแพทย์ในเครือเดียวกันอาสาช่วยแล้ว ก็มีคุณคอปอีกคนนี่แหละที่ยังคงมองอยู่ห่างๆ เขากะจะไปในคืนสุดท้ายและวันเผาทีเดียว เพราะไม่ได้เป็นญาติหรือเป็นอะไรกันกับหมอบลู ความละอายกระดากเลยเข้าแทรก ทั้งอันที่จริงไม่ต้องไปก็ได้ ทว่า กลับซ้ำให้คุณคอปรู้สึกไม่สบายใจไปอีก ซึ่งอาการนี้ เกิดขึ้นเพราะอะไร เขาเองก็ยังไม่รู้...“ ถามกูทุกอย่าง กูเป็นแฟนน้องเขาหรือไงวะ “โจ๊กบ่นอุบ ตามประสาคนปากเสีย หลังเริ่มรำคาญที่คุณคอปเทียวไปเทียวมาสืบเรื่องของหมอบลูไม่หยุด สร้างความระแคงใจให้แก่เขาไม่น้อย อยู่ดีๆเพื่อนเขาอยากจะรู้เรื่องราวของสาวข้างห้องขึ้นมาซะงั้น ทั้งๆที่หมอบลูเองก็ใช่ว่าจะเพิ่งไปอยู่ หรือเพิ่งจะสนใจ ไอ้อาการแบบนี้ชักไม่ธรรมดา“ กูมีหน้าที่ถาม มึงมีหน้าที่ตอบ “แถมเอือมระอาด้วยกับความชอบแถของเขา“ เฮ้ย ไอ้คอป ถามจริง ทำไมมึงไม่ไปถามเขาเอง แต่เลือกที่จะมาถามกู กูไม่ใช่ญาติฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งของเขานะคร้าบบบบ ““ ก็ถ้ากูมีความกล้าพอ กูจะมาหามึงเหรอ ไอ้ฟัค! “ประโยคหลังคุณ
ร่างสูงเดินปราดเปรียวเข้ามายืนตรงหน้า ในท่ามือล้วงกระเป๋ากางเกง โน้มหน้าลงมามองหน้าหญิงสาว เสมือนจะถามความเป็นมาของสภาพจิตใจหล่อน กลายเป็นมาทำหล่อนเขินอายซะงั้น“ มาได้ยังไงคะ ““ นึกไม่ถึงเหรอว่าผมจะมา “เสียงทุ้มถาม ทำอย่างกับว่าบริเวณนี้มีเพียงเขากับเธอแค่สองคน“ เอ่อ..”“ แฮ่มมมม”ก่อนเสียงกระแอมของโจ๊กจะแทรกกลางคัน ขัดใจคุณคอปไม่น้อย“ อะไร “กระชากสายตาไปมองแกมตำหนิเหมือนคาดโทษ ที่บังอาจจมาทำให้เขาเสียฟอร์มต่อหน้าสาวสวยแบบนี้“ คุณ...? ”“ ผมโจ๊กครับ เป็นเพื่อนรุ่นพี่ น้องชายของคุณ “ทว่า มีหรือคนกวนโอ๊ยอย่างเจ้าของร้านขายรถอย่างเขาจะใส่ใจ ถลากระแทกหัวไหล่เพื่อน แย่งซีนแนะนำตัวกับสาวตรงหน้าซะเฉยๆ หมอบลูพยักหน้าเข้าใจ พลางปรายตามามองคุณคอป ทำนองจะถาม เหมาะเจาะกับคนถูกมองร้อนตัวพอดี รีบแทรกตอบทันควัน“ ไอ้โจ๊ก กูบอกแล้วไง ว่าอย่าชวนกูมา มึงก็คะยั้นคะยอจนได้ เห็นไหม เขางงกันหมดแล้ว เพราะไม่รู้จักกู” “ ห๊า......”ทำเอาโจ๊กถึงกับน็อคกลางอากาศ อ้าปากเหวอคิดไม่ถึงว่าเพื่อนเขาจะแถได้สุดยอดอะไรเบอร์นี้ ทำหน้ายึกยัก ปากพะงาบๆ ไปไม่ถูก“ ไม่เป็นไรค่ะ ไหนๆ ก็มาแล้ว จะไหว้ศพไหมคะ ฉันจะได้ไป
เพราะขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง หมอบลูจึงยอมทำตาม ขึ้นไปนั่งข้างคนขับอย่างเขาว่า แล้วก็เงียบฉี่เป็นเป่าสาก แถมเบือนหน้าไปนอกหน้าต่าง สร้างความอึดอัดให้คุณคอปไม่น้อย คราวนี้เลยต้องใช้อีกบท บทเรียกร้องความสนใจเข้ามาช่วยแทน" ปกติเขาลอยอังคารทีนึง ต้องเข้ามาลึกขนาดเลยหรือ "แสร้งถาม ขณะมือเองหักพวงมาลัยหลบหลุมให้ว่อน อันที่จริงมันก็ใช่อย่างเขาว่านั่นล่ะ มิหนำซ้ำ ถนนยังเป็นดินลูกรังอีกต่างหาก" ใช่ค่ะ "หมอบลูตอบไม่เต็มใจหนัก ขมวดคิ้วเข้าหากัน สายตายังคงจ้องมองออกไปไกลตา" เสียใจด้วยนะ เรื่องน้องชาย "เลยทำให้คุณคอปรู้ทันที หล่อนกำลังเสียใจอยู่" คนไหนคะ "" ......"" คนที่ตาย หรือคนที่ ..เลว "ถามกลับมา ประโยคหลังไม่เต็มเสียงนัก เพราะเหมือนคอหล่อนแห้งผ่าดซะจนต้องกลืนน้ำลาย ในขณะเดียวกัน คุณคอปถึงขั้นชะงัก สีหน้าคิดไม่ถึง ว่าหล่อนจะกล้าเอ่ยคำพวกนี้ออกมา เขาถอนใจเบาๆ ก่อนเหลือบสายตาไปมอง" คนไหนก็ได้ ที่ทำคุณกำลังจะร้องไห้อีกแล้วตอนนี้ "ซึ่งนั่นทำหมอบลูสะอึก หล่อนเงียบไป ไม่ได้พูดต่อ คนขับรู้สึกอึดอัดขึ้นมาอีกระลอก พลางพึมพำระยะเผาขน" เวรเอ๊ย มาอารมณ์นี้ แล้วใครจะกล้าจีบวะ "" คะ??? "" เอ่
หลายวันผ่านไป เรื่องราวดูเหมือนจะสงบสุข ในชีวิตประจำวันหลังจากนั้นของหมอบลูคิดว่าปกติ ทั้งเรื่องงานที่คลินิก และคอนโดที่บางคราสลับกันเทียวไปเทียวมา เพราะยังคงต้องดูแลบอลเหมือนเดิม ส่วนเพื่อนร่วมงานอย่างเช่นหมอนนท์ เขาเองยังคุยด้วยปกติทุกอย่าง เว้นแต่ว่าไม่สนิทใจเหมือนเดิม ทว่าตรงจุดนี้ไม่ได้ทำให้คนไม่สนโลกแบบหมอบลูระแคะระคายหรอกนับตั้งแต่วันนั้น หลังจากมีปัญหากับคุณนายอารีย์ นายแม่ของสามีตัวเอง เธอก็ถูกปฏิเสธต่อการอยู่ร่วมทานข้าวทุกครั้ง บนโต๊ะอาหารถ้ามีหมอบลูจะต้องไม่มีคุณนาย ถ้ามีคุณนายจะต้องไม่มีอีกคน เป็นอย่างนี้ตลอดจนคนรอบข้างอึดอัด พวกเขารู้สึกไม่ดีที่บรรยากาศในบ้านต้องเป็นแบบนี้ ทว่า ต่างคนต่างไม่กล้าปราม ไม่กล้าแม้จะออกความคิดเห็นอะไร...ใช่! เพราะนั่น คือคนสำคัญกับพวกเขาที่สุดทั้งนั้นจนกระทั่งวันนี้งานวันเกิดของคุณนาย...ที่ไม่ได้ถูกจัดขึ้นมาให้ดูโอ่อ่าใหญ่โตอะไรอย่างที่แล้วมา มีเพียงการทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา อยู่อวยพรด้วยกันและเชิญบุคคลสำคัญเข้ามาเพิ่มอีกคนเท่านั้น ทว่า...มันจะไม่เสียบรรยากาศเลย ถ้าแขกคนๆนั้น ไม่ใช่วรยา..หรือยาย่า... คู่หมั้นลูกชายคนกลาง คนที่คุณนายอารีย
ตะวันสายโด่ง คำว่าสิบนาทีของคุณคอปคงทำคุณนายอารีย์เจ็บใจ ทว่าเขาหาแคร์ไม่ ร่างสูงสง่ากล้ามเนื้อเป็นมัดๆ บ่งบอกถึงการผ่านฟิตเนสมาเป็นอย่างดี ท่อนบนไร้เสื้อ ต่างกับท่อนล่างที่ยังคงเหลือกางเกงยีน เขายืนอยู่ข้างหน้าต่าง ซึ่งอยู่หลังม่าน หากเก็บม่านก็จะเป็นกระจกใสทำให้เห็นวิวยามเช้าได้ชัดๆ นั่นเองสายตาสีดำทมิฬ เหม่อลอยแฝงเจือปนความเลศนัยทะลุกระจกบานนั้น ขณะกำลังใจจด ใจจ่อ รอคนที่ต้องการจะคุยด้วยโทรกลับมาเมื่อสิบห้านาทีก่อน คุณคอปต่อสายไปหาเพื่อนเก่าคนหนึ่ง ที่เคยสนิทในสมัยเรียนอยู่เมืองนอก แต่พักหลังเริ่มห่างหายกันไปเพราะต่างคนต่างต้องทำหน้าที่ของตัวเอง ทว่าติดประชุมไม่สะดวกคุยในตอนนั้นๆปากเป็นกระจับพ่นควันบุหรี่ฆ่าเวลา ขณะเจ้าสาวป้ายแดงชำระร่างกายอยู่ในห้องน้ำ หมอบลูตื่นตั้งแต่เช้า คิดจะออกไปทำงานตามปกติ ทว่าไม่ทันได้ย่างเท้าเลยเขต กลับถูกพ่อตัวแสบเจ้าของบ้านยื้อไว้ซะก่อน เขาห้ามเสียงแข็งไม่ยอมให้เธอนั้นได้ทำตามใจ อ้างว่าต้องอยู่พบกับนายแม่ เธอเลยได้แต่นั่งอึดอัดอยู่บนเตียงดังเดิม จนกระทั่งขอตัวไปอาบน้ำอีกรอบติ๊ดๆๆไม่นานเสียงโทรศัพท์ไม่ดังมากร้องขึ้น พร้อมกับหน้าจอกะพริบโชว์ชื่อคนโ
เหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำหมอบลูเจ็บปวดไม่หาย เธอนั่งเล่าอย่างใจเย็น ในขณะกรงเล็บของอุ้งมือนั้นจิกลงบนแขนไม่ขาดสาย ลำคอตอนนี้มันฝืดไปหมด เสมือนน้ำลายกลายเป็นหนามตำเสียดเนื้อยามที่เธอกลืนมันลง บวกกับสมองที่เคยเต็มไปด้วยความดื้อรั้น ยามนี้ตื้อไปหมด ไม่หลงเหลือแล้วหมอบลูคนเดิม ก่อนก้อนน้ำตาเม็ดใหญ่ที่ร้อนที่สุดหยดนึงจะตกลงกลางแขน มือใหญ่ข้างกายกลับมาดึงไปกุมไว้" บอกผมสิ..ที่รัก ..คุณรอดมาได้ยังไง "เสียงที่สะท้อนความเจ็บปวดออกมาเปล่งขึ้น คุณคอปรู้สึกร่างกายทั้งร่างกำลังไร้เรี่ยวแรง แต่ยังคงต้องฝืนไว้ เพื่อจะถามต่อ ขณะในหัวเขาตอนนี้ย้อนกลับไปในช่วงเวลาแห่งวันวาน....ภาพร่างเปลือยเปล่าขาวโพลนของผู้หญิงคนหนึ่ง.... ตาที่หลับพริ้มยามที่มีความสุขกับเขา....และคราบเลือดพรหมจรรย์ที่มันตราหน้าว่าเธอยังคงบริสุทธิ์อยู่ หมอบลูรอดมาได้ไง เขาอยากรู้" บลู... ฮึก.. โชคดีมากค่ะ ที่มันคิดจะผลัดกันทีละคน ส่วนอีกสองคนไปดูต้นทาง..."แววตาที่เจ็บปวดพร่ามัวไปด้วยน้ำตาคลอเบ้า ช้อนมองเขา เธอพยายามจะบอกบทสรุปไคลแม็กซ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนกับชีวิตเธอให้เขารู้อย่างแน่วแน่ แม้ตอนนี้...หัวใจก้อนเท่ากำปั้นของมือเรียวบางนั
ความเงียบเกิดขึ้นหลังจากนั้นทันที คำบอกเล่าบางคำสามารถบีบหัวใจคนฟังได้ก็ต่อเมื่อเหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นจริงกับคนที่รัก ไม่ว่ามันจะผ่านมานานแค่ไหน หรือกลายเป็นอดีตไปแล้วก็ตาม..ใช่ คุณคอปกำลังเป็นคนๆ นั้น ที่ตอนนี้นิ่งซะจนคนพูดต้องกลืนน้ำลายลงคอเป็นระลอก เขาไม่ไหวติง แถมม่านตาที่เบิกขึ้นเล็กน้อยยังมองทะลุกระจกออกไปนอกรถอีก บ่งบอกให้หมอบลูรับรู้เป็นนัยๆว่า หล่อนไม่ควรเงียบ ปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านเลยไป หากเกริ่นมาแบบนี้แล้ว จะทำให้เขาเข้าใจผิดและค้างคาเข้าไปใหญ่ นั้นเลยทำให้เธอต้องรีบดำเนินเรื่องราว มันเป็นอะไรที่ลำบากเหมือนกันนะ ที่จะต้องมานั่งเล่าเหตุการณ์ที่เกลียด และขยะแขยงที่สุดในชีวิต แถมในรถแบบนี้ด้วย ซึ่งมันไม่เหมาะสมที่สุดกับคนคิดจะหลีกหนี....ทว่า เธอมีทางเลือกที่ไหนกันล่ะย้อนเวลากลับไปกว่ายี่สิบปีก่อนปราโมทย์ หนุ่มนักธุรกิจชีวิตกำลังโลดแล่น อูฟู่รุ่งโรจน์ซะจนใครต่อใครต่างอิจฉา เขามีนิสัยเจ้าชู้สำส่อนเป็นชีวิตจิตใจ ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าในแต่ละเดือน หกเดือนเปลี่ยนครั้งอย่างกับเปลี่ยนเสื้อผ้า เด็กหญิงบูรพา หรือหมอบลู ได้แต่นั่งขมขื่นก้มหน้าเจียมตัวทุกครั้งหลังปราโมทย์สั่งให้เธ
" อื้มมมมม ... ไอ้บ้าเอ๊ย! "เสียงสาวเจ้าตวาดดัง หลังดันแผงอกแกร่งสำเร็จ เพียงแต่คราวนี้ไม่ได้ตบหน้า เธอช้อนตาขึ้นมองเท่านั้น ขณะหอบตัวโยน" จะขัดขืนทำไม ทำเหมือนคนไม่เคย "และก็ต้องกำหมัดแน่นทีหลังเพราะคำนี้" นี่!!! "ทำท่าจะหวดฝ่ามือไปใหม่ กลับถูกคนตรงหน้าดึงไปกอดซะก่อน" หมอบลู "เขากำชับวงแขนแน่นจนเธองง ต้องยกมือค้างไว้แบบนั้น พร้อมกะพริบตาปริบๆ" ...."" ผมอยากรู้ใจคุณ โดยที่เราไม่ต้องทะเลาะกันอย่างนี้ คุณช่วยผมหน่อยได้ไหม "" เอ๋..."" ตอนนี้ผมโคตรจะสับสนเลย คุณเป็นคนยังไงกันแน่ "ก่อนประโยคเสียงแผ่วนี้ จะทำให้เธอเงียบไปจริงๆ ร่างกายทุกสัดส่วนนิ่ง คิดไม่ถึงว่าคุณคอปจะเป็นคนเอาใจใส่ขนาดนี้" คือฉัน.."" ผมขอร้อง "" ทำไม.."" เพราะผมเริ่มจะรักคุณเข้าจริงๆ แล้วไง ""O.O "มันคือประโยคหนึ่ง ที่สามารถสร้างความเงียบภายในใจหมอบลูได้ สงัดซะจนเธอได้ยินหัวใจของตัวเอง ทว่าคนไร้ความหวั่นไหวอย่างเธอ ทำได้แต่ยืนนิ่ง มีเพียงแววตาเท่านั้นที่เบิกกว้าง กับใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ" รัก...หรือ..."เธอทวนคำพูดนั้นเสียงแผ่วเหมือนไม่อยากจะเชื่อ ก่อนท่อนแขนกำชับแน่นกว่าเดิมเพื่อเพิ่มความมั่นใจ หมอบลูถ
จากอารมณ์วุ่นวายในทีแรก อยู่ๆดีเกิดเหตุไม่คาดฝัน กลายเป็นคุณคอปต้องมาทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนแทน นั้นคือการเช็ดตัวให้ผู้หญิงคนหนึ่ง หมอบลูไข้ขึ้นสูงในตอนดึก ก่อนหน้านี้เข้าออกไปเอายามาให้หล่อนกินแล้ว แต่เพราะกลัวผองเพื่อนจะถามหา เรื่องอาจเอิกเกริกจนเกินไป เลยต้องรีบย่องไปรีบย่องกลับมา เหงื่อก้อนโตเริ่มผุดขึ้นทั่วหน้าผากมน ทั้งๆที่อุณหภูมิแอร์ใช่ว่าจะร้อน ทำคนตัวสูงอย่างคุณคอปเผลอยิ้มแฉ่ง เขาชะงักมือจากโทรศัพท์ เอื้อมไปลูบๆแก้มหล่อนเบาๆ ทว่าทำเธอนั้นสะดุ้งตื่น" ไข้คุณลดแล้วหมอบลู..."เสียงพูดทำเธอหันตาม แววตาที่มองเปลี่ยนไปเสมือนคนละคนอย่างไม่น่าเชื่อ ไร้ความขึงขัง ปราศจากความดุร้าย ดเหม่อลอยตรงกันข้าม แต่มีเสน่ห์อย่างน่าตกใจ คุณคอปถึงกับอึ้ง ความรู้สึกของเขา เสมือนกำลังมองคู่แฝดหน้าพิมพ์เดียวกัน ทว่าคนละคน" ฉัน.. เป็นอะไรไปคะ "มิหนำซ้ำน้ำเสียงยังเปลี่ยน หวานหยาดเยิ้มรื่นหูคนฟังซะจนงง... คำถามที่มีในใจคุณคอปตอนนี้ ทำไมผู้หญิงคนนี้มักจะเปลี่ยนอารมณ์ทุกครั้ง เมื่อร่างกายโดนน้ำ คราวที่แล้วก็ตอนฝนตก ที่ยอมให้เขาจูบ อีกทีก็ตอนเดินตากฝน และตอนนี้.. ในอ่างอาบน้ำ แต่เขาไม่อยากถาม เกรงคนตรงห
" อู้บบบบบ! อู้บบบบบ "" ......."" ไอ๋อ้าาาาา! "เสียงอู้อี้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน หมอบลูนั่นเอง ด้วยท่านอนคว่ำ และมือไขว้หลังถูกพันธนาการกับเนคไท้ในตอนนี้ หล่อนคงอึดอัดน่าดู ต่างกับคุณคอป ชายร่างสูง หน้าตาหล่อเหลา ทว่าแดงระเรื่อเพราะความเมา ยืนเท้าสะเอวยิ้มกริ่มอยู่ เขารู้สึกขำไม่น้อย" อะไรนะ ผมไม่เข้าใจ"" อ่อยอั๊นเอ้!!!! "" ห๊ะ "" ไอ่อ้าเอ้ยยยยย "" พูดอะไรของคุณ"" ฮะ โฮกกกกก"" ฮ่าๆๆๆ"ก่อนจะโก่งตัวขำเป็นกุ้ง กับท่าทางของเธอ ส่วนเธอใช่ว่าจะเล่นด้วย ตาที่เคยหวานฉ่ำเบิกกางออก ตะลึงใส่ทั้งที่มองไม่ถนัด ท่านอนคว่ำมันทับหน้าอกอวบหยุ่นจนเธอหายใจไม่ออก ความเซ็กซี่ไม่ใช่อยู่ตรงหน้าเหยเกขมวดคิ้วนั่นอย่างเดียว ทว่าลำคอระหงที่ขึ้นกล้ามเนื้อเป็นเอ็นพร้อมหยาดเหงื่อเกาะไรๆ นั่นด้วย ยิ่งทวีคูณทำให้คนเห็นกลืนน้ำลาย คุณคอปยืนนิ่ง เปลี่ยนแววตาที่ขำขันนั้น เป็นพร่ามัวทันที...ก่อนกระโจนเข้าหาเธอ จับร่างบางนอนหงาย ดึงผ้าที่ปากออกแล้วประกบจูบ" อื้มมมม "ทุกอย่างรวดเร็วมาก จนหมอบลูตั้งตัวไม่ทัน และด้วยความเหนื่อยหอบบวกปนคอแห้ง เลยต้องดึงดูดน้ำลายของเขาไปดับกระหายอย่างเลี่ยงไม่ได้ ...ทำหมอบลูนอนนิ่งอ่
หมอบลูชะงัก ตาที่เบิกโพลงมองท้องฟ้าหันมามองคนมาใหม่ก่อนหลุบลง มือหนาบีบไหล่หล่อนแน่น เชิงปลอบใจในเรื่องที่ผ่านมาเมื่อสักครู่ เขาคิดว่าหมอบลูคงจะเสียใจหนัก ถึงได้มานั่งตรงนี้ แต่ทว่าเปล่าเลย.. เขาคิดผิด..... หล่อนแค่เซ็งกับสิ่งที่เจอต่างหาก แถมเสียความรู้สึกมากไปหน่อยก็เท่านั้น" นายแม่คุณ...""กลับไปแล้วล่ะ ท่านไม่ชอบคนเยอะ"คุณคอปแทรกทรุดนั่งลงข้างๆ กัน เขาไม่ได้ว่าหล่อนเรื่องหย่อนเท้าลงสระ ทั้งที่เขานั้นไม่ชอบเอาเสียเลย ที่ผ่านมาเขาไม่เคยให้ใครทำมันได้ทั้งนั้น แต่กับผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ทำไม.. แค่อ้าปากจะเอ็ด ไม่ทันได้พูดก็ต้องหุบลงแล้ว...กลัวว่าจะเสียบรรยากาศ ทำให้คนกำลังรู้สึกแย่ทวีคูณหนักเข้าไปอีก ก่อนจะละสายตาจากผืนน้ำ มาสบตาคนถาม" นึกว่านายแม่คุณ จะพาคุณกลับไปด้วยซะอีก "แล้วแค่นหัวเราะเสียงเบา" ฮึ.. ก็คงต้องแบกกันเหนื่อยหน่อยนะ"พูดติดตลกที่ทำหมอบลูถึงกับเบ้ปาก เธอหย่อนจมูกใส่ พลางเบือนหน้าไปมองท้องฟ้าตามเดิม" คุณคงเป็นคนดื้อเอาการอยู่สินะ "" ก็ไม่เชิง"" มากไปสิ "" ในสายตาคุณ ผมดูแย่ขนาดนั้นเลยเรอะ"หล่อนเงียบไปอึดใจหนึ่ง พลางยักไหล่" เห็นชอบทำอะไรแปลกๆ "" ยังไง? "" เอ
(คุณคอปครับ ตอนนี้คุณท่าน...)" หุบปากซะกวิน "(แต่คุณท่าน ทราบเรื่องที่คุณคอปผิดนัดแล้วนะครับ ตอนนี้กำลังโกรธมาก)" นี่มึงกลัว??? "(เอ่อ...)" ใครจ่ายเงินเดือนมึง "(คะ คุณคอปครับ)" หน้าที่ของมึง คือทำยังไงก็ได้ไม่ให้นายแม่มาหากู "(แต่ท่าน..เอ่อ..ป่านนี้น่าจะใกล้ถึงแล้วล่ะครับ)" เวรเอ๊ย กูจ้างมึงมาทำไมกันล่ะเนี่ย "(อูย.. ขอโทษครับ ก็คนมันห้ามไม่ได้นี่ครับ ท่านใช้ปืนขู่ผม)" มึงก็ให้นายแม่ยิงไปเซ่!!! "(ครับ?!)ติ้ด! " โถ่เว้ย!! "สายถูกตัดไปหลังจากนั้น พร้อมเท้าเตะอากาศอย่างขัดใจ ก่อนร่างสูงเดินพ้นโซนห้องครัวมายืนเท้าสะเอวอยู่นอกบ้าน ใช้สายตากวาดมองหาไปทั่ว ในความคิดคือหล่อนยังคงใส่เสื้อกาวน์อยู่ และคาดคะเนไม่ได้ด้วยว่าหมอบลูจะไปนั่งตักกับข้าวใส่ชามกับแม่ครัว คุณคอปเริ่มหัวเสีย เมื่อหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอหล่อน ถ้าคิดจะหนีคงเป็นไปไม่ได้ จากท่าเทียบเรือ กว่าจะขับรถขึ้นเขามายังบ้านตากอากาศหลังนี้ระยะทางตั้งหลายกิโล" เล่นอะไรของคุณอยู่เนี่ย หมอบลู"ในแผนของเขาตอนนี้ แค่อยากจะจดทะเบียนกับหล่อนให้จบๆ ก่อนที่คุณนายอารีย์จะทันขัดขวาง ส่วนงานวิวาห์ไว้วันหลังก็ได้ ทว่า.. ทุกอย่างพร้อม แต่เจ