หญิงสาวที่อายุอารามไม่ได้ห่างไกลไปจากบลูเท่าไหร่นัก ทว่า กลับมีความคิดที่โก้กว่า วางแผนจับได้สามีรุ่นราวคราวพ่อไม่สนว่าเป็นหม้ายหรือทำใครบางคนต้องทุกข์ใจ มีเพียงเจตจำนงอยากจะได้สมบัติเขาเท่านั้น ครั้งนึงเคยทำตัวดีมาก อาจจะถูกสร้างมาเพื่อให้ตายใจ ทว่า อย่างไรเสียหล่อนก็พลาดท้องลูกของตัวเองอยู่ดี และเพราะหล่อนยังเสียดายความสาว หรือสิ่งที่เกิดมันไม่ได้อยู่ในแผนที่วางไว้ หล่อนจึงแสดงธาตุแท้ออกมา อิงอรพยายามสรรหาถิ่นทำบาป หวังจะเอาเด็กออก แอบหนีไปทำแท้งเกือบสำเร็จโชคดีสามีจับได้ เพราะความรักที่มีต่อหล่อน หรือเรียกได้ว่าหลงเด็กจนโงหัวไม่ขึ้น หล่อนทำผิดขนาดนี้ยังมองว่าดี ปราโมทย์กลายเป็นคนเห็นกงจักรเป็นดอกบัวนับตั้งแต่ได้แต่งงานดับหล่อนเป็นต้นมา ลงทุนส่งบุตรสาวคนเดียวไปเรียนต่อถึงเมืองนอกเพราะแค่ต้องการจะตัดความรำคาญ ระงับสงครามเย็นภายในครอบครัวระหว่างเมียใหม่กับลูกสาวเท่านั้น ความหยิ่งยโส บาดหมางภายในจิตใจบลูคราวนั้น ยังฝั่งลึกเป็นตราบาปไม่จางหายมาถึงทุกวันนี้ เธอยังคงคิดเสมอ หากระงับสติไม่ใจร้อนจนใช้อารมณ์วัยรุ่นตัดสินเหนือเหตุผล พ่อของเธอคงไม่ต้องมาตายแบบนี้
.....ที่อยู่ๆก็ตาย ด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ทั้งที่ปราโมทย์เป็นคนออกกำลังกายไม่เว้นวัน...
หลังจากปราโมทย์สิ้นใจได้ไม่นานอิงอรก็มีรักครั้งใหม่ ทันทีโดยไม่แคร์สังคม และมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหากหญิงร่านสวาทอย่างหล่อนจะเจอคนที่นิสัยเดียวกันอย่างกับแกะ วสันต์ สามีคนล่าสุด ทว่า อายุน้อยกว่า จะมาร่วมมือช่วยกันผลาญสมบัติของพ่อบลูไม่ละอายใจ เพราะติดการพนัน กรรมทั้งหมดที่บลูกำลังรับผลอยู่นี้ คงจะโทษใครไม่ได้จริงๆ นอกจากความเขลาของพ่อตัวเอง!
(ฉันจะไปพรุ่งนี้ คืนนี้ฉันไม่สะดวก)
หลังจากบลูพยายามติดต่ออิงอรอยู่นานหลายรอบ เพื่อจะบอกข่าวน้องชายในสถานะที่หล่อนควรจะรู้ แต่ไม่คิดเลยว่าคำพูดเหล่านี้จะหลุดออกมาจากปากของผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าแม่อย่างหล่อน
“ แต่แม่คะ น้องอาการหนัก...”
(ฉันก็เห็นมันหนักอยู่แบบนั้นทุกวัน)
“ ห๊ะ...............”
เธอช่างพูดราบเรียบเสมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไร อ้างติดงานทั้งๆ ที่รู้แก่ใจว่าทำอะไรอยู่
(เอาเป็นว่า ขอบใจแกมากที่อยู่ดูแล ขอโทษด้วย วันนี้ฉันงานยุ่งไม่สะดวกจริงๆ)
ทั้งๆ ที่ลูกตัวเองตกอยู่ในอันตรายน่ะเหรอ เขาอาจจะไม่มีสิทธิ์รอดก็ได้นะ ทำไมล่ะ ทำไมถึงได้ใจดำกันแบบนี้ นี่ตอนที่หล่อนคลอดลูกออกมาไม่ได้รักเขาเลยใช่ไหม....หัวใจผู้หญิงคนนี้ทำด้วยอะไรกัน!
....เลือดเย็น! ....
บลูคิด ขบกรามเข้าหากันจนปูด ข่มน้ำตาหยดที่ร้อยลงมาอาบแก้ม ปาดมันออกลวกๆ ก็ตอนที่ปลายสายนั่นวาง เม้มปากสนิทเป็นเส้นตรง สภาวะหัวใจเธอตอนนี้อยู่ในช่วงระบมเต็มที่ จะเป็นยังไง หากผ่านคืนนี้ไปน้องชายไม่อยู่กับเธอแล้ว
“ สาบานเลยอิงอร หากบีมเป็นอะไรไป ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้แกมีความสุขอยู่อย่างเช่นทุกวันนี้...”
ตีสี่....กับดวงตาแดงก่ำทั้งนอกและใน บ่งบอกเธอนั้นผ่านการร้องไห้มาหลายครั้งต่อหลายครั้ง จนช้ำไปหมดแล้ว บลูนั่งตัวคู่มือผสาน นับตั้งแต่ที่มาถึง จวนตอนนี้เกือบจะสี่ชั่วโมง หล่อนก็ยังคงอยู่ที่เดิม
แอด...
ประตูห้องไอซียูเปิดออก หญิงสาวปรือตาช้อนมอง แม้จะเหนื่อยแค่ไหนก็ยังต้องฝืนไว้ ผสานตาประสบเข้ากันกับคนมาใหม่ในชุดกาวน์ที่ปิดหน้าไปซะครึ่ง เลยเผยให้เห็นแววตาที่ส่งมานั้นอย่างชัดเจน มันทั้งสิ้นหวัง และเจือปนไปด้วยความสงสาร จนกระทั่งถึงวินาทีที่ริมฝีปากของคนจะบอกไม่ทันขยับ ผีเกิดเห็นผีเพราะหล่อนเองก็เป็นหมอ ในใจกรีดร้องก่อนจะลุกขึ้นยืน
“ ไม่จริง!!! “
ฝ่ามือน้อยๆ ขยุ่มลงตรงไหล่ เขย่าหมอหัวสั่นคลอน น้ำตาจากไหนไหลลงมามากมายก็ไม่รู้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เหือดแห้งไปหมดแล้ว
“ ใจเย็นนะครับ “
“ บอกฉันสิคะ ว่ามันไม่จริง! หมอยังช่วยได้อยู่ “
“ หมอช่วยอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่คนไข้ไม่ตอบสนอง ทางเราเลยจะขอให้คุณถอดสายออกซิเจน “
“ หมอโกหก!!! “
“ คุณ... “
สุดท้ายต้องกลายเป็นหมอที่ยื่นมือไปคว้าไว้แทน หลังจากที่บลูทิ้งร่างตัวเองหล่นลงไปนั่งกับเก้าอี้ กัดปากสั่นระริก ปล่อยเครื่องหน้าให้ยับยู่ยี่ สะอื้นไห้สุดตัว
“ หมอ... ฮือๆๆ ฉันไม่เหลือใครแล้วนะคะ “
บีบมือหมอแน่น ช้อนตาขึ้นไปขอความเห็นใจ ทั้งๆที่รู้มันหมดหนทางแล้ว
“ ผมขอโทษ.. ผมช่วยไม่ได้.... “
“ ได้สิ...หมอต้อง..ช่วยหนู..”
ความน่าสงสารแผ่ซ่านไปทุกเส้นของความรู้สึก กลายเป็นว่าหมอ ที่คิดจะเดินมาบอกเจ้าของไข้ให้ถอดสายชีพจรในทีแรก นึกว่าหล่อนนั้นทำใจได้บ้างสักกึ่งนึง ต้องมาปลอบใจแทนซะเอง ทว่า เวลาผ่านไปสักพัก ไม่นานบลูสงบนิ่ง ปล่อยฝ่ามือหมอ แล้วนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวตามลำพัง ถามตัวเองไปมาซ้ำๆ นี่ใช่ไหมความเจ็บปวดของคนที่สูญเสีย ภาพเหตุการณ์ย้อนกลับไปในวันเก่าๆ ช่วงที่หล่อนทำงานเป็นสัตวแพทย์ มีหน้าที่คอยดูแลและรักษาสัตว์ วันนึงหากช่วยไม่ได้ขึ้นมา นี่ใช่ไหมคือบทเรียน... วันนี้เธอเข้าใจมันแล้ว ความหมายของคำว่าหมอช่วยไม่ได้ ก็คือช่วยไม่ได้จริงๆ แม้พยายามจะช่วยสักแค่ไหน อยากจะชุบชีวิตขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ ถ้าหมอทุกคนมีเวทมนตร์ นั่นคือจรรยาบรรณที่หล่อนถูกสอนมาตลอด และความรู้สึกของผู้สูญเสียในวันนั้น ก็คงจะเหมือนเธอในวันนี้
..ที่มีรสชาติไม่ต่างกัน...
บลูใช้เวลานั่งทำใจไม่ถึงสิบนาที จึงจะตัดสินใจลุกเข้าไปหา สภาพน้องชายที่นอนหงายเหยียดเท้าตรง มือเบาไร้ความรู้สึกถูกวางไว้ข้างๆ ตัว นี่คือวัฏจักรของสิ่งมีชีวิต เมื่อร่างกลายเป็นศพก็สุดแล้วแต่ใครจะทำลาย หมอคนเดิมพยักหน้าให้บลู เหมือนจะซ้ำเติมให้รับรู้ว่าบีมนั้นไม่มีทางกลับมาแล้ว และให้หล่อนเป็นคนถอนออกซิเจนด้วยตัวเอง นั่นยิ่งทำให้บลูตอนนี้หมดแรงไม่ต่างกับร่างถูกฉีดยาชา ก้มหน้าลงมองหน้าน้องชายเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมฝ่ามือยื่นไปแนบหน้า พยายามอย่างมากกลั้นน้ำตาไม่ให้ร่วงไหล
“ ไปดีนะบีม...”
บอกลาเสียงเบาราวกับสายลม ข่มความฝืนไว้ด้วยการหลับตา แล้วถึงจะดึงสายชีพจรออก
ปี๊ดดดดดดด.................
ก่อนเสียงนี้จะทำหัวใจหล่อนสลาย ฟุบหน้าลงสะอื้นกับร่างไร้วิญญาณ
" ลาก่อนนะบีม ถ้าชาติหน้ามีจริง บีมเกิดมาเป็นน้องพี่อีกนะ.. "
ร่างบางเดินโซซัดโซเซลงมาจากรถตอนเจ็ดโมงเช้า หล่อนอยู่ในสภาพอิดโรยเต็มที กว่าจะลากขามาถึงกล่องลิฟต์ได้ กินเวลาไปมากมายเลยทีเดียวติ๊ง! ชั้นที่สิบ ประตูเหล็กเปิดออกหลังหล่อนมาถึง ทำบลูชะงัก เปลี่ยนสีหน้าที่เศร้าสลดเป็นหน้าบึ้งตึงไปเลยทันที“ ไอ้บอล แก...”ผั๊วะ! ผั๊ว! ผั๊ว! “ โอ๊ย อะไรของพี่เนี่ย “หวดกำปั้นลงกลางหัวไม่ยั้ง ทำผู้หญิงที่มากับเขาด้วยถอยหลังกรูด ขณะบอลตอนนี้ปัดป้องตัวเองเป็นพัลวัน“ นี่แกพาผู้หญิงมานอนในห้องฉันเหรอ “ เหลือบตาไปมองผู้หญิงคนนั้นตอนประโยคท้าย หล่อนหลบตาแทบไม่ทันด้วยความละอาย " ไหนแกบอกว่า จะมาหาฉันที่โรงพยาบาล! "“ เปล่านะพี่ เพิ่งมาถึงเมื่อกี้ เธอเป็นเพื่อนที่วิทลัย ““ โกหก! เพื่อนแกสิ หน้าแก่กว่าฉันแบบนี้ “ใส่อารมณ์ยับ กะจะทุบลงไปอีกแต่คราวนี้บอลหลบทัน ฉีกตัวเองออกไปยืนไกล แล้วชี้หน้า“ พี่เป็นบ้าไปแล้วเหรอ ““ เออ! ฉันบ้า! “ตอบทันควัน พร้อมดวงตาตะลึงโต แล้วถึงมาถอนหายใจเอาภายหลัง เมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ใน กับความรู้สึกของเธอที่พกติดมาตอนชั่วโมงก่อนหน้า“ บ้าเพราะน้องฉันตาย...ฮืออออ”ปล่อยโฮทรุดนั่งลงตรงหน้าลิฟต์ ระหว่างทางเดินไปยังห้องของเธอ หมดค
เสร็จจากพิธีการเคลื่อนย้ายศพไปยังวัดบ้านเกิด ซึ่งถูกจัดการโดยบลูทั้งสิ้น นอกเหนือจากหมอนนท์ ผู้ช่วยเพชร และคนอื่นๆ ที่เป็นเจ้าหน้าที่สัตวแพทย์ในเครือเดียวกันอาสาช่วยแล้ว ก็มีคุณคอปอีกคนนี่แหละที่ยังคงมองอยู่ห่างๆ เขากะจะไปในคืนสุดท้ายและวันเผาทีเดียว เพราะไม่ได้เป็นญาติหรือเป็นอะไรกันกับหมอบลู ความละอายกระดากเลยเข้าแทรก ทั้งอันที่จริงไม่ต้องไปก็ได้ ทว่า กลับซ้ำให้คุณคอปรู้สึกไม่สบายใจไปอีก ซึ่งอาการนี้ เกิดขึ้นเพราะอะไร เขาเองก็ยังไม่รู้...“ ถามกูทุกอย่าง กูเป็นแฟนน้องเขาหรือไงวะ “โจ๊กบ่นอุบ ตามประสาคนปากเสีย หลังเริ่มรำคาญที่คุณคอปเทียวไปเทียวมาสืบเรื่องของหมอบลูไม่หยุด สร้างความระแคงใจให้แก่เขาไม่น้อย อยู่ดีๆเพื่อนเขาอยากจะรู้เรื่องราวของสาวข้างห้องขึ้นมาซะงั้น ทั้งๆที่หมอบลูเองก็ใช่ว่าจะเพิ่งไปอยู่ หรือเพิ่งจะสนใจ ไอ้อาการแบบนี้ชักไม่ธรรมดา“ กูมีหน้าที่ถาม มึงมีหน้าที่ตอบ “แถมเอือมระอาด้วยกับความชอบแถของเขา“ เฮ้ย ไอ้คอป ถามจริง ทำไมมึงไม่ไปถามเขาเอง แต่เลือกที่จะมาถามกู กูไม่ใช่ญาติฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งของเขานะคร้าบบบบ ““ ก็ถ้ากูมีความกล้าพอ กูจะมาหามึงเหรอ ไอ้ฟัค! “ประโยคหลังคุณ
ร่างสูงเดินปราดเปรียวเข้ามายืนตรงหน้า ในท่ามือล้วงกระเป๋ากางเกง โน้มหน้าลงมามองหน้าหญิงสาว เสมือนจะถามความเป็นมาของสภาพจิตใจหล่อน กลายเป็นมาทำหล่อนเขินอายซะงั้น“ มาได้ยังไงคะ ““ นึกไม่ถึงเหรอว่าผมจะมา “เสียงทุ้มถาม ทำอย่างกับว่าบริเวณนี้มีเพียงเขากับเธอแค่สองคน“ เอ่อ..”“ แฮ่มมมม”ก่อนเสียงกระแอมของโจ๊กจะแทรกกลางคัน ขัดใจคุณคอปไม่น้อย“ อะไร “กระชากสายตาไปมองแกมตำหนิเหมือนคาดโทษ ที่บังอาจจมาทำให้เขาเสียฟอร์มต่อหน้าสาวสวยแบบนี้“ คุณ...? ”“ ผมโจ๊กครับ เป็นเพื่อนรุ่นพี่ น้องชายของคุณ “ทว่า มีหรือคนกวนโอ๊ยอย่างเจ้าของร้านขายรถอย่างเขาจะใส่ใจ ถลากระแทกหัวไหล่เพื่อน แย่งซีนแนะนำตัวกับสาวตรงหน้าซะเฉยๆ หมอบลูพยักหน้าเข้าใจ พลางปรายตามามองคุณคอป ทำนองจะถาม เหมาะเจาะกับคนถูกมองร้อนตัวพอดี รีบแทรกตอบทันควัน“ ไอ้โจ๊ก กูบอกแล้วไง ว่าอย่าชวนกูมา มึงก็คะยั้นคะยอจนได้ เห็นไหม เขางงกันหมดแล้ว เพราะไม่รู้จักกู” “ ห๊า......”ทำเอาโจ๊กถึงกับน็อคกลางอากาศ อ้าปากเหวอคิดไม่ถึงว่าเพื่อนเขาจะแถได้สุดยอดอะไรเบอร์นี้ ทำหน้ายึกยัก ปากพะงาบๆ ไปไม่ถูก“ ไม่เป็นไรค่ะ ไหนๆ ก็มาแล้ว จะไหว้ศพไหมคะ ฉันจะได้ไป
เพราะขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง หมอบลูจึงยอมทำตาม ขึ้นไปนั่งข้างคนขับอย่างเขาว่า แล้วก็เงียบฉี่เป็นเป่าสาก แถมเบือนหน้าไปนอกหน้าต่าง สร้างความอึดอัดให้คุณคอปไม่น้อย คราวนี้เลยต้องใช้อีกบท บทเรียกร้องความสนใจเข้ามาช่วยแทน" ปกติเขาลอยอังคารทีนึง ต้องเข้ามาลึกขนาดเลยหรือ "แสร้งถาม ขณะมือเองหักพวงมาลัยหลบหลุมให้ว่อน อันที่จริงมันก็ใช่อย่างเขาว่านั่นล่ะ มิหนำซ้ำ ถนนยังเป็นดินลูกรังอีกต่างหาก" ใช่ค่ะ "หมอบลูตอบไม่เต็มใจหนัก ขมวดคิ้วเข้าหากัน สายตายังคงจ้องมองออกไปไกลตา" เสียใจด้วยนะ เรื่องน้องชาย "เลยทำให้คุณคอปรู้ทันที หล่อนกำลังเสียใจอยู่" คนไหนคะ "" ......"" คนที่ตาย หรือคนที่ ..เลว "ถามกลับมา ประโยคหลังไม่เต็มเสียงนัก เพราะเหมือนคอหล่อนแห้งผ่าดซะจนต้องกลืนน้ำลาย ในขณะเดียวกัน คุณคอปถึงขั้นชะงัก สีหน้าคิดไม่ถึง ว่าหล่อนจะกล้าเอ่ยคำพวกนี้ออกมา เขาถอนใจเบาๆ ก่อนเหลือบสายตาไปมอง" คนไหนก็ได้ ที่ทำคุณกำลังจะร้องไห้อีกแล้วตอนนี้ "ซึ่งนั่นทำหมอบลูสะอึก หล่อนเงียบไป ไม่ได้พูดต่อ คนขับรู้สึกอึดอัดขึ้นมาอีกระลอก พลางพึมพำระยะเผาขน" เวรเอ๊ย มาอารมณ์นี้ แล้วใครจะกล้าจีบวะ "" คะ??? "" เอ่
หลังฝนซาลง ไม่นานก็มีชาวบ้านผ่านทางอย่างที่หมอบลูบอก ช่วยเหลือรถกระป๋องที่ดับตายข้างทางเพราะความมีน้ำใจ อันที่จริงคุณคอปไม่จำเป็นต้องลำบากรอนานขนาดนี้ก็ได้ ถ้าหากไม่ตัดสินใจปิดเครื่องตัวเอง ลงทุนโกหกว่าแบตหมด แล้วมากลัวเสียหน้าทีหลัง โทรหาโจ๊กกริ๊งเดียวขี้คล้านจะรีบแจ้น แต่นั่นก็ถือเป็นการดี บรรยากาศเองก็เป็นใจ ขัดขาหยุดเวลาให้เขาได้อยู่สองต่อสองกับสาวที่ชอบ เพื่อได้บอกอะไรหล่อนแค่ประโยคสั้นๆ เปลี่ยนจุดเริ่มต้นระหว่างกันไปในทางที่ดี แถมได้จูบหล่อนอีกด้วย ตรงนี้แหละสำคัญ“ กลับกรุงเทพเลยไหม “สาวเจ้าในชุดเดรสสีชมพูหวาน หลังอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วเดินออกมาพยักหน้า“ ค่ะ เดี๋ยวจะกลับเลย “น่าแปลก ทำไมหล่อนไม่เข้าบ้าน ทั้งที่ไปถึงขนาดนั้น กลับเลือกที่จะเอาแค่รถแล้วขับตามเขาออกมา ตั้งใจจะเปิดห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแค่นี้“ คุณไม่น่าขับรถมาเองเลยคุณบลู “ทว่า กลับต้องเก็บความสงสัยนั้นไว้ เปลี่ยนเป็นหน้าที่เป็นห่วงแทน หมอบลูไม่ได้ตอบในทันที แต่กลับรีบเก็บของ ลุกขึ้นมายืนเต็มความสูง“ มันสะดวกกับฉัน “"แล้วน้องชายคุณล่ะ "" คงกลับทีหลัง "“ ถ้างั้นเพื่อนคุณ เขากลับไปแล้วน่ะหรือ ““ ค่ะ เมื่อ
หลังจากคุณคอปรับปากหมอบลูแล้วว่าจะช่วย โดยการเอาตัวเองนั้นเข้าเสี่ยงปีนระเบียงไปยังอีกฝั่ง เพื่อจะเปิดประตูให้หล่อนได้เข้ามา เนื่องจากลืมคีย์การ์ดไว้ (โกหก) ในห้อง คุณคอปก็ได้โอกาสตรงนี้เตี๊ยมกับคู่ขาของตัวเองทันที“ ผมจะไปห้องโน้น หาจังหวะออกไปซะล่ะ อย่าให้เขาเห็น “ซึ่งมันคือประโยคสั้นๆที่ทำผู้หญิงคนฟังน้อยใจสุดจะทน ต่างจากคนพูดที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไร แถมยังยิ้มหน้าระรื่น อย่างกับตนนั้นถูกหวยเป็นร้อยล้าน กับอีแค่ได้เข้าไปยังอาณาเขตเจ้าหล่อน สาวข้างห้องที่เขาแอบมองถี่มาหลายวัน“ อะไรกันคะ จะถีบหัวส่งกันแบบนี้เลยหรือ “ทว่า ต้องมาหยุดชะงักฝีเท้า ด้วยเสียงน้อยใจนี้ ที่คนพูดปั้นหน้าปั้นตาแทบจะร้องไห้“ ผมถีบคุณตอนไหนริซ่า ก็แค่บอกให้หาจังหวะออกไป ““ แล้ว..มันต่างกันนักรึไง“ปาดน้ำตาตัวเอง ช้อนตาขึ้นมองหน้าหล่อเหลา หวังเรียกคะแนนสงสาร หล่อนรู้สึกชีวิตหล่อนเริ่มเข้าสู่หมวดวิกฤติ เมื่อเห็นทีท่าว่าถังเงินของหล่อนกำลังจะเบี่ยงเบนไปหาเหยื่อใหม่ซึ่ง ไม่-มี-ทาง ที่ริซ่าจะยอม“ คุณว่าไม่ต่าง ผมก็ว่าไม่ต่าง เอาตามนั้นละกัน ก็แล้วแต่คุณ “ทว่า ร่างสูงกลับตัดพ้อบอกเสียงเรียบหน้าตายซะงั้น ทำท่าจะเดิ
นานสองนานที่หมอบลูยืนมองริมฝีปากของคุณคอปเผยอขึ้น บ่งบอกถึงความทึ่งและพูดไม่ออก หล่อนเลิกคิ้ว ขณะร่างสูงเม้มปากสนิท สลับกันจนเบลอ ทว่า กลับไม่ยอมออกไปจากห้องสักที นี่ขนาดหล่อนทำตัวแบบนี้ แบบที่เขาเคยคิดไปเองในตอนแรกให้เห็นแล้วนะ เหตุใดถึงทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อเล่า " หมอบลู คุณล้อผมเล่นใช่ไหม " " คะ?? หมายถึงเรื่อง....โอ้วไม่ค่ะ บลูพูดจริงๆ" และดูสิ่งที่ผู้หญิงร่างบางในชุดกาวน์ขาวสะอาดตรงหน้าทำ หากไม่ติดว่าจีบอยู่ คุณคอปคงคิดว่าหล่อนกำลังกวนตี.... เขาอยู่ก็ได้" นั่นก็แสดงว่า ตะกี้หมอบลูได้ยินมัน "หมอบลูพยักหน้า" ค่ะ ยอมรับก็ได้ แต่ไม่ได้ตั้งใจนะคะ มันแว่วๆเข้ามา คือหูบลูไปได้ยินมันเอง "แล้วยิ้มแฉ่งภายหลัง"...."" ทำไมคะ! คุณไม่เชื่อหรือ..."ก่อนหุบยิ้มทันควัน เมื่อช้อนตาขึ้นไปเห็นสีหน้าคุณคอป ที่มันเอ๋อซะจนหล่อนอยากขำ มองเผินๆ นัยย์ตานั้นเหมือนกำลังคิด อยากขึงหล่อนแล้วตีก้น ซึ่งดูเหมือนหล่อนเอง จะอั้นมันไม่ได้แล้วด้วย" คิกๆๆๆ รู้อะไรไหม หน้าคุณตอนนี้น่ะ.. เหมือนหมาเห็นเงาตัวเองเลย "โก่งตัวหัวเราะร่วนอย่างกับกุ้ง ต่างกับคุณคอปที่ตอนนี้ย
..ในวันเดียวกัน..หมอบลูผุดลุกจากเก้าอี้เต็มความสูงด้วยความตกใจสุดๆ หลังจากรับรู้ข่าวจากหมอนนท์ว่าแมวที่หล่อนเฝ้ารักษา อยู่ในการดูแลพิเศษกำลังจะตาย" จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ "กรอกเสียงสั่นเทาตอบกลับ ก่อนตัดสายทิ้งทันทีแม้จะรู้มันไม่มีทางรอด ที่ผ่านมาหล่อนอาจจะเชื่อหมอนนท์ได้ ทว่า ครั้งนี้ขอเถอะ ขอให้หมอนนท์โกหก!" ฮึก.."เหลือบมองนาฬิกาไม่สนใจว่ามันจะค่ำ อีกทั้งวันนี้เป็นวันหยุดหล่อนด้วย กวาดพวงกุญแจรถกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมา โดยไม่คิดจะลืมคีการ์ดเป็นครั้งที่สองแน่นอน แม้ในใจจะนึกน้อยเนื้อต่ำใจสุดๆ ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ที่เธออยู่ตามลำพัง จะมีสักครั้งไหมที่โชคชะตาจะทำให้เธอไม่ต้องร้อนรนหรือเร่งรีบอยู่แบบนี้นี่อะไร...วันพักผ่อนก็ไม่เว้นเลยหรือ...กะจะให้ทุกข์ใจตายไปเลยรึไงกันสี่สิบนาทีถึง กับในใจที่กร่นด่า รถอะไรมันจะมาติดบรรลัยเอาวันนี้ พร้อมเร่งฝีเท้าวิ่ง ก่อนจะมาหยุดยืนหอบแฮกๆ อยู่กลางใจคลีนิกแอดดดด" แฮ่กๆๆ หมอ.. มะ หมอนนท์ "แล้วจึงผลักประตูเข้าไป ทว่า สิ่งที่ได้รับคุ้มมากเลยต่อความเหนื่อยแทบตาย คือภาพหมอนนท์นั่งกุมขมับ" ไม่ทันแล้วล่ะหมอบลู น้องตายแล้ว..."เงยขึ้นมาพร้อมกับขอบตา
หลายวันผ่านไป เรื่องราวดูเหมือนจะสงบสุข ในชีวิตประจำวันหลังจากนั้นของหมอบลูคิดว่าปกติ ทั้งเรื่องงานที่คลินิก และคอนโดที่บางคราสลับกันเทียวไปเทียวมา เพราะยังคงต้องดูแลบอลเหมือนเดิม ส่วนเพื่อนร่วมงานอย่างเช่นหมอนนท์ เขาเองยังคุยด้วยปกติทุกอย่าง เว้นแต่ว่าไม่สนิทใจเหมือนเดิม ทว่าตรงจุดนี้ไม่ได้ทำให้คนไม่สนโลกแบบหมอบลูระแคะระคายหรอกนับตั้งแต่วันนั้น หลังจากมีปัญหากับคุณนายอารีย์ นายแม่ของสามีตัวเอง เธอก็ถูกปฏิเสธต่อการอยู่ร่วมทานข้าวทุกครั้ง บนโต๊ะอาหารถ้ามีหมอบลูจะต้องไม่มีคุณนาย ถ้ามีคุณนายจะต้องไม่มีอีกคน เป็นอย่างนี้ตลอดจนคนรอบข้างอึดอัด พวกเขารู้สึกไม่ดีที่บรรยากาศในบ้านต้องเป็นแบบนี้ ทว่า ต่างคนต่างไม่กล้าปราม ไม่กล้าแม้จะออกความคิดเห็นอะไร...ใช่! เพราะนั่น คือคนสำคัญกับพวกเขาที่สุดทั้งนั้นจนกระทั่งวันนี้งานวันเกิดของคุณนาย...ที่ไม่ได้ถูกจัดขึ้นมาให้ดูโอ่อ่าใหญ่โตอะไรอย่างที่แล้วมา มีเพียงการทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา อยู่อวยพรด้วยกันและเชิญบุคคลสำคัญเข้ามาเพิ่มอีกคนเท่านั้น ทว่า...มันจะไม่เสียบรรยากาศเลย ถ้าแขกคนๆนั้น ไม่ใช่วรยา..หรือยาย่า... คู่หมั้นลูกชายคนกลาง คนที่คุณนายอารีย
ตะวันสายโด่ง คำว่าสิบนาทีของคุณคอปคงทำคุณนายอารีย์เจ็บใจ ทว่าเขาหาแคร์ไม่ ร่างสูงสง่ากล้ามเนื้อเป็นมัดๆ บ่งบอกถึงการผ่านฟิตเนสมาเป็นอย่างดี ท่อนบนไร้เสื้อ ต่างกับท่อนล่างที่ยังคงเหลือกางเกงยีน เขายืนอยู่ข้างหน้าต่าง ซึ่งอยู่หลังม่าน หากเก็บม่านก็จะเป็นกระจกใสทำให้เห็นวิวยามเช้าได้ชัดๆ นั่นเองสายตาสีดำทมิฬ เหม่อลอยแฝงเจือปนความเลศนัยทะลุกระจกบานนั้น ขณะกำลังใจจด ใจจ่อ รอคนที่ต้องการจะคุยด้วยโทรกลับมาเมื่อสิบห้านาทีก่อน คุณคอปต่อสายไปหาเพื่อนเก่าคนหนึ่ง ที่เคยสนิทในสมัยเรียนอยู่เมืองนอก แต่พักหลังเริ่มห่างหายกันไปเพราะต่างคนต่างต้องทำหน้าที่ของตัวเอง ทว่าติดประชุมไม่สะดวกคุยในตอนนั้นๆปากเป็นกระจับพ่นควันบุหรี่ฆ่าเวลา ขณะเจ้าสาวป้ายแดงชำระร่างกายอยู่ในห้องน้ำ หมอบลูตื่นตั้งแต่เช้า คิดจะออกไปทำงานตามปกติ ทว่าไม่ทันได้ย่างเท้าเลยเขต กลับถูกพ่อตัวแสบเจ้าของบ้านยื้อไว้ซะก่อน เขาห้ามเสียงแข็งไม่ยอมให้เธอนั้นได้ทำตามใจ อ้างว่าต้องอยู่พบกับนายแม่ เธอเลยได้แต่นั่งอึดอัดอยู่บนเตียงดังเดิม จนกระทั่งขอตัวไปอาบน้ำอีกรอบติ๊ดๆๆไม่นานเสียงโทรศัพท์ไม่ดังมากร้องขึ้น พร้อมกับหน้าจอกะพริบโชว์ชื่อคนโ
เหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำหมอบลูเจ็บปวดไม่หาย เธอนั่งเล่าอย่างใจเย็น ในขณะกรงเล็บของอุ้งมือนั้นจิกลงบนแขนไม่ขาดสาย ลำคอตอนนี้มันฝืดไปหมด เสมือนน้ำลายกลายเป็นหนามตำเสียดเนื้อยามที่เธอกลืนมันลง บวกกับสมองที่เคยเต็มไปด้วยความดื้อรั้น ยามนี้ตื้อไปหมด ไม่หลงเหลือแล้วหมอบลูคนเดิม ก่อนก้อนน้ำตาเม็ดใหญ่ที่ร้อนที่สุดหยดนึงจะตกลงกลางแขน มือใหญ่ข้างกายกลับมาดึงไปกุมไว้" บอกผมสิ..ที่รัก ..คุณรอดมาได้ยังไง "เสียงที่สะท้อนความเจ็บปวดออกมาเปล่งขึ้น คุณคอปรู้สึกร่างกายทั้งร่างกำลังไร้เรี่ยวแรง แต่ยังคงต้องฝืนไว้ เพื่อจะถามต่อ ขณะในหัวเขาตอนนี้ย้อนกลับไปในช่วงเวลาแห่งวันวาน....ภาพร่างเปลือยเปล่าขาวโพลนของผู้หญิงคนหนึ่ง.... ตาที่หลับพริ้มยามที่มีความสุขกับเขา....และคราบเลือดพรหมจรรย์ที่มันตราหน้าว่าเธอยังคงบริสุทธิ์อยู่ หมอบลูรอดมาได้ไง เขาอยากรู้" บลู... ฮึก.. โชคดีมากค่ะ ที่มันคิดจะผลัดกันทีละคน ส่วนอีกสองคนไปดูต้นทาง..."แววตาที่เจ็บปวดพร่ามัวไปด้วยน้ำตาคลอเบ้า ช้อนมองเขา เธอพยายามจะบอกบทสรุปไคลแม็กซ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนกับชีวิตเธอให้เขารู้อย่างแน่วแน่ แม้ตอนนี้...หัวใจก้อนเท่ากำปั้นของมือเรียวบางนั
ความเงียบเกิดขึ้นหลังจากนั้นทันที คำบอกเล่าบางคำสามารถบีบหัวใจคนฟังได้ก็ต่อเมื่อเหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นจริงกับคนที่รัก ไม่ว่ามันจะผ่านมานานแค่ไหน หรือกลายเป็นอดีตไปแล้วก็ตาม..ใช่ คุณคอปกำลังเป็นคนๆ นั้น ที่ตอนนี้นิ่งซะจนคนพูดต้องกลืนน้ำลายลงคอเป็นระลอก เขาไม่ไหวติง แถมม่านตาที่เบิกขึ้นเล็กน้อยยังมองทะลุกระจกออกไปนอกรถอีก บ่งบอกให้หมอบลูรับรู้เป็นนัยๆว่า หล่อนไม่ควรเงียบ ปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านเลยไป หากเกริ่นมาแบบนี้แล้ว จะทำให้เขาเข้าใจผิดและค้างคาเข้าไปใหญ่ นั้นเลยทำให้เธอต้องรีบดำเนินเรื่องราว มันเป็นอะไรที่ลำบากเหมือนกันนะ ที่จะต้องมานั่งเล่าเหตุการณ์ที่เกลียด และขยะแขยงที่สุดในชีวิต แถมในรถแบบนี้ด้วย ซึ่งมันไม่เหมาะสมที่สุดกับคนคิดจะหลีกหนี....ทว่า เธอมีทางเลือกที่ไหนกันล่ะย้อนเวลากลับไปกว่ายี่สิบปีก่อนปราโมทย์ หนุ่มนักธุรกิจชีวิตกำลังโลดแล่น อูฟู่รุ่งโรจน์ซะจนใครต่อใครต่างอิจฉา เขามีนิสัยเจ้าชู้สำส่อนเป็นชีวิตจิตใจ ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าในแต่ละเดือน หกเดือนเปลี่ยนครั้งอย่างกับเปลี่ยนเสื้อผ้า เด็กหญิงบูรพา หรือหมอบลู ได้แต่นั่งขมขื่นก้มหน้าเจียมตัวทุกครั้งหลังปราโมทย์สั่งให้เธ
" อื้มมมมม ... ไอ้บ้าเอ๊ย! "เสียงสาวเจ้าตวาดดัง หลังดันแผงอกแกร่งสำเร็จ เพียงแต่คราวนี้ไม่ได้ตบหน้า เธอช้อนตาขึ้นมองเท่านั้น ขณะหอบตัวโยน" จะขัดขืนทำไม ทำเหมือนคนไม่เคย "และก็ต้องกำหมัดแน่นทีหลังเพราะคำนี้" นี่!!! "ทำท่าจะหวดฝ่ามือไปใหม่ กลับถูกคนตรงหน้าดึงไปกอดซะก่อน" หมอบลู "เขากำชับวงแขนแน่นจนเธองง ต้องยกมือค้างไว้แบบนั้น พร้อมกะพริบตาปริบๆ" ...."" ผมอยากรู้ใจคุณ โดยที่เราไม่ต้องทะเลาะกันอย่างนี้ คุณช่วยผมหน่อยได้ไหม "" เอ๋..."" ตอนนี้ผมโคตรจะสับสนเลย คุณเป็นคนยังไงกันแน่ "ก่อนประโยคเสียงแผ่วนี้ จะทำให้เธอเงียบไปจริงๆ ร่างกายทุกสัดส่วนนิ่ง คิดไม่ถึงว่าคุณคอปจะเป็นคนเอาใจใส่ขนาดนี้" คือฉัน.."" ผมขอร้อง "" ทำไม.."" เพราะผมเริ่มจะรักคุณเข้าจริงๆ แล้วไง ""O.O "มันคือประโยคหนึ่ง ที่สามารถสร้างความเงียบภายในใจหมอบลูได้ สงัดซะจนเธอได้ยินหัวใจของตัวเอง ทว่าคนไร้ความหวั่นไหวอย่างเธอ ทำได้แต่ยืนนิ่ง มีเพียงแววตาเท่านั้นที่เบิกกว้าง กับใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ" รัก...หรือ..."เธอทวนคำพูดนั้นเสียงแผ่วเหมือนไม่อยากจะเชื่อ ก่อนท่อนแขนกำชับแน่นกว่าเดิมเพื่อเพิ่มความมั่นใจ หมอบลูถ
จากอารมณ์วุ่นวายในทีแรก อยู่ๆดีเกิดเหตุไม่คาดฝัน กลายเป็นคุณคอปต้องมาทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนแทน นั้นคือการเช็ดตัวให้ผู้หญิงคนหนึ่ง หมอบลูไข้ขึ้นสูงในตอนดึก ก่อนหน้านี้เข้าออกไปเอายามาให้หล่อนกินแล้ว แต่เพราะกลัวผองเพื่อนจะถามหา เรื่องอาจเอิกเกริกจนเกินไป เลยต้องรีบย่องไปรีบย่องกลับมา เหงื่อก้อนโตเริ่มผุดขึ้นทั่วหน้าผากมน ทั้งๆที่อุณหภูมิแอร์ใช่ว่าจะร้อน ทำคนตัวสูงอย่างคุณคอปเผลอยิ้มแฉ่ง เขาชะงักมือจากโทรศัพท์ เอื้อมไปลูบๆแก้มหล่อนเบาๆ ทว่าทำเธอนั้นสะดุ้งตื่น" ไข้คุณลดแล้วหมอบลู..."เสียงพูดทำเธอหันตาม แววตาที่มองเปลี่ยนไปเสมือนคนละคนอย่างไม่น่าเชื่อ ไร้ความขึงขัง ปราศจากความดุร้าย ดเหม่อลอยตรงกันข้าม แต่มีเสน่ห์อย่างน่าตกใจ คุณคอปถึงกับอึ้ง ความรู้สึกของเขา เสมือนกำลังมองคู่แฝดหน้าพิมพ์เดียวกัน ทว่าคนละคน" ฉัน.. เป็นอะไรไปคะ "มิหนำซ้ำน้ำเสียงยังเปลี่ยน หวานหยาดเยิ้มรื่นหูคนฟังซะจนงง... คำถามที่มีในใจคุณคอปตอนนี้ ทำไมผู้หญิงคนนี้มักจะเปลี่ยนอารมณ์ทุกครั้ง เมื่อร่างกายโดนน้ำ คราวที่แล้วก็ตอนฝนตก ที่ยอมให้เขาจูบ อีกทีก็ตอนเดินตากฝน และตอนนี้.. ในอ่างอาบน้ำ แต่เขาไม่อยากถาม เกรงคนตรงห
" อู้บบบบบ! อู้บบบบบ "" ......."" ไอ๋อ้าาาาา! "เสียงอู้อี้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน หมอบลูนั่นเอง ด้วยท่านอนคว่ำ และมือไขว้หลังถูกพันธนาการกับเนคไท้ในตอนนี้ หล่อนคงอึดอัดน่าดู ต่างกับคุณคอป ชายร่างสูง หน้าตาหล่อเหลา ทว่าแดงระเรื่อเพราะความเมา ยืนเท้าสะเอวยิ้มกริ่มอยู่ เขารู้สึกขำไม่น้อย" อะไรนะ ผมไม่เข้าใจ"" อ่อยอั๊นเอ้!!!! "" ห๊ะ "" ไอ่อ้าเอ้ยยยยย "" พูดอะไรของคุณ"" ฮะ โฮกกกกก"" ฮ่าๆๆๆ"ก่อนจะโก่งตัวขำเป็นกุ้ง กับท่าทางของเธอ ส่วนเธอใช่ว่าจะเล่นด้วย ตาที่เคยหวานฉ่ำเบิกกางออก ตะลึงใส่ทั้งที่มองไม่ถนัด ท่านอนคว่ำมันทับหน้าอกอวบหยุ่นจนเธอหายใจไม่ออก ความเซ็กซี่ไม่ใช่อยู่ตรงหน้าเหยเกขมวดคิ้วนั่นอย่างเดียว ทว่าลำคอระหงที่ขึ้นกล้ามเนื้อเป็นเอ็นพร้อมหยาดเหงื่อเกาะไรๆ นั่นด้วย ยิ่งทวีคูณทำให้คนเห็นกลืนน้ำลาย คุณคอปยืนนิ่ง เปลี่ยนแววตาที่ขำขันนั้น เป็นพร่ามัวทันที...ก่อนกระโจนเข้าหาเธอ จับร่างบางนอนหงาย ดึงผ้าที่ปากออกแล้วประกบจูบ" อื้มมมม "ทุกอย่างรวดเร็วมาก จนหมอบลูตั้งตัวไม่ทัน และด้วยความเหนื่อยหอบบวกปนคอแห้ง เลยต้องดึงดูดน้ำลายของเขาไปดับกระหายอย่างเลี่ยงไม่ได้ ...ทำหมอบลูนอนนิ่งอ่
หมอบลูชะงัก ตาที่เบิกโพลงมองท้องฟ้าหันมามองคนมาใหม่ก่อนหลุบลง มือหนาบีบไหล่หล่อนแน่น เชิงปลอบใจในเรื่องที่ผ่านมาเมื่อสักครู่ เขาคิดว่าหมอบลูคงจะเสียใจหนัก ถึงได้มานั่งตรงนี้ แต่ทว่าเปล่าเลย.. เขาคิดผิด..... หล่อนแค่เซ็งกับสิ่งที่เจอต่างหาก แถมเสียความรู้สึกมากไปหน่อยก็เท่านั้น" นายแม่คุณ...""กลับไปแล้วล่ะ ท่านไม่ชอบคนเยอะ"คุณคอปแทรกทรุดนั่งลงข้างๆ กัน เขาไม่ได้ว่าหล่อนเรื่องหย่อนเท้าลงสระ ทั้งที่เขานั้นไม่ชอบเอาเสียเลย ที่ผ่านมาเขาไม่เคยให้ใครทำมันได้ทั้งนั้น แต่กับผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ทำไม.. แค่อ้าปากจะเอ็ด ไม่ทันได้พูดก็ต้องหุบลงแล้ว...กลัวว่าจะเสียบรรยากาศ ทำให้คนกำลังรู้สึกแย่ทวีคูณหนักเข้าไปอีก ก่อนจะละสายตาจากผืนน้ำ มาสบตาคนถาม" นึกว่านายแม่คุณ จะพาคุณกลับไปด้วยซะอีก "แล้วแค่นหัวเราะเสียงเบา" ฮึ.. ก็คงต้องแบกกันเหนื่อยหน่อยนะ"พูดติดตลกที่ทำหมอบลูถึงกับเบ้ปาก เธอหย่อนจมูกใส่ พลางเบือนหน้าไปมองท้องฟ้าตามเดิม" คุณคงเป็นคนดื้อเอาการอยู่สินะ "" ก็ไม่เชิง"" มากไปสิ "" ในสายตาคุณ ผมดูแย่ขนาดนั้นเลยเรอะ"หล่อนเงียบไปอึดใจหนึ่ง พลางยักไหล่" เห็นชอบทำอะไรแปลกๆ "" ยังไง? "" เอ
(คุณคอปครับ ตอนนี้คุณท่าน...)" หุบปากซะกวิน "(แต่คุณท่าน ทราบเรื่องที่คุณคอปผิดนัดแล้วนะครับ ตอนนี้กำลังโกรธมาก)" นี่มึงกลัว??? "(เอ่อ...)" ใครจ่ายเงินเดือนมึง "(คะ คุณคอปครับ)" หน้าที่ของมึง คือทำยังไงก็ได้ไม่ให้นายแม่มาหากู "(แต่ท่าน..เอ่อ..ป่านนี้น่าจะใกล้ถึงแล้วล่ะครับ)" เวรเอ๊ย กูจ้างมึงมาทำไมกันล่ะเนี่ย "(อูย.. ขอโทษครับ ก็คนมันห้ามไม่ได้นี่ครับ ท่านใช้ปืนขู่ผม)" มึงก็ให้นายแม่ยิงไปเซ่!!! "(ครับ?!)ติ้ด! " โถ่เว้ย!! "สายถูกตัดไปหลังจากนั้น พร้อมเท้าเตะอากาศอย่างขัดใจ ก่อนร่างสูงเดินพ้นโซนห้องครัวมายืนเท้าสะเอวอยู่นอกบ้าน ใช้สายตากวาดมองหาไปทั่ว ในความคิดคือหล่อนยังคงใส่เสื้อกาวน์อยู่ และคาดคะเนไม่ได้ด้วยว่าหมอบลูจะไปนั่งตักกับข้าวใส่ชามกับแม่ครัว คุณคอปเริ่มหัวเสีย เมื่อหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอหล่อน ถ้าคิดจะหนีคงเป็นไปไม่ได้ จากท่าเทียบเรือ กว่าจะขับรถขึ้นเขามายังบ้านตากอากาศหลังนี้ระยะทางตั้งหลายกิโล" เล่นอะไรของคุณอยู่เนี่ย หมอบลู"ในแผนของเขาตอนนี้ แค่อยากจะจดทะเบียนกับหล่อนให้จบๆ ก่อนที่คุณนายอารีย์จะทันขัดขวาง ส่วนงานวิวาห์ไว้วันหลังก็ได้ ทว่า.. ทุกอย่างพร้อม แต่เจ