ร่างบางเดินโซซัดโซเซลงมาจากรถตอนเจ็ดโมงเช้า หล่อนอยู่ในสภาพอิดโรยเต็มที กว่าจะลากขามาถึงกล่องลิฟต์ได้ กินเวลาไปมากมายเลยทีเดียว
ติ๊ง!
ชั้นที่สิบ ประตูเหล็กเปิดออกหลังหล่อนมาถึง ทำบลูชะงัก เปลี่ยนสีหน้าที่เศร้าสลดเป็นหน้าบึ้งตึงไปเลยทันที
“ ไอ้บอล แก...”
ผั๊วะ! ผั๊ว! ผั๊ว!
“ โอ๊ย อะไรของพี่เนี่ย “
หวดกำปั้นลงกลางหัวไม่ยั้ง ทำผู้หญิงที่มากับเขาด้วยถอยหลังกรูด ขณะบอลตอนนี้ปัดป้องตัวเองเป็นพัลวัน
“ นี่แกพาผู้หญิงมานอนในห้องฉันเหรอ “ เหลือบตาไปมองผู้หญิงคนนั้นตอนประโยคท้าย หล่อนหลบตาแทบไม่ทันด้วยความละอาย " ไหนแกบอกว่า จะมาหาฉันที่โรงพยาบาล! "
“ เปล่านะพี่ เพิ่งมาถึงเมื่อกี้ เธอเป็นเพื่อนที่วิทลัย “
“ โกหก! เพื่อนแกสิ หน้าแก่กว่าฉันแบบนี้ “
ใส่อารมณ์ยับ กะจะทุบลงไปอีกแต่คราวนี้บอลหลบทัน ฉีกตัวเองออกไปยืนไกล แล้วชี้หน้า
“ พี่เป็นบ้าไปแล้วเหรอ “
“ เออ! ฉันบ้า! “
ตอบทันควัน พร้อมดวงตาตะลึงโต แล้วถึงมาถอนหายใจเอาภายหลัง เมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ใน กับความรู้สึกของเธอที่พกติดมาตอนชั่วโมงก่อนหน้า
“ บ้าเพราะน้องฉันตาย...ฮืออออ”
ปล่อยโฮทรุดนั่งลงตรงหน้าลิฟต์ ระหว่างทางเดินไปยังห้องของเธอ หมดความอายแม้ว่าใครจะมอง ส่ายหน้ารัวซะจนเส้นผมพันกันยุ่งเหยิง ขณะบอลตอนนี้หลังได้ยิน ยืนอึ้งไปแล้ว
“ พี่ว่าไงนะ...”
“ บีม...บีมมันตายแล้ว...”
แล้วมาแข็งทื่อเอาอีกทีก็ตอนได้ยินมันชัดๆ แต่ทว่า..เขาแค่ก็ช็อกแค่แปปเดียว กะพริบตาลงทีเดียวก็เหมือนได้ไล่ความรู้สึกนั้นไปแล้ว ง่ายดายเหมือนปัดทรายลงจากผ้า บอลไม่ได้รักน้องอะไรขนาดนั้น แค่รู้สึกใจหาย ไม่น่าเชื่อ แต่ไม่ได้เสียใจ
“ พี่..ลุกเถอะ นะ.. มันอายเขา “
ยื่นมือกะจะดึงบลู ทว่า ต้องชะงัก เมื่อเจอสายตาอาฆาตช้อนขึ้นมองกลับมา
“ ไอ้เด็กระยำ “
“ .............”
“ กลับไปอยู่กับแม่แกเดี๋ยวนี้เลยนะ!!! “
สติแตก ผุดลุกขึ้นพรวดมาขยุ้มคอเสื้อชอปจนบอลตกใจ ไม่ต่างกันเลยในตอนนี้ที่คนเดินผ่านมาพากันงง รวมถึงใครคนนึงที่เท้าสะเอวมองอยู่ไม่ไกลด้วย เขาก็แค่อยากรู้เท่านั้น ใครมันมาเอะอะโวยวายอะไร ปลุกให้ตื่นจากการหลับสบายเดินมาแง้มประตู แต่ไม่คิดว่าจะมาเจออะไรแบบนี้
.....พี่น้องตีกัน....
....เรื่องอะไร ใครตาย?? .....
“ โอ๊ย อะไรของพี่เนี่ย พี่บ้าไปแล้วรึไง ไอ้บีมน่ะมันตายไปตั้งนานแล้ว ที่เห็นน่ะ มันก็แค่ร่างกับเครื่องช่วยให้มันไม่เน่าก็เท่านั้น พี่จะหลอกตัวเองทำไม พี่เป็นหมอ พี่ไม่รู้เหรอ?! “
บอลดันตัวบลูออกจนสำเร็จ เลยได้โอกาสมายืนเถียง ทว่า คำพูดนั้นกลับเหมือนซ้ำเติมหล่อนให้สติแตกเข้าไปอีก
“ ไอ้บอล! “
“ พอเถอะพี่! อายเขา! “
“ .................”
จ้องหน้าบอลเขม็ง
“ ตามใจ พี่จะบ้าก็บ้าไปคนเดียวเถอะ ตั้งศพวัดไหนบอกด้วยก็แล้วกัน ไปอั๋น “
ทิ้งประโยคสุดท้ายไว้เพียงเท่านั้น ก่อนจะคว้าแขนผู้หญิงที่พามาด้วย วิ่งไปทางบันไดหนีไฟ เพราะบลูยืนขวางอยู่หน้าลิฟต์
“ ไอ้บอล กลับมาเดี๋ยวนี้นะ แกกล้าพูดกับฉันแบบนี้ได้ยังไง! “
ขยี้หัวตัวเองอย่างกับคนบ้า เหลือบตามองคนที่เอาแต่มองเธอ จึงจะได้สติขึ้นมาหน่อย แล้วถึงจะเดินไปยังห้องตัวเอง ทว่า... ร่างสูงที่ยืนกอดอกอยู่หลังประตู ขณะมันแง้มออก เด่นซะจนทำเธอที่กำลังจะหาคีย์การ์ดต้องหยุดสบตา
“...............”
คอปไม่ได้พูด หรือ ถามอะไรเธอ เกี่ยวกับเรื่องที่เธอโวยวายจนทำเขาตื่น แต่กลับขมวดคิ้วเป็นปมส่งหน้าฉงนกลับไปให้ ก่อนจะถลาเข้าไปคว้าร่างบางไว้ ในจังหวะที่บลูล้มลงมาพอดี ความเหนื่อยล้าที่ไม่ได้นอนทั้งคืน บวกกับอาการช็อคไม่หาย ส่งผลให้เธอเป็นลมล้มพับ ซึ่งในความอ่อนแอของหล่อนตอนนี้ ก็หมือนจะมีความเข้มแข็งแฝงอยู่ หล่อนขับรถกลับมายังคอนโดได้ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว
“ ไปฝ่ามรสุมที่ไหนมาวะนี่ สภาพอย่างกับโดนข่มขืน “
คอปบ่นพึมพำตามประสาคนปากเสีย ก่อนจะยกอุ้มร่างเธอ แล้วพาเข้าไปยังห้องที่สะดวกที่สุด นั่นคงหนีไม่พ้นห้องที่แง้มประตู คือห้องของเขาเอง ...
หลังจากคุณคอปอุ้มบลูมาวางไว้บนเตียงอย่างเบามือ ร่างสูงก็เอาแต่ยืนเฉย มองตั้งแต่หัวจรดเท้าหล่อนแล้วแค่นหัวเราะ นึกถึงตอนที่สาวเจ้าทุบไหล่น้องชายไม่ยั้งพาขำไม่หาย นี่คืออีกด้านนึงของหล่อนหรือ?? ยามที่โมโหอะไรถึงขีดสุดแล้ว เป็นแบบนี้ใช่ไหม.. ร่างสูงขบคิด ถือวิสาสะนั่งลงข้างๆ ขณะท่อนบนไม่มีอะไรปกปิด เกือบเผลอยื่นมือใหญ่ไปลูบหน้า เมื่อนึกขึ้นมันไม่ควร จึงชะงักดึงกลับ
" ฟู่ววว อะไรวะไอ้คอป "
สบถกับตัวเองเบาๆ ทำท่าจะดีดตัวเองขึ้นมา ทว่า
" กรี๊ด!!! "
" เฮ้ย!! "
บลูตื่น ลืมตาโพลง หล่อนตกใจหนักที่เห็นคุณคอป
" ฉะฉัน ฉันอยู่ที่ไหน "
หันซ้ายหันขวา ถามหน้าตาตื่น คุณคอปถอนหายใจปร๋อ ทีแรกนึกว่าหล่อนเป็นอะไรหนัก ที่ไหนได้... ผวาหน้าเขา
" ห้องผม! "
" ห๊ะ! ห้องคุณ พาฉันมาทำไม "
" ......"
เสียงบลูหายไปตอนประโยคท้าย หลังจากสมองลำเรียงเหตุการณ์เมื่อไม่นานมานี้ สีหน้าจากที่ตกใจเปลี่ยนไปทันที เหลือเพียงแววตาสลด หรี่ลงต่ำแทน
" ฮึก.."
คุณคอปขมวดคิ้วเข้าหากันอีกระลอกก็คราวนี้ ที่เห็นอาการของหล่อน นัยย์ตามีน้ำใสๆ คลอออกมา จากนั้นมันหล่นลงบนที่นอนเขา
" คุณโอเคใช่ไหม "
" ฉัน... "
บลูเงยหน้าขึ้น กะจะตอบคำถามนั้น แต่กลับถูกกลืนหายไป เพราะลำคอมันตีบ เปล่งเสียงไม่ออก คุณคอปเดินหายเข้าไปในโซนครัว ก่อนจะกลับมาพร้อมน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว ยื่นไปให้คนตรงหน้า
" ผมว่าคุณเหนื่อย "บลูรับมันไป แล้วดื่มทีเดียวจนหมด " พักก่อนก็แล้วกัน "
ร่างสูงทำท่าจะหมุนตัวกลับไปเก็บแก้ว ทว่า
" พักไม่ได้ค่ะ "
" ......"
" ฉันต้องไปวัด "
" หืม..."
" น้องชายฉันเสียน่ะค่ะ ฉัน..ฉันเลยต้อง..เอ่อ.."
" คุณไม่ใช่คนที่นี่ใช่มะ"
"......."
" งั้นมีอะไรให้ผมช่วยก็บอก "
" อะ เอ๋..."
คุณคอปเอาแต่ยืนนิ่งไม่หืออือ หลังเพิ่งรู้ตัวว่า ได้พูดอะไรที่เผลอไผลออกไปแล้ว มองร่างบางบนเตียงแววตาว่างเปล่า กลบเกลื่อนไม่ให้หล่อนรู้ว่าเขานั้นคิดอะไรอยู่ เมื่อรู้สึกตัวเองเริ่มเสียฟอร์ม แสดงอาการนอกเหนือสิ่งที่ต้องการ เลยปรับเปลี่ยนใหม่
" แฮ่มมม "
"......."
" มีแรงแล้วใช่ไหม ออกไปสิ "
" ห๊า..."
ซึ่งคำพูดและการกระทำนี้ ทำบลูหน้าเหวอไม่เบา ตามไม่ทันกับความคิดผู้ชายคนนี้ ที่มันมีหลายอารมณ์ซะเหลือเกิน
" เอ่อ..เรื่องงานศพ"
" ไม่เป็นไรหรอกค่ะ! "
หล่อนเชิ่ดหน้าขึ้น กระแทกกระทั้นเสียง ขัดกลางคัน
" เดี๋ยวฉันจะปรึกษาเรื่องนี้กับทางโรงพยาบาล เรื่องพาศพไปวัดจิตอาสาคงจะพอมี "
" คุณแน่ใจนะ "
เหลือบตามองคุณคอปนิดหน่อย หล่อนรู้เขาหมายถึงอะไร เรื่องเงินใช่ไหม??
" น้องชายฉัน ฉันจัดการเองได้ ฉันมีเงิน"
" เฮอะ! ผมรู้ ..ไม่มีเงินจะมาซื้อคอนโดแบบนี้ได้เหรอ "
" อึก...."
แทบสำลอกน้ำลาย หลังถูกแทงใจดำเพราะหนุ่มข้างห้อง หล่อนไม่อยากจะบอกหรอก คอนโดและรถที่มีมาน่ะ มันมีมาตั้งแต่พ่อหล่อนยังไม่ตายโน่น ปัจจุบันหรือ... ครึ่งหมื่นจะถึงรึเปล่า
" ไอ้ที่ผมถามว่าแน่ใจไหมน่ะ มันคือตัวคุณ ก็เห็นทำอะไรคนเดียว "
"......."
บลูเชิ่ดคาง เบือนหน้าหนีอีกครั้ง ทว่าต้องมาชะงักกับประโยคนี้ ที่ถูกคนตัวสูงกวนตี.....ใส่
" อ้อ! ผมลืม คุณมีหนุ่มหน้าตาดีคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ นี่นะ "
" อะไร"
ชำเลืองหางตามามอง ปากเจ่อถาม
" ก็ไอ้หมอนั่นไง หมอนนท์ของคุณน่ะ "
" นี่! "
" เฮอะ"
" มีเรื่องไหนของฉันบ้างที่คุณไม่รู้เนี่ย "
กลายเป็นสงครามขนาดย่อม ต่อปากต่อคำต่างคนต่างไม่ยอมกัน
" ก็.."
" ว่าไง??? "
" ......"
เงียบ ...
คนถูกถามเปลี่ยนเป็นเสยผมปรกหน้าขึ้นอย่างหัวเสียทันที บลูเห็นอย่างนั้นถอนหายใจรัว เถียงกับเขาก็ใช่จะเลิกเสียใจได้ เมื่อรู้ถึงสิ่งที่จะต้องไปทำอีกหลายรายการถัดไป จึงลุกขึ้นยืน
" จะไปไหน "
" กลับห้องฉันน่ะสิ ถามแปลก "
ตัดบทแบบขอไปที ไม่อยากจะเสวนาด้วยอีกแล้ว เปิดประตูห้องทำท่าจะเดินออก แต่ทว่า...
" เดี๋ยว "
" อืม ขอบคุณ พอใจยัง? "
แอด...ปัง!
" เปล่า...ผมแค่จะบอกว่า งานศพน่ะ ไปด้วยได้มั้ย..."
ประโยคหลังพึมพำคนเดียว เพราะหล่อนปิดประตูไปก่อนแล้ว มาฟาดฟันเอาภายหลังกับเท้าเตะกลางอากาศในห้องของตัวเอง
" โถ่! ไอ้คอป ทำไมถึงช้าแบบนี้! "
เสร็จจากพิธีการเคลื่อนย้ายศพไปยังวัดบ้านเกิด ซึ่งถูกจัดการโดยบลูทั้งสิ้น นอกเหนือจากหมอนนท์ ผู้ช่วยเพชร และคนอื่นๆ ที่เป็นเจ้าหน้าที่สัตวแพทย์ในเครือเดียวกันอาสาช่วยแล้ว ก็มีคุณคอปอีกคนนี่แหละที่ยังคงมองอยู่ห่างๆ เขากะจะไปในคืนสุดท้ายและวันเผาทีเดียว เพราะไม่ได้เป็นญาติหรือเป็นอะไรกันกับหมอบลู ความละอายกระดากเลยเข้าแทรก ทั้งอันที่จริงไม่ต้องไปก็ได้ ทว่า กลับซ้ำให้คุณคอปรู้สึกไม่สบายใจไปอีก ซึ่งอาการนี้ เกิดขึ้นเพราะอะไร เขาเองก็ยังไม่รู้...“ ถามกูทุกอย่าง กูเป็นแฟนน้องเขาหรือไงวะ “โจ๊กบ่นอุบ ตามประสาคนปากเสีย หลังเริ่มรำคาญที่คุณคอปเทียวไปเทียวมาสืบเรื่องของหมอบลูไม่หยุด สร้างความระแคงใจให้แก่เขาไม่น้อย อยู่ดีๆเพื่อนเขาอยากจะรู้เรื่องราวของสาวข้างห้องขึ้นมาซะงั้น ทั้งๆที่หมอบลูเองก็ใช่ว่าจะเพิ่งไปอยู่ หรือเพิ่งจะสนใจ ไอ้อาการแบบนี้ชักไม่ธรรมดา“ กูมีหน้าที่ถาม มึงมีหน้าที่ตอบ “แถมเอือมระอาด้วยกับความชอบแถของเขา“ เฮ้ย ไอ้คอป ถามจริง ทำไมมึงไม่ไปถามเขาเอง แต่เลือกที่จะมาถามกู กูไม่ใช่ญาติฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งของเขานะคร้าบบบบ ““ ก็ถ้ากูมีความกล้าพอ กูจะมาหามึงเหรอ ไอ้ฟัค! “ประโยคหลังคุณ
ร่างสูงเดินปราดเปรียวเข้ามายืนตรงหน้า ในท่ามือล้วงกระเป๋ากางเกง โน้มหน้าลงมามองหน้าหญิงสาว เสมือนจะถามความเป็นมาของสภาพจิตใจหล่อน กลายเป็นมาทำหล่อนเขินอายซะงั้น“ มาได้ยังไงคะ ““ นึกไม่ถึงเหรอว่าผมจะมา “เสียงทุ้มถาม ทำอย่างกับว่าบริเวณนี้มีเพียงเขากับเธอแค่สองคน“ เอ่อ..”“ แฮ่มมมม”ก่อนเสียงกระแอมของโจ๊กจะแทรกกลางคัน ขัดใจคุณคอปไม่น้อย“ อะไร “กระชากสายตาไปมองแกมตำหนิเหมือนคาดโทษ ที่บังอาจจมาทำให้เขาเสียฟอร์มต่อหน้าสาวสวยแบบนี้“ คุณ...? ”“ ผมโจ๊กครับ เป็นเพื่อนรุ่นพี่ น้องชายของคุณ “ทว่า มีหรือคนกวนโอ๊ยอย่างเจ้าของร้านขายรถอย่างเขาจะใส่ใจ ถลากระแทกหัวไหล่เพื่อน แย่งซีนแนะนำตัวกับสาวตรงหน้าซะเฉยๆ หมอบลูพยักหน้าเข้าใจ พลางปรายตามามองคุณคอป ทำนองจะถาม เหมาะเจาะกับคนถูกมองร้อนตัวพอดี รีบแทรกตอบทันควัน“ ไอ้โจ๊ก กูบอกแล้วไง ว่าอย่าชวนกูมา มึงก็คะยั้นคะยอจนได้ เห็นไหม เขางงกันหมดแล้ว เพราะไม่รู้จักกู” “ ห๊า......”ทำเอาโจ๊กถึงกับน็อคกลางอากาศ อ้าปากเหวอคิดไม่ถึงว่าเพื่อนเขาจะแถได้สุดยอดอะไรเบอร์นี้ ทำหน้ายึกยัก ปากพะงาบๆ ไปไม่ถูก“ ไม่เป็นไรค่ะ ไหนๆ ก็มาแล้ว จะไหว้ศพไหมคะ ฉันจะได้ไป
เพราะขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง หมอบลูจึงยอมทำตาม ขึ้นไปนั่งข้างคนขับอย่างเขาว่า แล้วก็เงียบฉี่เป็นเป่าสาก แถมเบือนหน้าไปนอกหน้าต่าง สร้างความอึดอัดให้คุณคอปไม่น้อย คราวนี้เลยต้องใช้อีกบท บทเรียกร้องความสนใจเข้ามาช่วยแทน" ปกติเขาลอยอังคารทีนึง ต้องเข้ามาลึกขนาดเลยหรือ "แสร้งถาม ขณะมือเองหักพวงมาลัยหลบหลุมให้ว่อน อันที่จริงมันก็ใช่อย่างเขาว่านั่นล่ะ มิหนำซ้ำ ถนนยังเป็นดินลูกรังอีกต่างหาก" ใช่ค่ะ "หมอบลูตอบไม่เต็มใจหนัก ขมวดคิ้วเข้าหากัน สายตายังคงจ้องมองออกไปไกลตา" เสียใจด้วยนะ เรื่องน้องชาย "เลยทำให้คุณคอปรู้ทันที หล่อนกำลังเสียใจอยู่" คนไหนคะ "" ......"" คนที่ตาย หรือคนที่ ..เลว "ถามกลับมา ประโยคหลังไม่เต็มเสียงนัก เพราะเหมือนคอหล่อนแห้งผ่าดซะจนต้องกลืนน้ำลาย ในขณะเดียวกัน คุณคอปถึงขั้นชะงัก สีหน้าคิดไม่ถึง ว่าหล่อนจะกล้าเอ่ยคำพวกนี้ออกมา เขาถอนใจเบาๆ ก่อนเหลือบสายตาไปมอง" คนไหนก็ได้ ที่ทำคุณกำลังจะร้องไห้อีกแล้วตอนนี้ "ซึ่งนั่นทำหมอบลูสะอึก หล่อนเงียบไป ไม่ได้พูดต่อ คนขับรู้สึกอึดอัดขึ้นมาอีกระลอก พลางพึมพำระยะเผาขน" เวรเอ๊ย มาอารมณ์นี้ แล้วใครจะกล้าจีบวะ "" คะ??? "" เอ่
หลังฝนซาลง ไม่นานก็มีชาวบ้านผ่านทางอย่างที่หมอบลูบอก ช่วยเหลือรถกระป๋องที่ดับตายข้างทางเพราะความมีน้ำใจ อันที่จริงคุณคอปไม่จำเป็นต้องลำบากรอนานขนาดนี้ก็ได้ ถ้าหากไม่ตัดสินใจปิดเครื่องตัวเอง ลงทุนโกหกว่าแบตหมด แล้วมากลัวเสียหน้าทีหลัง โทรหาโจ๊กกริ๊งเดียวขี้คล้านจะรีบแจ้น แต่นั่นก็ถือเป็นการดี บรรยากาศเองก็เป็นใจ ขัดขาหยุดเวลาให้เขาได้อยู่สองต่อสองกับสาวที่ชอบ เพื่อได้บอกอะไรหล่อนแค่ประโยคสั้นๆ เปลี่ยนจุดเริ่มต้นระหว่างกันไปในทางที่ดี แถมได้จูบหล่อนอีกด้วย ตรงนี้แหละสำคัญ“ กลับกรุงเทพเลยไหม “สาวเจ้าในชุดเดรสสีชมพูหวาน หลังอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วเดินออกมาพยักหน้า“ ค่ะ เดี๋ยวจะกลับเลย “น่าแปลก ทำไมหล่อนไม่เข้าบ้าน ทั้งที่ไปถึงขนาดนั้น กลับเลือกที่จะเอาแค่รถแล้วขับตามเขาออกมา ตั้งใจจะเปิดห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแค่นี้“ คุณไม่น่าขับรถมาเองเลยคุณบลู “ทว่า กลับต้องเก็บความสงสัยนั้นไว้ เปลี่ยนเป็นหน้าที่เป็นห่วงแทน หมอบลูไม่ได้ตอบในทันที แต่กลับรีบเก็บของ ลุกขึ้นมายืนเต็มความสูง“ มันสะดวกกับฉัน “"แล้วน้องชายคุณล่ะ "" คงกลับทีหลัง "“ ถ้างั้นเพื่อนคุณ เขากลับไปแล้วน่ะหรือ ““ ค่ะ เมื่อ
หลังจากคุณคอปรับปากหมอบลูแล้วว่าจะช่วย โดยการเอาตัวเองนั้นเข้าเสี่ยงปีนระเบียงไปยังอีกฝั่ง เพื่อจะเปิดประตูให้หล่อนได้เข้ามา เนื่องจากลืมคีย์การ์ดไว้ (โกหก) ในห้อง คุณคอปก็ได้โอกาสตรงนี้เตี๊ยมกับคู่ขาของตัวเองทันที“ ผมจะไปห้องโน้น หาจังหวะออกไปซะล่ะ อย่าให้เขาเห็น “ซึ่งมันคือประโยคสั้นๆที่ทำผู้หญิงคนฟังน้อยใจสุดจะทน ต่างจากคนพูดที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไร แถมยังยิ้มหน้าระรื่น อย่างกับตนนั้นถูกหวยเป็นร้อยล้าน กับอีแค่ได้เข้าไปยังอาณาเขตเจ้าหล่อน สาวข้างห้องที่เขาแอบมองถี่มาหลายวัน“ อะไรกันคะ จะถีบหัวส่งกันแบบนี้เลยหรือ “ทว่า ต้องมาหยุดชะงักฝีเท้า ด้วยเสียงน้อยใจนี้ ที่คนพูดปั้นหน้าปั้นตาแทบจะร้องไห้“ ผมถีบคุณตอนไหนริซ่า ก็แค่บอกให้หาจังหวะออกไป ““ แล้ว..มันต่างกันนักรึไง“ปาดน้ำตาตัวเอง ช้อนตาขึ้นมองหน้าหล่อเหลา หวังเรียกคะแนนสงสาร หล่อนรู้สึกชีวิตหล่อนเริ่มเข้าสู่หมวดวิกฤติ เมื่อเห็นทีท่าว่าถังเงินของหล่อนกำลังจะเบี่ยงเบนไปหาเหยื่อใหม่ซึ่ง ไม่-มี-ทาง ที่ริซ่าจะยอม“ คุณว่าไม่ต่าง ผมก็ว่าไม่ต่าง เอาตามนั้นละกัน ก็แล้วแต่คุณ “ทว่า ร่างสูงกลับตัดพ้อบอกเสียงเรียบหน้าตายซะงั้น ทำท่าจะเดิ
นานสองนานที่หมอบลูยืนมองริมฝีปากของคุณคอปเผยอขึ้น บ่งบอกถึงความทึ่งและพูดไม่ออก หล่อนเลิกคิ้ว ขณะร่างสูงเม้มปากสนิท สลับกันจนเบลอ ทว่า กลับไม่ยอมออกไปจากห้องสักที นี่ขนาดหล่อนทำตัวแบบนี้ แบบที่เขาเคยคิดไปเองในตอนแรกให้เห็นแล้วนะ เหตุใดถึงทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อเล่า " หมอบลู คุณล้อผมเล่นใช่ไหม " " คะ?? หมายถึงเรื่อง....โอ้วไม่ค่ะ บลูพูดจริงๆ" และดูสิ่งที่ผู้หญิงร่างบางในชุดกาวน์ขาวสะอาดตรงหน้าทำ หากไม่ติดว่าจีบอยู่ คุณคอปคงคิดว่าหล่อนกำลังกวนตี.... เขาอยู่ก็ได้" นั่นก็แสดงว่า ตะกี้หมอบลูได้ยินมัน "หมอบลูพยักหน้า" ค่ะ ยอมรับก็ได้ แต่ไม่ได้ตั้งใจนะคะ มันแว่วๆเข้ามา คือหูบลูไปได้ยินมันเอง "แล้วยิ้มแฉ่งภายหลัง"...."" ทำไมคะ! คุณไม่เชื่อหรือ..."ก่อนหุบยิ้มทันควัน เมื่อช้อนตาขึ้นไปเห็นสีหน้าคุณคอป ที่มันเอ๋อซะจนหล่อนอยากขำ มองเผินๆ นัยย์ตานั้นเหมือนกำลังคิด อยากขึงหล่อนแล้วตีก้น ซึ่งดูเหมือนหล่อนเอง จะอั้นมันไม่ได้แล้วด้วย" คิกๆๆๆ รู้อะไรไหม หน้าคุณตอนนี้น่ะ.. เหมือนหมาเห็นเงาตัวเองเลย "โก่งตัวหัวเราะร่วนอย่างกับกุ้ง ต่างกับคุณคอปที่ตอนนี้ย
..ในวันเดียวกัน..หมอบลูผุดลุกจากเก้าอี้เต็มความสูงด้วยความตกใจสุดๆ หลังจากรับรู้ข่าวจากหมอนนท์ว่าแมวที่หล่อนเฝ้ารักษา อยู่ในการดูแลพิเศษกำลังจะตาย" จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ "กรอกเสียงสั่นเทาตอบกลับ ก่อนตัดสายทิ้งทันทีแม้จะรู้มันไม่มีทางรอด ที่ผ่านมาหล่อนอาจจะเชื่อหมอนนท์ได้ ทว่า ครั้งนี้ขอเถอะ ขอให้หมอนนท์โกหก!" ฮึก.."เหลือบมองนาฬิกาไม่สนใจว่ามันจะค่ำ อีกทั้งวันนี้เป็นวันหยุดหล่อนด้วย กวาดพวงกุญแจรถกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมา โดยไม่คิดจะลืมคีการ์ดเป็นครั้งที่สองแน่นอน แม้ในใจจะนึกน้อยเนื้อต่ำใจสุดๆ ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ที่เธออยู่ตามลำพัง จะมีสักครั้งไหมที่โชคชะตาจะทำให้เธอไม่ต้องร้อนรนหรือเร่งรีบอยู่แบบนี้นี่อะไร...วันพักผ่อนก็ไม่เว้นเลยหรือ...กะจะให้ทุกข์ใจตายไปเลยรึไงกันสี่สิบนาทีถึง กับในใจที่กร่นด่า รถอะไรมันจะมาติดบรรลัยเอาวันนี้ พร้อมเร่งฝีเท้าวิ่ง ก่อนจะมาหยุดยืนหอบแฮกๆ อยู่กลางใจคลีนิกแอดดดด" แฮ่กๆๆ หมอ.. มะ หมอนนท์ "แล้วจึงผลักประตูเข้าไป ทว่า สิ่งที่ได้รับคุ้มมากเลยต่อความเหนื่อยแทบตาย คือภาพหมอนนท์นั่งกุมขมับ" ไม่ทันแล้วล่ะหมอบลู น้องตายแล้ว..."เงยขึ้นมาพร้อมกับขอบตา
เสียงเนื้อกระทบเนื้อ ดังสนั่นหวั่นไหวระงมห้อง เตียงสั่นคลอนตามจังหวะ ผ้าปูฟูกนอนถูกขยุ้มด้วยฝ่ามือบางยับยู่ยี่ ยามที่ท่อนเอ็นร้อนร้ายนั้นดันเข้ามา" ซี้ดดด.."คุณคอปถึงกับแหงนหน้าซู้ดปากคราง ความฟิตความแน่นบีบนวดส่วนที่อ่อนที่สุดต่อสัมผัสทำเขาเสียวแทบบ้า เขาอยากจะปลดปล่อยมันแทบแย่ แต่ต้องรอให้ถึงไคลแม็กซ์ก่อน" อูยยย.."มือบางเปลี่ยนเป็นโอบรอบคอ เลื่อนลงมาตะปบแผ่นหลังแน่น จิกเข้าเซลล์เนื้อยามที่ท่อนเอ็นครูดกลีบกุหลาบไปมา เข้าออกตามอารมณ์ของคนทำ หล่อนกัดฟันกรอด ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเพศสัมพันธ์จะทำให้เสียวได้ขนาดนี้ เจ็บและจุกปะปนกันไป ทว่า กลับมีความสุขไปอีกแบบ จนกระทั่ง..." อร๊ายยย บลู... บลูไม่ไหวแล้ว "" ซี้ดดดด ..."" เร็วสิคะ แรงกว่านี้"คำสั่งให้เร่งเครื่อง ทำคนร่างสูงได้ใจ เขายิ้มกริ่ม ดันสะโพกไม่ยั้ง ด้วยเหงื่อปริมาณผุดเต็มหน้าและแผงอก ยิ่งทำหมอบลูรัญจวนใจ เธอจิกกรงเล็บหนักจนเกิดรอย ถ่างขากว้างรอรับแรงกระแทกกระทั้น ก่อนเสียงครางจะผสานกัน เมื่อเธอและเขาถึงจุดสุดยอด" บลู บลู.. อร๊ายยย"" โอ๊วววส์ "คุณคอปพลิกร่างบางมากอดไว้แน่น ระดมจูบไม่ทั่วไหล่มนด้วยความรู้สึกหลากหลาย แทนคำขอบคุ
หลายวันผ่านไป เรื่องราวดูเหมือนจะสงบสุข ในชีวิตประจำวันหลังจากนั้นของหมอบลูคิดว่าปกติ ทั้งเรื่องงานที่คลินิก และคอนโดที่บางคราสลับกันเทียวไปเทียวมา เพราะยังคงต้องดูแลบอลเหมือนเดิม ส่วนเพื่อนร่วมงานอย่างเช่นหมอนนท์ เขาเองยังคุยด้วยปกติทุกอย่าง เว้นแต่ว่าไม่สนิทใจเหมือนเดิม ทว่าตรงจุดนี้ไม่ได้ทำให้คนไม่สนโลกแบบหมอบลูระแคะระคายหรอกนับตั้งแต่วันนั้น หลังจากมีปัญหากับคุณนายอารีย์ นายแม่ของสามีตัวเอง เธอก็ถูกปฏิเสธต่อการอยู่ร่วมทานข้าวทุกครั้ง บนโต๊ะอาหารถ้ามีหมอบลูจะต้องไม่มีคุณนาย ถ้ามีคุณนายจะต้องไม่มีอีกคน เป็นอย่างนี้ตลอดจนคนรอบข้างอึดอัด พวกเขารู้สึกไม่ดีที่บรรยากาศในบ้านต้องเป็นแบบนี้ ทว่า ต่างคนต่างไม่กล้าปราม ไม่กล้าแม้จะออกความคิดเห็นอะไร...ใช่! เพราะนั่น คือคนสำคัญกับพวกเขาที่สุดทั้งนั้นจนกระทั่งวันนี้งานวันเกิดของคุณนาย...ที่ไม่ได้ถูกจัดขึ้นมาให้ดูโอ่อ่าใหญ่โตอะไรอย่างที่แล้วมา มีเพียงการทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา อยู่อวยพรด้วยกันและเชิญบุคคลสำคัญเข้ามาเพิ่มอีกคนเท่านั้น ทว่า...มันจะไม่เสียบรรยากาศเลย ถ้าแขกคนๆนั้น ไม่ใช่วรยา..หรือยาย่า... คู่หมั้นลูกชายคนกลาง คนที่คุณนายอารีย
ตะวันสายโด่ง คำว่าสิบนาทีของคุณคอปคงทำคุณนายอารีย์เจ็บใจ ทว่าเขาหาแคร์ไม่ ร่างสูงสง่ากล้ามเนื้อเป็นมัดๆ บ่งบอกถึงการผ่านฟิตเนสมาเป็นอย่างดี ท่อนบนไร้เสื้อ ต่างกับท่อนล่างที่ยังคงเหลือกางเกงยีน เขายืนอยู่ข้างหน้าต่าง ซึ่งอยู่หลังม่าน หากเก็บม่านก็จะเป็นกระจกใสทำให้เห็นวิวยามเช้าได้ชัดๆ นั่นเองสายตาสีดำทมิฬ เหม่อลอยแฝงเจือปนความเลศนัยทะลุกระจกบานนั้น ขณะกำลังใจจด ใจจ่อ รอคนที่ต้องการจะคุยด้วยโทรกลับมาเมื่อสิบห้านาทีก่อน คุณคอปต่อสายไปหาเพื่อนเก่าคนหนึ่ง ที่เคยสนิทในสมัยเรียนอยู่เมืองนอก แต่พักหลังเริ่มห่างหายกันไปเพราะต่างคนต่างต้องทำหน้าที่ของตัวเอง ทว่าติดประชุมไม่สะดวกคุยในตอนนั้นๆปากเป็นกระจับพ่นควันบุหรี่ฆ่าเวลา ขณะเจ้าสาวป้ายแดงชำระร่างกายอยู่ในห้องน้ำ หมอบลูตื่นตั้งแต่เช้า คิดจะออกไปทำงานตามปกติ ทว่าไม่ทันได้ย่างเท้าเลยเขต กลับถูกพ่อตัวแสบเจ้าของบ้านยื้อไว้ซะก่อน เขาห้ามเสียงแข็งไม่ยอมให้เธอนั้นได้ทำตามใจ อ้างว่าต้องอยู่พบกับนายแม่ เธอเลยได้แต่นั่งอึดอัดอยู่บนเตียงดังเดิม จนกระทั่งขอตัวไปอาบน้ำอีกรอบติ๊ดๆๆไม่นานเสียงโทรศัพท์ไม่ดังมากร้องขึ้น พร้อมกับหน้าจอกะพริบโชว์ชื่อคนโ
เหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำหมอบลูเจ็บปวดไม่หาย เธอนั่งเล่าอย่างใจเย็น ในขณะกรงเล็บของอุ้งมือนั้นจิกลงบนแขนไม่ขาดสาย ลำคอตอนนี้มันฝืดไปหมด เสมือนน้ำลายกลายเป็นหนามตำเสียดเนื้อยามที่เธอกลืนมันลง บวกกับสมองที่เคยเต็มไปด้วยความดื้อรั้น ยามนี้ตื้อไปหมด ไม่หลงเหลือแล้วหมอบลูคนเดิม ก่อนก้อนน้ำตาเม็ดใหญ่ที่ร้อนที่สุดหยดนึงจะตกลงกลางแขน มือใหญ่ข้างกายกลับมาดึงไปกุมไว้" บอกผมสิ..ที่รัก ..คุณรอดมาได้ยังไง "เสียงที่สะท้อนความเจ็บปวดออกมาเปล่งขึ้น คุณคอปรู้สึกร่างกายทั้งร่างกำลังไร้เรี่ยวแรง แต่ยังคงต้องฝืนไว้ เพื่อจะถามต่อ ขณะในหัวเขาตอนนี้ย้อนกลับไปในช่วงเวลาแห่งวันวาน....ภาพร่างเปลือยเปล่าขาวโพลนของผู้หญิงคนหนึ่ง.... ตาที่หลับพริ้มยามที่มีความสุขกับเขา....และคราบเลือดพรหมจรรย์ที่มันตราหน้าว่าเธอยังคงบริสุทธิ์อยู่ หมอบลูรอดมาได้ไง เขาอยากรู้" บลู... ฮึก.. โชคดีมากค่ะ ที่มันคิดจะผลัดกันทีละคน ส่วนอีกสองคนไปดูต้นทาง..."แววตาที่เจ็บปวดพร่ามัวไปด้วยน้ำตาคลอเบ้า ช้อนมองเขา เธอพยายามจะบอกบทสรุปไคลแม็กซ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนกับชีวิตเธอให้เขารู้อย่างแน่วแน่ แม้ตอนนี้...หัวใจก้อนเท่ากำปั้นของมือเรียวบางนั
ความเงียบเกิดขึ้นหลังจากนั้นทันที คำบอกเล่าบางคำสามารถบีบหัวใจคนฟังได้ก็ต่อเมื่อเหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นจริงกับคนที่รัก ไม่ว่ามันจะผ่านมานานแค่ไหน หรือกลายเป็นอดีตไปแล้วก็ตาม..ใช่ คุณคอปกำลังเป็นคนๆ นั้น ที่ตอนนี้นิ่งซะจนคนพูดต้องกลืนน้ำลายลงคอเป็นระลอก เขาไม่ไหวติง แถมม่านตาที่เบิกขึ้นเล็กน้อยยังมองทะลุกระจกออกไปนอกรถอีก บ่งบอกให้หมอบลูรับรู้เป็นนัยๆว่า หล่อนไม่ควรเงียบ ปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านเลยไป หากเกริ่นมาแบบนี้แล้ว จะทำให้เขาเข้าใจผิดและค้างคาเข้าไปใหญ่ นั้นเลยทำให้เธอต้องรีบดำเนินเรื่องราว มันเป็นอะไรที่ลำบากเหมือนกันนะ ที่จะต้องมานั่งเล่าเหตุการณ์ที่เกลียด และขยะแขยงที่สุดในชีวิต แถมในรถแบบนี้ด้วย ซึ่งมันไม่เหมาะสมที่สุดกับคนคิดจะหลีกหนี....ทว่า เธอมีทางเลือกที่ไหนกันล่ะย้อนเวลากลับไปกว่ายี่สิบปีก่อนปราโมทย์ หนุ่มนักธุรกิจชีวิตกำลังโลดแล่น อูฟู่รุ่งโรจน์ซะจนใครต่อใครต่างอิจฉา เขามีนิสัยเจ้าชู้สำส่อนเป็นชีวิตจิตใจ ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าในแต่ละเดือน หกเดือนเปลี่ยนครั้งอย่างกับเปลี่ยนเสื้อผ้า เด็กหญิงบูรพา หรือหมอบลู ได้แต่นั่งขมขื่นก้มหน้าเจียมตัวทุกครั้งหลังปราโมทย์สั่งให้เธ
" อื้มมมมม ... ไอ้บ้าเอ๊ย! "เสียงสาวเจ้าตวาดดัง หลังดันแผงอกแกร่งสำเร็จ เพียงแต่คราวนี้ไม่ได้ตบหน้า เธอช้อนตาขึ้นมองเท่านั้น ขณะหอบตัวโยน" จะขัดขืนทำไม ทำเหมือนคนไม่เคย "และก็ต้องกำหมัดแน่นทีหลังเพราะคำนี้" นี่!!! "ทำท่าจะหวดฝ่ามือไปใหม่ กลับถูกคนตรงหน้าดึงไปกอดซะก่อน" หมอบลู "เขากำชับวงแขนแน่นจนเธองง ต้องยกมือค้างไว้แบบนั้น พร้อมกะพริบตาปริบๆ" ...."" ผมอยากรู้ใจคุณ โดยที่เราไม่ต้องทะเลาะกันอย่างนี้ คุณช่วยผมหน่อยได้ไหม "" เอ๋..."" ตอนนี้ผมโคตรจะสับสนเลย คุณเป็นคนยังไงกันแน่ "ก่อนประโยคเสียงแผ่วนี้ จะทำให้เธอเงียบไปจริงๆ ร่างกายทุกสัดส่วนนิ่ง คิดไม่ถึงว่าคุณคอปจะเป็นคนเอาใจใส่ขนาดนี้" คือฉัน.."" ผมขอร้อง "" ทำไม.."" เพราะผมเริ่มจะรักคุณเข้าจริงๆ แล้วไง ""O.O "มันคือประโยคหนึ่ง ที่สามารถสร้างความเงียบภายในใจหมอบลูได้ สงัดซะจนเธอได้ยินหัวใจของตัวเอง ทว่าคนไร้ความหวั่นไหวอย่างเธอ ทำได้แต่ยืนนิ่ง มีเพียงแววตาเท่านั้นที่เบิกกว้าง กับใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ" รัก...หรือ..."เธอทวนคำพูดนั้นเสียงแผ่วเหมือนไม่อยากจะเชื่อ ก่อนท่อนแขนกำชับแน่นกว่าเดิมเพื่อเพิ่มความมั่นใจ หมอบลูถ
จากอารมณ์วุ่นวายในทีแรก อยู่ๆดีเกิดเหตุไม่คาดฝัน กลายเป็นคุณคอปต้องมาทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนแทน นั้นคือการเช็ดตัวให้ผู้หญิงคนหนึ่ง หมอบลูไข้ขึ้นสูงในตอนดึก ก่อนหน้านี้เข้าออกไปเอายามาให้หล่อนกินแล้ว แต่เพราะกลัวผองเพื่อนจะถามหา เรื่องอาจเอิกเกริกจนเกินไป เลยต้องรีบย่องไปรีบย่องกลับมา เหงื่อก้อนโตเริ่มผุดขึ้นทั่วหน้าผากมน ทั้งๆที่อุณหภูมิแอร์ใช่ว่าจะร้อน ทำคนตัวสูงอย่างคุณคอปเผลอยิ้มแฉ่ง เขาชะงักมือจากโทรศัพท์ เอื้อมไปลูบๆแก้มหล่อนเบาๆ ทว่าทำเธอนั้นสะดุ้งตื่น" ไข้คุณลดแล้วหมอบลู..."เสียงพูดทำเธอหันตาม แววตาที่มองเปลี่ยนไปเสมือนคนละคนอย่างไม่น่าเชื่อ ไร้ความขึงขัง ปราศจากความดุร้าย ดเหม่อลอยตรงกันข้าม แต่มีเสน่ห์อย่างน่าตกใจ คุณคอปถึงกับอึ้ง ความรู้สึกของเขา เสมือนกำลังมองคู่แฝดหน้าพิมพ์เดียวกัน ทว่าคนละคน" ฉัน.. เป็นอะไรไปคะ "มิหนำซ้ำน้ำเสียงยังเปลี่ยน หวานหยาดเยิ้มรื่นหูคนฟังซะจนงง... คำถามที่มีในใจคุณคอปตอนนี้ ทำไมผู้หญิงคนนี้มักจะเปลี่ยนอารมณ์ทุกครั้ง เมื่อร่างกายโดนน้ำ คราวที่แล้วก็ตอนฝนตก ที่ยอมให้เขาจูบ อีกทีก็ตอนเดินตากฝน และตอนนี้.. ในอ่างอาบน้ำ แต่เขาไม่อยากถาม เกรงคนตรงห
" อู้บบบบบ! อู้บบบบบ "" ......."" ไอ๋อ้าาาาา! "เสียงอู้อี้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน หมอบลูนั่นเอง ด้วยท่านอนคว่ำ และมือไขว้หลังถูกพันธนาการกับเนคไท้ในตอนนี้ หล่อนคงอึดอัดน่าดู ต่างกับคุณคอป ชายร่างสูง หน้าตาหล่อเหลา ทว่าแดงระเรื่อเพราะความเมา ยืนเท้าสะเอวยิ้มกริ่มอยู่ เขารู้สึกขำไม่น้อย" อะไรนะ ผมไม่เข้าใจ"" อ่อยอั๊นเอ้!!!! "" ห๊ะ "" ไอ่อ้าเอ้ยยยยย "" พูดอะไรของคุณ"" ฮะ โฮกกกกก"" ฮ่าๆๆๆ"ก่อนจะโก่งตัวขำเป็นกุ้ง กับท่าทางของเธอ ส่วนเธอใช่ว่าจะเล่นด้วย ตาที่เคยหวานฉ่ำเบิกกางออก ตะลึงใส่ทั้งที่มองไม่ถนัด ท่านอนคว่ำมันทับหน้าอกอวบหยุ่นจนเธอหายใจไม่ออก ความเซ็กซี่ไม่ใช่อยู่ตรงหน้าเหยเกขมวดคิ้วนั่นอย่างเดียว ทว่าลำคอระหงที่ขึ้นกล้ามเนื้อเป็นเอ็นพร้อมหยาดเหงื่อเกาะไรๆ นั่นด้วย ยิ่งทวีคูณทำให้คนเห็นกลืนน้ำลาย คุณคอปยืนนิ่ง เปลี่ยนแววตาที่ขำขันนั้น เป็นพร่ามัวทันที...ก่อนกระโจนเข้าหาเธอ จับร่างบางนอนหงาย ดึงผ้าที่ปากออกแล้วประกบจูบ" อื้มมมม "ทุกอย่างรวดเร็วมาก จนหมอบลูตั้งตัวไม่ทัน และด้วยความเหนื่อยหอบบวกปนคอแห้ง เลยต้องดึงดูดน้ำลายของเขาไปดับกระหายอย่างเลี่ยงไม่ได้ ...ทำหมอบลูนอนนิ่งอ่
หมอบลูชะงัก ตาที่เบิกโพลงมองท้องฟ้าหันมามองคนมาใหม่ก่อนหลุบลง มือหนาบีบไหล่หล่อนแน่น เชิงปลอบใจในเรื่องที่ผ่านมาเมื่อสักครู่ เขาคิดว่าหมอบลูคงจะเสียใจหนัก ถึงได้มานั่งตรงนี้ แต่ทว่าเปล่าเลย.. เขาคิดผิด..... หล่อนแค่เซ็งกับสิ่งที่เจอต่างหาก แถมเสียความรู้สึกมากไปหน่อยก็เท่านั้น" นายแม่คุณ...""กลับไปแล้วล่ะ ท่านไม่ชอบคนเยอะ"คุณคอปแทรกทรุดนั่งลงข้างๆ กัน เขาไม่ได้ว่าหล่อนเรื่องหย่อนเท้าลงสระ ทั้งที่เขานั้นไม่ชอบเอาเสียเลย ที่ผ่านมาเขาไม่เคยให้ใครทำมันได้ทั้งนั้น แต่กับผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ทำไม.. แค่อ้าปากจะเอ็ด ไม่ทันได้พูดก็ต้องหุบลงแล้ว...กลัวว่าจะเสียบรรยากาศ ทำให้คนกำลังรู้สึกแย่ทวีคูณหนักเข้าไปอีก ก่อนจะละสายตาจากผืนน้ำ มาสบตาคนถาม" นึกว่านายแม่คุณ จะพาคุณกลับไปด้วยซะอีก "แล้วแค่นหัวเราะเสียงเบา" ฮึ.. ก็คงต้องแบกกันเหนื่อยหน่อยนะ"พูดติดตลกที่ทำหมอบลูถึงกับเบ้ปาก เธอหย่อนจมูกใส่ พลางเบือนหน้าไปมองท้องฟ้าตามเดิม" คุณคงเป็นคนดื้อเอาการอยู่สินะ "" ก็ไม่เชิง"" มากไปสิ "" ในสายตาคุณ ผมดูแย่ขนาดนั้นเลยเรอะ"หล่อนเงียบไปอึดใจหนึ่ง พลางยักไหล่" เห็นชอบทำอะไรแปลกๆ "" ยังไง? "" เอ
(คุณคอปครับ ตอนนี้คุณท่าน...)" หุบปากซะกวิน "(แต่คุณท่าน ทราบเรื่องที่คุณคอปผิดนัดแล้วนะครับ ตอนนี้กำลังโกรธมาก)" นี่มึงกลัว??? "(เอ่อ...)" ใครจ่ายเงินเดือนมึง "(คะ คุณคอปครับ)" หน้าที่ของมึง คือทำยังไงก็ได้ไม่ให้นายแม่มาหากู "(แต่ท่าน..เอ่อ..ป่านนี้น่าจะใกล้ถึงแล้วล่ะครับ)" เวรเอ๊ย กูจ้างมึงมาทำไมกันล่ะเนี่ย "(อูย.. ขอโทษครับ ก็คนมันห้ามไม่ได้นี่ครับ ท่านใช้ปืนขู่ผม)" มึงก็ให้นายแม่ยิงไปเซ่!!! "(ครับ?!)ติ้ด! " โถ่เว้ย!! "สายถูกตัดไปหลังจากนั้น พร้อมเท้าเตะอากาศอย่างขัดใจ ก่อนร่างสูงเดินพ้นโซนห้องครัวมายืนเท้าสะเอวอยู่นอกบ้าน ใช้สายตากวาดมองหาไปทั่ว ในความคิดคือหล่อนยังคงใส่เสื้อกาวน์อยู่ และคาดคะเนไม่ได้ด้วยว่าหมอบลูจะไปนั่งตักกับข้าวใส่ชามกับแม่ครัว คุณคอปเริ่มหัวเสีย เมื่อหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอหล่อน ถ้าคิดจะหนีคงเป็นไปไม่ได้ จากท่าเทียบเรือ กว่าจะขับรถขึ้นเขามายังบ้านตากอากาศหลังนี้ระยะทางตั้งหลายกิโล" เล่นอะไรของคุณอยู่เนี่ย หมอบลู"ในแผนของเขาตอนนี้ แค่อยากจะจดทะเบียนกับหล่อนให้จบๆ ก่อนที่คุณนายอารีย์จะทันขัดขวาง ส่วนงานวิวาห์ไว้วันหลังก็ได้ ทว่า.. ทุกอย่างพร้อม แต่เจ