เวรล่ะ ยายม่อนตัวแสบ ไหนว่าจะขอมาดูให้เห็นกับตาว่าภรรยาของไอ้ปัณหน้าตาแบบไหนแล้วก็จะกลับ แล้วไหน สัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะไม่
ทำให้สองสามีภรรยาต้องผิดใจกัน
“คุณหมอต้นคะ หนูขอตัวก่อนนะคะ รู้สึกเหมือนจะไม่สบายค่ะ ขอไปพักผ่อนก่อนนะคะ”
“เรียกซะห่างเหินเชียว เรียกพี่ก็ได้ครับ ไหนตัวร้อนหรือเปล่า ดูซิ” สัญชาตญาณของคนเป็นหมอ ยกหลังมือแตะหน้าผากมนเพื่อสำรวจอุณหภูมิในร่างกาย
“ตัวไม่ร้อนนี่ครับ พี่ว่าคงเพลียมากกว่า” อินนัดดาพยักหน้า
“หนูขอตัวก่อนนะคะ” ต้นตะวันมองตามร่างเล็กเดินเข้าไปในห้อง แล้วหันกลับไปมองสองหนุ่มสาวที่ยังยืนกอดกันอยู่ ปัณณธรถลึงตาใส่เพื่อน ต้นตะวันคิดว่าเพื่อนคงโกรธที่พามุทิตามาหาถึงนี่ ทำไงได้ล่ะ ก็หล่อนเล่นเดินตามเขาไปทั่วโรงพยาบาลจกระทั่งออกเวร ขู่ฟ่อๆว่าถ้าไม่พามาที่นี่จะอาละวาดให้โรงพยาบาลแตก คุณหมอหนุ่มผู้รักความสงบจึงต้องพามานี่แหละ หากแต่สำหรับปัณณธรแล้ว ที่เขาถลึงตาใส่เพื่อเมื่อสักครู่นั้น เกิดจากการที่เพื่อนแตะต้องแม่ตัวน้อยนั่นต่างหาก เขาหวง!
“อากาศบ้านสวนดีจังเลยค่ะ ม่อนขอพักด้วยสักสามสี่วันนะคะ” ปัณณธ
“คุณหนูอินจะหัดว่ายน้ำหรือคะ” ป้านวลที่กำลังเตรียมเครื่องแกงไว้ทำกับข้าวเย็นหันมามองหญิงสาวอย่างตกใจ“ก็หนูเห็นน้ำมันใสน่าเล่นดีค่ะ อีกอย่างอยากหัดไว้เผื่อเวลาตกน้ำแล้วไม่มีใครสนใจ จะได้ช่วยเหลือตัวเองได้ไงคะ”“เอ่อ...เอายังไงดีล่ะ” ป้านวลแพ้ทางเสียงหวานปนเศร้าของหญิงสาวเสียแล้ว อินนัดดาทั้งน่ารักน่าสงสาร“ถ้าอย่างนั้นรอป้าสักครู่นะคะ เดี๋ยวจะไปนั่งเป็นเพื่อน” ป้านวลหันกลับไปทำโน่นนี่สักครู่ก็หันกลับมายิ้มให้หญิงสาว“ไปกันค่ะ เดี๋ยวป้าจะไปนั่งเป็นเพื่อนเอง เอ...เปลี่ยนเป็นกระโจมอกดีกว่าไหมคะ อินนัดดาเอียงคอสงสัย“จะได้อาบน้ำด้วยเลยไงคะ อยู่กันหลายคนมีห้องน้ำแค่ห้องเดียว จะได้ไม่เสียเวลาค่ะ” ป้านวลเดินนำหน้าถืออุปกรณ์อาบน้ำให้หญิงสาว อินนัดดาเดินตามจนถึงท่าน้ำ ลังเลนิดหน่อยก่อนจะก้าวลงไปนั่งอยู่ขั้นบันไดที่อยู่ในน้ำ ป้านวลถูหลังขัดตัวให้ด้วยความเอ็นดู“เสร็จแล้วค่ะ คุณหนูอินเล่นน้ำต่ออีกสักพักแล้วค่อยขึ้นนะคะ ป้าจะนั่งรอบนศาลา”“แล้วจะเริ่มหัดว่ายยังไงล่ะคะป้านวล สอนหนูหน่อยสิคะ” อินนัดดาหน้าม่อย ก็เธอไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนนี่นา
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเริ่มเป็นงาน นิ้วเรียวใหญ่จึงสอดหายเข้าไปใต้ชายผ้าถึงลูบไล้ต้นขาเนียนมือ เรื่อยไปจนถึงดอกไม้งามที่ซ่อนอยู่กลางกายสาว กรีดไล้กลีบให้ผลิแยก สอดแทรกนิ้วร้ายเข้าไปสัมผัสกับความอุ่นนุ่มท่ามกลางสายน้ำฉ่ำเย็น ร่างเล็กแอ่นหยัดรับการรุกราน ต่างฝ่ายต่างขยับรุกรับช่วยกันเร่งจับจูงกันไปยังปลายทางวิมานเมฆ เป็นอินนัดดาเสียงเองที่ได้สัมผัสความรู้สึกหวานหวามก่อน หญิงสาวขบเม้มดูดดึงผิวเนื้อเหนือราวนมของปัณณธรแน่น ปิดกลั้นเสียงกรีดร้องด้วยเกรงว่าจะมีใครมาเห็น ความอุ่นนุ่มที่รัดรึงนิ้วเป็นจังหวะทำให้ปัณณธรหูอื้อตาลาย อยากเข้าไปอยู่ในร่างของหญิงสาวมือหนาดึงมือเล็กออกจากความแข็งแกร่ง รูดซิปกางเกงลงปลดปล่อยตัวเองออกมา จัดแจงให้ลำแขนเรียวโอบกอดลำคอตัวเอง ถลกผ้าถุงขึ้นไว้เหนือเอวคอด ดึงสองขาเรียวให้กอดเกี่ยวเอวสอบของตน กอดรัดร่างเล็ก ช้อนมือไว้ใต้สะโพกมนกระชับแน่น แล้วออกคำสั่งด้วยเสียงแหบพร่า“กอดแน่นๆ รัดแรงๆ” อินนัดดาหลับหูหลับตาทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย ความแข็งแกร่งรุ่มร้อนแทรกลึกเข้ามาในร่างอย่างรวดเร็ว ปัณณธรเร่งโหมสะโพก ขณะที่สายตาเหลือบมองไปยังทางที่เดินจากเรือนหลัง
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ หนูแค่คิดอะไรเพลินๆแค่นั้นเอง”“ไอ้ปัณมันคิดกับม่อนแค่น้องสาว รายนั้นน่ะตามติดมันแจ เพิ่งแยกจากกันตอนไปเรียนต่อที่อเมริกา พอกลับมาไม่กี่วันก็เลยวิ่งตามมาที่นี่แหละ พี่ผิดเองที่เป็นคนพาม่อนมา อินอย่างอนไอ้ปัณมันเลยนะ” อินนัดดาเลิกคิ้วเรียวสูง แปลกใจที่ชายหนุ่มมาอธิบายเรื่องราวระหว่างสามีของเธอกับผู้หญิงคนอื่นให้ฟัง“หนูไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย เพราะคุณปัณก็ไม่ได้รักหนูอยู่แล้ว หนูไม่มีสิทธิ์ไปงอนหรือโกรธเขาหรอกค่ะ” อินนัดดาก้มหน้าตอบเสียงเบา“อย่าคิดแบบนั้นสิ บางที...ความรักมันก็ไม่ต้องใช้เวลาหรอกนะ หากคนสองคนรู้สึกดีต่อกัน แป๊บๆมันก็เกิดเป็นความรักได้แล้ว” ต้นตะวันสงสารผู้หญิงตัวเล็กคนนี้ อินนัดดาถูกดึงเข้ามาเกี่ยวพันกับการแก้แค้นบ้าๆของเพื่อนเขา โดยที่หญิงสาวไม่รู้ไม่เห็นด้วยซ้ำ หากแต่เขาก็พอมองออกว่าไอ้เพื่อนของเขามันตกหลุมรักเมียตัวเองโดยไม่รู้ตัวแล้ว สายตามันฟ้อง และดูท่าทางอินนัดดาก็เหมือนจะมีใจให้เพื่อนของเขาเหมือนกัน“ระหว่างหนูกับคุณปัณ ไม่มีทางเป็นความรักได้หรอกค่ะ หนูก็แค่...รอวันที่เขาจะปล่อยหนูไปเท่านั้นเอง” อินนัดดาทอดสายตามองไ
มุทิตาคิดแบบเด็กๆ คิดว่าจะมอมเหล้าปัณณธรแล้วลากเขาเข้าห้องเธอ ก็เธออยากได้เขามาเป็นสามีน่ะ ยิ่งบิดาเล่าให้ฟังว่าปัณณธรแต่งงานกับอินนัดดาเพราะเหตุผลอะไร และอีกไม่นานทั้งสองต้องหย่าร้างกันแน่นอน เธอก็อยากเร่งเวลานั้นให้ใกล้เข้ามา อย่างน้อยถ้าเธอมัดเขาไว้ได้ด้วยพันธะทางกาย พอปัณณธรเลิกกับอินนัดดา เธอก็จะมั่นใจได้ว่าเขาจะตกมาเป็นของเธอโดยสมบูรณ์แบบอย่างแน่นอนงานนี้เธอแค่ออกอุบายว่าอยากฉลองที่เรียนจบและได้กลับเมืองไทย ปัณณธรก็สั่งป้านวลทำกับแกล้มตั้งวงเหล้าให้ที่ชานเรือนอย่างที่เธอต้องการ แต่ไอ้คุณหมอหนุ่มที่นั่งร่วมวงอยู่ด้วยนี่เธอไม่ต้องการสักนิด“โห...ม่อนเก่งจัง เพียวๆเลยเหรอครับ แต่กินแค่แก้วเดียวใครๆก็กินได้นะ” ต้นตะวันถามแล้ว ตบท้ายด้วยคำสบประมาท หญิงสาวผู้ไม่อยากแพ้ใคร เธอเป็นที่หนึ่งชนะทุกอย่างและได้ดั่งใจทุกสิ่งเสมอ บิดาเลี้ยงเธอมาแบบนั้น รินเหล้าใส่แก้วตัวเองอีกครั้ง ยกขึ้นดื่มด้วยใบหน้าเหยเกแต่ก็ฝืนดื่มจนหมด ใบหน้านวลแดงเรื่อ และเริ่มจะพูดคุยด้วยคำพูดที่ช้าลง“พี่ปัณขา คืนนี้พี่ปัณนอนเป็นเพื่อนม่อนนะคะ ม่อนกลัวผี” ปัณณธรยิ้มเอ็นดูในฐานะน้องสาว เขากับมุทิ
“ยายเด็กบ้า สามีคนอื่นยังกล้าละเมอหานะ ไปนอนได้แล้ว” ขายาวก้าวมั่นคงตรงไปยังห้องที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้แขกตัวป่วน ทุกย่างก้าวของต้นตะวันเต็มไปด้วยบทสวดเพื่อระงับยับยังใจสุดฤทธิ์พุทโธ พุทธัง กะละมัง โอ่ง ไห...และขันติต้นตะวันคลานเข่าขึ้นเตียงแล้ววางร่างเล็กลงอย่างระมัดระวัง มุทิตาหลับตาพริ้มหมดสิ้นฤทธิ์เดช แต่ขณะที่ชายหนุ่มจะถอยลงจากเตียง ร่างเล็กก็ผวาลุกขึ้นนั่งกอดเกี่ยวต้นคอแกร่งไว้แน่น“จาปายหนาย...นอนด้วยกันนะคะ” มุทิตาพูดทั้งๆหลับตาพริ้ม ต้นตะวันพยายามแกะลำแขนที่โอบคอเขาไว้ ลมหายใจหนุ่มฉกรรจ์เริ่มติดขัด อกอวบที่เสียดสีอกแกร่งทำให้เขารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง“ปล่อยสิ อยากลองดีหรือไงยายเด็กบ้า” คุณหมอหนุ่มขบกรามแน่นเอ่ยเสียงรอดไรฟัน แต่พูดยังไม่ทันขาดคำ มุทิตาก็ออกแรงดึงร่างใหญ่ให้ล้มทับคร่อมร่างเธอไว้ ริมฝีปากอวบอิ่มสีสดระบมจูบไปบนใบหน้าชายหนุ่มอย่างสะเปะสะปะ ต้นตะวันพยายามเบือนหน้าหนี แต่ดูเหมือนยิ่งหนีกลับยิ่งท้าทายให้คนเมาอยากเอาชนะ มุทิตาพลิกร่างขึ้นคร่อมร่างใหญ่อย่างว่องไว คนโดนรุกตื่นตกใจแต่ไม่ได้ตื่นกลัว จิตใจใฝ่ดีกับอสูรร้ายในกายกำลัง
“เจ็บอีกนิดเดียวนะม่อน” กระซิบบอกอยู่กับริมฝีปากสีสดที่เริ่มจะบวมเจ่อเล็กน้อย เพราะจุมพิตเร่าร้อนที่เขาเพียรป้อนซ้ำๆ สติอันน้อยนิดของมุทิตาทำให้เธอพยักหน้ารับน้อยๆ เชื่อใจคนที่อยู่บนร่างของตน เพราะเธออึดอัดทรมาน มีเพียงเขาคนเดียวที่น่าจะช่วยเหลือเธอได้ในตอนนี้ ชายหนุ่มใช้นิ้วเรียวในการกระตุ้นจุดที่ไวต่อสัมผัสกลางกาย จุดเล็กๆนุ่มนิ่มถูกสะกิดบดบี้ซ้ำๆ เพื่อเร่งให้หญิงสาวหลั่งน้ำหวานมาชโลมความแข็งแกร่ง ซึ่งจะช่วยลดความเจ็บที่เธอต้องรองรับความใหญ่โตของเขา“อื๊อ...”มุทิตาครางเสียงหวานผะแผ่ว กายสาวสั่นสะท้าน ต้นตะวันนำพาเธอดำดิ่งไปในวังวนเสน่หาเร่าร้อน หญิงสาวแอ่นหยัดสะโพกเข้าหาเว้าวอน ร้องขอการเติมเต็ม ชายหนุ่มรวบกอดร่างนุ่มนิ่มไว้แน่น ซุกซบใบหน้าลงกับซอกคอขาว ขบเม้มไปทั่ว สร้างความเสียวซ่านให้กับคนใต้ร่างจนต้องยกลำแขนกอดรอบกายหนาไว้แน่น“คุณน่ารักมาก...ม่อน” สะโพกสอบขับเคลื่อนช้าๆ ถอดถอนจนเกือบสุดแล้วค่อยๆเติมเต็มกลับเข้าไปใหม่ ด้วยจังหวะเนิบช้าสอดแทรกทีละน้อย สองร่างเก็บเกี่ยวความซ่านกระสันขณะกายแกร่งเดินทางเข้าสู่ร่างสาว เล็บสั้นจิกบ่ากว้างครูดยาวจนเกิดรอยแดง เหง
“เอ่อ...ม่อนไม่อยากกวนคนอื่นค่ะ เดี๋ยวสายๆม่อนจะโทรบอกพี่ปัณเอง ม่อนไปรอที่ศาลาริมน้ำเลยนะคะ” มุทิตาหิ้วกระเป๋าออกจากครัวและลงจากเรือนไปทันที ก่อนที่น้ำตาจะไหลให้ป้านวลสงสัย หัวใจมันวูบโหวง หวาดกลัว โกรธตัวเองนักที่ไม่ดูแลระมัดระวังตัวให้ดี รังเกียจร่างกายนี้ที่ถูกคนอื่นสัมผัสแตะต้อง คนอื่นที่ไม่ใช่คนรักสักนิด“ป้านวลครับ เอ่อ...เห็นม่อนไหมครับ” คุณหมอหนุ่มตื่นขึ้นมาในตอนสายก็ไม่พบร่างนุ่มนิ่มที่นอนกอดมาทั้งคืน ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นแต่งตัว วิ่งหน้าตาตื่นตามหาไปทั่วบ้านก็ไม่พบ“อ้าว...หมอต้นตื่นเร็วอีกคนแล้วนะเนี่ย คุณม่อนกลับแล้วค่ะ ลุงเพิ่มเพิ่งเอาเรือออกไปส่งเมื่อกี้เองค่ะ เห็นว่า...” ต้นตะวันไม่ฟังสิ่งที่ป้านวลจะพูดต่อ ชายหนุ่มผลุนผลันวิ่งออกจากครัวลงเรือนไปทันทีร่างสูงใหญ่มองไปยังโค้งน้ำเบื้องหน้า มีเพียงสายน้ำว่างเปล่า ไม่เห็นใครคนที่เขาอยากจะตื่นมาบอกว่าจะรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น การตอบสนองที่ไม่ประสาและเสียงหวานสั่นพร่ายังก้องอยู่ในหู กลิ่นหอมละมุนและจุมพิตหวานล้ำยังตรึงใจ ร่องรอยที่เขาพรากพรหมจรรย์ของเธอมาเด่นชัดอยู่บน
“ไม่ต้องมาปราณีหนู หนูไม่ต้องการ คุณมันก็แค่ผู้ชายหน้าตัวเมีย โอ๊ย!” มือใหญ่บีบแก้มเนียนจนใบหน้าสวยบิดเบ้ อินนัดดาทุบตีเขาเพื่อให้เขาปล่อยเธอ“หน้าตัวเมียเหรอ...ผู้ชายหน้าตัวเมียตัวจริงไม่ใช่ฉัน แต่คือคนในครอบครัวเธอ แต่ถ้าอยากให้ฉันเป็นนัก ฉันก็จะทำให้ดูว่าผู้ชายหน้าตัวเมียเขาทำยังไงกับผู้หญิงบ้าง” แล้วอินนัดดาก็ต้องหวีดร้องเสียงหลง เมื่อสาบเสื้อเชิ้ตผ้าชีฟองเนื้อดีถูกกระชากจนกระขาดกระเด็น ปัณณธรรวบมือเธอทั้งสองข้างกดไว้กับเสาที่อยู่ด้านหลังเก้าอี้ แทรกร่างใหญ่เข้าไปยืนอยู่กลางสองขาเรียว อินนัดดาตาเบิกโพลงตกใจกลัวกับท่าทางคุกคามของเขา“คะ...คุณจะทำอะไร” ปัณณธรไม่ตอบคำถาม เขาบีบแก้มเนียนอีกครั้งแล้วส่งนิ้วเรียวสามนิ้วเข้าไปในโพรงปากนุ่ม กวาดไล้เกี่ยวลิ้นเล็กขยับรุกจนอินนัดดาส่ายหน้าด้วยความอึดอัด ยิ่งเขากระทุ้งแรงลึกอย่างจงใจ น้ำตาก็ไหลเอ่อขอบตา หยาดน้ำลายไหลเลอะเปรอะเปื้อนลงเป็นทางยาว อินนัดดาส่ายสะบัดหน้าหนี ชายหนุ่มจึงปล่อยมือบางให้เป็นอิสระ แล้วจับยึดใบหน้างามไว้แน่น ขยับนิ้วรุกรุนแรง มือเล็กจับข้อมือหนาไว้แน่นสลับกับการทุบตีข่วนลำแขนแกร่ง แต่กลับไม่มีผลใดๆให้คนที่
“คุณพ่อฝากความคิดถึงมาถึงคุณลุงกับคุณป้าด้วยนะคะ” มุทิตาเบือนสายตาหนีจากภาพหวานแหววของสามีภรรยา“คุณมนัสสบายดีไหมหนูม่อน” อานนท์ถามไถ่ตามประสาคนเคยทำงานร่วมกัน“คุณพ่อสบายดีครับคุณลุง” คำตอบจากปากของคุณหมอหนุ่ม ทำให้ทุกคนหันไปมองเขาสลับกับมุทิตา ด้วยเครื่องหมายคำถาม หญิงสาวขยับตัวอึดอัด จิกสายตามองคนตัวโตที่นั่งยิ้มแป้นอย่างเอาเรื่อง“ฮ่าๆ คุณมนัสมีลูกชายเพิ่มหรือเนี่ย” อานนท์เย้าอารมณ์ดี มุทิตาหน้าแดงเรื่อ ก้มหน้าไม่กล้าสบตาใคร“คุยกันต่อเลยนะ คนแก่ขอตัวไปพักผ่อนก่อนล่ะ” ผู้สูงวัยทั้งสองยิ้มให้กับหนุ่มสาว บางเรื่องก็ให้หนุ่มสาวเขาคุยกันดีกว่า ถึงเวลาคงได้รู้เรื่องราวทั้งหมดเอง“ถ้าอย่างนั้นเราไปอ่านหนังสือดีกว่าค่ะพี่ก้อง เดี๋ยวพอกลับไปเรียนต่อปานจะไม่ทันเพื่อนๆ เอ...เมื่อวานพี่ก้องติวถึงไหนแล้วนะคะ” ปานรักดึงรั้งมือของก้องภพให้ลุกขึ้นตามตัวเองไปที่ห้องหนังสือ ก้องภพหันมายิ้มขอตัวกับทุกคน ปัณณธรไม่ได้ว่าอะไร เขาสังเกตและมองดูอยู่ไม่ห่าง ปานรักไม่เคยมีใคร พอก้องภพมาใกล้ชิด น้องสาวก็เริ่มจะติดพี่เมียของเขาแจ คำสัญญาที่ก้องภพบอกกับเขาอย่างลูกผู้ชาย ท
ชีวิตที่เคยปกติสุขของมุทิตา กลายเป็นชีวิตที่วุ่นวาย(หัวใจ) เมื่อนายแพทย์หนุ่มหล่อเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต หญิงสาวไปทำงานช่วยบิดาที่ปัณณธรกรุ๊ป เพื่อลดความฟุ้งซ่านที่เกิดจากน้ำมือ ‘คนคบกัน’ ต้นตะวันขยันเทียวไปเทียวมาจนบิดาเธอเริ่มระแคะระคาย รายนั้นก็ไม่คิดจะหลบซ่อน เวลามาหาเธอที่บริษัทก็ฉีกยิ้มหน้าบานเป็นกระด้ง นั่งรอที่หน้าห้องทำงาน เธอเคยดุเขาให้ไปรอที่ห้องรับรอง เขากลับตอบมาอย่าคนหน้ามึนว่า เดี๋ยวคนอื่นไม่รู้ว่าเราเป็นอะไรกัน“วันนี้ไปเที่ยวไหนหรือเปล่าม่อน” บิดาถามลูกสาวด้วยความห่วงใย เห็นไอ้หนุ่มหน้าหล่อที่มานั่งรอลูกสาวบ่อยๆแล้ว ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ มุทิตายิ้มหวานเดินเข้าไปกอดบิดา ที่วันนี้เดินมาหาเธอถึงห้องทำงาน“ไม่ไปไหนหรอกค่ะ ม่อนจะอยู่กับคุณพ่อ” บิดายีศีรษะลูกสาวเบาๆ“แน่ใจเหรอ พ่อเห็นหมอต้นมารออยู่ข้างนอกโน่น” คิ้วเรียวเลิกขึ้นสูง เงยหน้าสบตาบิดา“คุณพ่อรู้จักพี่หมอต้นด้วยเหรอคะ” บิดายิ้มเล็กน้อย มองตาลูกสาว แต่ไม่พูดอะไร“เอ่อ...ก็พี่หมอเขาเป็นเพื่อนของพี่ปัณ ม่อนรู้จักเขาตอนที่ไปหาพี่ปัณที่บ้านสวนค่ะ แต่ไม่มีอะไรหรอกค่
“หนูหนักค่ะ” อินนัดดาบ่นอุบอิบ เมื่อปัณณธรซบหน้าบนอกอวบของตนอยู่นานแล้ว หลังจากที่พาเธอไขว่คว้าความสุขสมอิ่มเอม ชายหนุ่มขยับตัวนั่ง ช้อนร่างบางขึ้นให้นั่งบนตักของตัวเอง แล้วขยับตัวไปนั่งตรงกลางเตียง ทั้งที่เขาและเธอยังหลอมรวมกันอยู่ จมูกโด่งซุกไซ้ไปตามซอกคอหอมกรุ่น แล้วไปหยุดตรงแก้มนวล ปัณณธรสูดดมความหอมเข้าเต็มปอด แล้วก็ไม่ยอมผละไปไหน จนเจ้าของแก้มต้องเบี่ยงหน้าหนีเสียเอง“พอแล้วค่ะ ปล่อยหนูได้แล้ว อุ๊ย!” กำปั้นเล็กทุบอกแกร่งเบาๆ เมื่อเจ้าของตักที่เธอนั่งทับอยู่ ยกสะโพกขึ้นพร้อมกับกดตรึงสะโพกเธอไว้อย่างรวดเร็ว ใบหน้านวลแดงก่ำ ทำแก้มป่องช้อนสายตาขึ้นมองงอนๆ“อยากรักอินทั้งวันทั้งคืน” สายตาหวานเชื่อมที่เต็มไปด้วยไฟปรารถนาทำให้อินนัดดาสะบัดร้อนสะบัดหนาว“หนูเหนื่อย” หญิงสาวท้วงเสียงเบาหวิว“ฮื้อ! เป็นเด็กเป็นเล็กจะเหนื่อยอะไร รู้ไหมว่าพี่คิดถึงอินมากแค่ไหน พี่กลัวอินทิ้งพี่ไป กลัว...” อินนัดดาใช้นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากหยักไว้ก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดต่อ คลี่ยิ้มหวานเอาใจ ก่อนจะซุกใบหน้าลงที่อกกว้าง วาดวงแขนเรียวโอบกอดร่างใหญ่ไว้แน่น“หนูเกลียดคุณปัณ
“ถูหลังให้ด้วย” คนถูกสั่งให้ถูหลัง เงยหน้าค้อนวงเล็กให้ ปัณณธรยิ้มเจ้าเล่ห์ ดึงมือบางเลื่อนไปด้านหลังตัวเอง อกอวบแนบไปกับอกแกร่ง สองร่างแนบชิดกัน ก่อเกิดกระแสความปรารถนารุนแรง“อืม...อินพอแล้ว” เสียงห้ามสั่นเบาหวิวราวกับจะขาดใจ เขาอดทนมานานมากพอแล้ว แค่อยากให้อินนัดดาคุ้นเคยกับร่างกายของตนเอง เพราะกลัวว่าหญิงสาวอาจจะจำบทรักโหดร้ายไว้ แล้วเกิดอาการกลัวไม่ให้เขาสัมผัสใกล้ชิด แต่อินนัดดาไม่มีท่าทีตื่นกลัวอย่างที่กังวลใจ“ไม่ไหวแล้วอิน ใจจะขาด” ปัณณธรบดเบียดริมฝีปากมอบจุมพิตเร่าร้อนให้กับคนที่นั่งคร่อมร่างตนอยู่ มือใหญ่ลูบไล้สัมผัสหนักเบาไปทั่วร่างบาง ทรวงอกอวบถูกเคล้นคลึงกระตุ้นอารมณ์หวาม“อืม...คุณปัณ” อินนัดดาครางเรียกชื่อสามี เมื่อถูกเขาจับสะโพกมนยกขึ้น ร่างกายเธอกำลังรอคอยบางอย่างมาเติมเต็ม พอรู้ว่าสิ่งที่รอคอยกำลังจะสอดแทรกเข้ามาในร่างกาย ช่องท้องก็เกร็งวูบไหว มือบางจิกบ่ากว้างแน่นเป็นที่ยึดเหนี่ยว ปัณณธรจับจ้องใบหน้านวลที่ขณะนี้ดวงตาปรือปรอยเต็มไปด้วยไฟปรารถนา เขาค่อยๆกดสะโพกมนลงช้าๆ กลีบดอกไม้ผลิแยกเปิดเผยร่องรักให้ความแข็งแกร่งเติมเต็มเข้าไปช้าๆ
“ขอบคุณค่ะ” ปัณณธรยิ้มใส่นัยน์ตาคู่สวย เขาไม่ปล่อย สองสัปดาห์มันนานราวกับสองร้อยปี“หายดีแล้วเหรอ” วงแขนแข็งแรงฉวยโอกาสในตอนที่หญิงสาวกำลังตกใจ ช้อนอุ้มร่างบางแนบอกแล้วเดินตรงไปยังโซฟาตัวใหญ่ อินนัดดาตกใจเล็กน้อยแต่ไม่ได้ดิ้นรน เธอไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเขา บิดาและมารดาของปัณณธรเล่าเรื่องราวต่างๆของเขาให้เธอฟังมากมายตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ ล้วนแต่เป็นเรื่องราวดีๆและนิสัยที่แท้จริงของเขาที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน แม้กระทั่งปานรักเองก็อวยและชมพี่ชายอยู่ตลอด ทั้งสามคนขอโอกาสให้เขาได้แก้ตัว ขอให้เธอยกโทษให้เขา อินนัดดารู้สึกว่าข้อมูลเหล่านั้นถูกฝังลงในสมองของเธอแล้ว“คุณแม่บอกว่าต้องทานตอนร้อนๆค่ะ คุณปัณจะทานเลยไหม หนูจะเอาไปใส่ถ้วยให้” อินนัดดาเอ่ยถามเมื่อเขานั่งลงที่โซฟาแต่ไม่ยอมปล่อยเธอให้เป็นอิสระ เลยกลายเป็นว่าเธอต้องนั่งอยู่บนตักเขานิ่งๆ“ยังไม่อยากกิน” ปัณณธรตอบเสียงเบา เขากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ‘คนสำคัญ’ ที่มารดาบอกคือผู้หญิงคนนี้ บางทีคงถึงเวลาที่เขาจะต้องปล่อยวางความโกรธแค้นแล้วกลับมายอมรับความจริงได้แล้ว“ไม่กลัวฉันเหรอ” คนตัวโตหยั่งเชิงถาม และรอคอยคำ
ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งทำงานมาตั้งแต่เที่ยง เหลือบมองนาฬิกาที่ผนังมันบอกเวลาเกือบหกโมงเย็นแล้ว สักครู่คนรับใช้คงเอาอาหารมาส่ง ชายหนุ่มเดินออกไปทางประตูหลังบ้าน เลื่อนประตูกระจกเปิดออกแล้วก้าวเท้าเดินออกไปรับอากาศบริสุทธิ์ยามเย็นระเบียงไม้กว้างเชื่อมต่อกับหลังบ้าน ภาพขุนเขาน้อยใหญ่สลับซ้อนอยู่เบื้องหน้า สายลมเย็นพัดเอื่อย ความเงียบสงบทำให้ปัณณธรพ่นลมหายใจออกมาอีกครั้ง เขานั่งลงตรงเก้าอี้ไม้โยก เอนหลังและหลับตาลงพักสายตา เรื่องงานไม่ได้หนักหนาเกินไปสำหรับเขาหรอก เขาไม่ได้เหนื่อยล้าเพราะงาน หากแต่เหนื่อยล้าเพราะหัวใจ หัวใจที่กำลังสับสน การได้ใกล้ชิดกับผู้หญิงที่เขาได้มาเป็นภรรยาด้วยความเคียดแค้น ทำให้หัวใจเขาหวั่นไหว อินนัดดาอ่อนหวานแต่ไม่ได้อ่อนแอ เธอพยายามถามหาสาเหตุที่เขาทำร้ายอยู่ตลอด ไม่ได้ก้มหน้าก้มตายอมให้เขาทำร้ายอย่างเดียว แต่ด้วยแรงที่น้อยกว่าทำให้เธอไม่สามารถโต้ตอบอะไรเขาได้ ตอนนี้เธอคงรู้แล้ว รู้ถึงสาเหตุที่เขาทำร้ายเธอ ถึงได้ยอมอยู่ที่นี่โดยไม่ร้องขออยากกลับบ้าน อยู่เพื่อช่วยเหลือปานรักของสาวของเขา“เหนื่อยเหรอลูก” เสียงมารดาปลุกให้ปัณณธรตื่นจากห
“คงไม่ได้เป็นคำขอที่มากเกินไป หากผมอยากให้คุณอยู่ที่นี่ต่ออีกสักพัก เพื่อให้ปานได้ค่อยๆยอมรับอดีต คุณสะดวกไหม” ก้องภพยิ้มกว้าง พยักหน้ายอมรับอย่างง่ายดาย อย่างน้อยเขาก็ได้มีโอกาสไถ่โทษให้คนในครอบครัวอานนท์ยิ้มให้ชายหนุ่มเช่นกัน เขาตัดสินใจที่จะไม่แจ้งความเอาผิดกับชัชชัย เพราะห่วงความรู้สึกของปานรักที่ต้องไปให้ปากคำ แค่นี้ลูกสาวของเขาก็บอบช้ำมากพอแล้ว หากต้องไปเผชิญหน้าและเล่าเรื่องราวที่เลวร้ายนั้นอีก ปานรักอาจจะแย่ไปกว่านี้ก็ได้ อำนาจเงินของเขามีมากพอที่ปิดเรื่องทุกอย่างให้เงียบได้โดยง่าย และวันนี้เขาตัดสินใจจะลองรักษาลูกสาวด้วยวิธีการของตัวเอง การรักษาที่จะทำให้ลูกสาวเขาเข้มแข็งขึ้น ยอมรับความจริงมากขึ้นก้องภพอยู่ดูแลน้องสาวจนกระทั่งอินนัดดาอาการดีขึ้น ปานรักออกจากโรงพยาบาลไปหลายวันแล้ว แต่ปรางทิพย์และอานนท์ก็ยังเทียวมาเยี่ยมลูกสะใภ้อยู่ทุกวัน ทั้งเช้าและเย็น ผิดกับสามีของคนป่วยที่ไม่มาให้คนป่วยเห็นหน้าเลย“หนูอยากกลับบ้านจังเลยพี่ก้อง” อินนัดดานั่งพิงหมอนที่หัวเตียง ดวงตาเหม่อลอยมองออกไปด้านนอกห้อง ก้องภพขยับตัวลุกข
คนไข้บอบช้ำไปทั้งร่าง เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง ต้องให้ร่างกายได้พักฟื้นสักระยะนะคะ หมอเกรงว่าเป็นแบบนี้บ่อยๆ เธออาจจะมีอาการหวาดกลัวการมีเพศสัมพันธ์ได้ หมอให้ยาลดไข้ ยาแก้อักเสบแล้วก็ยาฆ่าเชื้อแล้ว พรุ่งนี้อาการน่าจะดีขึ้น ต่อไปควรระมัดระวังและทะนุถนอมคนไข้มากกว่านี้นะคะคุณหมอคงนึกว่าเขาเป็นสามีของน้องสาว จึงกล่าวคำแนะนำอย่างหวังดีในตอนท้าย ก้องภพได้แต่พยักหน้ารับและกล่าวคำขอบคุณ ชายหนุ่มถอนหายใจแรง เขาเฝ้ามองอินนัดดาตั้งแต่คุณหมอเดินออกจากห้องไปตั้งนานแล้ว สงสารที่ผู้หญิงตัวเล็กๆต้องมาเป็นที่ระบายความแค้นของปัณณธร ถ้าหากคืนนั้นเขาไปช่วยปานรักไม่ทันล่ะ ปัณณธรจะไม่ฆ่าอินนัดดาทิ้งหรอกหรือเสียงเคาะประตูทำให้ก้องภพลุกขึ้นยืนหันมองไปทางประตู ปรางทิพย์และอานนท์เปิดประตูเดินเข้ามา“หนูอินเป็นยังไงบ้างคุณก้อง” ปรางทิพย์มองดูใบหน้าซีดเซียวของลูกสะใภ้แล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้“อินไข้ขึ้นสูงแล้วก็มีอาการบอบช้ำไปทั้งร่างกายครับ ตอนนี้ก็มีเพ้อบ้างเป็นบางครั้ง แต่คุณหมอให้ยาแล้ว พรุ่งนี้เช้าน่าจะดีขึ้นครับ” ปรางทิพย์พยักหน้ารับฟัง อยากจะถามถึงสา
“ตาปัณทำไมทำนิสัยแย่ๆแบบนี้กับแขกฮึ ถึงคุณก้องเขาจะอายุน้อยกว่าเรา แต่เขาก็มีศักดิ์เป็นพี่ภรรยา ต้องให้เกียรติเขานะลูก” ปรางทิพย์บ่นให้ลูกชายตัวดี ปัณณธรไหวไหล่เล็กน้อย คนเป็นแม่จึงได้แต่ถอนหายใจปลงๆ“ปานเป็นยังไงบ้างครับแม่” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องคุย ไม่อยากฟังคุณนายแม่บนไปมากกว่านี้“ก็ดีขึ้นแล้ว คุณหมอให้ยานอนหลับ น้องจะได้พักผ่อน ตอนนี้ก็หลับอยู่ แม่กับพ่อแวะกลับมาดูเรา อีกสักหน่อยก็ว่าจะกลับไปหาน้องแล้ว ปัณจะไปด้วยไหม”“เอ..แต่หนูอินไม่สบายอยู่นี่ ใครจะอยู่เป็นเพื่อนล่ะ พรุ่งนี้ปัณค่อยไปหาน้องก็ได้” อานนท์เป็นห่วงลูกสะใภ้จึงไม่อยากให้ลูกชายไปด้วย เพราะยังไงพรุ่งนี้ปานรักก็น่าจะกลับบ้านได้แล้ว“ไม่สบายนิดหน่อย ไม่ถึงตายหรอกครับ ผมอยากไปดูว่าน้องไม่เป็นไรจริงๆ” ผู้สูงวัยสองคนสบตากันแล้วพ่นลมหายใจออกมาพร้อมกันอากาศหลังตะวันตกดินค่อนข้างเย็น ก้องภพเดินออกมาจากห้องพักที่เจ้าของบ้านใจดีจัดให้พักบนบ้านไม้หลังใหญ่ชายคาเดียวกัน ชายหนุ่มเดินออกมาดื่มด่ำกับบรรยากาศยามโพล้เพล้ สอบถามจากเด็กรับใช้ในบ้านจึงรู้ว่าเจ้าของบ้านทั้งสามไปหาป