“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ หนูแค่คิดอะไรเพลินๆแค่นั้นเอง”
“ไอ้ปัณมันคิดกับม่อนแค่น้องสาว รายนั้นน่ะตามติดมันแจ เพิ่งแยกจากกันตอนไปเรียนต่อที่อเมริกา พอกลับมาไม่กี่วันก็เลยวิ่งตามมาที่นี่แหละ พี่ผิดเองที่เป็นคนพาม่อนมา อินอย่างอนไอ้ปัณมันเลยนะ” อินนัดดาเลิกคิ้วเรียวสูง แปลกใจที่ชายหนุ่มมาอธิบายเรื่องราวระหว่างสามีของเธอกับผู้หญิงคนอื่นให้ฟัง
“หนูไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย เพราะคุณปัณก็ไม่ได้รักหนูอยู่แล้ว หนูไม่มีสิทธิ์ไปงอนหรือโกรธเขาหรอกค่ะ” อินนัดดาก้มหน้าตอบเสียงเบา
“อย่าคิดแบบนั้นสิ บางที...ความรักมันก็ไม่ต้องใช้เวลาหรอกนะ หากคนสองคนรู้สึกดีต่อกัน แป๊บๆมันก็เกิดเป็นความรักได้แล้ว” ต้นตะวันสงสารผู้หญิงตัวเล็กคนนี้ อินนัดดาถูกดึงเข้ามาเกี่ยวพันกับการแก้แค้นบ้าๆของเพื่อนเขา โดยที่หญิงสาวไม่รู้ไม่เห็นด้วยซ้ำ หากแต่เขาก็พอมองออกว่าไอ้เพื่อนของเขามันตกหลุมรักเมียตัวเองโดยไม่รู้ตัวแล้ว สายตามันฟ้อง และดูท่าทางอินนัดดาก็เหมือนจะมีใจให้เพื่อนของเขาเหมือนกัน
“ระหว่างหนูกับคุณปัณ ไม่มีทางเป็นความรักได้หรอกค่ะ หนูก็แค่...รอวันที่เขาจะปล่อยหนูไปเท่านั้นเอง” อินนัดดาทอดสายตามองไ
มุทิตาคิดแบบเด็กๆ คิดว่าจะมอมเหล้าปัณณธรแล้วลากเขาเข้าห้องเธอ ก็เธออยากได้เขามาเป็นสามีน่ะ ยิ่งบิดาเล่าให้ฟังว่าปัณณธรแต่งงานกับอินนัดดาเพราะเหตุผลอะไร และอีกไม่นานทั้งสองต้องหย่าร้างกันแน่นอน เธอก็อยากเร่งเวลานั้นให้ใกล้เข้ามา อย่างน้อยถ้าเธอมัดเขาไว้ได้ด้วยพันธะทางกาย พอปัณณธรเลิกกับอินนัดดา เธอก็จะมั่นใจได้ว่าเขาจะตกมาเป็นของเธอโดยสมบูรณ์แบบอย่างแน่นอนงานนี้เธอแค่ออกอุบายว่าอยากฉลองที่เรียนจบและได้กลับเมืองไทย ปัณณธรก็สั่งป้านวลทำกับแกล้มตั้งวงเหล้าให้ที่ชานเรือนอย่างที่เธอต้องการ แต่ไอ้คุณหมอหนุ่มที่นั่งร่วมวงอยู่ด้วยนี่เธอไม่ต้องการสักนิด“โห...ม่อนเก่งจัง เพียวๆเลยเหรอครับ แต่กินแค่แก้วเดียวใครๆก็กินได้นะ” ต้นตะวันถามแล้ว ตบท้ายด้วยคำสบประมาท หญิงสาวผู้ไม่อยากแพ้ใคร เธอเป็นที่หนึ่งชนะทุกอย่างและได้ดั่งใจทุกสิ่งเสมอ บิดาเลี้ยงเธอมาแบบนั้น รินเหล้าใส่แก้วตัวเองอีกครั้ง ยกขึ้นดื่มด้วยใบหน้าเหยเกแต่ก็ฝืนดื่มจนหมด ใบหน้านวลแดงเรื่อ และเริ่มจะพูดคุยด้วยคำพูดที่ช้าลง“พี่ปัณขา คืนนี้พี่ปัณนอนเป็นเพื่อนม่อนนะคะ ม่อนกลัวผี” ปัณณธรยิ้มเอ็นดูในฐานะน้องสาว เขากับมุทิ
“ยายเด็กบ้า สามีคนอื่นยังกล้าละเมอหานะ ไปนอนได้แล้ว” ขายาวก้าวมั่นคงตรงไปยังห้องที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้แขกตัวป่วน ทุกย่างก้าวของต้นตะวันเต็มไปด้วยบทสวดเพื่อระงับยับยังใจสุดฤทธิ์พุทโธ พุทธัง กะละมัง โอ่ง ไห...และขันติต้นตะวันคลานเข่าขึ้นเตียงแล้ววางร่างเล็กลงอย่างระมัดระวัง มุทิตาหลับตาพริ้มหมดสิ้นฤทธิ์เดช แต่ขณะที่ชายหนุ่มจะถอยลงจากเตียง ร่างเล็กก็ผวาลุกขึ้นนั่งกอดเกี่ยวต้นคอแกร่งไว้แน่น“จาปายหนาย...นอนด้วยกันนะคะ” มุทิตาพูดทั้งๆหลับตาพริ้ม ต้นตะวันพยายามแกะลำแขนที่โอบคอเขาไว้ ลมหายใจหนุ่มฉกรรจ์เริ่มติดขัด อกอวบที่เสียดสีอกแกร่งทำให้เขารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง“ปล่อยสิ อยากลองดีหรือไงยายเด็กบ้า” คุณหมอหนุ่มขบกรามแน่นเอ่ยเสียงรอดไรฟัน แต่พูดยังไม่ทันขาดคำ มุทิตาก็ออกแรงดึงร่างใหญ่ให้ล้มทับคร่อมร่างเธอไว้ ริมฝีปากอวบอิ่มสีสดระบมจูบไปบนใบหน้าชายหนุ่มอย่างสะเปะสะปะ ต้นตะวันพยายามเบือนหน้าหนี แต่ดูเหมือนยิ่งหนีกลับยิ่งท้าทายให้คนเมาอยากเอาชนะ มุทิตาพลิกร่างขึ้นคร่อมร่างใหญ่อย่างว่องไว คนโดนรุกตื่นตกใจแต่ไม่ได้ตื่นกลัว จิตใจใฝ่ดีกับอสูรร้ายในกายกำลัง
“เจ็บอีกนิดเดียวนะม่อน” กระซิบบอกอยู่กับริมฝีปากสีสดที่เริ่มจะบวมเจ่อเล็กน้อย เพราะจุมพิตเร่าร้อนที่เขาเพียรป้อนซ้ำๆ สติอันน้อยนิดของมุทิตาทำให้เธอพยักหน้ารับน้อยๆ เชื่อใจคนที่อยู่บนร่างของตน เพราะเธออึดอัดทรมาน มีเพียงเขาคนเดียวที่น่าจะช่วยเหลือเธอได้ในตอนนี้ ชายหนุ่มใช้นิ้วเรียวในการกระตุ้นจุดที่ไวต่อสัมผัสกลางกาย จุดเล็กๆนุ่มนิ่มถูกสะกิดบดบี้ซ้ำๆ เพื่อเร่งให้หญิงสาวหลั่งน้ำหวานมาชโลมความแข็งแกร่ง ซึ่งจะช่วยลดความเจ็บที่เธอต้องรองรับความใหญ่โตของเขา“อื๊อ...”มุทิตาครางเสียงหวานผะแผ่ว กายสาวสั่นสะท้าน ต้นตะวันนำพาเธอดำดิ่งไปในวังวนเสน่หาเร่าร้อน หญิงสาวแอ่นหยัดสะโพกเข้าหาเว้าวอน ร้องขอการเติมเต็ม ชายหนุ่มรวบกอดร่างนุ่มนิ่มไว้แน่น ซุกซบใบหน้าลงกับซอกคอขาว ขบเม้มไปทั่ว สร้างความเสียวซ่านให้กับคนใต้ร่างจนต้องยกลำแขนกอดรอบกายหนาไว้แน่น“คุณน่ารักมาก...ม่อน” สะโพกสอบขับเคลื่อนช้าๆ ถอดถอนจนเกือบสุดแล้วค่อยๆเติมเต็มกลับเข้าไปใหม่ ด้วยจังหวะเนิบช้าสอดแทรกทีละน้อย สองร่างเก็บเกี่ยวความซ่านกระสันขณะกายแกร่งเดินทางเข้าสู่ร่างสาว เล็บสั้นจิกบ่ากว้างครูดยาวจนเกิดรอยแดง เหง
“เอ่อ...ม่อนไม่อยากกวนคนอื่นค่ะ เดี๋ยวสายๆม่อนจะโทรบอกพี่ปัณเอง ม่อนไปรอที่ศาลาริมน้ำเลยนะคะ” มุทิตาหิ้วกระเป๋าออกจากครัวและลงจากเรือนไปทันที ก่อนที่น้ำตาจะไหลให้ป้านวลสงสัย หัวใจมันวูบโหวง หวาดกลัว โกรธตัวเองนักที่ไม่ดูแลระมัดระวังตัวให้ดี รังเกียจร่างกายนี้ที่ถูกคนอื่นสัมผัสแตะต้อง คนอื่นที่ไม่ใช่คนรักสักนิด“ป้านวลครับ เอ่อ...เห็นม่อนไหมครับ” คุณหมอหนุ่มตื่นขึ้นมาในตอนสายก็ไม่พบร่างนุ่มนิ่มที่นอนกอดมาทั้งคืน ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นแต่งตัว วิ่งหน้าตาตื่นตามหาไปทั่วบ้านก็ไม่พบ“อ้าว...หมอต้นตื่นเร็วอีกคนแล้วนะเนี่ย คุณม่อนกลับแล้วค่ะ ลุงเพิ่มเพิ่งเอาเรือออกไปส่งเมื่อกี้เองค่ะ เห็นว่า...” ต้นตะวันไม่ฟังสิ่งที่ป้านวลจะพูดต่อ ชายหนุ่มผลุนผลันวิ่งออกจากครัวลงเรือนไปทันทีร่างสูงใหญ่มองไปยังโค้งน้ำเบื้องหน้า มีเพียงสายน้ำว่างเปล่า ไม่เห็นใครคนที่เขาอยากจะตื่นมาบอกว่าจะรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น การตอบสนองที่ไม่ประสาและเสียงหวานสั่นพร่ายังก้องอยู่ในหู กลิ่นหอมละมุนและจุมพิตหวานล้ำยังตรึงใจ ร่องรอยที่เขาพรากพรหมจรรย์ของเธอมาเด่นชัดอยู่บน
“ไม่ต้องมาปราณีหนู หนูไม่ต้องการ คุณมันก็แค่ผู้ชายหน้าตัวเมีย โอ๊ย!” มือใหญ่บีบแก้มเนียนจนใบหน้าสวยบิดเบ้ อินนัดดาทุบตีเขาเพื่อให้เขาปล่อยเธอ“หน้าตัวเมียเหรอ...ผู้ชายหน้าตัวเมียตัวจริงไม่ใช่ฉัน แต่คือคนในครอบครัวเธอ แต่ถ้าอยากให้ฉันเป็นนัก ฉันก็จะทำให้ดูว่าผู้ชายหน้าตัวเมียเขาทำยังไงกับผู้หญิงบ้าง” แล้วอินนัดดาก็ต้องหวีดร้องเสียงหลง เมื่อสาบเสื้อเชิ้ตผ้าชีฟองเนื้อดีถูกกระชากจนกระขาดกระเด็น ปัณณธรรวบมือเธอทั้งสองข้างกดไว้กับเสาที่อยู่ด้านหลังเก้าอี้ แทรกร่างใหญ่เข้าไปยืนอยู่กลางสองขาเรียว อินนัดดาตาเบิกโพลงตกใจกลัวกับท่าทางคุกคามของเขา“คะ...คุณจะทำอะไร” ปัณณธรไม่ตอบคำถาม เขาบีบแก้มเนียนอีกครั้งแล้วส่งนิ้วเรียวสามนิ้วเข้าไปในโพรงปากนุ่ม กวาดไล้เกี่ยวลิ้นเล็กขยับรุกจนอินนัดดาส่ายหน้าด้วยความอึดอัด ยิ่งเขากระทุ้งแรงลึกอย่างจงใจ น้ำตาก็ไหลเอ่อขอบตา หยาดน้ำลายไหลเลอะเปรอะเปื้อนลงเป็นทางยาว อินนัดดาส่ายสะบัดหน้าหนี ชายหนุ่มจึงปล่อยมือบางให้เป็นอิสระ แล้วจับยึดใบหน้างามไว้แน่น ขยับนิ้วรุกรุนแรง มือเล็กจับข้อมือหนาไว้แน่นสลับกับการทุบตีข่วนลำแขนแกร่ง แต่กลับไม่มีผลใดๆให้คนที่
อินนัดดาเก็บตัวอยู่ในห้องจนค่ำ หญิงสาวไม่อยากเจอหน้าอสูรร้าย ไม่อยากเข้าใกล้ เธอล็อกห้องไว้ทั้งๆที่รู้ว่ายังไงเขาก็เข้ามาได้อยู่แล้ว แต่ก็ยังทำ อย่างน้อยก็กั้นเขาไว้ให้ห่างจากเธอได้ชั่วเวลาสักวินาทีก็ยังดี เสียงไขกุญแจกุกกักทำให้อินนัดดาลุกขึ้นนั่ง จ้องมองไปยังบานประตูนิ่ง ยอมรับว่าหวาดกลัวเขา กลัวว่าเขาจะมารังแกอีก“คุณหนูอิน” ป้านวลเปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง อินนัดดาถึงกับปล่อยโฮออกมาทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นป้านวล คนสูงวัยรีบสาวเท้าเดินไปนั่งบนเตียงข้างหญิงสาว อินนัดดาโผเข้ากอดซุกหน้าลงกับอกป้านวล เธอร้องไห้ออกมาโดยไม่อาย มีเพียงป้านวลคนเดียวที่เป็นที่พึ่งให้เธอได้ คนสูงวัยถอนหายใจเฮือกใหญ่ ลูบหัวลูบหลังหญิงสาวในอ้อมกอดอย่างปลอบโยน“ไปทานข้าวเย็นกันนะคะ ป้าเตรียมกับข้าวไว้ให้คุณหนูอินเยอะแยะเลย”“หนูไม่หิวค่ะ” อินนัดดาส่ายหน้าตอบเสียงอูอี้“สำออย!” เสียงดังตวาดอยู่หน้าประตูทำให้หญิงสาวสะดุ้ง เธอรัดร่างอวบของป้านวลแน่นขึ้น“ไปทานข้าวเถอะนะคะ ป้าจะอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าคุณหนูอินจะทานข้าวเสร็จ” ผู้สูงวัยปลอบโยน อินนัดดาเงยหน้าสบตาป้านวล แววตาเอ็นด
“เธอสนิทกับนายชัชชัยมากไหม” จู่ๆคนที่นอนตะแคงหันหลังให้ก็ถามขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย อินนัดดาขยับตัวอย่างระแวดระวัง“ก็สนิทค่ะ อาชัชชัยเป็นสามีอาเพ็ญ เราสามคนอยู่บ้านหลังเดียวกันค่ะ” เธอตอบเสียงสั่นเล็กน้อย ถึงจะเกลียดกลัวเขา แต่การพูดดีๆ ไม่ทำให้ขาโมโห น่าจะดีกว่ากวนโทสะให้เขาโมโห แล้วยกมาเป็นข้ออ้างรังแกตัวเอง“แล้วพี่ชายเธอล่ะ”“เอ่อ...พี่ก้องก็สนิทค่ะ แต่พอพี่ก้องเรียนจบแล้ว ก็ย้ายกลับไปดูแลกิจการที่กระบี่” แววตาอ่อนแสงเมื่อพูดถึงพี่ชายต่างสายเลือดที่คอยดูแลเธอมาตลอด หากพี่ก้องรู้ว่าน้องถูกผู้ชายคนนี้รังแก พี่ก้องจะต้องมาช่วยน้องแน่นอน“แล้วรู้ไหมว่าอาชัชชัยของเธอเป็นคนเลว” อินนัดดาชักสีหน้าในความมืด เรื่องอะไรที่เขาต้องมาว่าผู้มีพระคุณของเธอ ถึงแม้ทั้งอาเพ็ญและอาชัชชัยจะหลอกให้เธอมาแต่งงานกับเขา นั่นก็เพราะเหตุผลทางธุรกิจ หรือจะมีอะไรแอบแฝงอย่างที่มุทิตาเคยเล่าให้ฟัง เธอก็ยังไม่อยากจะเชื่อเท่าไร จนกว่าจะได้ยินจากปากของทั้งสองว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ยังไงเขาก็ไม่มีสิทธิ์มากล่าวหาว่าคนอื่นเลวอินนัดดาเอนตัวลงนอนตะแคงหันหลังให้คนตัวโต หญิงสาวเลื
“อร่อยกว่าแน่นอนค่ะ นังนวลหรือจะมาทำอร่อยเท่านังนิ่ม คุณหนูอินรอทานเลยนะคะ เดี๋ยวป้าจะออกไปซื้อของมาทำให้ทาน”“ค่า” อินนัดดายิ้มประจบ จนป้านิ่มอดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มอิ่มของหญิงสาว“วันนี้ไม่มีงานแล้วนะคะ คุณปัณจะกลับเลยก็ได้นะคะ” ปัณณธรเอนหลังกับพนักเก้าอี้หนังตัวใหญ่ ขายหนุ่มหลับตาลงยกมือขึ้นคลึงขมับเบาๆ“อืม...ขอบคุณมากครับ เดี๋ยวผมจะกลับเลยแล้วกัน” เลขาสาวใหญ่เดินออกจากห้องไปแล้ว ปัณณธรหลับตาลงอีกครั้ง เขาเพลีย...นอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว ทั้งเรื่องงานทั้งเรื่องของคนนอนร่วมเตียง เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ทำให้เขาลืมตาขึ้น ขยับกายนั่งตัวตรงชำเลืองมองโทรศัพท์มือถือทีวางอยู่บนโต๊ะ ชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจอทำให้เขายิ้ม“สวัสดีครับคุณแม่” ปัณณธรทักทายมารดาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าหากแต่เรื่องราวที่ปลายสายระล่ำระลักบอกกล่าวมานั้นทำให้เขาแววตาวาวโรจน์อารมณ์โกรธปะทุขึ้นมาอัดอั้นอยู่เต็มอก หลังจากวางสายเขาตรงดิ่งกลับบ้านทันที เรื่องนี้ต้องมีคนชดใช้ เขาจะไม่ใจอ่อนเหมือนที่ผ่านมาแล้ว ครอบครัวเขาต้องทุกข์ทนอยู่กับความเจ็บปวด ครอบครัวคนที่ทำร้ายน
“คุณพ่อฝากความคิดถึงมาถึงคุณลุงกับคุณป้าด้วยนะคะ” มุทิตาเบือนสายตาหนีจากภาพหวานแหววของสามีภรรยา“คุณมนัสสบายดีไหมหนูม่อน” อานนท์ถามไถ่ตามประสาคนเคยทำงานร่วมกัน“คุณพ่อสบายดีครับคุณลุง” คำตอบจากปากของคุณหมอหนุ่ม ทำให้ทุกคนหันไปมองเขาสลับกับมุทิตา ด้วยเครื่องหมายคำถาม หญิงสาวขยับตัวอึดอัด จิกสายตามองคนตัวโตที่นั่งยิ้มแป้นอย่างเอาเรื่อง“ฮ่าๆ คุณมนัสมีลูกชายเพิ่มหรือเนี่ย” อานนท์เย้าอารมณ์ดี มุทิตาหน้าแดงเรื่อ ก้มหน้าไม่กล้าสบตาใคร“คุยกันต่อเลยนะ คนแก่ขอตัวไปพักผ่อนก่อนล่ะ” ผู้สูงวัยทั้งสองยิ้มให้กับหนุ่มสาว บางเรื่องก็ให้หนุ่มสาวเขาคุยกันดีกว่า ถึงเวลาคงได้รู้เรื่องราวทั้งหมดเอง“ถ้าอย่างนั้นเราไปอ่านหนังสือดีกว่าค่ะพี่ก้อง เดี๋ยวพอกลับไปเรียนต่อปานจะไม่ทันเพื่อนๆ เอ...เมื่อวานพี่ก้องติวถึงไหนแล้วนะคะ” ปานรักดึงรั้งมือของก้องภพให้ลุกขึ้นตามตัวเองไปที่ห้องหนังสือ ก้องภพหันมายิ้มขอตัวกับทุกคน ปัณณธรไม่ได้ว่าอะไร เขาสังเกตและมองดูอยู่ไม่ห่าง ปานรักไม่เคยมีใคร พอก้องภพมาใกล้ชิด น้องสาวก็เริ่มจะติดพี่เมียของเขาแจ คำสัญญาที่ก้องภพบอกกับเขาอย่างลูกผู้ชาย ท
ชีวิตที่เคยปกติสุขของมุทิตา กลายเป็นชีวิตที่วุ่นวาย(หัวใจ) เมื่อนายแพทย์หนุ่มหล่อเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต หญิงสาวไปทำงานช่วยบิดาที่ปัณณธรกรุ๊ป เพื่อลดความฟุ้งซ่านที่เกิดจากน้ำมือ ‘คนคบกัน’ ต้นตะวันขยันเทียวไปเทียวมาจนบิดาเธอเริ่มระแคะระคาย รายนั้นก็ไม่คิดจะหลบซ่อน เวลามาหาเธอที่บริษัทก็ฉีกยิ้มหน้าบานเป็นกระด้ง นั่งรอที่หน้าห้องทำงาน เธอเคยดุเขาให้ไปรอที่ห้องรับรอง เขากลับตอบมาอย่าคนหน้ามึนว่า เดี๋ยวคนอื่นไม่รู้ว่าเราเป็นอะไรกัน“วันนี้ไปเที่ยวไหนหรือเปล่าม่อน” บิดาถามลูกสาวด้วยความห่วงใย เห็นไอ้หนุ่มหน้าหล่อที่มานั่งรอลูกสาวบ่อยๆแล้ว ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ มุทิตายิ้มหวานเดินเข้าไปกอดบิดา ที่วันนี้เดินมาหาเธอถึงห้องทำงาน“ไม่ไปไหนหรอกค่ะ ม่อนจะอยู่กับคุณพ่อ” บิดายีศีรษะลูกสาวเบาๆ“แน่ใจเหรอ พ่อเห็นหมอต้นมารออยู่ข้างนอกโน่น” คิ้วเรียวเลิกขึ้นสูง เงยหน้าสบตาบิดา“คุณพ่อรู้จักพี่หมอต้นด้วยเหรอคะ” บิดายิ้มเล็กน้อย มองตาลูกสาว แต่ไม่พูดอะไร“เอ่อ...ก็พี่หมอเขาเป็นเพื่อนของพี่ปัณ ม่อนรู้จักเขาตอนที่ไปหาพี่ปัณที่บ้านสวนค่ะ แต่ไม่มีอะไรหรอกค่
“หนูหนักค่ะ” อินนัดดาบ่นอุบอิบ เมื่อปัณณธรซบหน้าบนอกอวบของตนอยู่นานแล้ว หลังจากที่พาเธอไขว่คว้าความสุขสมอิ่มเอม ชายหนุ่มขยับตัวนั่ง ช้อนร่างบางขึ้นให้นั่งบนตักของตัวเอง แล้วขยับตัวไปนั่งตรงกลางเตียง ทั้งที่เขาและเธอยังหลอมรวมกันอยู่ จมูกโด่งซุกไซ้ไปตามซอกคอหอมกรุ่น แล้วไปหยุดตรงแก้มนวล ปัณณธรสูดดมความหอมเข้าเต็มปอด แล้วก็ไม่ยอมผละไปไหน จนเจ้าของแก้มต้องเบี่ยงหน้าหนีเสียเอง“พอแล้วค่ะ ปล่อยหนูได้แล้ว อุ๊ย!” กำปั้นเล็กทุบอกแกร่งเบาๆ เมื่อเจ้าของตักที่เธอนั่งทับอยู่ ยกสะโพกขึ้นพร้อมกับกดตรึงสะโพกเธอไว้อย่างรวดเร็ว ใบหน้านวลแดงก่ำ ทำแก้มป่องช้อนสายตาขึ้นมองงอนๆ“อยากรักอินทั้งวันทั้งคืน” สายตาหวานเชื่อมที่เต็มไปด้วยไฟปรารถนาทำให้อินนัดดาสะบัดร้อนสะบัดหนาว“หนูเหนื่อย” หญิงสาวท้วงเสียงเบาหวิว“ฮื้อ! เป็นเด็กเป็นเล็กจะเหนื่อยอะไร รู้ไหมว่าพี่คิดถึงอินมากแค่ไหน พี่กลัวอินทิ้งพี่ไป กลัว...” อินนัดดาใช้นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากหยักไว้ก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดต่อ คลี่ยิ้มหวานเอาใจ ก่อนจะซุกใบหน้าลงที่อกกว้าง วาดวงแขนเรียวโอบกอดร่างใหญ่ไว้แน่น“หนูเกลียดคุณปัณ
“ถูหลังให้ด้วย” คนถูกสั่งให้ถูหลัง เงยหน้าค้อนวงเล็กให้ ปัณณธรยิ้มเจ้าเล่ห์ ดึงมือบางเลื่อนไปด้านหลังตัวเอง อกอวบแนบไปกับอกแกร่ง สองร่างแนบชิดกัน ก่อเกิดกระแสความปรารถนารุนแรง“อืม...อินพอแล้ว” เสียงห้ามสั่นเบาหวิวราวกับจะขาดใจ เขาอดทนมานานมากพอแล้ว แค่อยากให้อินนัดดาคุ้นเคยกับร่างกายของตนเอง เพราะกลัวว่าหญิงสาวอาจจะจำบทรักโหดร้ายไว้ แล้วเกิดอาการกลัวไม่ให้เขาสัมผัสใกล้ชิด แต่อินนัดดาไม่มีท่าทีตื่นกลัวอย่างที่กังวลใจ“ไม่ไหวแล้วอิน ใจจะขาด” ปัณณธรบดเบียดริมฝีปากมอบจุมพิตเร่าร้อนให้กับคนที่นั่งคร่อมร่างตนอยู่ มือใหญ่ลูบไล้สัมผัสหนักเบาไปทั่วร่างบาง ทรวงอกอวบถูกเคล้นคลึงกระตุ้นอารมณ์หวาม“อืม...คุณปัณ” อินนัดดาครางเรียกชื่อสามี เมื่อถูกเขาจับสะโพกมนยกขึ้น ร่างกายเธอกำลังรอคอยบางอย่างมาเติมเต็ม พอรู้ว่าสิ่งที่รอคอยกำลังจะสอดแทรกเข้ามาในร่างกาย ช่องท้องก็เกร็งวูบไหว มือบางจิกบ่ากว้างแน่นเป็นที่ยึดเหนี่ยว ปัณณธรจับจ้องใบหน้านวลที่ขณะนี้ดวงตาปรือปรอยเต็มไปด้วยไฟปรารถนา เขาค่อยๆกดสะโพกมนลงช้าๆ กลีบดอกไม้ผลิแยกเปิดเผยร่องรักให้ความแข็งแกร่งเติมเต็มเข้าไปช้าๆ
“ขอบคุณค่ะ” ปัณณธรยิ้มใส่นัยน์ตาคู่สวย เขาไม่ปล่อย สองสัปดาห์มันนานราวกับสองร้อยปี“หายดีแล้วเหรอ” วงแขนแข็งแรงฉวยโอกาสในตอนที่หญิงสาวกำลังตกใจ ช้อนอุ้มร่างบางแนบอกแล้วเดินตรงไปยังโซฟาตัวใหญ่ อินนัดดาตกใจเล็กน้อยแต่ไม่ได้ดิ้นรน เธอไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเขา บิดาและมารดาของปัณณธรเล่าเรื่องราวต่างๆของเขาให้เธอฟังมากมายตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ ล้วนแต่เป็นเรื่องราวดีๆและนิสัยที่แท้จริงของเขาที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน แม้กระทั่งปานรักเองก็อวยและชมพี่ชายอยู่ตลอด ทั้งสามคนขอโอกาสให้เขาได้แก้ตัว ขอให้เธอยกโทษให้เขา อินนัดดารู้สึกว่าข้อมูลเหล่านั้นถูกฝังลงในสมองของเธอแล้ว“คุณแม่บอกว่าต้องทานตอนร้อนๆค่ะ คุณปัณจะทานเลยไหม หนูจะเอาไปใส่ถ้วยให้” อินนัดดาเอ่ยถามเมื่อเขานั่งลงที่โซฟาแต่ไม่ยอมปล่อยเธอให้เป็นอิสระ เลยกลายเป็นว่าเธอต้องนั่งอยู่บนตักเขานิ่งๆ“ยังไม่อยากกิน” ปัณณธรตอบเสียงเบา เขากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ‘คนสำคัญ’ ที่มารดาบอกคือผู้หญิงคนนี้ บางทีคงถึงเวลาที่เขาจะต้องปล่อยวางความโกรธแค้นแล้วกลับมายอมรับความจริงได้แล้ว“ไม่กลัวฉันเหรอ” คนตัวโตหยั่งเชิงถาม และรอคอยคำ
ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งทำงานมาตั้งแต่เที่ยง เหลือบมองนาฬิกาที่ผนังมันบอกเวลาเกือบหกโมงเย็นแล้ว สักครู่คนรับใช้คงเอาอาหารมาส่ง ชายหนุ่มเดินออกไปทางประตูหลังบ้าน เลื่อนประตูกระจกเปิดออกแล้วก้าวเท้าเดินออกไปรับอากาศบริสุทธิ์ยามเย็นระเบียงไม้กว้างเชื่อมต่อกับหลังบ้าน ภาพขุนเขาน้อยใหญ่สลับซ้อนอยู่เบื้องหน้า สายลมเย็นพัดเอื่อย ความเงียบสงบทำให้ปัณณธรพ่นลมหายใจออกมาอีกครั้ง เขานั่งลงตรงเก้าอี้ไม้โยก เอนหลังและหลับตาลงพักสายตา เรื่องงานไม่ได้หนักหนาเกินไปสำหรับเขาหรอก เขาไม่ได้เหนื่อยล้าเพราะงาน หากแต่เหนื่อยล้าเพราะหัวใจ หัวใจที่กำลังสับสน การได้ใกล้ชิดกับผู้หญิงที่เขาได้มาเป็นภรรยาด้วยความเคียดแค้น ทำให้หัวใจเขาหวั่นไหว อินนัดดาอ่อนหวานแต่ไม่ได้อ่อนแอ เธอพยายามถามหาสาเหตุที่เขาทำร้ายอยู่ตลอด ไม่ได้ก้มหน้าก้มตายอมให้เขาทำร้ายอย่างเดียว แต่ด้วยแรงที่น้อยกว่าทำให้เธอไม่สามารถโต้ตอบอะไรเขาได้ ตอนนี้เธอคงรู้แล้ว รู้ถึงสาเหตุที่เขาทำร้ายเธอ ถึงได้ยอมอยู่ที่นี่โดยไม่ร้องขออยากกลับบ้าน อยู่เพื่อช่วยเหลือปานรักของสาวของเขา“เหนื่อยเหรอลูก” เสียงมารดาปลุกให้ปัณณธรตื่นจากห
“คงไม่ได้เป็นคำขอที่มากเกินไป หากผมอยากให้คุณอยู่ที่นี่ต่ออีกสักพัก เพื่อให้ปานได้ค่อยๆยอมรับอดีต คุณสะดวกไหม” ก้องภพยิ้มกว้าง พยักหน้ายอมรับอย่างง่ายดาย อย่างน้อยเขาก็ได้มีโอกาสไถ่โทษให้คนในครอบครัวอานนท์ยิ้มให้ชายหนุ่มเช่นกัน เขาตัดสินใจที่จะไม่แจ้งความเอาผิดกับชัชชัย เพราะห่วงความรู้สึกของปานรักที่ต้องไปให้ปากคำ แค่นี้ลูกสาวของเขาก็บอบช้ำมากพอแล้ว หากต้องไปเผชิญหน้าและเล่าเรื่องราวที่เลวร้ายนั้นอีก ปานรักอาจจะแย่ไปกว่านี้ก็ได้ อำนาจเงินของเขามีมากพอที่ปิดเรื่องทุกอย่างให้เงียบได้โดยง่าย และวันนี้เขาตัดสินใจจะลองรักษาลูกสาวด้วยวิธีการของตัวเอง การรักษาที่จะทำให้ลูกสาวเขาเข้มแข็งขึ้น ยอมรับความจริงมากขึ้นก้องภพอยู่ดูแลน้องสาวจนกระทั่งอินนัดดาอาการดีขึ้น ปานรักออกจากโรงพยาบาลไปหลายวันแล้ว แต่ปรางทิพย์และอานนท์ก็ยังเทียวมาเยี่ยมลูกสะใภ้อยู่ทุกวัน ทั้งเช้าและเย็น ผิดกับสามีของคนป่วยที่ไม่มาให้คนป่วยเห็นหน้าเลย“หนูอยากกลับบ้านจังเลยพี่ก้อง” อินนัดดานั่งพิงหมอนที่หัวเตียง ดวงตาเหม่อลอยมองออกไปด้านนอกห้อง ก้องภพขยับตัวลุกข
คนไข้บอบช้ำไปทั้งร่าง เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง ต้องให้ร่างกายได้พักฟื้นสักระยะนะคะ หมอเกรงว่าเป็นแบบนี้บ่อยๆ เธออาจจะมีอาการหวาดกลัวการมีเพศสัมพันธ์ได้ หมอให้ยาลดไข้ ยาแก้อักเสบแล้วก็ยาฆ่าเชื้อแล้ว พรุ่งนี้อาการน่าจะดีขึ้น ต่อไปควรระมัดระวังและทะนุถนอมคนไข้มากกว่านี้นะคะคุณหมอคงนึกว่าเขาเป็นสามีของน้องสาว จึงกล่าวคำแนะนำอย่างหวังดีในตอนท้าย ก้องภพได้แต่พยักหน้ารับและกล่าวคำขอบคุณ ชายหนุ่มถอนหายใจแรง เขาเฝ้ามองอินนัดดาตั้งแต่คุณหมอเดินออกจากห้องไปตั้งนานแล้ว สงสารที่ผู้หญิงตัวเล็กๆต้องมาเป็นที่ระบายความแค้นของปัณณธร ถ้าหากคืนนั้นเขาไปช่วยปานรักไม่ทันล่ะ ปัณณธรจะไม่ฆ่าอินนัดดาทิ้งหรอกหรือเสียงเคาะประตูทำให้ก้องภพลุกขึ้นยืนหันมองไปทางประตู ปรางทิพย์และอานนท์เปิดประตูเดินเข้ามา“หนูอินเป็นยังไงบ้างคุณก้อง” ปรางทิพย์มองดูใบหน้าซีดเซียวของลูกสะใภ้แล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้“อินไข้ขึ้นสูงแล้วก็มีอาการบอบช้ำไปทั้งร่างกายครับ ตอนนี้ก็มีเพ้อบ้างเป็นบางครั้ง แต่คุณหมอให้ยาแล้ว พรุ่งนี้เช้าน่าจะดีขึ้นครับ” ปรางทิพย์พยักหน้ารับฟัง อยากจะถามถึงสา
“ตาปัณทำไมทำนิสัยแย่ๆแบบนี้กับแขกฮึ ถึงคุณก้องเขาจะอายุน้อยกว่าเรา แต่เขาก็มีศักดิ์เป็นพี่ภรรยา ต้องให้เกียรติเขานะลูก” ปรางทิพย์บ่นให้ลูกชายตัวดี ปัณณธรไหวไหล่เล็กน้อย คนเป็นแม่จึงได้แต่ถอนหายใจปลงๆ“ปานเป็นยังไงบ้างครับแม่” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องคุย ไม่อยากฟังคุณนายแม่บนไปมากกว่านี้“ก็ดีขึ้นแล้ว คุณหมอให้ยานอนหลับ น้องจะได้พักผ่อน ตอนนี้ก็หลับอยู่ แม่กับพ่อแวะกลับมาดูเรา อีกสักหน่อยก็ว่าจะกลับไปหาน้องแล้ว ปัณจะไปด้วยไหม”“เอ..แต่หนูอินไม่สบายอยู่นี่ ใครจะอยู่เป็นเพื่อนล่ะ พรุ่งนี้ปัณค่อยไปหาน้องก็ได้” อานนท์เป็นห่วงลูกสะใภ้จึงไม่อยากให้ลูกชายไปด้วย เพราะยังไงพรุ่งนี้ปานรักก็น่าจะกลับบ้านได้แล้ว“ไม่สบายนิดหน่อย ไม่ถึงตายหรอกครับ ผมอยากไปดูว่าน้องไม่เป็นไรจริงๆ” ผู้สูงวัยสองคนสบตากันแล้วพ่นลมหายใจออกมาพร้อมกันอากาศหลังตะวันตกดินค่อนข้างเย็น ก้องภพเดินออกมาจากห้องพักที่เจ้าของบ้านใจดีจัดให้พักบนบ้านไม้หลังใหญ่ชายคาเดียวกัน ชายหนุ่มเดินออกมาดื่มด่ำกับบรรยากาศยามโพล้เพล้ สอบถามจากเด็กรับใช้ในบ้านจึงรู้ว่าเจ้าของบ้านทั้งสามไปหาป