“เจ็บอีกนิดเดียวนะม่อน” กระซิบบอกอยู่กับริมฝีปากสีสดที่เริ่มจะบวมเจ่อเล็กน้อย เพราะจุมพิตเร่าร้อนที่เขาเพียรป้อนซ้ำๆ สติอันน้อยนิดของมุทิตาทำให้เธอพยักหน้ารับน้อยๆ เชื่อใจคนที่อยู่บนร่างของตน เพราะเธออึดอัดทรมาน มีเพียงเขาคนเดียวที่น่าจะช่วยเหลือเธอได้ในตอนนี้ ชายหนุ่มใช้นิ้วเรียวในการกระตุ้นจุดที่ไวต่อสัมผัสกลางกาย จุดเล็กๆนุ่มนิ่มถูกสะกิดบดบี้ซ้ำๆ เพื่อเร่งให้หญิงสาวหลั่งน้ำหวานมาชโลมความแข็งแกร่ง ซึ่งจะช่วยลดความเจ็บที่เธอต้องรองรับความใหญ่โตของเขา
“อื๊อ...”
มุทิตาครางเสียงหวานผะแผ่ว กายสาวสั่นสะท้าน ต้นตะวันนำพาเธอดำดิ่งไปในวังวนเสน่หาเร่าร้อน หญิงสาวแอ่นหยัดสะโพกเข้าหาเว้าวอน ร้องขอการเติมเต็ม ชายหนุ่มรวบกอดร่างนุ่มนิ่มไว้แน่น ซุกซบใบหน้าลงกับซอกคอขาว ขบเม้มไปทั่ว สร้างความเสียวซ่านให้กับคนใต้ร่างจนต้องยกลำแขนกอดรอบกายหนาไว้แน่น
“คุณน่ารักมาก...ม่อน” สะโพกสอบขับเคลื่อนช้าๆ ถอดถอนจนเกือบสุดแล้วค่อยๆเติมเต็มกลับเข้าไปใหม่ ด้วยจังหวะเนิบช้าสอดแทรกทีละน้อย สองร่างเก็บเกี่ยวความซ่านกระสันขณะกายแกร่งเดินทางเข้าสู่ร่างสาว เล็บสั้นจิกบ่ากว้างครูดยาวจนเกิดรอยแดง เหง
“เอ่อ...ม่อนไม่อยากกวนคนอื่นค่ะ เดี๋ยวสายๆม่อนจะโทรบอกพี่ปัณเอง ม่อนไปรอที่ศาลาริมน้ำเลยนะคะ” มุทิตาหิ้วกระเป๋าออกจากครัวและลงจากเรือนไปทันที ก่อนที่น้ำตาจะไหลให้ป้านวลสงสัย หัวใจมันวูบโหวง หวาดกลัว โกรธตัวเองนักที่ไม่ดูแลระมัดระวังตัวให้ดี รังเกียจร่างกายนี้ที่ถูกคนอื่นสัมผัสแตะต้อง คนอื่นที่ไม่ใช่คนรักสักนิด“ป้านวลครับ เอ่อ...เห็นม่อนไหมครับ” คุณหมอหนุ่มตื่นขึ้นมาในตอนสายก็ไม่พบร่างนุ่มนิ่มที่นอนกอดมาทั้งคืน ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นแต่งตัว วิ่งหน้าตาตื่นตามหาไปทั่วบ้านก็ไม่พบ“อ้าว...หมอต้นตื่นเร็วอีกคนแล้วนะเนี่ย คุณม่อนกลับแล้วค่ะ ลุงเพิ่มเพิ่งเอาเรือออกไปส่งเมื่อกี้เองค่ะ เห็นว่า...” ต้นตะวันไม่ฟังสิ่งที่ป้านวลจะพูดต่อ ชายหนุ่มผลุนผลันวิ่งออกจากครัวลงเรือนไปทันทีร่างสูงใหญ่มองไปยังโค้งน้ำเบื้องหน้า มีเพียงสายน้ำว่างเปล่า ไม่เห็นใครคนที่เขาอยากจะตื่นมาบอกว่าจะรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น การตอบสนองที่ไม่ประสาและเสียงหวานสั่นพร่ายังก้องอยู่ในหู กลิ่นหอมละมุนและจุมพิตหวานล้ำยังตรึงใจ ร่องรอยที่เขาพรากพรหมจรรย์ของเธอมาเด่นชัดอยู่บน
“ไม่ต้องมาปราณีหนู หนูไม่ต้องการ คุณมันก็แค่ผู้ชายหน้าตัวเมีย โอ๊ย!” มือใหญ่บีบแก้มเนียนจนใบหน้าสวยบิดเบ้ อินนัดดาทุบตีเขาเพื่อให้เขาปล่อยเธอ“หน้าตัวเมียเหรอ...ผู้ชายหน้าตัวเมียตัวจริงไม่ใช่ฉัน แต่คือคนในครอบครัวเธอ แต่ถ้าอยากให้ฉันเป็นนัก ฉันก็จะทำให้ดูว่าผู้ชายหน้าตัวเมียเขาทำยังไงกับผู้หญิงบ้าง” แล้วอินนัดดาก็ต้องหวีดร้องเสียงหลง เมื่อสาบเสื้อเชิ้ตผ้าชีฟองเนื้อดีถูกกระชากจนกระขาดกระเด็น ปัณณธรรวบมือเธอทั้งสองข้างกดไว้กับเสาที่อยู่ด้านหลังเก้าอี้ แทรกร่างใหญ่เข้าไปยืนอยู่กลางสองขาเรียว อินนัดดาตาเบิกโพลงตกใจกลัวกับท่าทางคุกคามของเขา“คะ...คุณจะทำอะไร” ปัณณธรไม่ตอบคำถาม เขาบีบแก้มเนียนอีกครั้งแล้วส่งนิ้วเรียวสามนิ้วเข้าไปในโพรงปากนุ่ม กวาดไล้เกี่ยวลิ้นเล็กขยับรุกจนอินนัดดาส่ายหน้าด้วยความอึดอัด ยิ่งเขากระทุ้งแรงลึกอย่างจงใจ น้ำตาก็ไหลเอ่อขอบตา หยาดน้ำลายไหลเลอะเปรอะเปื้อนลงเป็นทางยาว อินนัดดาส่ายสะบัดหน้าหนี ชายหนุ่มจึงปล่อยมือบางให้เป็นอิสระ แล้วจับยึดใบหน้างามไว้แน่น ขยับนิ้วรุกรุนแรง มือเล็กจับข้อมือหนาไว้แน่นสลับกับการทุบตีข่วนลำแขนแกร่ง แต่กลับไม่มีผลใดๆให้คนที่
อินนัดดาเก็บตัวอยู่ในห้องจนค่ำ หญิงสาวไม่อยากเจอหน้าอสูรร้าย ไม่อยากเข้าใกล้ เธอล็อกห้องไว้ทั้งๆที่รู้ว่ายังไงเขาก็เข้ามาได้อยู่แล้ว แต่ก็ยังทำ อย่างน้อยก็กั้นเขาไว้ให้ห่างจากเธอได้ชั่วเวลาสักวินาทีก็ยังดี เสียงไขกุญแจกุกกักทำให้อินนัดดาลุกขึ้นนั่ง จ้องมองไปยังบานประตูนิ่ง ยอมรับว่าหวาดกลัวเขา กลัวว่าเขาจะมารังแกอีก“คุณหนูอิน” ป้านวลเปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง อินนัดดาถึงกับปล่อยโฮออกมาทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นป้านวล คนสูงวัยรีบสาวเท้าเดินไปนั่งบนเตียงข้างหญิงสาว อินนัดดาโผเข้ากอดซุกหน้าลงกับอกป้านวล เธอร้องไห้ออกมาโดยไม่อาย มีเพียงป้านวลคนเดียวที่เป็นที่พึ่งให้เธอได้ คนสูงวัยถอนหายใจเฮือกใหญ่ ลูบหัวลูบหลังหญิงสาวในอ้อมกอดอย่างปลอบโยน“ไปทานข้าวเย็นกันนะคะ ป้าเตรียมกับข้าวไว้ให้คุณหนูอินเยอะแยะเลย”“หนูไม่หิวค่ะ” อินนัดดาส่ายหน้าตอบเสียงอูอี้“สำออย!” เสียงดังตวาดอยู่หน้าประตูทำให้หญิงสาวสะดุ้ง เธอรัดร่างอวบของป้านวลแน่นขึ้น“ไปทานข้าวเถอะนะคะ ป้าจะอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าคุณหนูอินจะทานข้าวเสร็จ” ผู้สูงวัยปลอบโยน อินนัดดาเงยหน้าสบตาป้านวล แววตาเอ็นด
“เธอสนิทกับนายชัชชัยมากไหม” จู่ๆคนที่นอนตะแคงหันหลังให้ก็ถามขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย อินนัดดาขยับตัวอย่างระแวดระวัง“ก็สนิทค่ะ อาชัชชัยเป็นสามีอาเพ็ญ เราสามคนอยู่บ้านหลังเดียวกันค่ะ” เธอตอบเสียงสั่นเล็กน้อย ถึงจะเกลียดกลัวเขา แต่การพูดดีๆ ไม่ทำให้ขาโมโห น่าจะดีกว่ากวนโทสะให้เขาโมโห แล้วยกมาเป็นข้ออ้างรังแกตัวเอง“แล้วพี่ชายเธอล่ะ”“เอ่อ...พี่ก้องก็สนิทค่ะ แต่พอพี่ก้องเรียนจบแล้ว ก็ย้ายกลับไปดูแลกิจการที่กระบี่” แววตาอ่อนแสงเมื่อพูดถึงพี่ชายต่างสายเลือดที่คอยดูแลเธอมาตลอด หากพี่ก้องรู้ว่าน้องถูกผู้ชายคนนี้รังแก พี่ก้องจะต้องมาช่วยน้องแน่นอน“แล้วรู้ไหมว่าอาชัชชัยของเธอเป็นคนเลว” อินนัดดาชักสีหน้าในความมืด เรื่องอะไรที่เขาต้องมาว่าผู้มีพระคุณของเธอ ถึงแม้ทั้งอาเพ็ญและอาชัชชัยจะหลอกให้เธอมาแต่งงานกับเขา นั่นก็เพราะเหตุผลทางธุรกิจ หรือจะมีอะไรแอบแฝงอย่างที่มุทิตาเคยเล่าให้ฟัง เธอก็ยังไม่อยากจะเชื่อเท่าไร จนกว่าจะได้ยินจากปากของทั้งสองว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ยังไงเขาก็ไม่มีสิทธิ์มากล่าวหาว่าคนอื่นเลวอินนัดดาเอนตัวลงนอนตะแคงหันหลังให้คนตัวโต หญิงสาวเลื
“อร่อยกว่าแน่นอนค่ะ นังนวลหรือจะมาทำอร่อยเท่านังนิ่ม คุณหนูอินรอทานเลยนะคะ เดี๋ยวป้าจะออกไปซื้อของมาทำให้ทาน”“ค่า” อินนัดดายิ้มประจบ จนป้านิ่มอดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มอิ่มของหญิงสาว“วันนี้ไม่มีงานแล้วนะคะ คุณปัณจะกลับเลยก็ได้นะคะ” ปัณณธรเอนหลังกับพนักเก้าอี้หนังตัวใหญ่ ขายหนุ่มหลับตาลงยกมือขึ้นคลึงขมับเบาๆ“อืม...ขอบคุณมากครับ เดี๋ยวผมจะกลับเลยแล้วกัน” เลขาสาวใหญ่เดินออกจากห้องไปแล้ว ปัณณธรหลับตาลงอีกครั้ง เขาเพลีย...นอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว ทั้งเรื่องงานทั้งเรื่องของคนนอนร่วมเตียง เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ทำให้เขาลืมตาขึ้น ขยับกายนั่งตัวตรงชำเลืองมองโทรศัพท์มือถือทีวางอยู่บนโต๊ะ ชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจอทำให้เขายิ้ม“สวัสดีครับคุณแม่” ปัณณธรทักทายมารดาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าหากแต่เรื่องราวที่ปลายสายระล่ำระลักบอกกล่าวมานั้นทำให้เขาแววตาวาวโรจน์อารมณ์โกรธปะทุขึ้นมาอัดอั้นอยู่เต็มอก หลังจากวางสายเขาตรงดิ่งกลับบ้านทันที เรื่องนี้ต้องมีคนชดใช้ เขาจะไม่ใจอ่อนเหมือนที่ผ่านมาแล้ว ครอบครัวเขาต้องทุกข์ทนอยู่กับความเจ็บปวด ครอบครัวคนที่ทำร้ายน
อินนัดดาส่ายหน้าน้ำตาไหลพราก เธอไม่อยากยอมรับความรู้สึกแบบนี้ ปัณณธรรังแกเธอ แต่เธอกลับมีความรู้สึกซ่านเสียว มันเริ่มขมวดเป็นเกลียวในช่องท้อง ความรู้สึกที่ไม่สามารถควบคุมได้กำลังจะระเบิดพร่าง เธอกำลังถูกฉุดดึงไปยังฟากฟ้าไกล สูงขึ้น สูงขึ้น และในที่สุดเธอก็ถูกปลดปล่อยให้ล่องลอยอย่างไร้จุดหมาย สมองขาวโพลนพร่างพราย ร่างกายเบาหวิวสุขซ่านล้ำลึก ปัณณธรรับรู้อาการของหญิงสาว เขาเร่งโหมสะโพกสอบ โถมร่างกายเข้าหา กอดเกี่ยวร่างบางแนบแน่น กดแช่ลำกายแกร่งครั้งสุดท้าย ปลดปล่อยความร้อนทุกหยาดหยดเข้าสู่ร่างบาง เสียงลมหายใจหอบสะท้านของทั้งสองดังแข่งกับเสียงน้ำกระทบพื้น อินนัดดาสะอื้นตัวสั่นสะท้าน แต่ปัณณธรไม่ได้ใส่ใจอาการนั้นสักนิด ชายหนุ่มปิดก๊อกน้ำ แล้วตวัดร่างบางขึ้นอุ้มขึ้นแนบอก เดินออกจากห้องน้ำทันทีอินนัดดาหวีดร้องเสียงหลง เมื่อถูกทุ่มลงบนที่นอนนุ่ม ร่างใหญ่ทาบทับตามลงมาทันที เธอยังอ่อนแรงจากบทรักในห้องน้ำเมื่อสักครู่ จึงทำได้เพียงใช้มือเล็กทุบตีบ่ากว้าง ดิ้นรนได้เท่าที่แรงมี แต่ปัณณธรไม่ปล่อยให้เธอทำร้ายเขาได้นาน ชายหนุ่มกดข้อมือเล็กทั้งสองไปกับที่นอนนุ่ม นั่งคุกเข่าอยู่กลางกายสาวบังคั
ในเช้าสดใส...ร่างบางพลิกกายไปมาบนเตียงกว้าง สองสัปดาห์แล้วที่เธอเอาแต่เก็บตัวอยู่กับบ้าน นับจากวันที่เธอกลับมาจากบ้านสวนปานรัก มุทิตาผุดลุกขึ้นนั่งถอนหายใจเฮือกใหญ่ หญิงสาวเหลียวมองไปรอบห้องนอนกว้าง บิดาของเธอบอกให้ไปทำงานที่บริษัทปัณณธรกรุ๊ปได้แล้ว แต่เธอยังอิดออด อ้างว่าขอพักผ่อนต่ออีกสักนิด บิดาผู้ตามใจเธอมาแต่ไหนแต่ไร จึงไม่ได้รบเร้าอะไรอีก เสียงเตือนข้อความเข้าของโปรแกรมแชทผ่านโทรศัพท์มือถือดังขึ้น มุทิตาหยิบโทรศัพท์จากโต๊ะข้างหัวเตียง วาดนิ้วเลื่อนอ่านข้อความของกลุ่มเพื่อนสนิท วีว่า:แกเลื่อนมาหลายวันแล้วนะม่อน เจี๊ยบสวยเริ่ด:ใช่ๆ...คืนนี้เลยแก ที่นี่เด็ด มีน:เด็ดยังไงวะ เจี๊ยบสวยเริ่ด:ผู้ชายหล่อเพียบ วีว่า:ผู้ชายหรือเก้งกวาง...เอาให้แน่ เจี๊ยบสวยเริ่ด:ผู้ชายย่ะ มีน:คืนนี้เจอกันนะม่อน อ่านแล้วอย่าเงียบ ตอบ!! มุทิตาพ่นลมหายใจออกยื
“ครับคุณ” มุทิตาโกรธกับท่าทางยียวนของอีกฝ่าย หญิงสาวสะบัดหน้าหนี เอื้อมมือไปเปิดประตูรถอีกครั้ง แต่ก็ถูกต้นตะวันผลักให้ปิดเหมือนเดิม ชายหนุ่มรีบแย่งกุญแจรถมาไว้ในมือพร้อมกับกดล็อกอย่างรวดเร็ว“ไอ้หมอบ้า...ทำอะไรน่ะ ฉันจะกลับบ้านนะ” มุทิตาเงยหน้าสบตาคนตัวโตวาดแว้ดๆ อยากจะโผเข้าไปทุบตีเขาด้วยซ้ำ แต่ก็ยั้งตัวเองไว้ เพราะไม่อยากเข้าใกล้ ไม่ยากสัมผัส แค่เห็นเขาในระยะใกล้หัวใจเธอก็เต้นโครมครามจนน่ากลัว“ม่อน...เราต้องคุยกัน”“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ” มุทิตาสะบัดหน้าหนี“มีสิ เยอะด้วย มานี่” ต้นตะวันจับข้อมือของอีกฝ่ายดึงให้เดินตาม มุทิตาขืนตัวสุดฤทธิ์ หญิงสาวอ้าปากจะตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่ก็ได้แค่อ้าค้างไว้เท่านั้น เพราะนิ้วเรียวที่ชี้หน้าตน สายตาดุดัน และมาพร้อมกับคำขู่ที่ทำให้เธอต้องหุบปากฉับ“อยากให้คนอื่นรู้นักหรือไงว่าเราได้กันแล้ว”ไอ้หมอบ้า จะพูดเสียงดังทำไม มุทิตาถลึงตาใส่คนพูด แล้วกวาดสายตามองรอบกาย ยังดีที่ตอนนี้ยังไม่ใกล้เวลาผับปิด จึงไม่ค่อยมีผู้คนอยู่บริเวณลานจอดรถเท่าไร“คุยกันตรงนี้ก็ได้” หญิงสาวพูดเสียงอ่อนเสียงหวา
หากแต่เมื่อเขาใช้มือใหญ่กดตรึงสะโพกกลมกลึงของตนไว้ และสามีเริ่มส่ายวนบดเบียดช้าๆ หญิงสาวก็หลงลืมตัวขยับรับเขาอย่างรู้งาน ก้องภพหัวเราะเบาๆ เป็นเสียงหัวเราะที่ปานรักรู้ว่าเขาพอใจที่ชักนำเธอให้หลงติดกับดักได้ แต่ก็นั่นแหละ ถึงจะเหนื่อยแค่ไหน เธอก็พร้อมและเต็มใจกระโจนเข้าสู่กับดักของเขาทุกทีสิน่า หญิงสาวหลับตาแน่น ซึมซับความเร่าร้อนที่สาดซัดเข้าสู่ร่างอย่างไม่เกี่ยงงอน เขาต้องการเธอ เธอต้องการเขา ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหนสัมผัสแห่งรักที่มอบให้กันยังจะงดงามอยู่เสมอ เพราะมั่นใจว่าไม่ว่าจะเนิ่นนานเพียงใด หัวใจรักของเขาและเธอก็จะมีเพียงกันและกันตลอดไป“ไง...ไอเสือปัณ ลูกแกมาเกิดหรือยัง” เช้าวันสุดท้ายก่อนเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมของน้องเขย ปัณณธรถูกต้นตะวันแซวถาม ชายหนุ่มตวัดค้อนให้ภรรยาที่นั่งป้อนอาหารเช้าให้บุตรชายอยู่ข้างๆกัน ภายในโซนห้องอาหารริมทะเลแบบเอาท์ดอร์ของโรงแรม“อย่าให้ถึงทีกูนะ ไอ้หมอ” ปัณณธรตอบกลับเพื่อนด้วยเสียงรอดไรฟัน อินนัดดาไม่สนใจสามีนัก ที่จริงเธอไม่ได้กินยาคุมกำเนิดมาตั้งนานแล้ว และประจำเดือนก็ขาดไปสองเดือนแล้ว คุณสามีเธอก็ช่างไม่สังเกตเอาเสียเลย
“ปานนึกว่าพี่ก้องจะพาไปเล่นน้ำทะเลเสียอีก” หญิงสาวจูงมือสามีเดินมานั่งหย่อนขาลงในสระน้ำ“เรื่องอะไรจะให้เมียใส่ชุดแบบนี้ไปโชว์คนอื่น พี่จะเก็บไว้ดูคนเดียวครับ” ปานรักหันมาค้อนให้สามี“ค่า...ขอบคุณมากนะคะพี่ก้อง” ปานรักจุ๊บปากสามีเบาๆ แล้วเคลื่อนตัวลงสระ ก้องภพมองตามยิ้มๆ แล้วเคลื่อนตัวลงไปอยู่ในสระกับภรรยา ชายหนุ่มนั่งอยู่ในส่วนที่ตื้นของสระมองดูภรรยาว่ายโผไปมาอย่างมีความสุข เมื่อตะวันใกล้จะลาลับจากขอบฟ้า เขาก็เรียกภรรยาให้มานั่งซ้อนบนตัก โอบกอดร่างบางไว้อย่างแสนรัก“หิวหรือยังครับ” ปานรักส่ายหน้าแทนคำตอบ“ไม่อยากลงไปทำงานช่วยคุณแม่แล้วเหรอ” เสียงกระเซ้าถามไม่จริงจังทำให้ปานรักเบี่ยงหน้ากลับจิกสายตามองสามี“แล้วใครที่ทำให้ปานต้องมาติดแหง็กอยู่บนนี้ ไม่ได้ลงไปเจอผู้คนเลย ป่านนี้พี่ปัณกับพี่อินกลับหรือยังไม่รู้ ไม่เห็นมีใครโทรหาปานบ้างเลย” ก้องภพหัวเราะในลำคอ ก้มหน้าสบตาภรรยา ยิ้มแพรวพราว“ช่วงเวลาโปรโมชั่นแบบนี้ ไม่มีใครเขาโทรหาคู่แต่งงานข้าวใหม่ปลามันหรอก”“เมื่อก่อนปานคิดว่าพี่ก้องเป็นคนเงียบๆนะคะ”“แล้วตอนนี้ค
“พี่สระผมให้นะครับ” แล้วจะปฏิเสธยังไงล่ะ ปานรักจึงได้แต่พยักหน้ารับ ชายหนุ่มปรนนิบัติเธอราวกับว่าเป็นเจ้าหญิง เขาใส่ใจทุกรายละเอียดของร่างกายเธอ ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไม่มีสักตารางนิ้วที่จะรอดพ้นการลูบไล้ทำความสะอาดให้อย่างใส่ใจ จนเมื่อก้องภพกระซิบเบาๆที่ใบหูเล็ก หญิงสาวจึงลืมตาขึ้น“เรียบร้อยแล้วครับ ทีนี้ก็...เป็นทีของน้องปานอาบให้พี่บ้าง” ปานรักมองค้อน นั่นไงผิดจากที่คิดไว้ซะที่ไหน เขาขยับกายเข้าใกล้ จับมือบางวางทาบบนอกแกร่ง มือเล็กไล้วนอย่างกล้าๆกลัวๆ“โอย...น้องปานครับ” ก้องภพครางกระเส่า จับบ่าบอบบางแน่น ปานรักเงยหน้ามองสามีอย่างไม่เข้าใจ“ปะ...เป็นอะไรคะพี่ก้อง” หญิงสาวคิดว่าเขาอาจจะไม่สบาย เพราะเสียงสั่นและใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาก็แสดงออกมาราวกับว่าเจ็บปวดนักหนา“ไม่ไหวแล้วครับ น้องปานช่วยพี่ด้วยนะครับ” วงแขนแกร่งกอดรัดร่างนุ่มนิ่มแนบอก“ชะ...ช่วยยังไงคะ พี่ก้องปล่อยก่อนค่ะ เป็นอะไรไปคะ” ปานรักถามไถ่อย่างเป็นห่วงเป็นใย ยิ่งตัวเขาสั่นสะท้านแนบตัวเธออยู่อย่างนี้ หญิงสาวก็ใจไม่ดี หรือเขาจะใช้กำลังมากไป ก็เมื่อคืนกวนเธอทั้งคืนกว่าจะได้หลับไ
“อืม...พี่ก้อง พี่ก้อง” ปานรักเงยหน้าครวญครางเรียกชื่อสามีแผ่วเบา ด้วยความซ่านเสียวไปทั้งร่าง ริมฝีปากหยักได้รูป ดูดกลืนยอดอกที่อยู่ตรงหน้าอย่างตะกรุมตะกราม มือใหญ่ขยับสะโพกมนให้เข้ากับจังหวะที่ตนเองแอ่นสะโพกสอดเสยขึ้น จนเมื่อปานรักเริ่มเรียนรู้ที่จะรุกรับอย่างคนหัวไว ก้องภพจึงเคลื่อนมือขึ้นบีบเคล้นอกอวบนุ่มหยุ่นมือ จับฐานอกอวบบีบป้อนเข้าปากตัวเองดูดกลืนขบเม้มอย่างเอาแต่ใจ ลิ้นร้อนไล้วนตวัดรอบเม็ดทับทิมสีหวาน รวบดูดรุนแรง ใบหน้าหล่อเหลากดแนบไปกับอกอวบ ซุกไซ้อย่างหลงใหล“อื้อ...พี่ก้อง” ปานรักโหมสะโพกแรงตามอารมณ์หวามที่ทะยานจนใกล้ถึงปลายทาง หญิงสาวครางแว่วหวาน สลับการการเรียกชื่อสามี ใบหน้างามส่ายสะบัดจนผมยาวสยายเต็มหลัง ก้องภพละมือจากอกอวบ รวบเอวคอดไว้แน่น ขณะที่ทั้งเขาและภรรยาขยับโยกในจังหวะรุกรับรุนแรง ชายหนุ่มซุกใบหน้าลงคลุกเคล้ากับอกอวบดีดเด้งตรงหน้า สูดดมและขบเม้มเบาๆ เพิ่มความเสียวปลาบให้ร่างเล็กจนต้องครวญครางซ้ำ บทเพลงรักบรรเลงไปตามท่วงทำนองร้อนเร่า ต่างเติมเต็มให้กันและกันด้วยไฟปรารถนา“ปานน่ารักที่สุด ที่รักของพี่...อา” ก้องภพเกร็งสะโพกรับการโห
“ไม่เหนื่อยสักนิดครับ แต่คิดถึงเมียแทบขาดใจ” แก้มสาวแดงเรื่อท่ามกลางแสงไฟสลัวภายในห้อง ปานรักจึงพลิกกายนอนตะแคงหันหลังให้ หนีแววตาคมปลาบที่จ้องมองไม่วางตานั้น ก้องภพเอนตัวลงสอดกายลงใต้ผ้าห่มอุ่นผืนเดียวกับภรรยา เขาวาดวงแขนไปโอบกอดร่างเล็กที่นอนหันหลังให้“น้องปานบอกว่าจะตามใจพี่ทุกอย่าง” ปฏิบัติการทวงสัญญาขาหื่นเริ่มขึ้น พูดจบก็เป่าลมร้อนใส่หูเล็ก พร้อมทั้งขบเม้มเบาๆสร้างความปั่นป่วนให้คนที่นอนใจเต้นแรงอยู่อย่างห้ามไม่ได้ ปานรักหดคอเล็กน้อย“ใครสัญญาอะไรหรือคะ ปานไม่เห็นรู้เรื่อง” หญิงสาวอมยิ้มขณะที่ตอบกลับมา“หืมมม...จำไม่ได้จริงๆเหรอ” ก้องภพพลิกกายขึ้นทาบทับภรรยา สบตายตาถามเอาคำตอบ“จำไม่ได้ค่ะ” ปานรักเบี่ยงหน้าหนีไม่กล้าสบสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา กายสาววูบวาบ แก้มนวลร้อนผ่าว“แน่ใจเหรอว่าจำไม่ได้” ขาแกร่งบดเบียดขาเรียวจนแยกกว้าง ก้องภพแทรกตัวเองไปอยู่ระหว่างขาเรียวนั้น บดเบียดความแข็งขึงกับกลางร่างสาว ในนาทีนั้นเองที่ปานรักเพิ่งสังเกตว่าสามีของเธออยู่ในสภาพเปลือยกาย เขาถอดกางเกงออกตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย หญิงสาวทุบบ่ากว้างเบาๆ หันมาสบสาย
เมื่อถึงฤกษ์ส่งตัวเข้าหอ บิดามารดาและญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็พากันกล่าวคำอวยพร และคำอวยพรที่เจ้าสาวต้องหน้าแดงแล้วหน้าแดงอีก เห็นจะหนีไม่พ้น ขอให้มีลูกเร็วๆ และขอให้มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองนั่นแหละ“พ่อฝากน้องด้วยนะก้อง พ่อเชื่อว่าป้องจะดูแลปานแทนพวกเราได้ ขอบใจมากที่ช่วยทำให้ครอบครัวของเรากลับมามีความสุขอีกครั้ง” อานนท์ตบบ่าลูกเขยที่นั่งคู่กับลูกสาวอยู่บนพื้นห้องเบาๆ“ผมสัญญาว่าจะดูแลน้องปานด้วยชีวิตของผมครับ” ก้องภพสบตาผู้สูงวัยกว่าด้วยแววตาแน่วแน่“หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้กันนะลูก” ปรางทิพย์เอ่ยสำทับ คู่บ่าวสาวก้มลงกราบผู้สูงวัยทั้งสองที่ออกจากห้องหอทีหลังสุด ถึงแม้จะเคยอวยพรเคยกล่าวคำฝากฝังลูกสาวมาแล้วในพิธีการครั้งแรก แต่คนเป็นพ่อแม่ก็ยังอยากย้ำอีกครั้ง ด้วยความที่ลูกสาวเจอะเจอเรื่องราวร้ายแรงมา จนแทบไม่ยอมรับรู้เรื่องราวอะไรรอบกาย แต่เพราะผู้ชายใจดีตรงหน้าเฝ้าถนอมและดูแลกันมาจนปานรักหายขาดจากอาการป่วย อานนท์และปรางทิพย์จึงไม่ลังเลสักนิดที่จะยกลูกสาวให้ชายหนุ่มดูแลสองหนุ่มสาวนั่งสบตากันบนพื้นห้องสวีตชั้นสูงสุดของโรงแรม ซึ่งถูกจัดแต่งเป็นห้องหอ อบอ
ก้องภพจับมือนุ่มของภรรยาเดินกล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน ปานรักยิ้มเขินเมื่อถูกเอ่ยแซวจากญาติสนิท แก้มสาวแดงเรื่อแววตาเขินอายสบสายตาสามีเป็นระยะ เขาและเธอเข้าพิธีแต่งงานและจดทะเบียนสมรสกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากวันที่ก้องภพคุกเข่าขอแต่งงานเพียงสองเดือนเท่านั้น พิธีแต่งงานแบบไทยที่เรียบง่ายถูกจัดขึ้นที่บ้านณปาย ตามความประสงค์ของบิดาและมารดาของฝ่ายเจ้าสาว หากแต่มารดาของเจ้าบ่าวอยากจัดพิธีฉลองสมรสที่โรงแรมของตนด้วย สามีภรรยาป้ายแดงจึงต้องทำตามความประสงค์ของมารดาอย่างเลี่ยงไม่ได้“เหนื่อยไหมครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างห่วงใย เจ้าสาวยิ้มหวานส่ายหน้าแทนคำตอบ“คุณแม่เตรียมห้องสวีตไว้ให้ใช้เป็นห้องหอ เมื่อไหร่จะถึงเวลาส่งตัวเข้าหอสักทีนะ” นิ้วเรียวเล็กบิดเบาๆที่เอวของคนถามหาเวลาเข้าหอ สีหน้าเจ็บเกินจริงของเขาช่างหน้าหมั่นไส้นัก“ใจร้าย ทำร้ายร่างกายสามี” ก้องภพโอดเบาๆ“จะมาพูดถึงเวลาเข้าหออะไรตอนนี้ งานเพิ่งเริ่มเองนะคะ”“ก็พี่อยากเข้าหอกับน้องปานแล้วนี่”“บ้า ไม่ใช่เข้าหอครั้งแรกสักหน่อย” แก้มสาวแดงเรื่ออุบอิบเถียงสามี“จะครั้งไหนพี
“พี่รักม่อน พี่รักม่อน” ต้นตะวันถอดถอนกายออกแล้วพลิกร่างภรรยากลับมากอดไว้แน่น บอกรักขณะที่ริมฝีปากทั้งสองอยู่ชิดกัน มุทิตาโอบรอบลำคอหนา ก้มหน้าหนีริมฝีปากช่างจูบเอาแต่ใจนั้น หญิงสาวซุกหน้ากับอกกว้าง รอยยิ้มเปื้อนเต็มดวงหน้าหวาน“ม่อนก็รักพี่หมอค่ะ” มุทิตาบอกรักสามีเสียงหวานคืนนั้นที่เธอตกเป็นของเขา มันไม่ใช่การพลาดพลั้ง แต่มันคือพรหมลิขิตต่างหาก พรหมลิขิตที่ชักนำให้สองหัวใจผูกพัน จนกลายเป็นความรักที่สวยงาม“หลับหรือยังครับที่รัก” ปัณณธรเอนตัวลงนอนเคียงข้างภรรยา แล้วกระซิบถาม อินนัดดาพลิกตัวกลับมายิ้มให้สามี“หลับแล้วค่ะ” นิ้วเรียวดีดหน้าผากมนเบาๆ แต่กระนั้นก็เรียกเสียงโอดโอยจากคนโดนกระทำได้“โอ๊ย! พี่ปัณอ่ะ หนูเจ็บนะ” ปัณณธรยิ้มแล้วจูบหน้าผากมนแผ่วเบา“ก็อินกวนนี่นา” วงแขนแกร่งกอดร่างเล็กแน่น อินนัดดาดิ้นรน เพราะเธอสัมผัสได้ว่าสามีกำลังจะทำมิดีร้ายกับตัวเอง“ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวน้องโปรดตื่น” ปัณณธรหัวเราะเบาๆ“นิดเดียวนะ พี่ใจจะขาด” ชายหนุ่มผละจากร่างนุ่มนิ่ม ลงไปยืนข้างเตียง แล้วดึงผ้าห่มลงไปปูที่พื้นหน้าตาเฉย“พี่ปัณ!” อิ
“ที่จริงบ้านสวนมึงก็มีนะ วันหลังเชิญไปพักที่บ้านตัวเองเลย” ปัณณธรยังไม่วายจิกกัดเพื่อต่อ จึงโดนภรรยาตีที่แขนเบาๆ“พี่ปัณพอแล้วค่ะ คุยกันดีๆไม่เป็นหรือไง”“ใช่ค่ะ เจอกันทีไรก็อย่างนี้ตลอด ทีหลังม่อนจะไม่มาด้วยแล้ว” ต้นตะวันกอดร่างภรรยาแน่นขึ้น โยกตัวช้าๆราวกับจะปลอบใจ“โอ๋ๆ ไม่กัดกันแล้วครับ อย่างอนนะที่รัก” มุทิตาถอนหายใจกับท่าทางเอาใจของสามี เขาไม่เคยอายที่จะสาดความหวานใส่เธอ แต่คนโดนปฏิบัตินี่สิ อายจนไม่รู้จะอายยังไงแล้วหนุ่มสาวสองคู่นั่งคุยกันเรื่อยๆ จนก้องภพและปานรักขึ้นมาสมทบ หนุ่มสาวคู่ใหม่ที่ร่วมโต๊ะ ดูกระอักกระอ่วนใจที่ต้องมานั่งมอง ภาพคู่สามีภรรยาสวีตกันแบบไม่เกรงใจฟ้าดิน อินนัดดากับมุทิตาเกรงใจและหน้าไม่หนาพอเท่าสามี จึงพากันขอตัวเลี่ยงไปดูลูกที่นอนหลับอยู่ในห้อง ก้องภพและปานรักนั่งร่วมโต๊ะอยู่ครู่เดียวก็พากันขอตัวแยกย้ายไปนอน“ไม่น่าเชื่อว่ะ” ต้นตะวันยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นจิบแล้ววางลงที่โต๊ะ“อะไรไม่น่าเชื่อ”“อ้าว...ก็มึงกับอินไง กูเห็นขึ้นต้นแค้นแทบตาย แต่มาลงท้ายว่ารักหมดใจเนี่ย” ปัณณธรหัวเราะชอบใจกับคำพูดของเพื่อน