“อ้อ...ชื่อเพ็ญเหรอ แหม...ชื่อก็เพราะ หน้าตาก็ดี แต่ทำไมไม่มีปัญญาหาผัวเองล่ะ ต้องมาแย่งผัวคนอื่นเขาแบบนี้ นี่...กูจะบอกให้เอาบุญนะ เมียน้อยยังไงก็เป็นเมียน้อยอยู่วันยังค่ำ ต่อให้เมียหลวงเขาตายไปแล้ว แต่มึงไม่มีวันลบคำว่าเมียน้อยออกไปจากชีวิตมึงได้หรอก มันจะกลายเป็นตราบาปว่ามึงไปแย่งผัวเขามา ส่วนลูกมึงก็เป็นแค่ลูกชู้ อย่ามาสำคัญตัวผิด”
“อีอ้อย อีปากหมา เพ็ญอย่าไปฟังมันนะ สำหรับพี่เพ็ญไม่ใช่เมียน้อย เพ็ญคือผู้หญิงคนเดียวที่พี่รัก ส่วนอีปรางพี่ไม่เคยรักมันเลย”
จักรกฤษณ์ออกหน้าปกป้องเมียใหม่อย่างไม่ลืมหูลืมตา ไม่สนกระทั่งว่าตนมางานศพของปรางทิพย์
“ถุย! พูดออกมาได้ ไม่เคยรักพี่กูเลย แต่ดันเอากันจนมีลูกกับพี่กูเนี่ยนะ ใครเชื่อก็โง่ตาย แต่กูขอถามมึงหน่อยเหอะ นี่ไอ้ไม้ มึงเป็นผู้ชายแบบไหน ถึงได้กล้าพาเมียน้อยกับลูกมาในงานศพเมียหลวงแบบนี้ อย่างน้อยพี่ปรางก็เคยเป็นเมียมึงนะ เมียที่อยู่กินกับมึงมาก่อนตั้งแต่มึงยังมีแต่ตัว เมียที่คอยช่วยมึงทำมาหากิน เมียที่ถูกต้องตามกฎหมาย ศพก็ยังไม่ได้เผาตั้งอยู่ทนโท่ กูว่าดีไม่ดีที่พี่ปรางฆ่าตัวตาย ก็เพราะมึงนี่แหละไอ้ไม้ เพราะมึงมีเมียน้อย พี่ปรางเสียใจเลยคิดสั้นฆ่าตัวตาย มึงนี่แหละทำให้พี่กูตาย มึงทำกับพี่กูได้ยังไง พี่ปรางรักมึงมากขนาดไหนมึงยังกล้าทำ” พรพรรณชี้หน้าจักรกฤษณ์โกรธจัดเนื้อตัวสั่นเทา
“ขนาดมางานศพเมียทั้งที พวกมึงยังกล้าใส่ชุดสีแดงมางานเนี่ยนะ แล้วกูก็อยากรู้เหมือนกันว่า อีกะหรี่นี่เป็นผู้หญิงแบบไหนกัน ถึงได้หน้าด้านไร้ยางอาย แย่งผัวเขาไปกกกอดจนมีลูกด้วยกัน มึงก็ยังกล้าอุ้มลูกกระเตงมาเยาะเย้ยศพเขาถึงที่นี่ มึงสองตัวนี่มันช่างเลวระยำสมกันเหมือนผีเน่ากับโลงผุ กูขออวยพรขอให้พวกมึงฉิบหาย ตายตามพี่สาวกูไปอย่างหมาข้างถนนในเร็ววันทีเถอะ” พรพรรณด่ากราดอย่างไม่ไว้หน้า
“อีอ้อย! อีฉิบหาย พี่สาวมึงฆ่าตัวตายเองมาเกี่ยวอะไรกับกู กูไม่ได้ไปฆ่ามันเสียหน่อย ส่วนมึงนะอีอ้อย อีปากหมา อีปากปลาร้า กูไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมึงถึงยังไม่มีผัว ก็เพราะปากมึงเป็นอย่างนี้ไง ผู้ชายที่ไหนเขาจะเอา ไม่มีผู้ชายคนไหนอยากได้ผู้หญิงปากอย่างมึงเอาไปเป็นเมียหรอก ใครได้ไปก็เป็นเสนียดตัวเอง กูจะบอกให้นะ พี่สาวมึง ทั้งขี้เหล้า ทั้งปากหมา อยู่ไปก็ รกหูรกตา ตาย ๆ ไปเสียได้ก็ดี กูจะได้หมดเวรหมดกรรม”
ท้ายประโยคพาดพิงถึงคนตาย ยิ่งทำให้พรพรรณเดือด ปุด ๆ แทบจะถลาเข้าไปตบหากมีคนคอยฉุดห้ามได้ทัน
“ไอ้ไม้! ถ้ามึงจะมาที่นี่เพื่อมาด่าคนตายละก็มึงมาทางไหน ไสหัวไปทางนั้น กูไม่อยากให้คนเสนียดจัญไรอย่างพวกมึงมาเหยียบงานศพของพี่ปราง มึงไปเลยนะไอ้ไม้ ไป๊ ไสหัวไปให้พ้น”
“เออ...กูก็ไม่อยากมาเหยียบงานศพให้เป็นเสนียดติดตีนกูหรอก แต่ที่กูมาเนี่ย กูมาเอาเงินของกูเว้ย อีอ้อย...มึงเอาเงินมาให้กูเดี๋ยวนี้”
จักรกฤษณ์โต้กลับพร้อมกับแบมือทวงเงินพรพรรณดื้อ ๆ ทำให้เธอถึงกับขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
“เงิน! เงินอะไรของมึง กูไม่เคยติดหนี้อะไรมึงจะมาทวงเงินอะไร”
“เงินซองทำบุญงานศพยังไงล่ะ กูเป็นผัวมัน เงินนั่นมันต้องเป็นของกู”
จบประโยค พรพรรณก็แค่นหัวเราะดังลั่นศาลาก่อนจะชี้หน้าคนตรงหน้าอย่างดูถูกดูแคลน
“อ๋อ...ไอ้ไม้ นี่มึงถึงกับหอบลูกเมียมางานศพพี่ปราง เพราะอยากได้เงินคนตายเนี่ยนะ โถ...ไอ้หน้าตัวเมียที่แท้มึงก็ยังไม่ทิ้งสันดานแมงดา ตอนพี่ปรางยังอยู่มึงก็แอบลักเงินของพี่ปรางไปเลี้ยงอีเมียน้อยนี่ อย่าคิดนะว่าพี่ปรางไม่รู้ พี่ปรางรู้และเล่าให้กูฟังหมด นี่พอตอนพี่ปรางตายไปแล้ว แมงดาอย่างมึงก็คงไม่มีปัญญาหาเงินเอง จนต้องมาแบมือขอเงินเป็นขอทานแบบนี้ น่าสมเพช เงินใส่ซองกูจ่ายค่าใช้จ่ายงานศพไปหมดแล้ว และต่อให้มีกูก็ไม่ให้มึงหรอกไอ้แมงดา มึงดูปากกูนะ กู-ไม่-ให้”
“โกหก อีอ้อยมึงโกหก กูไม่เชื่อมึงหรอกว่าเงินจะไม่มี งานศพทั้งที ยังไงมันก็ต้องมีเงินบ้างล่ะวะ อีปรางคนรู้จักมันเยอะจะตาย เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เหลือเงินเลย กูไม่เชื่อ มึงแอบอมเงินงานศพเอาไว้ใช้เองใช่ไหม มึงมันก็เลว อีหน้าเงิน งานศพพี่สาวทั้งคนมึงก็ยังอมเงินเอาได้ มึงอย่าลืมนะ มึงเป็นแค่น้องสาว ก็แค่คนนอก เงินทุกบาททุกสตางค์มันต้องเป็นของกู ผัวอย่างกู ไม่ใช่น้องสาวอย่างมึง” จักรกฤษณ์ประกาศลั่นกลางศาลา
“แหม...ที่อย่างนี้มาลำเลิกความเป็นผัวขึ้นมาเลย แล้วตั้งแต่พี่กูเสียไป มึงหายหัวไปไหนมาล่ะ ถึงได้เพิ่งโผล่หน้ามาเอาตอนนี้ แล้วมาหาว่ากูเป็นคนนอก ได้ในเมื่อมึงเป็นผัว มึงมาก็ดีแล้ว นี่รายการค่าใช้จ่ายงานศพต่าง ๆ มึงก็เป็นคนจ่ายแล้วกัน”
พรพรรณขยำกระดาษรายการค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในมือแล้วปาใส่หน้าพี่เขยเต็มแรง
“อีอ้อย! อีผีเปรตนี่”
จักรกฤษณ์แทบจะถลาพุ่งตัวเข้ามาต่อยพรพรรณ แต่โดนพวกผู้ชายที่เห็นเหตุการณ์เข้ามาจับตัวเอาไว้เสียก่อน“กูไม่ใช่เปรต พวกมึงต่างหาก พวกเปรตขอส่วนบุญ!”พรพรรณด่ากราดอย่างไม่ยอมแพ้ พร้อมกับถลาเข้าไปถีบจักรกฤษณ์จนหงายหลัง ทำให้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายกันชั่วขณะ ก่อนที่ป้าจุจะรีบตะโกนบอกจักรกฤษณ์เสียงดัง“ไอ้ไม้ กูว่ามึงรีบพาเมียน้อยกับลูกมึงกลับไปก่อนเถอะ ถ้าไม่เห็นกับคนตาย ก็คิดเสียว่าเห็นแก่ไอ้รินลูกมึงบ้างเถอะนะ”คำนั้นทำให้คนฟังหันไปมองลูกสาวที่ยืนมองมาน้ำตาไหลพรากอย่างน่าสงสาร แต่ทว่าเขากลับขัดหูขัดตาเมื่อเห็นลูกคนนี้ ราวกับว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ลูกแต่เป็นตัวซวยที่เขาไม่ต้องการ“พี่ไม้ เรากลับกันเถอะนะพี่ ฉันอายเขา”หญิงสาวข้าง ๆ รีบกระซิบบอก เมื่อสายตาของชาวบ้านรอบข้างที่มองมาอย่างดูถูกและหันไปซุบซิบนินทากัน“เออ...วันนี้กูจะกลับไปก่อนก็ได้ คอยดูนะ กูจะต้องกลับมาเอาเงินของกูให้ได้ มึงคอยดูอีอ้อย”เขาชี้หน้าขณะที่ตัวเองรีบพาลูกเมียเดินจากไปอย่างหัวเสีย“แน่จริงมึงอย่าไปสิ ไอ้ไม้ ขี้ขลาดนี่หว่า ไม่แน่จริงนี่หว่าไอ้ไม้”ทันทีที่พรพรรณหลุดจากการฉุดรั้งของป้าจุได้ เธอก็รีบถลาวิ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายท
หลังจากงานศพของปรางทิพย์ พรพรรณจัดการสิ่งต่าง ๆ ให้เรียบร้อย ก่อนพารินรดาย้ายโรงเรียนและมาพักอยู่กับเธอในจังหวัดสมุทรปราการ โดยเธอทำงานที่โรงงานแห่งหนึ่งมีรายได้ไม่มากนัก ทำให้ต้องประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต แม้แต่ห้องเช่าก็มีขนาดเล็กราคาถูก ยิ่งพอรินรดาเข้ามาพักด้วยอีกคน ทำให้ห้องเช่าที่เล็กอยู่แล้วดูคับแคบไปถนัดตาเด็กหญิงมองสำรวจรอบ ๆ ห้อง ทุกสิ่งทุกอย่างดูแปลกตาไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง เตียงขนาด 3 ฟุตตั้งอยู่ริมผนังห้อง ลึกไปด้านหลังมีห้องน้ำเล็ก ๆ และระเบียงด้านหลังอีกนิดหน่อย “ริน เราเหลือกันสองคนแล้วนะลูก น้าจะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้หนูเอง ต่อไปนี้หนูไม่ต้องตื่นตั้งแต่ตีสองมาทำข้าวแกงขายแล้ว ถึงห้องนี้จะคับแคบไปสักหน่อย ไม่ได้กว้างเหมือนบ้านเก่าที่เคยอยู่ แต่ก็อดทนอยู่ไปก่อนนะ หากน้ามีรายได้มากขึ้น เราค่อยขยับขยายกันนะ แต่คงต้องช่วยกันประหยัดสักหน่อย” “น้าอ้อยให้หนูช่วยทำงานหาเงินก็ได้นะจ๊ะ จะได้ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย หนูทำงานได้ น้าอ้อยจะได้ไม่เหนื่อยไง”“เฮ้อ...ตัวแค่นี้รู้จักเป็นห่วงน้าด้วยเหรอเนี่ย”“หนูโตแล้วนะจ๊ะน้า หนูอยากทำงานช่วยน้าหาเงินจ
หลังจากเธอเข้าเรียนมหาวิทยาลัยชั้นปีที่หนึ่ง รินรดาเลือกย้ายมาอยู่หอพักราคาถูกใกล้มหาวิทยาลัยเพื่อสะดวกต่อการเดินทางไปเรียน หลังจากที่กลับมาถึงหอพักก็จะไปรับจ้างทำงานพาร์ตไทม์ที่ร้านสะดวกซื้อ แม้รู้ดีว่างานแบบนี้รายได้ไม่ได้มากมายอะไร แต่เธอก็บอกตัวเองให้อดทนทำต่อไปเพื่ออนาคตที่ดีจนกระทั่งวันหนึ่ง ในขณะที่รินรดากำลังทำงานในร้านสะดวกซื้อก็บังเอิญได้ยินเด็กมัธยมที่เข้ามาซื้อของคุยกับเพื่อนที่มาด้วยว่าต้องการติวสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่มีเงินจำกัดจึงไม่สามารถไปติวในสถาบันกวดวิชาชื่อดังได้ หญิงสาวก็เกิดไอเดียและเสนอตัวช่วยติวให้ แลกเปลี่ยนกับการให้ชวนเพื่อนนักเรียนมาเรียนพิเศษกับเธอ ซึ่งเธอคิดค่าสอนในราคาถูกกว่าคนอื่น ๆ ด้วยเหตุนี้เองหญิงสาวจึงเริ่มมีช่องทางหารายได้เพิ่มอีกหนึ่งงานหลังจากนั้นเป็นต้นมารินรดาต้องจัดสรรเวลาในแต่ละวัน ทั้งเรียน สอนพิเศษ และทำงานพาร์ตไทม์ที่ร้านสะดวกซื้อ โดยที่ไม่ลืมทบทวนบทเรียนในแต่ละวัน ทำให้หญิงสาวได้พักผ่อนเพียงไม่กี่ชั่วโมงคืนหนึ่งขณะที่รินรดากำลังง่วนอยู่กับการอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องพัก ก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้
“แม่ แม่จ๋า...” เด็กหญิงรินรดาในวัยแปดขวบ ส่งเสียงเจื้อยแจ้วบ่งบอกถึงอารมณ์ดีใจตั้งแต่หน้าประตูบ้าน ในมือมีใบแสดงผลการเรียนว่าเธอสอบได้ที่หนึ่งหลังจากใช้ความพยายามตั้งใจเรียนและขยันอ่านหนังสือตลอดเทอมที่ผ่านมา ทั้งที่ตัวเองต้องตื่นตั้งแต่ตีสองครึ่งเพื่อช่วยแม่ทำข้าวแกงไปขายที่ตลาดทุกเช้า ทว่าพอเดินเข้ามาในบ้านก็ต้องแปลกใจ วันนี้บ้านช่องเงียบเชียบผิดปกติไม่มีเสียงแม่ตะโกนด่าทอที่เธอทำเสียงดัง ทั้งหม้อ ถาด อุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งใช้ใส่ข้าวแกงไปขายที่ตลาดก็ยังคงวางระเกะระกะไม่ได้ถูกล้างทำความสะอาดอย่างที่ควรจะเป็น ผิดแผกไปจากทุกวันที่ผ่านมาแม้แต่ขวดเหล้าที่วางบนโต๊ะหน้าโทรทัศน์ก็ยังเหลือทิ้งไว้ครึ่งขวด ยิ่งทำให้รินรดารู้สึกผิดสังเกต เธอมองไปรอบกายด้วยความแปลกใจ ปกติขวดเหล้าเมื่อเปิดขวดแล้วแม่ของเธอจะดื่มหมดในเวลาไม่กี่อึดใจจนป่วยเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง แต่นี่กลับเหลือไว้อะไรบางอย่างทำให้เด็กหญิงเริ่มร้อนใจ เหลียวมองมองผู้เป็นแม่ ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจจะเมาแล้วนอนหลับอยู่ที่ไหนสักแห่งในบ้าน “แม่...” รินรดาพยายามร้องเรียกอีกครั้ง หากก็ไม่มีเสีย
งานศพของปรางทิพย์ถูกจัดขึ้นที่ศาลาวัดแห่งหนึ่งในตัวเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยมีดอกไม้ประดับพอให้เห็นเป็นพิธี แขกเหรื่อที่มางานก็เพียงไม่กี่คน ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนบ้านที่รู้จักมักคุ้นกันกับลูกค้าประจำของร้านข้าวแกงที่อุดหนุนกันจนสนิทสนมส่วนจักรกฤษณ์สามีของผู้ตายซึ่งควรจะเป็นเสาหลักในการจัดการงานศพให้ภรรยาก็เงียบหายไปเป็นอาทิตย์ตั้งแต่ก่อนที่ปรางทิพย์จะเสียชีวิต ไม่มีใครรู้ข่าวหรือติดต่อได้ ทำให้ภาระค่าใช้จ่ายทุกอย่างตกไปที่พรพรรณผู้เป็นน้องสาวที่รีบ ลางานกลับมาพิษณุโลกหลังจากรู้ข่าวร้ายของพี่สาวตัวเอง พรพรรณใช้เงินเก็บที่มีเพียงน้อยนิด รวมกับเงินของเพื่อนบ้านที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือจัดการงานศพด้วยความเวทนาผู้ตายกับลูกสาวตัวน้อยที่จู่ ๆ ต้องกลายมาเป็นเด็กกำพร้าแม่เช่นนี้หลังจากพระสวดอภิธรรมศพเสร็จเรียบร้อย เหลือเพียงแขกในงานไม่กี่คนที่ยังนั่งสนทนากันอยู่บนศาลาวัด รินรดาสวมชุดสีดำเก่า ๆ นั่งมองรูปถ่ายของมารดาที่กำลังส่งยิ้มให้อยู่หน้าโลงศพ แววตาของเด็กหญิงทั้งเศร้าสร้อยและแดงก่ำหลังจากผ่านการร้องไห้มาหลายต่อหลายครั้ง พรพรรณมองหลานสาวอย่างเวทนา ก่อนทรุดตัวลง นั่งข้าง ๆ หากยังไ
พ่อของจักรกฤษณ์เป็นคนจีนส่วนแม่เป็นคนไทย ทางครอบครัวคาดหวังให้เขามีลูกชายไว้สืบสกุล กอปรกับปรางทิพย์ไม่ใช่ผู้หญิงที่พ่อแม่ต้องการให้แต่งงานด้วย การที่เธอมีลูกชายคนแรกจึงเป็นทางเดียวที่จะทำให้ครอบครัวของเขายอมรับได้นอกจากนี้เคยมีหมอดูทำนายดวงปรางทิพย์ไว้ว่า หากเธอได้ลูกชายคนแรก ครอบครัวจะเจริญรุ่งเรืองถึงขั้นเป็นเศรษฐี แต่ถ้าหากเธอมีลูกสาวคนแรกจะนำพาให้ครอบครัวตกต่ำยากจนเข็ญใจ ทั้งสองจึงต้องการให้ลูกคนแรกเป็นผู้ชายเท่านั้นแต่แล้วความฝันก็พังครืน...เมื่อปรางทิพย์คลอดลูกออกมาเป็นผู้หญิง ทั้งที่เธออุ้มท้องลูกแฝด แต่คนที่มีชีวิตรอดกลับมีเพียงรินรดา ขณะที่ฝาแฝดเพศชายเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์สร้างความผิดหวังให้สองสามีภรรยามาก และดูเหมือนว่าคำทำนายของหมอดูก็จะมีเค้าความจริงขึ้นมา เพราะหลังจากที่รินรดาลืมตาดูโลก เธอก็ป่วยกระเสาะกระแสะ ทำให้พ่อแม่ต้องเสียเงินพาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลบ่อยครั้งแม้แต่ปรางทิพย์เอง หลังจากคลอดลูก เธอก็มีอาการป่วยจากภาวะหลังคลอด ทำให้เธอหงุดหงิดจนมีเรื่องทะเลาะกับสามี กอปรกับพ่อแม่ของจักรกฤษณ์เสียชีวิตลงหลังจากรินรดาคลอดได้ไม่นาน เงินทองที่เคยมีก็ร่อยหลอลงไปทุกว
หลังจากเธอเข้าเรียนมหาวิทยาลัยชั้นปีที่หนึ่ง รินรดาเลือกย้ายมาอยู่หอพักราคาถูกใกล้มหาวิทยาลัยเพื่อสะดวกต่อการเดินทางไปเรียน หลังจากที่กลับมาถึงหอพักก็จะไปรับจ้างทำงานพาร์ตไทม์ที่ร้านสะดวกซื้อ แม้รู้ดีว่างานแบบนี้รายได้ไม่ได้มากมายอะไร แต่เธอก็บอกตัวเองให้อดทนทำต่อไปเพื่ออนาคตที่ดีจนกระทั่งวันหนึ่ง ในขณะที่รินรดากำลังทำงานในร้านสะดวกซื้อก็บังเอิญได้ยินเด็กมัธยมที่เข้ามาซื้อของคุยกับเพื่อนที่มาด้วยว่าต้องการติวสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่มีเงินจำกัดจึงไม่สามารถไปติวในสถาบันกวดวิชาชื่อดังได้ หญิงสาวก็เกิดไอเดียและเสนอตัวช่วยติวให้ แลกเปลี่ยนกับการให้ชวนเพื่อนนักเรียนมาเรียนพิเศษกับเธอ ซึ่งเธอคิดค่าสอนในราคาถูกกว่าคนอื่น ๆ ด้วยเหตุนี้เองหญิงสาวจึงเริ่มมีช่องทางหารายได้เพิ่มอีกหนึ่งงานหลังจากนั้นเป็นต้นมารินรดาต้องจัดสรรเวลาในแต่ละวัน ทั้งเรียน สอนพิเศษ และทำงานพาร์ตไทม์ที่ร้านสะดวกซื้อ โดยที่ไม่ลืมทบทวนบทเรียนในแต่ละวัน ทำให้หญิงสาวได้พักผ่อนเพียงไม่กี่ชั่วโมงคืนหนึ่งขณะที่รินรดากำลังง่วนอยู่กับการอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องพัก ก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้
หลังจากงานศพของปรางทิพย์ พรพรรณจัดการสิ่งต่าง ๆ ให้เรียบร้อย ก่อนพารินรดาย้ายโรงเรียนและมาพักอยู่กับเธอในจังหวัดสมุทรปราการ โดยเธอทำงานที่โรงงานแห่งหนึ่งมีรายได้ไม่มากนัก ทำให้ต้องประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต แม้แต่ห้องเช่าก็มีขนาดเล็กราคาถูก ยิ่งพอรินรดาเข้ามาพักด้วยอีกคน ทำให้ห้องเช่าที่เล็กอยู่แล้วดูคับแคบไปถนัดตาเด็กหญิงมองสำรวจรอบ ๆ ห้อง ทุกสิ่งทุกอย่างดูแปลกตาไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง เตียงขนาด 3 ฟุตตั้งอยู่ริมผนังห้อง ลึกไปด้านหลังมีห้องน้ำเล็ก ๆ และระเบียงด้านหลังอีกนิดหน่อย “ริน เราเหลือกันสองคนแล้วนะลูก น้าจะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้หนูเอง ต่อไปนี้หนูไม่ต้องตื่นตั้งแต่ตีสองมาทำข้าวแกงขายแล้ว ถึงห้องนี้จะคับแคบไปสักหน่อย ไม่ได้กว้างเหมือนบ้านเก่าที่เคยอยู่ แต่ก็อดทนอยู่ไปก่อนนะ หากน้ามีรายได้มากขึ้น เราค่อยขยับขยายกันนะ แต่คงต้องช่วยกันประหยัดสักหน่อย” “น้าอ้อยให้หนูช่วยทำงานหาเงินก็ได้นะจ๊ะ จะได้ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย หนูทำงานได้ น้าอ้อยจะได้ไม่เหนื่อยไง”“เฮ้อ...ตัวแค่นี้รู้จักเป็นห่วงน้าด้วยเหรอเนี่ย”“หนูโตแล้วนะจ๊ะน้า หนูอยากทำงานช่วยน้าหาเงินจ
จักรกฤษณ์แทบจะถลาพุ่งตัวเข้ามาต่อยพรพรรณ แต่โดนพวกผู้ชายที่เห็นเหตุการณ์เข้ามาจับตัวเอาไว้เสียก่อน“กูไม่ใช่เปรต พวกมึงต่างหาก พวกเปรตขอส่วนบุญ!”พรพรรณด่ากราดอย่างไม่ยอมแพ้ พร้อมกับถลาเข้าไปถีบจักรกฤษณ์จนหงายหลัง ทำให้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายกันชั่วขณะ ก่อนที่ป้าจุจะรีบตะโกนบอกจักรกฤษณ์เสียงดัง“ไอ้ไม้ กูว่ามึงรีบพาเมียน้อยกับลูกมึงกลับไปก่อนเถอะ ถ้าไม่เห็นกับคนตาย ก็คิดเสียว่าเห็นแก่ไอ้รินลูกมึงบ้างเถอะนะ”คำนั้นทำให้คนฟังหันไปมองลูกสาวที่ยืนมองมาน้ำตาไหลพรากอย่างน่าสงสาร แต่ทว่าเขากลับขัดหูขัดตาเมื่อเห็นลูกคนนี้ ราวกับว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ลูกแต่เป็นตัวซวยที่เขาไม่ต้องการ“พี่ไม้ เรากลับกันเถอะนะพี่ ฉันอายเขา”หญิงสาวข้าง ๆ รีบกระซิบบอก เมื่อสายตาของชาวบ้านรอบข้างที่มองมาอย่างดูถูกและหันไปซุบซิบนินทากัน“เออ...วันนี้กูจะกลับไปก่อนก็ได้ คอยดูนะ กูจะต้องกลับมาเอาเงินของกูให้ได้ มึงคอยดูอีอ้อย”เขาชี้หน้าขณะที่ตัวเองรีบพาลูกเมียเดินจากไปอย่างหัวเสีย“แน่จริงมึงอย่าไปสิ ไอ้ไม้ ขี้ขลาดนี่หว่า ไม่แน่จริงนี่หว่าไอ้ไม้”ทันทีที่พรพรรณหลุดจากการฉุดรั้งของป้าจุได้ เธอก็รีบถลาวิ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายท
“อ้อ...ชื่อเพ็ญเหรอ แหม...ชื่อก็เพราะ หน้าตาก็ดี แต่ทำไมไม่มีปัญญาหาผัวเองล่ะ ต้องมาแย่งผัวคนอื่นเขาแบบนี้ นี่...กูจะบอกให้เอาบุญนะ เมียน้อยยังไงก็เป็นเมียน้อยอยู่วันยังค่ำ ต่อให้เมียหลวงเขาตายไปแล้ว แต่มึงไม่มีวันลบคำว่าเมียน้อยออกไปจากชีวิตมึงได้หรอก มันจะกลายเป็นตราบาปว่ามึงไปแย่งผัวเขามา ส่วนลูกมึงก็เป็นแค่ลูกชู้ อย่ามาสำคัญตัวผิด”“อีอ้อย อีปากหมา เพ็ญอย่าไปฟังมันนะ สำหรับพี่เพ็ญไม่ใช่เมียน้อย เพ็ญคือผู้หญิงคนเดียวที่พี่รัก ส่วนอีปรางพี่ไม่เคยรักมันเลย”จักรกฤษณ์ออกหน้าปกป้องเมียใหม่อย่างไม่ลืมหูลืมตา ไม่สนกระทั่งว่าตนมางานศพของปรางทิพย์ “ถุย! พูดออกมาได้ ไม่เคยรักพี่กูเลย แต่ดันเอากันจนมีลูกกับพี่กูเนี่ยนะ ใครเชื่อก็โง่ตาย แต่กูขอถามมึงหน่อยเหอะ นี่ไอ้ไม้ มึงเป็นผู้ชายแบบไหน ถึงได้กล้าพาเมียน้อยกับลูกมาในงานศพเมียหลวงแบบนี้ อย่างน้อยพี่ปรางก็เคยเป็นเมียมึงนะ เมียที่อยู่กินกับมึงมาก่อนตั้งแต่มึงยังมีแต่ตัว เมียที่คอยช่วยมึงทำมาหากิน เมียที่ถูกต้องตามกฎหมาย ศพก็ยังไม่ได้เผาตั้งอยู่ทนโท่ กูว่าดีไม่ดีที่พี่ปรางฆ่าตัวตาย ก็เพราะมึงนี่แหละไอ้ไม้ เพราะมึงมีเมียน้อย พี่ปรางเสียใจเลยคิด
พ่อของจักรกฤษณ์เป็นคนจีนส่วนแม่เป็นคนไทย ทางครอบครัวคาดหวังให้เขามีลูกชายไว้สืบสกุล กอปรกับปรางทิพย์ไม่ใช่ผู้หญิงที่พ่อแม่ต้องการให้แต่งงานด้วย การที่เธอมีลูกชายคนแรกจึงเป็นทางเดียวที่จะทำให้ครอบครัวของเขายอมรับได้นอกจากนี้เคยมีหมอดูทำนายดวงปรางทิพย์ไว้ว่า หากเธอได้ลูกชายคนแรก ครอบครัวจะเจริญรุ่งเรืองถึงขั้นเป็นเศรษฐี แต่ถ้าหากเธอมีลูกสาวคนแรกจะนำพาให้ครอบครัวตกต่ำยากจนเข็ญใจ ทั้งสองจึงต้องการให้ลูกคนแรกเป็นผู้ชายเท่านั้นแต่แล้วความฝันก็พังครืน...เมื่อปรางทิพย์คลอดลูกออกมาเป็นผู้หญิง ทั้งที่เธออุ้มท้องลูกแฝด แต่คนที่มีชีวิตรอดกลับมีเพียงรินรดา ขณะที่ฝาแฝดเพศชายเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์สร้างความผิดหวังให้สองสามีภรรยามาก และดูเหมือนว่าคำทำนายของหมอดูก็จะมีเค้าความจริงขึ้นมา เพราะหลังจากที่รินรดาลืมตาดูโลก เธอก็ป่วยกระเสาะกระแสะ ทำให้พ่อแม่ต้องเสียเงินพาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลบ่อยครั้งแม้แต่ปรางทิพย์เอง หลังจากคลอดลูก เธอก็มีอาการป่วยจากภาวะหลังคลอด ทำให้เธอหงุดหงิดจนมีเรื่องทะเลาะกับสามี กอปรกับพ่อแม่ของจักรกฤษณ์เสียชีวิตลงหลังจากรินรดาคลอดได้ไม่นาน เงินทองที่เคยมีก็ร่อยหลอลงไปทุกว
งานศพของปรางทิพย์ถูกจัดขึ้นที่ศาลาวัดแห่งหนึ่งในตัวเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยมีดอกไม้ประดับพอให้เห็นเป็นพิธี แขกเหรื่อที่มางานก็เพียงไม่กี่คน ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนบ้านที่รู้จักมักคุ้นกันกับลูกค้าประจำของร้านข้าวแกงที่อุดหนุนกันจนสนิทสนมส่วนจักรกฤษณ์สามีของผู้ตายซึ่งควรจะเป็นเสาหลักในการจัดการงานศพให้ภรรยาก็เงียบหายไปเป็นอาทิตย์ตั้งแต่ก่อนที่ปรางทิพย์จะเสียชีวิต ไม่มีใครรู้ข่าวหรือติดต่อได้ ทำให้ภาระค่าใช้จ่ายทุกอย่างตกไปที่พรพรรณผู้เป็นน้องสาวที่รีบ ลางานกลับมาพิษณุโลกหลังจากรู้ข่าวร้ายของพี่สาวตัวเอง พรพรรณใช้เงินเก็บที่มีเพียงน้อยนิด รวมกับเงินของเพื่อนบ้านที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือจัดการงานศพด้วยความเวทนาผู้ตายกับลูกสาวตัวน้อยที่จู่ ๆ ต้องกลายมาเป็นเด็กกำพร้าแม่เช่นนี้หลังจากพระสวดอภิธรรมศพเสร็จเรียบร้อย เหลือเพียงแขกในงานไม่กี่คนที่ยังนั่งสนทนากันอยู่บนศาลาวัด รินรดาสวมชุดสีดำเก่า ๆ นั่งมองรูปถ่ายของมารดาที่กำลังส่งยิ้มให้อยู่หน้าโลงศพ แววตาของเด็กหญิงทั้งเศร้าสร้อยและแดงก่ำหลังจากผ่านการร้องไห้มาหลายต่อหลายครั้ง พรพรรณมองหลานสาวอย่างเวทนา ก่อนทรุดตัวลง นั่งข้าง ๆ หากยังไ
“แม่ แม่จ๋า...” เด็กหญิงรินรดาในวัยแปดขวบ ส่งเสียงเจื้อยแจ้วบ่งบอกถึงอารมณ์ดีใจตั้งแต่หน้าประตูบ้าน ในมือมีใบแสดงผลการเรียนว่าเธอสอบได้ที่หนึ่งหลังจากใช้ความพยายามตั้งใจเรียนและขยันอ่านหนังสือตลอดเทอมที่ผ่านมา ทั้งที่ตัวเองต้องตื่นตั้งแต่ตีสองครึ่งเพื่อช่วยแม่ทำข้าวแกงไปขายที่ตลาดทุกเช้า ทว่าพอเดินเข้ามาในบ้านก็ต้องแปลกใจ วันนี้บ้านช่องเงียบเชียบผิดปกติไม่มีเสียงแม่ตะโกนด่าทอที่เธอทำเสียงดัง ทั้งหม้อ ถาด อุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งใช้ใส่ข้าวแกงไปขายที่ตลาดก็ยังคงวางระเกะระกะไม่ได้ถูกล้างทำความสะอาดอย่างที่ควรจะเป็น ผิดแผกไปจากทุกวันที่ผ่านมาแม้แต่ขวดเหล้าที่วางบนโต๊ะหน้าโทรทัศน์ก็ยังเหลือทิ้งไว้ครึ่งขวด ยิ่งทำให้รินรดารู้สึกผิดสังเกต เธอมองไปรอบกายด้วยความแปลกใจ ปกติขวดเหล้าเมื่อเปิดขวดแล้วแม่ของเธอจะดื่มหมดในเวลาไม่กี่อึดใจจนป่วยเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง แต่นี่กลับเหลือไว้อะไรบางอย่างทำให้เด็กหญิงเริ่มร้อนใจ เหลียวมองมองผู้เป็นแม่ ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจจะเมาแล้วนอนหลับอยู่ที่ไหนสักแห่งในบ้าน “แม่...” รินรดาพยายามร้องเรียกอีกครั้ง หากก็ไม่มีเสีย