ชายหนุ่มคนหนึ่งรูปร่างสูงเกินกว่ามาตรฐานชายไทย อยู่กำลังมองหาใครสักคนที่บอกว่าจะมารับ ท่ามกลางความวุ่นวายของผู้คนบนอาคารผู้โดยสารขาเข้าในสนามบินสุวรรณภูมิ
“คุณเวหาครับ ทางนี้”
คนถูกเรียกรีบหันไปตามเสียง ภาพชายแต่งตัวสุภาพในวัยที่พึ่งจะเกินเลขสี่ กำลังเดินตรงมาที่เขาอย่างรีบร้อน
“สวัสดีครับ เดินทางเป็นยังไงบ้าง” เขาถามอย่างสุภาพ
“ก็ดีครับ ไม่นึกว่าพี่ธรจะมารับเอง” ชายหนุ่มส่งกระเป๋าให้กับชายคนเดิม
“ท่านประธานให้ผมมาครับ แล้วคุณเวหาจะกลับบ้านไหมครับ”
“ไม่ดีกว่าพี่ธร ผมว่าจะไปโรงพยาบาลก่อน แม่อาการเป็นยังไงบ้าง”
“ดีขึ้นแล้วครับ แต่ท่านบ่นถึงคุณเวหาตลอด”
เวหาหรือเวย์ ถูกเรียกตัวกลับจากต่างประเทศอย่างกะทันหัน เพราะมารดาของเขามีปัญหาสุขภาพ ต้องเข้ารีบการรักษาอย่างเร่งด่วน เวหายังไม่รู้ถึงอาการของมารดามากนัก เขาเลยขอไปที่โรงพยาบาลก่อนจะกลับไปที่บ้าน
เวหาเป็นลูกชายคนเดียวของสิงหลและวราพร เจ้าของบริษัทผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยว และเครื่องดื่มหลากหลายชนิด
ชายหนุ่มถูกส่งตัวไปเรียนที่ต่างประเทศตั้งแต่เรียนจบชั้นประถม 6 จากนั้นก็เรียนอยู่ที่นั่นมาตลอด จะได้กลับเมืองไทยก็แค่ช่วงซัมเมอร์เท่านั้น
เวหาเรียนอยู่ที่นั่นจนจบปริญญาโทด้านการบริการ และได้เข้าทำงานที่บริษัทขนาดใหญ่เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ คิดว่าจะนำความรู้ความสามารถกลับมาช่วยบิดาบริหารบริษัทได้อย่างเต็มที่ในเวลาที่เหมาะสม แต่เขาก็ต้องกลับมาก่อนเวลาที่คิดไว้
อาธร ซึ่งเป็นผู้ช่วยคนสนิทของบิดาพาเวหามายังโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ ซึ่งครอบครัวของเขารู้จักกับเจ้าของโรงพยาบาลเป็นอย่างดี
ประตูลิฟต์เปิดออกอาธรก็เดินนำไปยังห้องพักที่อยู่ริมสุดของชั้นวีไอพี
“คุณเวหาเข้าไปเถอะครับ ท่านรอคุณอยู่” อาธรรู้ว่าเวลานี้คนที่อยู่ในห้องไม่อยากพบหน้าใครนอกจากลูกชายเพียงคนเดียวของเธอเท่านั้น
“ขอบคุณครับพี่ธร จะกลับก่อนก็ได้ เดี๋ยวผมเรียกแท็กซี่กลับเอง”
“ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้ คุณใช้เวลาให้เต็มที่”
“ขอบคุณครับ”
เวหาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะเปิดประตูเข้าไป
“เวย์ มาแล้วเหรอลูก”
วราพรหญิงสาววัย 50 เรียกลูกชาย แม้จะอายุมากแต่ใบหน้าของเธอก็ยังคงสวยงามและดูอ่อนกว่าวัยเนื่องจากได้รับการดูแลอย่างดี จากตัวเธอเองและแพทย์ผิวหนังซึ่งเป็นเพื่อนมาตั้งแต่สมัยเรียน
“สวัสดีครับแม่” ชายหนุ่มยกมือไว้ แล้วเข้าไปสวมกอดด้วยความคิดถึง
“ไหนให้แม่ดูหน่อย ไม่ได้เจอกันเกือบครึ่งปี ผอมไปหรือเปล่า”
“เหมือนเดิมครับ แล้วแม่เป็นยังไงบ้าง ไม่สบายตรงไหน”
เวหามองมารดาอย่างสำรวจ เห็นผ้าพันแผลที่ข้อมือซ้าย เขาจับขึ้นมาดูอย่างเบามือที่สุด
“เจ็บมากไหมครับแม่”
“เจ็บที่แผลมันไม่เท่ากับเจ็บใจหรอกนะเวย์”
“แม่ทำร้ายตัวเองทำไมครับ” เสียงสั่นเครือถามด้วยความเป็นห่วง
“แม่ไม่อยากอยู่แล้ว พ่อของลูกกำลังจะหย่ากับแม่แล้วกลับไปหาอีนางนั่น” เสียงมารดาร้องไห้อย่างไม่อาจกลั้น
เวหามองมารดาแล้วได้แต่กอดปลอบใจ ชายหนุ่มรู้ดีว่าปัญหามันเกิดจากตรงไหนและมันก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว และก็เพราะเหตุผลนี้เขาถึงถูกส่งไปที่อื่นตั้งแต่เด็ก พ่อกับแม่ไม่อยากให้เขาเห็นว่าท่านทั้งสองทะเลาะกันเกือบทุกวัน
“แม่ครับ แม่ต้องอยู่กับผมสิ จะทิ้งผมไปได้ยังไง” เวหาเช็ดคราบน้ำตาให้มารดาอย่างรักใคร่
“เวย์ อย่ากลับไปได้ไหม อยู่กับแม่ที่นี่นะลูก” เธออ้อนวอนลูกชายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ครับแม่ ผมจะไม่กลับไปอีกแล้ว” ใจจริงก็อยากกลับแต่คิดว่าในเวลานี้มารดากำลังต้องการกำลังใจและเขาก็คงไม่ใจร้ายที่จะทิ้งท่านให้อยู่คนเดียวเหมือนที่ผ่านมา
“ดีเลย แม่จะได้ไม่เหงา”
วราพรมีสามีก็เหมือนไม่มีเพราะสิงหลนั้นเอาแต่ทำงาน กว่าจะกลับบ้านก็มืดค่ำทุกวัน พอเธอบ่นเขาก็มักจะโมโหและก็เริ่มทะเลาะกัน
ครั้งนี้เพราะเธอกับสิงหลทะเลาะกันรุนแรงมาก เรื่องราวในอดีตถูกขุดขึ้นมาต่อว่ากันและกัน สิงหลทนไม่ไหวจึงพูดออกมาว่าจะขอหย่า
วราพรทำใจไม่ได้ที่ตัวเองจะถูกทิ้งในวัย 50 เธอจึงกรีดข้อมือตัวเอง จากนั้นสาวใช้ก็ขึ้นไปพบเรียกรถพยาบาลให้มารับ
“แม่นอนพักก่อนนะครับ ผมขอกลับบ้าน ไปอาบน้ำและเอาของไปเก็บก่อน”
“แล้วเวย์จะกลับมาไหม”
“มาสิครับ ผมไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วจะกลับมานอนเฝ้าแม่เองนะครับ”
“แน่จะเวย์” เสียงนั้นฟังดูน่าสงสารจนชายหนุ่มต้องกอดปลอบอีกครั้ง
“ครับแม่ ป้ายุพาครับผมฝากแม่ด้วยนะครับ” เขาหันมาบอกป้ายุพาที่นั่งอยู่มุมหนึ่งของห้อง
“ไม่ต้องห่วงค่ะคุณเวย์ ป้าจะไม่ยอมให้คุณทานคลาดสายตาอีกแล้ว” ป้ายุพาซึ่งเป็นแม่บ้านบอกกับชายหนุ่ม
เวหาออกจากห้องพักของมารดา เขาไปยังเคาน์เตอร์พยาบาลขอทราบอาการผู้ป่วย พยาบาลกำลังจะโทรศัพท์ไปขออนุญาตแพทย์เจ้าของไข้ ระหว่างรอชายหนุ่มจึงเดินวนไปมาที่หน้าเคาน์เตอร์พยาบาล
“เวย์ นั่นเวย์ใช่ไหม” เสียงทักทายดังมาจากนั้นหลัง
“คุณอา สวัสดีครับ” เขารีบยกมือไหว้ผู้ใหญ่ตรงหน้า
“มาเยี่ยมแม่ใช่ไหม ได้เจอกันหรือยัง”
“เจอแล้วครับ คุณอาครับผมอยากคุยด้วยสักหน่อยได้ไหมครับ เรื่องอาการของแม่”
“ได้สิ ไปคุยที่ห้องอานะ”
พอได้คุยกับหมอชลิตถึงอาการของมารดาแล้วแทนที่จะสบายใจ แต่มันไม่ใช่แบบนั้นเลย
เท่าที่ได้ฟังอาการทางกายของมารดาไม่มีปัญหาอะไรมาก แผลที่ข้อมือไม่ลึกถึงเส้นเอ็น แต่ที่น่าเป็นห่วงเป็นปัญหาด้านจิตใจมากกว่า เพราะตอนนี้ดูเหมือนคนไข้จะมีความวิตกกังวลมาก จนบางครั้งก็เหม่อลอย บางครั้งก็ลุกมาอาละวาด หมอเลยต้องให้ยานอนหลับ และยากล่อมประสาทเพื่อให้ท่านสงบลง
“เวย์ต้องคุยกับแม่ให้มาก อย่าให้ท่านอยู่คนเดียว อย่าทำให้ท่านทุกข์ใจ” หมอชลิตที่เป็นทั้งเพื่อนและเจ้าของไข้แนะนำ
“ครับคุณอา ผมขอบคุณแทนคุณแม่ด้วยนะครับ”
“อาทำตามหน้าที่ของอาแล้ว จากนี้ก็อยู่ที่เวย์ ว่าจะเอายังไงต่อ แม่ของเวย์คงเครียดสะสมมานานแต่เพิ่งจะมาแสดงออกตอนนี้คงเพราะมีอะไรมากระตุ้น ถ้าเราช่วยกัน อาการของท่านก็คงจะดีขึ้น”
“ผมต้องทำยังไงบ้างครับ”
“ปัญหาเกิดจากความเครียด เราก็ต้องไม่ทำให้ท่านเครียด ฟังดูเหมือนง่ายนะ แต่มันค่อนข้างยาก เวย์ต้องใจเย็นกับท่านให้มาก อย่าขัดใจท่าน”
“ครับ คุณอา”
เวหากลับมาบ้านด้วยอาการหนักอึ้งไปทั้งตัว ตอนนี้คิดอย่างเดียวว่าจะทำทุกอย่างให้มารดาสบายใจมากที่สุด
“กลับมาแล้วเหรอ”
“ครับพ่อ” เวหาไม่ได้กล่าวทักทายบิดาเพราะยังโกรธที่เขาทำให้แม่ต้องไปนอนที่โรงพยาบาล
“แม่แกเป็นยังไงบ้าง”
“ถ้าพ่ออยากรู้ก็ไปเยี่ยมสิครับ”
“ฉันไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอกนะ”
“แค่ไปเยี่ยมมันจะทำให้พ่อเสียเวลาขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“แกก็น่าจะรู้ว่างานฉันยุ่งมากแค่ไหน แม่แกแค่เรียกร้องความสนใจ”
“พ่อไม่คิดเหรอว่าเพราะพ่อไม่สนใจแม่ เอาแต่ทำงาน แม่เลยเป็นแบบนี้”
“ทุกคนมีหน้าที่ของตัวเอง และฉันคิดว่าฉันทำดีที่สุดแล้ว แกเองก็เหมือนกัน กลับมาคราวนี้ก็ไปเริ่มงานที่บริษัทได้แล้ว”
“ผมมีทางเลือกอื่นไหมครับพ่อ”
“แกเป็นทายาทคนเดียวของฉัน ถ้าแกไม่เข้าไปทำแล้วใครจะทำ แกจะโกรธฉันเรื่องแม่ฉันไม่ว่า แต่ก็ควรแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว ฉันให้เวลาแกอีก 3 วัน”
“ครับ”
เวหารับปากแล้วรีบขึ้นไปยังห้องนอนชั้นสอง ห้องนอนของเขาได้รับการดูแลอย่างดี ของใช้ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้รอการกลับมาของเขา
ชายหนุ่มรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แม้ตอนนี้จะทั้งง่วงทั้งเพลียแต่เขาก็ต้องกลับไปหามารดาที่โรงพยาบาลตามที่ได้สัญญาไว้ เพราะไม่อยากให้ท่านเหงาอยู่คนเดียว แม้จะมีป้ายุพาที่นอนเฝ้าอยู่แล้วก็ตาม
คุณวราพรได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว สีหน้าของเธอดูดีกว่าวันแรกที่เวหามาถึง คงเพราะได้กำลังใจดีจากลูกชาย“แม่ครับ เราแวะทานข้าวก่อนเข้าบ้านดีไหมครับ ผมอยากไปทานร้านที่แม่ชอบพาไป”“ได้สิลูก แม่ก็ไม่ได้ไปร้านนั้นนานแล้วเหมือนกัน”ร้านที่เวหาบอกเป็นร้านอาหารไทยร้านเล็กๆ แต่รสชาติอาหารถูกปากจนต้องไปทานทุกครั้งที่กลับมาเมืองไทย“ลุงกรครับไปร้าน...เลยนะครับ” เวหาบอกคนขับรถซึ่งทำงานให้กับที่บ้านของเขามาตั้งแต่ก่อนที่เขาจะไปเรียนต่างประเทศเวหาสั่งแต่ของโปรดมารดาเพราะอยากให้ท่านทานเยอะ ๆ คุณวราพรดูซูบผอมไปมากจนน่าตกใจ“ทานเยอะ ๆ นะครับแม่ ผมว่าแม่ผอมไปนิด”“จ้ะ มีเวย์ทานกับแม่แบบนี้แม่คงทานได้เยอะกว่าปกติ”“ผมจะทานข้าวกับแม่ทุกมื้อเลยดีไหมครับ”“ดีมากเลยลูก แม่รอวันนี้มานาน วันที่เวย์กลับมาอยู่กับแม่”“ครับแม่ ผมจะไม่ไปไหนอีกแล้ว”“แม่กลับมาอยู่บ้านแล้ว เวย์คงต้องไปทำงานที่บริษัทใช่ไหม”“ครับแม่ ผมจะไปเริ่มงานวันจันทร์”“เรื่องงานแม่ไม่ห่วงเท่าไหร่ แม่รู้ว่าลูกชายแม่เป็นคนมีความสามารถ แต่ที่ห่วงก็พวกคนเก่าๆ อาจไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ เวย์อายุยังน้อย”“แม่อย่ากังวลไปเลย ผมอายุน้อยก็จริงแต่คิดว่า
ห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่เคยว่างเปล่า ตอนนี้เต็มไปด้วยข้าวของกระจัดกระจาย เพราะเจ้าของห้องคนใหม่ไม่มีเวลาที่จะจัดข้าวของเครื่องใช้ให้เข้าที่หลังจากเรียนจบและต้องย้ายออกจากหอพักที่หน้ามหาวิทยาลัย เมญาวีหรือเมยก็ต้องมาเช่าหอพักเล็ก ๆ เท่ารูหนูอยู่ เพราะเธอยังไม่อยากจะกลับไปที่บ้านตามคำชวนของมารดาอันที่จริงแล้วมารดาของเธออยากให้กลับไปหางานทำที่บ้านเกิดแต่เมญาวีอยากลองหางานทำที่กรุงเทพก่อน หญิงสาวเรียนจบปริญญาตรี สาขาบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่งด้วยเกรดที่ไม่ค่อยสูงเท่าไหร่ การหางานจึงยากกว่าเพื่อนคนอื่น แต่เธอก็ไม่ย่อท้อ ไม่ว่าจะมีประกาศรับสมัครที่ไหนหญิงสาวก็ไปยื่นใบสมัครไว้ทุกที่ในแต่ละวันเมญาวีแทบไม่ได้อยู่ห้องเลย ข้าวของเครื่องใช้ที่ย้ายมาจากหอพักจึงยังไม่ถูกเก็บเข้าที่“เมย ให้รินช่วยฝากงานให้ไหม” รินรดาเพื่อนสนิทเพียงของหญิงสาว ทนดูไม่ได้กับสภาพของเพื่อนในตอนนี้“ไม่เป็นไรริน เมยอยากลองหางานด้วยตัวเองก่อน”“นี่มันเดือนหนึ่งแล้วนะ ที่เมยเป็นแบบนี้”“เอาน่า ถ้าเมยไม่ไหวจริง ๆ เมยจะบอกนะ”“แต่ที่รินเห็นมันก็แทบจะไม่ไหวแล้วนะ ได้กินข้าวบ้างหรือเปล่า”“กินสิ”“เหรอแล้วกิน
เมญาวีรีบตื่นแต่งตัวออกจากห้องแต่เช้า วันนี้เธอต้องไปสัมภาษณ์งานที่บริษัทแห่งหนึ่ง หญิงสาวตื่นเต้นกว่าทุกครั้งเพราะบริษัทนี้เป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยวขนาดใหญ่ เธอแอบหวังว่าจะเป็นบริษัทของพี่ชายใจดีคนนั้นนอกจากเธอแล้ววันนี้ยังมีอีกหลายคนที่มาสัมภาษณ์ เมญาวีเริ่มกังวล เพราะดูแต่ละคนที่มานั่งรอนั้นไม่ธรรมดาเลยสักนิด“น้องมาสมัครตำแหน่งอะไรคะ” หญิงสาวท่าทางมั่นใจคนหนึ่งถามหญิงสาวอีกคนที่นั่งติดกับเมญาวี“เลขาค่ะ”“ตำแหน่งเดียวกับพี่เลยนะคะ น้องเคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อนหรือเปล่าคะ”“ค่ะ เคยทำงานกับนายฝรั่งมาหลายปี แต่อยากลองเปลี่ยนเจ้านายดูบ้างก็เลยมาสมัครที่นี่”“เหมือนพี่เลยค่ะ แต่ก่อนพี่ก็ทำงานกับนายญี่ปุ่นค่ะ พอทำนานก็เริ่มเบื่อเหมือนกัน”“ได้ข่าวว่านายญี่ปุ่นค่อนข้างเจ้าระเบียบจริงไหมคะ”“ค่ะ พี่เลยติดนิสัยทำงานเป็นระเบียบมาจากเจ้านายคนก่อน เลยหวังว่ามาที่นี่จะได้รับเลือก”“พี่คะ เราคงต้องแย่งตำแหน่งกันหน่อยแล้วล่ะค่ะ แล้วน้องล่ะคะ มาสมัครตำแหน่งอะไร”“หนูเหรอคะ” เมญาวีที่นั่งฟังเพลินก็ตกใจเมื่ออยู่ก็ถูกถามขึ้น“น้องนั่นแหละ ดูท่าทางแล้วเหมือนจะเพิ่งจบนะคะ”“ค่ะหนูเพิ่งจบ
โปรเจ็กต์ที่เวหาเสนอกับที่ประชุมบริษัทได้รับการอนุมัติแล้ว ชายหนุ่มจึงอยากได้ผู้ช่วยสักคน ซึ่งเขาระบุไว้แล้วว่าคนที่จะมาช่วยงานตนเองนั้นต้องเป็นพนักงานใหม่และไม่เคยมีประสบการณ์เพราะเขาอยากให้คนที่จะมาร่วมงานด้วยเริ่มต้นโปรเจกต์ไปพร้อม ๆ กับเขา“ลูกแน่ใจนะว่าจะไม่เอาคนเก่าของพ่อไปร่วมงาน”“ครับ คนของพ่อก็งานล้นมืออยู่แล้ว”“งั้นก็ตามใจ ลูกใช้ทรัพยากรและงบประมาณของบริษัทได้เต็มที่”“ผมคงใช่เท่าที่เสนอในที่ประชุมนั่นแหละครับ”“อือ พ่อหวังว่าแกจะทำได้สำเร็จ”“ผมก็หวังอย่างนั้น ผมขอตัวก่อนนะครับ อ้อ พ่อครับเย็นนี้อย่าลืมกลับไปทานข้าวกับแม่นะครับ”“อือ”คนเป็นพ่อรับปากแล้วก้มหน้าทำงานต่อ เวหาเดินกลับมายังห้องของตัวเอง โปรเจ็กต์ที่เขากำลังจะเริ่มทำนั้นไม่ได้เป็นเรื่องใหม่เลย เพียงแต่ยังไม่มีใครทำเรื่องนี้อย่างจริงจังเท่านั้นบริษัทของเขาเป็นทั้งผู้ผลิตและจัดจำหน่ายขนมขบเคี้ยวหลากหลายชนิด แต่ที่เขากำลังจะเริ่มทำอย่างจริงจังก็คือขนมขบเคี้ยวที่มีทั้งรสชาติอร่อยและดีต่อสุขภาพ สิ่งที่จะต้องเน้นหนักสำหรับโปรเจ็กต์นี้ก็คือเรื่องของการโฆษณา เพราะคำว่าขนมเพื่อสุขภาพนั้นทำให้คนบางกลุ่มคิดว่ารสชาติของ
เช้าวันจันทร์ที่แสนวุ่นวายเมญาวีตื่นนอนตั้งแต่ตีสี่ เพราะตื่นเต้นที่จะได้ไปทำงานวันแรก หญิงสาวเลือกสวมเสื้อเชิ้ตคอปกสีครีมแขนยาวขนาดพอดีตัว ด้านหน้าแต่งด้วยกระดุมสีเดียวกับตัวเสื้อ ปลายเชิ้ตสอดในกระโปรงเอวสูงแหวกทางด้านหน้าเล็กน้อยความยาวเลยเข่ามาเพียงนิด ดูแล้วเสริมบุคลิกให้ดูคล่องแคล่ว เครื่องประดับมีเพียงนาฬิกาสีเงิน ที่มารดาซื้อให้เป็นของขวัญในวันจบการศึกษาวันนี้เมญาวีแต่งหน้าอ่อนปัดแก้มเพียงนิด เปลือกทาทับด้วยสีพีชดูเป็นธรรมชาติ เรียวปากบางแต่งแต้มด้วยลิปสติกราคาแพงซึ่งรินรดาเป็นคนซื้อมาให้ ผมสีดำขลับถูกรวมเป็นทรงหางม้า ผูกด้วยโบผ้าสีขาวขนาดใหญ่ทำให้ดูเก๋ขึ้นไปอีกนิดมือเรียวเล็กหยิบรองเท้าส้นสูงสี่นิ้วสีดำมาถือไว้ก่อนจะปิดประตูห้องและรีบเดินออกไปรอรถเมล์ที่หน้าปากซอยเพราะกลัวว่าการไปทำงานวันแรกจะสายเธอจึงออกจากห้องพักตั้งแต่ยังไม่หกโมงเช้า มาถึงหน้าบริษัทก็เพิ่งเจ็ดโมงพอดีหญิงสาวเดินไปสำรวจบริเวณใกล้ๆ ว่ามีร้านอาหารอะไรบ้าง เผื่อตอนกลางวันจะได้ลงมาทาน ระหว่างนั้นก็เดินผ่านร้านขายปาท่องโก๋และน้ำเต้าหู้ เธอจึงนั่งลงยังโต๊ะที่ว่าง สั่งน้ำเต้าหู้หนึ่งแก้วและปาท่องโก๋อีกสามตัวเป็น
เกือบหนึ่งเดือนแล้วที่เมญาวีเข้าทำงาน เธอกับเวหาทำงานเข้าขากันดี โปรเจกต์ที่ก็กำลังไปได้สวย ทางโรงงานจะเริ่มต้นผลิตในอีกสามวันข้างหน้า หลังจากนั้นก็จะวางจำหน่ายตามร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป“คุณเวย์คะ วันนี้เมยจะไปที่โรงงานช่วงบ่ายนะคะ” เมญาวีบอกกับเจ้านาย ตอนนี้เธอกับเขาสนิทกันมากขึ้นสรรพนามที่ใช้แทนตัวเองก็เลยเปลี่ยนไป“ผมไปด้วยนะ”“ไม่รู้จะใช้เวลานานไหม เมยกลัวคุณเวย์กลับมาทานอาหารเย็นกับคุณแม่ไม่ทันค่ะ” ตอนนี้เมญาวีรู้แล้วว่าคุณแม่ที่เวหาพูดถึงนั้นเป็นแม่จริง ๆ ไม่ใช่แม่คุณอย่างที่เธอและรินรดาคิดในตอนแรก“ผมคิดว่าทันนะครับ เราไปสองคนช่วยกันทำงานก็น่าจะเสร็จเร็วกว่าคนเดียวนะครับ”“ถ้าคุณเวย์คิดอย่างนั้นก็โอเคค่ะ”“เช้านี้ผมไม่มีงานอะไรแล้วใช่ไหมครับ”“ไม่ค่ะ”“ถ้างั้นเราไปกันตอนนี้เลยไหมครับ ไปหาข้าวกินที่นั่นดีไหมผมอยากกินกุ้งเผาครับ”“ก็ได้ค่ะ คุณเวย์จะไปรถส่วนตัวหรือรถบริษัทคะ”“ผมว่าขับไปเองดีกว่า”พอได้ยินคำคอบของเจ้านายแล้วเมญาวีก็รีบเก็บของบนโต๊ะ เธอไม่ลืมที่จะโทรศัพท์ไปยกเลิกการขอใช้รถของบริษัทที่ตัวเองขอไปเมื่อตอนเช้า รถเอสยูวีคันหรูกำลังทะยานไปบนท้องถนน เ
เมญาวีถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินเพราะร่างกายของเธออ่อนเพลียและมีไข้สูงมาก เวหาเป็นห่วงผู้ช่วยจนนั่งไปติดเขาลืมไปสนิทว่าต้องรีบกลับไปทานข้าวกับมารดาจนท่านโทรมาตาม“แม่ครับ ผมขอโทษ พอดีว่าลูกน้องผมไม่สบายครับ ผมเลยพามาส่งที่โรงพยาบาล”“ส่งแล้วเวย์ก็รีบกลับสิ แม่รอเวย์อยู่นะลูก”“แม่ครับ ผมยังไม่รู้เลยว่าเธอเป็นอะไร ผมอยากคุยกับหมอก่อน”“แค่ลูกน้องป่วย เวย์ทำไมต้องไปเองด้วย เพื่อนหรือญาติของเธอไม่มีหรือไง”“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ”“แล้วเวย์จะกลับตอนไหน แม่ไม่อยากทานข้าวคนเดียว”“คุณหมอออกมาพอดี ผมขอคุยกับคุณหมอก่อนแล้วผมจะรีบกลับนะครับ”“จ้ะ แม่รอนะเวย์”“ครับแม่”หลังทานอาหารเสร็จแล้วเวหาก็รีบให้มารดาทานยาและเข้านอน เขารอจนกระทั่งเธอหลับสนิทชายหนุ่มก็ออกจากบ้านอีกครั้งเวหารีบมายังโรงพยาบาล ตอนนี้เมญาวีได้เข้าพักที่ห้องผู้ป่วยในแล้วชายหนุ่มรู้สึกเป็นห่วงผู้ช่วยอยู่มาก เขาคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอไม่สบาย เพราะเมื่อวานตอนที่หญิงสาวลงจากรถนั้นเธอคงไปเปียกฝนอยู่ไม่น้อย เขาคงเห็นแก่ตัวเกินไปที่ปล่อยให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ต้องหาทางกลับที่พักคนเดียว ถ้าหากเมื่อวานเขาเพียงโทรไปบอกมารดาว่าจ
หลังจากทานข้าวและทานยาแล้วแพทย์เจ้าของไข้ก็เข้ามาตรวจพอดีแพทย์วัยกลางคนแจ้งให้เมญาวีทราบว่าถ้าบ่ายนี้เธอไม่มีไข้ก็คงจะได้กลับบ้านในตอนเย็น“เมยอยู่คนเดียวได้ไหม รินว่าจะลงไปหาอะไรกินหน่อยเริ่มหิวแล้ว” รินรดาที่นั่งอยู่บนเตียงผู้ช่วยพูดขึ้นหลังจากที่ทุกคนออกไปกันหมดแล้ว“ได้สิ แล้วไม่ต้องซื้ออะไรขึ้นมานะ แค่อาหารของโรงพยาบาลเมยก็อิ่มจะแย่แล้ว” “ถ้ารินเจอขนมอะไรที่เมยชอบรินจะซื้อขึ้นมาให้ก็แล้วกันนะ หรือถ้าเมยนึกได้ว่าอยากกินอะไรก็ไลน์ไปบอกนะ” “อือ รีบไปเถอะ เดี๋ยวจะหิวจนเป็นลมเอานะ” “มีอะไรรีบโทรหาเลยนะ อ้อ แล้วถ้าเจ้านายเมยมาบอกเขาด้วยนะว่ารินอยากเจอ” “จ้า”ประตูห้องเปิดออกอีกครั้งแต่คนที่เดินเข้ามาไม่ใช่รินรดาอย่างที่คิด“คุณเวย์” “เป็นยังไงบ้าง สีหน้าดูดีแล้วนี่ ยังปวดหัวอยู่หรือเปล่าแล้วเช้านี้มีไข้ไหม” คนมาใหม่ถามทีเดียวหลายคำถาม “ให้เมยตอบคำถามไหนก่อนดีคะ” “สั้น ๆ เลย ตอนนี้คุณโอเคไหม” “ค่ะ เมยไม่เป็นอะไรแล้ว เช้านี้ไม่มีไข้ ไม่ปวดหัวแล้วค่ะ คุณเวย์ไม่ต้องลำบากมาเยี่ยมก็ได้” เมญาวีดีใจที่เขามาเยี่ยมแ
เสียงดนตรีเพลงคลาสสิกที่กำลังบรรเลงอยู่สร้างความโรแมนติกให้กับคู่รักหลายคู่ในบาร์รูฟท็อปบนโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา เวหากับเมญาวีก็เป็นหนึ่งในคู่รักนั้น วันนี้เป็นวันครบ 3 ปี สำหรับการแต่งงานของทั้งสอง เป็นโอกาสพิเศษที่ทั้งสองคนจะได้อยู่ตามลำพัง เพราะที่ผ่านมาชีวิตของเขาและเธอวุ่นวายอยู่กับการทำงานและเลี้ยงดูลูกน้อยวัยสองขวบ หลังจากแต่งงานได้เพียงสามเดือนเมญาวีก็ตั้งท้องลูกสาวที่แสนน่ารัก เด็กหญิงตัวน้อยมีชื่อว่าน้องข้าวหอมเพราะอยากเลี้ยงลูกเองแต่ก็ต้องทำงานไปด้วย เวหาเลยแบ่งห้องที่ทำงานเป็นห้องสำหรับเด็กหนึ่งห้อง จ้างพี่เลี้ยงมาช่วยดูแลลูกสาวในขณะที่เมญาวีทำงาน พอถึงเวลาเลิกงานทั้งครอบครัวก็กลับไปที่บ้านหลักเล็กซึ่งปลูกอยู่ในรั้วเดียวกับบ้านเดิมของเวหา แต่เพราะวันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานของทั้งสอง เพชรลดาอยากให้ลูกสาวและลูกเขยได้ใช้เวลาช่วงนี้ด้วยกันตามลำพัง เธอจึงมารับหลานสาวและพี่เลี้ยงไปอยู่ที่โคราชชั่วคราว“ร้านนี้บรรยากาศดีเหมือนกันนะคะพี่เวย์ จองยากไหมคะ”“ไม่ยากหรอกครับ พี่แดนจัดการให้” โรงแรมหรูแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งโรงแรมที่เดนิสเพื่อนรุ่นพี่ของ
ภายในห้องนอนยังมืดสนิทแม้จะเป็นเวลาเกือบจะเที่ยงเพราะมีผ้าม่านกันแสงอย่างดี เมญาวียังซุกตัวอยู่กับแผงอกแกร่งของคนรัก เธอเพิ่งได้นอนพักในเวลาเกือบจะหกโมงเข้า แต่เพราะวันนี้เป็นวันเสาร์ทั้งเขาและเธอก็เลยไม่ต้องรีบไปทำอะไรที่ไหน เมื่อคืนเมญาวีตามใจเขามากกว่าทุกครั้งเพราะเห็นว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาชายหนุ่มทำงานอย่างหนักเพื่อบริษัทมาตลอด เมญาวีไม่คิดจะไปเรียนต่อแล้วเพราะไม่อยากห่างจากคนรักแต่เธอก็ยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเวหา หญิงสาวใช้เวลาช่วงที่ไม่ตามคนรักไปบริษัทเรียนรู้งานกับคุณสิงหลที่บ้านหลังใหญ่ของเขา เพราะอยากช่วยงานของเวหาให้ได้มากกว่านี้ พอได้ไปบ้านของเวหาบ่อยขึ้นเมญาวีก็สนิทสนทกับคุณวราพรมารดาของชายหนุ่มมากขึ้นด้วย หญิงสาวจึงรู้ว่าที่ผ่านมาเวหาต้องทำงานอย่างหนักเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้คนในบริษัทและบิดายอมรับในตัวเขา เมญาวีรู้สึกเห็นใจคนรักมากขึ้น บริษัทที่เขาทุ่มเททำงานอย่างหนักให้นั้นอีกส่วนหนึ่งก็เป็นของเธอด้วย การจะไปเรียนและให้เขาทำงานที่นี่ไม่ใช่เรื่องที่คนรักควรทำสักเท่าไหร่ ที่ผ่านมาเธอคิดถึงแต่ตัวเองมาตลอด แม้ตอนแรกเวหา
ระหว่างที่ยังรอวีซ่าซึ่งไม่รู้จะได้เมื่อไหร่ เมญาวีก็ย้ายมาอยู่กับเวหาที่คอนโด แม้ว่ามารดาของเขาจะชวนให้ไปอยู่ที่บ้านด้วยกัน แต่เพราะเวหาอยากมีเวลาส่วนตัวกับคนรักให้มากที่สุด เขาจึงพาเมญาวีไปทานข้าวกับท่านที่บ้านเป็นบางวันเท่านั้น เมญาวีตามเวหาไปที่บริษัทเป็นบางวันเท่านั้น เธอไม่ได้ไปทำงานในตำแหน่งเลขา เพียงแต่ตามไปเพราะเวหาอยากให้หญิงสาวเรียนรู้งานในบริษัท พนักงานส่วนใหญ่ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้เมญวีมีหุ้นอยู่ในบริษัท ทุกคนรู้แค่เพียงว่าเธอเป็นคนรักของเวหาเพียงเท่านั้น ช่วงนี้งานของเวหาค่อนข้างหนักเอาการ แต่งานหนักแค่ไหนเขาก็ไม่เคยบ่น เพราะทันทีที่กลับมาถึงคอนโดมาเจอกับคนรักเขาก็หายเหนื่อยทันที “พี่เวย์ ช่วงนี้งานเยอะเหรอคะ” “ก็เยอะเป็นปกติครับ” “หาเลขาสักคนดีไหม” “ไม่เป็นไรครับพี่ธรก็ยังอยู่ เขาช่วยพี่ได้เยอะ” “ถ้ากลัวว่าเลขาคนใหม่จะทำให้เมยหึงพี่เวย์ก็หาเลขาผู้ชายสิคะ” “เอาไว้ถ้าพี่ธรบ่นว่าเหนื่อยพี่จะให้เขาหาคนมาช่วยนะครับ” “ถ้ารอให้พี่ธรบ่นสงสัยไม่ต้องหาเลขากันแล้วล่ะคะ”เมญา
กลับจากหัวหิน เวหาพาเมญวีมาที่บ้านของตัวเอง เป็นครั้งแรกที่เธอมายังบ้านหลังใหญ่“สวัสดีค่ะแม่” เธอยกมือไหว้และเรียกคุณวราพรว่าแม่อย่างที่เคยเรียก เนื่องจากตอนนี้เธอกับเวหาตกลงจะกลับมาคบกันอย่างเดิมแล้ว“หนูเมย แม่คิดว่าจะไม่ได้เจอหนูแล้ว แม่ขอโทษเรื่องพ่อของหนูด้วย ถ้าแม่ไม่เห็นแก่ตัวหนูคงมีครอบครัวที่อบอุ่น”“อย่าพูดถึงมันเลยค่ะ ที่ผ่านมาเมยก็มีครอบครัวที่อบอุ่น มีแม่กับลุงวัตถ์ เมยไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองขาดอะไร”“หนูไม่โกรธแม่ใช่ไหม”“ไม่ค่ะ เมยคิดว่าเมยกับแม่ก็ต้องขอโทษที่ทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้”“แม่อยากเจอกับแม่ของหนู อยากขอโทษเขาด้วยตัวเองเอง”“ได้สิคะ เอาไว้เมยจะหาเวลาพาแม่มาเยี่ยมนะคะ”“แม่อยากไปหาที่ไร่ เวย์บอกแม่ว่าที่นั่นร่มรื่นมาก แม่อยากไปเที่ยว”“เมยขอถามแม่กับลุงวัตถ์ก่อนนะคะว่าสะดวกวันไหน เพราะบางทีสองคนนั้นก็เข้าไปในไร่ตั้งแต่เช้า ถ้าไม่นัดก่อนก็อาจจะไม่เจอค่ะ”“เอาอย่างนั้นก็ได้ สะดวกตอนไหนหนูก็บอกเวย์นะลูก”“ค่ะแม่”“วันนี้จะค้างที่นี่ไหม แม่จะได้ให้ป้ายุพาจัดห้อง”“ไม่ดีกว่าค่ะ”“เมยรังเกียจครอบครัวของแม่หรือเปล่า”“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ คุณแม่เข้าใจผิดแล้ว วันนี้เมยต
พายุตัณหาสงบลงในเวลาเกือบตีหนึ่ง เวหาเช็ดตัวให้กับเมญาวีเพราะอยากให้เธอนอนสบายตัว จากนั้นก็นอนกอดหญิงสาวคนรักจนถึงสายของอีกวัน “เราจะกลับตอนไหนคะ” เมญวีถามในขณะที่กำลังเริ่มทานอาหารมื้อสายด้วยกัน “คงอีกสักสองวันครับ เมยอยากกลับแล้วเหรอ” “พี่เวย์ขา เมยขอโทรหาแม่ได้ไหมคะ ไม่อยากให้แม่เป็นห่วงนะคะ” พอเธออ้อนเวหาก็ยอมใจอ่อน เขาไปเอากระเป๋าในรถมาให้เธอจากนั้นก็นอนดูทีวีอยู่ที่ห้องรับแขก ส่วนเมญาวีนั้นเดินไปคุยโทรศัพท์ในห้องนอน หญิงสาวกลับออกมาอีกครั้ง เธอนั่งลงข้างเขา พิงศีรษะกับไหล่หนา “แม่ว่ายังไงบ้างครับ” “ไม่ว่าอะไรค่ะ แม่แค่ฝากบอกพี่เวย์ว่าอย่าลืมสัญญา พี่สัญญาอะไรกับแม่คะ” “สัญญาว่าจะดูแลเมยอย่างดีครับ” “แค่นั้นเหรอคะ” “ครับแค่นั้น” เมญาวีคิดว่าต้องมีอะไรมากกว่านั้นแต่เขาไม่ยอมพูด แต่คงไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะถ้าอย่างนั้นมารดาของเธอคงบอกไปแล้ว “เราจะอยู่แต่ในห้องเหรอคะ ไหนว่าพาเมยมาเที่ยวทะเล” “เมยอยากออกไปไหน ถ้าจะไปเล่นน้ำรอตอนเย็นก่อนดีกว่าไ
เมญาวีตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด เธอไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน จำได้แค่ว่ากำลังคุยกับเวหาอยู่ในรถ และเขากำลังจะพาเธอกลับบ้าน เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แล้วก็ต้องตกใจเพราะที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนของ หญิงสาวรีบลุกจากเตียงแล้วเปิดประตูห้องนอนออกไปทันที “เวย์ พาเมยมาที่ไหน เมยอยากกลับบ้าน” “ตื่นแล้วเหรอครับ หิวหรือยัง มานั่งตรงนี้สิพี่สั่งสเต็กปลาของโปรดให้เมยแล้ว” “พี่เวย์คะ เมยบอกกว่าอยากกลับบ้าน” เธอเดินไปยังประตูด้านหน้าแต่พยายามเปิดเท่าไหร่ประตูก็ไม่ขยับ “เปิดประตูให้เมยด้วย เมยจะกลับ” “เดี๋ยวสิเมยคุยกันก่อน” เวหารีบมาดึงตัวคนรักไว้ เขากอดเธอจากด้านหลัง จมูกกดลงไปยังผมสีดำขลับ สูดดมกลิ่นที่คุ้นเคยเข้าเต็มปอด “เราต้องคุยกับให้รู้เรื่องนะครับ” “เมยว่าเราคุยกับรู้เรื่องแล้วนะคะ” เวหาอุ้มคนตัวเล็กมายังโต๊ะทานข้าว กดให้หญิงสาวนั่งลงบนเก้าอี้ขณะที่ตัวเองกักเธอไว้ด้วยสองแขนแกร่ง “พี่ไม่ให้เมยไปเรียน” “เมยจะไป เมยเตรียมตัวเรียนภาษามาตั้งสองเดือน” “เมยจะทิ้งพี่ไปจริ
เมญาวีกลับมาถึงบ้านในเวลาหกโมงเย็น หญิงสาวรีบเข้าไปหามารดาที่กำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่ในครัว เธออยากรู้ว่าหลังจากที่ตัวเองออกไปจากบ้านแล้วสองพ่อลูกคุยอะไรต่อ “แม่ทำอะไรคะหอมจัง” “ต้มข่าไก่จ้ะ ทำไมกลับเร็วนักล่ะลูกไหนว่าจะไปดูหนัง” เพชรลดาแกล้งถามเธอรู้ว่าลูกสาวไม่มีทางออกไปดูหนังกับเพื่อนชายคนนั้นแน่นอน “พอดีจอห์นเขาไม่ว่างค่ะแม่” เมญาวีรีบบอก “วันหลังค่อยนัดกันใหม่ก็ได้ แม่ว่าจอห์นเขาก็น่ารักดีนะ เขาอยู่เมืองไทยมานานหรือยังนะ” “ไม่รู้เหมือนกันค่ะแม่ เมยไม่เคยถาม” ฟังแค่นี้คนเป็นแม่ก็รู้แล้วว่าลูกสาวของตัวเองไม่ได้สนิทสนิทสนมกับเพื่อนใหม่ที่เป็นครูสอนอยู่โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งอย่างที่เจ้าตัวพยายามจะแสดงออก คงเพราะยังไม่ลืมรักครั้งแรก “แม่คะ คุณสิงหลเขาคุยอะไรกับแม่บ้างคะ หลังจากที่เมยไปแล้ว” “ก็เรื่องทั่ว ๆ ไปนั่นแหละ ไม่มีอะไรหรอก” “แม่คงไม่กลับไปคืนดีกับเขาหรอกนะคะ” “ไม่หรอกลูก ถึงเขาจะเป็นพ่อของเมย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแม่ะกลับไปเป็นภรรยาเขานี่ แม่มีลุงวัตถ์แล้ว ตอนนี้แม่ม
วราพรเห็นลูกชายเสียใจ เธอเองก็เสียใจไม่ต่างกัน เธอกำลังสับสน ถ้าเธอเลือกที่จะเก็บทุกอย่างเป็นความลับเวหาก็คงไม่มีความสุข แต่ถ้าเลือกที่จะพูดเวหาจะมองเธอยังไง เขาจะรับเรื่องราวได้ไหม “เวย์ รักหนูเมยมากใช่ไหม” “ผมไม่เคยรักใครแบบนี้มาก่อน แต่มันจำสำคัญยังละครับ ในเมื่อตอนนี้เราเป็นพี่น้องกัน ผมเลวมากใช่ไหมครับที่รักน้องสาวตัวเอง มีอะไรกับน้องสาวตัวเอง” เขาผิดหวังและโกรธตัวเองที่ทำแบบนั้นลงไป “อย่าพูดแบบนั้น” “มันเป็นความจริงนี่ครับแม่ ความจริงที่ทำให้ผมเจ็บ ผมไม่รู้ว่าน้องจะเป็นยังไงบ้าง เธอเป็นคนดีแล้วผมก็ทำลายเธอเองกับมือ” “พอแล้ว เวย์ไม่ต้องพูดแล้ว” วราพรฟังลูกชายพูดแล้วเธอก็ร้องไห้ ในที่สุดคุณวราพรก็ตัดสินใจได้ เธอไม่อยากเห็นเวหาเป็นแบบนี้ เธอไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัวอีกต่อไป เธอเล่าเรื่องราวในอดีตให้กับลูกชายฟังอย่างไม่ปิดบัง ครั้งหนึ่งเธอกับสิงหลรักกันมาก หลังจากแต่งงานสิงหลก็เปิดบริษัท เขาทุ่มเททำงานอย่างหนักเพื่ออยากให้ครอบครัวสุขสบาย จนหลงลืมไปว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่ภรรยาต้องการจากเขาไม่ใช่เงิน
เวหากลับมาตั้งหน้าตั้งตาทำงานอีกครั้ง เขากลายเป็นคนอารมณ์ร้อน จนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้จะมีก็เพียงอาธรที่รับอารมณ์รุนแรงของชายหนุ่มได้สัปดาห์ก่อนอาธรรับเลขามาช่วยงานเวหาคนหนึ่ง แต่เธอก็ทนทำงานกับเวหาได้เพียงแค่สามวันก็ลาออก กลางวันทำงานอย่างเต็มที่ พอตกกลางคืนก็ออกไปดื่มทุกคืน จนเพื่อนต่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเวหากันแน่ เพราะก่อนหน้านั้นเชายหนุ่มไม่เคยเป็นแบบนี้ เขาออกจะมีความสุขมากกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ แม้เพื่อนจะชวนออกมาดื่มหลายครั้งแต่ เวหาก็บอกว่าอยากให้เวลากับมารดาและคนรัก แต่พอถึงตอนนี้ชายหนุ่มกลับทำตรงกันข้าม เขาดื่มหนักทุกวัน “เวย์มีเรื่องอะไรไม่สบายใจเล่าให้พี่ฟังได้นะ” เดนิสที่นั่งดื่มกับเวหาอดไม่ได้ที่จะถามเพื่อนรุ่นน้อง “ไม่มีอะไรหรอกพี่ แค่อยากดื่ม” “มันต้องมีอะไรสิ ถ้าอย่างนั้นนายคงไม่ดื่มหนักอย่างนี้หรอก ไหนว่าแม่อาการดีขึ้นแล้วกลับบ้านได้แล้ว ถ้าให้พี่เดาก็คงเป็นเรื่องแฟนใช่ไหม” เวหาพยักหน้าพลางกระดกแก้วในมือสาดน้ำสีอำพันเข้าไปในปากทีเดียวจนหมดแล้ว “เล่าให้ฟังได้ไหม เผื่อจะรู้สึกดีขึ้น” เวหาไม่