ชายหนุ่มคนหนึ่งรูปร่างสูงเกินกว่ามาตรฐานชายไทย อยู่กำลังมองหาใครสักคนที่บอกว่าจะมารับ ท่ามกลางความวุ่นวายของผู้คนบนอาคารผู้โดยสารขาเข้าในสนามบินสุวรรณภูมิ
“คุณเวหาครับ ทางนี้”
คนถูกเรียกรีบหันไปตามเสียง ภาพชายแต่งตัวสุภาพในวัยที่พึ่งจะเกินเลขสี่ กำลังเดินตรงมาที่เขาอย่างรีบร้อน
“สวัสดีครับ เดินทางเป็นยังไงบ้าง” เขาถามอย่างสุภาพ
“ก็ดีครับ ไม่นึกว่าพี่ธรจะมารับเอง” ชายหนุ่มส่งกระเป๋าให้กับชายคนเดิม
“ท่านประธานให้ผมมาครับ แล้วคุณเวหาจะกลับบ้านไหมครับ”
“ไม่ดีกว่าพี่ธร ผมว่าจะไปโรงพยาบาลก่อน แม่อาการเป็นยังไงบ้าง”
“ดีขึ้นแล้วครับ แต่ท่านบ่นถึงคุณเวหาตลอด”
เวหาหรือเวย์ ถูกเรียกตัวกลับจากต่างประเทศอย่างกะทันหัน เพราะมารดาของเขามีปัญหาสุขภาพ ต้องเข้ารีบการรักษาอย่างเร่งด่วน เวหายังไม่รู้ถึงอาการของมารดามากนัก เขาเลยขอไปที่โรงพยาบาลก่อนจะกลับไปที่บ้าน
เวหาเป็นลูกชายคนเดียวของสิงหลและวราพร เจ้าของบริษัทผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยว และเครื่องดื่มหลากหลายชนิด
ชายหนุ่มถูกส่งตัวไปเรียนที่ต่างประเทศตั้งแต่เรียนจบชั้นประถม 6 จากนั้นก็เรียนอยู่ที่นั่นมาตลอด จะได้กลับเมืองไทยก็แค่ช่วงซัมเมอร์เท่านั้น
เวหาเรียนอยู่ที่นั่นจนจบปริญญาโทด้านการบริการ และได้เข้าทำงานที่บริษัทขนาดใหญ่เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ คิดว่าจะนำความรู้ความสามารถกลับมาช่วยบิดาบริหารบริษัทได้อย่างเต็มที่ในเวลาที่เหมาะสม แต่เขาก็ต้องกลับมาก่อนเวลาที่คิดไว้
อาธร ซึ่งเป็นผู้ช่วยคนสนิทของบิดาพาเวหามายังโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ ซึ่งครอบครัวของเขารู้จักกับเจ้าของโรงพยาบาลเป็นอย่างดี
ประตูลิฟต์เปิดออกอาธรก็เดินนำไปยังห้องพักที่อยู่ริมสุดของชั้นวีไอพี
“คุณเวหาเข้าไปเถอะครับ ท่านรอคุณอยู่” อาธรรู้ว่าเวลานี้คนที่อยู่ในห้องไม่อยากพบหน้าใครนอกจากลูกชายเพียงคนเดียวของเธอเท่านั้น
“ขอบคุณครับพี่ธร จะกลับก่อนก็ได้ เดี๋ยวผมเรียกแท็กซี่กลับเอง”
“ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้ คุณใช้เวลาให้เต็มที่”
“ขอบคุณครับ”
เวหาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะเปิดประตูเข้าไป
“เวย์ มาแล้วเหรอลูก”
วราพรหญิงสาววัย 50 เรียกลูกชาย แม้จะอายุมากแต่ใบหน้าของเธอก็ยังคงสวยงามและดูอ่อนกว่าวัยเนื่องจากได้รับการดูแลอย่างดี จากตัวเธอเองและแพทย์ผิวหนังซึ่งเป็นเพื่อนมาตั้งแต่สมัยเรียน
“สวัสดีครับแม่” ชายหนุ่มยกมือไว้ แล้วเข้าไปสวมกอดด้วยความคิดถึง
“ไหนให้แม่ดูหน่อย ไม่ได้เจอกันเกือบครึ่งปี ผอมไปหรือเปล่า”
“เหมือนเดิมครับ แล้วแม่เป็นยังไงบ้าง ไม่สบายตรงไหน”
เวหามองมารดาอย่างสำรวจ เห็นผ้าพันแผลที่ข้อมือซ้าย เขาจับขึ้นมาดูอย่างเบามือที่สุด
“เจ็บมากไหมครับแม่”
“เจ็บที่แผลมันไม่เท่ากับเจ็บใจหรอกนะเวย์”
“แม่ทำร้ายตัวเองทำไมครับ” เสียงสั่นเครือถามด้วยความเป็นห่วง
“แม่ไม่อยากอยู่แล้ว พ่อของลูกกำลังจะหย่ากับแม่แล้วกลับไปหาอีนางนั่น” เสียงมารดาร้องไห้อย่างไม่อาจกลั้น
เวหามองมารดาแล้วได้แต่กอดปลอบใจ ชายหนุ่มรู้ดีว่าปัญหามันเกิดจากตรงไหนและมันก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว และก็เพราะเหตุผลนี้เขาถึงถูกส่งไปที่อื่นตั้งแต่เด็ก พ่อกับแม่ไม่อยากให้เขาเห็นว่าท่านทั้งสองทะเลาะกันเกือบทุกวัน
“แม่ครับ แม่ต้องอยู่กับผมสิ จะทิ้งผมไปได้ยังไง” เวหาเช็ดคราบน้ำตาให้มารดาอย่างรักใคร่
“เวย์ อย่ากลับไปได้ไหม อยู่กับแม่ที่นี่นะลูก” เธออ้อนวอนลูกชายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ครับแม่ ผมจะไม่กลับไปอีกแล้ว” ใจจริงก็อยากกลับแต่คิดว่าในเวลานี้มารดากำลังต้องการกำลังใจและเขาก็คงไม่ใจร้ายที่จะทิ้งท่านให้อยู่คนเดียวเหมือนที่ผ่านมา
“ดีเลย แม่จะได้ไม่เหงา”
วราพรมีสามีก็เหมือนไม่มีเพราะสิงหลนั้นเอาแต่ทำงาน กว่าจะกลับบ้านก็มืดค่ำทุกวัน พอเธอบ่นเขาก็มักจะโมโหและก็เริ่มทะเลาะกัน
ครั้งนี้เพราะเธอกับสิงหลทะเลาะกันรุนแรงมาก เรื่องราวในอดีตถูกขุดขึ้นมาต่อว่ากันและกัน สิงหลทนไม่ไหวจึงพูดออกมาว่าจะขอหย่า
วราพรทำใจไม่ได้ที่ตัวเองจะถูกทิ้งในวัย 50 เธอจึงกรีดข้อมือตัวเอง จากนั้นสาวใช้ก็ขึ้นไปพบเรียกรถพยาบาลให้มารับ
“แม่นอนพักก่อนนะครับ ผมขอกลับบ้าน ไปอาบน้ำและเอาของไปเก็บก่อน”
“แล้วเวย์จะกลับมาไหม”
“มาสิครับ ผมไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วจะกลับมานอนเฝ้าแม่เองนะครับ”
“แน่จะเวย์” เสียงนั้นฟังดูน่าสงสารจนชายหนุ่มต้องกอดปลอบอีกครั้ง
“ครับแม่ ป้ายุพาครับผมฝากแม่ด้วยนะครับ” เขาหันมาบอกป้ายุพาที่นั่งอยู่มุมหนึ่งของห้อง
“ไม่ต้องห่วงค่ะคุณเวย์ ป้าจะไม่ยอมให้คุณทานคลาดสายตาอีกแล้ว” ป้ายุพาซึ่งเป็นแม่บ้านบอกกับชายหนุ่ม
เวหาออกจากห้องพักของมารดา เขาไปยังเคาน์เตอร์พยาบาลขอทราบอาการผู้ป่วย พยาบาลกำลังจะโทรศัพท์ไปขออนุญาตแพทย์เจ้าของไข้ ระหว่างรอชายหนุ่มจึงเดินวนไปมาที่หน้าเคาน์เตอร์พยาบาล
“เวย์ นั่นเวย์ใช่ไหม” เสียงทักทายดังมาจากนั้นหลัง
“คุณอา สวัสดีครับ” เขารีบยกมือไหว้ผู้ใหญ่ตรงหน้า
“มาเยี่ยมแม่ใช่ไหม ได้เจอกันหรือยัง”
“เจอแล้วครับ คุณอาครับผมอยากคุยด้วยสักหน่อยได้ไหมครับ เรื่องอาการของแม่”
“ได้สิ ไปคุยที่ห้องอานะ”
พอได้คุยกับหมอชลิตถึงอาการของมารดาแล้วแทนที่จะสบายใจ แต่มันไม่ใช่แบบนั้นเลย
เท่าที่ได้ฟังอาการทางกายของมารดาไม่มีปัญหาอะไรมาก แผลที่ข้อมือไม่ลึกถึงเส้นเอ็น แต่ที่น่าเป็นห่วงเป็นปัญหาด้านจิตใจมากกว่า เพราะตอนนี้ดูเหมือนคนไข้จะมีความวิตกกังวลมาก จนบางครั้งก็เหม่อลอย บางครั้งก็ลุกมาอาละวาด หมอเลยต้องให้ยานอนหลับ และยากล่อมประสาทเพื่อให้ท่านสงบลง
“เวย์ต้องคุยกับแม่ให้มาก อย่าให้ท่านอยู่คนเดียว อย่าทำให้ท่านทุกข์ใจ” หมอชลิตที่เป็นทั้งเพื่อนและเจ้าของไข้แนะนำ
“ครับคุณอา ผมขอบคุณแทนคุณแม่ด้วยนะครับ”
“อาทำตามหน้าที่ของอาแล้ว จากนี้ก็อยู่ที่เวย์ ว่าจะเอายังไงต่อ แม่ของเวย์คงเครียดสะสมมานานแต่เพิ่งจะมาแสดงออกตอนนี้คงเพราะมีอะไรมากระตุ้น ถ้าเราช่วยกัน อาการของท่านก็คงจะดีขึ้น”
“ผมต้องทำยังไงบ้างครับ”
“ปัญหาเกิดจากความเครียด เราก็ต้องไม่ทำให้ท่านเครียด ฟังดูเหมือนง่ายนะ แต่มันค่อนข้างยาก เวย์ต้องใจเย็นกับท่านให้มาก อย่าขัดใจท่าน”
“ครับ คุณอา”
เวหากลับมาบ้านด้วยอาการหนักอึ้งไปทั้งตัว ตอนนี้คิดอย่างเดียวว่าจะทำทุกอย่างให้มารดาสบายใจมากที่สุด
“กลับมาแล้วเหรอ”
“ครับพ่อ” เวหาไม่ได้กล่าวทักทายบิดาเพราะยังโกรธที่เขาทำให้แม่ต้องไปนอนที่โรงพยาบาล
“แม่แกเป็นยังไงบ้าง”
“ถ้าพ่ออยากรู้ก็ไปเยี่ยมสิครับ”
“ฉันไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอกนะ”
“แค่ไปเยี่ยมมันจะทำให้พ่อเสียเวลาขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“แกก็น่าจะรู้ว่างานฉันยุ่งมากแค่ไหน แม่แกแค่เรียกร้องความสนใจ”
“พ่อไม่คิดเหรอว่าเพราะพ่อไม่สนใจแม่ เอาแต่ทำงาน แม่เลยเป็นแบบนี้”
“ทุกคนมีหน้าที่ของตัวเอง และฉันคิดว่าฉันทำดีที่สุดแล้ว แกเองก็เหมือนกัน กลับมาคราวนี้ก็ไปเริ่มงานที่บริษัทได้แล้ว”
“ผมมีทางเลือกอื่นไหมครับพ่อ”
“แกเป็นทายาทคนเดียวของฉัน ถ้าแกไม่เข้าไปทำแล้วใครจะทำ แกจะโกรธฉันเรื่องแม่ฉันไม่ว่า แต่ก็ควรแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว ฉันให้เวลาแกอีก 3 วัน”
“ครับ”
เวหารับปากแล้วรีบขึ้นไปยังห้องนอนชั้นสอง ห้องนอนของเขาได้รับการดูแลอย่างดี ของใช้ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้รอการกลับมาของเขา
ชายหนุ่มรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แม้ตอนนี้จะทั้งง่วงทั้งเพลียแต่เขาก็ต้องกลับไปหามารดาที่โรงพยาบาลตามที่ได้สัญญาไว้ เพราะไม่อยากให้ท่านเหงาอยู่คนเดียว แม้จะมีป้ายุพาที่นอนเฝ้าอยู่แล้วก็ตาม
คุณวราพรได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว สีหน้าของเธอดูดีกว่าวันแรกที่เวหามาถึง คงเพราะได้กำลังใจดีจากลูกชาย“แม่ครับ เราแวะทานข้าวก่อนเข้าบ้านดีไหมครับ ผมอยากไปทานร้านที่แม่ชอบพาไป”“ได้สิลูก แม่ก็ไม่ได้ไปร้านนั้นนานแล้วเหมือนกัน”ร้านที่เวหาบอกเป็นร้านอาหารไทยร้านเล็กๆ แต่รสชาติอาหารถูกปากจนต้องไปทานทุกครั้งที่กลับมาเมืองไทย“ลุงกรครับไปร้าน...เลยนะครับ” เวหาบอกคนขับรถซึ่งทำงานให้กับที่บ้านของเขามาตั้งแต่ก่อนที่เขาจะไปเรียนต่างประเทศเวหาสั่งแต่ของโปรดมารดาเพราะอยากให้ท่านทานเยอะ ๆ คุณวราพรดูซูบผอมไปมากจนน่าตกใจ“ทานเยอะ ๆ นะครับแม่ ผมว่าแม่ผอมไปนิด”“จ้ะ มีเวย์ทานกับแม่แบบนี้แม่คงทานได้เยอะกว่าปกติ”“ผมจะทานข้าวกับแม่ทุกมื้อเลยดีไหมครับ”“ดีมากเลยลูก แม่รอวันนี้มานาน วันที่เวย์กลับมาอยู่กับแม่”“ครับแม่ ผมจะไม่ไปไหนอีกแล้ว”“แม่กลับมาอยู่บ้านแล้ว เวย์คงต้องไปทำงานที่บริษัทใช่ไหม”“ครับแม่ ผมจะไปเริ่มงานวันจันทร์”“เรื่องงานแม่ไม่ห่วงเท่าไหร่ แม่รู้ว่าลูกชายแม่เป็นคนมีความสามารถ แต่ที่ห่วงก็พวกคนเก่าๆ อาจไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ เวย์อายุยังน้อย”“แม่อย่ากังวลไปเลย ผมอายุน้อยก็จริงแต่คิดว่า
ห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่เคยว่างเปล่า ตอนนี้เต็มไปด้วยข้าวของกระจัดกระจาย เพราะเจ้าของห้องคนใหม่ไม่มีเวลาที่จะจัดข้าวของเครื่องใช้ให้เข้าที่หลังจากเรียนจบและต้องย้ายออกจากหอพักที่หน้ามหาวิทยาลัย เมญาวีหรือเมยก็ต้องมาเช่าหอพักเล็ก ๆ เท่ารูหนูอยู่ เพราะเธอยังไม่อยากจะกลับไปที่บ้านตามคำชวนของมารดาอันที่จริงแล้วมารดาของเธออยากให้กลับไปหางานทำที่บ้านเกิดแต่เมญาวีอยากลองหางานทำที่กรุงเทพก่อน หญิงสาวเรียนจบปริญญาตรี สาขาบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่งด้วยเกรดที่ไม่ค่อยสูงเท่าไหร่ การหางานจึงยากกว่าเพื่อนคนอื่น แต่เธอก็ไม่ย่อท้อ ไม่ว่าจะมีประกาศรับสมัครที่ไหนหญิงสาวก็ไปยื่นใบสมัครไว้ทุกที่ในแต่ละวันเมญาวีแทบไม่ได้อยู่ห้องเลย ข้าวของเครื่องใช้ที่ย้ายมาจากหอพักจึงยังไม่ถูกเก็บเข้าที่“เมย ให้รินช่วยฝากงานให้ไหม” รินรดาเพื่อนสนิทเพียงของหญิงสาว ทนดูไม่ได้กับสภาพของเพื่อนในตอนนี้“ไม่เป็นไรริน เมยอยากลองหางานด้วยตัวเองก่อน”“นี่มันเดือนหนึ่งแล้วนะ ที่เมยเป็นแบบนี้”“เอาน่า ถ้าเมยไม่ไหวจริง ๆ เมยจะบอกนะ”“แต่ที่รินเห็นมันก็แทบจะไม่ไหวแล้วนะ ได้กินข้าวบ้างหรือเปล่า”“กินสิ”“เหรอแล้วกิน
เมญาวีรีบตื่นแต่งตัวออกจากห้องแต่เช้า วันนี้เธอต้องไปสัมภาษณ์งานที่บริษัทแห่งหนึ่ง หญิงสาวตื่นเต้นกว่าทุกครั้งเพราะบริษัทนี้เป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยวขนาดใหญ่ เธอแอบหวังว่าจะเป็นบริษัทของพี่ชายใจดีคนนั้นนอกจากเธอแล้ววันนี้ยังมีอีกหลายคนที่มาสัมภาษณ์ เมญาวีเริ่มกังวล เพราะดูแต่ละคนที่มานั่งรอนั้นไม่ธรรมดาเลยสักนิด“น้องมาสมัครตำแหน่งอะไรคะ” หญิงสาวท่าทางมั่นใจคนหนึ่งถามหญิงสาวอีกคนที่นั่งติดกับเมญาวี“เลขาค่ะ”“ตำแหน่งเดียวกับพี่เลยนะคะ น้องเคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อนหรือเปล่าคะ”“ค่ะ เคยทำงานกับนายฝรั่งมาหลายปี แต่อยากลองเปลี่ยนเจ้านายดูบ้างก็เลยมาสมัครที่นี่”“เหมือนพี่เลยค่ะ แต่ก่อนพี่ก็ทำงานกับนายญี่ปุ่นค่ะ พอทำนานก็เริ่มเบื่อเหมือนกัน”“ได้ข่าวว่านายญี่ปุ่นค่อนข้างเจ้าระเบียบจริงไหมคะ”“ค่ะ พี่เลยติดนิสัยทำงานเป็นระเบียบมาจากเจ้านายคนก่อน เลยหวังว่ามาที่นี่จะได้รับเลือก”“พี่คะ เราคงต้องแย่งตำแหน่งกันหน่อยแล้วล่ะค่ะ แล้วน้องล่ะคะ มาสมัครตำแหน่งอะไร”“หนูเหรอคะ” เมญาวีที่นั่งฟังเพลินก็ตกใจเมื่ออยู่ก็ถูกถามขึ้น“น้องนั่นแหละ ดูท่าทางแล้วเหมือนจะเพิ่งจบนะคะ”“ค่ะหนูเพิ่งจบ
โปรเจ็กต์ที่เวหาเสนอกับที่ประชุมบริษัทได้รับการอนุมัติแล้ว ชายหนุ่มจึงอยากได้ผู้ช่วยสักคน ซึ่งเขาระบุไว้แล้วว่าคนที่จะมาช่วยงานตนเองนั้นต้องเป็นพนักงานใหม่และไม่เคยมีประสบการณ์เพราะเขาอยากให้คนที่จะมาร่วมงานด้วยเริ่มต้นโปรเจกต์ไปพร้อม ๆ กับเขา“ลูกแน่ใจนะว่าจะไม่เอาคนเก่าของพ่อไปร่วมงาน”“ครับ คนของพ่อก็งานล้นมืออยู่แล้ว”“งั้นก็ตามใจ ลูกใช้ทรัพยากรและงบประมาณของบริษัทได้เต็มที่”“ผมคงใช่เท่าที่เสนอในที่ประชุมนั่นแหละครับ”“อือ พ่อหวังว่าแกจะทำได้สำเร็จ”“ผมก็หวังอย่างนั้น ผมขอตัวก่อนนะครับ อ้อ พ่อครับเย็นนี้อย่าลืมกลับไปทานข้าวกับแม่นะครับ”“อือ”คนเป็นพ่อรับปากแล้วก้มหน้าทำงานต่อ เวหาเดินกลับมายังห้องของตัวเอง โปรเจ็กต์ที่เขากำลังจะเริ่มทำนั้นไม่ได้เป็นเรื่องใหม่เลย เพียงแต่ยังไม่มีใครทำเรื่องนี้อย่างจริงจังเท่านั้นบริษัทของเขาเป็นทั้งผู้ผลิตและจัดจำหน่ายขนมขบเคี้ยวหลากหลายชนิด แต่ที่เขากำลังจะเริ่มทำอย่างจริงจังก็คือขนมขบเคี้ยวที่มีทั้งรสชาติอร่อยและดีต่อสุขภาพ สิ่งที่จะต้องเน้นหนักสำหรับโปรเจ็กต์นี้ก็คือเรื่องของการโฆษณา เพราะคำว่าขนมเพื่อสุขภาพนั้นทำให้คนบางกลุ่มคิดว่ารสชาติของ
เช้าวันจันทร์ที่แสนวุ่นวายเมญาวีตื่นนอนตั้งแต่ตีสี่ เพราะตื่นเต้นที่จะได้ไปทำงานวันแรก หญิงสาวเลือกสวมเสื้อเชิ้ตคอปกสีครีมแขนยาวขนาดพอดีตัว ด้านหน้าแต่งด้วยกระดุมสีเดียวกับตัวเสื้อ ปลายเชิ้ตสอดในกระโปรงเอวสูงแหวกทางด้านหน้าเล็กน้อยความยาวเลยเข่ามาเพียงนิด ดูแล้วเสริมบุคลิกให้ดูคล่องแคล่ว เครื่องประดับมีเพียงนาฬิกาสีเงิน ที่มารดาซื้อให้เป็นของขวัญในวันจบการศึกษาวันนี้เมญาวีแต่งหน้าอ่อนปัดแก้มเพียงนิด เปลือกทาทับด้วยสีพีชดูเป็นธรรมชาติ เรียวปากบางแต่งแต้มด้วยลิปสติกราคาแพงซึ่งรินรดาเป็นคนซื้อมาให้ ผมสีดำขลับถูกรวมเป็นทรงหางม้า ผูกด้วยโบผ้าสีขาวขนาดใหญ่ทำให้ดูเก๋ขึ้นไปอีกนิดมือเรียวเล็กหยิบรองเท้าส้นสูงสี่นิ้วสีดำมาถือไว้ก่อนจะปิดประตูห้องและรีบเดินออกไปรอรถเมล์ที่หน้าปากซอยเพราะกลัวว่าการไปทำงานวันแรกจะสายเธอจึงออกจากห้องพักตั้งแต่ยังไม่หกโมงเช้า มาถึงหน้าบริษัทก็เพิ่งเจ็ดโมงพอดีหญิงสาวเดินไปสำรวจบริเวณใกล้ๆ ว่ามีร้านอาหารอะไรบ้าง เผื่อตอนกลางวันจะได้ลงมาทาน ระหว่างนั้นก็เดินผ่านร้านขายปาท่องโก๋และน้ำเต้าหู้ เธอจึงนั่งลงยังโต๊ะที่ว่าง สั่งน้ำเต้าหู้หนึ่งแก้วและปาท่องโก๋อีกสามตัวเป็น
เกือบหนึ่งเดือนแล้วที่เมญาวีเข้าทำงาน เธอกับเวหาทำงานเข้าขากันดี โปรเจกต์ที่ก็กำลังไปได้สวย ทางโรงงานจะเริ่มต้นผลิตในอีกสามวันข้างหน้า หลังจากนั้นก็จะวางจำหน่ายตามร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป“คุณเวย์คะ วันนี้เมยจะไปที่โรงงานช่วงบ่ายนะคะ” เมญาวีบอกกับเจ้านาย ตอนนี้เธอกับเขาสนิทกันมากขึ้นสรรพนามที่ใช้แทนตัวเองก็เลยเปลี่ยนไป“ผมไปด้วยนะ”“ไม่รู้จะใช้เวลานานไหม เมยกลัวคุณเวย์กลับมาทานอาหารเย็นกับคุณแม่ไม่ทันค่ะ” ตอนนี้เมญาวีรู้แล้วว่าคุณแม่ที่เวหาพูดถึงนั้นเป็นแม่จริง ๆ ไม่ใช่แม่คุณอย่างที่เธอและรินรดาคิดในตอนแรก“ผมคิดว่าทันนะครับ เราไปสองคนช่วยกันทำงานก็น่าจะเสร็จเร็วกว่าคนเดียวนะครับ”“ถ้าคุณเวย์คิดอย่างนั้นก็โอเคค่ะ”“เช้านี้ผมไม่มีงานอะไรแล้วใช่ไหมครับ”“ไม่ค่ะ”“ถ้างั้นเราไปกันตอนนี้เลยไหมครับ ไปหาข้าวกินที่นั่นดีไหมผมอยากกินกุ้งเผาครับ”“ก็ได้ค่ะ คุณเวย์จะไปรถส่วนตัวหรือรถบริษัทคะ”“ผมว่าขับไปเองดีกว่า”พอได้ยินคำคอบของเจ้านายแล้วเมญาวีก็รีบเก็บของบนโต๊ะ เธอไม่ลืมที่จะโทรศัพท์ไปยกเลิกการขอใช้รถของบริษัทที่ตัวเองขอไปเมื่อตอนเช้า รถเอสยูวีคันหรูกำลังทะยานไปบนท้องถนน เ
เมญาวีถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินเพราะร่างกายของเธออ่อนเพลียและมีไข้สูงมาก เวหาเป็นห่วงผู้ช่วยจนนั่งไปติดเขาลืมไปสนิทว่าต้องรีบกลับไปทานข้าวกับมารดาจนท่านโทรมาตาม“แม่ครับ ผมขอโทษ พอดีว่าลูกน้องผมไม่สบายครับ ผมเลยพามาส่งที่โรงพยาบาล”“ส่งแล้วเวย์ก็รีบกลับสิ แม่รอเวย์อยู่นะลูก”“แม่ครับ ผมยังไม่รู้เลยว่าเธอเป็นอะไร ผมอยากคุยกับหมอก่อน”“แค่ลูกน้องป่วย เวย์ทำไมต้องไปเองด้วย เพื่อนหรือญาติของเธอไม่มีหรือไง”“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ”“แล้วเวย์จะกลับตอนไหน แม่ไม่อยากทานข้าวคนเดียว”“คุณหมอออกมาพอดี ผมขอคุยกับคุณหมอก่อนแล้วผมจะรีบกลับนะครับ”“จ้ะ แม่รอนะเวย์”“ครับแม่”หลังทานอาหารเสร็จแล้วเวหาก็รีบให้มารดาทานยาและเข้านอน เขารอจนกระทั่งเธอหลับสนิทชายหนุ่มก็ออกจากบ้านอีกครั้งเวหารีบมายังโรงพยาบาล ตอนนี้เมญาวีได้เข้าพักที่ห้องผู้ป่วยในแล้วชายหนุ่มรู้สึกเป็นห่วงผู้ช่วยอยู่มาก เขาคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอไม่สบาย เพราะเมื่อวานตอนที่หญิงสาวลงจากรถนั้นเธอคงไปเปียกฝนอยู่ไม่น้อย เขาคงเห็นแก่ตัวเกินไปที่ปล่อยให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ต้องหาทางกลับที่พักคนเดียว ถ้าหากเมื่อวานเขาเพียงโทรไปบอกมารดาว่าจ
หลังจากทานข้าวและทานยาแล้วแพทย์เจ้าของไข้ก็เข้ามาตรวจพอดีแพทย์วัยกลางคนแจ้งให้เมญาวีทราบว่าถ้าบ่ายนี้เธอไม่มีไข้ก็คงจะได้กลับบ้านในตอนเย็น“เมยอยู่คนเดียวได้ไหม รินว่าจะลงไปหาอะไรกินหน่อยเริ่มหิวแล้ว” รินรดาที่นั่งอยู่บนเตียงผู้ช่วยพูดขึ้นหลังจากที่ทุกคนออกไปกันหมดแล้ว“ได้สิ แล้วไม่ต้องซื้ออะไรขึ้นมานะ แค่อาหารของโรงพยาบาลเมยก็อิ่มจะแย่แล้ว” “ถ้ารินเจอขนมอะไรที่เมยชอบรินจะซื้อขึ้นมาให้ก็แล้วกันนะ หรือถ้าเมยนึกได้ว่าอยากกินอะไรก็ไลน์ไปบอกนะ” “อือ รีบไปเถอะ เดี๋ยวจะหิวจนเป็นลมเอานะ” “มีอะไรรีบโทรหาเลยนะ อ้อ แล้วถ้าเจ้านายเมยมาบอกเขาด้วยนะว่ารินอยากเจอ” “จ้า”ประตูห้องเปิดออกอีกครั้งแต่คนที่เดินเข้ามาไม่ใช่รินรดาอย่างที่คิด“คุณเวย์” “เป็นยังไงบ้าง สีหน้าดูดีแล้วนี่ ยังปวดหัวอยู่หรือเปล่าแล้วเช้านี้มีไข้ไหม” คนมาใหม่ถามทีเดียวหลายคำถาม “ให้เมยตอบคำถามไหนก่อนดีคะ” “สั้น ๆ เลย ตอนนี้คุณโอเคไหม” “ค่ะ เมยไม่เป็นอะไรแล้ว เช้านี้ไม่มีไข้ ไม่ปวดหัวแล้วค่ะ คุณเวย์ไม่ต้องลำบากมาเยี่ยมก็ได้” เมญาวีดีใจที่เขามาเยี่ยมแ
เมญาวีเอาแต่เงียบจนทำให้เวหาเริ่มใจคอไม่ดี “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ผมอาจจะพูดตรงเกินไป แต่ผมอยากเป็นแฟนกับคุณจริง ๆ นะครับ หรือว่าตอนนี้คุณกำลังคบใครอยู่” “เปล่าค่ะ เมยไม่ได้คบใครอยู่” “หรือผมไม่ดีพอ” “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะคะ” “ผมรู้มันอาจเร็วไปสำหรับผู้หญิงแต่สำหรับผมมันช้าไปด้วยซ้ำ ผมไม่รู้นะว่าตอนนี้ในใจของคุณมีใครหรือกำลังคิดอะไรอยู่ ผมไม่เร่งรัดจะเอาคำตอบ ผมแค่อยากบอกความรู้สึกออกไป ผมรู้สึกดีกับคุณมาก อยากอยู่ใกล้ตลอดเวลา ความรู้สึกนี้มันมากขึ้นเรื่อย ๆ จนผมเก็บเอาไว้คนเดียวไม่ได้ เอาจริงนะ ผมไม่เคยขอใครเป็นแฟนมาก่อนเลยไม่รู้ว่าที่ทำอยู่มันถูกต้องไหม” ความรู้สึกที่เก็บไว้พรั่งพรูออกมาเป็นคำพูดอย่างไม่จะเก็บเอาไว้ได้อีกต่อไป “เมยไม่ได้รังเกียจคุณหรอกนะคะ เมยยอมรับว่าตัวเองก็รู้สึกดีกับคุณ แต่มันมีบางอย่างที่เมยต้องเล่าให้คุณฟังก่อน” “เล่ามาสิครับ ผมพร้อมฟัง” “ถ้าฟังจบแล้วคุณอาจจะหัวเราะหรืออาจเปลี่ยนใจเมยก็ไม่ว่า แต่ถ้าเมยไม่บอกคุณมันก็เหมือนเมยไม่ให้เกียรติคุณ” “เล่ามาเถอะครับ แล้วผ
วันศุกร์เป็นวันที่ใครหลายคนรอคอยเพราะพรุ่งนี้ก็จะได้หยุดอยู่บ้าน แต่สำหรับเมญาวีแล้วเธอรู้สึกว่ามันเป็นวันที่แสนน่าเบื่อ เพราะเช้านี้หญิงสาวได้รับโทรศัพท์จากเจ้าของหอพักว่ามีเรื่องอยากจะคุยด้วยเลยขอให้เธออยู่รอก่อนที่จะออกไปทำงาน เมญาวีคิดว่ามันต้องเป็นเรื่องสำคัญเพราะถ้าไม่อย่างนั้นก็คงคุยกันทางโทรศัพท์ไปแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะคิดค่าเช่าเพิ่มหรือเปล่า แต่สำหรับเธอแล้วคิดว่าถ้าเจ้าของหอจะขึ้นค่าเช่า ก็คงไม่เป็นปัญหาเพราะตอนหญิงสาวได้เป็นพนักงานประจำแล้ว เงินเดือนของเธอก็เพิ่มขึ้นจากเดิมถึงสามพันบาท แล้วยิ่งช่วงหลายเดือนมานี้เมญาวีแทบจะต้องใช้จ่ายอะไรเลย ไปทำงานก็ไปพร้อมเจ้านาย พอตกเย็นเจ้านายก็พาไปทานข้าวอยู่เป็นประจำ หญิงสาวไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเจ้านายและลูกน้องคนอื่น ๆ จะเป็นเหมือนเธอไหม พอถามเรื่องนี้กับรินรดาเพื่อนก็บอกว่าสิ่งที่เวหาทำนั้นมันมากกว่าคำว่าเจ้านายกับลูกน้องทั่ว ๆ ไป เธอไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองแต่ที่ผ่านมาก็สัมผัสได้ว่าระหว่างตัวเองและเวหามันมีอะไรมากกว่าอย่างที่รินรดาบอก พอคิดเรื่องของเจ้านายเธอก็ลืมไปสนิทเลย
หลังจากมีเดทแรกด้วยกันจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบจะสามเดือนแล้ว เวหามักจะพาเมญาวีออกไปทานข้าว ซื้อของ หรือบางครั้งก็ไปดูหนังและฟังเพลงด้วยกันบ้างในวันหยุด แต่พออยู่ที่ทำงานก็เว้นระยะห่างในระดับหนึ่งเพราะไม่อยากให้เมญาวีต้องลำบากใจ วันนี้ชายหนุ่มตั้งใจว่าจะขอเมญาวีเป็นแฟน เพราะเขามั่นใจแล้วว่าเธอคือผู้หญิงที่เขาอยู่ด้วยแล้วมีความสุข ช่วงเวลาที่ได้รู้จักกันมันอาจจะดูสั้น แต่เพราะทั้งเขาและเธออยู่ใกล้ชิดกันมากในแต่ละวัน ทำให้ได้เรียนรู้กันและกันมากขึ้น แล้วแผนที่วางไว้ก็ล้มไม่เป็นท่า เมื่อมารดาของเวหาโทรมาบอกให้เขากลับไปทานอาหารเย็นกับเธอที่บ้านเพราะมีคนสำคัญที่อยากให้ลูกชายได้เจอ “เมย ผมขอโทษนะครับ เย็นนี้ผมคงไปทานข้าวกับคุณไม่ได้”เวหารู้สึกผิดเพราะวันนี้เขานัดทานอาหารเย็นกับเธอ “ไม่เป็นไรค่ะ เมยเข้าใจ” เมญาวีรู้ดีว่าชายหนุ่มมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขานัดทานข้าวกับเธอแล้วทำอย่างที่พูดไม่ได้ แต่หญิงสาวก็ไม่เคยโกรธเขาเลยสักนิด กลับนึกชื่นชมด้วยซ้ำที่เขารักและดูแลมารดาเป็นอย่างดี “คุณจะกลับเลยไหมจะได้ออกไ
หลังจากมีเดทแรกด้วยกันจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบจะสามเดือนแล้ว เวหามักจะพาเมญาวีออกไปทานข้าว ซื้อของ หรือบางครั้งก็ไปดูหนังและฟังเพลงด้วยกันบ้างในวันหยุด แต่พออยู่ที่ทำงานก็เว้นระยะห่างในระดับหนึ่งเพราะไม่อยากให้เมญาวีต้องลำบากใจ วันนี้ชายหนุ่มตั้งใจว่าจะขอเมญาวีเป็นแฟน เพราะเขามั่นใจแล้วว่าเธอคือผู้หญิงที่เขาอยู่ด้วยแล้วมีความสุข ช่วงเวลาที่ได้รู้จักกันมันอาจจะดูสั้น แต่เพราะทั้งเขาและเธออยู่ใกล้ชิดกันมากในแต่ละวัน ทำให้ได้เรียนรู้กันและกันมากขึ้น แล้วแผนที่วางไว้ก็ล้มไม่เป็นท่า เมื่อมารดาของเวหาโทรมาบอกให้เขากลับไปทานอาหารเย็นกับเธอที่บ้านเพราะมีคนสำคัญที่อยากให้ลูกชายได้เจอ “เมย ผมขอโทษนะครับ เย็นนี้ผมคงไปทานข้าวกับคุณไม่ได้”เวหารู้สึกผิดเพราะวันนี้เขานัดทานอาหารเย็นกับเธอ “ไม่เป็นไรค่ะ เมยเข้าใจ” เมญาวีรู้ดีว่าชายหนุ่มมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขานัดทานข้าวกับเธอแล้วทำอย่างที่พูดไม่ได้ แต่หญิงสาวก็ไม่เคยโกรธเขาเลยสักนิด กลับนึกชื่นชมด้วยซ้ำที่เขารักและดูแลมารดาเป็นอย่างดี “คุณจะกลับเลยไหมจะได้ออกไ
จากที่คิดว่าจะตื่นสายสักหน่อยเพราะไม่อยากให้หน้าของตัวเองโทรแต่เมญาวีก็ทำแบบนั้นไม่ได้เพราะเธอชินกับการตื่นเช้าไปเสียแล้ว เหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาที่นัดไว้เมญาวีเลยทำความสะอาดห้องและเปลี่ยนผ้าปูที่นอนก่อนจะนำลงส่งที่ร้านซักรีดที่อยู่ชั้นล่างสุดของหอพัก จากนั้นก็แวะทานอาหารกลางวันแล้วจะขึ้นมาอาบน้ำ แต่งตัวอย่างไม่รีบร้อน เธอสำรวจตัวเองหน้ากระจกอีกครั้งก่อนที่เวหาจะมารับ วันนี้เมญาวีสวมเสื้อครอปปาดไหล่สีขาวแขนสามส่วนกับกางเกงผ้าขาสั้นเหนือเข่า จากนั้นสวมรองเท้าผ้าใบสีขาวแต่งลายสีม่วงพาสเทลเตรียมพร้อมที่จะออกจากห้อง พอถึงเวลานัดเจ้านายหนุ่มก็โทรขึ้นมาตาม เธอรีบเดินลงมาจากหอพักด้วยใจที่เต้นแรง นี่เป็นครั้งแรกที่ออกไปไหนด้วยกันในวันหยุด “คิดไว้หรือยังว่าจะดูเรื่องอะไร” เวหาถามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว เขาแอบมองดูการแต่งตัวของเธอไปด้วยในขณะที่พูด วันนี้ผู้ช่วยของเขาแต่งตัวได้น่ารักสมวัยกว่าทุกวันที่ไปทำงาน “คุณเวย์มองอะไรคะ” “ผมว่าเมยแต่งตัวแบบนี้น่ารักดีนะครับ”
ตลอดหนึ่งเดือนเวหามีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเมญาวีเพิ่มมากขึ้นเพราะช่วงนี้มารดาของเขากำลังติดเพื่อน เวหาจึงมีเวลาไปรับไปส่งบ่อยขึ้นด้วยเหตุผลที่ว่ามันเป็นทางผ่าน“คุณเวย์คะ เย็นนี้เมยคงไปทานข้าวกับคุณไม่ได้นะคะ” ผู้ช่วยสาวบอกกับเจ้านายหนุ่มเมื่อถึงเวลาเลิกงาน“ทำไมล่ะครับผมนึกว่าเราไปจะทานด้วยกันทุกวันเสียอีก” เวหากลัวว่าเธอจะรำคาญที่เขาเอาแต่ตามติดเธอมาตลอด“เมยนัดกับรินไว้ค่ะ คุณเวย์ไม่ต้องไปส่งนะคะ เดี๋ยวรินจะมารับที่นี่เองค่ะ” เธอรีบบอกเมื่อเห็นว่าเขาเองก็กำลังเก็บของบนโต๊ะทำงาน“แย่จังนะครับ ผมไม่อยากทานข้าวคนเดียวเลย” เสียงนั้นฟังเหมือนเขากำลังผิดหวัง“พูดแบบนี้เมยรู้สึกผิดเลยค่ะ”“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจพูดให้คุณรู้สึกผิดนะครับ คุณไปกับเพื่อนเถอะ ผมเองก็คงจะไปหาเพื่อนเหมือนกัน” นานแล้วเหมือนกันที่เวหาไม่ได้ออกไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อน“เมยไปก่อนนะคะรินมาถึงแล้วค่ะ เจอกันวันจันทร์นะคะ”“ครับ เจอกันครับ” เวหาไม่ได้บอกว่าจะเจอกันวันไหน แต่คงไม่ใช่วันจันทร์อย่างที่เธอบอกแน่เมญาวีคว้ากระเป๋าสะพายแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างรีบร้อน เธอไม่อยากเพื่อนรักรอนานหญิงสาวออกจากลิฟต์แล้วตรงไปยังลานจอด
การเริ่มงานในเช้าวันจันทร์ของเมญาวีแปลกไปกว่าทุกวัน เพราะทันทีที่เธอเดินลงมาจากหอพักก็พบกับรถของเจ้านายที่มาจอดรออยู่แล้ว“สวัสดีค่ะคุณเวย์ มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าคะ ถึงมาตั้งแต่เช้าแบบนี้”“ไม่ด่วนหรอกครับ ผมแค่คิดว่าเราน่าจะไปที่โรงงานก่อน แล้วตอนบ่ายค่อยเข้าบริษัท”“ก็ดีเหมือนกันนะคะ ออกจากที่นี่เวลานี้ไป พอไปถึงทุกคนก็คงมาทำงานกันแล้ว คุณเวย์ทานอะไรมาหรือยังคะ”“ยังเลยครับ ผมว่าจะชวนคุณไปหาอะไรทานก่อน แถวนี้มีร้านไหนเปิดเช้าบ้างครับ”“ไม่มีหรอกค่ะ ส่วนใหญ่จะเปิดกับใกล้ ๆ เที่ยง ถ้าจะมีก็แต่ร้านข้าวเหนียวหมูปิ้งคุณทานได้ไหมคะ”“ได้สิ ตอนเด็ก ๆ พ่อจะซื้อให้กินที่หน้าโรงเรียนบ่อย”“คุณเวย์รออยู่ตรงนี้นะคะ เดี๋ยวเมยเดินไปซื้อให้”“ไปซื้อด้วยกันก็ได้นะครับ ขึ้นรถมาเลย”“อย่าเลยค่ะ ตรงนั้นมันไม่มีที่จอด เมยไปไม่ถึง 5 นาทีหรอกนะคะ”“เมยครับ จะว่าอะไรไหมถ้าผมขอขึ้นไปเข้าห้องน้ำบนห้องคุณหน่อย” “ได้ค่ะ คุณเวย์เอากุญแจไปเปิดเองนะคะ” เมญาวีส่งกุญแจห้องให้กับเจ้านาย ส่วนตัวเองนั้นรีบเดินไปยังหน้าปากซอยเพื่อซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งมาเป็นอาหารเช้าสำหรับตัวเองและเจ้านายหนุ่มที่วันนี้ดูท่
เวหากลับมาถึงบ้านของตัวเองก่อนเวลาอาหารเย็นเพียงเล็กน้อยมารดาของเขาดูอารมณ์ดีขึ้นมาก คงเพราะได้คุยกับเพื่อน ๆ ชายหนุ่มอยากเห็นภาพยิ้มแย้มแบบนี้ทุกวัน แต่คิดว่ามันคงเป็นไปได้ยาก แต่เขาก็จะพยายามทำให้เธอมีความสุขที่สุด“แม่ครับ เราออกไปทานข้าวข้างนอกกันดีไหมครับ” เวหาไม่อยากให้แม่ต้องอารมณ์เสียเพราะวันนี้พ่อของเขาอยู่บ้าน ชายหนุ่มไม่อยากให้ทั้งสองปะทะคารมกันบนโต๊ะอาหารเหมือนเมื่อวาน“ได้สิ เวย์ไปร้านไหนล่ะลูก ร้านเดิมดีไหม”“แม่ครับเราไปทานสเต๊กดีไหมครับ มีร้านเปิดใหม่ไม่ไกลจากบ้านเราเลยนะครับ”เวหาไม่อยากไปไกลจากบ้านเพราะรู้ว่ามารดาต้องรีบกลับมาทานยาและพักผ่อนตามเวลา“แม่ตามใจเวย์ แต่ขอแม่ไปเปลี่ยนชุดก่อนได้ไหม”“แม่ครับ ชุดนี้ก็สวยอยู่แล้วไม่เห็นต้องเปลี่ยนเลย” ชายหนุ่มเดินเข้ามาหามารดาพร้อมกับสวมกอด ผู้หญิงคนนี้ไม่ว่าจะอยู่ในชุดไหนก็สวยสำหรับเขาเสมอ“ไม่ได้หลอกแม่ใช่ไหม” วราพรก้มมองตัวเองอย่างไม่มั่นใจ“ไม่เลยครับ ผมว่าเรารีบไปกันเถอะ พอพูดถึงอาหารผมก็เริ่มหิวขึ้นมาแล้ว”พอได้ออกมาทานอาหารนอกบ้านมารดาของเขาก็ทานได้เยอะกว่าปกติ และดูมีความสุขมากกว่าทานกับบิดาด้วยซ้ำ เวหาไม่เข้าใจว่าถ
แพทย์ของไข้มาตรวจอีกครั้งในตอนบ่าย เขาอนุญาตให้หญิงสาวกลับบ้านได้ แต่ก็กำชับให้เธอทานต่ออีกจนครบห้าวันและถ้ากลับไปแล้วยังมีไข้หรือมีอาการผิดปกติก็ต้องรีบกลับมาพบแพทย์“ผมจะไปชำระเงินก่อนระหว่างนี้คุณก็เตรียมเปลี่ยนชุดรอเลยนะครับ ผมลืมถามเลยว่าคุณมีชุดสำหรับใส่กลับบ้านไหม”“มีค่ะ รินเตรียมมาให้แล้ว”“ถ้าเปลี่ยนชุดแล้วก็รอผมอยู่ตรงนี้ก่อนนะ”“ค่ะ”เวหาออกจากห้องไปแล้วเมญาวีก็รีบเข้าห้องน้ำ ชุดที่เพื่อนของเธอเตรียมมาให้นั้นเป็นเดรสแขนระบายสีฟ้า มีลายดอกไม้เล็กที่ปลายกระโปรงซึ่งยาวคลุมเข่ามาเล็กน้อยเมญาวีรีบแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหวานตอนนี้ปราศจากเครื่องสำอาง แต่มันก็ดูไม่โทรมเท่าไหร่ คงเพราะเธอได้นอนพักอย่างเต็มที่ เมญาวีมัดผมเป็นหางม้าอย่างเดิมก่อนจะออกมานั่งรอเวหาที่โซฟาตัวยาวรถยนต์คันหรูจอดที่หน้าอาคารพาณิชย์สี่ชั้นแห่งหนึ่งด้านล่างเป็นร้านอาหารตามสั่งและร้านซักรีด ส่วนด้านบนแบ่งพื้นที่เป็นหอพักให้เช่า“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”“ห้องคุณอยู่บนตึกนั้นเหรอครับ”“ใช่ค่ะ ด้านล่างเป็นร้านค้า ด้านบนแบ่งเป็นหอพักให้เช่าค่ะ มันอาจจะดูเก่าไปหน่อยแต่ด้านในก็พออยู่ได้ค่ะ”“ผมคิดว่าคุณจะอยู่ที่ดีก