เช้าวันจันทร์ที่แสนวุ่นวายเมญาวีตื่นนอนตั้งแต่ตีสี่ เพราะตื่นเต้นที่จะได้ไปทำงานวันแรก หญิงสาวเลือกสวมเสื้อเชิ้ตคอปกสีครีมแขนยาวขนาดพอดีตัว ด้านหน้าแต่งด้วยกระดุมสีเดียวกับตัวเสื้อ ปลายเชิ้ตสอดในกระโปรงเอวสูงแหวกทางด้านหน้าเล็กน้อยความยาวเลยเข่ามาเพียงนิด ดูแล้วเสริมบุคลิกให้ดูคล่องแคล่ว เครื่องประดับมีเพียงนาฬิกาสีเงิน ที่มารดาซื้อให้เป็นของขวัญในวันจบการศึกษา
วันนี้เมญาวีแต่งหน้าอ่อนปัดแก้มเพียงนิด เปลือกทาทับด้วยสีพีชดูเป็นธรรมชาติ เรียวปากบางแต่งแต้มด้วยลิปสติกราคาแพงซึ่งรินรดาเป็นคนซื้อมาให้ ผมสีดำขลับถูกรวมเป็นทรงหางม้า ผูกด้วยโบผ้าสีขาวขนาดใหญ่ทำให้ดูเก๋ขึ้นไปอีกนิด
มือเรียวเล็กหยิบรองเท้าส้นสูงสี่นิ้วสีดำมาถือไว้ก่อนจะปิดประตูห้องและรีบเดินออกไปรอรถเมล์ที่หน้าปากซอย
เพราะกลัวว่าการไปทำงานวันแรกจะสายเธอจึงออกจากห้องพักตั้งแต่ยังไม่หกโมงเช้า มาถึงหน้าบริษัทก็เพิ่งเจ็ดโมงพอดี
หญิงสาวเดินไปสำรวจบริเวณใกล้ๆ ว่ามีร้านอาหารอะไรบ้าง เผื่อตอนกลางวันจะได้ลงมาทาน ระหว่างนั้นก็เดินผ่านร้านขายปาท่องโก๋และน้ำเต้าหู้ เธอจึงนั่งลงยังโต๊ะที่ว่าง สั่งน้ำเต้าหู้หนึ่งแก้วและปาท่องโก๋อีกสามตัวเป็นอาหารมื้อเช้าของการทำงานวันแรก
วันนี้มีพนักงานใหม่เข้ามาพร้อมกันเกือบสิบคน หัวหน้าฝ่ายบุคคลเลยเรียกให้ไปรวมตัวกันที่ห้องประชุมเล็กเพื่อชี้แจงรายละเอียดและกฎระเบียบในการทำงาน
พอหัวหน้าฝ่ายบุคคลชี้แจงเสร็จ คุณอาธรก็เข้ามาแนะนำตัวและกล่าวต้อนรับแทนทานประธานซึ่งวันนี้ท่านติดธุระสำคัญจึงไม่ได้เขามาพบกับพนักงานใหม่เหมือนทุกครั้ง
จากนั้นทุกคนก็ตรงไปยังแผนกของตัวเองซึ่งจะคอยมีพนักงานเก่ารอรับอยู่แล้วเว้นแต่เมญาวีและณิชาภาเพราะทั้งสองคนต้องไปยังชั้นของผู้บริหาร
คุณวนิดาหัวหน้าฝ่ายบุคคลพาณิชาภาไปพบกับผู้จัดการก่อน จากนั้นจึงพาเมญาวีไปยังห้องทำงานของเวหา
“คุณวนิดาคะ คุณเวหาดูไหมคะ”
“ไม่หรอกค่ะ” วนิดาตอบพนักงานใหม่ไปแบบนั้นทั้ง ๆ ที่เธอเองก็เคยเจอเวหาเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น
บริเวณหน้าห้องของเจ้านายคนใหม่มีหญิงวัยกลางคนนั่งทำงานอยู่
“เกสร นี่เมญาวี ผู้ช่วยคุณเวหา”
“สวัสดีค่ะ คุณเกสร” เมญาวียกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ เรียกพี่สรนะคะ แล้วน้องมีชื่อเล่นไหมคะ”
“เมยค่ะ”
“พี่นิเข้าได้เลยค่ะคุณเวหารออยู่แล้ว” เกสรบอกกับวนิดาเพราะเมื่อครู่เขาแจ้งไว้แล้วว่าวันนี้จะมีผู้ช่วยเข้ามาทำงานวันแรก
วนิดาเคาะประตูสองครั้งแล้วเปิดเข้าไปทันที
ภายในห้องทำงานของเจ้านายคนใหม่ตกแต่งอย่างเรียนง่าย มีโต๊ะทำงานอยู่สองตัว ตัวหนึ่งเป็นของเจ้านายอย่างไม่ต้องสงสัยเพราะตอนนี้เขานั่งอยู่ตรงนั้น ส่วนอีกตัวเมญาวีไม่แน่ใจว่าจะใช่ของเธอหรือเปล่า
“คุณเวหาคะ ฉันพาผู้ช่วยมาส่งค่ะ”
“สวัสดีค่ะคุณเวหา ฉันชื่อเมญาวีค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้ก่อนจะเงยหน้าขึ้น เธอสบตาคบปราบของเจ้านายหนุ่มแล้วรู้สึกเย็นยะเยือก ท่าทางของเขาดูเย็นชา เธอประหลาดใจเล็กน้อย เจ้านายของเธอไม่เหมือนกับที่คิดไว้เลยสักนิด
เมญาวีจินตนาการไว้ว่าคุณเวหาคงเป็นชายหนุ่มวัยกลางคนท่าทางภูมิฐาน แต่ที่เธอเห็นตอนนี้นั้นกลับกลายเป็นชายหนุ่มรูปหล่อ ใบหน้าคม ผิวสองสี ช่วงไหล่กว้าง ดูเหมือนนายแบบมากกว่าจะมาเป็นเจ้านายของเธอ
“พี่ไปก่อนนะ มีอะไรก็ถามเกสรได้”
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ เวหาลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินมาสำรวจผู้ช่วยคนใหม่ หญิงสาวคนนี้ดูยังเด็กอยู่มาก ถ้าไม่เห็นแฟ้มประวัติก็คงคิดว่าเธอยังเป็นนักศึกษาอยู่แน่ ๆ ใบหน้าสวยเนียนประดับด้วยตวงตากลมโต จมูกเล็กรั้นเชิดขึ้นเล็กน้อยรับกับใบหน้าเรียวรูปไข่ ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อน โดยรวมแล้วเธอเป็นคนที่สวยมากคนหนึ่งเลยทีเดียว พอเดินเข้ามาใกล้แล้วรู้สึกเลยว่าผู้ช่วยของเขาเป็นคนตัวเล็ก แต่เวหาก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าเธอตัวเล็กหรือเพราะเขาตัวโตกันแน่
“คุณนั่งโต๊ะตัวนั้นนะ อึดอัดไหมที่ต้องนั่งร่วมห้องกับผม”
“ไม่ค่ะ คุณเวหาคะ ฉันต้องทำอะไรบ้างคะ”
“วันนี้ศึกษาข้อมูลในแฟ้มก่อน ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็ถาม”
“ค่ะ”
เมญาวีนั่งอ่านไปก็ง่วงไปเพราะเมื่อคืนเธอตื่นเต้นจนนอนไม่หลับและยังตื่นตั้งแต่เช้า
“ถ้าไม่ไหวจะไปล้างหน้าก่อนก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไหวค่ะ” เมญาวีตั้งสติอีกครั้ง เธออ่านข้อมูลได้เกือบครึ่งก็ถึงเวลาพักกลางวัน
“คุณเวหาคะ ฉันเพิ่งมาทำงานเป็นวันแรก เลยไม่รู้ว่าเรื่องอาหารกลางวันฉันต้องเตรียมให้คุณหรือเปล่า แต่ก่อนคุณไปทานที่ไหนคะ”
“คุณเห็นร้านข้างตึกไหม สั่งขึ้นมาให้ผมทานในห้องนี้แหละ” เขาชี้ไปยังมุมหนึ่งของห้องที่มีชุดโซฟารับแขกอยู่
“ร้านไหนคะ มันมีหลายร้าน”
“ร้านไหนก็ได้ผมไม่ใช่คนเรื่องมาก”
“ทานเผ็ดได้ไหมคะ แพ้อาหารหรือเปล่าแล้วชอบทานอะไรเป็นพิเศษคะ”
“ถามเยอะจัง ลงไปด้วยกันเลยไหม”
“อะไรนะคะ”
“ผมบอกว่าลงไปทานด้วยกันเลยไหม คุณจะได้รู้ว่าผมชอบอะไรไม่ชอบอะไร”
“ได้เหรอคะ”
“ไม่รู้สิ ผมไม่เคยมีผู้ช่วย คุณคิดว่ายังไงล่ะ”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ฉันก็ไม่เคยเป็นผู้ช่วยใครมาก่อนเหมือนกัน”
“งั้นก็ใหม่กันทั้งคู่ ไปทานด้วยกันเลยจะได้ไม่ต้องเสียเวลา”
“ค่ะ”
ทั้งสองคนเดินมายังร้านอาหารที่อยู่ใกล้กับบริษัท แม้จะเป็นช่วงกลางวันแค่คนก็ไม่ได้มากอย่างที่คิด เพราะพนักงานของบริษัทส่วนใหญ่ก็ไปทานกันที่ร้านค้าสวัสดิการเพราะที่นั่นมีอาหารขายในราคาพนักงาน
“คุณเวหามาทานที่นี่ประจำเหรอคะ”
“ไม่หรอกครับพี่เกสรจะสั่งขึ้นไปให้ หรือบางครั้งผมก็ลงมาหาอะไรทานเอง เจอร้านไหนว่างก็เข้าไปนั่ง ผมเองก็มาทำงานก่อนคุณไม่ถึงเดือน เลยลองไปเรื่อย ผมเป็นคนกินง่าย”
“ค่ะ”
เมญาวีให้เขาเป็นคนสั่งอาหารเพราะอยากรู้รสนิยมของเจ้านาย ระหว่างนั้นเธอก็ถ่ายรูปเมนูอาหารและเบอร์โทรศัพท์ของทางร้านเก็บไว้ ครั้งต่อไปจะได้โทรมาสั่งก่อนจะเข้ามาที่ร้าน
“คุณเมญาวีมีชื่อเล่นไหมครับ”
“เมยค่ะ ฉันชื่อเมย”
“อ้อ ผมเรียกเมยแล้วกันนะสั้นดี”
“ค่ะ คุณเวหา”
“เรียกเวย์ก็ได้”
“ค่ะคุณเวย์”
นับว่าเป็นการเริ่มต้นร่วมงานกันได้ค่อนข้างดี แม้ว่าเจ้านายจะมีสีหน้าและแววตาที่เย็นชาแต่เขาก็ไม่ได้เอาแต่เงียบทำให้เมญาวีไม่ได้อึดอัดมาก
การทำงานวันแรกผ่านไปได้ด้วยดี เมญาวีเลิกงานตรงเวลาเพราะเจ้านายบอกกับเธอว่าเขาต้องกลับไปทานอาหารมื้อค่ำกับมารดา
หญิงสาวกลับถึงห้องก็รีบโทรไปหารินรดาทันที
“ว่าไงจ้ะเมย ทำงานวันแรกเป็นยังไงบ้างเจ้านายใจดีไหม”
“ยังไม่รู้เลยว่าจะใจดีไหม เพราะวันนี้เพิ่งเริ่มงานเอง”
“อือ แล้วงานหนักไหม”
“ไม่เลย รินรู้ไหมว่าเมยได้เลิกงานตรงเวลาด้วยนะ”
“ดีจัง รินนึกว่าตำแหน่งผู้ช่วยจะเหมือนเลขาเสียอีกที่ต้องเลิกงานไม่เป็นเวลาแล้วแต่อารมณ์เจ้านาย”
“เมยโชคดี เพราะเจ้านายต้องรีบกลับไปทานข้าวกับแม่”
“แม่หรือแม่คุณกันแน่จ๊ะ”
“นั่นสิ เมยก็ลืมคิดไปเลย”
“ดีแล้วที่เจ้านายของเมยมีแฟนเพราะรินยังอยากเมยมาเป็นพี่สะใภ้อยู่นะ”
“พูดอย่างนี้ถามพี่ชายตัวเองหรือยังว่าอยากให้เมยเป็นแฟนไหม”
“ไม่ต้องถามหรอกน่ารินรู้ว่าพี่ชายของรินแอบชอบเมยอยู่แต่ไม่กล้าพูดก็เท่านั้นเอง”
“อย่าเชียร์ให้เสียเวลาเลย คนหล่ออย่างพี่ชายรินคงไม่โสดอยู่หรอก”
“พี่ชายรินก็ควงหญิงไปทั่วนั่นแหละ ไม่เห็นจริงจังกับใครสักที เมย รินเกือบลืมถามเลยว่าเจ้านายเมยหล่อไหมอายุมากหรือยัง”
เมญาวีนิ่งไปสักพัก เธอกำลังคิดถึงใบหน้าหล่อคมของเจ้านายที่ตลอดทั้งวันมานี้หญิงสาวได้แต่แอบมองอยู่ตลอด
“เมยไม่รู้ว่าอายุเท่าไหร่ แต่คงไม่เกิน 30 หรอก คุณเวหาเจ้านายของเมยหล่อมาก หล่อแบบวัวตายควายล้มเลยแหละ”
“จริงเหรอ แต่น่าเสียดายนะมีแฟนแล้ว”
“นั่นสิ แต่ก็ดีแล้ว เมยจะได้ไม่ไขว้เขวไง”
“เมยคิดเหรอว่าพี่ชายใจที่เล่าให้รินฟังเขาจะยังโสดและรอแต่งงานกับเมยเหมือนที่เมยรอเขา”
“ไม่รู้สิตอนนี้เมยเข้าใกล้เขาอีกขั้นแล้ว ถ้าเมยทำงานที่นี่โอกาสที่ได้จะได้ข่าวคราวของเขาก็คงจะมีบ้าง”
“เมยลืมอะไรไปหรือเปล่า”
“ลืมอะไร”
“เมยรู้จักชื่อเขา แล้วเมยจะรู้ได้ยังไงว่าเมยเจอเขาแล้ว”
“ไม่รู้สิ ถ้าเจอใครที่คิดว่าใช่เมยก็จะลองถามเขาไปตรง ๆ เลยดีไหม”
“จะบ้าเหรอเมย จะไปถามเข้ายังไง พี่คะ พี่จำสัญญาของเราได้ไหมคะว่าเราจะแต่งงานกัน”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง”
“แล้วยังไง แล้วถ้าเกิดเจอกับพี่ชายคนนั้นแล้วเขาเป็นคนไม่ดีขึ้นมาล่ะ เมยจะเสียใจเอานะ”
“เมยก็เคยคิดเรื่องนั้นเหมือนกัน”
“อย่าเพิ่งคิดมากเลย เอาไว้เจอแล้วเราค่อยคุยเรื่องนี้กันดีไหม”
“อือ เมยก็ว่าอย่างนั้นแหละ”
เกือบหนึ่งเดือนแล้วที่เมญาวีเข้าทำงาน เธอกับเวหาทำงานเข้าขากันดี โปรเจกต์ที่ก็กำลังไปได้สวย ทางโรงงานจะเริ่มต้นผลิตในอีกสามวันข้างหน้า หลังจากนั้นก็จะวางจำหน่ายตามร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป“คุณเวย์คะ วันนี้เมยจะไปที่โรงงานช่วงบ่ายนะคะ” เมญาวีบอกกับเจ้านาย ตอนนี้เธอกับเขาสนิทกันมากขึ้นสรรพนามที่ใช้แทนตัวเองก็เลยเปลี่ยนไป“ผมไปด้วยนะ”“ไม่รู้จะใช้เวลานานไหม เมยกลัวคุณเวย์กลับมาทานอาหารเย็นกับคุณแม่ไม่ทันค่ะ” ตอนนี้เมญาวีรู้แล้วว่าคุณแม่ที่เวหาพูดถึงนั้นเป็นแม่จริง ๆ ไม่ใช่แม่คุณอย่างที่เธอและรินรดาคิดในตอนแรก“ผมคิดว่าทันนะครับ เราไปสองคนช่วยกันทำงานก็น่าจะเสร็จเร็วกว่าคนเดียวนะครับ”“ถ้าคุณเวย์คิดอย่างนั้นก็โอเคค่ะ”“เช้านี้ผมไม่มีงานอะไรแล้วใช่ไหมครับ”“ไม่ค่ะ”“ถ้างั้นเราไปกันตอนนี้เลยไหมครับ ไปหาข้าวกินที่นั่นดีไหมผมอยากกินกุ้งเผาครับ”“ก็ได้ค่ะ คุณเวย์จะไปรถส่วนตัวหรือรถบริษัทคะ”“ผมว่าขับไปเองดีกว่า”พอได้ยินคำคอบของเจ้านายแล้วเมญาวีก็รีบเก็บของบนโต๊ะ เธอไม่ลืมที่จะโทรศัพท์ไปยกเลิกการขอใช้รถของบริษัทที่ตัวเองขอไปเมื่อตอนเช้า รถเอสยูวีคันหรูกำลังทะยานไปบนท้องถนน เ
เมญาวีถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินเพราะร่างกายของเธออ่อนเพลียและมีไข้สูงมาก เวหาเป็นห่วงผู้ช่วยจนนั่งไปติดเขาลืมไปสนิทว่าต้องรีบกลับไปทานข้าวกับมารดาจนท่านโทรมาตาม“แม่ครับ ผมขอโทษ พอดีว่าลูกน้องผมไม่สบายครับ ผมเลยพามาส่งที่โรงพยาบาล”“ส่งแล้วเวย์ก็รีบกลับสิ แม่รอเวย์อยู่นะลูก”“แม่ครับ ผมยังไม่รู้เลยว่าเธอเป็นอะไร ผมอยากคุยกับหมอก่อน”“แค่ลูกน้องป่วย เวย์ทำไมต้องไปเองด้วย เพื่อนหรือญาติของเธอไม่มีหรือไง”“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ”“แล้วเวย์จะกลับตอนไหน แม่ไม่อยากทานข้าวคนเดียว”“คุณหมอออกมาพอดี ผมขอคุยกับคุณหมอก่อนแล้วผมจะรีบกลับนะครับ”“จ้ะ แม่รอนะเวย์”“ครับแม่”หลังทานอาหารเสร็จแล้วเวหาก็รีบให้มารดาทานยาและเข้านอน เขารอจนกระทั่งเธอหลับสนิทชายหนุ่มก็ออกจากบ้านอีกครั้งเวหารีบมายังโรงพยาบาล ตอนนี้เมญาวีได้เข้าพักที่ห้องผู้ป่วยในแล้วชายหนุ่มรู้สึกเป็นห่วงผู้ช่วยอยู่มาก เขาคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอไม่สบาย เพราะเมื่อวานตอนที่หญิงสาวลงจากรถนั้นเธอคงไปเปียกฝนอยู่ไม่น้อย เขาคงเห็นแก่ตัวเกินไปที่ปล่อยให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ต้องหาทางกลับที่พักคนเดียว ถ้าหากเมื่อวานเขาเพียงโทรไปบอกมารดาว่าจ
หลังจากทานข้าวและทานยาแล้วแพทย์เจ้าของไข้ก็เข้ามาตรวจพอดีแพทย์วัยกลางคนแจ้งให้เมญาวีทราบว่าถ้าบ่ายนี้เธอไม่มีไข้ก็คงจะได้กลับบ้านในตอนเย็น“เมยอยู่คนเดียวได้ไหม รินว่าจะลงไปหาอะไรกินหน่อยเริ่มหิวแล้ว” รินรดาที่นั่งอยู่บนเตียงผู้ช่วยพูดขึ้นหลังจากที่ทุกคนออกไปกันหมดแล้ว“ได้สิ แล้วไม่ต้องซื้ออะไรขึ้นมานะ แค่อาหารของโรงพยาบาลเมยก็อิ่มจะแย่แล้ว” “ถ้ารินเจอขนมอะไรที่เมยชอบรินจะซื้อขึ้นมาให้ก็แล้วกันนะ หรือถ้าเมยนึกได้ว่าอยากกินอะไรก็ไลน์ไปบอกนะ” “อือ รีบไปเถอะ เดี๋ยวจะหิวจนเป็นลมเอานะ” “มีอะไรรีบโทรหาเลยนะ อ้อ แล้วถ้าเจ้านายเมยมาบอกเขาด้วยนะว่ารินอยากเจอ” “จ้า”ประตูห้องเปิดออกอีกครั้งแต่คนที่เดินเข้ามาไม่ใช่รินรดาอย่างที่คิด“คุณเวย์” “เป็นยังไงบ้าง สีหน้าดูดีแล้วนี่ ยังปวดหัวอยู่หรือเปล่าแล้วเช้านี้มีไข้ไหม” คนมาใหม่ถามทีเดียวหลายคำถาม “ให้เมยตอบคำถามไหนก่อนดีคะ” “สั้น ๆ เลย ตอนนี้คุณโอเคไหม” “ค่ะ เมยไม่เป็นอะไรแล้ว เช้านี้ไม่มีไข้ ไม่ปวดหัวแล้วค่ะ คุณเวย์ไม่ต้องลำบากมาเยี่ยมก็ได้” เมญาวีดีใจที่เขามาเยี่ยมแ
แพทย์ของไข้มาตรวจอีกครั้งในตอนบ่าย เขาอนุญาตให้หญิงสาวกลับบ้านได้ แต่ก็กำชับให้เธอทานต่ออีกจนครบห้าวันและถ้ากลับไปแล้วยังมีไข้หรือมีอาการผิดปกติก็ต้องรีบกลับมาพบแพทย์“ผมจะไปชำระเงินก่อนระหว่างนี้คุณก็เตรียมเปลี่ยนชุดรอเลยนะครับ ผมลืมถามเลยว่าคุณมีชุดสำหรับใส่กลับบ้านไหม”“มีค่ะ รินเตรียมมาให้แล้ว”“ถ้าเปลี่ยนชุดแล้วก็รอผมอยู่ตรงนี้ก่อนนะ”“ค่ะ”เวหาออกจากห้องไปแล้วเมญาวีก็รีบเข้าห้องน้ำ ชุดที่เพื่อนของเธอเตรียมมาให้นั้นเป็นเดรสแขนระบายสีฟ้า มีลายดอกไม้เล็กที่ปลายกระโปรงซึ่งยาวคลุมเข่ามาเล็กน้อยเมญาวีรีบแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหวานตอนนี้ปราศจากเครื่องสำอาง แต่มันก็ดูไม่โทรมเท่าไหร่ คงเพราะเธอได้นอนพักอย่างเต็มที่ เมญาวีมัดผมเป็นหางม้าอย่างเดิมก่อนจะออกมานั่งรอเวหาที่โซฟาตัวยาวรถยนต์คันหรูจอดที่หน้าอาคารพาณิชย์สี่ชั้นแห่งหนึ่งด้านล่างเป็นร้านอาหารตามสั่งและร้านซักรีด ส่วนด้านบนแบ่งพื้นที่เป็นหอพักให้เช่า“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”“ห้องคุณอยู่บนตึกนั้นเหรอครับ”“ใช่ค่ะ ด้านล่างเป็นร้านค้า ด้านบนแบ่งเป็นหอพักให้เช่าค่ะ มันอาจจะดูเก่าไปหน่อยแต่ด้านในก็พออยู่ได้ค่ะ”“ผมคิดว่าคุณจะอยู่ที่ดีก
เวหากลับมาถึงบ้านของตัวเองก่อนเวลาอาหารเย็นเพียงเล็กน้อยมารดาของเขาดูอารมณ์ดีขึ้นมาก คงเพราะได้คุยกับเพื่อน ๆ ชายหนุ่มอยากเห็นภาพยิ้มแย้มแบบนี้ทุกวัน แต่คิดว่ามันคงเป็นไปได้ยาก แต่เขาก็จะพยายามทำให้เธอมีความสุขที่สุด“แม่ครับ เราออกไปทานข้าวข้างนอกกันดีไหมครับ” เวหาไม่อยากให้แม่ต้องอารมณ์เสียเพราะวันนี้พ่อของเขาอยู่บ้าน ชายหนุ่มไม่อยากให้ทั้งสองปะทะคารมกันบนโต๊ะอาหารเหมือนเมื่อวาน“ได้สิ เวย์ไปร้านไหนล่ะลูก ร้านเดิมดีไหม”“แม่ครับเราไปทานสเต๊กดีไหมครับ มีร้านเปิดใหม่ไม่ไกลจากบ้านเราเลยนะครับ”เวหาไม่อยากไปไกลจากบ้านเพราะรู้ว่ามารดาต้องรีบกลับมาทานยาและพักผ่อนตามเวลา“แม่ตามใจเวย์ แต่ขอแม่ไปเปลี่ยนชุดก่อนได้ไหม”“แม่ครับ ชุดนี้ก็สวยอยู่แล้วไม่เห็นต้องเปลี่ยนเลย” ชายหนุ่มเดินเข้ามาหามารดาพร้อมกับสวมกอด ผู้หญิงคนนี้ไม่ว่าจะอยู่ในชุดไหนก็สวยสำหรับเขาเสมอ“ไม่ได้หลอกแม่ใช่ไหม” วราพรก้มมองตัวเองอย่างไม่มั่นใจ“ไม่เลยครับ ผมว่าเรารีบไปกันเถอะ พอพูดถึงอาหารผมก็เริ่มหิวขึ้นมาแล้ว”พอได้ออกมาทานอาหารนอกบ้านมารดาของเขาก็ทานได้เยอะกว่าปกติ และดูมีความสุขมากกว่าทานกับบิดาด้วยซ้ำ เวหาไม่เข้าใจว่าถ
การเริ่มงานในเช้าวันจันทร์ของเมญาวีแปลกไปกว่าทุกวัน เพราะทันทีที่เธอเดินลงมาจากหอพักก็พบกับรถของเจ้านายที่มาจอดรออยู่แล้ว“สวัสดีค่ะคุณเวย์ มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าคะ ถึงมาตั้งแต่เช้าแบบนี้”“ไม่ด่วนหรอกครับ ผมแค่คิดว่าเราน่าจะไปที่โรงงานก่อน แล้วตอนบ่ายค่อยเข้าบริษัท”“ก็ดีเหมือนกันนะคะ ออกจากที่นี่เวลานี้ไป พอไปถึงทุกคนก็คงมาทำงานกันแล้ว คุณเวย์ทานอะไรมาหรือยังคะ”“ยังเลยครับ ผมว่าจะชวนคุณไปหาอะไรทานก่อน แถวนี้มีร้านไหนเปิดเช้าบ้างครับ”“ไม่มีหรอกค่ะ ส่วนใหญ่จะเปิดกับใกล้ ๆ เที่ยง ถ้าจะมีก็แต่ร้านข้าวเหนียวหมูปิ้งคุณทานได้ไหมคะ”“ได้สิ ตอนเด็ก ๆ พ่อจะซื้อให้กินที่หน้าโรงเรียนบ่อย”“คุณเวย์รออยู่ตรงนี้นะคะ เดี๋ยวเมยเดินไปซื้อให้”“ไปซื้อด้วยกันก็ได้นะครับ ขึ้นรถมาเลย”“อย่าเลยค่ะ ตรงนั้นมันไม่มีที่จอด เมยไปไม่ถึง 5 นาทีหรอกนะคะ”“เมยครับ จะว่าอะไรไหมถ้าผมขอขึ้นไปเข้าห้องน้ำบนห้องคุณหน่อย” “ได้ค่ะ คุณเวย์เอากุญแจไปเปิดเองนะคะ” เมญาวีส่งกุญแจห้องให้กับเจ้านาย ส่วนตัวเองนั้นรีบเดินไปยังหน้าปากซอยเพื่อซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งมาเป็นอาหารเช้าสำหรับตัวเองและเจ้านายหนุ่มที่วันนี้ดูท่
ตลอดหนึ่งเดือนเวหามีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเมญาวีเพิ่มมากขึ้นเพราะช่วงนี้มารดาของเขากำลังติดเพื่อน เวหาจึงมีเวลาไปรับไปส่งบ่อยขึ้นด้วยเหตุผลที่ว่ามันเป็นทางผ่าน“คุณเวย์คะ เย็นนี้เมยคงไปทานข้าวกับคุณไม่ได้นะคะ” ผู้ช่วยสาวบอกกับเจ้านายหนุ่มเมื่อถึงเวลาเลิกงาน“ทำไมล่ะครับผมนึกว่าเราไปจะทานด้วยกันทุกวันเสียอีก” เวหากลัวว่าเธอจะรำคาญที่เขาเอาแต่ตามติดเธอมาตลอด“เมยนัดกับรินไว้ค่ะ คุณเวย์ไม่ต้องไปส่งนะคะ เดี๋ยวรินจะมารับที่นี่เองค่ะ” เธอรีบบอกเมื่อเห็นว่าเขาเองก็กำลังเก็บของบนโต๊ะทำงาน“แย่จังนะครับ ผมไม่อยากทานข้าวคนเดียวเลย” เสียงนั้นฟังเหมือนเขากำลังผิดหวัง“พูดแบบนี้เมยรู้สึกผิดเลยค่ะ”“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจพูดให้คุณรู้สึกผิดนะครับ คุณไปกับเพื่อนเถอะ ผมเองก็คงจะไปหาเพื่อนเหมือนกัน” นานแล้วเหมือนกันที่เวหาไม่ได้ออกไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อน“เมยไปก่อนนะคะรินมาถึงแล้วค่ะ เจอกันวันจันทร์นะคะ”“ครับ เจอกันครับ” เวหาไม่ได้บอกว่าจะเจอกันวันไหน แต่คงไม่ใช่วันจันทร์อย่างที่เธอบอกแน่เมญาวีคว้ากระเป๋าสะพายแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างรีบร้อน เธอไม่อยากเพื่อนรักรอนานหญิงสาวออกจากลิฟต์แล้วตรงไปยังลานจอด
จากที่คิดว่าจะตื่นสายสักหน่อยเพราะไม่อยากให้หน้าของตัวเองโทรแต่เมญาวีก็ทำแบบนั้นไม่ได้เพราะเธอชินกับการตื่นเช้าไปเสียแล้ว เหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาที่นัดไว้เมญาวีเลยทำความสะอาดห้องและเปลี่ยนผ้าปูที่นอนก่อนจะนำลงส่งที่ร้านซักรีดที่อยู่ชั้นล่างสุดของหอพัก จากนั้นก็แวะทานอาหารกลางวันแล้วจะขึ้นมาอาบน้ำ แต่งตัวอย่างไม่รีบร้อน เธอสำรวจตัวเองหน้ากระจกอีกครั้งก่อนที่เวหาจะมารับ วันนี้เมญาวีสวมเสื้อครอปปาดไหล่สีขาวแขนสามส่วนกับกางเกงผ้าขาสั้นเหนือเข่า จากนั้นสวมรองเท้าผ้าใบสีขาวแต่งลายสีม่วงพาสเทลเตรียมพร้อมที่จะออกจากห้อง พอถึงเวลานัดเจ้านายหนุ่มก็โทรขึ้นมาตาม เธอรีบเดินลงมาจากหอพักด้วยใจที่เต้นแรง นี่เป็นครั้งแรกที่ออกไปไหนด้วยกันในวันหยุด “คิดไว้หรือยังว่าจะดูเรื่องอะไร” เวหาถามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว เขาแอบมองดูการแต่งตัวของเธอไปด้วยในขณะที่พูด วันนี้ผู้ช่วยของเขาแต่งตัวได้น่ารักสมวัยกว่าทุกวันที่ไปทำงาน “คุณเวย์มองอะไรคะ” “ผมว่าเมยแต่งตัวแบบนี้น่ารักดีนะครับ”
เมญาวีเอาแต่เงียบจนทำให้เวหาเริ่มใจคอไม่ดี “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ผมอาจจะพูดตรงเกินไป แต่ผมอยากเป็นแฟนกับคุณจริง ๆ นะครับ หรือว่าตอนนี้คุณกำลังคบใครอยู่” “เปล่าค่ะ เมยไม่ได้คบใครอยู่” “หรือผมไม่ดีพอ” “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะคะ” “ผมรู้มันอาจเร็วไปสำหรับผู้หญิงแต่สำหรับผมมันช้าไปด้วยซ้ำ ผมไม่รู้นะว่าตอนนี้ในใจของคุณมีใครหรือกำลังคิดอะไรอยู่ ผมไม่เร่งรัดจะเอาคำตอบ ผมแค่อยากบอกความรู้สึกออกไป ผมรู้สึกดีกับคุณมาก อยากอยู่ใกล้ตลอดเวลา ความรู้สึกนี้มันมากขึ้นเรื่อย ๆ จนผมเก็บเอาไว้คนเดียวไม่ได้ เอาจริงนะ ผมไม่เคยขอใครเป็นแฟนมาก่อนเลยไม่รู้ว่าที่ทำอยู่มันถูกต้องไหม” ความรู้สึกที่เก็บไว้พรั่งพรูออกมาเป็นคำพูดอย่างไม่จะเก็บเอาไว้ได้อีกต่อไป “เมยไม่ได้รังเกียจคุณหรอกนะคะ เมยยอมรับว่าตัวเองก็รู้สึกดีกับคุณ แต่มันมีบางอย่างที่เมยต้องเล่าให้คุณฟังก่อน” “เล่ามาสิครับ ผมพร้อมฟัง” “ถ้าฟังจบแล้วคุณอาจจะหัวเราะหรืออาจเปลี่ยนใจเมยก็ไม่ว่า แต่ถ้าเมยไม่บอกคุณมันก็เหมือนเมยไม่ให้เกียรติคุณ” “เล่ามาเถอะครับ แล้วผ
วันศุกร์เป็นวันที่ใครหลายคนรอคอยเพราะพรุ่งนี้ก็จะได้หยุดอยู่บ้าน แต่สำหรับเมญาวีแล้วเธอรู้สึกว่ามันเป็นวันที่แสนน่าเบื่อ เพราะเช้านี้หญิงสาวได้รับโทรศัพท์จากเจ้าของหอพักว่ามีเรื่องอยากจะคุยด้วยเลยขอให้เธออยู่รอก่อนที่จะออกไปทำงาน เมญาวีคิดว่ามันต้องเป็นเรื่องสำคัญเพราะถ้าไม่อย่างนั้นก็คงคุยกันทางโทรศัพท์ไปแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะคิดค่าเช่าเพิ่มหรือเปล่า แต่สำหรับเธอแล้วคิดว่าถ้าเจ้าของหอจะขึ้นค่าเช่า ก็คงไม่เป็นปัญหาเพราะตอนหญิงสาวได้เป็นพนักงานประจำแล้ว เงินเดือนของเธอก็เพิ่มขึ้นจากเดิมถึงสามพันบาท แล้วยิ่งช่วงหลายเดือนมานี้เมญาวีแทบจะต้องใช้จ่ายอะไรเลย ไปทำงานก็ไปพร้อมเจ้านาย พอตกเย็นเจ้านายก็พาไปทานข้าวอยู่เป็นประจำ หญิงสาวไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเจ้านายและลูกน้องคนอื่น ๆ จะเป็นเหมือนเธอไหม พอถามเรื่องนี้กับรินรดาเพื่อนก็บอกว่าสิ่งที่เวหาทำนั้นมันมากกว่าคำว่าเจ้านายกับลูกน้องทั่ว ๆ ไป เธอไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองแต่ที่ผ่านมาก็สัมผัสได้ว่าระหว่างตัวเองและเวหามันมีอะไรมากกว่าอย่างที่รินรดาบอก พอคิดเรื่องของเจ้านายเธอก็ลืมไปสนิทเลย
หลังจากมีเดทแรกด้วยกันจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบจะสามเดือนแล้ว เวหามักจะพาเมญาวีออกไปทานข้าว ซื้อของ หรือบางครั้งก็ไปดูหนังและฟังเพลงด้วยกันบ้างในวันหยุด แต่พออยู่ที่ทำงานก็เว้นระยะห่างในระดับหนึ่งเพราะไม่อยากให้เมญาวีต้องลำบากใจ วันนี้ชายหนุ่มตั้งใจว่าจะขอเมญาวีเป็นแฟน เพราะเขามั่นใจแล้วว่าเธอคือผู้หญิงที่เขาอยู่ด้วยแล้วมีความสุข ช่วงเวลาที่ได้รู้จักกันมันอาจจะดูสั้น แต่เพราะทั้งเขาและเธออยู่ใกล้ชิดกันมากในแต่ละวัน ทำให้ได้เรียนรู้กันและกันมากขึ้น แล้วแผนที่วางไว้ก็ล้มไม่เป็นท่า เมื่อมารดาของเวหาโทรมาบอกให้เขากลับไปทานอาหารเย็นกับเธอที่บ้านเพราะมีคนสำคัญที่อยากให้ลูกชายได้เจอ “เมย ผมขอโทษนะครับ เย็นนี้ผมคงไปทานข้าวกับคุณไม่ได้”เวหารู้สึกผิดเพราะวันนี้เขานัดทานอาหารเย็นกับเธอ “ไม่เป็นไรค่ะ เมยเข้าใจ” เมญาวีรู้ดีว่าชายหนุ่มมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขานัดทานข้าวกับเธอแล้วทำอย่างที่พูดไม่ได้ แต่หญิงสาวก็ไม่เคยโกรธเขาเลยสักนิด กลับนึกชื่นชมด้วยซ้ำที่เขารักและดูแลมารดาเป็นอย่างดี “คุณจะกลับเลยไหมจะได้ออกไ
หลังจากมีเดทแรกด้วยกันจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบจะสามเดือนแล้ว เวหามักจะพาเมญาวีออกไปทานข้าว ซื้อของ หรือบางครั้งก็ไปดูหนังและฟังเพลงด้วยกันบ้างในวันหยุด แต่พออยู่ที่ทำงานก็เว้นระยะห่างในระดับหนึ่งเพราะไม่อยากให้เมญาวีต้องลำบากใจ วันนี้ชายหนุ่มตั้งใจว่าจะขอเมญาวีเป็นแฟน เพราะเขามั่นใจแล้วว่าเธอคือผู้หญิงที่เขาอยู่ด้วยแล้วมีความสุข ช่วงเวลาที่ได้รู้จักกันมันอาจจะดูสั้น แต่เพราะทั้งเขาและเธออยู่ใกล้ชิดกันมากในแต่ละวัน ทำให้ได้เรียนรู้กันและกันมากขึ้น แล้วแผนที่วางไว้ก็ล้มไม่เป็นท่า เมื่อมารดาของเวหาโทรมาบอกให้เขากลับไปทานอาหารเย็นกับเธอที่บ้านเพราะมีคนสำคัญที่อยากให้ลูกชายได้เจอ “เมย ผมขอโทษนะครับ เย็นนี้ผมคงไปทานข้าวกับคุณไม่ได้”เวหารู้สึกผิดเพราะวันนี้เขานัดทานอาหารเย็นกับเธอ “ไม่เป็นไรค่ะ เมยเข้าใจ” เมญาวีรู้ดีว่าชายหนุ่มมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขานัดทานข้าวกับเธอแล้วทำอย่างที่พูดไม่ได้ แต่หญิงสาวก็ไม่เคยโกรธเขาเลยสักนิด กลับนึกชื่นชมด้วยซ้ำที่เขารักและดูแลมารดาเป็นอย่างดี “คุณจะกลับเลยไหมจะได้ออกไ
จากที่คิดว่าจะตื่นสายสักหน่อยเพราะไม่อยากให้หน้าของตัวเองโทรแต่เมญาวีก็ทำแบบนั้นไม่ได้เพราะเธอชินกับการตื่นเช้าไปเสียแล้ว เหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาที่นัดไว้เมญาวีเลยทำความสะอาดห้องและเปลี่ยนผ้าปูที่นอนก่อนจะนำลงส่งที่ร้านซักรีดที่อยู่ชั้นล่างสุดของหอพัก จากนั้นก็แวะทานอาหารกลางวันแล้วจะขึ้นมาอาบน้ำ แต่งตัวอย่างไม่รีบร้อน เธอสำรวจตัวเองหน้ากระจกอีกครั้งก่อนที่เวหาจะมารับ วันนี้เมญาวีสวมเสื้อครอปปาดไหล่สีขาวแขนสามส่วนกับกางเกงผ้าขาสั้นเหนือเข่า จากนั้นสวมรองเท้าผ้าใบสีขาวแต่งลายสีม่วงพาสเทลเตรียมพร้อมที่จะออกจากห้อง พอถึงเวลานัดเจ้านายหนุ่มก็โทรขึ้นมาตาม เธอรีบเดินลงมาจากหอพักด้วยใจที่เต้นแรง นี่เป็นครั้งแรกที่ออกไปไหนด้วยกันในวันหยุด “คิดไว้หรือยังว่าจะดูเรื่องอะไร” เวหาถามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว เขาแอบมองดูการแต่งตัวของเธอไปด้วยในขณะที่พูด วันนี้ผู้ช่วยของเขาแต่งตัวได้น่ารักสมวัยกว่าทุกวันที่ไปทำงาน “คุณเวย์มองอะไรคะ” “ผมว่าเมยแต่งตัวแบบนี้น่ารักดีนะครับ”
ตลอดหนึ่งเดือนเวหามีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเมญาวีเพิ่มมากขึ้นเพราะช่วงนี้มารดาของเขากำลังติดเพื่อน เวหาจึงมีเวลาไปรับไปส่งบ่อยขึ้นด้วยเหตุผลที่ว่ามันเป็นทางผ่าน“คุณเวย์คะ เย็นนี้เมยคงไปทานข้าวกับคุณไม่ได้นะคะ” ผู้ช่วยสาวบอกกับเจ้านายหนุ่มเมื่อถึงเวลาเลิกงาน“ทำไมล่ะครับผมนึกว่าเราไปจะทานด้วยกันทุกวันเสียอีก” เวหากลัวว่าเธอจะรำคาญที่เขาเอาแต่ตามติดเธอมาตลอด“เมยนัดกับรินไว้ค่ะ คุณเวย์ไม่ต้องไปส่งนะคะ เดี๋ยวรินจะมารับที่นี่เองค่ะ” เธอรีบบอกเมื่อเห็นว่าเขาเองก็กำลังเก็บของบนโต๊ะทำงาน“แย่จังนะครับ ผมไม่อยากทานข้าวคนเดียวเลย” เสียงนั้นฟังเหมือนเขากำลังผิดหวัง“พูดแบบนี้เมยรู้สึกผิดเลยค่ะ”“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจพูดให้คุณรู้สึกผิดนะครับ คุณไปกับเพื่อนเถอะ ผมเองก็คงจะไปหาเพื่อนเหมือนกัน” นานแล้วเหมือนกันที่เวหาไม่ได้ออกไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อน“เมยไปก่อนนะคะรินมาถึงแล้วค่ะ เจอกันวันจันทร์นะคะ”“ครับ เจอกันครับ” เวหาไม่ได้บอกว่าจะเจอกันวันไหน แต่คงไม่ใช่วันจันทร์อย่างที่เธอบอกแน่เมญาวีคว้ากระเป๋าสะพายแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างรีบร้อน เธอไม่อยากเพื่อนรักรอนานหญิงสาวออกจากลิฟต์แล้วตรงไปยังลานจอด
การเริ่มงานในเช้าวันจันทร์ของเมญาวีแปลกไปกว่าทุกวัน เพราะทันทีที่เธอเดินลงมาจากหอพักก็พบกับรถของเจ้านายที่มาจอดรออยู่แล้ว“สวัสดีค่ะคุณเวย์ มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าคะ ถึงมาตั้งแต่เช้าแบบนี้”“ไม่ด่วนหรอกครับ ผมแค่คิดว่าเราน่าจะไปที่โรงงานก่อน แล้วตอนบ่ายค่อยเข้าบริษัท”“ก็ดีเหมือนกันนะคะ ออกจากที่นี่เวลานี้ไป พอไปถึงทุกคนก็คงมาทำงานกันแล้ว คุณเวย์ทานอะไรมาหรือยังคะ”“ยังเลยครับ ผมว่าจะชวนคุณไปหาอะไรทานก่อน แถวนี้มีร้านไหนเปิดเช้าบ้างครับ”“ไม่มีหรอกค่ะ ส่วนใหญ่จะเปิดกับใกล้ ๆ เที่ยง ถ้าจะมีก็แต่ร้านข้าวเหนียวหมูปิ้งคุณทานได้ไหมคะ”“ได้สิ ตอนเด็ก ๆ พ่อจะซื้อให้กินที่หน้าโรงเรียนบ่อย”“คุณเวย์รออยู่ตรงนี้นะคะ เดี๋ยวเมยเดินไปซื้อให้”“ไปซื้อด้วยกันก็ได้นะครับ ขึ้นรถมาเลย”“อย่าเลยค่ะ ตรงนั้นมันไม่มีที่จอด เมยไปไม่ถึง 5 นาทีหรอกนะคะ”“เมยครับ จะว่าอะไรไหมถ้าผมขอขึ้นไปเข้าห้องน้ำบนห้องคุณหน่อย” “ได้ค่ะ คุณเวย์เอากุญแจไปเปิดเองนะคะ” เมญาวีส่งกุญแจห้องให้กับเจ้านาย ส่วนตัวเองนั้นรีบเดินไปยังหน้าปากซอยเพื่อซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งมาเป็นอาหารเช้าสำหรับตัวเองและเจ้านายหนุ่มที่วันนี้ดูท่
เวหากลับมาถึงบ้านของตัวเองก่อนเวลาอาหารเย็นเพียงเล็กน้อยมารดาของเขาดูอารมณ์ดีขึ้นมาก คงเพราะได้คุยกับเพื่อน ๆ ชายหนุ่มอยากเห็นภาพยิ้มแย้มแบบนี้ทุกวัน แต่คิดว่ามันคงเป็นไปได้ยาก แต่เขาก็จะพยายามทำให้เธอมีความสุขที่สุด“แม่ครับ เราออกไปทานข้าวข้างนอกกันดีไหมครับ” เวหาไม่อยากให้แม่ต้องอารมณ์เสียเพราะวันนี้พ่อของเขาอยู่บ้าน ชายหนุ่มไม่อยากให้ทั้งสองปะทะคารมกันบนโต๊ะอาหารเหมือนเมื่อวาน“ได้สิ เวย์ไปร้านไหนล่ะลูก ร้านเดิมดีไหม”“แม่ครับเราไปทานสเต๊กดีไหมครับ มีร้านเปิดใหม่ไม่ไกลจากบ้านเราเลยนะครับ”เวหาไม่อยากไปไกลจากบ้านเพราะรู้ว่ามารดาต้องรีบกลับมาทานยาและพักผ่อนตามเวลา“แม่ตามใจเวย์ แต่ขอแม่ไปเปลี่ยนชุดก่อนได้ไหม”“แม่ครับ ชุดนี้ก็สวยอยู่แล้วไม่เห็นต้องเปลี่ยนเลย” ชายหนุ่มเดินเข้ามาหามารดาพร้อมกับสวมกอด ผู้หญิงคนนี้ไม่ว่าจะอยู่ในชุดไหนก็สวยสำหรับเขาเสมอ“ไม่ได้หลอกแม่ใช่ไหม” วราพรก้มมองตัวเองอย่างไม่มั่นใจ“ไม่เลยครับ ผมว่าเรารีบไปกันเถอะ พอพูดถึงอาหารผมก็เริ่มหิวขึ้นมาแล้ว”พอได้ออกมาทานอาหารนอกบ้านมารดาของเขาก็ทานได้เยอะกว่าปกติ และดูมีความสุขมากกว่าทานกับบิดาด้วยซ้ำ เวหาไม่เข้าใจว่าถ
แพทย์ของไข้มาตรวจอีกครั้งในตอนบ่าย เขาอนุญาตให้หญิงสาวกลับบ้านได้ แต่ก็กำชับให้เธอทานต่ออีกจนครบห้าวันและถ้ากลับไปแล้วยังมีไข้หรือมีอาการผิดปกติก็ต้องรีบกลับมาพบแพทย์“ผมจะไปชำระเงินก่อนระหว่างนี้คุณก็เตรียมเปลี่ยนชุดรอเลยนะครับ ผมลืมถามเลยว่าคุณมีชุดสำหรับใส่กลับบ้านไหม”“มีค่ะ รินเตรียมมาให้แล้ว”“ถ้าเปลี่ยนชุดแล้วก็รอผมอยู่ตรงนี้ก่อนนะ”“ค่ะ”เวหาออกจากห้องไปแล้วเมญาวีก็รีบเข้าห้องน้ำ ชุดที่เพื่อนของเธอเตรียมมาให้นั้นเป็นเดรสแขนระบายสีฟ้า มีลายดอกไม้เล็กที่ปลายกระโปรงซึ่งยาวคลุมเข่ามาเล็กน้อยเมญาวีรีบแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหวานตอนนี้ปราศจากเครื่องสำอาง แต่มันก็ดูไม่โทรมเท่าไหร่ คงเพราะเธอได้นอนพักอย่างเต็มที่ เมญาวีมัดผมเป็นหางม้าอย่างเดิมก่อนจะออกมานั่งรอเวหาที่โซฟาตัวยาวรถยนต์คันหรูจอดที่หน้าอาคารพาณิชย์สี่ชั้นแห่งหนึ่งด้านล่างเป็นร้านอาหารตามสั่งและร้านซักรีด ส่วนด้านบนแบ่งพื้นที่เป็นหอพักให้เช่า“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”“ห้องคุณอยู่บนตึกนั้นเหรอครับ”“ใช่ค่ะ ด้านล่างเป็นร้านค้า ด้านบนแบ่งเป็นหอพักให้เช่าค่ะ มันอาจจะดูเก่าไปหน่อยแต่ด้านในก็พออยู่ได้ค่ะ”“ผมคิดว่าคุณจะอยู่ที่ดีก