การเริ่มงานในเช้าวันจันทร์ของเมญาวีแปลกไปกว่าทุกวัน เพราะทันทีที่เธอเดินลงมาจากหอพักก็พบกับรถของเจ้านายที่มาจอดรออยู่แล้ว
“สวัสดีค่ะคุณเวย์ มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าคะ ถึงมาตั้งแต่เช้าแบบนี้”
“ไม่ด่วนหรอกครับ ผมแค่คิดว่าเราน่าจะไปที่โรงงานก่อน แล้วตอนบ่ายค่อยเข้าบริษัท”
“ก็ดีเหมือนกันนะคะ ออกจากที่นี่เวลานี้ไป พอไปถึงทุกคนก็คงมาทำงานกันแล้ว คุณเวย์ทานอะไรมาหรือยังคะ”
“ยังเลยครับ ผมว่าจะชวนคุณไปหาอะไรทานก่อน แถวนี้มีร้านไหนเปิดเช้าบ้างครับ”
“ไม่มีหรอกค่ะ ส่วนใหญ่จะเปิดกับใกล้ ๆ เที่ยง ถ้าจะมีก็แต่ร้านข้าวเหนียวหมูปิ้งคุณทานได้ไหมคะ”
“ได้สิ ตอนเด็ก ๆ พ่อจะซื้อให้กินที่หน้าโรงเรียนบ่อย”
“คุณเวย์รออยู่ตรงนี้นะคะ เดี๋ยวเมยเดินไปซื้อให้”
“ไปซื้อด้วยกันก็ได้นะครับ ขึ้นรถมาเลย”
“อย่าเลยค่ะ ตรงนั้นมันไม่มีที่จอด เมยไปไม่ถึง 5 นาทีหรอกนะคะ”
“เมยครับ จะว่าอะไรไหมถ้าผมขอขึ้นไปเข้าห้องน้ำบนห้องคุณหน่อย”
“ได้ค่ะ คุณเวย์เอากุญแจไปเปิดเองนะคะ” เมญาวีส่งกุญแจห้องให้กับเจ้านาย ส่วนตัวเองนั้นรีบเดินไปยังหน้าปากซอยเพื่อซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งมาเป็นอาหารเช้าสำหรับตัวเองและเจ้านายหนุ่มที่วันนี้ดูท่าทางแปลก ๆ
เมญาวีได้ข้าวเหนียวหมูปิ้งและน้ำส้มคั้นสดจากร้านที่อยู่ติดกันมาอีก 2 ขวด จากนั้นก็รับเดินกลับมายังห้องพักของตัวเองอีกครั้ง
พอทานอาหารเช้าแบบง่าย ๆ เสร็จแล้ว เวหาก็ขับรถพาเมญาวีไปยังโรงงานที่อยุธยา
“กลางวันนี้ผมว่าไปทานที่ร้านเดิมอีกคุณว่าดีไหม” เขาชวนคุยขณะขับรถออกมาได้เพียงนิด
“ก็ดีค่ะ อาหารอร่อย สะอาดและไม่ไกลจากโรงงานด้วย”
“ผมว่ากุ้งของเขาสดดี ว่าจะซื้อไปฝากแม่สักหน่อย คุณล่ะครับ ชอบทานอะไรของร้านนั้นเป็นพิเศษหรือเปล่า”
“ห่อหมกทะเลมะพร้าวอ่อนค่ะ”
“ผมก็เหมือนกัน” เวหาตอบแล้วหันมายิ้ม
เมญาวีไม่ค่อยได้เห็นรอยยิ้มของเจ้านายแบบนี้บ่อยนัก เพราะที่ผ่านมาดูเขาจะเครียดกับทั้งเรื่องงานและเรื่องทางบ้าน ไม่คิดเลยว่าคนที่ใบหน้าเย็นชาอย่างเจ้านายเวลายิ้มแล้วทำให้เขามีเสน่ห์มากขึ้นอีกหลายเท่าตัวเลยทีเดียว
“หน้าผมมีอะไรติดหรือเปล่า ทำไมคุณมองแล้วยิ้ม หรือว่าข้าวเหนียวที่ทานไปเมื่อกี้”
เวหาปล่อยมือข้างหนึ่งจากพวงมาลัยแล้วลูบไปบนหน้าตัวเองจนทั่ว
“ไม่มีอะไรติดหรอกค่ะ”
“ก็คุณมองหน้าผมแล้ว”
“ก็เมื่อกี้คุณยิ้ม เมยก็เลยเผลอยิ้มตามเท่านั้นเองค่ะ”
“มันแปลกมากเลยเหรอครับ”
“ไม่แปลกหรอกค่ะ เพียงแต่คุณไม่ค่อยยิ้ม”
“ชีวิตผมไม่ค่อยเรื่องให้ยิ้มเท่าไหร่” สีหน้าของเขากลับมาจริงจังอีกครั้ง
“เรื่องเล็กน้อยเราก็ยิ้มได้นะคะ อย่างเช่นเมื่อเช้าเมยไปซื้อน้ำส้มแล้วแม่ค้าบอกว่าเหลือสองขวดสุดท้าย เมยก็ยิ้มแล้วค่ะ เรื่องโชคดีเล็ก ๆ น้อยเราก็สามารถมีความสุขกับมันได้นะคะ”
“คุณเป็นคนมองโลกในแง่ดีจังนะครับ”
“ไม่หรอกค่ะ เมยก็แค่พูดไปตามที่ตัวเองรู้สึกเท่านั้นเอง”
ทั้งสองคนพูดคุยกันอีกหลายเรื่อง เวลาเกือบสองชั่วโมงมันดูเหมือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนแทบไม่รู้ตัวและตอนนี้รถของเวหาก็มาจอดอยู่หน้าโรงงานแล้ว
เพราะงานที่ยังไม่เรียบร้อยมื้อกลางวันของทั้งสองคนก็เลยเป็นอาหารที่ทางผู้จัดการโรงงานเตรียมให้แทนที่จะได้ไปทานที่ร้านอย่างที่คุยกันไว้
กว่างานจะเรียบร้อยก็เป็นเวลาเย็น เวหารีบโทรศัพท์ไปบอกมารดาว่าเขาคงกลับไปทานอาหารด้วยไม่ได้เพราะตอนนี้ยังไม่ออกจากอยุธยา
ชายหนุ่มยิ้มออกเมื่อมารดาบอกว่าเย็นนี้จะออกไปทานอาหารกับเพื่อนกลุ่มเดิมที่แวะมาหาที่บ้านเมื่อวันก่อนทำให้เขาโล่งใจเพราะอย่างน้อยเธอก็ไม่ได้เหงาอยู่คนเดียว
“ดูคุณเวย์ไม่ค่อยกังวลเลยนะคะ” เมญวีถามอย่างแปลกใจเพราะเธอรู้ว่าเจ้านายจะต้องรีบกลับไปทานอาหารเย็นกับมารดาทุกวัน แต่วันนี้เขากลับดูไม่รีบร้อนอย่างเคย
“ครับ วันนี้แม่ผมมีคนทานข้าวด้วยแล้ว เราคงไม่ต้องรีบกลับ ผมว่าเราไปหาอะไรทานก่อนกลับดีไหมร้านที่เราคุยกันไว้ตอนเช้าก็ได้นะครับ”
“ค่ะ เดี๋ยวเมยขอเช็กดูก่อนนะคะว่าร้านปิดกี่โมง” เมญาวีเลี่ยงไปคุยโทรศัพท์ไม่นานแล้วหญิงสาวก็เดินกลับมาพร้อมด้วยรอยยิ้มประดับบนใบหน้า
อาหารมื้อเย็นที่ไม่เร่งรีบกับบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยายามเย็นทำให้ผู้ช่วยสาวและเจ้านายหนุ่มนั่งทานอาหารอย่างเพลิดเพลิน จนกระทั่งความมืดเข้าปกคลุมไปทั้งบริเวณ
“ขอบคุณนะคะคุณเวย์ อาหารมื้อนี้อร่อยมากค่ะ”
“ถ้าอร่อยเราก็มาทานกันบ่อย ๆ สิครับ”
“ค่ะ ถ้ามาทำงานที่นี่ร้านนี้ก็คงเป็นร้านประจำ”
“ไม่มาทำงานเราก็มาได้นี่ครับ ไม่ไกลเลย บางทีผมอาจชวนแม่มาทานที่นี่ ได้บรรยากาศดี ๆ แบบนี้ท่านคงชอบ”
เมญาวีรู้สึกประทับใจเจ้านายของตัวเองอย่างมาก และนึกอิจฉาผู้หญิงที่จะมาเป็นแฟนเขา เพราะดูแล้วเวหาเป็นคนที่รักแม่เพราะฉะนั้นเวลาเขามีภรรยาก็คงจะรักภรรยามากอย่างไม่ต้องสงสัย
เวหาและเมญาวีออกจากร้านในเวลาเกือบสองทุ่ม เขาไม่เร่งรีบอะไรมากจึงขับรถแบบสบาย ๆ แต่ก็แอบกังวลว่าหญิงสาวที่นั่งมาด้วยนั้นจะมีธุระรีบไปไหนหรือเปล่า
“เมย ผมลืมถามเลยว่าคุณมีธุระรีบกลับหรือเปล่า ขอโทษนะผมทำให้คุณเสียเวลา”
“ไม่หรอกค่ะ จะกลับช้าหรือเร็วก็มีค่าเท่ากันเพราะเมยไม่มีอะไรต้องทำอยู่แล้ว”
“ปกติตอนเย็นคุณทำอะไรหลังเลิกงานครับ” อยู่ ๆ เขาก็อยากรู้เรื่องส่วนตัวของเธอขึ้นมาซะอย่างนั้น
“ถ้าไม่ไปทานข้าวกับรินก็กลับห้องค่ะ”
“ผมเห็นคุณพูดถึงแต่เพื่อนที่ชื่อรินแล้วไม่ออกไปกับคนอื่นอีกเหรอครับ”
“คุณเวย์จะให้เมยไปกับใครล่ะคะ เพื่อนสนิทก็มีแค่รินคนเดียว ส่วนแม่ก็อยู่ต่างจังหวัด”
“ไม่ไปเดทเหรอครับ” เขาถามอย่างตรงประเด็นเพราะรู้สึกว่าจะถามแบบอ้อม ๆ แล้วมันไม่ได้ผล
“เดทเหรอคะ” เมญาวีเข้าใจแล้วว่าที่เขาพยายามถามทั้งหมดก็คงเพราะอยากจะถามว่าเธอมีแฟนหรือยัง
“ครับ เดท”
“ไม่หรอกค่ะ เมยยังไม่รู้จะเดทกับใคร”
คำตอบที่ได้ฟังทำให้คนถามพอใจอย่างที่สุด
“แล้วคุณเวย์ล่ะคะกลับบ้านไปทานอาหารกับคุณแม่ทุกวัน แฟนไม่น้อยใจแย่เหรอแคะ”
“ผมยังไม่มีแฟนครับ”
“เพราะไม่มีเวลาเหรอคะ”
“ครับ ถ้าผมมีใครสักคนแล้วมีเวลาให้เขาไม่เต็มที่ผมก็ยังไม่อยากมีเว้นแต่ว่าเขาคนนั้นจะเข้าใจ”
“ไม่ยากเลยนี่คะ คุณเวย์ก็ชวนแฟนไปทานอาหารที่บ้าน ดูแลทั้งแม่และแฟน ทานกันหลายคนแม่คุณเวย์ก็จะได้ไม่เหงาด้วยนะคะ”
“ก็จริงนะครับ ผมคงต้องเอาคำแนะนำของคุณไปใช้บ้างแล้ว ขอบคุณนะครับ”
“ยินดีค่ะ”
การได้พูดคุยเรื่องส่วนตัวทำให้ทั้งสองจะสนิทกันมากขึ้น เมญาวีรู้สึกว่าเวหาแปลกไปจากเดิม เขาดูเป็นกันเองกับเธอต่างจากวันแรกที่ได้ร่วมงานกัน
ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าแต่เธอรู้สึกว่านอกจากเขาจะเป็นกันเองกับเธอมากขึ้นแล้วสายตาที่เขามองก็ดูแปลกอีกด้วย เมญาวีคิดเข้าข้างตัวเองว่าเจ้านายอาจจะรู้สึกดีกับเธอเหมือนที่เธอเองก็กำลังรู้สึกดีกับเขานับตั้งแต่วันที่เขาไปนอนเฝ้าที่โรงพยาบาล
เรื่องที่ตัวเองแอบรู้สึกดีกับเจ้านายเมญาวีจะให้ใครรู้ไม่ได้เพราะฝ่ายบุคคลห้ามพนักงานที่ยังไม่ผ่านช่วงทดลองงานคบหากับเพื่อนร่วมงานในเชิงชู้สาว หญิงสาวรู้ว่าเวหามาทำงานก่อนเธอได้ไม่นานเพราะฉะนั้นทั้งเขาและเธอก็กำลังอยู่ในขั้นทดลองงานทั้งคู่ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นถึงหัวหน้าโปรเจ็กต์แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมีอำนาจอะไรในบริษัท
เวหาส่งผู้ช่วยจนถึงที่พักแต่ชายหนุ่มไม่ได้ตามเธอขึ้นไปบนห้องเพราะเห็นว่ามันดึกมากแล้ว เขายอมรับว่าดีใจที่รู้ว่าเธอยังมีไม่มีใครแม้ว่ารินรดาเพื่อนของเธอจะบอกแล้วแต่เขาก็อยากมั่นใจ วันนี้จึงได้ถามกับเจ้าตัวอีกครั้ง พอรู้อย่างนี้แล้วก็รู้สึกดี จากนี้เขาคงจะเดินหน้าสานความสัมพันธ์กับเธออย่างจริงจัง หลังจากที่พักเรื่องหัวใจมานานหลายปี
ตลอดหนึ่งเดือนเวหามีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเมญาวีเพิ่มมากขึ้นเพราะช่วงนี้มารดาของเขากำลังติดเพื่อน เวหาจึงมีเวลาไปรับไปส่งบ่อยขึ้นด้วยเหตุผลที่ว่ามันเป็นทางผ่าน“คุณเวย์คะ เย็นนี้เมยคงไปทานข้าวกับคุณไม่ได้นะคะ” ผู้ช่วยสาวบอกกับเจ้านายหนุ่มเมื่อถึงเวลาเลิกงาน“ทำไมล่ะครับผมนึกว่าเราไปจะทานด้วยกันทุกวันเสียอีก” เวหากลัวว่าเธอจะรำคาญที่เขาเอาแต่ตามติดเธอมาตลอด“เมยนัดกับรินไว้ค่ะ คุณเวย์ไม่ต้องไปส่งนะคะ เดี๋ยวรินจะมารับที่นี่เองค่ะ” เธอรีบบอกเมื่อเห็นว่าเขาเองก็กำลังเก็บของบนโต๊ะทำงาน“แย่จังนะครับ ผมไม่อยากทานข้าวคนเดียวเลย” เสียงนั้นฟังเหมือนเขากำลังผิดหวัง“พูดแบบนี้เมยรู้สึกผิดเลยค่ะ”“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจพูดให้คุณรู้สึกผิดนะครับ คุณไปกับเพื่อนเถอะ ผมเองก็คงจะไปหาเพื่อนเหมือนกัน” นานแล้วเหมือนกันที่เวหาไม่ได้ออกไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อน“เมยไปก่อนนะคะรินมาถึงแล้วค่ะ เจอกันวันจันทร์นะคะ”“ครับ เจอกันครับ” เวหาไม่ได้บอกว่าจะเจอกันวันไหน แต่คงไม่ใช่วันจันทร์อย่างที่เธอบอกแน่เมญาวีคว้ากระเป๋าสะพายแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างรีบร้อน เธอไม่อยากเพื่อนรักรอนานหญิงสาวออกจากลิฟต์แล้วตรงไปยังลานจอด
จากที่คิดว่าจะตื่นสายสักหน่อยเพราะไม่อยากให้หน้าของตัวเองโทรแต่เมญาวีก็ทำแบบนั้นไม่ได้เพราะเธอชินกับการตื่นเช้าไปเสียแล้ว เหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาที่นัดไว้เมญาวีเลยทำความสะอาดห้องและเปลี่ยนผ้าปูที่นอนก่อนจะนำลงส่งที่ร้านซักรีดที่อยู่ชั้นล่างสุดของหอพัก จากนั้นก็แวะทานอาหารกลางวันแล้วจะขึ้นมาอาบน้ำ แต่งตัวอย่างไม่รีบร้อน เธอสำรวจตัวเองหน้ากระจกอีกครั้งก่อนที่เวหาจะมารับ วันนี้เมญาวีสวมเสื้อครอปปาดไหล่สีขาวแขนสามส่วนกับกางเกงผ้าขาสั้นเหนือเข่า จากนั้นสวมรองเท้าผ้าใบสีขาวแต่งลายสีม่วงพาสเทลเตรียมพร้อมที่จะออกจากห้อง พอถึงเวลานัดเจ้านายหนุ่มก็โทรขึ้นมาตาม เธอรีบเดินลงมาจากหอพักด้วยใจที่เต้นแรง นี่เป็นครั้งแรกที่ออกไปไหนด้วยกันในวันหยุด “คิดไว้หรือยังว่าจะดูเรื่องอะไร” เวหาถามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว เขาแอบมองดูการแต่งตัวของเธอไปด้วยในขณะที่พูด วันนี้ผู้ช่วยของเขาแต่งตัวได้น่ารักสมวัยกว่าทุกวันที่ไปทำงาน “คุณเวย์มองอะไรคะ” “ผมว่าเมยแต่งตัวแบบนี้น่ารักดีนะครับ”
หลังจากมีเดทแรกด้วยกันจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบจะสามเดือนแล้ว เวหามักจะพาเมญาวีออกไปทานข้าว ซื้อของ หรือบางครั้งก็ไปดูหนังและฟังเพลงด้วยกันบ้างในวันหยุด แต่พออยู่ที่ทำงานก็เว้นระยะห่างในระดับหนึ่งเพราะไม่อยากให้เมญาวีต้องลำบากใจ วันนี้ชายหนุ่มตั้งใจว่าจะขอเมญาวีเป็นแฟน เพราะเขามั่นใจแล้วว่าเธอคือผู้หญิงที่เขาอยู่ด้วยแล้วมีความสุข ช่วงเวลาที่ได้รู้จักกันมันอาจจะดูสั้น แต่เพราะทั้งเขาและเธออยู่ใกล้ชิดกันมากในแต่ละวัน ทำให้ได้เรียนรู้กันและกันมากขึ้น แล้วแผนที่วางไว้ก็ล้มไม่เป็นท่า เมื่อมารดาของเวหาโทรมาบอกให้เขากลับไปทานอาหารเย็นกับเธอที่บ้านเพราะมีคนสำคัญที่อยากให้ลูกชายได้เจอ “เมย ผมขอโทษนะครับ เย็นนี้ผมคงไปทานข้าวกับคุณไม่ได้”เวหารู้สึกผิดเพราะวันนี้เขานัดทานอาหารเย็นกับเธอ “ไม่เป็นไรค่ะ เมยเข้าใจ” เมญาวีรู้ดีว่าชายหนุ่มมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขานัดทานข้าวกับเธอแล้วทำอย่างที่พูดไม่ได้ แต่หญิงสาวก็ไม่เคยโกรธเขาเลยสักนิด กลับนึกชื่นชมด้วยซ้ำที่เขารักและดูแลมารดาเป็นอย่างดี “คุณจะกลับเลยไหมจะได้ออกไ
หลังจากมีเดทแรกด้วยกันจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบจะสามเดือนแล้ว เวหามักจะพาเมญาวีออกไปทานข้าว ซื้อของ หรือบางครั้งก็ไปดูหนังและฟังเพลงด้วยกันบ้างในวันหยุด แต่พออยู่ที่ทำงานก็เว้นระยะห่างในระดับหนึ่งเพราะไม่อยากให้เมญาวีต้องลำบากใจ วันนี้ชายหนุ่มตั้งใจว่าจะขอเมญาวีเป็นแฟน เพราะเขามั่นใจแล้วว่าเธอคือผู้หญิงที่เขาอยู่ด้วยแล้วมีความสุข ช่วงเวลาที่ได้รู้จักกันมันอาจจะดูสั้น แต่เพราะทั้งเขาและเธออยู่ใกล้ชิดกันมากในแต่ละวัน ทำให้ได้เรียนรู้กันและกันมากขึ้น แล้วแผนที่วางไว้ก็ล้มไม่เป็นท่า เมื่อมารดาของเวหาโทรมาบอกให้เขากลับไปทานอาหารเย็นกับเธอที่บ้านเพราะมีคนสำคัญที่อยากให้ลูกชายได้เจอ “เมย ผมขอโทษนะครับ เย็นนี้ผมคงไปทานข้าวกับคุณไม่ได้”เวหารู้สึกผิดเพราะวันนี้เขานัดทานอาหารเย็นกับเธอ “ไม่เป็นไรค่ะ เมยเข้าใจ” เมญาวีรู้ดีว่าชายหนุ่มมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขานัดทานข้าวกับเธอแล้วทำอย่างที่พูดไม่ได้ แต่หญิงสาวก็ไม่เคยโกรธเขาเลยสักนิด กลับนึกชื่นชมด้วยซ้ำที่เขารักและดูแลมารดาเป็นอย่างดี “คุณจะกลับเลยไหมจะได้ออกไ
วันศุกร์เป็นวันที่ใครหลายคนรอคอยเพราะพรุ่งนี้ก็จะได้หยุดอยู่บ้าน แต่สำหรับเมญาวีแล้วเธอรู้สึกว่ามันเป็นวันที่แสนน่าเบื่อ เพราะเช้านี้หญิงสาวได้รับโทรศัพท์จากเจ้าของหอพักว่ามีเรื่องอยากจะคุยด้วยเลยขอให้เธออยู่รอก่อนที่จะออกไปทำงาน เมญาวีคิดว่ามันต้องเป็นเรื่องสำคัญเพราะถ้าไม่อย่างนั้นก็คงคุยกันทางโทรศัพท์ไปแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะคิดค่าเช่าเพิ่มหรือเปล่า แต่สำหรับเธอแล้วคิดว่าถ้าเจ้าของหอจะขึ้นค่าเช่า ก็คงไม่เป็นปัญหาเพราะตอนหญิงสาวได้เป็นพนักงานประจำแล้ว เงินเดือนของเธอก็เพิ่มขึ้นจากเดิมถึงสามพันบาท แล้วยิ่งช่วงหลายเดือนมานี้เมญาวีแทบจะต้องใช้จ่ายอะไรเลย ไปทำงานก็ไปพร้อมเจ้านาย พอตกเย็นเจ้านายก็พาไปทานข้าวอยู่เป็นประจำ หญิงสาวไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเจ้านายและลูกน้องคนอื่น ๆ จะเป็นเหมือนเธอไหม พอถามเรื่องนี้กับรินรดาเพื่อนก็บอกว่าสิ่งที่เวหาทำนั้นมันมากกว่าคำว่าเจ้านายกับลูกน้องทั่ว ๆ ไป เธอไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองแต่ที่ผ่านมาก็สัมผัสได้ว่าระหว่างตัวเองและเวหามันมีอะไรมากกว่าอย่างที่รินรดาบอก พอคิดเรื่องของเจ้านายเธอก็ลืมไปสนิทเลย
เมญาวีเอาแต่เงียบจนทำให้เวหาเริ่มใจคอไม่ดี “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ผมอาจจะพูดตรงเกินไป แต่ผมอยากเป็นแฟนกับคุณจริง ๆ นะครับ หรือว่าตอนนี้คุณกำลังคบใครอยู่” “เปล่าค่ะ เมยไม่ได้คบใครอยู่” “หรือผมไม่ดีพอ” “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะคะ” “ผมรู้มันอาจเร็วไปสำหรับผู้หญิงแต่สำหรับผมมันช้าไปด้วยซ้ำ ผมไม่รู้นะว่าตอนนี้ในใจของคุณมีใครหรือกำลังคิดอะไรอยู่ ผมไม่เร่งรัดจะเอาคำตอบ ผมแค่อยากบอกความรู้สึกออกไป ผมรู้สึกดีกับคุณมาก อยากอยู่ใกล้ตลอดเวลา ความรู้สึกนี้มันมากขึ้นเรื่อย ๆ จนผมเก็บเอาไว้คนเดียวไม่ได้ เอาจริงนะ ผมไม่เคยขอใครเป็นแฟนมาก่อนเลยไม่รู้ว่าที่ทำอยู่มันถูกต้องไหม” ความรู้สึกที่เก็บไว้พรั่งพรูออกมาเป็นคำพูดอย่างไม่จะเก็บเอาไว้ได้อีกต่อไป “เมยไม่ได้รังเกียจคุณหรอกนะคะ เมยยอมรับว่าตัวเองก็รู้สึกดีกับคุณ แต่มันมีบางอย่างที่เมยต้องเล่าให้คุณฟังก่อน” “เล่ามาสิครับ ผมพร้อมฟัง” “ถ้าฟังจบแล้วคุณอาจจะหัวเราะหรืออาจเปลี่ยนใจเมยก็ไม่ว่า แต่ถ้าเมยไม่บอกคุณมันก็เหมือนเมยไม่ให้เกียรติคุณ” “เล่ามาเถอะครับ แล้วผ
ชายหนุ่มคนหนึ่งรูปร่างสูงเกินกว่ามาตรฐานชายไทย อยู่กำลังมองหาใครสักคนที่บอกว่าจะมารับ ท่ามกลางความวุ่นวายของผู้คนบนอาคารผู้โดยสารขาเข้าในสนามบินสุวรรณภูมิ“คุณเวหาครับ ทางนี้”คนถูกเรียกรีบหันไปตามเสียง ภาพชายแต่งตัวสุภาพในวัยที่พึ่งจะเกินเลขสี่ กำลังเดินตรงมาที่เขาอย่างรีบร้อน“สวัสดีครับ เดินทางเป็นยังไงบ้าง” เขาถามอย่างสุภาพ“ก็ดีครับ ไม่นึกว่าพี่ธรจะมารับเอง” ชายหนุ่มส่งกระเป๋าให้กับชายคนเดิม“ท่านประธานให้ผมมาครับ แล้วคุณเวหาจะกลับบ้านไหมครับ”“ไม่ดีกว่าพี่ธร ผมว่าจะไปโรงพยาบาลก่อน แม่อาการเป็นยังไงบ้าง”“ดีขึ้นแล้วครับ แต่ท่านบ่นถึงคุณเวหาตลอด”เวหาหรือเวย์ ถูกเรียกตัวกลับจากต่างประเทศอย่างกะทันหัน เพราะมารดาของเขามีปัญหาสุขภาพ ต้องเข้ารีบการรักษาอย่างเร่งด่วน เวหายังไม่รู้ถึงอาการของมารดามากนัก เขาเลยขอไปที่โรงพยาบาลก่อนจะกลับไปที่บ้านเวหาเป็นลูกชายคนเดียวของสิงหลและวราพร เจ้าของบริษัทผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยว และเครื่องดื่มหลากหลายชนิดชายหนุ่มถูกส่งตัวไปเรียนที่ต่างประเทศตั้งแต่เรียนจบชั้นประถม 6 จากนั้นก็เรียนอยู่ที่นั่นมาตลอด จะได้กลับเมืองไทยก็แค่ช่วงซัมเมอร์เท่านั้นเวหา
คุณวราพรได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว สีหน้าของเธอดูดีกว่าวันแรกที่เวหามาถึง คงเพราะได้กำลังใจดีจากลูกชาย“แม่ครับ เราแวะทานข้าวก่อนเข้าบ้านดีไหมครับ ผมอยากไปทานร้านที่แม่ชอบพาไป”“ได้สิลูก แม่ก็ไม่ได้ไปร้านนั้นนานแล้วเหมือนกัน”ร้านที่เวหาบอกเป็นร้านอาหารไทยร้านเล็กๆ แต่รสชาติอาหารถูกปากจนต้องไปทานทุกครั้งที่กลับมาเมืองไทย“ลุงกรครับไปร้าน...เลยนะครับ” เวหาบอกคนขับรถซึ่งทำงานให้กับที่บ้านของเขามาตั้งแต่ก่อนที่เขาจะไปเรียนต่างประเทศเวหาสั่งแต่ของโปรดมารดาเพราะอยากให้ท่านทานเยอะ ๆ คุณวราพรดูซูบผอมไปมากจนน่าตกใจ“ทานเยอะ ๆ นะครับแม่ ผมว่าแม่ผอมไปนิด”“จ้ะ มีเวย์ทานกับแม่แบบนี้แม่คงทานได้เยอะกว่าปกติ”“ผมจะทานข้าวกับแม่ทุกมื้อเลยดีไหมครับ”“ดีมากเลยลูก แม่รอวันนี้มานาน วันที่เวย์กลับมาอยู่กับแม่”“ครับแม่ ผมจะไม่ไปไหนอีกแล้ว”“แม่กลับมาอยู่บ้านแล้ว เวย์คงต้องไปทำงานที่บริษัทใช่ไหม”“ครับแม่ ผมจะไปเริ่มงานวันจันทร์”“เรื่องงานแม่ไม่ห่วงเท่าไหร่ แม่รู้ว่าลูกชายแม่เป็นคนมีความสามารถ แต่ที่ห่วงก็พวกคนเก่าๆ อาจไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ เวย์อายุยังน้อย”“แม่อย่ากังวลไปเลย ผมอายุน้อยก็จริงแต่คิดว่า
เมญาวีเอาแต่เงียบจนทำให้เวหาเริ่มใจคอไม่ดี “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ผมอาจจะพูดตรงเกินไป แต่ผมอยากเป็นแฟนกับคุณจริง ๆ นะครับ หรือว่าตอนนี้คุณกำลังคบใครอยู่” “เปล่าค่ะ เมยไม่ได้คบใครอยู่” “หรือผมไม่ดีพอ” “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะคะ” “ผมรู้มันอาจเร็วไปสำหรับผู้หญิงแต่สำหรับผมมันช้าไปด้วยซ้ำ ผมไม่รู้นะว่าตอนนี้ในใจของคุณมีใครหรือกำลังคิดอะไรอยู่ ผมไม่เร่งรัดจะเอาคำตอบ ผมแค่อยากบอกความรู้สึกออกไป ผมรู้สึกดีกับคุณมาก อยากอยู่ใกล้ตลอดเวลา ความรู้สึกนี้มันมากขึ้นเรื่อย ๆ จนผมเก็บเอาไว้คนเดียวไม่ได้ เอาจริงนะ ผมไม่เคยขอใครเป็นแฟนมาก่อนเลยไม่รู้ว่าที่ทำอยู่มันถูกต้องไหม” ความรู้สึกที่เก็บไว้พรั่งพรูออกมาเป็นคำพูดอย่างไม่จะเก็บเอาไว้ได้อีกต่อไป “เมยไม่ได้รังเกียจคุณหรอกนะคะ เมยยอมรับว่าตัวเองก็รู้สึกดีกับคุณ แต่มันมีบางอย่างที่เมยต้องเล่าให้คุณฟังก่อน” “เล่ามาสิครับ ผมพร้อมฟัง” “ถ้าฟังจบแล้วคุณอาจจะหัวเราะหรืออาจเปลี่ยนใจเมยก็ไม่ว่า แต่ถ้าเมยไม่บอกคุณมันก็เหมือนเมยไม่ให้เกียรติคุณ” “เล่ามาเถอะครับ แล้วผ
วันศุกร์เป็นวันที่ใครหลายคนรอคอยเพราะพรุ่งนี้ก็จะได้หยุดอยู่บ้าน แต่สำหรับเมญาวีแล้วเธอรู้สึกว่ามันเป็นวันที่แสนน่าเบื่อ เพราะเช้านี้หญิงสาวได้รับโทรศัพท์จากเจ้าของหอพักว่ามีเรื่องอยากจะคุยด้วยเลยขอให้เธออยู่รอก่อนที่จะออกไปทำงาน เมญาวีคิดว่ามันต้องเป็นเรื่องสำคัญเพราะถ้าไม่อย่างนั้นก็คงคุยกันทางโทรศัพท์ไปแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะคิดค่าเช่าเพิ่มหรือเปล่า แต่สำหรับเธอแล้วคิดว่าถ้าเจ้าของหอจะขึ้นค่าเช่า ก็คงไม่เป็นปัญหาเพราะตอนหญิงสาวได้เป็นพนักงานประจำแล้ว เงินเดือนของเธอก็เพิ่มขึ้นจากเดิมถึงสามพันบาท แล้วยิ่งช่วงหลายเดือนมานี้เมญาวีแทบจะต้องใช้จ่ายอะไรเลย ไปทำงานก็ไปพร้อมเจ้านาย พอตกเย็นเจ้านายก็พาไปทานข้าวอยู่เป็นประจำ หญิงสาวไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเจ้านายและลูกน้องคนอื่น ๆ จะเป็นเหมือนเธอไหม พอถามเรื่องนี้กับรินรดาเพื่อนก็บอกว่าสิ่งที่เวหาทำนั้นมันมากกว่าคำว่าเจ้านายกับลูกน้องทั่ว ๆ ไป เธอไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองแต่ที่ผ่านมาก็สัมผัสได้ว่าระหว่างตัวเองและเวหามันมีอะไรมากกว่าอย่างที่รินรดาบอก พอคิดเรื่องของเจ้านายเธอก็ลืมไปสนิทเลย
หลังจากมีเดทแรกด้วยกันจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบจะสามเดือนแล้ว เวหามักจะพาเมญาวีออกไปทานข้าว ซื้อของ หรือบางครั้งก็ไปดูหนังและฟังเพลงด้วยกันบ้างในวันหยุด แต่พออยู่ที่ทำงานก็เว้นระยะห่างในระดับหนึ่งเพราะไม่อยากให้เมญาวีต้องลำบากใจ วันนี้ชายหนุ่มตั้งใจว่าจะขอเมญาวีเป็นแฟน เพราะเขามั่นใจแล้วว่าเธอคือผู้หญิงที่เขาอยู่ด้วยแล้วมีความสุข ช่วงเวลาที่ได้รู้จักกันมันอาจจะดูสั้น แต่เพราะทั้งเขาและเธออยู่ใกล้ชิดกันมากในแต่ละวัน ทำให้ได้เรียนรู้กันและกันมากขึ้น แล้วแผนที่วางไว้ก็ล้มไม่เป็นท่า เมื่อมารดาของเวหาโทรมาบอกให้เขากลับไปทานอาหารเย็นกับเธอที่บ้านเพราะมีคนสำคัญที่อยากให้ลูกชายได้เจอ “เมย ผมขอโทษนะครับ เย็นนี้ผมคงไปทานข้าวกับคุณไม่ได้”เวหารู้สึกผิดเพราะวันนี้เขานัดทานอาหารเย็นกับเธอ “ไม่เป็นไรค่ะ เมยเข้าใจ” เมญาวีรู้ดีว่าชายหนุ่มมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขานัดทานข้าวกับเธอแล้วทำอย่างที่พูดไม่ได้ แต่หญิงสาวก็ไม่เคยโกรธเขาเลยสักนิด กลับนึกชื่นชมด้วยซ้ำที่เขารักและดูแลมารดาเป็นอย่างดี “คุณจะกลับเลยไหมจะได้ออกไ
หลังจากมีเดทแรกด้วยกันจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบจะสามเดือนแล้ว เวหามักจะพาเมญาวีออกไปทานข้าว ซื้อของ หรือบางครั้งก็ไปดูหนังและฟังเพลงด้วยกันบ้างในวันหยุด แต่พออยู่ที่ทำงานก็เว้นระยะห่างในระดับหนึ่งเพราะไม่อยากให้เมญาวีต้องลำบากใจ วันนี้ชายหนุ่มตั้งใจว่าจะขอเมญาวีเป็นแฟน เพราะเขามั่นใจแล้วว่าเธอคือผู้หญิงที่เขาอยู่ด้วยแล้วมีความสุข ช่วงเวลาที่ได้รู้จักกันมันอาจจะดูสั้น แต่เพราะทั้งเขาและเธออยู่ใกล้ชิดกันมากในแต่ละวัน ทำให้ได้เรียนรู้กันและกันมากขึ้น แล้วแผนที่วางไว้ก็ล้มไม่เป็นท่า เมื่อมารดาของเวหาโทรมาบอกให้เขากลับไปทานอาหารเย็นกับเธอที่บ้านเพราะมีคนสำคัญที่อยากให้ลูกชายได้เจอ “เมย ผมขอโทษนะครับ เย็นนี้ผมคงไปทานข้าวกับคุณไม่ได้”เวหารู้สึกผิดเพราะวันนี้เขานัดทานอาหารเย็นกับเธอ “ไม่เป็นไรค่ะ เมยเข้าใจ” เมญาวีรู้ดีว่าชายหนุ่มมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขานัดทานข้าวกับเธอแล้วทำอย่างที่พูดไม่ได้ แต่หญิงสาวก็ไม่เคยโกรธเขาเลยสักนิด กลับนึกชื่นชมด้วยซ้ำที่เขารักและดูแลมารดาเป็นอย่างดี “คุณจะกลับเลยไหมจะได้ออกไ
จากที่คิดว่าจะตื่นสายสักหน่อยเพราะไม่อยากให้หน้าของตัวเองโทรแต่เมญาวีก็ทำแบบนั้นไม่ได้เพราะเธอชินกับการตื่นเช้าไปเสียแล้ว เหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาที่นัดไว้เมญาวีเลยทำความสะอาดห้องและเปลี่ยนผ้าปูที่นอนก่อนจะนำลงส่งที่ร้านซักรีดที่อยู่ชั้นล่างสุดของหอพัก จากนั้นก็แวะทานอาหารกลางวันแล้วจะขึ้นมาอาบน้ำ แต่งตัวอย่างไม่รีบร้อน เธอสำรวจตัวเองหน้ากระจกอีกครั้งก่อนที่เวหาจะมารับ วันนี้เมญาวีสวมเสื้อครอปปาดไหล่สีขาวแขนสามส่วนกับกางเกงผ้าขาสั้นเหนือเข่า จากนั้นสวมรองเท้าผ้าใบสีขาวแต่งลายสีม่วงพาสเทลเตรียมพร้อมที่จะออกจากห้อง พอถึงเวลานัดเจ้านายหนุ่มก็โทรขึ้นมาตาม เธอรีบเดินลงมาจากหอพักด้วยใจที่เต้นแรง นี่เป็นครั้งแรกที่ออกไปไหนด้วยกันในวันหยุด “คิดไว้หรือยังว่าจะดูเรื่องอะไร” เวหาถามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว เขาแอบมองดูการแต่งตัวของเธอไปด้วยในขณะที่พูด วันนี้ผู้ช่วยของเขาแต่งตัวได้น่ารักสมวัยกว่าทุกวันที่ไปทำงาน “คุณเวย์มองอะไรคะ” “ผมว่าเมยแต่งตัวแบบนี้น่ารักดีนะครับ”
ตลอดหนึ่งเดือนเวหามีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเมญาวีเพิ่มมากขึ้นเพราะช่วงนี้มารดาของเขากำลังติดเพื่อน เวหาจึงมีเวลาไปรับไปส่งบ่อยขึ้นด้วยเหตุผลที่ว่ามันเป็นทางผ่าน“คุณเวย์คะ เย็นนี้เมยคงไปทานข้าวกับคุณไม่ได้นะคะ” ผู้ช่วยสาวบอกกับเจ้านายหนุ่มเมื่อถึงเวลาเลิกงาน“ทำไมล่ะครับผมนึกว่าเราไปจะทานด้วยกันทุกวันเสียอีก” เวหากลัวว่าเธอจะรำคาญที่เขาเอาแต่ตามติดเธอมาตลอด“เมยนัดกับรินไว้ค่ะ คุณเวย์ไม่ต้องไปส่งนะคะ เดี๋ยวรินจะมารับที่นี่เองค่ะ” เธอรีบบอกเมื่อเห็นว่าเขาเองก็กำลังเก็บของบนโต๊ะทำงาน“แย่จังนะครับ ผมไม่อยากทานข้าวคนเดียวเลย” เสียงนั้นฟังเหมือนเขากำลังผิดหวัง“พูดแบบนี้เมยรู้สึกผิดเลยค่ะ”“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจพูดให้คุณรู้สึกผิดนะครับ คุณไปกับเพื่อนเถอะ ผมเองก็คงจะไปหาเพื่อนเหมือนกัน” นานแล้วเหมือนกันที่เวหาไม่ได้ออกไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อน“เมยไปก่อนนะคะรินมาถึงแล้วค่ะ เจอกันวันจันทร์นะคะ”“ครับ เจอกันครับ” เวหาไม่ได้บอกว่าจะเจอกันวันไหน แต่คงไม่ใช่วันจันทร์อย่างที่เธอบอกแน่เมญาวีคว้ากระเป๋าสะพายแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างรีบร้อน เธอไม่อยากเพื่อนรักรอนานหญิงสาวออกจากลิฟต์แล้วตรงไปยังลานจอด
การเริ่มงานในเช้าวันจันทร์ของเมญาวีแปลกไปกว่าทุกวัน เพราะทันทีที่เธอเดินลงมาจากหอพักก็พบกับรถของเจ้านายที่มาจอดรออยู่แล้ว“สวัสดีค่ะคุณเวย์ มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าคะ ถึงมาตั้งแต่เช้าแบบนี้”“ไม่ด่วนหรอกครับ ผมแค่คิดว่าเราน่าจะไปที่โรงงานก่อน แล้วตอนบ่ายค่อยเข้าบริษัท”“ก็ดีเหมือนกันนะคะ ออกจากที่นี่เวลานี้ไป พอไปถึงทุกคนก็คงมาทำงานกันแล้ว คุณเวย์ทานอะไรมาหรือยังคะ”“ยังเลยครับ ผมว่าจะชวนคุณไปหาอะไรทานก่อน แถวนี้มีร้านไหนเปิดเช้าบ้างครับ”“ไม่มีหรอกค่ะ ส่วนใหญ่จะเปิดกับใกล้ ๆ เที่ยง ถ้าจะมีก็แต่ร้านข้าวเหนียวหมูปิ้งคุณทานได้ไหมคะ”“ได้สิ ตอนเด็ก ๆ พ่อจะซื้อให้กินที่หน้าโรงเรียนบ่อย”“คุณเวย์รออยู่ตรงนี้นะคะ เดี๋ยวเมยเดินไปซื้อให้”“ไปซื้อด้วยกันก็ได้นะครับ ขึ้นรถมาเลย”“อย่าเลยค่ะ ตรงนั้นมันไม่มีที่จอด เมยไปไม่ถึง 5 นาทีหรอกนะคะ”“เมยครับ จะว่าอะไรไหมถ้าผมขอขึ้นไปเข้าห้องน้ำบนห้องคุณหน่อย” “ได้ค่ะ คุณเวย์เอากุญแจไปเปิดเองนะคะ” เมญาวีส่งกุญแจห้องให้กับเจ้านาย ส่วนตัวเองนั้นรีบเดินไปยังหน้าปากซอยเพื่อซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งมาเป็นอาหารเช้าสำหรับตัวเองและเจ้านายหนุ่มที่วันนี้ดูท่
เวหากลับมาถึงบ้านของตัวเองก่อนเวลาอาหารเย็นเพียงเล็กน้อยมารดาของเขาดูอารมณ์ดีขึ้นมาก คงเพราะได้คุยกับเพื่อน ๆ ชายหนุ่มอยากเห็นภาพยิ้มแย้มแบบนี้ทุกวัน แต่คิดว่ามันคงเป็นไปได้ยาก แต่เขาก็จะพยายามทำให้เธอมีความสุขที่สุด“แม่ครับ เราออกไปทานข้าวข้างนอกกันดีไหมครับ” เวหาไม่อยากให้แม่ต้องอารมณ์เสียเพราะวันนี้พ่อของเขาอยู่บ้าน ชายหนุ่มไม่อยากให้ทั้งสองปะทะคารมกันบนโต๊ะอาหารเหมือนเมื่อวาน“ได้สิ เวย์ไปร้านไหนล่ะลูก ร้านเดิมดีไหม”“แม่ครับเราไปทานสเต๊กดีไหมครับ มีร้านเปิดใหม่ไม่ไกลจากบ้านเราเลยนะครับ”เวหาไม่อยากไปไกลจากบ้านเพราะรู้ว่ามารดาต้องรีบกลับมาทานยาและพักผ่อนตามเวลา“แม่ตามใจเวย์ แต่ขอแม่ไปเปลี่ยนชุดก่อนได้ไหม”“แม่ครับ ชุดนี้ก็สวยอยู่แล้วไม่เห็นต้องเปลี่ยนเลย” ชายหนุ่มเดินเข้ามาหามารดาพร้อมกับสวมกอด ผู้หญิงคนนี้ไม่ว่าจะอยู่ในชุดไหนก็สวยสำหรับเขาเสมอ“ไม่ได้หลอกแม่ใช่ไหม” วราพรก้มมองตัวเองอย่างไม่มั่นใจ“ไม่เลยครับ ผมว่าเรารีบไปกันเถอะ พอพูดถึงอาหารผมก็เริ่มหิวขึ้นมาแล้ว”พอได้ออกมาทานอาหารนอกบ้านมารดาของเขาก็ทานได้เยอะกว่าปกติ และดูมีความสุขมากกว่าทานกับบิดาด้วยซ้ำ เวหาไม่เข้าใจว่าถ
แพทย์ของไข้มาตรวจอีกครั้งในตอนบ่าย เขาอนุญาตให้หญิงสาวกลับบ้านได้ แต่ก็กำชับให้เธอทานต่ออีกจนครบห้าวันและถ้ากลับไปแล้วยังมีไข้หรือมีอาการผิดปกติก็ต้องรีบกลับมาพบแพทย์“ผมจะไปชำระเงินก่อนระหว่างนี้คุณก็เตรียมเปลี่ยนชุดรอเลยนะครับ ผมลืมถามเลยว่าคุณมีชุดสำหรับใส่กลับบ้านไหม”“มีค่ะ รินเตรียมมาให้แล้ว”“ถ้าเปลี่ยนชุดแล้วก็รอผมอยู่ตรงนี้ก่อนนะ”“ค่ะ”เวหาออกจากห้องไปแล้วเมญาวีก็รีบเข้าห้องน้ำ ชุดที่เพื่อนของเธอเตรียมมาให้นั้นเป็นเดรสแขนระบายสีฟ้า มีลายดอกไม้เล็กที่ปลายกระโปรงซึ่งยาวคลุมเข่ามาเล็กน้อยเมญาวีรีบแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหวานตอนนี้ปราศจากเครื่องสำอาง แต่มันก็ดูไม่โทรมเท่าไหร่ คงเพราะเธอได้นอนพักอย่างเต็มที่ เมญาวีมัดผมเป็นหางม้าอย่างเดิมก่อนจะออกมานั่งรอเวหาที่โซฟาตัวยาวรถยนต์คันหรูจอดที่หน้าอาคารพาณิชย์สี่ชั้นแห่งหนึ่งด้านล่างเป็นร้านอาหารตามสั่งและร้านซักรีด ส่วนด้านบนแบ่งพื้นที่เป็นหอพักให้เช่า“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”“ห้องคุณอยู่บนตึกนั้นเหรอครับ”“ใช่ค่ะ ด้านล่างเป็นร้านค้า ด้านบนแบ่งเป็นหอพักให้เช่าค่ะ มันอาจจะดูเก่าไปหน่อยแต่ด้านในก็พออยู่ได้ค่ะ”“ผมคิดว่าคุณจะอยู่ที่ดีก