วันศุกร์เป็นวันที่ใครหลายคนรอคอยเพราะพรุ่งนี้ก็จะได้หยุดอยู่บ้าน แต่สำหรับเมญาวีแล้วเธอรู้สึกว่ามันเป็นวันที่แสนน่าเบื่อ เพราะเช้านี้หญิงสาวได้รับโทรศัพท์จากเจ้าของหอพักว่ามีเรื่องอยากจะคุยด้วยเลยขอให้เธออยู่รอก่อนที่จะออกไปทำงาน
เมญาวีคิดว่ามันต้องเป็นเรื่องสำคัญเพราะถ้าไม่อย่างนั้นก็คงคุยกันทางโทรศัพท์ไปแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะคิดค่าเช่าเพิ่มหรือเปล่า แต่สำหรับเธอแล้วคิดว่าถ้าเจ้าของหอจะขึ้นค่าเช่า ก็คงไม่เป็นปัญหาเพราะตอนหญิงสาวได้เป็นพนักงานประจำแล้ว เงินเดือนของเธอก็เพิ่มขึ้นจากเดิมถึงสามพันบาท
แล้วยิ่งช่วงหลายเดือนมานี้เมญาวีแทบจะต้องใช้จ่ายอะไรเลย ไปทำงานก็ไปพร้อมเจ้านาย พอตกเย็นเจ้านายก็พาไปทานข้าวอยู่เป็นประจำ
หญิงสาวไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเจ้านายและลูกน้องคนอื่น ๆ จะเป็นเหมือนเธอไหม พอถามเรื่องนี้กับรินรดาเพื่อนก็บอกว่าสิ่งที่เวหาทำนั้นมันมากกว่าคำว่าเจ้านายกับลูกน้องทั่ว ๆ ไป
เธอไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองแต่ที่ผ่านมาก็สัมผัสได้ว่าระหว่างตัวเองและเวหามันมีอะไรมากกว่าอย่างที่รินรดาบอก
พอคิดเรื่องของเจ้านายเธอก็ลืมไปสนิทเลยว่าต้องโทรบอกเขาก่อนที่เขาจะมารับไปทำงาน หญิงสาวรีบกดโทรออกไปทันที เวหาไม่ว่าอะไรเพราะเขาเองก้เพิ่งออกจากบ้าน คุยกับเจ้านายเสร็จก็โทรไปลางานกับฝ่ายบุคคลแจ้งว่าวันนี้ขอลางานช่วงเช้า
เมญาวีรอไม่นานเจ้าของหอพักก็โทรศัพท์ให้เธอลงไปคุยที่ร้านอาหารตามสั่งด้านล่างของหอพัก
เจ้าของหอพักเป็นผู้หญิงรูปร่างท้วมอายุน่าจะไม่เกิน 50 ปี เธอชื่อพี่เอ้ เมญาวีเคยเจอเธอครั้งแรกที่ตกลงเช่า ตอนนี้ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว
“สวัสดีค่ะ พี่เอ้” เมญาวียกมือไหว้
“สวัสดีจ้ะ พี่ขอโทษที่รบกวนเวลางาน พี่มีเรื่องจำเป็นที่จะต้องขอร้องน้องเมยสักหน่อยค่ะ” สีหน้าของคนพูดดูเคร่งเครียดจนเมญาวีเริ่มใจเสีย
“มีเรื่องอะไรเหรอคะ”
“เรื่องห้องที่น้องเมยเช่าน่ะค่ะ”
“เมยทำอะไรผิดหรือเปล่าคะ หรือว่าห้องเมยมีปัญหา”
“พี่เข้าเรื่องเลยนะคะ ไม่อยากให้น้องเมยต้องเสียเวลา”
พี่เอ้บอกกับเมญาวีว่า เธอจำเป็นต้องให้หญิงสาวย้ายออกภายในสิ้นเดือนนี้ ส่วนห้องของเธอจะให้ลูกชายเพื่อนสนิทเข้ามาอยู่แทน
“ทำไมมันกะทันหันจังเลยล่ะคะพี่เอ้ เมยจะหาไปหาหอที่อื่นทันได้ยังไง มันเหลือแค่สามวันเองนะคะ ขอเวลาเมยหน่อยได้ไหมคะ สักเดือนหน้าก็ยังดี” หญิงสาวพยายามขอร้อง
“พี่เข้าใจว่ากะทันหัน เอาอย่างนี้นะคะ พี่จะคืนเงินประกันให้ทั้งหมดรวมถึงค่าเช่าเดือนนี้ น้องเมยจะได้ไปเช่าโรงแรมอยู่ก่อนระหว่างที่หาหอใหม่ ส่วนข้าวของเครื่องใช้พี่ให้น้องเมยฝากไว้ที่ห้องเก็บของชั้นล่างได้จนกว่าจะหาที่อยู่ใหม่ได้ดีไหมคะ”
“มันก็คงต้องเป็นอย่างนั้น” เมญาวีจำใจยอมรับข้อเสนอ เพราะรู้ว่ายื้อไปเธอก็คงต้องย้ายออกอยู่ดี
“พี่ขอบใจน้องเมยมากนะคะ ขอเลขบัญชีด้วยเดี๋ยวพี่โอนให้” เมญาวีส่งเลขบัญชีให้พี่เอ้ทางไลน์ หญิงร่างท้วมก็โอนเงินค่ามัดจำและค่าเช่าคืนมาทันที
พี่เอ้เดินกลับไปแล้ว เมญาวียังคงนั่งอยู่ที่เดิมหญิงสาวกำลังคิดว่าจะไปหาพอพักที่ไหน บางทีอาจต้องไปอยู่กับรินรดาก่อนสักพัก แม้จะไกลที่ทำงานไปสักหน่อยแต่ก็คงดีกว่าไปนอนโรงแรม
เหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงก่อนจะถึงเวลาเริ่มงานในตอนบ่ายตามที่ได้แจ้งฝ่ายบุคคลไว้ เมญาวีเลยกลับขึ้นห้องเก็บข้าวของเครื่องใช้ลงกล่องกระดาษ โชคยังดีที่เธอไม่ได้ซื้อของอะไรเพิ่มจากเดิมมากนัก บางอย่างที่คิดว่าไม่จำเป็นเมญาวีก็เอาออกมาวางที่ข้างหอ บริเวณทางเดินด้านล่างเผื่อคนอื่นจะใช้ประโยชน์จากมันได้บ้าง
เที่ยงนี้หญิงสาวนั่งทานข้าวอย่างฝืดคอเพราะยังคิดเรื่องที่พักไม่ตก เนื่องจากตอนนี้เธอยังติดต่อกับรินรดาไม่ได้
เธอออกจากหอพักอีกครั้งหลังจากทานทานอาหาร เมญาวีแวะร้านกาแฟที่ชั้นล่างของอาคารสำนักงาน สั่งกาแฟสำหรับตัวเอง เจ้านายและไม่ลืมเอาไปฝากพี่เกสรซึ่งนั่งทำงานอยู่หน้าห้องของเจ้านายอีกแก้ว
“ขอบใจมากนะคะน้องเมย”
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่สรทานข้าวกลางวันหรือยังคะ”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“แล้วเจ้านายล่ะคะได้ออกมาทานข้าวไหม”
“ไม่ค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะพี่สรสั่งให้แล้ว เมื่อกี้เพิ่งไปเก็บจานออกมาเองค่ะ”
พอรู้ว่าเจ้านายได้ทานอาหารกลางวันแล้วเมญาวีก็โล่งใจเพราะเวหาชอบให้เธอเตือนเป็นประจำเมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เมื่อได้ยินเสียงคนด้านในอนุญาตเมญาวีก็เดินเข้าไปยังห้องทำงานของเจ้านายซึ่งโต๊ะทำงานของเธอก็อยู่ในห้องนั้นด้วย
“งานยุ่งไหมคะ เมยซื้อกาแฟมาฝากค่ะ” เธอส่งแก้วกาแฟรสชาติโปรดให้กับเขา
“งานไม่ยุ่งครับ ขอบคุณสำหรับกาแฟ ว่าแต่คุณทำธุระเสร็จแล้วเหรอ”
“ค่ะ เรียบร้อยดีค่ะ”
เมญาวีรีบทำงานของตัวเองต่อ แต่ดูเหมือนวันนี้หญิงสาวจะใจลอยจนผู้ชายอีกคนสังเกตได้
“เมย คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ”
“แต่สีหน้าของคุณมันฟ้องนะครับ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า”
เมญาวีไม่รู้ว่าจะบอกเขาเรื่องหอพักดีไหม แต่คิดว่าถ้าไม่บอกเขาก็คงรู้อยู่ดี เนื่องจากเวหานั้นมักไปรับไปส่งเธออยู่เสมอ
“เรื่องหอพักค่ะ”
“หอพัก มีปัญหาเหรอครับ หรือว่าขโมยขึ้น” เวหาถามด้วยความเป็นห่วง
อันที่จริงเวหาไม่ค่อยชอบหอพักของเธอเท่าไหร่ เพราะระบบรักษาความปลอดภัยไม่มีเลยสักนิด แต่ก็ไม่อยากเข้าไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว ชายหนุ่มวางแผนไว้ว่าถ้าเธอตกลงยอมคบหากับเขาเป็นแฟนแล้ว เขาจะให้เธอมาอยู่ที่คอนโดของตัวเอง โดยจะอ้างถึงความปลอดภัยและความเป็นห่วงในฐานะคนรัก
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ” เมญาวีรีบบอกเพราะเห็นท่าทางเป็นห่วงของเขา
“เหรอครับโล่งอกไปที ผมขอพูดหน่อยนะครับหอพักของคุณมันดูไม่ปลอดภัยเลยสักนิด ใครจะเข้าจะออกก็ได้ ไม่มีรปภ. ผู้หญิงอยู่ห้องคนเดียวมันอันตรายนะครับ”
“คุณเวย์ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นนะคะ เพราะเมยกำลังจะย้ายออกค่ะ”
“ดีเลยครับ แล้วได้ที่อยู่ใหม่หรือยังครับ”
“คิดว่าได้นะคะ”
“อะไรคือคิดว่าได้ครับ นี่จะย้ายออกทั้ง ๆ ที่หาที่อยู่ใหม่ยังไม่ได้เหรอครับ”
“มันจำเป็นค่ะ เจ้าของหอจะให้คนรู้จักมาอยู่แทนเมยค่ะ”
“แล้วคุณจะไปอยู่ที่ไหนครับ”
“คิดว่าระหว่างนี้คงไปอยู่กับรินก่อนค่ะ”
“ครับ” พอได้ยินเธอพูดแบบนั้นเวหาก็เบาใจ ระหว่างที่เธอไปอยู่กับเพื่อนเขาก็จะค่อย ๆ กล่อมให้เธอยอมย้ายไปอยู่ที่คอนโดของตนเอง
ใกล้ถึงเวลาเลิกงานแล้วแต่เมญาวีก็ยังไม่กลับมาที่โต๊ะทำงาน ปกติถ้าหญิงสาวออกไปเข้าห้องน้ำก็ไม่น่าจะหายไปนานขนาดนี้ เวหารู้สึกเป็นห่วงจึงคิดจะออกไปตามหา แต่พอเปิดประตูห้องออกมาก็เห็นเมญาวียืนคุยโทรศัพท์อยู่บริเวณข้างห้องน้ำ
พอเดินเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงเธอคุยกับเพื่อน
“ไม่เป็นไร รินเที่ยวให้สบายใจเถอะ ไม่ต้องรีบกลับมาเพราะเมยเลยนะ เดี๋ยวเมยหาโรงแรมนอนไปก่อนก็ได้ แค่ไม่กี่วันเอง”
“เที่ยวให้สนุกนะริน บายจ้ะ”
หญิงสาววางสายจากเพื่อนแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะคิดว่าคงต้องไปนอนโรงแรมอย่างที่บอกจริง ๆ
แล้วก็ต้องตกใจเมื่อหันกลับมาแล้วเจอเจ้านายยืนขวางทางอยู่
“คุณเวย์มาทำอะไรตรงนี้คะ”
“มาแอบฟังคุณคุยโทรศัพท์ครับ”
เมญาวีมีท่าทางตกใจเพราะคิดว่าเขาคงได้ยินที่เธอพูดกับเพื่อนทั้งหมดแล้ว
“ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นหรอกคุณพูดเสียงเบาจะตายใครจะได้ยิน”
เมญาวีรู้สึกโล่งใจที่เขาพูดออกมาแบบนั้น
“กลับกันเลยไหมครับ”
“คุณเวย์ต้องไปทานข้าวกับแม่หรือเปล่าคะ”
“ไม่ครับ เย็นนี้ผมว่าจะชวนคุณไปช่วยเลือกซื้อของให้คนรู้จักหน่อย คุณรีบกลับหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ เมยไปกับคุณก็ได้”
เวหาพาเมญาวีมาที่ศูนย์การค้าที่อยู่ใกล้กับบริษัทมากที่สุด จากนั้นก็พาเธอมายังร้านเครื่องประดับซึ่งเขากับเจ้าของร้านดูคุ้นเคยกันดี
“คุณเวย์ ไม่ได้เจอตั้งนายเลยนะคะ คุณแม่สบายดีไหม”
“ครับสบายดี คุณน้าล่ะครับได้ยินว่าไปเที่ยวยุโรปเพิ่งกลับมา”
“ใช่จ้ะ น่าเสียดายที่แม่ของเวย์ไปไม่ได้ด้วยกันมันเป็นทริปที่สนุกมาก”
“ครับ แล้วทริปญี่ปุ่นคุณน้าไปด้วยไหมครับ”
“ไปสิ แล้ววันนี้เวย์มาเอาเข็มกลัดให้แม่ใช่ไหมหรือว่ามาดูอย่างอื่น”
“ครับ มาเอาเข็มกลัดให้มา และก็อยากดูอย่างอื่นด้วย”
“เลือกตามสบายเลยนะ ถ้าอยากได้ชิ้นไหนก็บอกเด็กนะ น้ามีธุระต้องออกไปข้างนอก”
“ครับ”
พอเจ้าของร้านออกไปแล้วชายหนุ่มก็เดินมาหาเมญาวีซึ่งตอนนี้กำลังยืนดูสร้อยอยู่อีกด้านหนึ่งของร้าน
“ชอบไหมครับ”
“ค่ะ สวยดีนะคะ แล้วคุณเวย์จะให้เมยมาช่วยเลือกอะไรเหรอคะ” เมญาวีเลิกสนใจสร้อยคอเพชรที่อยู่ในตู้โชว์เพราะดูราคาแล้วมันมากกว่าเงินเดือนของตัวเองทั้งเดือนเสียอีก
เวหาพาหญิงสาวออกจากร้านเครื่องประดับแล้วตรงไปยังร้านจำหน่ายเครื่องแต่งกายของผู้ชายที่อยู่ถัดไปอีกไม่กี่ล็อค เขาให้หญิงสาวช่วยเลือกกระดุมสูทให้กับตนเองหนึ่งคู่และอีกหนึ่งคู่สำหรับเดนิสเพื่อนรุ่นพี่ที่จะอายุครบ 30 ปีในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ระหว่างที่เธอกำลังเลือกอยู่พนักงานร้านเครื่องประดับก็ตามเอาของมาให้เพราะเมื่อครู่เวหาบอกว่าจะมารอที่ร้านนี้
พอได้ของที่ต้องการแล้วเขาก็พาเธอมาทานอาหารซึ่งเป็นร้านที่ตั้งอยู่ในศูนย์การค้าเพราะไม่อยากเสียเวลาเวลาไปมากกว่านี้
กว่าจะมาส่งหญิงสาวที่หอพักก็เกือบจะสี่ทุ่ม
“ขอบคุณนะครับ คุณช่วยผมได้เยอะเลย”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ เมยเองก็ต้องขอบคุณคุณเวย์ที่พาเมยไปทานข้าวเกือบทุกวันเลย”
“ก็มันเป็นความสุขของผมนี่ครับ”
เขาพูดแล้วหันไปมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านข้างด้วยนัยน์ตาเต็มไปด้วยความจริงใจ
“เมย คุณร่วมงานกับผมมากี่เดือนแล้วครับ”
“เกือบหกเดือนแล้วค่ะ คุณเวย์ถามทำไมครับ”
“เรารู้จักกันมาเกือบครึ่งปีแล้วสินะครับ”
“ค่ะ เมยรู้จักกับคุณตั้งแต่วันแรกที่เริ่มงาน”
“มันคงไม่ไปเร็วไปใช่ไหมถ้าผมจะขอคบกับคุณ”
“อะไรนะคะ” เธอได้ยินและเข้าใจที่เวหาพูดแต่ก็อยากจะฟังอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
“เป็นแฟนผมนะเมย”
เมญาวีเอาแต่เงียบจนทำให้เวหาเริ่มใจคอไม่ดี “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ผมอาจจะพูดตรงเกินไป แต่ผมอยากเป็นแฟนกับคุณจริง ๆ นะครับ หรือว่าตอนนี้คุณกำลังคบใครอยู่” “เปล่าค่ะ เมยไม่ได้คบใครอยู่” “หรือผมไม่ดีพอ” “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะคะ” “ผมรู้มันอาจเร็วไปสำหรับผู้หญิงแต่สำหรับผมมันช้าไปด้วยซ้ำ ผมไม่รู้นะว่าตอนนี้ในใจของคุณมีใครหรือกำลังคิดอะไรอยู่ ผมไม่เร่งรัดจะเอาคำตอบ ผมแค่อยากบอกความรู้สึกออกไป ผมรู้สึกดีกับคุณมาก อยากอยู่ใกล้ตลอดเวลา ความรู้สึกนี้มันมากขึ้นเรื่อย ๆ จนผมเก็บเอาไว้คนเดียวไม่ได้ เอาจริงนะ ผมไม่เคยขอใครเป็นแฟนมาก่อนเลยไม่รู้ว่าที่ทำอยู่มันถูกต้องไหม” ความรู้สึกที่เก็บไว้พรั่งพรูออกมาเป็นคำพูดอย่างไม่จะเก็บเอาไว้ได้อีกต่อไป “เมยไม่ได้รังเกียจคุณหรอกนะคะ เมยยอมรับว่าตัวเองก็รู้สึกดีกับคุณ แต่มันมีบางอย่างที่เมยต้องเล่าให้คุณฟังก่อน” “เล่ามาสิครับ ผมพร้อมฟัง” “ถ้าฟังจบแล้วคุณอาจจะหัวเราะหรืออาจเปลี่ยนใจเมยก็ไม่ว่า แต่ถ้าเมยไม่บอกคุณมันก็เหมือนเมยไม่ให้เกียรติคุณ” “เล่ามาเถอะครับ แล้วผ
ชายหนุ่มคนหนึ่งรูปร่างสูงเกินกว่ามาตรฐานชายไทย อยู่กำลังมองหาใครสักคนที่บอกว่าจะมารับ ท่ามกลางความวุ่นวายของผู้คนบนอาคารผู้โดยสารขาเข้าในสนามบินสุวรรณภูมิ“คุณเวหาครับ ทางนี้”คนถูกเรียกรีบหันไปตามเสียง ภาพชายแต่งตัวสุภาพในวัยที่พึ่งจะเกินเลขสี่ กำลังเดินตรงมาที่เขาอย่างรีบร้อน“สวัสดีครับ เดินทางเป็นยังไงบ้าง” เขาถามอย่างสุภาพ“ก็ดีครับ ไม่นึกว่าพี่ธรจะมารับเอง” ชายหนุ่มส่งกระเป๋าให้กับชายคนเดิม“ท่านประธานให้ผมมาครับ แล้วคุณเวหาจะกลับบ้านไหมครับ”“ไม่ดีกว่าพี่ธร ผมว่าจะไปโรงพยาบาลก่อน แม่อาการเป็นยังไงบ้าง”“ดีขึ้นแล้วครับ แต่ท่านบ่นถึงคุณเวหาตลอด”เวหาหรือเวย์ ถูกเรียกตัวกลับจากต่างประเทศอย่างกะทันหัน เพราะมารดาของเขามีปัญหาสุขภาพ ต้องเข้ารีบการรักษาอย่างเร่งด่วน เวหายังไม่รู้ถึงอาการของมารดามากนัก เขาเลยขอไปที่โรงพยาบาลก่อนจะกลับไปที่บ้านเวหาเป็นลูกชายคนเดียวของสิงหลและวราพร เจ้าของบริษัทผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยว และเครื่องดื่มหลากหลายชนิดชายหนุ่มถูกส่งตัวไปเรียนที่ต่างประเทศตั้งแต่เรียนจบชั้นประถม 6 จากนั้นก็เรียนอยู่ที่นั่นมาตลอด จะได้กลับเมืองไทยก็แค่ช่วงซัมเมอร์เท่านั้นเวหา
คุณวราพรได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว สีหน้าของเธอดูดีกว่าวันแรกที่เวหามาถึง คงเพราะได้กำลังใจดีจากลูกชาย“แม่ครับ เราแวะทานข้าวก่อนเข้าบ้านดีไหมครับ ผมอยากไปทานร้านที่แม่ชอบพาไป”“ได้สิลูก แม่ก็ไม่ได้ไปร้านนั้นนานแล้วเหมือนกัน”ร้านที่เวหาบอกเป็นร้านอาหารไทยร้านเล็กๆ แต่รสชาติอาหารถูกปากจนต้องไปทานทุกครั้งที่กลับมาเมืองไทย“ลุงกรครับไปร้าน...เลยนะครับ” เวหาบอกคนขับรถซึ่งทำงานให้กับที่บ้านของเขามาตั้งแต่ก่อนที่เขาจะไปเรียนต่างประเทศเวหาสั่งแต่ของโปรดมารดาเพราะอยากให้ท่านทานเยอะ ๆ คุณวราพรดูซูบผอมไปมากจนน่าตกใจ“ทานเยอะ ๆ นะครับแม่ ผมว่าแม่ผอมไปนิด”“จ้ะ มีเวย์ทานกับแม่แบบนี้แม่คงทานได้เยอะกว่าปกติ”“ผมจะทานข้าวกับแม่ทุกมื้อเลยดีไหมครับ”“ดีมากเลยลูก แม่รอวันนี้มานาน วันที่เวย์กลับมาอยู่กับแม่”“ครับแม่ ผมจะไม่ไปไหนอีกแล้ว”“แม่กลับมาอยู่บ้านแล้ว เวย์คงต้องไปทำงานที่บริษัทใช่ไหม”“ครับแม่ ผมจะไปเริ่มงานวันจันทร์”“เรื่องงานแม่ไม่ห่วงเท่าไหร่ แม่รู้ว่าลูกชายแม่เป็นคนมีความสามารถ แต่ที่ห่วงก็พวกคนเก่าๆ อาจไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ เวย์อายุยังน้อย”“แม่อย่ากังวลไปเลย ผมอายุน้อยก็จริงแต่คิดว่า
ห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่เคยว่างเปล่า ตอนนี้เต็มไปด้วยข้าวของกระจัดกระจาย เพราะเจ้าของห้องคนใหม่ไม่มีเวลาที่จะจัดข้าวของเครื่องใช้ให้เข้าที่หลังจากเรียนจบและต้องย้ายออกจากหอพักที่หน้ามหาวิทยาลัย เมญาวีหรือเมยก็ต้องมาเช่าหอพักเล็ก ๆ เท่ารูหนูอยู่ เพราะเธอยังไม่อยากจะกลับไปที่บ้านตามคำชวนของมารดาอันที่จริงแล้วมารดาของเธออยากให้กลับไปหางานทำที่บ้านเกิดแต่เมญาวีอยากลองหางานทำที่กรุงเทพก่อน หญิงสาวเรียนจบปริญญาตรี สาขาบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่งด้วยเกรดที่ไม่ค่อยสูงเท่าไหร่ การหางานจึงยากกว่าเพื่อนคนอื่น แต่เธอก็ไม่ย่อท้อ ไม่ว่าจะมีประกาศรับสมัครที่ไหนหญิงสาวก็ไปยื่นใบสมัครไว้ทุกที่ในแต่ละวันเมญาวีแทบไม่ได้อยู่ห้องเลย ข้าวของเครื่องใช้ที่ย้ายมาจากหอพักจึงยังไม่ถูกเก็บเข้าที่“เมย ให้รินช่วยฝากงานให้ไหม” รินรดาเพื่อนสนิทเพียงของหญิงสาว ทนดูไม่ได้กับสภาพของเพื่อนในตอนนี้“ไม่เป็นไรริน เมยอยากลองหางานด้วยตัวเองก่อน”“นี่มันเดือนหนึ่งแล้วนะ ที่เมยเป็นแบบนี้”“เอาน่า ถ้าเมยไม่ไหวจริง ๆ เมยจะบอกนะ”“แต่ที่รินเห็นมันก็แทบจะไม่ไหวแล้วนะ ได้กินข้าวบ้างหรือเปล่า”“กินสิ”“เหรอแล้วกิน
เมญาวีรีบตื่นแต่งตัวออกจากห้องแต่เช้า วันนี้เธอต้องไปสัมภาษณ์งานที่บริษัทแห่งหนึ่ง หญิงสาวตื่นเต้นกว่าทุกครั้งเพราะบริษัทนี้เป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยวขนาดใหญ่ เธอแอบหวังว่าจะเป็นบริษัทของพี่ชายใจดีคนนั้นนอกจากเธอแล้ววันนี้ยังมีอีกหลายคนที่มาสัมภาษณ์ เมญาวีเริ่มกังวล เพราะดูแต่ละคนที่มานั่งรอนั้นไม่ธรรมดาเลยสักนิด“น้องมาสมัครตำแหน่งอะไรคะ” หญิงสาวท่าทางมั่นใจคนหนึ่งถามหญิงสาวอีกคนที่นั่งติดกับเมญาวี“เลขาค่ะ”“ตำแหน่งเดียวกับพี่เลยนะคะ น้องเคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อนหรือเปล่าคะ”“ค่ะ เคยทำงานกับนายฝรั่งมาหลายปี แต่อยากลองเปลี่ยนเจ้านายดูบ้างก็เลยมาสมัครที่นี่”“เหมือนพี่เลยค่ะ แต่ก่อนพี่ก็ทำงานกับนายญี่ปุ่นค่ะ พอทำนานก็เริ่มเบื่อเหมือนกัน”“ได้ข่าวว่านายญี่ปุ่นค่อนข้างเจ้าระเบียบจริงไหมคะ”“ค่ะ พี่เลยติดนิสัยทำงานเป็นระเบียบมาจากเจ้านายคนก่อน เลยหวังว่ามาที่นี่จะได้รับเลือก”“พี่คะ เราคงต้องแย่งตำแหน่งกันหน่อยแล้วล่ะค่ะ แล้วน้องล่ะคะ มาสมัครตำแหน่งอะไร”“หนูเหรอคะ” เมญาวีที่นั่งฟังเพลินก็ตกใจเมื่ออยู่ก็ถูกถามขึ้น“น้องนั่นแหละ ดูท่าทางแล้วเหมือนจะเพิ่งจบนะคะ”“ค่ะหนูเพิ่งจบ
โปรเจ็กต์ที่เวหาเสนอกับที่ประชุมบริษัทได้รับการอนุมัติแล้ว ชายหนุ่มจึงอยากได้ผู้ช่วยสักคน ซึ่งเขาระบุไว้แล้วว่าคนที่จะมาช่วยงานตนเองนั้นต้องเป็นพนักงานใหม่และไม่เคยมีประสบการณ์เพราะเขาอยากให้คนที่จะมาร่วมงานด้วยเริ่มต้นโปรเจกต์ไปพร้อม ๆ กับเขา“ลูกแน่ใจนะว่าจะไม่เอาคนเก่าของพ่อไปร่วมงาน”“ครับ คนของพ่อก็งานล้นมืออยู่แล้ว”“งั้นก็ตามใจ ลูกใช้ทรัพยากรและงบประมาณของบริษัทได้เต็มที่”“ผมคงใช่เท่าที่เสนอในที่ประชุมนั่นแหละครับ”“อือ พ่อหวังว่าแกจะทำได้สำเร็จ”“ผมก็หวังอย่างนั้น ผมขอตัวก่อนนะครับ อ้อ พ่อครับเย็นนี้อย่าลืมกลับไปทานข้าวกับแม่นะครับ”“อือ”คนเป็นพ่อรับปากแล้วก้มหน้าทำงานต่อ เวหาเดินกลับมายังห้องของตัวเอง โปรเจ็กต์ที่เขากำลังจะเริ่มทำนั้นไม่ได้เป็นเรื่องใหม่เลย เพียงแต่ยังไม่มีใครทำเรื่องนี้อย่างจริงจังเท่านั้นบริษัทของเขาเป็นทั้งผู้ผลิตและจัดจำหน่ายขนมขบเคี้ยวหลากหลายชนิด แต่ที่เขากำลังจะเริ่มทำอย่างจริงจังก็คือขนมขบเคี้ยวที่มีทั้งรสชาติอร่อยและดีต่อสุขภาพ สิ่งที่จะต้องเน้นหนักสำหรับโปรเจ็กต์นี้ก็คือเรื่องของการโฆษณา เพราะคำว่าขนมเพื่อสุขภาพนั้นทำให้คนบางกลุ่มคิดว่ารสชาติของ
เช้าวันจันทร์ที่แสนวุ่นวายเมญาวีตื่นนอนตั้งแต่ตีสี่ เพราะตื่นเต้นที่จะได้ไปทำงานวันแรก หญิงสาวเลือกสวมเสื้อเชิ้ตคอปกสีครีมแขนยาวขนาดพอดีตัว ด้านหน้าแต่งด้วยกระดุมสีเดียวกับตัวเสื้อ ปลายเชิ้ตสอดในกระโปรงเอวสูงแหวกทางด้านหน้าเล็กน้อยความยาวเลยเข่ามาเพียงนิด ดูแล้วเสริมบุคลิกให้ดูคล่องแคล่ว เครื่องประดับมีเพียงนาฬิกาสีเงิน ที่มารดาซื้อให้เป็นของขวัญในวันจบการศึกษาวันนี้เมญาวีแต่งหน้าอ่อนปัดแก้มเพียงนิด เปลือกทาทับด้วยสีพีชดูเป็นธรรมชาติ เรียวปากบางแต่งแต้มด้วยลิปสติกราคาแพงซึ่งรินรดาเป็นคนซื้อมาให้ ผมสีดำขลับถูกรวมเป็นทรงหางม้า ผูกด้วยโบผ้าสีขาวขนาดใหญ่ทำให้ดูเก๋ขึ้นไปอีกนิดมือเรียวเล็กหยิบรองเท้าส้นสูงสี่นิ้วสีดำมาถือไว้ก่อนจะปิดประตูห้องและรีบเดินออกไปรอรถเมล์ที่หน้าปากซอยเพราะกลัวว่าการไปทำงานวันแรกจะสายเธอจึงออกจากห้องพักตั้งแต่ยังไม่หกโมงเช้า มาถึงหน้าบริษัทก็เพิ่งเจ็ดโมงพอดีหญิงสาวเดินไปสำรวจบริเวณใกล้ๆ ว่ามีร้านอาหารอะไรบ้าง เผื่อตอนกลางวันจะได้ลงมาทาน ระหว่างนั้นก็เดินผ่านร้านขายปาท่องโก๋และน้ำเต้าหู้ เธอจึงนั่งลงยังโต๊ะที่ว่าง สั่งน้ำเต้าหู้หนึ่งแก้วและปาท่องโก๋อีกสามตัวเป็น
เกือบหนึ่งเดือนแล้วที่เมญาวีเข้าทำงาน เธอกับเวหาทำงานเข้าขากันดี โปรเจกต์ที่ก็กำลังไปได้สวย ทางโรงงานจะเริ่มต้นผลิตในอีกสามวันข้างหน้า หลังจากนั้นก็จะวางจำหน่ายตามร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป“คุณเวย์คะ วันนี้เมยจะไปที่โรงงานช่วงบ่ายนะคะ” เมญาวีบอกกับเจ้านาย ตอนนี้เธอกับเขาสนิทกันมากขึ้นสรรพนามที่ใช้แทนตัวเองก็เลยเปลี่ยนไป“ผมไปด้วยนะ”“ไม่รู้จะใช้เวลานานไหม เมยกลัวคุณเวย์กลับมาทานอาหารเย็นกับคุณแม่ไม่ทันค่ะ” ตอนนี้เมญาวีรู้แล้วว่าคุณแม่ที่เวหาพูดถึงนั้นเป็นแม่จริง ๆ ไม่ใช่แม่คุณอย่างที่เธอและรินรดาคิดในตอนแรก“ผมคิดว่าทันนะครับ เราไปสองคนช่วยกันทำงานก็น่าจะเสร็จเร็วกว่าคนเดียวนะครับ”“ถ้าคุณเวย์คิดอย่างนั้นก็โอเคค่ะ”“เช้านี้ผมไม่มีงานอะไรแล้วใช่ไหมครับ”“ไม่ค่ะ”“ถ้างั้นเราไปกันตอนนี้เลยไหมครับ ไปหาข้าวกินที่นั่นดีไหมผมอยากกินกุ้งเผาครับ”“ก็ได้ค่ะ คุณเวย์จะไปรถส่วนตัวหรือรถบริษัทคะ”“ผมว่าขับไปเองดีกว่า”พอได้ยินคำคอบของเจ้านายแล้วเมญาวีก็รีบเก็บของบนโต๊ะ เธอไม่ลืมที่จะโทรศัพท์ไปยกเลิกการขอใช้รถของบริษัทที่ตัวเองขอไปเมื่อตอนเช้า รถเอสยูวีคันหรูกำลังทะยานไปบนท้องถนน เ
เมญาวีเอาแต่เงียบจนทำให้เวหาเริ่มใจคอไม่ดี “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ผมอาจจะพูดตรงเกินไป แต่ผมอยากเป็นแฟนกับคุณจริง ๆ นะครับ หรือว่าตอนนี้คุณกำลังคบใครอยู่” “เปล่าค่ะ เมยไม่ได้คบใครอยู่” “หรือผมไม่ดีพอ” “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะคะ” “ผมรู้มันอาจเร็วไปสำหรับผู้หญิงแต่สำหรับผมมันช้าไปด้วยซ้ำ ผมไม่รู้นะว่าตอนนี้ในใจของคุณมีใครหรือกำลังคิดอะไรอยู่ ผมไม่เร่งรัดจะเอาคำตอบ ผมแค่อยากบอกความรู้สึกออกไป ผมรู้สึกดีกับคุณมาก อยากอยู่ใกล้ตลอดเวลา ความรู้สึกนี้มันมากขึ้นเรื่อย ๆ จนผมเก็บเอาไว้คนเดียวไม่ได้ เอาจริงนะ ผมไม่เคยขอใครเป็นแฟนมาก่อนเลยไม่รู้ว่าที่ทำอยู่มันถูกต้องไหม” ความรู้สึกที่เก็บไว้พรั่งพรูออกมาเป็นคำพูดอย่างไม่จะเก็บเอาไว้ได้อีกต่อไป “เมยไม่ได้รังเกียจคุณหรอกนะคะ เมยยอมรับว่าตัวเองก็รู้สึกดีกับคุณ แต่มันมีบางอย่างที่เมยต้องเล่าให้คุณฟังก่อน” “เล่ามาสิครับ ผมพร้อมฟัง” “ถ้าฟังจบแล้วคุณอาจจะหัวเราะหรืออาจเปลี่ยนใจเมยก็ไม่ว่า แต่ถ้าเมยไม่บอกคุณมันก็เหมือนเมยไม่ให้เกียรติคุณ” “เล่ามาเถอะครับ แล้วผ
วันศุกร์เป็นวันที่ใครหลายคนรอคอยเพราะพรุ่งนี้ก็จะได้หยุดอยู่บ้าน แต่สำหรับเมญาวีแล้วเธอรู้สึกว่ามันเป็นวันที่แสนน่าเบื่อ เพราะเช้านี้หญิงสาวได้รับโทรศัพท์จากเจ้าของหอพักว่ามีเรื่องอยากจะคุยด้วยเลยขอให้เธออยู่รอก่อนที่จะออกไปทำงาน เมญาวีคิดว่ามันต้องเป็นเรื่องสำคัญเพราะถ้าไม่อย่างนั้นก็คงคุยกันทางโทรศัพท์ไปแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะคิดค่าเช่าเพิ่มหรือเปล่า แต่สำหรับเธอแล้วคิดว่าถ้าเจ้าของหอจะขึ้นค่าเช่า ก็คงไม่เป็นปัญหาเพราะตอนหญิงสาวได้เป็นพนักงานประจำแล้ว เงินเดือนของเธอก็เพิ่มขึ้นจากเดิมถึงสามพันบาท แล้วยิ่งช่วงหลายเดือนมานี้เมญาวีแทบจะต้องใช้จ่ายอะไรเลย ไปทำงานก็ไปพร้อมเจ้านาย พอตกเย็นเจ้านายก็พาไปทานข้าวอยู่เป็นประจำ หญิงสาวไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเจ้านายและลูกน้องคนอื่น ๆ จะเป็นเหมือนเธอไหม พอถามเรื่องนี้กับรินรดาเพื่อนก็บอกว่าสิ่งที่เวหาทำนั้นมันมากกว่าคำว่าเจ้านายกับลูกน้องทั่ว ๆ ไป เธอไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองแต่ที่ผ่านมาก็สัมผัสได้ว่าระหว่างตัวเองและเวหามันมีอะไรมากกว่าอย่างที่รินรดาบอก พอคิดเรื่องของเจ้านายเธอก็ลืมไปสนิทเลย
หลังจากมีเดทแรกด้วยกันจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบจะสามเดือนแล้ว เวหามักจะพาเมญาวีออกไปทานข้าว ซื้อของ หรือบางครั้งก็ไปดูหนังและฟังเพลงด้วยกันบ้างในวันหยุด แต่พออยู่ที่ทำงานก็เว้นระยะห่างในระดับหนึ่งเพราะไม่อยากให้เมญาวีต้องลำบากใจ วันนี้ชายหนุ่มตั้งใจว่าจะขอเมญาวีเป็นแฟน เพราะเขามั่นใจแล้วว่าเธอคือผู้หญิงที่เขาอยู่ด้วยแล้วมีความสุข ช่วงเวลาที่ได้รู้จักกันมันอาจจะดูสั้น แต่เพราะทั้งเขาและเธออยู่ใกล้ชิดกันมากในแต่ละวัน ทำให้ได้เรียนรู้กันและกันมากขึ้น แล้วแผนที่วางไว้ก็ล้มไม่เป็นท่า เมื่อมารดาของเวหาโทรมาบอกให้เขากลับไปทานอาหารเย็นกับเธอที่บ้านเพราะมีคนสำคัญที่อยากให้ลูกชายได้เจอ “เมย ผมขอโทษนะครับ เย็นนี้ผมคงไปทานข้าวกับคุณไม่ได้”เวหารู้สึกผิดเพราะวันนี้เขานัดทานอาหารเย็นกับเธอ “ไม่เป็นไรค่ะ เมยเข้าใจ” เมญาวีรู้ดีว่าชายหนุ่มมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขานัดทานข้าวกับเธอแล้วทำอย่างที่พูดไม่ได้ แต่หญิงสาวก็ไม่เคยโกรธเขาเลยสักนิด กลับนึกชื่นชมด้วยซ้ำที่เขารักและดูแลมารดาเป็นอย่างดี “คุณจะกลับเลยไหมจะได้ออกไ
หลังจากมีเดทแรกด้วยกันจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบจะสามเดือนแล้ว เวหามักจะพาเมญาวีออกไปทานข้าว ซื้อของ หรือบางครั้งก็ไปดูหนังและฟังเพลงด้วยกันบ้างในวันหยุด แต่พออยู่ที่ทำงานก็เว้นระยะห่างในระดับหนึ่งเพราะไม่อยากให้เมญาวีต้องลำบากใจ วันนี้ชายหนุ่มตั้งใจว่าจะขอเมญาวีเป็นแฟน เพราะเขามั่นใจแล้วว่าเธอคือผู้หญิงที่เขาอยู่ด้วยแล้วมีความสุข ช่วงเวลาที่ได้รู้จักกันมันอาจจะดูสั้น แต่เพราะทั้งเขาและเธออยู่ใกล้ชิดกันมากในแต่ละวัน ทำให้ได้เรียนรู้กันและกันมากขึ้น แล้วแผนที่วางไว้ก็ล้มไม่เป็นท่า เมื่อมารดาของเวหาโทรมาบอกให้เขากลับไปทานอาหารเย็นกับเธอที่บ้านเพราะมีคนสำคัญที่อยากให้ลูกชายได้เจอ “เมย ผมขอโทษนะครับ เย็นนี้ผมคงไปทานข้าวกับคุณไม่ได้”เวหารู้สึกผิดเพราะวันนี้เขานัดทานอาหารเย็นกับเธอ “ไม่เป็นไรค่ะ เมยเข้าใจ” เมญาวีรู้ดีว่าชายหนุ่มมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขานัดทานข้าวกับเธอแล้วทำอย่างที่พูดไม่ได้ แต่หญิงสาวก็ไม่เคยโกรธเขาเลยสักนิด กลับนึกชื่นชมด้วยซ้ำที่เขารักและดูแลมารดาเป็นอย่างดี “คุณจะกลับเลยไหมจะได้ออกไ
จากที่คิดว่าจะตื่นสายสักหน่อยเพราะไม่อยากให้หน้าของตัวเองโทรแต่เมญาวีก็ทำแบบนั้นไม่ได้เพราะเธอชินกับการตื่นเช้าไปเสียแล้ว เหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาที่นัดไว้เมญาวีเลยทำความสะอาดห้องและเปลี่ยนผ้าปูที่นอนก่อนจะนำลงส่งที่ร้านซักรีดที่อยู่ชั้นล่างสุดของหอพัก จากนั้นก็แวะทานอาหารกลางวันแล้วจะขึ้นมาอาบน้ำ แต่งตัวอย่างไม่รีบร้อน เธอสำรวจตัวเองหน้ากระจกอีกครั้งก่อนที่เวหาจะมารับ วันนี้เมญาวีสวมเสื้อครอปปาดไหล่สีขาวแขนสามส่วนกับกางเกงผ้าขาสั้นเหนือเข่า จากนั้นสวมรองเท้าผ้าใบสีขาวแต่งลายสีม่วงพาสเทลเตรียมพร้อมที่จะออกจากห้อง พอถึงเวลานัดเจ้านายหนุ่มก็โทรขึ้นมาตาม เธอรีบเดินลงมาจากหอพักด้วยใจที่เต้นแรง นี่เป็นครั้งแรกที่ออกไปไหนด้วยกันในวันหยุด “คิดไว้หรือยังว่าจะดูเรื่องอะไร” เวหาถามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว เขาแอบมองดูการแต่งตัวของเธอไปด้วยในขณะที่พูด วันนี้ผู้ช่วยของเขาแต่งตัวได้น่ารักสมวัยกว่าทุกวันที่ไปทำงาน “คุณเวย์มองอะไรคะ” “ผมว่าเมยแต่งตัวแบบนี้น่ารักดีนะครับ”
ตลอดหนึ่งเดือนเวหามีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเมญาวีเพิ่มมากขึ้นเพราะช่วงนี้มารดาของเขากำลังติดเพื่อน เวหาจึงมีเวลาไปรับไปส่งบ่อยขึ้นด้วยเหตุผลที่ว่ามันเป็นทางผ่าน“คุณเวย์คะ เย็นนี้เมยคงไปทานข้าวกับคุณไม่ได้นะคะ” ผู้ช่วยสาวบอกกับเจ้านายหนุ่มเมื่อถึงเวลาเลิกงาน“ทำไมล่ะครับผมนึกว่าเราไปจะทานด้วยกันทุกวันเสียอีก” เวหากลัวว่าเธอจะรำคาญที่เขาเอาแต่ตามติดเธอมาตลอด“เมยนัดกับรินไว้ค่ะ คุณเวย์ไม่ต้องไปส่งนะคะ เดี๋ยวรินจะมารับที่นี่เองค่ะ” เธอรีบบอกเมื่อเห็นว่าเขาเองก็กำลังเก็บของบนโต๊ะทำงาน“แย่จังนะครับ ผมไม่อยากทานข้าวคนเดียวเลย” เสียงนั้นฟังเหมือนเขากำลังผิดหวัง“พูดแบบนี้เมยรู้สึกผิดเลยค่ะ”“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจพูดให้คุณรู้สึกผิดนะครับ คุณไปกับเพื่อนเถอะ ผมเองก็คงจะไปหาเพื่อนเหมือนกัน” นานแล้วเหมือนกันที่เวหาไม่ได้ออกไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อน“เมยไปก่อนนะคะรินมาถึงแล้วค่ะ เจอกันวันจันทร์นะคะ”“ครับ เจอกันครับ” เวหาไม่ได้บอกว่าจะเจอกันวันไหน แต่คงไม่ใช่วันจันทร์อย่างที่เธอบอกแน่เมญาวีคว้ากระเป๋าสะพายแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างรีบร้อน เธอไม่อยากเพื่อนรักรอนานหญิงสาวออกจากลิฟต์แล้วตรงไปยังลานจอด
การเริ่มงานในเช้าวันจันทร์ของเมญาวีแปลกไปกว่าทุกวัน เพราะทันทีที่เธอเดินลงมาจากหอพักก็พบกับรถของเจ้านายที่มาจอดรออยู่แล้ว“สวัสดีค่ะคุณเวย์ มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าคะ ถึงมาตั้งแต่เช้าแบบนี้”“ไม่ด่วนหรอกครับ ผมแค่คิดว่าเราน่าจะไปที่โรงงานก่อน แล้วตอนบ่ายค่อยเข้าบริษัท”“ก็ดีเหมือนกันนะคะ ออกจากที่นี่เวลานี้ไป พอไปถึงทุกคนก็คงมาทำงานกันแล้ว คุณเวย์ทานอะไรมาหรือยังคะ”“ยังเลยครับ ผมว่าจะชวนคุณไปหาอะไรทานก่อน แถวนี้มีร้านไหนเปิดเช้าบ้างครับ”“ไม่มีหรอกค่ะ ส่วนใหญ่จะเปิดกับใกล้ ๆ เที่ยง ถ้าจะมีก็แต่ร้านข้าวเหนียวหมูปิ้งคุณทานได้ไหมคะ”“ได้สิ ตอนเด็ก ๆ พ่อจะซื้อให้กินที่หน้าโรงเรียนบ่อย”“คุณเวย์รออยู่ตรงนี้นะคะ เดี๋ยวเมยเดินไปซื้อให้”“ไปซื้อด้วยกันก็ได้นะครับ ขึ้นรถมาเลย”“อย่าเลยค่ะ ตรงนั้นมันไม่มีที่จอด เมยไปไม่ถึง 5 นาทีหรอกนะคะ”“เมยครับ จะว่าอะไรไหมถ้าผมขอขึ้นไปเข้าห้องน้ำบนห้องคุณหน่อย” “ได้ค่ะ คุณเวย์เอากุญแจไปเปิดเองนะคะ” เมญาวีส่งกุญแจห้องให้กับเจ้านาย ส่วนตัวเองนั้นรีบเดินไปยังหน้าปากซอยเพื่อซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งมาเป็นอาหารเช้าสำหรับตัวเองและเจ้านายหนุ่มที่วันนี้ดูท่
เวหากลับมาถึงบ้านของตัวเองก่อนเวลาอาหารเย็นเพียงเล็กน้อยมารดาของเขาดูอารมณ์ดีขึ้นมาก คงเพราะได้คุยกับเพื่อน ๆ ชายหนุ่มอยากเห็นภาพยิ้มแย้มแบบนี้ทุกวัน แต่คิดว่ามันคงเป็นไปได้ยาก แต่เขาก็จะพยายามทำให้เธอมีความสุขที่สุด“แม่ครับ เราออกไปทานข้าวข้างนอกกันดีไหมครับ” เวหาไม่อยากให้แม่ต้องอารมณ์เสียเพราะวันนี้พ่อของเขาอยู่บ้าน ชายหนุ่มไม่อยากให้ทั้งสองปะทะคารมกันบนโต๊ะอาหารเหมือนเมื่อวาน“ได้สิ เวย์ไปร้านไหนล่ะลูก ร้านเดิมดีไหม”“แม่ครับเราไปทานสเต๊กดีไหมครับ มีร้านเปิดใหม่ไม่ไกลจากบ้านเราเลยนะครับ”เวหาไม่อยากไปไกลจากบ้านเพราะรู้ว่ามารดาต้องรีบกลับมาทานยาและพักผ่อนตามเวลา“แม่ตามใจเวย์ แต่ขอแม่ไปเปลี่ยนชุดก่อนได้ไหม”“แม่ครับ ชุดนี้ก็สวยอยู่แล้วไม่เห็นต้องเปลี่ยนเลย” ชายหนุ่มเดินเข้ามาหามารดาพร้อมกับสวมกอด ผู้หญิงคนนี้ไม่ว่าจะอยู่ในชุดไหนก็สวยสำหรับเขาเสมอ“ไม่ได้หลอกแม่ใช่ไหม” วราพรก้มมองตัวเองอย่างไม่มั่นใจ“ไม่เลยครับ ผมว่าเรารีบไปกันเถอะ พอพูดถึงอาหารผมก็เริ่มหิวขึ้นมาแล้ว”พอได้ออกมาทานอาหารนอกบ้านมารดาของเขาก็ทานได้เยอะกว่าปกติ และดูมีความสุขมากกว่าทานกับบิดาด้วยซ้ำ เวหาไม่เข้าใจว่าถ
แพทย์ของไข้มาตรวจอีกครั้งในตอนบ่าย เขาอนุญาตให้หญิงสาวกลับบ้านได้ แต่ก็กำชับให้เธอทานต่ออีกจนครบห้าวันและถ้ากลับไปแล้วยังมีไข้หรือมีอาการผิดปกติก็ต้องรีบกลับมาพบแพทย์“ผมจะไปชำระเงินก่อนระหว่างนี้คุณก็เตรียมเปลี่ยนชุดรอเลยนะครับ ผมลืมถามเลยว่าคุณมีชุดสำหรับใส่กลับบ้านไหม”“มีค่ะ รินเตรียมมาให้แล้ว”“ถ้าเปลี่ยนชุดแล้วก็รอผมอยู่ตรงนี้ก่อนนะ”“ค่ะ”เวหาออกจากห้องไปแล้วเมญาวีก็รีบเข้าห้องน้ำ ชุดที่เพื่อนของเธอเตรียมมาให้นั้นเป็นเดรสแขนระบายสีฟ้า มีลายดอกไม้เล็กที่ปลายกระโปรงซึ่งยาวคลุมเข่ามาเล็กน้อยเมญาวีรีบแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหวานตอนนี้ปราศจากเครื่องสำอาง แต่มันก็ดูไม่โทรมเท่าไหร่ คงเพราะเธอได้นอนพักอย่างเต็มที่ เมญาวีมัดผมเป็นหางม้าอย่างเดิมก่อนจะออกมานั่งรอเวหาที่โซฟาตัวยาวรถยนต์คันหรูจอดที่หน้าอาคารพาณิชย์สี่ชั้นแห่งหนึ่งด้านล่างเป็นร้านอาหารตามสั่งและร้านซักรีด ส่วนด้านบนแบ่งพื้นที่เป็นหอพักให้เช่า“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”“ห้องคุณอยู่บนตึกนั้นเหรอครับ”“ใช่ค่ะ ด้านล่างเป็นร้านค้า ด้านบนแบ่งเป็นหอพักให้เช่าค่ะ มันอาจจะดูเก่าไปหน่อยแต่ด้านในก็พออยู่ได้ค่ะ”“ผมคิดว่าคุณจะอยู่ที่ดีก