จากที่คิดว่าจะตื่นสายสักหน่อยเพราะไม่อยากให้หน้าของตัวเองโทรแต่เมญาวีก็ทำแบบนั้นไม่ได้เพราะเธอชินกับการตื่นเช้าไปเสียแล้ว
เหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาที่นัดไว้เมญาวีเลยทำความสะอาดห้องและเปลี่ยนผ้าปูที่นอนก่อนจะนำลงส่งที่ร้านซักรีดที่อยู่ชั้นล่างสุดของหอพัก
จากนั้นก็แวะทานอาหารกลางวันแล้วจะขึ้นมาอาบน้ำ แต่งตัวอย่างไม่รีบร้อน เธอสำรวจตัวเองหน้ากระจกอีกครั้งก่อนที่เวหาจะมารับ
วันนี้เมญาวีสวมเสื้อครอปปาดไหล่สีขาวแขนสามส่วนกับกางเกงผ้าขาสั้นเหนือเข่า จากนั้นสวมรองเท้าผ้าใบสีขาวแต่งลายสีม่วงพาสเทลเตรียมพร้อมที่จะออกจากห้อง
พอถึงเวลานัดเจ้านายหนุ่มก็โทรขึ้นมาตาม เธอรีบเดินลงมาจากหอพักด้วยใจที่เต้นแรง นี่เป็นครั้งแรกที่ออกไปไหนด้วยกันในวันหยุด
“คิดไว้หรือยังว่าจะดูเรื่องอะไร” เวหาถามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว เขาแอบมองดูการแต่งตัวของเธอไปด้วยในขณะที่พูด
วันนี้ผู้ช่วยของเขาแต่งตัวได้น่ารักสมวัยกว่าทุกวันที่ไปทำงาน
“คุณเวย์มองอะไรคะ”
“ผมว่าเมยแต่งตัวแบบนี้น่ารักดีนะครับ”
“มันเหมือนเด็กใช่ไหมคะ” เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าชุดที่ตัวเองเลือกนั้นจะเหมาะกับการไปดูหนังกับเขาหรือเปล่า
“ไม่หรอกครับ ผมว่าน่ารักเหมาะกับคุณดี”
เมญาวีไม่รู้ว่าเขาแกล้งชมหรือชมจากใจจริง แต่หญิงสาวก็ไม่อยากคิดมาก เมื่อเวหาเริ่มมีสมาธิกับการขับรถเธอเลยแอบสำรวจการแต่งกายของเขาบ้าง
เจ้านายของเธอแต่งตัวเหมือนกับวันที่ไปรับเธอกลับจากโรงพยาบาล นี่คงเป็นสไตล์ที่เขาชอบ กางเกงยีนกับเสื้อเชิ้ตคอจีนและรองเท้าผ้าใบ ซึ่งต่างจากวันทำงานเป็นอย่างมาก
แต่ไม่ว่าชายที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยจะแต่งตัวแบบไหนเขาก็ยังดูดีในสายตาของเธอเสมอ
หนังที่ทั้งสองเลือกดูวันนี้เป็นหนังตลกซึ่งคนที่เลือกไม่ใช่เมญาวีหากแต่เป็นเวหา ตลอดเวลาที่ดูหนังด้วยกันหญิงสาวเลยได้ยินเสียงหัวเราะของเจ้านายในแบบที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
พอออกจากโรงหนังทั้งสองก็ชวนกันไปทานอาหารซึ่งร้านก็ตั้งอยู่อีกชั้นในศูนย์การค้า
“เมยไม่คิดเลยนะคะว่าคุณเวย์จะชอบดูหนังแบบนี้” เธอชวนเขาคุยระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ
“ทำไมครับ มันไม่สนุกเหรอ เอาไว้ครั้งหน้าผมให้คุณเลือกนะว่าจะดูเรื่องอะไร”
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ เมยแค่คิดว่าคุณเวย์น่าจะชอบพวกหนักแอ็คชั่นมากกว่า”
“จริง ๆ แล้วผมดูได้ทุกแนวแหละครับ แต่ช่วงนี้งานค่อนข้างเครียดเลยอยากดูอะไรที่มันผ่อนคลายเท่านั้นเอง”
“ก็จริงนะคะ ถ้าดูหนังแล้วเครียดไปตามหนังอีกคงแย่”
“แล้วปกติคุณชอบดูหนังแบบไหนครับ”
“ทุกแนวค่ะ ยกเว้นหนังผีค่ะ”
“กลัวเหรอครับ”
“ค่ะ” เธอยอมรับไปตามตรง เพราะถ้าดูหนังผีแล้วกลับมาอยู่คนเดียวที่หอพักเชื่อได้เลยว่าเธอจะต้องนอนไม่หลับหลายคืนแน่ ๆ
“แล้วอย่างนี้เวลาอยู่หอคนเดียวไม่กลัวแย่เหรอครับ”
“ไม่ค่ะ ถ้าอยู่ในสถานที่ที่คุ้นเคยจะไม่กลัวค่ะ แต่ถ้าแปลกที่ก็มีบ้างที่จะกลัว”
“ผมมีเพื่อนบางคนก็กลัวผีเหมือนคุณ เขาต้องเปิดไฟนอนเลยนะครับ”
“ค่ะ บางคนก็เป็นแบบนั้น แต่เมยปิดไฟนอนได้ค่ะ ขอแค่มีอะไรกันไว้ข้างหลัง เช่นตุ๊กตาหรือหมอนข้างแค่นั้นเองค่ะ”
การคุยเรื่องกลัวผีต้องหยุดลงไปแค่นั้นเพราะตอนนี้อาหารกำลังทยอยมาเสิร์ฟแล้ว
หลังมื้ออาหารเวหาก็ชวนหญิงสาวไปเดินเล่นเพราะยังไม่อยากจะพาเธอไปส่งที่หอ
“เมยอยากซื้ออะไรไหมครับ” เดินผ่านมาหลายร้านเขาก็ไม่เห็นว่าเธอจะสนใจอะไรเป็นพิเศษ
“ไม่ค่ะ คุณเวย์ล่ะคะ อยากซื้ออะไรไหม”
“ผมอยากให้คุณไปช่วยเลือกน้ำหอม”
“ได้คะ”
ทั้งสองคนเดินมายังเคาน์เตอร์น้ำหอมแบรนด์ดัง ซึ่งมีพนักงานเข้ามาทักทายอย่างสุภาพ
“คุณเลือกให้ผมสักขวดนะ ผมขอไปคุยธุระเดี๋ยวกลับมาครับ”
เมญาวีไม่เคยเลือกน้ำหอมให้ผู้ชายมาก่อน เธอจึงปรึกษาพนักงานว่าแต่ละกลิ่นเหมาะกับผู้ชายแบบไหน สุดท้ายแล้วเธอก็ได้น้ำหอมมาหนึ่งขวด กลิ่นของมันหอมสดชื่น แต่ไม่ถึงกับฉุนมากแต่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย หญิงสาวคิดว่ากลิ่นนี้เหมาะกับผู้ชายอย่างเวหามากที่สุด
“กลิ่นนี้โอเคไหมคะ” เธอถามเมื่อเขาเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง
“โอเคเลย สดชื่นดี ขอบคุณครับ”
“จะขอบคุณทำไมคะ เมยแค่เลือกคุณเป็นคนจ่ายเงิน”
“ก็ขอบคุณที่เมยช่วยเลือกให้ไงครับ”
เขายิ้มตาเป็นประกาย จากนั้นทั้งสองก็พากันเดินดูของไปเรื่อย
“เมย ผมอยากได้ผ้าพันคอไปฝากแม่ คุณช่วยเลือกหน่อยได้ไหม” เขาถามหญิงสาวข้างกายเมื่อเดินผ่านร้านจำหน่ายเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายสำหรับผู้หญิง
“แม่คุณชอบสีอะไรคะ”
เวหายิ้มแห้ง ๆ เขาไม่เคยรู้ว่ามารดาของตัวเองชอบสีอะไร
“ผมคงเป็นลูกที่แย่มาก เพราะผมไม่รู้ว่าแม่ตัวเองชอบสีอะไร”
“โธ่คุณเวย์ แค่ไม่รู้ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่รักท่านนี่คะ อีกอย่างคนเราก็เปลี่ยนสีที่ชอบไปตามวัย อย่างตอนเด็กเมยเคยชอบสีชมพู พอโตขึ้นก็เปลี่ยน”
“แล้วคุณชอบสีอะไรล่ะครับ”
“สีม่วงค่ะ”
“อ้อ” เขาพยักหน้า
“ท่านจะใช้ที่เมืองไทยหรือใช้ตอนไปเที่ยวต่างประเทศคะ เมยจะได้เลือกถูก”
“เอาที่ใช้ต่างประเทศดีกว่าครับ เดือนหน้าแม่จะไปเที่ยวญี่ปุ่นกับเพื่อน”
เมญาวีเลือกผ้าพันคอที่ค่อนข้างหนาและให้ความอบอุ่นขึ้นมาสองผืนจากนั้นก็ให้เวหาเป็นคนเลือกว่าจะเอาผืนไหน แต่ชายหนุ่มก็ตัดสินใจไม่ได้สักที เขาเลยตกลงซื้อทั้งสองผืน
หลังจากเดินซื้อของจนเหนื่อยแล้วเวหาก็มานั่งทานไอศกรีมต่อ เขายังไม่อยากแยกกับเธอตอนนี้เพราะรู้สึกว่าการออกมากับเมญวีทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขมากที่สุดตั้งแต่กลับมาเลยก็ว่าได้
“คุณเวย์มีอะไรหลายอย่างที่ทำให้เมยประหลาดใจนะคะ”
“บอกได้ไหมว่าประหลาดใจยังไง”
“เมยพูดได้ใช่ไหมคะ”
“ได้สิครับ”
“ถ้าเมยพูดไม่ถูกใจจะโดดปลดออกจากตำแหน่งผู้ช่วยไหมคะ เมยยังไม่อยากตกงานค่ะ”
“วันนี้คุณไม่ได้มาในฐานะผู้ช่วยนะครับ คุณกับผม วันนี้เราก็เป็นแค่คนธรรมดาที่ออกมาเที่ยวด้วยกัน” เวหายังไม่อยากใช้คำว่าแฟนเพราะเขาเองยังไม่เคยขอคบกับเธออย่างจริงจังเลยสักครั้ง
“งั้นเมยไม่เกรงใจนะคะ”
“บอกมาเลยครับ” เวหานั่งทานไอศกรีมไปด้วยสายตาก็จับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากบางขณะขยับขึ้นลงตามจังหวะการพูดอย่างเพลิดเพลิน
“คุณเวย์ในวันนี้ต่างจากตอนทำงานค่ะ ดูคุณผ่อนคลายมากขึ้น ยิ้มมากขึ้น ชอบทานไอติมเหมือนเด็ก และก็ยังแต่งตัวเหมือนวัยรุ่นด้วยค่ะ” เธอบอกเขาไปตามที่คิด
“ก็ผมยังไม่แก่นี่ครับ อีกอย่างผมออกมากับวัยรุ่นก็ควรทำตัวตามวัยรุ่นไม่ใช่เหรอครับ”
“เมยขอโทษ เมยไม่ได้ว่าคุณแก่นะคะ”
“ผมขอโทษที่แปลความหมายผิด เอาเป็นว่าผมก็เป็นผมแบบนี้แหละครับ แต่ในที่ทำงานบางครั้งก็ต้องทำตัวให้ดูน่าเชื่อถือสักหน่อย คุณเป็นคนเดียวในบริษัทเลยนะครับที่เห็นผมในมุมนี้”
“เหรอคะ เมยว่าลุคนี้คุณก็ดูดีไปอีกแบบ”
“แล้วคุณชอบลุคไหน”
“ดูดีทุกลุกค่ะ”
“เมย คุณตอบไม่ตรงคำถามนะครับ” ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของเวหาตอนนี้ทำให้เมญาวีรู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้น อันที่จริงเธอก็ใจเต้นแรงมาเกือบตลอดทั้งวันเพราะมีเขาอยู่ใกล้ แต่พอเขาจ้องแบบนี้มันก็ทำตัวไม่ถูก
“ต้องตอบเหรอคะ” หญิงสาวเงยหน้ามองตาคนพูด
“ใช่ครับต้องตอบ”
“ถ้าไม่ตอบล่ะคะ”
“ถ้าไม่ตอบก็แสดงว่าคุณชอบทั้งสองลุค”
“ถ้าอย่างนั้นเมยขอไม่ตอบดีกว่าค่ะ”
เมญาวีก้มหน้าทานไอศกรีมต่อเพราะกลัวเขาจับได้ว่าเธอนั้นชอบเขาทั้งสองลุคอย่างที่เขาพูด
เวหาเห็นหญิงสาวหน้าแดงก็เลิกถามเพราะกลัวว่าเธอจะเขินอายเขาไปมากกว่านี้
ชายหนุ่มขับรถมาส่งเธอที่บ้านในเวลาสี่ทุ่ม
“ขอบคุณนะครับที่วันนี้ออกไปเที่ยวกับผม”
“ขอบคุณเช่นกันค่ะ”
“นี่ของคุณครับ หวังว่าจะชอบและใช้มันนะครับ”
“ของเมยเหรอคะ” เมญาวีเห็นเขาถือถุงกระดาษแบรนด์หรูตั้งแต่ตอนอยู่ในร้านน้ำหอม เธอคิดคงเป็นของส่วนตัวที่เขาแอบไปซื้อ ไม่คิดเลยว่าของในถุงนั้นจะเป็นของที่เขาตั้งใจซื่อให้
“ขอบคุณนะคะ คุณเวย์ไม่เห็นต้องลำบากซื้อให้เมย”
“ไม่ลำบากเลยผมอยากซื้อให้ วันนี้ผมมีความสุขมาก แล้วเราออกไปเที่ยวด้วยกันอีกนะครับ”
“ค่ะ” เมญาวีตอบรับอย่างง่ายดายเพราะวันนี้เธอเองก็มีความสุขมาก
เวหาอ้อยอิ่งอยู่นานกว่าจะยอมกลับ ชายหนุ่มอยากยืดเวลาของความสุขออกไปให้นานที่สุด
หลังจากมีเดทแรกด้วยกันจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบจะสามเดือนแล้ว เวหามักจะพาเมญาวีออกไปทานข้าว ซื้อของ หรือบางครั้งก็ไปดูหนังและฟังเพลงด้วยกันบ้างในวันหยุด แต่พออยู่ที่ทำงานก็เว้นระยะห่างในระดับหนึ่งเพราะไม่อยากให้เมญาวีต้องลำบากใจ วันนี้ชายหนุ่มตั้งใจว่าจะขอเมญาวีเป็นแฟน เพราะเขามั่นใจแล้วว่าเธอคือผู้หญิงที่เขาอยู่ด้วยแล้วมีความสุข ช่วงเวลาที่ได้รู้จักกันมันอาจจะดูสั้น แต่เพราะทั้งเขาและเธออยู่ใกล้ชิดกันมากในแต่ละวัน ทำให้ได้เรียนรู้กันและกันมากขึ้น แล้วแผนที่วางไว้ก็ล้มไม่เป็นท่า เมื่อมารดาของเวหาโทรมาบอกให้เขากลับไปทานอาหารเย็นกับเธอที่บ้านเพราะมีคนสำคัญที่อยากให้ลูกชายได้เจอ “เมย ผมขอโทษนะครับ เย็นนี้ผมคงไปทานข้าวกับคุณไม่ได้”เวหารู้สึกผิดเพราะวันนี้เขานัดทานอาหารเย็นกับเธอ “ไม่เป็นไรค่ะ เมยเข้าใจ” เมญาวีรู้ดีว่าชายหนุ่มมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขานัดทานข้าวกับเธอแล้วทำอย่างที่พูดไม่ได้ แต่หญิงสาวก็ไม่เคยโกรธเขาเลยสักนิด กลับนึกชื่นชมด้วยซ้ำที่เขารักและดูแลมารดาเป็นอย่างดี “คุณจะกลับเลยไหมจะได้ออกไ
หลังจากมีเดทแรกด้วยกันจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบจะสามเดือนแล้ว เวหามักจะพาเมญาวีออกไปทานข้าว ซื้อของ หรือบางครั้งก็ไปดูหนังและฟังเพลงด้วยกันบ้างในวันหยุด แต่พออยู่ที่ทำงานก็เว้นระยะห่างในระดับหนึ่งเพราะไม่อยากให้เมญาวีต้องลำบากใจ วันนี้ชายหนุ่มตั้งใจว่าจะขอเมญาวีเป็นแฟน เพราะเขามั่นใจแล้วว่าเธอคือผู้หญิงที่เขาอยู่ด้วยแล้วมีความสุข ช่วงเวลาที่ได้รู้จักกันมันอาจจะดูสั้น แต่เพราะทั้งเขาและเธออยู่ใกล้ชิดกันมากในแต่ละวัน ทำให้ได้เรียนรู้กันและกันมากขึ้น แล้วแผนที่วางไว้ก็ล้มไม่เป็นท่า เมื่อมารดาของเวหาโทรมาบอกให้เขากลับไปทานอาหารเย็นกับเธอที่บ้านเพราะมีคนสำคัญที่อยากให้ลูกชายได้เจอ “เมย ผมขอโทษนะครับ เย็นนี้ผมคงไปทานข้าวกับคุณไม่ได้”เวหารู้สึกผิดเพราะวันนี้เขานัดทานอาหารเย็นกับเธอ “ไม่เป็นไรค่ะ เมยเข้าใจ” เมญาวีรู้ดีว่าชายหนุ่มมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขานัดทานข้าวกับเธอแล้วทำอย่างที่พูดไม่ได้ แต่หญิงสาวก็ไม่เคยโกรธเขาเลยสักนิด กลับนึกชื่นชมด้วยซ้ำที่เขารักและดูแลมารดาเป็นอย่างดี “คุณจะกลับเลยไหมจะได้ออกไ
วันศุกร์เป็นวันที่ใครหลายคนรอคอยเพราะพรุ่งนี้ก็จะได้หยุดอยู่บ้าน แต่สำหรับเมญาวีแล้วเธอรู้สึกว่ามันเป็นวันที่แสนน่าเบื่อ เพราะเช้านี้หญิงสาวได้รับโทรศัพท์จากเจ้าของหอพักว่ามีเรื่องอยากจะคุยด้วยเลยขอให้เธออยู่รอก่อนที่จะออกไปทำงาน เมญาวีคิดว่ามันต้องเป็นเรื่องสำคัญเพราะถ้าไม่อย่างนั้นก็คงคุยกันทางโทรศัพท์ไปแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะคิดค่าเช่าเพิ่มหรือเปล่า แต่สำหรับเธอแล้วคิดว่าถ้าเจ้าของหอจะขึ้นค่าเช่า ก็คงไม่เป็นปัญหาเพราะตอนหญิงสาวได้เป็นพนักงานประจำแล้ว เงินเดือนของเธอก็เพิ่มขึ้นจากเดิมถึงสามพันบาท แล้วยิ่งช่วงหลายเดือนมานี้เมญาวีแทบจะต้องใช้จ่ายอะไรเลย ไปทำงานก็ไปพร้อมเจ้านาย พอตกเย็นเจ้านายก็พาไปทานข้าวอยู่เป็นประจำ หญิงสาวไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเจ้านายและลูกน้องคนอื่น ๆ จะเป็นเหมือนเธอไหม พอถามเรื่องนี้กับรินรดาเพื่อนก็บอกว่าสิ่งที่เวหาทำนั้นมันมากกว่าคำว่าเจ้านายกับลูกน้องทั่ว ๆ ไป เธอไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองแต่ที่ผ่านมาก็สัมผัสได้ว่าระหว่างตัวเองและเวหามันมีอะไรมากกว่าอย่างที่รินรดาบอก พอคิดเรื่องของเจ้านายเธอก็ลืมไปสนิทเลย
เมญาวีเอาแต่เงียบจนทำให้เวหาเริ่มใจคอไม่ดี “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ผมอาจจะพูดตรงเกินไป แต่ผมอยากเป็นแฟนกับคุณจริง ๆ นะครับ หรือว่าตอนนี้คุณกำลังคบใครอยู่” “เปล่าค่ะ เมยไม่ได้คบใครอยู่” “หรือผมไม่ดีพอ” “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะคะ” “ผมรู้มันอาจเร็วไปสำหรับผู้หญิงแต่สำหรับผมมันช้าไปด้วยซ้ำ ผมไม่รู้นะว่าตอนนี้ในใจของคุณมีใครหรือกำลังคิดอะไรอยู่ ผมไม่เร่งรัดจะเอาคำตอบ ผมแค่อยากบอกความรู้สึกออกไป ผมรู้สึกดีกับคุณมาก อยากอยู่ใกล้ตลอดเวลา ความรู้สึกนี้มันมากขึ้นเรื่อย ๆ จนผมเก็บเอาไว้คนเดียวไม่ได้ เอาจริงนะ ผมไม่เคยขอใครเป็นแฟนมาก่อนเลยไม่รู้ว่าที่ทำอยู่มันถูกต้องไหม” ความรู้สึกที่เก็บไว้พรั่งพรูออกมาเป็นคำพูดอย่างไม่จะเก็บเอาไว้ได้อีกต่อไป “เมยไม่ได้รังเกียจคุณหรอกนะคะ เมยยอมรับว่าตัวเองก็รู้สึกดีกับคุณ แต่มันมีบางอย่างที่เมยต้องเล่าให้คุณฟังก่อน” “เล่ามาสิครับ ผมพร้อมฟัง” “ถ้าฟังจบแล้วคุณอาจจะหัวเราะหรืออาจเปลี่ยนใจเมยก็ไม่ว่า แต่ถ้าเมยไม่บอกคุณมันก็เหมือนเมยไม่ให้เกียรติคุณ” “เล่ามาเถอะครับ แล้วผ
แม้จะเป็นวันเสาร์แต่วันนี้เมญาวีก็ตื่นนอนแต่เช้า เธอชงกาแฟทานกับคุกกี้เป็นอาหารเช้า จากนั้นก็เริ่มเก็บของลงกล่องอย่างรวดเร็ว เพราะไม่อยากให้เวหาต้องมาเหนื่อยไปกับตัวเองด้วยอีกคน เมื่อเห็นว่าใกล้เวลาที่เวหาบอกว่าจะเข้ามา หญิงสาวก็รีบอาบน้ำสระผมล้างคราบเหงื่อไคลที่ทำงานหนักมาตั้งแต่เช้า คิดเอาไว้ว่าหลังจากทานอาหารแล้วจะชวนเขาออกไปดูหอพัก เพราะมีเหลือเวลาอีกเพียงสองวันที่เธอจะต้องหาที่อยู่ใหม่ให้ได้ เนื่องจากหญิงสาวไม่อยากไปนอนที่โรงแรมไม่ใช่เพราะเสียดายเงิน แต่เพราะเธอกลัวการนอนโรงแรมคนเดียวมากกว่า เวหามาถึงก่อนเที่ยงเล็กน้อย เขาแวะซื้ออาหารญี่ปุ่นที่จัดเป็นเซ็ตเข้ามาด้วย เพราะคิดว่าเมญาวีคงจะยุ่งกับการเก็บของ &l
วันนี้ก็ครบสามเดือนแล้วที่เวหาและเมญาวีตกลงเป็นแฟนกัน วันนี้เขาชวนเธอมาทานอาหารเพื่อฉลองวันครบรอบที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง เมญาวีแต่ตัวสวยเป็นพิเศษเพราะอยากให้เกียรติสถานที่และแฟนหนุ่ม เธอสวมเดรสเกาะอกสีม่วงพาสเทล ยาวเหนือเข่าตกแต่งริบบิ้นช่วงเอว เน้นรูปร่างให้ดูเซ็กซี่กว่าวันทำงานปกติ เวหามองด้วยสายตาชื่นชม เขาไม่เคยเห็นเธอแต่งกายแบบนี้มาก่อน ไม่ใช่แค่เขาที่มองแต่คนอื่นที่เดินผ่านก็มองแฟนสาวของเขาจนแทบอยากจะพาเธอกลับคอนโดตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มทานอาหาร “วันนี้เมยสวยมาก” “แล้ววันอื่นล่ะคะ” “วันอื่นก็สวย แต่สวยคนละแบบ ตอนไปทำงานเมยสวยหวานดู ตอนออกไปเที่ยว ไปดูหนังเมยก็สวยใสแบบวัย
เมญาวีรู้ว่าตอนนี้ร่างกายของเธอไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป ทุกอย่างมันเป็นไปตามการชักนำของคนตัวสูงที่อยู่ตรงหน้า เรียวขาเนียนพยายามจะบีบเข้าหาตัว แต่ก็ไม่อาจทำอย่างที่ต้องการได้ เพราะร่างกายของเวหาได้แทรกอยู่ตรงกลางขาเรียวไปแล้ว “พี่เวย์ มันมากเกินไปแล้วนะคะ” เสียงร้องขอฟังดูเหมือนกำลังสับสนและทรมาน “อย่าฝืนตัวเอง ให้พี่ช่วยนะครับ พี่สัญญาว่าเมยจะมีความสุข” “แต่ อื้อ พี่เวย์..” หญิงสาวสั่นสะท้านขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อแฟนหนุ่มใช้นิ้วโป้งกดลงบนจุดอ่อนไหวอย่างกระตุ้นอารมณ์ ลมหายใจของเธอติดขัด พยายามกัดริมฝีปากของตัวเองไว้เพื่อกักเก็บเสียงครางอันน่ารังเกียจ “อย่านะคะ แบบนั้นมัน อื
เวหาอาบน้ำแล้วก็รู้สึกสดชื่นขึ้น เขาออกจากห้องมาก็เห็นว่าบนโต๊ะมีข้าวผัดปูกับต้มจืดวางอยู่ ชายหนุ่มรีบทานอย่างรวดเร็วเพราะตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้อง พอทานเสร็จก็กลับเข้าห้องแปรงฟันแล้วเตรียมเข้านอน แต่เขาก็ไม่สามารถข่มตานอนได้ เมื่อนึกไปถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องนี้เมื่อคืนที่ผ่านมา มันกระตุ้นให้ชายหนุ่มอยากทำมากกว่านั้น เขาเดินออกจากห้องตรงไปยังห้องนอนของเมญาวี เคาะเบา ๆ “มีอะไรหรือเปล่าคะ” “พี่นอนไม่หลับ ถ้าเมยยังไม่นอน เราคุยกันหน่อยดีไหม” “ค่ะ พี่เวย์รอที่ห้องรับแขกนะคะเมยขอหยิบเสื้อคลุมก่อน” &ldquo
เสียงดนตรีเพลงคลาสสิกที่กำลังบรรเลงอยู่สร้างความโรแมนติกให้กับคู่รักหลายคู่ในบาร์รูฟท็อปบนโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา เวหากับเมญาวีก็เป็นหนึ่งในคู่รักนั้น วันนี้เป็นวันครบ 3 ปี สำหรับการแต่งงานของทั้งสอง เป็นโอกาสพิเศษที่ทั้งสองคนจะได้อยู่ตามลำพัง เพราะที่ผ่านมาชีวิตของเขาและเธอวุ่นวายอยู่กับการทำงานและเลี้ยงดูลูกน้อยวัยสองขวบ หลังจากแต่งงานได้เพียงสามเดือนเมญาวีก็ตั้งท้องลูกสาวที่แสนน่ารัก เด็กหญิงตัวน้อยมีชื่อว่าน้องข้าวหอมเพราะอยากเลี้ยงลูกเองแต่ก็ต้องทำงานไปด้วย เวหาเลยแบ่งห้องที่ทำงานเป็นห้องสำหรับเด็กหนึ่งห้อง จ้างพี่เลี้ยงมาช่วยดูแลลูกสาวในขณะที่เมญาวีทำงาน พอถึงเวลาเลิกงานทั้งครอบครัวก็กลับไปที่บ้านหลักเล็กซึ่งปลูกอยู่ในรั้วเดียวกับบ้านเดิมของเวหา แต่เพราะวันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานของทั้งสอง เพชรลดาอยากให้ลูกสาวและลูกเขยได้ใช้เวลาช่วงนี้ด้วยกันตามลำพัง เธอจึงมารับหลานสาวและพี่เลี้ยงไปอยู่ที่โคราชชั่วคราว“ร้านนี้บรรยากาศดีเหมือนกันนะคะพี่เวย์ จองยากไหมคะ”“ไม่ยากหรอกครับ พี่แดนจัดการให้” โรงแรมหรูแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งโรงแรมที่เดนิสเพื่อนรุ่นพี่ของ
ภายในห้องนอนยังมืดสนิทแม้จะเป็นเวลาเกือบจะเที่ยงเพราะมีผ้าม่านกันแสงอย่างดี เมญาวียังซุกตัวอยู่กับแผงอกแกร่งของคนรัก เธอเพิ่งได้นอนพักในเวลาเกือบจะหกโมงเข้า แต่เพราะวันนี้เป็นวันเสาร์ทั้งเขาและเธอก็เลยไม่ต้องรีบไปทำอะไรที่ไหน เมื่อคืนเมญาวีตามใจเขามากกว่าทุกครั้งเพราะเห็นว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาชายหนุ่มทำงานอย่างหนักเพื่อบริษัทมาตลอด เมญาวีไม่คิดจะไปเรียนต่อแล้วเพราะไม่อยากห่างจากคนรักแต่เธอก็ยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเวหา หญิงสาวใช้เวลาช่วงที่ไม่ตามคนรักไปบริษัทเรียนรู้งานกับคุณสิงหลที่บ้านหลังใหญ่ของเขา เพราะอยากช่วยงานของเวหาให้ได้มากกว่านี้ พอได้ไปบ้านของเวหาบ่อยขึ้นเมญาวีก็สนิทสนทกับคุณวราพรมารดาของชายหนุ่มมากขึ้นด้วย หญิงสาวจึงรู้ว่าที่ผ่านมาเวหาต้องทำงานอย่างหนักเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้คนในบริษัทและบิดายอมรับในตัวเขา เมญาวีรู้สึกเห็นใจคนรักมากขึ้น บริษัทที่เขาทุ่มเททำงานอย่างหนักให้นั้นอีกส่วนหนึ่งก็เป็นของเธอด้วย การจะไปเรียนและให้เขาทำงานที่นี่ไม่ใช่เรื่องที่คนรักควรทำสักเท่าไหร่ ที่ผ่านมาเธอคิดถึงแต่ตัวเองมาตลอด แม้ตอนแรกเวหา
ระหว่างที่ยังรอวีซ่าซึ่งไม่รู้จะได้เมื่อไหร่ เมญาวีก็ย้ายมาอยู่กับเวหาที่คอนโด แม้ว่ามารดาของเขาจะชวนให้ไปอยู่ที่บ้านด้วยกัน แต่เพราะเวหาอยากมีเวลาส่วนตัวกับคนรักให้มากที่สุด เขาจึงพาเมญาวีไปทานข้าวกับท่านที่บ้านเป็นบางวันเท่านั้น เมญาวีตามเวหาไปที่บริษัทเป็นบางวันเท่านั้น เธอไม่ได้ไปทำงานในตำแหน่งเลขา เพียงแต่ตามไปเพราะเวหาอยากให้หญิงสาวเรียนรู้งานในบริษัท พนักงานส่วนใหญ่ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้เมญวีมีหุ้นอยู่ในบริษัท ทุกคนรู้แค่เพียงว่าเธอเป็นคนรักของเวหาเพียงเท่านั้น ช่วงนี้งานของเวหาค่อนข้างหนักเอาการ แต่งานหนักแค่ไหนเขาก็ไม่เคยบ่น เพราะทันทีที่กลับมาถึงคอนโดมาเจอกับคนรักเขาก็หายเหนื่อยทันที “พี่เวย์ ช่วงนี้งานเยอะเหรอคะ” “ก็เยอะเป็นปกติครับ” “หาเลขาสักคนดีไหม” “ไม่เป็นไรครับพี่ธรก็ยังอยู่ เขาช่วยพี่ได้เยอะ” “ถ้ากลัวว่าเลขาคนใหม่จะทำให้เมยหึงพี่เวย์ก็หาเลขาผู้ชายสิคะ” “เอาไว้ถ้าพี่ธรบ่นว่าเหนื่อยพี่จะให้เขาหาคนมาช่วยนะครับ” “ถ้ารอให้พี่ธรบ่นสงสัยไม่ต้องหาเลขากันแล้วล่ะคะ”เมญา
กลับจากหัวหิน เวหาพาเมญวีมาที่บ้านของตัวเอง เป็นครั้งแรกที่เธอมายังบ้านหลังใหญ่“สวัสดีค่ะแม่” เธอยกมือไหว้และเรียกคุณวราพรว่าแม่อย่างที่เคยเรียก เนื่องจากตอนนี้เธอกับเวหาตกลงจะกลับมาคบกันอย่างเดิมแล้ว“หนูเมย แม่คิดว่าจะไม่ได้เจอหนูแล้ว แม่ขอโทษเรื่องพ่อของหนูด้วย ถ้าแม่ไม่เห็นแก่ตัวหนูคงมีครอบครัวที่อบอุ่น”“อย่าพูดถึงมันเลยค่ะ ที่ผ่านมาเมยก็มีครอบครัวที่อบอุ่น มีแม่กับลุงวัตถ์ เมยไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองขาดอะไร”“หนูไม่โกรธแม่ใช่ไหม”“ไม่ค่ะ เมยคิดว่าเมยกับแม่ก็ต้องขอโทษที่ทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้”“แม่อยากเจอกับแม่ของหนู อยากขอโทษเขาด้วยตัวเองเอง”“ได้สิคะ เอาไว้เมยจะหาเวลาพาแม่มาเยี่ยมนะคะ”“แม่อยากไปหาที่ไร่ เวย์บอกแม่ว่าที่นั่นร่มรื่นมาก แม่อยากไปเที่ยว”“เมยขอถามแม่กับลุงวัตถ์ก่อนนะคะว่าสะดวกวันไหน เพราะบางทีสองคนนั้นก็เข้าไปในไร่ตั้งแต่เช้า ถ้าไม่นัดก่อนก็อาจจะไม่เจอค่ะ”“เอาอย่างนั้นก็ได้ สะดวกตอนไหนหนูก็บอกเวย์นะลูก”“ค่ะแม่”“วันนี้จะค้างที่นี่ไหม แม่จะได้ให้ป้ายุพาจัดห้อง”“ไม่ดีกว่าค่ะ”“เมยรังเกียจครอบครัวของแม่หรือเปล่า”“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ คุณแม่เข้าใจผิดแล้ว วันนี้เมยต
พายุตัณหาสงบลงในเวลาเกือบตีหนึ่ง เวหาเช็ดตัวให้กับเมญาวีเพราะอยากให้เธอนอนสบายตัว จากนั้นก็นอนกอดหญิงสาวคนรักจนถึงสายของอีกวัน “เราจะกลับตอนไหนคะ” เมญวีถามในขณะที่กำลังเริ่มทานอาหารมื้อสายด้วยกัน “คงอีกสักสองวันครับ เมยอยากกลับแล้วเหรอ” “พี่เวย์ขา เมยขอโทรหาแม่ได้ไหมคะ ไม่อยากให้แม่เป็นห่วงนะคะ” พอเธออ้อนเวหาก็ยอมใจอ่อน เขาไปเอากระเป๋าในรถมาให้เธอจากนั้นก็นอนดูทีวีอยู่ที่ห้องรับแขก ส่วนเมญาวีนั้นเดินไปคุยโทรศัพท์ในห้องนอน หญิงสาวกลับออกมาอีกครั้ง เธอนั่งลงข้างเขา พิงศีรษะกับไหล่หนา “แม่ว่ายังไงบ้างครับ” “ไม่ว่าอะไรค่ะ แม่แค่ฝากบอกพี่เวย์ว่าอย่าลืมสัญญา พี่สัญญาอะไรกับแม่คะ” “สัญญาว่าจะดูแลเมยอย่างดีครับ” “แค่นั้นเหรอคะ” “ครับแค่นั้น” เมญาวีคิดว่าต้องมีอะไรมากกว่านั้นแต่เขาไม่ยอมพูด แต่คงไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะถ้าอย่างนั้นมารดาของเธอคงบอกไปแล้ว “เราจะอยู่แต่ในห้องเหรอคะ ไหนว่าพาเมยมาเที่ยวทะเล” “เมยอยากออกไปไหน ถ้าจะไปเล่นน้ำรอตอนเย็นก่อนดีกว่าไ
เมญาวีตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด เธอไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน จำได้แค่ว่ากำลังคุยกับเวหาอยู่ในรถ และเขากำลังจะพาเธอกลับบ้าน เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แล้วก็ต้องตกใจเพราะที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนของ หญิงสาวรีบลุกจากเตียงแล้วเปิดประตูห้องนอนออกไปทันที “เวย์ พาเมยมาที่ไหน เมยอยากกลับบ้าน” “ตื่นแล้วเหรอครับ หิวหรือยัง มานั่งตรงนี้สิพี่สั่งสเต็กปลาของโปรดให้เมยแล้ว” “พี่เวย์คะ เมยบอกกว่าอยากกลับบ้าน” เธอเดินไปยังประตูด้านหน้าแต่พยายามเปิดเท่าไหร่ประตูก็ไม่ขยับ “เปิดประตูให้เมยด้วย เมยจะกลับ” “เดี๋ยวสิเมยคุยกันก่อน” เวหารีบมาดึงตัวคนรักไว้ เขากอดเธอจากด้านหลัง จมูกกดลงไปยังผมสีดำขลับ สูดดมกลิ่นที่คุ้นเคยเข้าเต็มปอด “เราต้องคุยกับให้รู้เรื่องนะครับ” “เมยว่าเราคุยกับรู้เรื่องแล้วนะคะ” เวหาอุ้มคนตัวเล็กมายังโต๊ะทานข้าว กดให้หญิงสาวนั่งลงบนเก้าอี้ขณะที่ตัวเองกักเธอไว้ด้วยสองแขนแกร่ง “พี่ไม่ให้เมยไปเรียน” “เมยจะไป เมยเตรียมตัวเรียนภาษามาตั้งสองเดือน” “เมยจะทิ้งพี่ไปจริ
เมญาวีกลับมาถึงบ้านในเวลาหกโมงเย็น หญิงสาวรีบเข้าไปหามารดาที่กำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่ในครัว เธออยากรู้ว่าหลังจากที่ตัวเองออกไปจากบ้านแล้วสองพ่อลูกคุยอะไรต่อ “แม่ทำอะไรคะหอมจัง” “ต้มข่าไก่จ้ะ ทำไมกลับเร็วนักล่ะลูกไหนว่าจะไปดูหนัง” เพชรลดาแกล้งถามเธอรู้ว่าลูกสาวไม่มีทางออกไปดูหนังกับเพื่อนชายคนนั้นแน่นอน “พอดีจอห์นเขาไม่ว่างค่ะแม่” เมญาวีรีบบอก “วันหลังค่อยนัดกันใหม่ก็ได้ แม่ว่าจอห์นเขาก็น่ารักดีนะ เขาอยู่เมืองไทยมานานหรือยังนะ” “ไม่รู้เหมือนกันค่ะแม่ เมยไม่เคยถาม” ฟังแค่นี้คนเป็นแม่ก็รู้แล้วว่าลูกสาวของตัวเองไม่ได้สนิทสนิทสนมกับเพื่อนใหม่ที่เป็นครูสอนอยู่โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งอย่างที่เจ้าตัวพยายามจะแสดงออก คงเพราะยังไม่ลืมรักครั้งแรก “แม่คะ คุณสิงหลเขาคุยอะไรกับแม่บ้างคะ หลังจากที่เมยไปแล้ว” “ก็เรื่องทั่ว ๆ ไปนั่นแหละ ไม่มีอะไรหรอก” “แม่คงไม่กลับไปคืนดีกับเขาหรอกนะคะ” “ไม่หรอกลูก ถึงเขาจะเป็นพ่อของเมย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแม่ะกลับไปเป็นภรรยาเขานี่ แม่มีลุงวัตถ์แล้ว ตอนนี้แม่ม
วราพรเห็นลูกชายเสียใจ เธอเองก็เสียใจไม่ต่างกัน เธอกำลังสับสน ถ้าเธอเลือกที่จะเก็บทุกอย่างเป็นความลับเวหาก็คงไม่มีความสุข แต่ถ้าเลือกที่จะพูดเวหาจะมองเธอยังไง เขาจะรับเรื่องราวได้ไหม “เวย์ รักหนูเมยมากใช่ไหม” “ผมไม่เคยรักใครแบบนี้มาก่อน แต่มันจำสำคัญยังละครับ ในเมื่อตอนนี้เราเป็นพี่น้องกัน ผมเลวมากใช่ไหมครับที่รักน้องสาวตัวเอง มีอะไรกับน้องสาวตัวเอง” เขาผิดหวังและโกรธตัวเองที่ทำแบบนั้นลงไป “อย่าพูดแบบนั้น” “มันเป็นความจริงนี่ครับแม่ ความจริงที่ทำให้ผมเจ็บ ผมไม่รู้ว่าน้องจะเป็นยังไงบ้าง เธอเป็นคนดีแล้วผมก็ทำลายเธอเองกับมือ” “พอแล้ว เวย์ไม่ต้องพูดแล้ว” วราพรฟังลูกชายพูดแล้วเธอก็ร้องไห้ ในที่สุดคุณวราพรก็ตัดสินใจได้ เธอไม่อยากเห็นเวหาเป็นแบบนี้ เธอไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัวอีกต่อไป เธอเล่าเรื่องราวในอดีตให้กับลูกชายฟังอย่างไม่ปิดบัง ครั้งหนึ่งเธอกับสิงหลรักกันมาก หลังจากแต่งงานสิงหลก็เปิดบริษัท เขาทุ่มเททำงานอย่างหนักเพื่ออยากให้ครอบครัวสุขสบาย จนหลงลืมไปว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่ภรรยาต้องการจากเขาไม่ใช่เงิน
เวหากลับมาตั้งหน้าตั้งตาทำงานอีกครั้ง เขากลายเป็นคนอารมณ์ร้อน จนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้จะมีก็เพียงอาธรที่รับอารมณ์รุนแรงของชายหนุ่มได้สัปดาห์ก่อนอาธรรับเลขามาช่วยงานเวหาคนหนึ่ง แต่เธอก็ทนทำงานกับเวหาได้เพียงแค่สามวันก็ลาออก กลางวันทำงานอย่างเต็มที่ พอตกกลางคืนก็ออกไปดื่มทุกคืน จนเพื่อนต่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเวหากันแน่ เพราะก่อนหน้านั้นเชายหนุ่มไม่เคยเป็นแบบนี้ เขาออกจะมีความสุขมากกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ แม้เพื่อนจะชวนออกมาดื่มหลายครั้งแต่ เวหาก็บอกว่าอยากให้เวลากับมารดาและคนรัก แต่พอถึงตอนนี้ชายหนุ่มกลับทำตรงกันข้าม เขาดื่มหนักทุกวัน “เวย์มีเรื่องอะไรไม่สบายใจเล่าให้พี่ฟังได้นะ” เดนิสที่นั่งดื่มกับเวหาอดไม่ได้ที่จะถามเพื่อนรุ่นน้อง “ไม่มีอะไรหรอกพี่ แค่อยากดื่ม” “มันต้องมีอะไรสิ ถ้าอย่างนั้นนายคงไม่ดื่มหนักอย่างนี้หรอก ไหนว่าแม่อาการดีขึ้นแล้วกลับบ้านได้แล้ว ถ้าให้พี่เดาก็คงเป็นเรื่องแฟนใช่ไหม” เวหาพยักหน้าพลางกระดกแก้วในมือสาดน้ำสีอำพันเข้าไปในปากทีเดียวจนหมดแล้ว “เล่าให้ฟังได้ไหม เผื่อจะรู้สึกดีขึ้น” เวหาไม่