ห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่เคยว่างเปล่า ตอนนี้เต็มไปด้วยข้าวของกระจัดกระจาย เพราะเจ้าของห้องคนใหม่ไม่มีเวลาที่จะจัดข้าวของเครื่องใช้ให้เข้าที่
หลังจากเรียนจบและต้องย้ายออกจากหอพักที่หน้ามหาวิทยาลัย เมญาวีหรือเมยก็ต้องมาเช่าหอพักเล็ก ๆ เท่ารูหนูอยู่ เพราะเธอยังไม่อยากจะกลับไปที่บ้านตามคำชวนของมารดา
อันที่จริงแล้วมารดาของเธออยากให้กลับไปหางานทำที่บ้านเกิดแต่เมญาวีอยากลองหางานทำที่กรุงเทพก่อน หญิงสาวเรียนจบปริญญาตรี สาขาบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่งด้วยเกรดที่ไม่ค่อยสูงเท่าไหร่ การหางานจึงยากกว่าเพื่อนคนอื่น แต่เธอก็ไม่ย่อท้อ ไม่ว่าจะมีประกาศรับสมัครที่ไหนหญิงสาวก็ไปยื่นใบสมัครไว้ทุกที่
ในแต่ละวันเมญาวีแทบไม่ได้อยู่ห้องเลย ข้าวของเครื่องใช้ที่ย้ายมาจากหอพักจึงยังไม่ถูกเก็บเข้าที่
“เมย ให้รินช่วยฝากงานให้ไหม” รินรดาเพื่อนสนิทเพียงของหญิงสาว ทนดูไม่ได้กับสภาพของเพื่อนในตอนนี้
“ไม่เป็นไรริน เมยอยากลองหางานด้วยตัวเองก่อน”
“นี่มันเดือนหนึ่งแล้วนะ ที่เมยเป็นแบบนี้”
“เอาน่า ถ้าเมยไม่ไหวจริง ๆ เมยจะบอกนะ”
“แต่ที่รินเห็นมันก็แทบจะไม่ไหวแล้วนะ ได้กินข้าวบ้างหรือเปล่า”
“กินสิ”
“เหรอแล้วกินที่ไหนล่ะ รินถามป้าร้านข้าวข้างล่างแล้ว ป้าบอกว่าเมยไม่แวะที่ร้านแกมาเป็นอาทิตย์แล้วนะ”
“แหม เมยก็ไปกินร้านอื่นบ้างสิ”
“เอาจริงนะเมย มีเงินพอใช้ไหม เอาของรินก่อนได้นะ” รินรดารู้ว่าตั้งแต่เรียนจบแม่ของเพื่อนไม่ได้ส่งเงินมาให้อีกเพราะอยากให้ลูกสาวกลับไปทำงานใกล้ ๆ บ้าน
“ยังพอมี”
“แล้ววันนี้กินข้าวกับอะไรเหรอ”
“แซนด์วิช”
“เมยจะกินแต่แซนด์วิชไม่ได้นะ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า กินอะไรมันก็อิ่มเหมือนกัน เมยไม่อยากเสียเวลา”
“ห่วงตัวเองบ้างนะเมย แล้วนี่ไปสมัครมากี่บริษัทแล้ว”
“ไม่รู้สิ เมยไม่ได้นับ”
“แล้วมีที่ไหนเรียกตัวแล้วบ้าง”
“ก็มีบ้างแต่งานไม่ตรงสาย เมยเลยเอาไว้ก่อน”
มีหลายบริษัทที่เรียกเธอเข้าไปสัมภาษณ์แต่พอไปถึงแล้วเมญาวีก็ต้องรีบปฏิเสธ ไม่ใช่เพราะเธอเลือกงานแต่เธอเลือกเจ้านายมากกว่า
ล่าสุดที่เธอไปสัมภาษณ์ หญิงสาวเกือบจะตอบตกลงอยู่แล้ว แต่จังหวะที่กำลังจะออกจากห้อง ผู้บริหารวัยห้าสิบกว่าก็เอามือมาจับบั้นท้ายของเธอ เมญาวีรีบวิ่งออกมาจากที่นั่นและไม่คิดที่จะกลับไปอีกเลย
“เมย เย็นนี้เราไปหาอะไรกินกันนะ เดี๋ยวรินเลี้ยงเอง”
“ไม่เป็นไรริน เมยเกรงใจ”
“เมย รินเบื่อที่ต้องนั่งกินอะไรคนเดียว เมยไปกับรินนะ สัญญาจะไม่เข้าร้านแพง ๆ ให้เมยต้องลำบากใจ”
“งั้นกินส้มตำกันไหม”
“ได้สิ เมยรีบอาบน้ำแต่งตัวเลยนะจะได้รีบไปกัน”
หลังจากออกจากร้านส้มตำเล็กๆ ที่เคยทานด้วยกันเป็นประจำ เมญาวีก็แยกกับเพื่อนที่หน้าร้าน หญิงสาวไม่อยากให้รินรดาเสียเวลาไปส่งที่หอพัก เพราะจากที่นี่นั่งรถเมล์เพียงสองป้ายก็ถึง
เธอแวะที่ร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอยหญิงสาวเลือกซื้อขนมขบเคี้ยวและน้ำดื่ม ระหว่างรอชำระเงินก็ยืนมองห่อขนมในมือแล้วก็นึกถึงเรื่องราวในอดีต
เมญาวีจำเหตุการณ์วันนั้นได้ไม่มากเท่าไหร่เพราะมันผ่านมานานแล้ว แต่สิ่งที่ยังจำได้ดี ก็คือขณะที่เธอกำลังร้องไห้เพราะโดนเพื่อนล้อว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ ก็มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาปลอบเธอ เอาขนมให้เธอกิน เด็กผู้ชายคนนั้นบอกกับเธอว่าเขาเป็นลูกชายเจ้าของโรงงานผลิตขนม
‘จริงเหรอคะ’
‘จริงสิ พี่จะหลอกเธอทำไม’
‘หนูอิจฉาพี่จังได้กินแต่ขนมอร่อย ๆ แน่เลย’
‘ถ้าไปเที่ยวกรุงเทพอย่าลืมแวะไปหาพี่นะ พี่จะเอาขนมอร่อย ๆ ให้กิน แต่ต้องกินให้เรียบร้อยนะ ไม่ใช่เลอะอย่างนี้’
เด็กชายล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋ากางเกงของตนเองมาเช็ดให้
‘พี่ใจดีจัง ถ้าโตขึ้นหนูจะแต่งงานกับพี่นะคะ’
‘เพราะพี่ใจดีเหรอ’
‘เพราะหนูอยากกินขนมเยอะ ๆ’
‘พี่สัญญาว่าจะแต่งงานกับเธอ แต่ตอนนี้เธอต้องเลิกร้องไห้ก่อน”
เด็กชายวัย 12 ปีให้สัญญากับเด็กหญิงผมเปียซึ่งตอนนั้นเธอเพิ่งมีอายุเพียง 6 ปี
เมญาวีจำได้แค่นั้น เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพี่ชายใจดีคนนั้นเลยนอกจากรู้แค่ว่าพ่อของเขาเป็นเจ้าของโรงงานผลิตขนม
“278 บาทค่ะ” เสียงพนักงานร้านสะดวกซื้อปลุกหญิงสาวให้ออกจากภวังค์
เธอรีบจ่ายเงินแล้วก็เดินกลับหอพักซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในซอย
เมญาวีไม่รู้ว่าพี่ชายใจดีคนนั้นจะจำเธอได้หรือเปล่าถ้าได้เจอกันอีกครั้ง แม้จะเป็นความทรงจำในช่วงเวลาที่แสนสั้นแต่มันก็ทำเธอยิ้มได้ทุกครั้งที่นึกถึง
ถ้ามีโอกาสได้เจอพี่ชายคนนั้นอีกครั้งเธอก็อยากจะลองทวงสัญญานั้นดูสักครั้ง ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะยังจำสัญญาที่ให้ไว้กับเธอได้หรือเปล่า แต่สำหรับเธอนั้นจำได้ดี เธออยากเป็นเจ้าสาวของเขาไม่ใช่เพราะว่าเขามีขนมให้เธอเยอะ ๆ แต่เพราะเธอประทับใจเขาคอยปลอบเธอจนหยุดร้องไห้
พอกลับมาถึงหอพักเมญาวีก็อาบน้ำเตรียมตัวเข้านอนเนื่องจากพรุ่งนี้เธอจะออกไปหาสมัครงานอย่างเคย พอล้มตัวลงนอนเสียงสมาร์ทโฟนก็ดังขึ้น เมื่อเห็นชื่อคนโทรเข้าหญิงสาวก็หน้าเครียด
“สวัสดีค่ะแม่ คิดถึงแม่จังเลย” คนที่กำลังนอนกลิ้งไปมาส่งเสียงอ้อนไปตามสาย
“คิดถึงก็รีบกลับมาอยู่กับแม่สิเมย”
เพชรลดาพูดกับลูกสาวทุกครั้งที่โทรมาหาหลังจากที่เมญาวีเรียนจบ เธออยากให้ลูกสาวเพียงคนเดียวกลับไปอยู่ใกล้ ๆ ครอบครัวของเธอไม่ได้ลำบากเรื่องเงินเลย เพชรลดากับสามีใหม่ช่วยกันทำงานที่ไร่ มีทั้งข้าวโพด ข้าวสาลี หญ้าสำหรับเลี้ยงสัตว์ซึ่งภายในไร่ของเธอเลี้ยงโคนมไว้อีกนับร้อยตัว
“แม่คะ เมยขอเวลาอีกเดือนหนึ่งได้ไหมคะ”
“อีกเดือนเดียวนะลูก ถ้าหนูยังหางานทำไม่ได้หนูต้องกลับมาช่วยแม่กับลุง”
“แม่คะ เมยจบบริหารนะคะ แต่คุณลุงกับแม่ทำไร่นะคะ มันคนละอย่างกันเลยนะคะ”
“หนูก็เอาความรู้ที่เรียนมาช่วยบริหารงานในไร่ไงลูก คนงานเราก็เยอะแยะ แม่ไม่ได้ให้หนูลงไปทำงานเองสักหน่อย”
“ขอเวลาเมยนะคะ ถ้าครบเวลาแล้วเมยจะกลับไปอยู่กับแม่กับลุงนะคะ”
“สัญญานะลูก”
“ค่ะแม่ เมยสัญญา เมยรักแม่นะคะ”
“แม่ก็รักเมยนะลูก ดูแลตัวเองด้วย แม่โอนเงินไปให้แล้ว”
“ขอบคุณค่ะแม่”
พอเห็นจำนวนเงินเมญาวียิ้มกว้าง ในที่สุดมารดาก็ใจอ่อนโอนเงินมาให้เธอใช้ ถ้าใช้จ่ายอย่างประหยัดเธอก็อยู่หางานที่นี่ได้อีกหลายเดือนเลยทีเดียว
เมญาวีรีบตื่นแต่งตัวออกจากห้องแต่เช้า วันนี้เธอต้องไปสัมภาษณ์งานที่บริษัทแห่งหนึ่ง หญิงสาวตื่นเต้นกว่าทุกครั้งเพราะบริษัทนี้เป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยวขนาดใหญ่ เธอแอบหวังว่าจะเป็นบริษัทของพี่ชายใจดีคนนั้นนอกจากเธอแล้ววันนี้ยังมีอีกหลายคนที่มาสัมภาษณ์ เมญาวีเริ่มกังวล เพราะดูแต่ละคนที่มานั่งรอนั้นไม่ธรรมดาเลยสักนิด“น้องมาสมัครตำแหน่งอะไรคะ” หญิงสาวท่าทางมั่นใจคนหนึ่งถามหญิงสาวอีกคนที่นั่งติดกับเมญาวี“เลขาค่ะ”“ตำแหน่งเดียวกับพี่เลยนะคะ น้องเคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อนหรือเปล่าคะ”“ค่ะ เคยทำงานกับนายฝรั่งมาหลายปี แต่อยากลองเปลี่ยนเจ้านายดูบ้างก็เลยมาสมัครที่นี่”“เหมือนพี่เลยค่ะ แต่ก่อนพี่ก็ทำงานกับนายญี่ปุ่นค่ะ พอทำนานก็เริ่มเบื่อเหมือนกัน”“ได้ข่าวว่านายญี่ปุ่นค่อนข้างเจ้าระเบียบจริงไหมคะ”“ค่ะ พี่เลยติดนิสัยทำงานเป็นระเบียบมาจากเจ้านายคนก่อน เลยหวังว่ามาที่นี่จะได้รับเลือก”“พี่คะ เราคงต้องแย่งตำแหน่งกันหน่อยแล้วล่ะค่ะ แล้วน้องล่ะคะ มาสมัครตำแหน่งอะไร”“หนูเหรอคะ” เมญาวีที่นั่งฟังเพลินก็ตกใจเมื่ออยู่ก็ถูกถามขึ้น“น้องนั่นแหละ ดูท่าทางแล้วเหมือนจะเพิ่งจบนะคะ”“ค่ะหนูเพิ่งจบ
โปรเจ็กต์ที่เวหาเสนอกับที่ประชุมบริษัทได้รับการอนุมัติแล้ว ชายหนุ่มจึงอยากได้ผู้ช่วยสักคน ซึ่งเขาระบุไว้แล้วว่าคนที่จะมาช่วยงานตนเองนั้นต้องเป็นพนักงานใหม่และไม่เคยมีประสบการณ์เพราะเขาอยากให้คนที่จะมาร่วมงานด้วยเริ่มต้นโปรเจกต์ไปพร้อม ๆ กับเขา“ลูกแน่ใจนะว่าจะไม่เอาคนเก่าของพ่อไปร่วมงาน”“ครับ คนของพ่อก็งานล้นมืออยู่แล้ว”“งั้นก็ตามใจ ลูกใช้ทรัพยากรและงบประมาณของบริษัทได้เต็มที่”“ผมคงใช่เท่าที่เสนอในที่ประชุมนั่นแหละครับ”“อือ พ่อหวังว่าแกจะทำได้สำเร็จ”“ผมก็หวังอย่างนั้น ผมขอตัวก่อนนะครับ อ้อ พ่อครับเย็นนี้อย่าลืมกลับไปทานข้าวกับแม่นะครับ”“อือ”คนเป็นพ่อรับปากแล้วก้มหน้าทำงานต่อ เวหาเดินกลับมายังห้องของตัวเอง โปรเจ็กต์ที่เขากำลังจะเริ่มทำนั้นไม่ได้เป็นเรื่องใหม่เลย เพียงแต่ยังไม่มีใครทำเรื่องนี้อย่างจริงจังเท่านั้นบริษัทของเขาเป็นทั้งผู้ผลิตและจัดจำหน่ายขนมขบเคี้ยวหลากหลายชนิด แต่ที่เขากำลังจะเริ่มทำอย่างจริงจังก็คือขนมขบเคี้ยวที่มีทั้งรสชาติอร่อยและดีต่อสุขภาพ สิ่งที่จะต้องเน้นหนักสำหรับโปรเจ็กต์นี้ก็คือเรื่องของการโฆษณา เพราะคำว่าขนมเพื่อสุขภาพนั้นทำให้คนบางกลุ่มคิดว่ารสชาติของ
เช้าวันจันทร์ที่แสนวุ่นวายเมญาวีตื่นนอนตั้งแต่ตีสี่ เพราะตื่นเต้นที่จะได้ไปทำงานวันแรก หญิงสาวเลือกสวมเสื้อเชิ้ตคอปกสีครีมแขนยาวขนาดพอดีตัว ด้านหน้าแต่งด้วยกระดุมสีเดียวกับตัวเสื้อ ปลายเชิ้ตสอดในกระโปรงเอวสูงแหวกทางด้านหน้าเล็กน้อยความยาวเลยเข่ามาเพียงนิด ดูแล้วเสริมบุคลิกให้ดูคล่องแคล่ว เครื่องประดับมีเพียงนาฬิกาสีเงิน ที่มารดาซื้อให้เป็นของขวัญในวันจบการศึกษาวันนี้เมญาวีแต่งหน้าอ่อนปัดแก้มเพียงนิด เปลือกทาทับด้วยสีพีชดูเป็นธรรมชาติ เรียวปากบางแต่งแต้มด้วยลิปสติกราคาแพงซึ่งรินรดาเป็นคนซื้อมาให้ ผมสีดำขลับถูกรวมเป็นทรงหางม้า ผูกด้วยโบผ้าสีขาวขนาดใหญ่ทำให้ดูเก๋ขึ้นไปอีกนิดมือเรียวเล็กหยิบรองเท้าส้นสูงสี่นิ้วสีดำมาถือไว้ก่อนจะปิดประตูห้องและรีบเดินออกไปรอรถเมล์ที่หน้าปากซอยเพราะกลัวว่าการไปทำงานวันแรกจะสายเธอจึงออกจากห้องพักตั้งแต่ยังไม่หกโมงเช้า มาถึงหน้าบริษัทก็เพิ่งเจ็ดโมงพอดีหญิงสาวเดินไปสำรวจบริเวณใกล้ๆ ว่ามีร้านอาหารอะไรบ้าง เผื่อตอนกลางวันจะได้ลงมาทาน ระหว่างนั้นก็เดินผ่านร้านขายปาท่องโก๋และน้ำเต้าหู้ เธอจึงนั่งลงยังโต๊ะที่ว่าง สั่งน้ำเต้าหู้หนึ่งแก้วและปาท่องโก๋อีกสามตัวเป็น
เกือบหนึ่งเดือนแล้วที่เมญาวีเข้าทำงาน เธอกับเวหาทำงานเข้าขากันดี โปรเจกต์ที่ก็กำลังไปได้สวย ทางโรงงานจะเริ่มต้นผลิตในอีกสามวันข้างหน้า หลังจากนั้นก็จะวางจำหน่ายตามร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป“คุณเวย์คะ วันนี้เมยจะไปที่โรงงานช่วงบ่ายนะคะ” เมญาวีบอกกับเจ้านาย ตอนนี้เธอกับเขาสนิทกันมากขึ้นสรรพนามที่ใช้แทนตัวเองก็เลยเปลี่ยนไป“ผมไปด้วยนะ”“ไม่รู้จะใช้เวลานานไหม เมยกลัวคุณเวย์กลับมาทานอาหารเย็นกับคุณแม่ไม่ทันค่ะ” ตอนนี้เมญาวีรู้แล้วว่าคุณแม่ที่เวหาพูดถึงนั้นเป็นแม่จริง ๆ ไม่ใช่แม่คุณอย่างที่เธอและรินรดาคิดในตอนแรก“ผมคิดว่าทันนะครับ เราไปสองคนช่วยกันทำงานก็น่าจะเสร็จเร็วกว่าคนเดียวนะครับ”“ถ้าคุณเวย์คิดอย่างนั้นก็โอเคค่ะ”“เช้านี้ผมไม่มีงานอะไรแล้วใช่ไหมครับ”“ไม่ค่ะ”“ถ้างั้นเราไปกันตอนนี้เลยไหมครับ ไปหาข้าวกินที่นั่นดีไหมผมอยากกินกุ้งเผาครับ”“ก็ได้ค่ะ คุณเวย์จะไปรถส่วนตัวหรือรถบริษัทคะ”“ผมว่าขับไปเองดีกว่า”พอได้ยินคำคอบของเจ้านายแล้วเมญาวีก็รีบเก็บของบนโต๊ะ เธอไม่ลืมที่จะโทรศัพท์ไปยกเลิกการขอใช้รถของบริษัทที่ตัวเองขอไปเมื่อตอนเช้า รถเอสยูวีคันหรูกำลังทะยานไปบนท้องถนน เ
เมญาวีถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินเพราะร่างกายของเธออ่อนเพลียและมีไข้สูงมาก เวหาเป็นห่วงผู้ช่วยจนนั่งไปติดเขาลืมไปสนิทว่าต้องรีบกลับไปทานข้าวกับมารดาจนท่านโทรมาตาม“แม่ครับ ผมขอโทษ พอดีว่าลูกน้องผมไม่สบายครับ ผมเลยพามาส่งที่โรงพยาบาล”“ส่งแล้วเวย์ก็รีบกลับสิ แม่รอเวย์อยู่นะลูก”“แม่ครับ ผมยังไม่รู้เลยว่าเธอเป็นอะไร ผมอยากคุยกับหมอก่อน”“แค่ลูกน้องป่วย เวย์ทำไมต้องไปเองด้วย เพื่อนหรือญาติของเธอไม่มีหรือไง”“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ”“แล้วเวย์จะกลับตอนไหน แม่ไม่อยากทานข้าวคนเดียว”“คุณหมอออกมาพอดี ผมขอคุยกับคุณหมอก่อนแล้วผมจะรีบกลับนะครับ”“จ้ะ แม่รอนะเวย์”“ครับแม่”หลังทานอาหารเสร็จแล้วเวหาก็รีบให้มารดาทานยาและเข้านอน เขารอจนกระทั่งเธอหลับสนิทชายหนุ่มก็ออกจากบ้านอีกครั้งเวหารีบมายังโรงพยาบาล ตอนนี้เมญาวีได้เข้าพักที่ห้องผู้ป่วยในแล้วชายหนุ่มรู้สึกเป็นห่วงผู้ช่วยอยู่มาก เขาคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอไม่สบาย เพราะเมื่อวานตอนที่หญิงสาวลงจากรถนั้นเธอคงไปเปียกฝนอยู่ไม่น้อย เขาคงเห็นแก่ตัวเกินไปที่ปล่อยให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ต้องหาทางกลับที่พักคนเดียว ถ้าหากเมื่อวานเขาเพียงโทรไปบอกมารดาว่าจ
หลังจากทานข้าวและทานยาแล้วแพทย์เจ้าของไข้ก็เข้ามาตรวจพอดีแพทย์วัยกลางคนแจ้งให้เมญาวีทราบว่าถ้าบ่ายนี้เธอไม่มีไข้ก็คงจะได้กลับบ้านในตอนเย็น“เมยอยู่คนเดียวได้ไหม รินว่าจะลงไปหาอะไรกินหน่อยเริ่มหิวแล้ว” รินรดาที่นั่งอยู่บนเตียงผู้ช่วยพูดขึ้นหลังจากที่ทุกคนออกไปกันหมดแล้ว“ได้สิ แล้วไม่ต้องซื้ออะไรขึ้นมานะ แค่อาหารของโรงพยาบาลเมยก็อิ่มจะแย่แล้ว” “ถ้ารินเจอขนมอะไรที่เมยชอบรินจะซื้อขึ้นมาให้ก็แล้วกันนะ หรือถ้าเมยนึกได้ว่าอยากกินอะไรก็ไลน์ไปบอกนะ” “อือ รีบไปเถอะ เดี๋ยวจะหิวจนเป็นลมเอานะ” “มีอะไรรีบโทรหาเลยนะ อ้อ แล้วถ้าเจ้านายเมยมาบอกเขาด้วยนะว่ารินอยากเจอ” “จ้า”ประตูห้องเปิดออกอีกครั้งแต่คนที่เดินเข้ามาไม่ใช่รินรดาอย่างที่คิด“คุณเวย์” “เป็นยังไงบ้าง สีหน้าดูดีแล้วนี่ ยังปวดหัวอยู่หรือเปล่าแล้วเช้านี้มีไข้ไหม” คนมาใหม่ถามทีเดียวหลายคำถาม “ให้เมยตอบคำถามไหนก่อนดีคะ” “สั้น ๆ เลย ตอนนี้คุณโอเคไหม” “ค่ะ เมยไม่เป็นอะไรแล้ว เช้านี้ไม่มีไข้ ไม่ปวดหัวแล้วค่ะ คุณเวย์ไม่ต้องลำบากมาเยี่ยมก็ได้” เมญาวีดีใจที่เขามาเยี่ยมแ
แพทย์ของไข้มาตรวจอีกครั้งในตอนบ่าย เขาอนุญาตให้หญิงสาวกลับบ้านได้ แต่ก็กำชับให้เธอทานต่ออีกจนครบห้าวันและถ้ากลับไปแล้วยังมีไข้หรือมีอาการผิดปกติก็ต้องรีบกลับมาพบแพทย์“ผมจะไปชำระเงินก่อนระหว่างนี้คุณก็เตรียมเปลี่ยนชุดรอเลยนะครับ ผมลืมถามเลยว่าคุณมีชุดสำหรับใส่กลับบ้านไหม”“มีค่ะ รินเตรียมมาให้แล้ว”“ถ้าเปลี่ยนชุดแล้วก็รอผมอยู่ตรงนี้ก่อนนะ”“ค่ะ”เวหาออกจากห้องไปแล้วเมญาวีก็รีบเข้าห้องน้ำ ชุดที่เพื่อนของเธอเตรียมมาให้นั้นเป็นเดรสแขนระบายสีฟ้า มีลายดอกไม้เล็กที่ปลายกระโปรงซึ่งยาวคลุมเข่ามาเล็กน้อยเมญาวีรีบแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหวานตอนนี้ปราศจากเครื่องสำอาง แต่มันก็ดูไม่โทรมเท่าไหร่ คงเพราะเธอได้นอนพักอย่างเต็มที่ เมญาวีมัดผมเป็นหางม้าอย่างเดิมก่อนจะออกมานั่งรอเวหาที่โซฟาตัวยาวรถยนต์คันหรูจอดที่หน้าอาคารพาณิชย์สี่ชั้นแห่งหนึ่งด้านล่างเป็นร้านอาหารตามสั่งและร้านซักรีด ส่วนด้านบนแบ่งพื้นที่เป็นหอพักให้เช่า“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”“ห้องคุณอยู่บนตึกนั้นเหรอครับ”“ใช่ค่ะ ด้านล่างเป็นร้านค้า ด้านบนแบ่งเป็นหอพักให้เช่าค่ะ มันอาจจะดูเก่าไปหน่อยแต่ด้านในก็พออยู่ได้ค่ะ”“ผมคิดว่าคุณจะอยู่ที่ดีก
เวหากลับมาถึงบ้านของตัวเองก่อนเวลาอาหารเย็นเพียงเล็กน้อยมารดาของเขาดูอารมณ์ดีขึ้นมาก คงเพราะได้คุยกับเพื่อน ๆ ชายหนุ่มอยากเห็นภาพยิ้มแย้มแบบนี้ทุกวัน แต่คิดว่ามันคงเป็นไปได้ยาก แต่เขาก็จะพยายามทำให้เธอมีความสุขที่สุด“แม่ครับ เราออกไปทานข้าวข้างนอกกันดีไหมครับ” เวหาไม่อยากให้แม่ต้องอารมณ์เสียเพราะวันนี้พ่อของเขาอยู่บ้าน ชายหนุ่มไม่อยากให้ทั้งสองปะทะคารมกันบนโต๊ะอาหารเหมือนเมื่อวาน“ได้สิ เวย์ไปร้านไหนล่ะลูก ร้านเดิมดีไหม”“แม่ครับเราไปทานสเต๊กดีไหมครับ มีร้านเปิดใหม่ไม่ไกลจากบ้านเราเลยนะครับ”เวหาไม่อยากไปไกลจากบ้านเพราะรู้ว่ามารดาต้องรีบกลับมาทานยาและพักผ่อนตามเวลา“แม่ตามใจเวย์ แต่ขอแม่ไปเปลี่ยนชุดก่อนได้ไหม”“แม่ครับ ชุดนี้ก็สวยอยู่แล้วไม่เห็นต้องเปลี่ยนเลย” ชายหนุ่มเดินเข้ามาหามารดาพร้อมกับสวมกอด ผู้หญิงคนนี้ไม่ว่าจะอยู่ในชุดไหนก็สวยสำหรับเขาเสมอ“ไม่ได้หลอกแม่ใช่ไหม” วราพรก้มมองตัวเองอย่างไม่มั่นใจ“ไม่เลยครับ ผมว่าเรารีบไปกันเถอะ พอพูดถึงอาหารผมก็เริ่มหิวขึ้นมาแล้ว”พอได้ออกมาทานอาหารนอกบ้านมารดาของเขาก็ทานได้เยอะกว่าปกติ และดูมีความสุขมากกว่าทานกับบิดาด้วยซ้ำ เวหาไม่เข้าใจว่าถ
เสียงดนตรีเพลงคลาสสิกที่กำลังบรรเลงอยู่สร้างความโรแมนติกให้กับคู่รักหลายคู่ในบาร์รูฟท็อปบนโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา เวหากับเมญาวีก็เป็นหนึ่งในคู่รักนั้น วันนี้เป็นวันครบ 3 ปี สำหรับการแต่งงานของทั้งสอง เป็นโอกาสพิเศษที่ทั้งสองคนจะได้อยู่ตามลำพัง เพราะที่ผ่านมาชีวิตของเขาและเธอวุ่นวายอยู่กับการทำงานและเลี้ยงดูลูกน้อยวัยสองขวบ หลังจากแต่งงานได้เพียงสามเดือนเมญาวีก็ตั้งท้องลูกสาวที่แสนน่ารัก เด็กหญิงตัวน้อยมีชื่อว่าน้องข้าวหอมเพราะอยากเลี้ยงลูกเองแต่ก็ต้องทำงานไปด้วย เวหาเลยแบ่งห้องที่ทำงานเป็นห้องสำหรับเด็กหนึ่งห้อง จ้างพี่เลี้ยงมาช่วยดูแลลูกสาวในขณะที่เมญาวีทำงาน พอถึงเวลาเลิกงานทั้งครอบครัวก็กลับไปที่บ้านหลักเล็กซึ่งปลูกอยู่ในรั้วเดียวกับบ้านเดิมของเวหา แต่เพราะวันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานของทั้งสอง เพชรลดาอยากให้ลูกสาวและลูกเขยได้ใช้เวลาช่วงนี้ด้วยกันตามลำพัง เธอจึงมารับหลานสาวและพี่เลี้ยงไปอยู่ที่โคราชชั่วคราว“ร้านนี้บรรยากาศดีเหมือนกันนะคะพี่เวย์ จองยากไหมคะ”“ไม่ยากหรอกครับ พี่แดนจัดการให้” โรงแรมหรูแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งโรงแรมที่เดนิสเพื่อนรุ่นพี่ของ
ภายในห้องนอนยังมืดสนิทแม้จะเป็นเวลาเกือบจะเที่ยงเพราะมีผ้าม่านกันแสงอย่างดี เมญาวียังซุกตัวอยู่กับแผงอกแกร่งของคนรัก เธอเพิ่งได้นอนพักในเวลาเกือบจะหกโมงเข้า แต่เพราะวันนี้เป็นวันเสาร์ทั้งเขาและเธอก็เลยไม่ต้องรีบไปทำอะไรที่ไหน เมื่อคืนเมญาวีตามใจเขามากกว่าทุกครั้งเพราะเห็นว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาชายหนุ่มทำงานอย่างหนักเพื่อบริษัทมาตลอด เมญาวีไม่คิดจะไปเรียนต่อแล้วเพราะไม่อยากห่างจากคนรักแต่เธอก็ยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเวหา หญิงสาวใช้เวลาช่วงที่ไม่ตามคนรักไปบริษัทเรียนรู้งานกับคุณสิงหลที่บ้านหลังใหญ่ของเขา เพราะอยากช่วยงานของเวหาให้ได้มากกว่านี้ พอได้ไปบ้านของเวหาบ่อยขึ้นเมญาวีก็สนิทสนทกับคุณวราพรมารดาของชายหนุ่มมากขึ้นด้วย หญิงสาวจึงรู้ว่าที่ผ่านมาเวหาต้องทำงานอย่างหนักเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้คนในบริษัทและบิดายอมรับในตัวเขา เมญาวีรู้สึกเห็นใจคนรักมากขึ้น บริษัทที่เขาทุ่มเททำงานอย่างหนักให้นั้นอีกส่วนหนึ่งก็เป็นของเธอด้วย การจะไปเรียนและให้เขาทำงานที่นี่ไม่ใช่เรื่องที่คนรักควรทำสักเท่าไหร่ ที่ผ่านมาเธอคิดถึงแต่ตัวเองมาตลอด แม้ตอนแรกเวหา
ระหว่างที่ยังรอวีซ่าซึ่งไม่รู้จะได้เมื่อไหร่ เมญาวีก็ย้ายมาอยู่กับเวหาที่คอนโด แม้ว่ามารดาของเขาจะชวนให้ไปอยู่ที่บ้านด้วยกัน แต่เพราะเวหาอยากมีเวลาส่วนตัวกับคนรักให้มากที่สุด เขาจึงพาเมญาวีไปทานข้าวกับท่านที่บ้านเป็นบางวันเท่านั้น เมญาวีตามเวหาไปที่บริษัทเป็นบางวันเท่านั้น เธอไม่ได้ไปทำงานในตำแหน่งเลขา เพียงแต่ตามไปเพราะเวหาอยากให้หญิงสาวเรียนรู้งานในบริษัท พนักงานส่วนใหญ่ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้เมญวีมีหุ้นอยู่ในบริษัท ทุกคนรู้แค่เพียงว่าเธอเป็นคนรักของเวหาเพียงเท่านั้น ช่วงนี้งานของเวหาค่อนข้างหนักเอาการ แต่งานหนักแค่ไหนเขาก็ไม่เคยบ่น เพราะทันทีที่กลับมาถึงคอนโดมาเจอกับคนรักเขาก็หายเหนื่อยทันที “พี่เวย์ ช่วงนี้งานเยอะเหรอคะ” “ก็เยอะเป็นปกติครับ” “หาเลขาสักคนดีไหม” “ไม่เป็นไรครับพี่ธรก็ยังอยู่ เขาช่วยพี่ได้เยอะ” “ถ้ากลัวว่าเลขาคนใหม่จะทำให้เมยหึงพี่เวย์ก็หาเลขาผู้ชายสิคะ” “เอาไว้ถ้าพี่ธรบ่นว่าเหนื่อยพี่จะให้เขาหาคนมาช่วยนะครับ” “ถ้ารอให้พี่ธรบ่นสงสัยไม่ต้องหาเลขากันแล้วล่ะคะ”เมญา
กลับจากหัวหิน เวหาพาเมญวีมาที่บ้านของตัวเอง เป็นครั้งแรกที่เธอมายังบ้านหลังใหญ่“สวัสดีค่ะแม่” เธอยกมือไหว้และเรียกคุณวราพรว่าแม่อย่างที่เคยเรียก เนื่องจากตอนนี้เธอกับเวหาตกลงจะกลับมาคบกันอย่างเดิมแล้ว“หนูเมย แม่คิดว่าจะไม่ได้เจอหนูแล้ว แม่ขอโทษเรื่องพ่อของหนูด้วย ถ้าแม่ไม่เห็นแก่ตัวหนูคงมีครอบครัวที่อบอุ่น”“อย่าพูดถึงมันเลยค่ะ ที่ผ่านมาเมยก็มีครอบครัวที่อบอุ่น มีแม่กับลุงวัตถ์ เมยไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองขาดอะไร”“หนูไม่โกรธแม่ใช่ไหม”“ไม่ค่ะ เมยคิดว่าเมยกับแม่ก็ต้องขอโทษที่ทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้”“แม่อยากเจอกับแม่ของหนู อยากขอโทษเขาด้วยตัวเองเอง”“ได้สิคะ เอาไว้เมยจะหาเวลาพาแม่มาเยี่ยมนะคะ”“แม่อยากไปหาที่ไร่ เวย์บอกแม่ว่าที่นั่นร่มรื่นมาก แม่อยากไปเที่ยว”“เมยขอถามแม่กับลุงวัตถ์ก่อนนะคะว่าสะดวกวันไหน เพราะบางทีสองคนนั้นก็เข้าไปในไร่ตั้งแต่เช้า ถ้าไม่นัดก่อนก็อาจจะไม่เจอค่ะ”“เอาอย่างนั้นก็ได้ สะดวกตอนไหนหนูก็บอกเวย์นะลูก”“ค่ะแม่”“วันนี้จะค้างที่นี่ไหม แม่จะได้ให้ป้ายุพาจัดห้อง”“ไม่ดีกว่าค่ะ”“เมยรังเกียจครอบครัวของแม่หรือเปล่า”“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ คุณแม่เข้าใจผิดแล้ว วันนี้เมยต
พายุตัณหาสงบลงในเวลาเกือบตีหนึ่ง เวหาเช็ดตัวให้กับเมญาวีเพราะอยากให้เธอนอนสบายตัว จากนั้นก็นอนกอดหญิงสาวคนรักจนถึงสายของอีกวัน “เราจะกลับตอนไหนคะ” เมญวีถามในขณะที่กำลังเริ่มทานอาหารมื้อสายด้วยกัน “คงอีกสักสองวันครับ เมยอยากกลับแล้วเหรอ” “พี่เวย์ขา เมยขอโทรหาแม่ได้ไหมคะ ไม่อยากให้แม่เป็นห่วงนะคะ” พอเธออ้อนเวหาก็ยอมใจอ่อน เขาไปเอากระเป๋าในรถมาให้เธอจากนั้นก็นอนดูทีวีอยู่ที่ห้องรับแขก ส่วนเมญาวีนั้นเดินไปคุยโทรศัพท์ในห้องนอน หญิงสาวกลับออกมาอีกครั้ง เธอนั่งลงข้างเขา พิงศีรษะกับไหล่หนา “แม่ว่ายังไงบ้างครับ” “ไม่ว่าอะไรค่ะ แม่แค่ฝากบอกพี่เวย์ว่าอย่าลืมสัญญา พี่สัญญาอะไรกับแม่คะ” “สัญญาว่าจะดูแลเมยอย่างดีครับ” “แค่นั้นเหรอคะ” “ครับแค่นั้น” เมญาวีคิดว่าต้องมีอะไรมากกว่านั้นแต่เขาไม่ยอมพูด แต่คงไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะถ้าอย่างนั้นมารดาของเธอคงบอกไปแล้ว “เราจะอยู่แต่ในห้องเหรอคะ ไหนว่าพาเมยมาเที่ยวทะเล” “เมยอยากออกไปไหน ถ้าจะไปเล่นน้ำรอตอนเย็นก่อนดีกว่าไ
เมญาวีตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด เธอไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน จำได้แค่ว่ากำลังคุยกับเวหาอยู่ในรถ และเขากำลังจะพาเธอกลับบ้าน เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แล้วก็ต้องตกใจเพราะที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนของ หญิงสาวรีบลุกจากเตียงแล้วเปิดประตูห้องนอนออกไปทันที “เวย์ พาเมยมาที่ไหน เมยอยากกลับบ้าน” “ตื่นแล้วเหรอครับ หิวหรือยัง มานั่งตรงนี้สิพี่สั่งสเต็กปลาของโปรดให้เมยแล้ว” “พี่เวย์คะ เมยบอกกว่าอยากกลับบ้าน” เธอเดินไปยังประตูด้านหน้าแต่พยายามเปิดเท่าไหร่ประตูก็ไม่ขยับ “เปิดประตูให้เมยด้วย เมยจะกลับ” “เดี๋ยวสิเมยคุยกันก่อน” เวหารีบมาดึงตัวคนรักไว้ เขากอดเธอจากด้านหลัง จมูกกดลงไปยังผมสีดำขลับ สูดดมกลิ่นที่คุ้นเคยเข้าเต็มปอด “เราต้องคุยกับให้รู้เรื่องนะครับ” “เมยว่าเราคุยกับรู้เรื่องแล้วนะคะ” เวหาอุ้มคนตัวเล็กมายังโต๊ะทานข้าว กดให้หญิงสาวนั่งลงบนเก้าอี้ขณะที่ตัวเองกักเธอไว้ด้วยสองแขนแกร่ง “พี่ไม่ให้เมยไปเรียน” “เมยจะไป เมยเตรียมตัวเรียนภาษามาตั้งสองเดือน” “เมยจะทิ้งพี่ไปจริ
เมญาวีกลับมาถึงบ้านในเวลาหกโมงเย็น หญิงสาวรีบเข้าไปหามารดาที่กำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่ในครัว เธออยากรู้ว่าหลังจากที่ตัวเองออกไปจากบ้านแล้วสองพ่อลูกคุยอะไรต่อ “แม่ทำอะไรคะหอมจัง” “ต้มข่าไก่จ้ะ ทำไมกลับเร็วนักล่ะลูกไหนว่าจะไปดูหนัง” เพชรลดาแกล้งถามเธอรู้ว่าลูกสาวไม่มีทางออกไปดูหนังกับเพื่อนชายคนนั้นแน่นอน “พอดีจอห์นเขาไม่ว่างค่ะแม่” เมญาวีรีบบอก “วันหลังค่อยนัดกันใหม่ก็ได้ แม่ว่าจอห์นเขาก็น่ารักดีนะ เขาอยู่เมืองไทยมานานหรือยังนะ” “ไม่รู้เหมือนกันค่ะแม่ เมยไม่เคยถาม” ฟังแค่นี้คนเป็นแม่ก็รู้แล้วว่าลูกสาวของตัวเองไม่ได้สนิทสนิทสนมกับเพื่อนใหม่ที่เป็นครูสอนอยู่โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งอย่างที่เจ้าตัวพยายามจะแสดงออก คงเพราะยังไม่ลืมรักครั้งแรก “แม่คะ คุณสิงหลเขาคุยอะไรกับแม่บ้างคะ หลังจากที่เมยไปแล้ว” “ก็เรื่องทั่ว ๆ ไปนั่นแหละ ไม่มีอะไรหรอก” “แม่คงไม่กลับไปคืนดีกับเขาหรอกนะคะ” “ไม่หรอกลูก ถึงเขาจะเป็นพ่อของเมย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแม่ะกลับไปเป็นภรรยาเขานี่ แม่มีลุงวัตถ์แล้ว ตอนนี้แม่ม
วราพรเห็นลูกชายเสียใจ เธอเองก็เสียใจไม่ต่างกัน เธอกำลังสับสน ถ้าเธอเลือกที่จะเก็บทุกอย่างเป็นความลับเวหาก็คงไม่มีความสุข แต่ถ้าเลือกที่จะพูดเวหาจะมองเธอยังไง เขาจะรับเรื่องราวได้ไหม “เวย์ รักหนูเมยมากใช่ไหม” “ผมไม่เคยรักใครแบบนี้มาก่อน แต่มันจำสำคัญยังละครับ ในเมื่อตอนนี้เราเป็นพี่น้องกัน ผมเลวมากใช่ไหมครับที่รักน้องสาวตัวเอง มีอะไรกับน้องสาวตัวเอง” เขาผิดหวังและโกรธตัวเองที่ทำแบบนั้นลงไป “อย่าพูดแบบนั้น” “มันเป็นความจริงนี่ครับแม่ ความจริงที่ทำให้ผมเจ็บ ผมไม่รู้ว่าน้องจะเป็นยังไงบ้าง เธอเป็นคนดีแล้วผมก็ทำลายเธอเองกับมือ” “พอแล้ว เวย์ไม่ต้องพูดแล้ว” วราพรฟังลูกชายพูดแล้วเธอก็ร้องไห้ ในที่สุดคุณวราพรก็ตัดสินใจได้ เธอไม่อยากเห็นเวหาเป็นแบบนี้ เธอไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัวอีกต่อไป เธอเล่าเรื่องราวในอดีตให้กับลูกชายฟังอย่างไม่ปิดบัง ครั้งหนึ่งเธอกับสิงหลรักกันมาก หลังจากแต่งงานสิงหลก็เปิดบริษัท เขาทุ่มเททำงานอย่างหนักเพื่ออยากให้ครอบครัวสุขสบาย จนหลงลืมไปว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่ภรรยาต้องการจากเขาไม่ใช่เงิน
เวหากลับมาตั้งหน้าตั้งตาทำงานอีกครั้ง เขากลายเป็นคนอารมณ์ร้อน จนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้จะมีก็เพียงอาธรที่รับอารมณ์รุนแรงของชายหนุ่มได้สัปดาห์ก่อนอาธรรับเลขามาช่วยงานเวหาคนหนึ่ง แต่เธอก็ทนทำงานกับเวหาได้เพียงแค่สามวันก็ลาออก กลางวันทำงานอย่างเต็มที่ พอตกกลางคืนก็ออกไปดื่มทุกคืน จนเพื่อนต่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเวหากันแน่ เพราะก่อนหน้านั้นเชายหนุ่มไม่เคยเป็นแบบนี้ เขาออกจะมีความสุขมากกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ แม้เพื่อนจะชวนออกมาดื่มหลายครั้งแต่ เวหาก็บอกว่าอยากให้เวลากับมารดาและคนรัก แต่พอถึงตอนนี้ชายหนุ่มกลับทำตรงกันข้าม เขาดื่มหนักทุกวัน “เวย์มีเรื่องอะไรไม่สบายใจเล่าให้พี่ฟังได้นะ” เดนิสที่นั่งดื่มกับเวหาอดไม่ได้ที่จะถามเพื่อนรุ่นน้อง “ไม่มีอะไรหรอกพี่ แค่อยากดื่ม” “มันต้องมีอะไรสิ ถ้าอย่างนั้นนายคงไม่ดื่มหนักอย่างนี้หรอก ไหนว่าแม่อาการดีขึ้นแล้วกลับบ้านได้แล้ว ถ้าให้พี่เดาก็คงเป็นเรื่องแฟนใช่ไหม” เวหาพยักหน้าพลางกระดกแก้วในมือสาดน้ำสีอำพันเข้าไปในปากทีเดียวจนหมดแล้ว “เล่าให้ฟังได้ไหม เผื่อจะรู้สึกดีขึ้น” เวหาไม่