เมญาวีรีบตื่นแต่งตัวออกจากห้องแต่เช้า วันนี้เธอต้องไปสัมภาษณ์งานที่บริษัทแห่งหนึ่ง หญิงสาวตื่นเต้นกว่าทุกครั้งเพราะบริษัทนี้เป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยวขนาดใหญ่ เธอแอบหวังว่าจะเป็นบริษัทของพี่ชายใจดีคนนั้น
นอกจากเธอแล้ววันนี้ยังมีอีกหลายคนที่มาสัมภาษณ์ เมญาวีเริ่มกังวล เพราะดูแต่ละคนที่มานั่งรอนั้นไม่ธรรมดาเลยสักนิด
“น้องมาสมัครตำแหน่งอะไรคะ” หญิงสาวท่าทางมั่นใจคนหนึ่งถามหญิงสาวอีกคนที่นั่งติดกับเมญาวี
“เลขาค่ะ”
“ตำแหน่งเดียวกับพี่เลยนะคะ น้องเคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อนหรือเปล่าคะ”
“ค่ะ เคยทำงานกับนายฝรั่งมาหลายปี แต่อยากลองเปลี่ยนเจ้านายดูบ้างก็เลยมาสมัครที่นี่”
“เหมือนพี่เลยค่ะ แต่ก่อนพี่ก็ทำงานกับนายญี่ปุ่นค่ะ พอทำนานก็เริ่มเบื่อเหมือนกัน”
“ได้ข่าวว่านายญี่ปุ่นค่อนข้างเจ้าระเบียบจริงไหมคะ”
“ค่ะ พี่เลยติดนิสัยทำงานเป็นระเบียบมาจากเจ้านายคนก่อน เลยหวังว่ามาที่นี่จะได้รับเลือก”
“พี่คะ เราคงต้องแย่งตำแหน่งกันหน่อยแล้วล่ะค่ะ แล้วน้องล่ะคะ มาสมัครตำแหน่งอะไร”
“หนูเหรอคะ” เมญาวีที่นั่งฟังเพลินก็ตกใจเมื่ออยู่ก็ถูกถามขึ้น
“น้องนั่นแหละ ดูท่าทางแล้วเหมือนจะเพิ่งจบนะคะ”
“ค่ะหนูเพิ่งจบ”
“พี่จะบอกอะไรให้นะคะ น้องเรียนจบแล้วเป็นผู้ใหญ่แล้ว การที่เรียกแทนตัวเองว่าหนูมันไม่น่ารักแล้วล่ะคะ ลองเปลี่ยนใหม่นะคะ”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะที่บอกหนู เฮ้ย บอกฉัน”
“แล้วตกลงมาสมัครตำแหน่งอะไรคะ”
“ตอนยื่นไปสมัครก็ยื่นตำแหน่งเลขาค่ะ แต่ดูท่าทางแล้วคงสู้กับพี่สองคนไม่ได้”
“พี่ขอโทษนะคะ ไม่น่าคุยกันให้น้องได้ยินจนเสียความมั่นใจเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ ถึงตำแหน่งเลขาไม่ได้แต่ก็คงมีตำแหน่งอื่นที่ยังว่างอยู่”
“น้องเป็นคนมองโลกในแง่ดีจังนะคะ ถ้าเป็นพี่ไม่ได้ตำแหน่งที่ตัวเองต้องการพี่ก็คงไม่ทำ”
“ก็มันเลือกไม่ได้นี่คะ อีกอย่างฉันก็อยากทำงานที่นี่มากด้วย”
“ทำไมล่ะคะ”
“มันใกล้ที่พักค่ะ”
เธอตอบไปแบบนั้นเพราะไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าที่อยากทำงานที่นี่ก็เพราะคิดว่าจะได้เจอพี่ชายใจดี หรือถ้าไม่เจอเขาที่นี่ แต่ก็คงพอได้ข่าวคราวบ้าง ถ้าพ่อของเขาเป็นเจ้าของโรงงานผลิตขนมอย่างที่บอก การทำงานในบริษัทที่มีสินค้าคล้าย ๆ กันก็อาจมีโอกาสได้เจอหรือได้ติดต่องานกันบ้าง
ใกล้ถึงเวลาสัมภาษณ์งานแล้ว ทุกคนดูจะตื่นเต้นไม่น้อย เมญาวีเองก็ตื่นเต้นไม่ต่างกัน เหงื่อของเธอชุ่มไปทั้งฝ่ามือ
คนแรกที่เข้าไปสัมภาษณ์ออกมาหลังจากใช้เวลาเพียง 10 นาที เขาเป็นชายหนุ่มอายุไม่น่าจะเกิน 30 ปี ใบหน้าเขาดูไม่เครียดเท่าไหร่ตอนที่เดินออกมาจากห้องนั้น ชายหนุ่มเก็บกระเป๋าที่วางอยู่บนเก้าอี้แล้วเดินออกไปทันที
จากนั้นคนที่เข้าไปก็เป็นชายหนุ่มอีกสองคน เมญาวีเริ่มนั่งไม่ติดเพราะแต่ละคนที่ออกมาต่างมีสีหน้าเรียบเฉยและไม่ยอมพูดอะไรกับคนที่รออยู่เลย
“โชคดีนะคะพี่” เมญาวีบอกกับรุ่นพี่คนที่เคยทำงานกับนายชาวญี่ปุ่นเมื่อถึงคิวของหญิงสาวที่ต้องเข้าไปในห้องนั้น
“ขอบใจจ้ะ”
หญิงสาวร่างสูงหุ่นดีราวกับนางแบบ เธอยืนตัวตรงก่อนเดินเข้าไปในห้องด้วยท่าทางที่มั่นใจ
เพียงไม่นานเธอก็กลับออกมามาพร้อมกับรอยยิ้ม ดูแล้วเธอคงได้งานนี้ไปอย่างแน่นอน
เมญาวีไม่ได้คุยหรือถามอะไรต่อเพราะเธอถูกเรียกเข้าไปหลังจากนั้นทันที
ภายในห้องมีเพียงผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่หลังโต๊ะตัวใหญ่
“สวัสดีค่ะ” เมญาวียกมือไหว้ก่อนจะก้าวเข้าไปยืนตรงหน้า
“นั่งก่อนสิ”
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวกล่าวของคุณแล้วนั่งตรงหน้า สายตาจับจ้องไปยังหญิงวัยกลางคนที่ดูใจดี
“แนะนำตัวเองได้เลยค่ะ”
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเมญาวี เพิ่งเรียนจบบริหารธุรกิจค่ะ”
“เพิ่งจบ”
“ค่ะเพิ่งจบ”
“งั้นก็แสดงว่าไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานมาก่อน ไม่เคยมีเจ้านาย”
“ค่ะ ไม่เคยมีเจ้านาย”
“เห็นผู้หญิงคนที่เดินออกไปเมื่อครู่ไหม”
“เห็นค่ะ”
“คิดว่าตัวเองจะสู้เธอได้ไหม”
“ในแง่ไหนล่ะคะ ถ้าในแง่ประสบการณ์คงไม่มีอะไรไปสู้กับเธอ แต่ถ้าเรื่องการทำงานก็ไม่แน่ค่ะ อีกอย่างฉันไม่เคยมีเจ้านายมาก่อน คิดว่าถ้าได้ร่วมงานกับเจ้านายก็คงจะเปิดใจและปฏิบัติกับเจ้านายอย่างที่เขาต้องการได้ ไม่ยึดติดกับการทำงานของเจ้านายคนก่อนค่ะ” เธอตอบอย่างฉะฉาน คำถามนี้เธอเจอมาแล้วเกือบทุกบริษัท
“ความหมายของเจ้านายกับเลขาของคุณคืออะไรคะ”
“คือการทำงานเป็นทีมค่ะ” คำตอบของเธอทำให้ผู้หญิงอีกคนยิ้ม เธอไม่เคยเจอคำตอบแบบนี้
“ขอบคุณมากแล้วเราจะติดต่อกลับไปนะคะ”
“ขอบคุณเช่นกัน”
เมญาวียกมือไหว้แล้วกลับออกมาด้วยความรู้สึกห่อเหี่ยว คำว่า จะติดกลับไป มันมีความหมายที่เธอเข้าใจดี กี่บริษัทแล้วที่บอกกับเธอแบบนี้
หญิงสาวมานั่งยังป้ายรถเมล์หน้าบริษัทด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้า แต่ละบริษัทล้วนต้องการคนที่มีประสบการณ์แล้วเธอจะไปหาประสบการณ์ที่ไหนในเมื่อไม่เคยได้รับโอกาสเข้าไปทำงานเลย
“เฮ้อ...” เธอถอนหายใจอย่างแรงจนคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วหันมามอง
“อ้าว น้องที่ไปสัมภาษณ์งานเมื่อกี้นี่ เป็นยังไงถอนหายใจแรงเชียว”
“มีหวังเลยค่ะพี่”
“แล้วพี่ล่ะคะ”
“ก็คงเหมือนกัน”
“พี่มาสมัครตำแหน่งไหนเหรอคะ”
“กราฟิกครับ”
“ทำไมงานมันหายากจังก็ไม่รู้นะคะ”
“น้องเพิ่งจบใช่ไหมครับ”
“ค่ะ พี่ล่ะคะ”
“ตอนพี่จบใหม่ ๆ ก็ลำบากเหมือนกัน สมัครงานไปทั่ว กว่าจะได้งานแรกก็เกือบสองเดือน พอเข้าไปทำงานก็ทนแรงกดดันไม่ได้ อยู่ไม่ครบระยะเวลาทดลองงานด้วยซ้ำ”
“แล้วตอนนี้ล่ะคะ”
“ตอนนี้ก็กำลังจะลาออกจากที่เก่า เลยลองมาสมัครที่นี่ดู”
“ถ้าไม่ได้งานที่นี่พี่ก็ยังมีงานทำ”
“ก็คงอย่างนั้น แต่พี่อยากเปลี่ยนที่ทำงาน อยากลองอะไรใหม่ ๆ บ้าง”
“หวังว่าคงได้งานนะคะ เพราะอย่างน้อยพี่ก็มีประสบการณ์”
“พี่ก็ขออวยพรให้น้องได้งานเหมือนกันนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ รถเมล์มาแล้วขอตัวก่อนนะคะ”
“ครับ แล้วเจอกันนะครับ”
เมญาวีโบกมือให้ก่อนจะรีบขึ้นไปนั่งบนรถประจำทางอย่างคล่องแคล่ว
จากวันนั้นเมญาวีก็ไปสัมภาษณ์งานอีกหลายที่ คำถามเดิม ๆ ที่เจอเกือบทุกที่ก็คือเคยมีประสบการณ์ไหม
หญิงสาวยังไม่ยอมถอดใจแม้ว่ามารดาจะโทรมาชวนให้กลับไปอยู่บ้านเกือบทุกวัน
บ่ายวันนี้ขณะที่กำลังกลับจากการสมัครงาน เมญาวีก็ได้รีบโทรศัพท์จากฝ่ายบุคคลของบริษัท ยัมมี่ฟู้ด โปรดักส์
เธอไม่ได้รับเลือกให้เป็นเลขาอย่างที่ตั้งใจไปสมัครงานในตอนแรก แต่มีตำแหน่งผู้ช่วยของ Project manager หญิงสาวลังเลอยู่เพียงครู่ก็ตอบตกลง เพราะเริ่มจะเหนื่อยกับการต้องหางานทำเต็มที
เมญาวีรีบโทรไปบอกกับมารดาทันที
“แม่ค่ะ เมยได้งานแล้วนะคะ”
“จริงเหรอลูก แม่ดีใจด้วยนะ”
“แม่ดีใจกับเมยจริง ๆ หรือประชดคะแม่”
“ดีใจสิ แล้วได้งานตำแหน่งอะไรเหรอลูก”
“ผู้ช่วย Project manager ค่ะแม่”
“อ๋อ แล้วไอ้ตำแหน่งนี้ต้องทำอะไรบ้างล่ะลูก”
“เมยก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่เท่าที่ศึกษาดูก็คล้ายงานผู้ช่วยทั่วไปนั่นแหละค่ะ”
“ได้งานแล้วก็ตั้งใจทำงานนะลูก ว่าแต่บอกได้ไหมล่ะว่าทำที่บริษัทไหนเผื่อแม่ไปกรุงเทพจะได้แวะไปหา”
“บริษัท ยัมมี่ฟู้ด โปรดักส์ค่ะแม่”
“อะไรนะเมย”
หญิงสาวบอกชื่อบริษัทที่ตัวเองจะต้องไปทำงานให้กับมารดาอีกครั้ง
“มีอะไรหรือเปล่าคะแม่ ทำไมทำเสียงตกใจอย่างนั้นคะ”
“ไม่มีอะไรหรอกลูก ก็แค่คิดว่าเป็นบริษัทที่ค่อนข้างใหญ่เลย”
“ค่ะแม่ ตอนแรกเมยไปสมัครเป็นเลขาของผู้จัดการค่ะ แต่เมยไม่มีประสบการณ์เลยได้อีกตำแหน่งหนึ่งมาค่ะ”
“ดีแล้วล่ะลูก ตำแหน่งเลขาผู้จัดการแม่ว่างานต้องหนักมากแน่ ๆ เลย และอีกอย่างเขาก็คงต้องอยากได้คนที่มีประสบการณ์” เพชรลดาไม่อยากให้ลูกสาวทำงานใกล้ชิดกับคนตำแหน่งสูง ๆ เพราะเหตุผลส่วนตัวหลายอย่างแต่จะห้ามก็ไม่อยากให้ลูกสาวเสียใจ
“ค่ะแม่ เมยก็คิดอย่างนั้น”
หญิงสาวคุยกับมารดาต่ออีกพักใหญ่ก่อนจะขอวางสายเพราะเธอต้องเตรียมตัวสำหรับการเริ่มงานในวันจันทร์ที่จะถึงนี้
โปรเจ็กต์ที่เวหาเสนอกับที่ประชุมบริษัทได้รับการอนุมัติแล้ว ชายหนุ่มจึงอยากได้ผู้ช่วยสักคน ซึ่งเขาระบุไว้แล้วว่าคนที่จะมาช่วยงานตนเองนั้นต้องเป็นพนักงานใหม่และไม่เคยมีประสบการณ์เพราะเขาอยากให้คนที่จะมาร่วมงานด้วยเริ่มต้นโปรเจกต์ไปพร้อม ๆ กับเขา“ลูกแน่ใจนะว่าจะไม่เอาคนเก่าของพ่อไปร่วมงาน”“ครับ คนของพ่อก็งานล้นมืออยู่แล้ว”“งั้นก็ตามใจ ลูกใช้ทรัพยากรและงบประมาณของบริษัทได้เต็มที่”“ผมคงใช่เท่าที่เสนอในที่ประชุมนั่นแหละครับ”“อือ พ่อหวังว่าแกจะทำได้สำเร็จ”“ผมก็หวังอย่างนั้น ผมขอตัวก่อนนะครับ อ้อ พ่อครับเย็นนี้อย่าลืมกลับไปทานข้าวกับแม่นะครับ”“อือ”คนเป็นพ่อรับปากแล้วก้มหน้าทำงานต่อ เวหาเดินกลับมายังห้องของตัวเอง โปรเจ็กต์ที่เขากำลังจะเริ่มทำนั้นไม่ได้เป็นเรื่องใหม่เลย เพียงแต่ยังไม่มีใครทำเรื่องนี้อย่างจริงจังเท่านั้นบริษัทของเขาเป็นทั้งผู้ผลิตและจัดจำหน่ายขนมขบเคี้ยวหลากหลายชนิด แต่ที่เขากำลังจะเริ่มทำอย่างจริงจังก็คือขนมขบเคี้ยวที่มีทั้งรสชาติอร่อยและดีต่อสุขภาพ สิ่งที่จะต้องเน้นหนักสำหรับโปรเจ็กต์นี้ก็คือเรื่องของการโฆษณา เพราะคำว่าขนมเพื่อสุขภาพนั้นทำให้คนบางกลุ่มคิดว่ารสชาติของ
เช้าวันจันทร์ที่แสนวุ่นวายเมญาวีตื่นนอนตั้งแต่ตีสี่ เพราะตื่นเต้นที่จะได้ไปทำงานวันแรก หญิงสาวเลือกสวมเสื้อเชิ้ตคอปกสีครีมแขนยาวขนาดพอดีตัว ด้านหน้าแต่งด้วยกระดุมสีเดียวกับตัวเสื้อ ปลายเชิ้ตสอดในกระโปรงเอวสูงแหวกทางด้านหน้าเล็กน้อยความยาวเลยเข่ามาเพียงนิด ดูแล้วเสริมบุคลิกให้ดูคล่องแคล่ว เครื่องประดับมีเพียงนาฬิกาสีเงิน ที่มารดาซื้อให้เป็นของขวัญในวันจบการศึกษาวันนี้เมญาวีแต่งหน้าอ่อนปัดแก้มเพียงนิด เปลือกทาทับด้วยสีพีชดูเป็นธรรมชาติ เรียวปากบางแต่งแต้มด้วยลิปสติกราคาแพงซึ่งรินรดาเป็นคนซื้อมาให้ ผมสีดำขลับถูกรวมเป็นทรงหางม้า ผูกด้วยโบผ้าสีขาวขนาดใหญ่ทำให้ดูเก๋ขึ้นไปอีกนิดมือเรียวเล็กหยิบรองเท้าส้นสูงสี่นิ้วสีดำมาถือไว้ก่อนจะปิดประตูห้องและรีบเดินออกไปรอรถเมล์ที่หน้าปากซอยเพราะกลัวว่าการไปทำงานวันแรกจะสายเธอจึงออกจากห้องพักตั้งแต่ยังไม่หกโมงเช้า มาถึงหน้าบริษัทก็เพิ่งเจ็ดโมงพอดีหญิงสาวเดินไปสำรวจบริเวณใกล้ๆ ว่ามีร้านอาหารอะไรบ้าง เผื่อตอนกลางวันจะได้ลงมาทาน ระหว่างนั้นก็เดินผ่านร้านขายปาท่องโก๋และน้ำเต้าหู้ เธอจึงนั่งลงยังโต๊ะที่ว่าง สั่งน้ำเต้าหู้หนึ่งแก้วและปาท่องโก๋อีกสามตัวเป็น
เกือบหนึ่งเดือนแล้วที่เมญาวีเข้าทำงาน เธอกับเวหาทำงานเข้าขากันดี โปรเจกต์ที่ก็กำลังไปได้สวย ทางโรงงานจะเริ่มต้นผลิตในอีกสามวันข้างหน้า หลังจากนั้นก็จะวางจำหน่ายตามร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป“คุณเวย์คะ วันนี้เมยจะไปที่โรงงานช่วงบ่ายนะคะ” เมญาวีบอกกับเจ้านาย ตอนนี้เธอกับเขาสนิทกันมากขึ้นสรรพนามที่ใช้แทนตัวเองก็เลยเปลี่ยนไป“ผมไปด้วยนะ”“ไม่รู้จะใช้เวลานานไหม เมยกลัวคุณเวย์กลับมาทานอาหารเย็นกับคุณแม่ไม่ทันค่ะ” ตอนนี้เมญาวีรู้แล้วว่าคุณแม่ที่เวหาพูดถึงนั้นเป็นแม่จริง ๆ ไม่ใช่แม่คุณอย่างที่เธอและรินรดาคิดในตอนแรก“ผมคิดว่าทันนะครับ เราไปสองคนช่วยกันทำงานก็น่าจะเสร็จเร็วกว่าคนเดียวนะครับ”“ถ้าคุณเวย์คิดอย่างนั้นก็โอเคค่ะ”“เช้านี้ผมไม่มีงานอะไรแล้วใช่ไหมครับ”“ไม่ค่ะ”“ถ้างั้นเราไปกันตอนนี้เลยไหมครับ ไปหาข้าวกินที่นั่นดีไหมผมอยากกินกุ้งเผาครับ”“ก็ได้ค่ะ คุณเวย์จะไปรถส่วนตัวหรือรถบริษัทคะ”“ผมว่าขับไปเองดีกว่า”พอได้ยินคำคอบของเจ้านายแล้วเมญาวีก็รีบเก็บของบนโต๊ะ เธอไม่ลืมที่จะโทรศัพท์ไปยกเลิกการขอใช้รถของบริษัทที่ตัวเองขอไปเมื่อตอนเช้า รถเอสยูวีคันหรูกำลังทะยานไปบนท้องถนน เ
เมญาวีถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินเพราะร่างกายของเธออ่อนเพลียและมีไข้สูงมาก เวหาเป็นห่วงผู้ช่วยจนนั่งไปติดเขาลืมไปสนิทว่าต้องรีบกลับไปทานข้าวกับมารดาจนท่านโทรมาตาม“แม่ครับ ผมขอโทษ พอดีว่าลูกน้องผมไม่สบายครับ ผมเลยพามาส่งที่โรงพยาบาล”“ส่งแล้วเวย์ก็รีบกลับสิ แม่รอเวย์อยู่นะลูก”“แม่ครับ ผมยังไม่รู้เลยว่าเธอเป็นอะไร ผมอยากคุยกับหมอก่อน”“แค่ลูกน้องป่วย เวย์ทำไมต้องไปเองด้วย เพื่อนหรือญาติของเธอไม่มีหรือไง”“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ”“แล้วเวย์จะกลับตอนไหน แม่ไม่อยากทานข้าวคนเดียว”“คุณหมอออกมาพอดี ผมขอคุยกับคุณหมอก่อนแล้วผมจะรีบกลับนะครับ”“จ้ะ แม่รอนะเวย์”“ครับแม่”หลังทานอาหารเสร็จแล้วเวหาก็รีบให้มารดาทานยาและเข้านอน เขารอจนกระทั่งเธอหลับสนิทชายหนุ่มก็ออกจากบ้านอีกครั้งเวหารีบมายังโรงพยาบาล ตอนนี้เมญาวีได้เข้าพักที่ห้องผู้ป่วยในแล้วชายหนุ่มรู้สึกเป็นห่วงผู้ช่วยอยู่มาก เขาคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอไม่สบาย เพราะเมื่อวานตอนที่หญิงสาวลงจากรถนั้นเธอคงไปเปียกฝนอยู่ไม่น้อย เขาคงเห็นแก่ตัวเกินไปที่ปล่อยให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ต้องหาทางกลับที่พักคนเดียว ถ้าหากเมื่อวานเขาเพียงโทรไปบอกมารดาว่าจ
หลังจากทานข้าวและทานยาแล้วแพทย์เจ้าของไข้ก็เข้ามาตรวจพอดีแพทย์วัยกลางคนแจ้งให้เมญาวีทราบว่าถ้าบ่ายนี้เธอไม่มีไข้ก็คงจะได้กลับบ้านในตอนเย็น“เมยอยู่คนเดียวได้ไหม รินว่าจะลงไปหาอะไรกินหน่อยเริ่มหิวแล้ว” รินรดาที่นั่งอยู่บนเตียงผู้ช่วยพูดขึ้นหลังจากที่ทุกคนออกไปกันหมดแล้ว“ได้สิ แล้วไม่ต้องซื้ออะไรขึ้นมานะ แค่อาหารของโรงพยาบาลเมยก็อิ่มจะแย่แล้ว” “ถ้ารินเจอขนมอะไรที่เมยชอบรินจะซื้อขึ้นมาให้ก็แล้วกันนะ หรือถ้าเมยนึกได้ว่าอยากกินอะไรก็ไลน์ไปบอกนะ” “อือ รีบไปเถอะ เดี๋ยวจะหิวจนเป็นลมเอานะ” “มีอะไรรีบโทรหาเลยนะ อ้อ แล้วถ้าเจ้านายเมยมาบอกเขาด้วยนะว่ารินอยากเจอ” “จ้า”ประตูห้องเปิดออกอีกครั้งแต่คนที่เดินเข้ามาไม่ใช่รินรดาอย่างที่คิด“คุณเวย์” “เป็นยังไงบ้าง สีหน้าดูดีแล้วนี่ ยังปวดหัวอยู่หรือเปล่าแล้วเช้านี้มีไข้ไหม” คนมาใหม่ถามทีเดียวหลายคำถาม “ให้เมยตอบคำถามไหนก่อนดีคะ” “สั้น ๆ เลย ตอนนี้คุณโอเคไหม” “ค่ะ เมยไม่เป็นอะไรแล้ว เช้านี้ไม่มีไข้ ไม่ปวดหัวแล้วค่ะ คุณเวย์ไม่ต้องลำบากมาเยี่ยมก็ได้” เมญาวีดีใจที่เขามาเยี่ยมแ
แพทย์ของไข้มาตรวจอีกครั้งในตอนบ่าย เขาอนุญาตให้หญิงสาวกลับบ้านได้ แต่ก็กำชับให้เธอทานต่ออีกจนครบห้าวันและถ้ากลับไปแล้วยังมีไข้หรือมีอาการผิดปกติก็ต้องรีบกลับมาพบแพทย์“ผมจะไปชำระเงินก่อนระหว่างนี้คุณก็เตรียมเปลี่ยนชุดรอเลยนะครับ ผมลืมถามเลยว่าคุณมีชุดสำหรับใส่กลับบ้านไหม”“มีค่ะ รินเตรียมมาให้แล้ว”“ถ้าเปลี่ยนชุดแล้วก็รอผมอยู่ตรงนี้ก่อนนะ”“ค่ะ”เวหาออกจากห้องไปแล้วเมญาวีก็รีบเข้าห้องน้ำ ชุดที่เพื่อนของเธอเตรียมมาให้นั้นเป็นเดรสแขนระบายสีฟ้า มีลายดอกไม้เล็กที่ปลายกระโปรงซึ่งยาวคลุมเข่ามาเล็กน้อยเมญาวีรีบแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหวานตอนนี้ปราศจากเครื่องสำอาง แต่มันก็ดูไม่โทรมเท่าไหร่ คงเพราะเธอได้นอนพักอย่างเต็มที่ เมญาวีมัดผมเป็นหางม้าอย่างเดิมก่อนจะออกมานั่งรอเวหาที่โซฟาตัวยาวรถยนต์คันหรูจอดที่หน้าอาคารพาณิชย์สี่ชั้นแห่งหนึ่งด้านล่างเป็นร้านอาหารตามสั่งและร้านซักรีด ส่วนด้านบนแบ่งพื้นที่เป็นหอพักให้เช่า“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”“ห้องคุณอยู่บนตึกนั้นเหรอครับ”“ใช่ค่ะ ด้านล่างเป็นร้านค้า ด้านบนแบ่งเป็นหอพักให้เช่าค่ะ มันอาจจะดูเก่าไปหน่อยแต่ด้านในก็พออยู่ได้ค่ะ”“ผมคิดว่าคุณจะอยู่ที่ดีก
เวหากลับมาถึงบ้านของตัวเองก่อนเวลาอาหารเย็นเพียงเล็กน้อยมารดาของเขาดูอารมณ์ดีขึ้นมาก คงเพราะได้คุยกับเพื่อน ๆ ชายหนุ่มอยากเห็นภาพยิ้มแย้มแบบนี้ทุกวัน แต่คิดว่ามันคงเป็นไปได้ยาก แต่เขาก็จะพยายามทำให้เธอมีความสุขที่สุด“แม่ครับ เราออกไปทานข้าวข้างนอกกันดีไหมครับ” เวหาไม่อยากให้แม่ต้องอารมณ์เสียเพราะวันนี้พ่อของเขาอยู่บ้าน ชายหนุ่มไม่อยากให้ทั้งสองปะทะคารมกันบนโต๊ะอาหารเหมือนเมื่อวาน“ได้สิ เวย์ไปร้านไหนล่ะลูก ร้านเดิมดีไหม”“แม่ครับเราไปทานสเต๊กดีไหมครับ มีร้านเปิดใหม่ไม่ไกลจากบ้านเราเลยนะครับ”เวหาไม่อยากไปไกลจากบ้านเพราะรู้ว่ามารดาต้องรีบกลับมาทานยาและพักผ่อนตามเวลา“แม่ตามใจเวย์ แต่ขอแม่ไปเปลี่ยนชุดก่อนได้ไหม”“แม่ครับ ชุดนี้ก็สวยอยู่แล้วไม่เห็นต้องเปลี่ยนเลย” ชายหนุ่มเดินเข้ามาหามารดาพร้อมกับสวมกอด ผู้หญิงคนนี้ไม่ว่าจะอยู่ในชุดไหนก็สวยสำหรับเขาเสมอ“ไม่ได้หลอกแม่ใช่ไหม” วราพรก้มมองตัวเองอย่างไม่มั่นใจ“ไม่เลยครับ ผมว่าเรารีบไปกันเถอะ พอพูดถึงอาหารผมก็เริ่มหิวขึ้นมาแล้ว”พอได้ออกมาทานอาหารนอกบ้านมารดาของเขาก็ทานได้เยอะกว่าปกติ และดูมีความสุขมากกว่าทานกับบิดาด้วยซ้ำ เวหาไม่เข้าใจว่าถ
การเริ่มงานในเช้าวันจันทร์ของเมญาวีแปลกไปกว่าทุกวัน เพราะทันทีที่เธอเดินลงมาจากหอพักก็พบกับรถของเจ้านายที่มาจอดรออยู่แล้ว“สวัสดีค่ะคุณเวย์ มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าคะ ถึงมาตั้งแต่เช้าแบบนี้”“ไม่ด่วนหรอกครับ ผมแค่คิดว่าเราน่าจะไปที่โรงงานก่อน แล้วตอนบ่ายค่อยเข้าบริษัท”“ก็ดีเหมือนกันนะคะ ออกจากที่นี่เวลานี้ไป พอไปถึงทุกคนก็คงมาทำงานกันแล้ว คุณเวย์ทานอะไรมาหรือยังคะ”“ยังเลยครับ ผมว่าจะชวนคุณไปหาอะไรทานก่อน แถวนี้มีร้านไหนเปิดเช้าบ้างครับ”“ไม่มีหรอกค่ะ ส่วนใหญ่จะเปิดกับใกล้ ๆ เที่ยง ถ้าจะมีก็แต่ร้านข้าวเหนียวหมูปิ้งคุณทานได้ไหมคะ”“ได้สิ ตอนเด็ก ๆ พ่อจะซื้อให้กินที่หน้าโรงเรียนบ่อย”“คุณเวย์รออยู่ตรงนี้นะคะ เดี๋ยวเมยเดินไปซื้อให้”“ไปซื้อด้วยกันก็ได้นะครับ ขึ้นรถมาเลย”“อย่าเลยค่ะ ตรงนั้นมันไม่มีที่จอด เมยไปไม่ถึง 5 นาทีหรอกนะคะ”“เมยครับ จะว่าอะไรไหมถ้าผมขอขึ้นไปเข้าห้องน้ำบนห้องคุณหน่อย” “ได้ค่ะ คุณเวย์เอากุญแจไปเปิดเองนะคะ” เมญาวีส่งกุญแจห้องให้กับเจ้านาย ส่วนตัวเองนั้นรีบเดินไปยังหน้าปากซอยเพื่อซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งมาเป็นอาหารเช้าสำหรับตัวเองและเจ้านายหนุ่มที่วันนี้ดูท่
เมญาวีเอาแต่เงียบจนทำให้เวหาเริ่มใจคอไม่ดี “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ผมอาจจะพูดตรงเกินไป แต่ผมอยากเป็นแฟนกับคุณจริง ๆ นะครับ หรือว่าตอนนี้คุณกำลังคบใครอยู่” “เปล่าค่ะ เมยไม่ได้คบใครอยู่” “หรือผมไม่ดีพอ” “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะคะ” “ผมรู้มันอาจเร็วไปสำหรับผู้หญิงแต่สำหรับผมมันช้าไปด้วยซ้ำ ผมไม่รู้นะว่าตอนนี้ในใจของคุณมีใครหรือกำลังคิดอะไรอยู่ ผมไม่เร่งรัดจะเอาคำตอบ ผมแค่อยากบอกความรู้สึกออกไป ผมรู้สึกดีกับคุณมาก อยากอยู่ใกล้ตลอดเวลา ความรู้สึกนี้มันมากขึ้นเรื่อย ๆ จนผมเก็บเอาไว้คนเดียวไม่ได้ เอาจริงนะ ผมไม่เคยขอใครเป็นแฟนมาก่อนเลยไม่รู้ว่าที่ทำอยู่มันถูกต้องไหม” ความรู้สึกที่เก็บไว้พรั่งพรูออกมาเป็นคำพูดอย่างไม่จะเก็บเอาไว้ได้อีกต่อไป “เมยไม่ได้รังเกียจคุณหรอกนะคะ เมยยอมรับว่าตัวเองก็รู้สึกดีกับคุณ แต่มันมีบางอย่างที่เมยต้องเล่าให้คุณฟังก่อน” “เล่ามาสิครับ ผมพร้อมฟัง” “ถ้าฟังจบแล้วคุณอาจจะหัวเราะหรืออาจเปลี่ยนใจเมยก็ไม่ว่า แต่ถ้าเมยไม่บอกคุณมันก็เหมือนเมยไม่ให้เกียรติคุณ” “เล่ามาเถอะครับ แล้วผ
วันศุกร์เป็นวันที่ใครหลายคนรอคอยเพราะพรุ่งนี้ก็จะได้หยุดอยู่บ้าน แต่สำหรับเมญาวีแล้วเธอรู้สึกว่ามันเป็นวันที่แสนน่าเบื่อ เพราะเช้านี้หญิงสาวได้รับโทรศัพท์จากเจ้าของหอพักว่ามีเรื่องอยากจะคุยด้วยเลยขอให้เธออยู่รอก่อนที่จะออกไปทำงาน เมญาวีคิดว่ามันต้องเป็นเรื่องสำคัญเพราะถ้าไม่อย่างนั้นก็คงคุยกันทางโทรศัพท์ไปแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะคิดค่าเช่าเพิ่มหรือเปล่า แต่สำหรับเธอแล้วคิดว่าถ้าเจ้าของหอจะขึ้นค่าเช่า ก็คงไม่เป็นปัญหาเพราะตอนหญิงสาวได้เป็นพนักงานประจำแล้ว เงินเดือนของเธอก็เพิ่มขึ้นจากเดิมถึงสามพันบาท แล้วยิ่งช่วงหลายเดือนมานี้เมญาวีแทบจะต้องใช้จ่ายอะไรเลย ไปทำงานก็ไปพร้อมเจ้านาย พอตกเย็นเจ้านายก็พาไปทานข้าวอยู่เป็นประจำ หญิงสาวไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเจ้านายและลูกน้องคนอื่น ๆ จะเป็นเหมือนเธอไหม พอถามเรื่องนี้กับรินรดาเพื่อนก็บอกว่าสิ่งที่เวหาทำนั้นมันมากกว่าคำว่าเจ้านายกับลูกน้องทั่ว ๆ ไป เธอไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองแต่ที่ผ่านมาก็สัมผัสได้ว่าระหว่างตัวเองและเวหามันมีอะไรมากกว่าอย่างที่รินรดาบอก พอคิดเรื่องของเจ้านายเธอก็ลืมไปสนิทเลย
หลังจากมีเดทแรกด้วยกันจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบจะสามเดือนแล้ว เวหามักจะพาเมญาวีออกไปทานข้าว ซื้อของ หรือบางครั้งก็ไปดูหนังและฟังเพลงด้วยกันบ้างในวันหยุด แต่พออยู่ที่ทำงานก็เว้นระยะห่างในระดับหนึ่งเพราะไม่อยากให้เมญาวีต้องลำบากใจ วันนี้ชายหนุ่มตั้งใจว่าจะขอเมญาวีเป็นแฟน เพราะเขามั่นใจแล้วว่าเธอคือผู้หญิงที่เขาอยู่ด้วยแล้วมีความสุข ช่วงเวลาที่ได้รู้จักกันมันอาจจะดูสั้น แต่เพราะทั้งเขาและเธออยู่ใกล้ชิดกันมากในแต่ละวัน ทำให้ได้เรียนรู้กันและกันมากขึ้น แล้วแผนที่วางไว้ก็ล้มไม่เป็นท่า เมื่อมารดาของเวหาโทรมาบอกให้เขากลับไปทานอาหารเย็นกับเธอที่บ้านเพราะมีคนสำคัญที่อยากให้ลูกชายได้เจอ “เมย ผมขอโทษนะครับ เย็นนี้ผมคงไปทานข้าวกับคุณไม่ได้”เวหารู้สึกผิดเพราะวันนี้เขานัดทานอาหารเย็นกับเธอ “ไม่เป็นไรค่ะ เมยเข้าใจ” เมญาวีรู้ดีว่าชายหนุ่มมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขานัดทานข้าวกับเธอแล้วทำอย่างที่พูดไม่ได้ แต่หญิงสาวก็ไม่เคยโกรธเขาเลยสักนิด กลับนึกชื่นชมด้วยซ้ำที่เขารักและดูแลมารดาเป็นอย่างดี “คุณจะกลับเลยไหมจะได้ออกไ
หลังจากมีเดทแรกด้วยกันจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบจะสามเดือนแล้ว เวหามักจะพาเมญาวีออกไปทานข้าว ซื้อของ หรือบางครั้งก็ไปดูหนังและฟังเพลงด้วยกันบ้างในวันหยุด แต่พออยู่ที่ทำงานก็เว้นระยะห่างในระดับหนึ่งเพราะไม่อยากให้เมญาวีต้องลำบากใจ วันนี้ชายหนุ่มตั้งใจว่าจะขอเมญาวีเป็นแฟน เพราะเขามั่นใจแล้วว่าเธอคือผู้หญิงที่เขาอยู่ด้วยแล้วมีความสุข ช่วงเวลาที่ได้รู้จักกันมันอาจจะดูสั้น แต่เพราะทั้งเขาและเธออยู่ใกล้ชิดกันมากในแต่ละวัน ทำให้ได้เรียนรู้กันและกันมากขึ้น แล้วแผนที่วางไว้ก็ล้มไม่เป็นท่า เมื่อมารดาของเวหาโทรมาบอกให้เขากลับไปทานอาหารเย็นกับเธอที่บ้านเพราะมีคนสำคัญที่อยากให้ลูกชายได้เจอ “เมย ผมขอโทษนะครับ เย็นนี้ผมคงไปทานข้าวกับคุณไม่ได้”เวหารู้สึกผิดเพราะวันนี้เขานัดทานอาหารเย็นกับเธอ “ไม่เป็นไรค่ะ เมยเข้าใจ” เมญาวีรู้ดีว่าชายหนุ่มมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขานัดทานข้าวกับเธอแล้วทำอย่างที่พูดไม่ได้ แต่หญิงสาวก็ไม่เคยโกรธเขาเลยสักนิด กลับนึกชื่นชมด้วยซ้ำที่เขารักและดูแลมารดาเป็นอย่างดี “คุณจะกลับเลยไหมจะได้ออกไ
จากที่คิดว่าจะตื่นสายสักหน่อยเพราะไม่อยากให้หน้าของตัวเองโทรแต่เมญาวีก็ทำแบบนั้นไม่ได้เพราะเธอชินกับการตื่นเช้าไปเสียแล้ว เหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาที่นัดไว้เมญาวีเลยทำความสะอาดห้องและเปลี่ยนผ้าปูที่นอนก่อนจะนำลงส่งที่ร้านซักรีดที่อยู่ชั้นล่างสุดของหอพัก จากนั้นก็แวะทานอาหารกลางวันแล้วจะขึ้นมาอาบน้ำ แต่งตัวอย่างไม่รีบร้อน เธอสำรวจตัวเองหน้ากระจกอีกครั้งก่อนที่เวหาจะมารับ วันนี้เมญาวีสวมเสื้อครอปปาดไหล่สีขาวแขนสามส่วนกับกางเกงผ้าขาสั้นเหนือเข่า จากนั้นสวมรองเท้าผ้าใบสีขาวแต่งลายสีม่วงพาสเทลเตรียมพร้อมที่จะออกจากห้อง พอถึงเวลานัดเจ้านายหนุ่มก็โทรขึ้นมาตาม เธอรีบเดินลงมาจากหอพักด้วยใจที่เต้นแรง นี่เป็นครั้งแรกที่ออกไปไหนด้วยกันในวันหยุด “คิดไว้หรือยังว่าจะดูเรื่องอะไร” เวหาถามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว เขาแอบมองดูการแต่งตัวของเธอไปด้วยในขณะที่พูด วันนี้ผู้ช่วยของเขาแต่งตัวได้น่ารักสมวัยกว่าทุกวันที่ไปทำงาน “คุณเวย์มองอะไรคะ” “ผมว่าเมยแต่งตัวแบบนี้น่ารักดีนะครับ”
ตลอดหนึ่งเดือนเวหามีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเมญาวีเพิ่มมากขึ้นเพราะช่วงนี้มารดาของเขากำลังติดเพื่อน เวหาจึงมีเวลาไปรับไปส่งบ่อยขึ้นด้วยเหตุผลที่ว่ามันเป็นทางผ่าน“คุณเวย์คะ เย็นนี้เมยคงไปทานข้าวกับคุณไม่ได้นะคะ” ผู้ช่วยสาวบอกกับเจ้านายหนุ่มเมื่อถึงเวลาเลิกงาน“ทำไมล่ะครับผมนึกว่าเราไปจะทานด้วยกันทุกวันเสียอีก” เวหากลัวว่าเธอจะรำคาญที่เขาเอาแต่ตามติดเธอมาตลอด“เมยนัดกับรินไว้ค่ะ คุณเวย์ไม่ต้องไปส่งนะคะ เดี๋ยวรินจะมารับที่นี่เองค่ะ” เธอรีบบอกเมื่อเห็นว่าเขาเองก็กำลังเก็บของบนโต๊ะทำงาน“แย่จังนะครับ ผมไม่อยากทานข้าวคนเดียวเลย” เสียงนั้นฟังเหมือนเขากำลังผิดหวัง“พูดแบบนี้เมยรู้สึกผิดเลยค่ะ”“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจพูดให้คุณรู้สึกผิดนะครับ คุณไปกับเพื่อนเถอะ ผมเองก็คงจะไปหาเพื่อนเหมือนกัน” นานแล้วเหมือนกันที่เวหาไม่ได้ออกไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อน“เมยไปก่อนนะคะรินมาถึงแล้วค่ะ เจอกันวันจันทร์นะคะ”“ครับ เจอกันครับ” เวหาไม่ได้บอกว่าจะเจอกันวันไหน แต่คงไม่ใช่วันจันทร์อย่างที่เธอบอกแน่เมญาวีคว้ากระเป๋าสะพายแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างรีบร้อน เธอไม่อยากเพื่อนรักรอนานหญิงสาวออกจากลิฟต์แล้วตรงไปยังลานจอด
การเริ่มงานในเช้าวันจันทร์ของเมญาวีแปลกไปกว่าทุกวัน เพราะทันทีที่เธอเดินลงมาจากหอพักก็พบกับรถของเจ้านายที่มาจอดรออยู่แล้ว“สวัสดีค่ะคุณเวย์ มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าคะ ถึงมาตั้งแต่เช้าแบบนี้”“ไม่ด่วนหรอกครับ ผมแค่คิดว่าเราน่าจะไปที่โรงงานก่อน แล้วตอนบ่ายค่อยเข้าบริษัท”“ก็ดีเหมือนกันนะคะ ออกจากที่นี่เวลานี้ไป พอไปถึงทุกคนก็คงมาทำงานกันแล้ว คุณเวย์ทานอะไรมาหรือยังคะ”“ยังเลยครับ ผมว่าจะชวนคุณไปหาอะไรทานก่อน แถวนี้มีร้านไหนเปิดเช้าบ้างครับ”“ไม่มีหรอกค่ะ ส่วนใหญ่จะเปิดกับใกล้ ๆ เที่ยง ถ้าจะมีก็แต่ร้านข้าวเหนียวหมูปิ้งคุณทานได้ไหมคะ”“ได้สิ ตอนเด็ก ๆ พ่อจะซื้อให้กินที่หน้าโรงเรียนบ่อย”“คุณเวย์รออยู่ตรงนี้นะคะ เดี๋ยวเมยเดินไปซื้อให้”“ไปซื้อด้วยกันก็ได้นะครับ ขึ้นรถมาเลย”“อย่าเลยค่ะ ตรงนั้นมันไม่มีที่จอด เมยไปไม่ถึง 5 นาทีหรอกนะคะ”“เมยครับ จะว่าอะไรไหมถ้าผมขอขึ้นไปเข้าห้องน้ำบนห้องคุณหน่อย” “ได้ค่ะ คุณเวย์เอากุญแจไปเปิดเองนะคะ” เมญาวีส่งกุญแจห้องให้กับเจ้านาย ส่วนตัวเองนั้นรีบเดินไปยังหน้าปากซอยเพื่อซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งมาเป็นอาหารเช้าสำหรับตัวเองและเจ้านายหนุ่มที่วันนี้ดูท่
เวหากลับมาถึงบ้านของตัวเองก่อนเวลาอาหารเย็นเพียงเล็กน้อยมารดาของเขาดูอารมณ์ดีขึ้นมาก คงเพราะได้คุยกับเพื่อน ๆ ชายหนุ่มอยากเห็นภาพยิ้มแย้มแบบนี้ทุกวัน แต่คิดว่ามันคงเป็นไปได้ยาก แต่เขาก็จะพยายามทำให้เธอมีความสุขที่สุด“แม่ครับ เราออกไปทานข้าวข้างนอกกันดีไหมครับ” เวหาไม่อยากให้แม่ต้องอารมณ์เสียเพราะวันนี้พ่อของเขาอยู่บ้าน ชายหนุ่มไม่อยากให้ทั้งสองปะทะคารมกันบนโต๊ะอาหารเหมือนเมื่อวาน“ได้สิ เวย์ไปร้านไหนล่ะลูก ร้านเดิมดีไหม”“แม่ครับเราไปทานสเต๊กดีไหมครับ มีร้านเปิดใหม่ไม่ไกลจากบ้านเราเลยนะครับ”เวหาไม่อยากไปไกลจากบ้านเพราะรู้ว่ามารดาต้องรีบกลับมาทานยาและพักผ่อนตามเวลา“แม่ตามใจเวย์ แต่ขอแม่ไปเปลี่ยนชุดก่อนได้ไหม”“แม่ครับ ชุดนี้ก็สวยอยู่แล้วไม่เห็นต้องเปลี่ยนเลย” ชายหนุ่มเดินเข้ามาหามารดาพร้อมกับสวมกอด ผู้หญิงคนนี้ไม่ว่าจะอยู่ในชุดไหนก็สวยสำหรับเขาเสมอ“ไม่ได้หลอกแม่ใช่ไหม” วราพรก้มมองตัวเองอย่างไม่มั่นใจ“ไม่เลยครับ ผมว่าเรารีบไปกันเถอะ พอพูดถึงอาหารผมก็เริ่มหิวขึ้นมาแล้ว”พอได้ออกมาทานอาหารนอกบ้านมารดาของเขาก็ทานได้เยอะกว่าปกติ และดูมีความสุขมากกว่าทานกับบิดาด้วยซ้ำ เวหาไม่เข้าใจว่าถ
แพทย์ของไข้มาตรวจอีกครั้งในตอนบ่าย เขาอนุญาตให้หญิงสาวกลับบ้านได้ แต่ก็กำชับให้เธอทานต่ออีกจนครบห้าวันและถ้ากลับไปแล้วยังมีไข้หรือมีอาการผิดปกติก็ต้องรีบกลับมาพบแพทย์“ผมจะไปชำระเงินก่อนระหว่างนี้คุณก็เตรียมเปลี่ยนชุดรอเลยนะครับ ผมลืมถามเลยว่าคุณมีชุดสำหรับใส่กลับบ้านไหม”“มีค่ะ รินเตรียมมาให้แล้ว”“ถ้าเปลี่ยนชุดแล้วก็รอผมอยู่ตรงนี้ก่อนนะ”“ค่ะ”เวหาออกจากห้องไปแล้วเมญาวีก็รีบเข้าห้องน้ำ ชุดที่เพื่อนของเธอเตรียมมาให้นั้นเป็นเดรสแขนระบายสีฟ้า มีลายดอกไม้เล็กที่ปลายกระโปรงซึ่งยาวคลุมเข่ามาเล็กน้อยเมญาวีรีบแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหวานตอนนี้ปราศจากเครื่องสำอาง แต่มันก็ดูไม่โทรมเท่าไหร่ คงเพราะเธอได้นอนพักอย่างเต็มที่ เมญาวีมัดผมเป็นหางม้าอย่างเดิมก่อนจะออกมานั่งรอเวหาที่โซฟาตัวยาวรถยนต์คันหรูจอดที่หน้าอาคารพาณิชย์สี่ชั้นแห่งหนึ่งด้านล่างเป็นร้านอาหารตามสั่งและร้านซักรีด ส่วนด้านบนแบ่งพื้นที่เป็นหอพักให้เช่า“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”“ห้องคุณอยู่บนตึกนั้นเหรอครับ”“ใช่ค่ะ ด้านล่างเป็นร้านค้า ด้านบนแบ่งเป็นหอพักให้เช่าค่ะ มันอาจจะดูเก่าไปหน่อยแต่ด้านในก็พออยู่ได้ค่ะ”“ผมคิดว่าคุณจะอยู่ที่ดีก