“ใจเย็นๆ อาการเธอดูแปลกๆนะ”
“อือ ดีนฉันร้อน” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงกระเส่า ก่อนที่ฉันจะล้มลงไปนั่งอยู่ตรงหน้าเขา ใบหน้าของเราอยู่ห่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันยิ่งทำให้หัวใจของฉันแทบหลุดออกมาจากอกอยู่แล้ว
“ตั้งสติ” เขาเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ แต่คำพูดของเขาไม่สามารถทำให้ฉันมีสติได้เลยจริงๆ ความร้อนในกายของฉันมันยิ่งเดือดพลานมากขึ้นไปอีก
“ระ ร้อน” ฉันพยายมดึงมือตัวเองออกจากการจับกุมของร่างสูงตรงหน้า แต่มันก็ไม่เป็นผลเลยแรงฉันสู้แรงของเขาไม่ได้
“มีใครเอาอะไรให้เธอกินรึป่าว” ร่างสูงเอ่ยถามฉันเสียงเครียด
“มะ ไม่มี” ฉันสายหัวแรงๆ ฉันรู้ทุกอย่างว่าตัวเองทำอะไรลงไป แต่เหมือนกับว่าฉันไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย
“แล้วเธอกินอะไรเข้าไปบ้าง”
“อื้อ นายอย่าถามมากได้ไหม...ฉันร้อน” ฉันตะคอกร่างสูงตรงหน้าเสียงดัง
“ดะ ดีน” ฉันครางเรียกชื่อเขาเบาๆ พร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้เขา
“อย่ามามองฉันแบบนี้” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง
“ดีน มองฉันหน่อยน้า” ฉันอ้อนร่างสูงตรงหน้าเสียงอ่อน ตอนนี้สติของฉันแทบจะไม่หลงเหลืออยู่แล้ว ความยับยั้งช่างใจเองก็เช่นเดียวกัน ฉันดึงมือของตัวเองเบาๆออกจากการจับกุมของร่างหนา
“เธอ” ร่างสูงตรงหน้าร้องเรียกฉันเสียงหลงทันทีที่แขนเรียวของฉันคล้องคอของเขาไว้ ก่อนจะดึงลำคอหนาเข้าหาตัว แต่เขาดันขืนฉันไว้ทำให้เป็นฉันเองที่ล้มลงไปทับตัวของเขา
“ดะ ดีน” ฉันเรียกร่างสูงตรงหน้าเสียงกระเส่า พร้อมกับมือบางของฉันที่ลูบไล้ใบหน้าหล่อเหลาอย่างเคลิบเคลิ้ม ส่วนมืออีกข้างยังคงลูบไล้ไปตามอกแกร่งลงไปจนถึงหน้าท้องเป็นล่อนสวยที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามก่อนที่ฉันจะลูบลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง...
หมับ!!
“อย่าซนได้ไหม” ร่างสูงคว้ามือฉันไว้ก่อนจะอุ้มฉันมาวางลงบนที่นอน
“ฉะ ฉันร้อน” ฉันเอ่ยบอกกับเขาเสียงสั่น ความร้อนในกายฉันมันทำให้ฉันรู้สึกวูบวาบอย่างบอกไม่ถูก มันร้อนราวกับว่าเนื้อตัวของฉันจะแตกเป็นเสี่ยงๆอยู่แล้ว ฉันค่อยๆแก้เชือกที่ผูกไว้ที่เอวออกทันทีที่มือของฉันเป็นอิสระ เสื้อของฉันหลุดออกจากตัวอย่างง่ายดายเผยให้เห็นอกอวบอิ่มที่ซ่อนอยู่ภายใต้บราทรงสปอร์ตทีดำของฉัน
“เฮ้ย!!” ร่างสูงตรงหน้าร้องออกมาด้วยความตกใจ เขารวบแขนเรียวของฉันไว้เหนือหัว เขากุมมือทั้งสองข้างของฉันเอาไว้ด้วยมือหนาของเขาเพียงข้างเดียว
“ดะ ดีนฉันร้อน”
“เธอโดนยาปลุกเซ็กส์” ร่างสูงตรงหน้าเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ พร้อมกับมือหนาที่พยายามผูกเชือกของฉันไว้ตามเดิม
“ฉันร้อน” ฉันบิดไปมาเพราะความรู้สึกเสียวซ่านที่เกิดขึ้นมันทำให้ฉันแทบคลั่ง ความร้องในกายฉันมันทำให้ฉันไม่สามารถควบคุมตัวเองอีกต่อไปแล้ว
“ไม่เอาๆ ฉันร้อน” ฉันดิ้นไปมาอย่างไม่ยอมเขาง่ายๆ
“อย่าดื้อดิ” เขาดุฉันเสียงดัง มันทำให้ฉันชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหันไปเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่จ้องมายังฉันนิ่งๆ
“ปล่อยฉัน” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงเรียบ ฉันร้อนจนแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว
“...”
“ฉันร้อนจะตายอยู่แล้วถ้านายมะ ไม่ช่วยก็ปล่อยสิ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงสั่น ฉันไม่รู้หรอกนะว่าตอนนี้ตัวเองคิดจะทำอะไร ฉันรู้เพียงแค่ว่าตอนนี้ฉันร้อนมาก ร้อนเหมือนร่างกายจะแหลกเป็นเสี่ยงๆอยู่แล้ว
“บัว”
“…” ฉันดิ้นไปมาเพื่อให้หลุดจากการจับกุมของเขา
“บอกให้ปล่อยไง” ฉันตะคอกร่างสูงตรงหน้าเสียงดัง ก่อนที่น้ำตาเจ้ากรรมจะไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้
“ถ้านายไม่ช่วยก็ปล่อยฉัน”
“ฉันทำไม่ได้...เธอจะเสียใจที่หลังบัว” เขาเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ ตาคมคู่นั้นของเขายังคงจ้องมองมาที่ฉันอย่างไม่คลาดสายตา
“แต่ฉันไม่ไหวแล้วดีน ขอร้องนายช่วยฉันก่อน” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงสั่น พร้อมกับส่งสายตาอ้อนวอนไปที่เขา
“เธอแน่ใจใช่ไหมบัว”
“แน่ใจฉันแน่ใจ นายปล่อยฉันก่อนนะ”
“...” เขาเงียบก่อนที่มือหนาจะคลายออกจากข้อมือบางของฉัน ทันทีที่มือของฉันเป็นอิสระฉันปลดเสื้อปั๊ดออกจากร่างบางของตัวเอง
ฉันผลักร่างสูงอย่างแรงจนเขาล้มลงไปนอนกับฟูกหนาก่อนที่ฉันจะขึ้นคล่อมเขาไว้ ชายตรงหน้ากดหัวของฉันเข้าหาตัวก่อนที่เขาจะประกบริมฝีปากหนาของเขาเข้ากับริมฝีปากบางของฉัน เขาจูบฉันอย่างดิบเถื่อนก่อนจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นหนักหน่วงขึ้นจนทำให้เด็กที่ไม่ประสีประเรื่องแบบนี้อย่างฉันอ่อนละทวยไปกับความแปลกใหม่นี้ มือหนาของเขาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของฉันก่อนจะหยุดอยู่ที่สะโพกงามของฉัน ร่างหนาผละริมฝีปากออกจากฉันเล็กน้อย
“ฉันถามเธออีกที...เธอแน่ใจแล้วใช่ไหมบัว?”
“ฉันแน่ใจ” ฉันตอบร่างสูงตรงหน้าเสียงสั่น มือหนาของเขายังคงลูบไล้อยู่ที่สะโพกของฉันสร้างความรู้สึกวูบวาบให้กับฉันอย่างบอกไม่ถูก
“อื้อ...ดะ ดีน” ฉันครางออกมาเบาๆ
“ใจเย็นๆเด็กดื้อ” ฉันเอ่ยบอกกับฉันนิ่งๆ ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะโลมเลียไปตามลำคอของฉัน เขาขบเม้นเบาๆมันยิ่งซ่างความเสียงซ่านให้กับฉันจนแทบจะแหลกเป็นเสี่ยงๆคามือของเขาอยู่แล้ว
“ฉันไม่ไหวแล้วดีน” ฉันบิดร่างบางของตัวเองไปมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ รู้ตัวเองที่เสื้อที่ร่างหนาสวมใส่ก็มาอยู่ที่มือของฉันเสียแล้ว
“ไม่ได้ๆ เธอไม่มีสติ” ร่างสูงตรงหน้าพูดขึ้นพร้อมกับส่ายหัวไปมาเบาๆ เหมือนกับไล่ความคิดของตัวเอง เขาดันฉันออกเล็กน้อยก่อนที่จะ...
ฟุบ!!!
ร่างสูงอุ้มฉันขึ้นแนบอกแกร่งพร้อมกับหยิบผ้าห่มผืนเล็กใกล้ๆ ขึ้นมาคุมตัวของฉันไว้ เขาพาฉันเดินลงมาด้านล่างอย่างรวดเร็วก่อนจะหยุดอยู่ที่หน้าห้องน้ำ
“นายพาฉันมาทำอะไรที่นี่” ฉันเอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าด้วยความสงสัย เขายังคงอุ้มฉันไว้แนบอก ก่อนจะวางฉันลงทันทีที่เราทั้งสองเข้ามาด้านใน
“เธอต้องอาบน้ำ”
“ฉันไม่ได้อยากอาบน้ำ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงอ่อน
“อาบน้ำหน่อยนะ จะได้เย็นขึ้น” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันพร้อมกับตักน้ำขึ้นมาราดลงที่หัวของฉันหลายขัน น้ำที่เย็นเฉียบเมื่อสัมผัสกับอุณหภูมิที่ค่อนข้างสูงของฉันมันยิ่งทำให้ฉันทรมาน ทรมานจากอุณหภูมิที่ต่างกันจากที่ร่างกายของฉันเคยสั่นสะท้านเพราะความร้อน ตอนนี้มันกลับหนาวเย็นจับขั้วหัวใจ
“ดะ ดีน ฮึกกกก ฮือออออ” ฉันร้องเรียกร่างสูงตรงหน้าที่ยังคนโอบฉันไว้ ก่อนที่ฉันจะทรุดลงไปนั่งอยู่ที่พื้นอย่างหมดแรง
“หืม เบาบ้างไหม” ร่างสูงเอ่ยถามฉันเบาๆพร้อมกับย่อตัวลงกอดฉันไว้แน่น มือหนาจับผมของฉันที่ปกปิดหน้าอยู่ออกช้าๆ ก่อนที่มือหนาจะลูบลงที่แก้มของฉันอย่างเบามือ
“ฮืออออออ...ออออออ...” ฉันร้องไห้ออกมาอย่างหนักพร้อมกับกอดร่างสูงตรงหน้าไว้แน่น ตอนนี้ความรู้สึกทรมานมากมายมันทำให้ฉันทั้งสับสนทั้งเจ็บปวดมันเป็นความเจ็บปวดที่ฉันไม่รู้จะอธิบายออกมายังไง ร่างสูงยังคงกอดฉันไว้แน่นราวกับเป็นการปลอบประโลมฉันไปด้วย
“ร้องออกมามันไม่เป็นไร เดี๋ยวเธอจะหาย” เขาเอ่ยบอกฉันเสียงอ่อนลงกว่าทุกครั้ง
“ฮือออออ” ฉันปล่อยโฮใส่เขาอย่างไม่อาย พร้อมกอดตอบเขาไว้แน่นเช่นกัน อ้อมกอดของชายที่ฉันพึ่งรู้จักได้ไม่นานมันทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เขาทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เขา
“เธอไม่เป็นอะไรแล้วบัว” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันพร้อมกับมือหนาหยิบผ้าห่มผืนบางมาคลุมตัวของฉันไว้
“ดะ ดีนฉันเป็นอะไรก็ไม่รู้...ฉันกลัว” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงสั่น พร้อมกับซุกหน้าลงที่อกแกร่งของเขา
“ไม่ต้องกลัวฉันอยู่นี่ เธอไม่มีอะไรต้องกลัว” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉัน พร้อมกับมือหนาของเขายังคงลูบหัวของฉันเบาๆ การกระทำของเขามันทำให้ฉันสัมผัสได้ถึงความจริงใจที่เขาส่งมาให้ มันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้หัวใจของฉันสั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
จากที่ก่อนหน้านี้ฉันเป็นคนที่ไม่ชอบให้คนแปลกหน้าโดนตัว นอกจากพ่อแม่และยายของฉันแล้วฉันไม่ชอบสกินชิพกับใครทั้งนั้น แต่กลับเขาคนนี้มันต่างออกไปเขาเหมือนเป็นข้อยกเว้นของกฎที่ฉันเคยตั้งเอาไว้ทั้งหมด
“อื้อออออ...”
“ยังร้อนอยู่ไหม?” ร่างสูงก้มหน้าลงมาถามฉันเสียงอ่อน ก่อนที่มือหนาจะลูบลงที่แก้มของฉันอย่างอ่อนโยน
“…” ฉันพยักหน้าบอกกับร่างสูงเบา
“งั้นเราอยู่แบบนี้กันก่อน” เขายังคงจ้องมาที่ฉันอย่างไม่ละสายตา เราสองคนสบตากันอยู่สักพักจนกระทั่ง...
“ดะ ดีน”
“หืม?”
“นายไม่หนาวหรือไง” มือบางของฉันลูบลงที่แผ่นหลังเปลือยเปล่าของเขาเบาๆ
“ฉันไม่เป็นไร แต่กลัวว่าเธอจะไม่สบายมากกว่าตอนนี้อากาศเย็นมากเลย” ร่างสูงตรงหน้าเอ่ยบอกกับฉันเบาๆ
“ฉันอยากขึ้นเรือนแล้ว”
“อืม...เดี๋ยวฉันพาเธอขึ้นไป” ร่างเอ่ยบอกกับฉันก่อนจะอุ้มฉันไว้แนบอกแกร่งของเขา เขาพาฉันเดินกลับมาที่เรือนก่อนจะวางฉันลงบนที่นอนอย่างเบามือ
“เดี๋ยวฉันออกไปรอข้างนอก เธอต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
“แล้วนายล่ะ” ฉันดึงมือหนาของเขาเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยถามเขาออกไปเสียงอ่อน เพราะตัวของเขาก็เปียกเหมือนกันนี่นา เขาก็ควรเปลี่ยนเสื้อผ้าเหมือนกัน
“นายหาเสื้อใส่ก่อนสิเดี๋ยวก็ไม่สบายเอาหรอก” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงอ่อน เขาเดินไปหาเสื้อใส่อย่างว่าง่ายก่อนจะเดินออกไปด้านนอกเพื่อให้ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าของตัวเองเช่นกัน
“ดีนฉันเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว” ฉันตะโกนบอกกับร่างสูงที่อยู่ด้านนอก
“…”
“ฉันทำเอง” ฉันเอ่ยบอกกับเขาเสียงอ่อน เขาเดินกลับเข้ามาหาฉันพร้อมกับถือผ้าขนหนูผืนเล็กๆ มาด้วยไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเขาจะทำอะไร ฉันจึงแย้งมันออกมาจากมือของเขาแต่ผลที่ได้ คือ...
“อยู่เฉยๆ” เขาเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบพร้อมกับจับหัวของฉันให้อยู่นิ่งๆ จากนั้นเขาจึงนำผ้าขนหนูมาเช็ดผมของฉันอย่างเบามือ
“...” ฉันรู้สึกว่าตัวเองจะได้ผู้ปกครองเพิ่มขึ้นอีกคนเลยอ่ะ
“ไปกินหรือไปดื่มอะไรมาบ้าง” ร่างสูงเอ่ยถามฉันขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ
“หืม”
“ในงาน”
“ฉันก็กินน้ำเหมือนกับคนอื่นๆเลยนะ ส่วนอาหารฉันก็ไม่ได้กินเพราะยังอิ่มอยู่” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงอ่อน พร้อมกับค่อยๆใช้ความคิดเพื่อทบทวนสิ่งที่ตัวเองไปทำมา
“คิดดีๆ”
“อ่อ! ฉันดื่มน้ำร้อนไปหนึ่งแก้ว หลังจากนั้นถึงได้รู้สึกร้อนแปลกๆ”
“ใครเป็นคนเอาให้เธอกิน” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ พร้อมกับจ้องมาที่ฉันอย่างรอคำตอบ
“ฮ่าฮ่า ฉันดื่มมันเอง” ฉันหันหน้ากลับไปบอกกับร่างสูงที่อยู่ด้านหลังแห้งๆ พร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้เขา
“หึ...” เขามองหน้าฉันก่อนที่จะยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย พักหลังมานี้เขายิ้มออกมาบ่อยๆ ทำให้ใบหน้าดุดันนั้นดูน่ากลัวลดลงนิดนึง
“ก็ฉันไม่รู้นี่นาว่ามันคือน้ำอะไร” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงเสียงอ่อน
“เธอต้องระวังตัวให้ดี ครั้งหน้าอาจจะไม่ได้โชคดีแบบนี้” เขาเอ่ยบอกกับฉันนิ่งๆ ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าของฉัน
“รู้แล้วน่า” ฉันเอ่ยบอกกับเขาเสียงอ่อน ก่อนจะหันหน้าหลบไปอีกทางเพื่อหลบสายตาคู่นั้นของเขา
“บัว” ร่างสูงเรียกฉันเสียงอ่อน
“ฉันไปนอนก่อนนะ ฝันดี” ฉันรีบเดินกลับไปยังที่นอนของตัวเอง ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนพร้อมกับหยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมเอาไว้จนมิดก่อนที่ฉันจะหลับตาลงทันที ถ้าขืนฉันยังยืนประจันหน้ากับเขาอยู่แบบนั้นซึ่งมันคงไม่ปลอดภัยกับหัวใจของฉันแน่นๆ ภาพเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้มันผุดเข้ามาในหัว ‘ฮึ่ย! ฉันทำแบบนั้นลงไปได้ไงอ่ะ’ ‘บ้าไปแล้ว’ ฉันขยุ้มหัวตัวเองอยู่ภายในความคิด
พายุฝนฟ้าคะนองในฤดูฝนช่วงเดือนกันยายน ส่งผลให้หลายพื้นที่ของประเทศเกิดฝนตกอย่างหนักพร้อมกับลมกระโชกแรงทำให้บ้านเรือนหลายหลังพังเสียหายไปตามๆกัน ไม่ต่างอะไรกับหมู่บ้านหนองไม้หวายที่ได้รับผลกระทบจากพายุลูกนี้ด้วยเช่นกัน กินเวลากว่าหลายชั่วโมงแล้วที่ฝนยังคงตกลงมาอย่างหนักและไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ท้องฟ้าที่มืดครึ้มมาตลอดทั้งวันจนตอนนี้เวลาล่วงเลยมาจนถึงบ่ายสามกว่าๆ แล้วก็ตาม บนถนนที่เงียบเหงาไร้ผู้คนสัญจรไปมาเนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยให้ออกมาทำกิจวัตรอย่างเช่นที่เคยทำบนท้องถนนในยามนี้จึงมีเพียงรถตู้คันใหญ่ที่ขับมาด้วยความเร็วลัดเลอะไปตามถนนสายหลักที่คดโค้งไปตามแนวของสันเขาอย่างชำนาญ ก่อนจะหักเลี้ยวซ้ายบริเวณสามแยกใหญ่ สองข้างทางเริ่มเปลี่ยนเป็นป่ารกทึบยิ่งขับเข้ามาลึกเท่าไหร่จากถนนสองเลนก็เหลือเพียงเลนเดียวจากถนนคอนกรีตก็เปลี่ยนเป็นถนนลูกรังลำห้วยขนาดใหญ่ที่เป็นเหมือนหัวใจของหมู่บ้านหนองไม้หวาย ห้วยแห่งนี้มีน้ำตลอดทั้งปีทำให้ชาวบ้านที่อยู่อาศัยบริเวณนี้มีน้ำใช้สำหรับอุปโภคบริโภค ทำการเกษตรของเกษตรกร หรือแม้แต่เป็นแห่งรวมความสนุกสนานเสียงหัวเราะของชาวบ้านหลายช่วงวัยที่ได้มาคลายร้อน
แค่ก! แค่ก! แค่ก! “พ่อจ้าแม่จ้าช่วยลูกด้วย” ฉันร้องออกมาเสียงหลงพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์“ไม่สิ! อยู่นี่มาตั้งนานไม่เคยเจอเลย” ฉันค่อยลืมตาขึ้นพร้อมกับส่องไฟฉายไปรอบๆ บริเวณที่ฉันอยู่เพื่อให้แน่ใจบางทีฉันอาจจะหูฝาดไปเองก็ได้นี่นา “ผีจะมีได้ไง” ฉันเอ่ยบอกกับตัวเองก่อนที่สายตาของฉันจะไปสะดุดเข้ากลับอะไรบางอย่างที่ขยับอยู่ใกล้กับโขดหิน ลักษณะมันเหมือนกับมือของคนกำลังจับกิ่งไม่อยู่ยังไงยังงั้น“ถ้าเป็นผีก็คงขึ้นมาหลอกเราแล้วล่ะ น้ำไหลแรงขนาดนี้ผีก็ผีเถอะ” ฉันเอ่ยบอกกับตัวเองก่อนจะเดินไปเรือนนอนของตัวเอง ไวกว่าความคิดมือบางของฉันก็หันไฟฉายไปยังบริเวณที่มีสิ่งผิดปกติอีกครั้งเพื่อให้มั่นว่าฉันตาฝาดไปจริงๆ แต่แล้ว...“ฮึ่ย! คนนี่หว่า” ด้วยความตกใจฉันจึงรีบวิ่งไปยังลำห้วยด้านล่างทันที ฉันไม่ได้ตาฝาดไปแน่ๆ เค้าต้องเป็นคนอย่างแน่นอนและที่สำคัญมือหนาที่จับกิ่งไม้อยู่นั้นแทบจะหมดแรงลงไปทุกทีแล้ว“นายๆ ได้ยินฉันไหม” ฉันตะโกนเรียกร่างสูงตรงหน้าเสียงดัง ในขณะที่ฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมาอีกครั้งสายฟ้าที่พาดผ่านลงมาเป็นแสงวูบวาบ ตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องที่ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ
แอ๊ดดดดดดด! !!“ฉันต้มน้ำใบบัวบกไว้ให้นายด้วย” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าที่ยังคงมองมาที่ฉันด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ฉันสังเกตุเห็นว่าวันนี้ใบหน้าของเขาบวมช้ำกว่าเมื่อคืนนี้ซะอีก“น้ำใบบัวบกมีสรรพคุณแก้อาการช้ำใน ลดการอักเสบนายต้องดื่มให้หมดนะเข้าใจไหม” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะยื่นแก้วในมือให้เขา“...” เขาพยักหน้าเบาๆ เพื่อเป็นการตอบคำถามของฉัน“ดีมาก รอให้มันเย็นกว่านี้ก็ได้ดื่มตอนนี้เดี๋ยวมันจะลวกปากนาย”“…” ฉันวางแก้วใบบัวบกไว้ข้างๆ ก่อนที่มือบางของฉันจะวางลงที่หน้าผากของเขา พร้อมกับมืออีกข้างของฉันวางลงที่หน้าผากของตัวเองเพื่อเป็นการเช็คอุณหภูมิร่างกายของร่างสูงตรงหน้า“เหมือนนายจะมีไข้”“ยะ อย่า บะ บอก คะ ใคร”ฉันพยายามจับใจความสิ่งที่ร่างสูงพยายามจะบอกกับฉัน ก่อนจะสรุปได้ว่าเขาพูดอะไรกับฉัน ‘อย่าบอกใคร’ ยิ่งเขาย้ำฉันแบบนี้มันยิ่งทำให้ฉันอยากรู้เรื่องราวเข้าไปใหญ่เลย คำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวของฉัน ‘เขาเป็นใคร?’ ‘ใครทำร้ายเขา?’ ‘แล้วทำไมต้องปิดเรื่องนี้ไว้ไม่ให้ใครรู้ด้วยล่ะ?’“ฉันเข้าใจแล้ว นายอย่าพึ่งพูดมากเลย” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าออกไปด้ว
“พังหมดเลย” ฉันร้องออกมาเบาๆ ทันทีที่เห็นฝายน้ำล้นตรงหน้าของฉัน น้ำป่ายังคงไหลหลากอยู่เลยสังเกตจากสีของน้ำที่ยังคงขุ่นมัว กระแสน้ำยังไหลเชี่ยวเป็นอย่างที่ฉันคิดว่าเรายังไม่สามารถซ่อมแซมมันได้ในตอนนี้“นายนั่งรอฉันอยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะเดินไปดูรอบๆนี้ก่อน” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าหลังจากที่ฉันปูเสื่อที่พกมาด้วยเรียบร้อยแล้ว“เธอจะไปไหน” เขาเอ่ยถามฉันเสียงเรียบ“เดี๋ยวฉันจะไปเดินดูรอบๆไง หูนายมีปัญหาปะ”“เธอก็ดูอยู่นี่ไงไม่เห็นต้องเดินไปไหน” เขาเอ่ยบอกกับฉันหน้าตาเฉย พร้อมกับมองมายังฉันอย่างไม่เข้าใจ“นายกลัวรึไง” ฉันยืนเท้าเอวพร้อมกับมองไปยังร่างสูงอย่างไม่เข้าใจเขาเช่นกัน ฉันจะมาที่นี่คนเดียวก็จะตามมาด้วย พอฉันจะเดินไปดูรอบๆคนเดียวก็พูดเหมือนจะไม่ให้ฉันไปอีก ‘หัวจะปวดนะกับผู้ชายคนนี้’“…”“ฉันไม่ไปไกลหรอกเดี๋ยวฉันกลับมา นายนั่งพักอยู่นี่แหละ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงใส ก่อนจะเดินออกไปทันทีไม่รอให้เขาคัดค้านอะไรอีก“บัว” ร่างสูงตะโกนเรียกตามหลังฉันมา“ไม่ฟังแล้ว” ฉันก็ตะโกนตอบกลับเขาไปทันทีเช่นกัน“ทำไมเธอดื้อจังวะ”“เรื่องของฉัน แบร่!” ฉันหยุดเดินก่อนจะหันไปหลอกเค้าจ
3 วันต่อมา...8.00 น.“เอากระเป๋ามาเดี๋ยวฉันสะพายเอง” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ พร้อมกับมือหนาของเขาหยิบกระเป๋าเป้ใบใหญ่ของฉันไปสะพายไว้ วันนี้เราสองคนมีภารกิจตามล่าหาสัญญาณโทรศัพท์“ขอบใจนะ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้า ก่อนจะเดินนำเขาออกไปด้านนอก ฉันเลือกอ้อมไปทางด้านหลังของหมู่บ้านมันอาจจะไกลกว่าทางปกติอยู่บ้างแต่มันก็เป็นเส้นทางที่ปลอดภัยสำหรับเขาที่สุดสองสามวันมานี้ร่างกายของเขาเริ่มกลับมาแข็งแรงแล้วอาจจะยังหลงเหลือรอยช้ำอยู่บ้างก็ตาม ฉันนับถือใจเขามากเลยถ้าเป็นคนอื่นโดนมาหนักขนาดนี้อาจจะไม่รอดแล้วก็ได้“อุ๊ย!!” ในขณะที่ฉันคิดอะไรไปเรื่อยๆ ด้วยความเหม่อลอยทำให้ฉันไม่ทันได้สังเกตุเห็นก้อนหินตรงหน้าทำให้ฉันสะดุดมันแต่...“ระวัง” ร่างสูงเอ็ดฉันเบาๆ พร้อมกับมือหนาโอบเข้าที่เอวบางของฉันไว้แน่น ถ้าไม่ได้เขาจับฉันไว้ป่านี้ฉันคงได้ไปจับกบอยู่ที่พื้นแล้วล่ะ“ขอบใจนะ”“อืม...”“…/…”“นะ นายช่วยเอามือออกจากเอวฉันก่อนได้ไหม” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงด้านหลังเบาๆ หลังจากที่เราเงียบใส่กันไปแป๊บนึง ร่างสูงจึงค่อยๆคลายอ้อมกอดออกไปอย่างช้าๆ“เดินระวังด้วย” เขาเอ่ยตามหลังฉันมาเสียงเรียบ“อืม”ติ้ง
“ใจเย็นๆ อาการเธอดูแปลกๆนะ”“อือ ดีนฉันร้อน” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงกระเส่า ก่อนที่ฉันจะล้มลงไปนั่งอยู่ตรงหน้าเขา ใบหน้าของเราอยู่ห่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันยิ่งทำให้หัวใจของฉันแทบหลุดออกมาจากอกอยู่แล้ว“ตั้งสติ” เขาเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ แต่คำพูดของเขาไม่สามารถทำให้ฉันมีสติได้เลยจริงๆ ความร้อนในกายของฉันมันยิ่งเดือดพลานมากขึ้นไปอีก“ระ ร้อน” ฉันพยายมดึงมือตัวเองออกจากการจับกุมของร่างสูงตรงหน้า แต่มันก็ไม่เป็นผลเลยแรงฉันสู้แรงของเขาไม่ได้“มีใครเอาอะไรให้เธอกินรึป่าว” ร่างสูงเอ่ยถามฉันเสียงเครียด“มะ ไม่มี” ฉันสายหัวแรงๆ ฉันรู้ทุกอย่างว่าตัวเองทำอะไรลงไป แต่เหมือนกับว่าฉันไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย“แล้วเธอกินอะไรเข้าไปบ้าง”“อื้อ นายอย่าถามมากได้ไหม...ฉันร้อน” ฉันตะคอกร่างสูงตรงหน้าเสียงดัง“ดะ ดีน” ฉันครางเรียกชื่อเขาเบาๆ พร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้เขา“อย่ามามองฉันแบบนี้” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง“ดีน มองฉันหน่อยน้า” ฉันอ้อนร่างสูงตรงหน้าเสียงอ่อน ตอนนี้สติของฉันแทบจะไม่หลงเหลืออยู่แล้ว ความยับยั้งช่างใจเองก็เช่นเดียวกัน ฉันดึงมือของตัวเอ
3 วันต่อมา...8.00 น.“เอากระเป๋ามาเดี๋ยวฉันสะพายเอง” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ พร้อมกับมือหนาของเขาหยิบกระเป๋าเป้ใบใหญ่ของฉันไปสะพายไว้ วันนี้เราสองคนมีภารกิจตามล่าหาสัญญาณโทรศัพท์“ขอบใจนะ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้า ก่อนจะเดินนำเขาออกไปด้านนอก ฉันเลือกอ้อมไปทางด้านหลังของหมู่บ้านมันอาจจะไกลกว่าทางปกติอยู่บ้างแต่มันก็เป็นเส้นทางที่ปลอดภัยสำหรับเขาที่สุดสองสามวันมานี้ร่างกายของเขาเริ่มกลับมาแข็งแรงแล้วอาจจะยังหลงเหลือรอยช้ำอยู่บ้างก็ตาม ฉันนับถือใจเขามากเลยถ้าเป็นคนอื่นโดนมาหนักขนาดนี้อาจจะไม่รอดแล้วก็ได้“อุ๊ย!!” ในขณะที่ฉันคิดอะไรไปเรื่อยๆ ด้วยความเหม่อลอยทำให้ฉันไม่ทันได้สังเกตุเห็นก้อนหินตรงหน้าทำให้ฉันสะดุดมันแต่...“ระวัง” ร่างสูงเอ็ดฉันเบาๆ พร้อมกับมือหนาโอบเข้าที่เอวบางของฉันไว้แน่น ถ้าไม่ได้เขาจับฉันไว้ป่านี้ฉันคงได้ไปจับกบอยู่ที่พื้นแล้วล่ะ“ขอบใจนะ”“อืม...”“…/…”“นะ นายช่วยเอามือออกจากเอวฉันก่อนได้ไหม” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงด้านหลังเบาๆ หลังจากที่เราเงียบใส่กันไปแป๊บนึง ร่างสูงจึงค่อยๆคลายอ้อมกอดออกไปอย่างช้าๆ“เดินระวังด้วย” เขาเอ่ยตามหลังฉันมาเสียงเรียบ“อืม”ติ้ง
“พังหมดเลย” ฉันร้องออกมาเบาๆ ทันทีที่เห็นฝายน้ำล้นตรงหน้าของฉัน น้ำป่ายังคงไหลหลากอยู่เลยสังเกตจากสีของน้ำที่ยังคงขุ่นมัว กระแสน้ำยังไหลเชี่ยวเป็นอย่างที่ฉันคิดว่าเรายังไม่สามารถซ่อมแซมมันได้ในตอนนี้“นายนั่งรอฉันอยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะเดินไปดูรอบๆนี้ก่อน” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าหลังจากที่ฉันปูเสื่อที่พกมาด้วยเรียบร้อยแล้ว“เธอจะไปไหน” เขาเอ่ยถามฉันเสียงเรียบ“เดี๋ยวฉันจะไปเดินดูรอบๆไง หูนายมีปัญหาปะ”“เธอก็ดูอยู่นี่ไงไม่เห็นต้องเดินไปไหน” เขาเอ่ยบอกกับฉันหน้าตาเฉย พร้อมกับมองมายังฉันอย่างไม่เข้าใจ“นายกลัวรึไง” ฉันยืนเท้าเอวพร้อมกับมองไปยังร่างสูงอย่างไม่เข้าใจเขาเช่นกัน ฉันจะมาที่นี่คนเดียวก็จะตามมาด้วย พอฉันจะเดินไปดูรอบๆคนเดียวก็พูดเหมือนจะไม่ให้ฉันไปอีก ‘หัวจะปวดนะกับผู้ชายคนนี้’“…”“ฉันไม่ไปไกลหรอกเดี๋ยวฉันกลับมา นายนั่งพักอยู่นี่แหละ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงใส ก่อนจะเดินออกไปทันทีไม่รอให้เขาคัดค้านอะไรอีก“บัว” ร่างสูงตะโกนเรียกตามหลังฉันมา“ไม่ฟังแล้ว” ฉันก็ตะโกนตอบกลับเขาไปทันทีเช่นกัน“ทำไมเธอดื้อจังวะ”“เรื่องของฉัน แบร่!” ฉันหยุดเดินก่อนจะหันไปหลอกเค้าจ
แอ๊ดดดดดดด! !!“ฉันต้มน้ำใบบัวบกไว้ให้นายด้วย” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าที่ยังคงมองมาที่ฉันด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ฉันสังเกตุเห็นว่าวันนี้ใบหน้าของเขาบวมช้ำกว่าเมื่อคืนนี้ซะอีก“น้ำใบบัวบกมีสรรพคุณแก้อาการช้ำใน ลดการอักเสบนายต้องดื่มให้หมดนะเข้าใจไหม” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะยื่นแก้วในมือให้เขา“...” เขาพยักหน้าเบาๆ เพื่อเป็นการตอบคำถามของฉัน“ดีมาก รอให้มันเย็นกว่านี้ก็ได้ดื่มตอนนี้เดี๋ยวมันจะลวกปากนาย”“…” ฉันวางแก้วใบบัวบกไว้ข้างๆ ก่อนที่มือบางของฉันจะวางลงที่หน้าผากของเขา พร้อมกับมืออีกข้างของฉันวางลงที่หน้าผากของตัวเองเพื่อเป็นการเช็คอุณหภูมิร่างกายของร่างสูงตรงหน้า“เหมือนนายจะมีไข้”“ยะ อย่า บะ บอก คะ ใคร”ฉันพยายามจับใจความสิ่งที่ร่างสูงพยายามจะบอกกับฉัน ก่อนจะสรุปได้ว่าเขาพูดอะไรกับฉัน ‘อย่าบอกใคร’ ยิ่งเขาย้ำฉันแบบนี้มันยิ่งทำให้ฉันอยากรู้เรื่องราวเข้าไปใหญ่เลย คำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวของฉัน ‘เขาเป็นใคร?’ ‘ใครทำร้ายเขา?’ ‘แล้วทำไมต้องปิดเรื่องนี้ไว้ไม่ให้ใครรู้ด้วยล่ะ?’“ฉันเข้าใจแล้ว นายอย่าพึ่งพูดมากเลย” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าออกไปด้ว
แค่ก! แค่ก! แค่ก! “พ่อจ้าแม่จ้าช่วยลูกด้วย” ฉันร้องออกมาเสียงหลงพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์“ไม่สิ! อยู่นี่มาตั้งนานไม่เคยเจอเลย” ฉันค่อยลืมตาขึ้นพร้อมกับส่องไฟฉายไปรอบๆ บริเวณที่ฉันอยู่เพื่อให้แน่ใจบางทีฉันอาจจะหูฝาดไปเองก็ได้นี่นา “ผีจะมีได้ไง” ฉันเอ่ยบอกกับตัวเองก่อนที่สายตาของฉันจะไปสะดุดเข้ากลับอะไรบางอย่างที่ขยับอยู่ใกล้กับโขดหิน ลักษณะมันเหมือนกับมือของคนกำลังจับกิ่งไม่อยู่ยังไงยังงั้น“ถ้าเป็นผีก็คงขึ้นมาหลอกเราแล้วล่ะ น้ำไหลแรงขนาดนี้ผีก็ผีเถอะ” ฉันเอ่ยบอกกับตัวเองก่อนจะเดินไปเรือนนอนของตัวเอง ไวกว่าความคิดมือบางของฉันก็หันไฟฉายไปยังบริเวณที่มีสิ่งผิดปกติอีกครั้งเพื่อให้มั่นว่าฉันตาฝาดไปจริงๆ แต่แล้ว...“ฮึ่ย! คนนี่หว่า” ด้วยความตกใจฉันจึงรีบวิ่งไปยังลำห้วยด้านล่างทันที ฉันไม่ได้ตาฝาดไปแน่ๆ เค้าต้องเป็นคนอย่างแน่นอนและที่สำคัญมือหนาที่จับกิ่งไม้อยู่นั้นแทบจะหมดแรงลงไปทุกทีแล้ว“นายๆ ได้ยินฉันไหม” ฉันตะโกนเรียกร่างสูงตรงหน้าเสียงดัง ในขณะที่ฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมาอีกครั้งสายฟ้าที่พาดผ่านลงมาเป็นแสงวูบวาบ ตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องที่ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ
พายุฝนฟ้าคะนองในฤดูฝนช่วงเดือนกันยายน ส่งผลให้หลายพื้นที่ของประเทศเกิดฝนตกอย่างหนักพร้อมกับลมกระโชกแรงทำให้บ้านเรือนหลายหลังพังเสียหายไปตามๆกัน ไม่ต่างอะไรกับหมู่บ้านหนองไม้หวายที่ได้รับผลกระทบจากพายุลูกนี้ด้วยเช่นกัน กินเวลากว่าหลายชั่วโมงแล้วที่ฝนยังคงตกลงมาอย่างหนักและไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ท้องฟ้าที่มืดครึ้มมาตลอดทั้งวันจนตอนนี้เวลาล่วงเลยมาจนถึงบ่ายสามกว่าๆ แล้วก็ตาม บนถนนที่เงียบเหงาไร้ผู้คนสัญจรไปมาเนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยให้ออกมาทำกิจวัตรอย่างเช่นที่เคยทำบนท้องถนนในยามนี้จึงมีเพียงรถตู้คันใหญ่ที่ขับมาด้วยความเร็วลัดเลอะไปตามถนนสายหลักที่คดโค้งไปตามแนวของสันเขาอย่างชำนาญ ก่อนจะหักเลี้ยวซ้ายบริเวณสามแยกใหญ่ สองข้างทางเริ่มเปลี่ยนเป็นป่ารกทึบยิ่งขับเข้ามาลึกเท่าไหร่จากถนนสองเลนก็เหลือเพียงเลนเดียวจากถนนคอนกรีตก็เปลี่ยนเป็นถนนลูกรังลำห้วยขนาดใหญ่ที่เป็นเหมือนหัวใจของหมู่บ้านหนองไม้หวาย ห้วยแห่งนี้มีน้ำตลอดทั้งปีทำให้ชาวบ้านที่อยู่อาศัยบริเวณนี้มีน้ำใช้สำหรับอุปโภคบริโภค ทำการเกษตรของเกษตรกร หรือแม้แต่เป็นแห่งรวมความสนุกสนานเสียงหัวเราะของชาวบ้านหลายช่วงวัยที่ได้มาคลายร้อน