“คือ ก้อนเก่าค่ะอาจจะผ่อนผันออกไปอีกสักระยะ ถ้าเสี่ยไม่ว่าอะไร พราวก็อาจจะคุยกับเสี่ยตามลำพังได้ค่ะ” หญิงสาวพูด พร้อมกับทำตาเยิ้มหวานใส่เสี่ยต้น
“เสี่ยไม่คุยกับใครตามลำพัง ม่านฟ้าฟังเรื่องของเสียได้ทุกเรื่องเพราะเป็นผู้ช่วย ดูแลเรื่องการเงิน และเป็นคนรักที่เสี่ยต้องให้เกียรติ คุยกับผู้หญิงสองต่อสองคงจะไม่เหมาะ” เสี่ยตัดบทอย่างหนักแน่น “แต่เราคุยเรื่องงานไงคะ” หญิงสาวเถียง “เอาละเฮียให้ผ่อนผันได้อีก 1 อาทิตย์ ไม่เกินนี้ ถ้าไม่ได้ ที่ดินที่นำมาจำนองก็ตกเป็นของเสี่ยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย” “เสี่ย!” ความคิดของพราวคืออยากใช้เสน่ห์เข้ามาต่อรองด้วยการผ่อนผันเงินที่กู้ แต่ติดที่ว่าคนอื่นรับฟังด้วย เสี่ยไม่รับขัดดอกเป็นร่างกายของผู้หญิงแล้วอย่างนั้นหรือ ไม่จริงหรอก พราวคิด “แล้วคนอื่นๆ ล่ะ มีปัญหาเรื่องผ่อนผันเงินที่กู้ยืมเสี่ยไปไหมคะ”ม่านฟ้าเอ่ยถามแทรกขึ้น ทุกคนก็ได้แต่ก้มหน้าหลบสายตา แน่นอนว่าคำตอบมันอยู่ในกิริยาอาการที่แสดงออกมาทั้งหมดแล้ว หากเป็นเสี่ยต้นคนเมื่อก่อน เขาอาจจะเรียกสาวๆ ขึ้นห้องไปพร้อมกัน 2 คนเลยก็ได้ รับจ่ายหนี้เป็นร่างกาย ตอนนี้เมียคนสุดท้อง รักสุดท้ายของชีวิต นั่งอยู่ตรงนี้คงไม่คิดจะทำแบบนั้นอีก “ถ้าไม่มีปัญหาก็ดีค่ะ หากมีปัญหาอยากจะประนอมหนี้ ก็โทรหาฉันโดยตรงเท่านั้น ฉันดูแลเรื่องนี้แทนเสี่ยอยู่” ม่านฟ้าเป็นคนตัดสินใจพูดแทนเสี่ยต้น ที่นั่งนิ่งทั้งแต่หัวใจของเขาเต้นแรงมาก ไม่คิดว่าม่านฟ้าจะทำหน้าที่เก็บสาวๆ ของเขาเรียบ “ทุกคนมีเรื่องอะไรจะแจ้งเสี่ยอีกไหมคะ หากไม่มีแล้วเสี่ยต้องดื่มเครื่องดื่มบำรุงร่างกาย มื้อเช้า และยา เพราะยังคงบอบช้ำจากเมื่อวานนี้อยู่ แค่เดินลงมาจากบ้านได้ก็บุญโขแล้วอายุปูนนี้” ประโยคสุดท้ายนี้ ม่านฟ้าถึงกับทำให้เขาสะดุ้งกับประโยชน์ที่ว่าอายุปูนนี้ “เอ่อ คือ” สาวๆ ถึงกับอึกอัก “คุณมิ่งคะ ให้เด็กๆ ส่งแขก” ม่านฟ้าออกปากไล่เสียเลย เท่านั้นแหละ ทุกคนแทบจะกรี้ดแต่กรี้ดไม่ได้ ทำได้เพียงชักสีหน้า มองหน้ากันเลิ่กลั่ก และยังไม่ทันจะได้ให้ใครมาเชิญออกไป พวกเธอก็ยกมือไหว้เสี่ยต้นทันที “งั้นพวกเรากลับนะคะเสี่ย” “จ้ะ” เขารับคำ จากนั้นทุกคนจึงได้ตาละห้อย แต่ก่อนจะเดินออกไปยังทิ้งสายตาอาลัยอาวรณ์พร้อมกับสัญญาณมือ ว่าจะโทรหาเสี่ยอีก ม่านฟ้าก็เหลือบมองและเห็นทุกอย่าง กระทั่งปรายตามองเสี่ยต้น เจ้าตัวก็มองตามสาวๆ แล้วหันมาสะดุดกับสายตาพิฆาตของม่านฟ้า “อุ้ย” เขาถึงกับสะดุ้งตกใจ “มีอีกไหมคะ” ม่านฟ้าถาม ซึ่งเสี่ยต้นเข้าใจหมายความ “คือ เอ่อ” “อึกอักแบบนี้ ฟ้าก็ไม่น่าถามนะคะ” “เสี่ยขอโทษ ก็สะสมเอาไว้หลายปี” “หลายปี!” เธอถึงกับเค้นเสียงเลยทีเดียว “เสน่ห์แรงจริงๆ เลยนะคะเนี่ย ขนาดอายุ 50 แล้ว” เธอยิ้มเย็นยะเยือก ก่อนจะเลื่อนอาหารมาวางเอาไว้ตรงหน้า “ข้าวต้มปลาค่ะ และซุปไก่ตุ๋นยาจีน” เธอเลื่อนข้าวต้มให้ และตามด้วยซุปไก่แต่ลงน้ำหนักจนตกใจ พร้อมทั้งน้ำและยา “เอ่อ ไม่ได้ใส่ยาพิษลงไปใช่ไหม” เขาแซวแต่ตอนนี้ขนลุกไปหมด “เฮียยังตายไม่ได้ค่ะ ต้องอยู่ยาวๆ ใช้เวรใช้กรรมกับฟ้าไป” “ฟ้า! ฟ้าโกรธอะไรเฮีย เมื่อคืนยังดีๆ อยู่เลย” “คนเราเปลี่ยนอารมณ์กันได้ เมื่อมีสิ่งเร้า” เธอตอบหน้าตาเฉย “หึงเฮียแล้วใช่ไหม รักเฮียแล้วล่ะสิ” เขาแกล้งเย้าแหย่ไม่ดูสีหน้าเธอเลย “กินเข้าไปค่ะ” เธอว่าพลางตักโจ๊กป้อนเขาเสียเลย เจ้าตัวก็รีบงับด้วยความดีใจ เรียกได้ว่าแทบไม่ทันได้กลืนเธอก็ป้อนเอาป้อนเอา ไม่ต่างอะไรกับบังคับเขาเลย เจ้ามิ่งและลูกน้องที่แอบดูอยู่ถึงกับแอบหัวเราะ เมื่อกินข้าวต้มเสร็จก็ตามด้วยการซดซุป เพื่อบำรุงร่างกาย แก่แล้วเดี๋ยวจะไม่มีแรงออกศึกกับเมียเด็ก ตามด้วยการกินยา เธอทำทุกอย่างให้เขา แต่รู้สึกไม่ได้ดีใจเลยเพราะทำด้วยอารมณ์โกรธ งอน คงหึงหนักสิท่า “ฟ้าจะไปที่ปาง” เธอเอ่ยเมื่อทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จแล้ว “ฟ้า ฟ้าโกรธเฮีย เรื่องเช้านี้ใช่ไหม เมื่อคืนนึกว่าฟ้าจะไม่โกรธเฮียแล้วซะอีก” “ฟ้าถามเฮียว่า ยังมีอีกไหมคะ เฮียยังไม่ตอบเลย” “มี ก็ตามประสาหนุ่มโสด” “ตอนนี้ยังอยากมีสถานะโสดไหมคะ” เธอถามย้ำพลางจ้องตาเขม็ง “ฟ้า! เฮียมีฟ้าแล้ว มีเมียแล้ว ไม่โสดแล้วนะ” “ถ้าอยากมีฟ้า ไปเคลียร์ทุกคนให้ออกไปจากชีวิตซะ ถ้าเฮียทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องมีฟ้า” “ฟ้าทำหมือนไม่แคร์เรื่องเมื่อคืนของเรา” “แคร์แล้วไงคะ เฮียจะเคลียร์เอง หรือจะให้ฟ้าเคลียร์บอกมาได้เลยค่ะ เหลืออีกกี่คน ฟ้าให้เวลาภายในหนึ่งอาทิตย์ ระหว่างนี้เรายังไม่ต้องเจอกัน” เธอว่าก่อนจะเอี้ยวตัวเพื่อที่จะเดินออกไปจากบ้าน แต่เขารวบเอวเธอไว้ “อะไรนะ ฟ้า ไม่ได้สิ ฟ้าเป็นเมียเฮียนะ” “เมียคนสุดท้อง แต่ก็อาจจะมีสุดท้องอีก” “ทำไมฟ้าไม่เชื่อใจกัน” “ที่ผ่านมาฟ้าก็เกือบจะเชื่ออยู่เหมือนกัน แต่เมื่อเห็นสาวๆ มากันวันนี้แล้ว ความเชื่อมันลดลง อยากให้เชื่อก็ทำให้ดูสิคะ” ดูเหมือนเธอจะไม่แคร์เขาเลยให้ตายเถอะ “เฮียกำลังทำ”“นี่เหรอคะกำลังทำ ยังทิ้งสายตาหวานให้กันอยู่เลย ฟ้าขอตัวนะคะ จะไปดูคนงานต่อที่ปาง” “ฟ้าจ๋า” เขาเรียกน้ำเสียงอ้อน ทว่าไม่น่าจะได้ผล เพราะเธอเดินออกไปจากบ้าน ขึ้นรถแล้วขับไปแล้วนายมิ่งก็ไม่ได้ตามไป เธอดูแลเขาดีทุกอย่าง เท่าที่ผู้ช่วยคนหนึ่งจะทำได้ เธอใจอ่อนเพราะดูเหมือนอยากจะทำตามใจเขา ในขณะที่ดูเหมือนจะรัก แต่ก็ไม่แคร์ เป็นผู้หญิงแกร่งที่อ่านใจยากมาก หรือนี่จะเป็นจุดจบขอเสี่ยต้น “งานยากแล้วนะครับเสี่ย” นายมิ่งเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง “คงเป็นเวรกรรมของฉัน มีแต่ผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลังเต็มไปหมด แต่ไม่เลือกใครสักคน แต่พอจะจริงจังกับใครสักคน เป็นยังไงล่ะเหมือนกรรมตามสนอง เหมือนจะได้เขาแล้ว แต่เขาก็ไม่แคร์ผู้หญิงอะไรวะเนี่ย ฟ้าเขาได้อั้วะแล้วจะทิ้งไหมวะเนี่ย”“เจอแต่คนเคยเรียกร้องใช่ไหมครับ จะอ้อน จะเอา จะขอมีสิทธิ์ในชีวิต พอเจอคุณฟ้าเข้าหน่อย ไปไม่เป็นเลย” “เสียระบบเลยว่ะ ระบบรวนไปหมด” “สาวๆ ของเสี่ย เมื่อได้เป็นอีหนูของเสี่ยแล้ว เรียกร้อง อยากได้นั่นนี่เต็มไปหมด อยากเป็นตัวจริง อยากอยู่ในบ้านเป็นเบอร์หนึ่ง แทบจะแยกเขี้ยวเมื่อเห็นหน้ากัน คุณฟ้านี่มาเหนือเลยนะครับ ผมชอบจริงๆ” “ไอ้มิ่ง
“ต้องขอบคุณเฮียเขา ที่ได้แขกจากโรงแรมของพ่อเลี้ยง” “นานๆ ทีคุณฟ้าจะเอ่ยแบบนี้นะคะ” ขันแก้วยื่นหน้าเข้าไปแซวและยิ้มกล่าว“พูดอย่างกับว่าฟ้าเป็นคนใจแข็งมากอย่างนั้นแหละ” ถ้าตอบกลับแล้วก้มหน้าลงเล็กหน่อย “ใจแข็งมากค่ะ” “อยู่ในเกมของคนเจ้าชู้ จะให้ฟ้าโอนอ่อน ไปกับคารมของคนที่แก่ประสบการณ์ได้ยังไงคะ” “แสดงว่าคุณฟ้าเอาตัวเองลงไปเล่นเกมตั้งแต่แรก” “คงใช่ไหมคะ เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่เป็นแบบนี้หรอก” “เป็นแบบนี้คือ แบบไหนคะ แบบเป็นคุณนายเบอร์ 1 ใช่ไหมคะ” ขันแก้วแซวอีกครั้ง“ฟ้าไม่ได้อยากเป็นคุณนายเบอร์ 1” ตำแหน่งนี้เธอแทบจะถอนหายใจ “งั้นเป็นรักสุดท้ายของเฮียนะ” เสี่ยงทุ้มนุ่มดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้ม่านฟ้ายืนนิ่งมองไปข้างหน้า แต่ขันแก้วกลับหันมามองเสี่ยต้นที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋า มืออีกข้างถือดอกกุหลาบสีขาวมา 1 ดอก ขันแก้วเห็นทั้งนั้น แล้วก็นึกเขินแทนเจ้านาย จึงก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วรีบเดินหนีทันที ทิ้งให้ม่านฟ้ากับเสี่ยต้นยืนอยู่เพียงลำพัง ขณะเดียวกันนั้นลูกน้องของเสี่ยต้นก็ยังคงทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม ด้วยการดูอยู่ห่างๆ เพื่อไม่ให้ใครเข้ามารบกวน “ไม่ต้องมีเบอร์ 1 หรือว่าล่าสุด แต่เป็นรัก
ภายในงาน ประกวดนางงามประจำจังหวัด ที่จัดอย่างยิ่งใหญ่ มีผู้หลักผู้ใหญ่ทุกภาคส่วนเข้าร่วมงาน และเป็นสปอนเซอร์ ในงานเฟ้นหาสาวงามประจำจังหวัด แน่นอนว่างานแบบนี้ เต็มไปด้วยหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่อยากเห็นความงามเต็มๆ ตา โดยเฉพาะพวกตาเฒ่า ตาแก่ตัณหากลับก็ยังไม่เว้น รู้กันดีว่าผู้หลักผู้ใหญ่สนใจงานประเภทนี้ กะไว้ประดับบารมีสักคน พิธีกรเริ่มงาน ด้วยการกล่าวต้อนรับแขกคนสำคัญทั้งหมด จังหวะเดียวกันนั้น กรรมการผู้ร่วมตัดสินผู้มีความรู้หลากหลายแขนง ได้เดินมานั่งด้านหน้า หนึ่งในนั้นก็นางงามอดีตมาร่วมตัดสิน หญิงสาวใบหน้าสวยเฉี่ยว ผมดัดลอน สวมมุงกฎ และมาในชุดราตรีสีครีมปักเลื่อมทั้งตัว เดินสว่างวาบมาพร้อมกับผู้ติดตามขนาบข้าง แสงไฟสปอทไลต์สาดไปหาเธอเป็นหลัก ราวกับต้องมนต์สะกด สปอนเซอร์ใหญ่นั่งที่เก้าอี้วีไอพี หันไปมองคอแทบเคล็ด ตะลึงไปกับความสวยแทบอ้าปากค้าง หนวดกระดิกเลยเชียว “แมงวันบินเข้าปากแล้วครับเสี่ย” นายมิ่งลูกน้องคนสนิทแซวขึ้น ทำเอาเสี่ยต้น หรือเจ้าสัวตันติวัฒน์ถึงกับงับปากเลยทีเดียว แล้วหันมายักคิ้วใส่ลูกน้อง “ใครวะ อั้วะไปอยู่ไหนมาทำไมเพิ่งเห็น” เสี่ยต้นเอ่ยถามขึ้น ตายังคงมองไปสาวสวยคนนั
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณมีธุระอะไรจะคุยกับฉันเหรอคะ” เธอถามเข้าเรื่องทันที เพราะรู้จักประสงค์หลักของผู้ชายระดับนี้และรู้จักเสี่ยต้น “แหม พูดซะห่างเหินเชียว เรียกเฮียไม่ได้เหรอ” “นั่นสำหรับคนรู้จักกันค่ะ” “เฮียเพิ่งเคยเห็นคุณฟ้านะเนี่ย” “ฉันไม่ค่อยได้ออกงานค่ะ งานแบบนี้ก็ปีล่ะครั้ง แต่ฉันรู้จักคุณค่ะ” “รู้จัก เอ่อ รู้จักแบบไหน” เขาถามและทำสีหน้าแบ่งรับแบ่งสู้“ก็แบบที่คนทั้งจังหวัดรู้จักนั่นแหละค่ะ” “เอ่อคือ ชื่อเสียงของเฮียคงดีมากๆ เชียว” “ค่ะ ดีมากๆ” เธอเน้นและยิ้มแห้ง พูดแบบนี้เธอรู้เกียรติศัพท์เขาชัวร์“เฮีย... คือ จะบอกว่า คุณฟ้าสวยมาก สวยกว่านางงามบนเวทีอีก” “ขอบคุณค่ะ” เธอน้อมรับและยิ้มพอเป็นมารยาท“ดูเหมือนคุณไม่อยากคุยกับเฮียสักเท่าไหร่”“พูดธุระของคุณเถอะค่ะ ฉันมีงานต้องไปต่อ” เธอตัดบท อยากจะไปจากตรงนี้เต็มแก่แล้ว รู้สึกถูกลวนลามทางสายตา ถูกจีบจากคนเจ้าชู้เลื่องชื่อ แต่ไม่แปลกหรอกที่สาวๆ จะติดตรึม เขาเป็นหนุ่มใหญ่ก็จริง แต่ยังคงความหล่อเหลามากมาดขรึม “งั้นเอ่อ ซองค่าเหนื่อย เฮียให้ทุกคน แต่อยากคุยกับคุณฟ้าเป็นพิเศษ” เขาพูดพร้อมกับวางซองให้กับเธอ หญิงสาวก็มองที่ซองแล้วยกมือไ
“ไปตามยัยฟ้าลงมาสิ” กำนันอินทนิลเอ่ยขึ้น เมื่อนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ซึ่งสายมากแล้วแต่ลูกสาวยังไม่ยอมลงมา “ค่ะกำนัน” แม่บ้านรับคำ แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวขาออกไป บ้านฟ้าก็เดินเข้ามาในห้องอาหารพอดี “คุณฟ้ามาพอดีเลยค่ะกำนัน” แม่บ้านบอก จากนั้นจึงถอยออกไป “งั้นมีอะไรทำก็ไปทำเถอะ” กำนันสั่งเสียงเรียบ ขณะที่ม่านฟ้าเดินมานั่งตรงข้ามกับบิดา “ทำไมลงมาสายล่ะลูก พ่อกำลังจะให้แม่บ้านขึ้นไปตาม” “ขอโทษค่ะพ่อ เมื่อคืนฟ้ากลับดึก ทำให้ตื่นสายนิดหน่อยทำไมไม่กินข้าวก่อนฟ้าล่ะ” “พ่อไม่สบายใจ เดี๋ยวรอคุยกับฟ้าก่อน แล้วจะออกไปทำงาน”บิดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล “มีอะไรเหรอคะ” ม่านฟ้าถามกลับและขมวดคิ้ว “เมื่อคืนหนูนั่งคุยกับใครก่อนจะกลับมา” ถามแบบนี้บิดารู้แน่ว่าเธอคุยกับเสี่ยต้น แน่นอนว่าลูกน้องหรือว่าคนในงาน ก็คาบข่าวมาบอกบิดา เพราะเป็นจุดเด่นเสียขนาดนั้น“เอ่อ พ่อมีอะไรหรือเปล่าคะ ดูเหมือนจะไม่สบายใจ” “หนูรู้จักผู้ชายคนนั้นหรือเปล่า คนที่หนูคุยด้วยน่ะ” “รู้จักค่ะ รู้จักดีด้วย” เธอตอบเสียงเรียบ สีหน้าและแววตาไม่ได้ดูยินดียินร้ายอะไรนัก“พ่ออยากให้หนูอยู่ห่างๆ เขา” “พ่อไม่บอก หนูก็จะทำค่ะ และร
ไม่ใช่ผู้ชายแบบเจ้าสัวตันติวัฒน์อย่างแน่นอน แต่ดูท่าทางแล้วจะรอดยาก เสี่ยต้นล็อกเป้าลูกสาวตน ตั้งแต่วันงานประกวดนางงาม นั่นก็ยิ่งทำให้กำนันอินทนิลก็ไม่สบายใจ ทว่าทำได้แค่เตือนเท่านั้น เนื่องจากเสี่ยต้นยังไม่ได้ทำอะไรบุตรสาวเลย กระทั่ง... “คุณฟ้าคะ มีคนส่งดอกไม้มาให้ค่ะ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินมาพร้อมกับช่อดอกกุหลาบในมือ “ใครส่งมาให้คะ” ม่านฟ้าถามด้วยความประหลาดใจ “ไม่ได้บอกเอาไว้ค่ะ” เจ้าหน้าที่ตอบ ก่อนจะยื่นช่อดอกไม้ให้กับเธอ ม่านฟ้าจึงพลิกดูทั้งช่อ เผื่อว่าจะมีการ์ดเขียนด้านใน แต่ไม่มีเลย “ของใครอ่ะ แต่... ขอบใจจ้ะ แล้วคนที่เอามาให้คือ” “เป็นเหมือนคนส่งดอกไม้แค่นั้นแหละค่ะ” “อ๋อ จ้ะ ไปทำงานต่อเถอะ” ม่านฟ้าบอก เจ้าหน้าที่จึงได้ปลีกตัวจากไป ตอนนี้เธออยู่กับเลขานุการเท่านั้น“แล้วนี่จะให้ฟ้าเอาไปไว้ในไหนล่ะเนี่ย ฟ้าทำงานอยู่ นักท่องเที่ยวกำลังมาน่ะ แก้วเอาไปใส่แจกันแล้ววางไว้บนโต๊ะฟ้าได้ไหม”“ได้ค่ะ” ขันแก้วเลขานุการรับช่อดอกไม้ไป แล้วกลับห้องทำงานเพื่อจัดดอกไม้ใส่แจกันให้ ขณะที่ม่านฟ้าก็หันมาให้ความสนใจเหล่านักท่องเที่ยว ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เข้ามาชมการแสดงของน้อ
“ว่าไงคะ” เธอจ้องเขม่งก่อนจะเหลือบมองหญิงสาวที่เดินตาม“คือ… เอ่อ” “มีอะไรก็พูดไปสิคะเสี่ย เราจะได้ไปหาอะไรกินกัน กินกันน่ะ” หญิงสาวย้ำคำ และกระชับแขนที่กอดแขนเสี่ยต้น อย่างกับแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ เธอคงคิดว่าม่านฟ้าสนใจเสี่ยต้นมากสินะ ในขณะที่เสี่ยต้น ก็ดูจะไม่กล้าพูดอะไรอีกเลย ทำได้แค่มองม่านฟ้านิ่งๆ แววตาของเขาสื่อออกมาหมด ว่ามีเรื่องจะพูดกับเธอ แต่ติดที่ว่ามีบุคคลที่ 3 อยู่ ส่วนม่านฟ้าก็มองหน้าเขาคล้ายกับรอให้เขาพูด “ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวนะคะ สวัสดีค่ะ” ม่านฟ้ายกมือสวัสดีเสี่ยต้น เพื่อเป็นการกล่าวลา จากนั้นเธอก็เดินจากไป โน่นเข้าออฟฟิศ เสี่ยต้นได้แต่มองตามตาละห้อยและถอนหายใจ จังหวะเดียวกันนั้น ลูกน้องทั้งหมดที่เห็นเหตุการณ์ ก็เดินมาสมทบ สจีที่เกาะแขนเฮียต้นอยู่ก็มองซ้ายมองขวา เพราะเข้าใจว่าเฮียไม่มีลูกน้องติดตาม ที่ไหนได้มาเป็นขบวนเชียว “สรุปแล้วเสี่ยมาที่นี่ทำไมคะเนี่ย” หญิงสาวถาม ราวกับเป็นเจ้าชีวิตของเสี่ยซะอย่างนั้น และระดับเสี่ยต้นไม่จำเป็นต้องบอก เขามองหน้าเธอด้วยแววตาเข้ม และยกมืออีกข้างปัดมือเธอออกไปจาก จากนั้นจึงหมุนตัวเดินไป “อ้าวเสี่ย เสี่ยขา” หญิงสาวถึงกับหน
“ไอ้มิ่ง” เสี่ยต้นถึงกับเค้นเสียง พร้อมกับทำตาขวางใส่ทันที ก่อนจะเอาฝ่ามือฟาดหัวไปที่กากบาลของนายมิ่งอีกที “โอ๊ยเสี่ย พูดความจริงนะเนี่ย” “มึงเก็บความจริงเอาไว้ในใจบ้างก็ได้” “ขอโทษครับ” นายมิ่งรีบยกมือขึ้นไหว้“กูว่าก็หนึ่งในตองอูนะเว้ย แค่มีอายุกว่า” “เสี่ยรู้ไหมครับว่าใครเป็น Number One” “หยุดเลยถ้าจะพูดถึงไอ้แสน และให้ไอ้นี่รู้ไม่ได้ว่าอั้วะกำลังหมายตาหนูม่านฟ้า ไม่อย่างนั้นละก็ เกิดมันอยากลงสนามแข่งคู่กับเฮีย มันจะได้ฆ่ากันเปล่าๆ” “ไม่ต้องห่วงนะครับเสี่ย รายนั้นผมเห็นว่า กำลังติดเด็กอยู่เหมือนกัน เด็กกว่าอีก” เสี่ยต้นหัวเราะลั่นออกมาทันที “เออดี มันจะได้ไม่มาแย่งจีบม่านฟ้า” “คุณม่านฟ้าไม่น่าจะใช่สเปคของพ่อเลี้ยงแสนนะครับ ฝั่งนั้นอายุยังไม่ถึง 20 เลยครับเสี่ย” ว่าแล้วเสี่ยก็หัวเราะลั่นอีก แต่เราก็ต้องมาหุบยิ้มแหละ เพราะนึกถึงม่านฟ้าแล้ว ก็นึกหาวิธีที่จะจีบเธอ ให้เธอมาอยู่ใกล้ตัว และไม่ให้ผู้ชายคนไหนมาลงสนามแข่งจีบกับเขา ไม่ต้องมีสักวิธีสินะ “อย่าหมกมุ่นสิครับเสี่ย อะไรจะทำหน้าเครียด ระดับเสี่ยเนี่ย” “ก็ระดับอั้วะ เคยผิดหวังซะที่ไหนกันแล้ว จะม่านฟ้าไม่เหมือนคนอื่น มันก็เล
“ต้องขอบคุณเฮียเขา ที่ได้แขกจากโรงแรมของพ่อเลี้ยง” “นานๆ ทีคุณฟ้าจะเอ่ยแบบนี้นะคะ” ขันแก้วยื่นหน้าเข้าไปแซวและยิ้มกล่าว“พูดอย่างกับว่าฟ้าเป็นคนใจแข็งมากอย่างนั้นแหละ” ถ้าตอบกลับแล้วก้มหน้าลงเล็กหน่อย “ใจแข็งมากค่ะ” “อยู่ในเกมของคนเจ้าชู้ จะให้ฟ้าโอนอ่อน ไปกับคารมของคนที่แก่ประสบการณ์ได้ยังไงคะ” “แสดงว่าคุณฟ้าเอาตัวเองลงไปเล่นเกมตั้งแต่แรก” “คงใช่ไหมคะ เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่เป็นแบบนี้หรอก” “เป็นแบบนี้คือ แบบไหนคะ แบบเป็นคุณนายเบอร์ 1 ใช่ไหมคะ” ขันแก้วแซวอีกครั้ง“ฟ้าไม่ได้อยากเป็นคุณนายเบอร์ 1” ตำแหน่งนี้เธอแทบจะถอนหายใจ “งั้นเป็นรักสุดท้ายของเฮียนะ” เสี่ยงทุ้มนุ่มดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้ม่านฟ้ายืนนิ่งมองไปข้างหน้า แต่ขันแก้วกลับหันมามองเสี่ยต้นที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋า มืออีกข้างถือดอกกุหลาบสีขาวมา 1 ดอก ขันแก้วเห็นทั้งนั้น แล้วก็นึกเขินแทนเจ้านาย จึงก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วรีบเดินหนีทันที ทิ้งให้ม่านฟ้ากับเสี่ยต้นยืนอยู่เพียงลำพัง ขณะเดียวกันนั้นลูกน้องของเสี่ยต้นก็ยังคงทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม ด้วยการดูอยู่ห่างๆ เพื่อไม่ให้ใครเข้ามารบกวน “ไม่ต้องมีเบอร์ 1 หรือว่าล่าสุด แต่เป็นรัก
“นี่เหรอคะกำลังทำ ยังทิ้งสายตาหวานให้กันอยู่เลย ฟ้าขอตัวนะคะ จะไปดูคนงานต่อที่ปาง” “ฟ้าจ๋า” เขาเรียกน้ำเสียงอ้อน ทว่าไม่น่าจะได้ผล เพราะเธอเดินออกไปจากบ้าน ขึ้นรถแล้วขับไปแล้วนายมิ่งก็ไม่ได้ตามไป เธอดูแลเขาดีทุกอย่าง เท่าที่ผู้ช่วยคนหนึ่งจะทำได้ เธอใจอ่อนเพราะดูเหมือนอยากจะทำตามใจเขา ในขณะที่ดูเหมือนจะรัก แต่ก็ไม่แคร์ เป็นผู้หญิงแกร่งที่อ่านใจยากมาก หรือนี่จะเป็นจุดจบขอเสี่ยต้น “งานยากแล้วนะครับเสี่ย” นายมิ่งเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง “คงเป็นเวรกรรมของฉัน มีแต่ผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลังเต็มไปหมด แต่ไม่เลือกใครสักคน แต่พอจะจริงจังกับใครสักคน เป็นยังไงล่ะเหมือนกรรมตามสนอง เหมือนจะได้เขาแล้ว แต่เขาก็ไม่แคร์ผู้หญิงอะไรวะเนี่ย ฟ้าเขาได้อั้วะแล้วจะทิ้งไหมวะเนี่ย”“เจอแต่คนเคยเรียกร้องใช่ไหมครับ จะอ้อน จะเอา จะขอมีสิทธิ์ในชีวิต พอเจอคุณฟ้าเข้าหน่อย ไปไม่เป็นเลย” “เสียระบบเลยว่ะ ระบบรวนไปหมด” “สาวๆ ของเสี่ย เมื่อได้เป็นอีหนูของเสี่ยแล้ว เรียกร้อง อยากได้นั่นนี่เต็มไปหมด อยากเป็นตัวจริง อยากอยู่ในบ้านเป็นเบอร์หนึ่ง แทบจะแยกเขี้ยวเมื่อเห็นหน้ากัน คุณฟ้านี่มาเหนือเลยนะครับ ผมชอบจริงๆ” “ไอ้มิ่ง
“คือ ก้อนเก่าค่ะอาจจะผ่อนผันออกไปอีกสักระยะ ถ้าเสี่ยไม่ว่าอะไร พราวก็อาจจะคุยกับเสี่ยตามลำพังได้ค่ะ” หญิงสาวพูด พร้อมกับทำตาเยิ้มหวานใส่เสี่ยต้น “เสี่ยไม่คุยกับใครตามลำพัง ม่านฟ้าฟังเรื่องของเสียได้ทุกเรื่องเพราะเป็นผู้ช่วย ดูแลเรื่องการเงิน และเป็นคนรักที่เสี่ยต้องให้เกียรติ คุยกับผู้หญิงสองต่อสองคงจะไม่เหมาะ” เสี่ยตัดบทอย่างหนักแน่น“แต่เราคุยเรื่องงานไงคะ” หญิงสาวเถียง “เอาละเฮียให้ผ่อนผันได้อีก 1 อาทิตย์ ไม่เกินนี้ ถ้าไม่ได้ ที่ดินที่นำมาจำนองก็ตกเป็นของเสี่ยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย” “เสี่ย!” ความคิดของพราวคืออยากใช้เสน่ห์เข้ามาต่อรองด้วยการผ่อนผันเงินที่กู้ แต่ติดที่ว่าคนอื่นรับฟังด้วย เสี่ยไม่รับขัดดอกเป็นร่างกายของผู้หญิงแล้วอย่างนั้นหรือ ไม่จริงหรอก พราวคิด“แล้วคนอื่นๆ ล่ะ มีปัญหาเรื่องผ่อนผันเงินที่กู้ยืมเสี่ยไปไหมคะ”ม่านฟ้าเอ่ยถามแทรกขึ้น ทุกคนก็ได้แต่ก้มหน้าหลบสายตา แน่นอนว่าคำตอบมันอยู่ในกิริยาอาการที่แสดงออกมาทั้งหมดแล้ว หากเป็นเสี่ยต้นคนเมื่อก่อน เขาอาจจะเรียกสาวๆ ขึ้นห้องไปพร้อมกัน 2 คนเลยก็ได้ รับจ่ายหนี้เป็นร่างกาย ตอนนี้เมียคนสุดท้อง รักสุดท้ายของชีวิต นั่งอยู่ตรงนี
ในช่วงเวลาเดียวกัน ทั้งห้องรับแขก สาวๆ ทั้งห้า เป็นตัวแทนมาเยี่ยมเสี่ยต้น แต่พวกเธอก็มีสัมพันธ์สวาทกับเสี่ยต้นด้วย และคนเจ้าเสน่ห์แถมรวยโสดขนาดนี้ มีหรือสาวๆ จะพลาดให้หลุดมือ และสาวๆ ก็ไม่ได้เป็นมิตรกันด้วย เพราะต่างก็รู้ว่าเป็นอีหนูของเสี่ยทั้งนั้น “คุณฟ้าครับ เสี่ยจะลงมาในอีกสิบนาที” นายมิ่งเดินเข้าไปบอกม่านฟ้า ซึ่งเธอกำลังเตรียมเครื่องดื่มและมื้อเช้าตรงเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม โดยที่เบื้องหน้าคือห้องรับแขกนั่นแหละ เห็นว่ามีแขกห้าคน “สองวันติดเชียว เสน่ห์แรงซะจริงนะเจ้านายมิ่งเนี่ย” เธออดประชดไม่ได้ เขาได้เธอเป็นเมียแล้วอยากดูน้ำหน้านักว่าจะจัดการแม่พวกสาวๆ พวกนี้ให้หลุดพ้นยังไง เพราะถ้าเขาทำไม่ได้อย่างที่ปากพูด เธอก็จะไม่สนไม่แคร์เหมือนกัน “แหม น้ำเสียงเหมือนงอนเลยครับ” “ไม่ต้องแหมค่ะ” เธอสวนกลับ พลางมองไปที่สาวๆ บางคนเธอก็รู้จัก เป็นนางงามเหมือนกัน เสี่ยนี่ก็สอยแต่นางงามจริงๆ เธอคิด พลางส่ายหน้า “แม่นั่นเป็นนางงามเก่านี่น่า ใช่ไหม” หญิงสาวคนหนึ่งกระซิบถามขึ้นโน้มตัวเข้าหาคนข้างๆ แต่สายตามองมาที่ม่านฟ้า “ใช่ เคยเห็นออกงานประกวดล่าสุด” อีกคนตอบ “ของใหม่ล่ะสิท่า วันนั้นเห็นท
“ซี๊ดดดด อืม อ๊ะ เฮียขา” เธอร้องครางลั่นเมื่อความเสียวพุ่งทะยานจนแทบไม่อยากรั้งรอ ขณะที่สะโพกกลมกลึงแอ่นเด้งรับจังหวะกระแทกของท่อนกายชายเสียงดังผึบผับ “เมียจ๋า เฮียเสียวจะแตกอยู่แล้ว” เขากระซิบที่ซอกคอหอมกรุ่น เธอก็หลับตาพลางแอ่นกายเหยียดเกร็งและยกสะโพกเด้งรับ “ฟ้าก็จะ... อ๊ะ! เฮียขา เฮียขาเร่งอีก อื้อ!” เธอบอกเป็นสัญญาณและกระดกเด้งสะโพกรับระรัว เขาก็ยิ่งกระแทกลงแรงๆ เสียวไปทั้งตัวจนขนลุก แทบอยากจะกรีดร้องออกมาให้สาสมกับอารมณ์ปรารถนา “อ๊ะ! โอ๊ย! เฮีย เฮียขาฟ้า... อ๊ะ! อ๊ะ!” สิ้นเสียงครางดังลั่น เธอก็กระตุกเกร็งยกสะโพกขึ้น ปลดปล่อยอารมณ์และความสุขออกมาให้สุด พร้อมกับยกขาขึ้นเกี่ยวเอวเขาไว้ สองมือโอบรัดรอบคอเขาและแหงนหน้าขึ้น “อ๊ะ อื้อ ซี๊ดดดด อืม” เธอยังคงครางอยู่ขณะที่น้ำรักถูกเปล่งปล่อยทะลักทลายออกมา จนร่างกระตุก เม็ดเสียวตอดแรงจนทำให้เขาเร่ง จังหวะกระแทกสะโพกระรัวและถึงจุดสุดยอดไปด้วยกัน “ฟ้าจ๋า ฟ้า ซี๊ดดดด อืม” เขาอดที่จะครางออกมาไม่ได้ พร้อมกับกดสะโพกแนบแน่น ปลดปล่อยน้ำรักให้หลั่งไหลพรั่งพรู ขณะที่ท่อนเนื้อกระตุกดิ้น เขายังคงหายใจหอบโดยที่เธอซุกหน้ากับซอกหูเขาและอ้าปากงับเบ
“เฮีย” เธอเรียกเขาพลางลืมตาขึ้นและผงกศีรษะขึ้นมอง “เฮียจะจูบให้ฟ้าเปียกไปทั้งตัว” สิ้นคำเขาก็ก้มลงพร้อมกับลิ้นที่ส่งออกมาลากเลียกลีบสาว จากล่างขึ้นบนอย่างไม่รีรอ เพราะเขารอเวลานี้มานานแล้ว “อ๊ะ! อื้อ! เฮีย” เธอแทบครางลั่นเพราะความเสียวและความร้อนจากเรียวลิ้น เขาโลมเลียขึ้นลงราวกับกินน้ำหวาน เธอก็แอ่นเด้งเนินสวาทขึ้นลงอย่างสุดจะห้ามใจ มือนุ่มก็กดศีรษะเขาเบาๆ จังหวะเดียวกันนั้น เขาก็จับขาทั้งสองข้างของเธอตั้งชัน และวางพาดเอาไว้บนหัวไหล่ ปากร้อนก็งับดูดร่องเสียวหนักหน่วงจนเสียงดังจุบจั๊บ พร้อมกับลิ้นร้อนก็ทะลวงสอดแหย่ดุนดันเม็ดเสียวระรัว จนเนินสวาทดีดเด้งขึ้นลงรับจังหวะที่ดูดดึงคำโต “ซี๊ดดดด อ่า เฮีย!” เธอร้องออกมาด้วยความเสียวซ่าน “บอกเฮียซิ เสียวไหม” “อื้อ! ค่ะ เสียว ฟ้าเสียว โอ๊ยเฮียขา!” “เฮียอยากทำให้ฟ้ามีความสุขแบบนี้นานแล้ว” เขาพูดไปพลางก็ดูดเลียร่องเสียวไปพลาง จนน้ำเสียวไหลทะลักออกมาอย่างมากมาย เขาก็ดูดเลียจนเกิดเสียง “ซี๊ด! อ่า คุ้มกับที่รอไหมคะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงกระเส่า “คุ้มมาก เมียจ๋า” พูดจบเขาเลียร่องสวาทลากขึ้นลงอย่างเอาใจ ปลายลิ้นตวัดดุนดันเม็ดเสียวเป็นจังหว
เขาคิดไปพลางก็ฟังเสียงฝักบัวในห้องน้ำไปพลาง ผ่านไปเพียงสิบนาทีก็ได้ยินเสียงปิดฝักบัว ตามด้วยการเปิดประตูออกมา ม่านฟ้ายังคงอยู่ในชุดคลุมตามเดิม ขณะที่เขาเหลือบมองนิดหน่อย พร้อมกับสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะผ่อนออกช้าๆ เหมือนกำลังเครียด จังหวะเดียวกันนั้นม่านฟ้าก็เดินมาหาเขาที่เตียง “นอนได้แล้วค่ะ” ม่านฟ้าบอกอีกครั้ง ก่อนจะนั่งลงที่ขอบเตียงและประคองจับเขาให้ขยับตัวเพื่อจะได้เอนลงไปนอน “ทำอย่างกับเฮียเป็นคนแก่ และใช่ว่าเฮียจะหลับง่ายๆ นะ” “แก่แล้วนอนดึกไม่ดี แล้วก็บาดเจ็บด้วย” “เฮียแก่มากใช่ไหม” เขาถามเสียงหม่นอีกครั้ง เห็นแต่เพียงแววตาของเธอนิดหน่อย ผ่านแสงไฟที่สาดผ่านทางหน้าต่างเข้ามา“ดื้อจัง ทำยังไงถึงจะหลับคะ” ม่านฟ้าไม่ตอบแต่ถามเรื่องอื่นแทน“มีเรื่องให้เฮียเครียดหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องฟ้า” คำพูดของเขา ทำให้เธอถอนหายใจนิดหน่อย ก่อนจะขยับลุกขึ้นยืน ทว่าหัวเข่ายังคงชิดอยู่กับขอบเตียง เขาก็ได้แต่เงยหน้ามองตาม“คุณหมกมุ่นเกินไป” “ความรักทำให้เราเป็นทุกข์ได้เหมือนกันนะ” “แล้วทำยังไงถึงจะไม่เป็นทุกข์ล่ะคะ”“เฮียก็ไม่รู้ เฮียรักฟ้า ฟ้าก็รู้” “ความรักมันจะดีไม่ใช่เหรอคะ” “มันดี ถ้าได้
ในขณะที่ม่านฟ้าเคาะประตูห้องนอนเสี่ยต้น ก่อนจะเปิดเข้าไป ก็เห็นเขานั่งเอนหลังพิงหัวเตียง เสื้อไม่ใส่ มีผ้าห่มคลุมจากเอวลงไป พร้อมกับมองมาที่เธอด้วยแววตาประหม่าชอบกล แต่ก็มีความงอนเง้าเล็กๆ “ทำไมยังกินอะไรล่ะคะ” ม่านฟ้าถามเสียงเรียบก่อนจะเดินมาที่ข้างเตียง“เอ่อ ปวดแขนมากๆ” เสี่ยต้นตอบเสียงอ้อน พลางทำตาเลิ่กลั่ก“ปวดทั้งสองข้างเลยเหรอคะ ฮืม” ม่านฟ้าแกล้งถามกลับ“ก็ได้ เฮียยังไม่กินยังไม่หิว เจ็บจนไม่หิวเลย” เขาตอบแบบงอนๆ “ก่อนหน้านี้ฟ้ายังเห็นคุณเดินกระฉับกระเฉงอยู่เลย แถมยังออกไปทำธุระทั้งวัน ไหงตอนนี้เดินไม่ไหว” เธอก็แกล้งแซวอีก “ก็อยากเคลียร์ธุระให้เรียบร้อย” “ทายาหรือยังคะ” “ยังเลย คิดว่าเฮียจะลุกไหวไหมล่ะ” “ค่ะ” ม่านฟ้าตอบก่อนจะเดินไปหยิบยาซึ่งวางอยู่บนโต๊ะทำงาน แล้วเดินกลับมาหาเขา จากนั้นเธอก็นั่งลงที่ขอบเตียง “ใครมา” “สาวๆ ของคุณ” เธอตอบแบบขอไปที พลางมองยาในกล่อง ไม่ยอมมองหน้าเขา ใบหน้าเธอก็ดูบูดบึ้งชอบกล “เยอะดีนะคะ” “จ้ะ” เขาก็กล้าตอบเช่นกัน เท่านั้นแหละเธอก็ตวัดหางตาขึ้นมองหน้าทันที ยิ่งโกรธมากกว่าเดิมเสียอีกแต่เธอไม่พูด กลับค่อยๆ เอายาทาป้ายไปตามแขนของเขาแรงๆ “ซี้ด
ตั้งแต่เกิดเรื่อง เสี่ยต้นไม่ได้กลับมาที่บ้านเลย เขาไปเคลียร์ปัญหาทั้งหมดให้ม่านฟ้า ในขณะที่เธอเองก็เคลียร์ปัญหาอยู่ที่ปางให้เรียบร้อย แจ้งข่าวนี้ให้กับบิดาทราบว่าเธอปลอดภัย แต่เสี่ยต้นได้รับบาดเจ็บ เธอจึงต้องขอตัวไปดูแลเขา ทว่าช่วงเย็นเขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับ แทนที่ตัวเองเจ็บแทบจะเดินไม่ไหว กระทั่งเวลาประมาณ 6 โมง จึงเห็นรถของเขาเข้ามาจอด เห็นเขาเดินกะโหลกกระเผลกเข้ามาในบ้าน เธอจึงรีบวิ่งเข้าไปประคอง “ตัวเองบาดเจ็บแท้ๆ แทนที่จะรีบกลับบ้าน” เธอตำหนิเขาเล็กน้อย “เฮียไปเคลียร์เรื่องทั้งหมดให้เสร็จก่อนน่ะจึงจะกลับมา” เขาตอบแล้วสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก หายใจหนักๆ ดูเหมือนว่าจะมีความเหนื่อย “เฮียอยากกลับขึ้นห้อง ฟ้าพาเฮียขึ้นไปหน่อยนะ” เขาบอกและคว้าแขนเธอเอาไว้ เธอจึงพยักหน้าและช่วยเหลือของเขาขึ้นไปบนห้อง “อาบน้ำก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวให้คนทำอาหารขึ้นมาให้ข้างบน” เธอบอกด้วยความเป็นห่วง “แล้วฟ้า…” “ฟ้าก็จะลงไปสั่งแม่บ้านไงคะ” “เฮียถอดเสื้อเองไม่ไหว” เขาเกิดอาการงอแงแล้วอยากอ้อนขึ้นมาทันทีเชียว เธอก็ได้แต่ถอนหายใจ ส่ายหน้า และถอดเสื้อสูทให้กับเขา หาผ้าเช็ดตัวมาให้ เขาก็ได้แต่มองตามและยิ้