เช้าวันวาเลนไทน์ในมหาวิทยาลัยเต็มไปด้วยบรรยากาศของความรัก ดอกกุหลาบสีแดงสด ช็อกโกแลตหลากหลายยี่ห้อ และตุ๊กตาหมีขนฟูถูกส่งผ่านไปมาในมือของคู่รักหนุ่มสาวที่กำลังมีความรักตามประสาวัยรุ่น
แต่สำหรับ ศศิรา วันนี้อาจเป็นวันแห่งความทรงจำของเธอที่ไม่มีวันลืมก็ว่าได้
ศศิราเป็นนักศึกษาปี 1 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาวน้อยจากต่างจังหวัดที่เพิ่งเข้ามาเรียนในกรุงเทพมหานคร เธอไม่ได้โดดเด่นเหมือนสาวๆ ดาวมหาลัย แต่เธอก็น่ารักฉบับสาวเรียบร้อย ตากลมผมยาวสวมแว่นตาหนา สวมเสื้อผ้ามิดชิด กระโปรงยาวรองเท้าผ้าใบสีขาว
เธอรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี กำช็อกโกแลตไว้แน่นในมือแล้วมุ่งหน้าไปหา พศวัต ทันที
พศวัต คือเดือนมหาวิทยาลัย นักศึกษาปี 4 คณะวิศวกรรมโยธา รูปหล่อ พ่อรวย ดีกรีหนุ่มฮอตอันดับหนึ่งของคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาวๆ ทุกคณะต่างชื่นชอบในตัวเขา และเขาเองก็เป็นคนมั่นใจในตัวเองสูง และชอบความท้าทาย รอยยิ้มมุมปากของเขาทำให้สาวๆ หลงใหล และแน่นอนศศิราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ชื่นชอบในตัวเขามากเช่นกัน
แต่สำหรับศศิราเธอเป็นเหมือน FC ที่ชื่นชอบเขาคนหนึ่ง เธอรู้ดีว่าหากชอบแบบชู้สาวพศวัตไม่มีทางสนใจเธอ เธอไม่ได้หวังอะไรมาก แค่ต้องการให้ของขวัญกับเขาในวันนี้เท่านั้นเอง
เธอเดินเข้าไปใกล้พศวัตที่ยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนชายหญิงที่หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
“เอ่อ... พี่พศวัตค่ะ”
ชายหนุ่มหันมามองเธอ ดวงตาคมกริบของเขามองเธอขึ้นลง ก่อนจะเลิกคิ้วเหมือนสงสัยว่าเธอเป็นใคร
ศศิรากลืนน้ำลาย หัวใจเต้นรัว เธอยื่นช็อกโกแลตให้เขา
“สุขสันต์วันวาเลนไทน์ค่ะ”
เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นจากเพื่อนๆ ของเขา พศวัตเหลือบมองช็อกโกแลต ในมือเธอแล้วแสยะยิ้ม
“เธอชื่ออะไรนะ?”
เขาถามเสียงเข้ม
“ศะ... ศศิราค่ะ”
“โอ้ ศศิรา...”
เขาทวนชื่อเธอช้าๆ ราวกับพยายามจดจำ ก่อนจะยื่นมือออกมาเหมือนจะรับของขวัญ
ศศิรายิ้มออกมาอย่างโล่งอก หัวใจพองโตขึ้นเล็กน้อย ทว่าทันทีที่เธอกำลังจะส่งให้... พศวัตกลับปัดช็อกโกแลตในมือเธอร่วงลงพื้น! ทันที
เธอเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง เสียงหัวเราะจากกลุ่มเพื่อนของเขาดังขึ้นอย่างสะใจ
“โอ๊ย! คิดว่าฉันจะรับเหรอ? เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร?” พศวัตหัวเราะเยาะ
“หน้าตาแบบเธอ กล้ามาสารภาพรักกับฉันเนี่ยนะ?”
ศศิราหน้าแดงซ่าน ไม่ใช่เพราะความเขินอาย แต่เป็นเพราะความอับอายและเจ็บปวด มือเธอสั่น พยายามก้มลงเก็บช็อกโกแลตที่ตกอยู่บนพื้น แต่นั่นกลับทำให้พวกเขาหัวเราะกันหนักขึ้น
“อย่าบอกนะว่าเธอคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์?” ดนัย เพื่อนสนิทของพศวัตเสริมด้วยเสียงเหยียดๆ
“ขอโทษนะน้อง ระดับพวกพี่ สนใจแต่พวกดาวมหาลัยเท่านั้นแหละ”
ปัทมาเพื่อนสาวของศศิราที่มาด้วยกัน กำหมัดแน่น
“พวกนายทำเกินไปแล้ว!..เพื่อนฉันแค่ชื่นชอบพวกนายไม่ได้จะมาบอกรักหวังเป็นแฟนสักหน่อย”
ศศิราเงยหน้าขึ้นมองพศวัต ดวงตาของเธอเปลี่ยนไปจากความปลื้มเป็นความผิดหวังและโกรธเคือง
“พี่พศวัต...” เธอพูดด้วยเสียงสั่นเครือ
“หน้าตาดีแต่จิตใจต่ำแบบนี้ ไม่ได้มีค่าอะไรหรอกค่ะ ฉันชื่นชอบคุณเหมือนคนอื่นๆ แต่คุณกลับดูถูกเหยียดหยามคนอื่น ฉันรู้สึกเสียเวลามากที่เคยปลื้มคุณตั้งนาน ฉันนี่มันโง่จริง ๆ”
เสียงหัวเราะรอบตัวเงียบลงชั่วขณะ พศวัตเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ เขาไม่คาดคิดว่าเด็กปี 1 อย่างเธอจะกล้าพูดแบบนี้กับเขา
ศศิราหายใจลึก แล้วกล่าวต่อ
“เมื่อก่อนฉันเคยชื่นชมพี่ แต่ต่อจากนี้ไปคนที่ฉันขยะแขย่งที่สุดก็คือคนที่มีจิตใจอย่างพี่นี่แหละ ขอบคุณนะที่ทำให้เห็นนิสัยที่แท้จริง” เธอแสยะยิ้ม
ศศิราจับมือปัทมาแล้วเดินออกจากตรงนี้โดยไม่หันกลับมามองพวกเขาอีก
พศวัตมองตามแผ่นหลังของเธอไปช้าๆ รอยยิ้มที่มุมปากของเขาปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้มันแฝงไว้ด้วยความสนใจบางอย่าง
ดนัยส่ายหน้าเบาๆ
“นายยิ้มแบบนี้ อย่าบอกนะว่าสนใจยายแว่นนั้น”
พศวัตหัวเราะเบาๆ
เขา รู้สึกแปลกใจ...เพราะแววตาเธอมองเขาด้วยสายตาเย็นชา ไม่แยแสกลับทำให้เขารู้สึกท้าทาย
“เดี๋ยวก็รู้”
“พี่วัต! พ่อบอกให้กลับบ้านพร้อมน้องด้วยนะคะวันนี้ ถ้าไม่กลับ น้องจะฟ้องแน่นอน!”
เสียงใส ๆ ของ ชัญญา ตะโกนเรียกพี่ชายจากอีกฟากของสนามหน้าคณะ
พศวัตที่กำลังคุยกับเพื่อนหันไปมอง ก่อนจะยิ้มแล้วตอบกลับไป
“เออ ๆ กลับก็กลับ… ไปสิ ยายตัวแสบ”
ชัญญาหัวเราะ แล้วรีบเดินเข้ามาเกาะแขนพี่ชายอย่างออดอ้อน
ชัญญา น้องสาวเพียงคนเดียวของ พศวัต เป็นนักศึกษาปีหนึ่ง คณะศิลปศาสตร์ สาวน้อยที่ดูเรียบร้อยแต่แฝงไปด้วยความขี้เล่น สดใส และเป็นแก้วตาดวงใจของบ้าน
พศวัตรักและตามใจน้องสาวคนนี้ที่สุด ไม่ว่าเธอจะอ้อนอะไร เขาก็มักจะยอมทำให้ทุกอย่างเสมอ…
ระหว่างที่รถของ พศวัต แล่นผ่านถนนในมหาวิทยาลัย สายตาเขาเหลือบไปเห็น ศศิรา กำลังเดินอยู่ริมถนน ดูเหมือนว่าเธอก็กำลังกลับบ้านเช่นกัน
“นั่นพี่กวี! เดือนคณะแพทย์นี่นา… น่ารักจังเลย”
ชัญญา เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
พศวัตเหลือบตามองน้องสาว ก่อนถามกลับไป
“รู้จักเขาด้วยเหรอ?”
“รู้จักสิคะ! พี่เขาฮอตจะตายไป”
พศวัตแค่นหัวเราะเล็กน้อย ก่อนเหลือบไปมองหญิงสาวที่เดินข้างกวีก่อนจะเอ่ยถาม
“แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ รู้จักไหม?”
ชัญญามองตามก่อนส่ายหน้า
“ไม่รู้จักค่ะ… แฟนพี่กวีรึเปล่า ไม่แน่ใจ… แต่ถ้าเป็นแฟนจริง ๆ น้องอกหักแน่เลย”
พศวัตส่ายหัว พลางบ่น
“น้อย ๆ หน่อยเถอะ เป็นผู้หญิงแท้ ๆ”
ชัญญาย่นจมูกใส่พี่ชายก่อนแอบอมยิ้ม
“พี่นี่ก็… ถ้าพี่กวีชอบน้องจริง ๆ ก็ดีสิ!”
กวี หนุ่มหล่อดีกรีนักศึกษาแพทย์ปี 6 เป็นหนึ่งในหนุ่มฮอตของมหาวิทยาลัยที่สาว ๆ ต่างหมายปอง แต่ที่ทำให้เขาถูกเข้าใจผิดอยู่เสมอก็คือ ความสนิทสนมกับ ศศิรา เพราะแท้จริงแล้วเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอ
ทั้งคู่มาจากต่างจังหวัดเดียวกัน มักเดินทางเข้าเมืองมาด้วยกันเสมอ ทำให้หลายคนที่ไม่รู้จักเข้าใจผิดว่าทั้งสองเป็นคู่รัก…
พศวัต คิดในใจ… ถ้าศศิราเป็นแฟนพี่กวีจริง ๆ แล้วทำไมวันนี้เธอถึงเอาของมาให้เขา?
แต่ถึงจะใช่หรือไม่ใช่… มันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับเขาเลยนี่นา
ทว่าทำไม… ทำไมเขาถึงรู้สึกแปลก ๆ ทุกครั้งที่นึกถึงเธอ โดยเฉพาะตอนที่ศศิราต่อว่าเขาวันนี้แทนที่จะรู้สึกโกรธ แต่เขากลับสนใจเธอเสียด้วยซ้ำ
อยากเจอหน้าเธออีก อยากเห็นเธอแสดงท่าทางไม่พอใจใส่เขา และ… นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขา เขาชอบเธอ หรือแค่อยากสั่งสอนเธอเท่านั้น ความรู้สึกในใจเขาสับสนไปหมด…
หลังวันวาเลนไทน์ เขาก็ไม่เห็นเธอที่คณะศวกรรมศาสตร์อีกเลย...
มีเพียงพศวัตที่พยายามไปคณะศิลปศาสตร์อยู่บ่อยครั้ง เขาหวังเพียงแค่จะได้เห็นหน้าศศิราอีกสักครั้ง
แล้วโชคก็เข้าข้างเขา
ศศิราเดินมายังโรงอาหารที่คณะกับปัทมา สายตาเธอสะดุดเข้ากับร่างของพศวัตที่นั่งอยู่ตรงนั้น ราวกับเขารอใครสักคน เธอชะงักไปชั่ววินาที ก่อนจะหันหลังกลับทันทีโดยไม่ลังเล
เธอเลี่ยงที่จะเจอเขา แต่ไม่ทันเสียแล้ว...
พศวัตก้าวเข้ามาขวางหน้าเธอ ทั้งสองสบตากัน สายตาของศศิราเย็นชา ทว่าพศวัตกลับมองเธอด้วยแววตาอ่อนโยน ราวกับว่าเรื่องราวที่ผ่านมาไม่เคยเกิดขึ้น
เขายกแขนขึ้นค้ำผนัง กักขังร่างบางไว้ในกรอบแขนของเขา ใกล้เสียจนเธอได้ยินเสียงลมหายใจของเขา หัวใจของศศิราเต้นแรง แต่เธอกัดฟันข่มอารมณ์
“จะทำอะไร?” เธอถามเสียงเข้ม
“เปล่า... แค่อยากคุยด้วย”
“ถ้าจะมาหาเรื่อง บอกก่อนนะคะ ฉันไม่อยากมีปัญหา ต่างคนต่างอยู่เถอะ”
"นี่! ปล่อยเพื่อนฉันนะ!" ปัทมาเอื้อมมือจะดึงศศิราออกจากเขา แต่ดนัยกลับคว้าแขนเธอไว้ แล้วลากออกไปอีกทาง
“มานี่”
ปัทมาสะบัดแขนพยายามขัดขืน แต่ดนัยก็ดึงเธอไว้ แววตาของเขาสนใจในตัวเธออย่างชัดเจน ทว่าปัทมาไม่ใช่คนที่ยอมให้ใครมาทำอะไรกับเธอง่ายๆ
พลั่ก!
เข่าของเธอกระแทกเข้าเป้าดนัยเต็มแรง
“โอ๊ย! ยัยบ้านี่!”
ดนัยร้องลั่น โค้งตัวกุมจุดที่ถูกโจมตี
ปัทมาหัวเราะเยาะ
“สมน้ำหน้า! อย่าคิดว่าเป็นรุ่นพี่แล้วจะแกล้งรุ่นน้องได้ง่ายๆ ฝันไปเถอะ!”
ด้านศศิรา... เธอเองก็ไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอเช่นกัน
“ปล่อยเดี๋ยวนี้!”
“ฉันไม่ได้จับเธอไว้นี่”
พศวัตยักไหล่ ราวกับทุกอย่างเป็นเรื่องล้อเล่น
แต่เธอไม่คิดเช่นนั้น ศศิราไม่รอช้า ทุบแขนเขาเต็มแรงจนพศวัตสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะฉวยจังหวะนั้นเบี่ยงตัวออกจากกรอบแขนของเขา
“จำไว้! อย่ามายุ่งกับฉันอีก! ฉันกับคุณไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกัน!”
พูดจบ เธอหันหลังแล้ววิ่งออกไปทันที
พศวัตมองตามร่างของเธอที่หายลับไป ดวงตาทอประกายวาววับ มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มพอใจ
ต้องแบบนี้สิ... ผู้หญิงที่เขาต้องการ ยิ่งเธอไม่ชอบเขา ยิ่งทำให้เขาอยากเอาชนะ!
เสียงพูดคุยจอแจของนักศึกษาดังระงมไปทั่วลานกว้างของมหาวิทยาลัย บรรดาสมาชิกชมรมค่ายอาสาต่างเตรียมตัวขึ้นรถเพื่อเดินทางไปสร้างโรงเรียนให้เด็ก ๆ บนดอย เหล่าดาวเดือนจากแทบทุกคณะก็เข้าร่วมกิจกรรมนี้ ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก“ทุกคนเข้าแถวตามรายชื่อที่พี่แจ้งไว้นะคะ!”เสียงสตาฟประกาศก้องรถทัวร์หกคันจอดเรียงรายริมถนน รอรับอาสาสมัครกว่า 150 คน และแน่นอน… พศวัต ศศิรา ปัทมา ดนัย กวี และชัญญา ได้ออกค่ายอาสาในครั้งนี้ และทั้งหมดได้ขึ้นไปอยู่ในรถคันเดียวกัน“ขอนั่งด้วยคนนะคะพี่กวี”เสียงหวานของชัญญาดังขึ้น ก่อนเจ้าตัวจะทรุดตัวลงนั่งทันทีโดยไม่รอคำตอบ“ได้ครับ” กวีตอบยิ้ม ๆพศวัตมองภาพนั้นอยู่ห่าง ๆ แต่เลือกที่จะเงียบ แม้จะรู้สึกไม่ชอบใจที่น้องสาวของตนเข้าไปใกล้ชิดกับกวีมากเกินไป แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรศศิรานั่งคู่กับปัทมา แถวเดียวกับพศวัตที่นั่งอยู่กับดนัยดูเหมือนว่าเธอจะไม่แม้แต่เหลือบตามามองเขาด้วยซ้ำ พศวัตจ้องเธออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าให้ดนัยเป็นสัญญาณ ดนัยรับรู้ทันที ก่อนหันไปดึงปัทมาให้ลุกขึ้นมา“มานั่งกับพี่” ดนัยดึงแขนปัทมานั่งเบาะของเขาทันที“ปล่อย! อย่ามายุ่งกับฉัน!” ปัทมาแหวเสี
“เป็นยังไงบ้าง ศศิรา? แผลลึกไหม?”กวีรีบรุดมาดูน้องสาวด้วยความเป็นห่วงทันทีที่รู้ว่าเธอบาดเจ็บ โดยมีรสรินติดตามเขามาด้วย“ไม่เป็นไรค่ะพี่ แต่ห้ามบอกแม่นะ เดี๋ยวแม่เป็นห่วง”“เธอนี่ก็เป็นแบบนี้ทุกที”กวีตำหนิน้องสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ“พี่กวีคะ ฉันปวดหัวมาก ขอยาหน่อยได้ไหมคะ?”รสริน หญิงสาวผู้ช่ำชองในเสน่ห์ เอ่ยขึ้นพลางส่งสายตาเว้าวอน“ครับ เดี๋ยวผมไปจัดยาให้”กวีตอบรับอย่างสุภาพ“ขอบคุณนะคะ”รสรินกล่าวพร้อมเอื้อมมือไปจับมือเขา แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเธอสนใจกวีมากเพียงใดศศิรากับปัทมาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ต่างพากันส่ายหน้า“ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวจริง ๆ”ปัทมากระซิบเบา ๆในขณะนั้นเอง ชัญญาเดินเข้ามาพร้อมขนมในมือ“พี่กวี นี่ค่ะ ขนม”“ขอบคุณนะครับ น้องชัญญา”กวียิ้มรับด้วยความจริงใจ เพราะในใจลึก ๆ แล้ว เขาเองก็ชอบผู้หญิงแบบชัญญาเช่นกัน เป็นการดีที่เข้าค่ายหกวันนี้จะศึกษาซึ่งกันวันที่ห้าของการเข้าค่ายอาสา ….เช้าวันนี้บรรยากาศบนดอยงดงามราวกับภาพวาด แสงแดดอ่อน ๆ ทาบทอลงบนยอดหญ้าที่ปกคลุมไปด้วยหมอกบาง ๆอากาศหนาวเย็นจนไออุ่นจากลมหายใจลอยเป็นควันจาง ๆ อาจารย์พานักศึกษาออกเดินสำรวจธรรมชาติ ชื่นชมควา
หลายเดือนต่อมา...บรรยากาศวันรับปริญญาอบอวลไปด้วยความชื่นมื่นและเสียงแห่งความยินดี วันแห่งความสำเร็จการศึกษาของ พศวัต,ดนัย, กวี และรสรินวันนี้ทุกคณะเต็มไปด้วยผู้คน นักศึกษารุ่นน้องต่างถือดอกไม้ ลูกโป่ง และของขวัญมาแสดงความยินดีกับเหล่าบัณฑิตเสียงเพลงบรรเลงจากลำโพง เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยดังก้องไปทั่วบริเวณ บางมุมมีครอบครัวของบัณฑิตถ่ายรูปเก็บความทรงจำบางมุมมีกลุ่มเพื่อนช่วยกันจัดช่อดอกไม้และคล้องพวงมาลัยให้อย่างสนุกสนานศศิราและปัทมาเดินเข้ามาสมทบ ร่วมแสดงความยินดีกับกวี ว่าที่คุณหมอคนใหม่ ขณะที่ชัญญา น้องสาวของพศวัตก็เข้ามาหาเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ“ยินดีกับพี่กวีมากๆ เลยนะคะ ที่จะได้เป็นหมอสมใจสักที”ชัญญากล่าวพร้อมรอยยิ้มจริงใจกวีหันมายิ้มอบอุ่นให้เธอ ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ขอบคุณนะครับชัญญา สำหรับกำลังใจที่ดีของพี่”ทุกคนต่างรับรู้ว่าชัญญาคบหากับกวี แต่ในมุมหนึ่ง รสรินที่ยืนยิ้มแสดงความยินดีอยู่กลับรู้สึกไม่ต่างจากการฝืนยิ้ม ภายในใจของเธอไม
บ้านพศวัต...“แม่ค่ะ วันนี้ไม่ต้องรอหนูนะคะ ทานข้าวได้เลยค่ะ หนูจะไปหาพี่กวีที่โรงพยาบาล”เสียงของชัญญาดังลอดมาทางโทรศัพท์“ไปทุกวันเลยนะ ยัยชัญญา”แม่พูดด้วยน้ำเสียงกึ่งบ่นกึ่งเป็นห่วง“กวี...นี่แฟนน้องใช่ไหมครับ คนที่คบกันมา 3 ปี”“ใช่ พามาบ้านแค่สองครั้งเอง เขาเป็นหมอ ไม่ค่อยมีเวลา”“เขานิสัยดีไหมครับ”“ก็ดูสุภาพนะ วัตเคยเจอเขาเหรอ?”“เรียนจบพร้อมกัน แต่ไม่คิดเลยว่าน้องจะยังคบกับเขาอยู่ เหมือนตอนนั้นผมไม่แน่ใจว่าเขามีแฟนชื่อศศิราหรือเปล่า”“วัตน่าจะเข้าใจผิดนะลูก ศศิรานั้นเขาเป็น” ไม่ทันที่แม่จะพูดจบ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พศวัตรับสายทันทีเขารับสายเสร็จก็หันมาพูดคุยกับแม่“เดี๋ยวผมไปบริษัทกับพ่อก่อน เย็นๆ จะกลับมาทานข้าวด้วยนะครับ”“จ้าลูก” แม่ตอบพร้อมรอยยิ้มโรงพยาบาล…ชัญญาเดินถือถุงอาหารเช้าและขนมที่ตั้งใจซื้อมาให้กวีเหมือนทุกวัน แต่ทันทีที่เธอเปิดประตูเข้าไป ภาพตรงหน้าทำให้เธอแทบหยุดหายใจรสริน...นั่งอยู่บนตักของก
หลังเรียนจบ ศศิราได้ส่งใบสมัครไปยังบริษัทมากมาย ทั้งเล็กและใหญ่ หวังเพียงได้งานมั่นคง แต่โลกความจริงมันไม่ง่ายขนาดนั้นโทรศัพท์เงียบสนิท ไม่มีบริษัทไหนเรียกสัมภาษณ์เธอเลยระหว่างรอเรียกสัมภาษณ์งาน สามเดือนมานี้เธอจำต้องกัดฟันทำงานพิเศษเพื่อแบ่งเบาภาระของพ่อแม่ เธอพยายามหาเงินเลี้ยงดูตัวเอง แต่โชคชะตายังไม่เข้าข้างเธอ เมื่อสองวันก่อนพ่อของเธอได้ประสบอุบัติเหตุ และต้องผ่าตัดด่วน เธอจึงจำเป็นต้องเร่งหาค่ารักษาพยาบาลถึงสองล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่หนักอึ้งราวกับหินก้อนใหญ่ทับลงบนอกของเธอเธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง… สองล้านมันมากเกินไปแต่เธอก็ต้องดิ้นรนเพราะไม่ว่าวิธีใดเธอก็ต้องพยายามหาเงินมาให้ได้ร้านเหล้า... บาร์... อะไรก็ตามที่ได้เงิน เธอทำหมด ไม่ว่ามันจะสกปรกแค่ไหนในสายตาคนอื่นเธอก็ไม่แคร์ ขอแค่พ่อของเธอได้ผ่าตัดก็พอแล้วบาร์ของดนัย... จุดเริ่มต้นของโชคชะตาเสียงเพลงดังสนั่น แสงไฟสีแดงสลัวทำให้บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์และกลิ่นบุหรี่“วันนี้ฉันจะเลี้ยงฉลองการกลับมาของเราสองคน! เมาไม่เมาช่างมัน แต่ต้องเต็มที่! ใช่ไหมวะ พศวัต?”ดนัยตะโกนเสียงดัง ปลดกระดุมเสื้ออย่างคนเมาได้ที่พ
คอนโดพศวัต...ทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออก พศวัตกระชากแขนศศิราอย่างแรง ก่อนจะผลักเธอเข้าไปด้านในโดยไม่สนใจเสียงร้องตกใจของเธอ ประตูปิดลงดัง“ปัง!”เขากักขังเธอไว้ในพื้นที่ของเขา บรรยากาศในห้องยังคงอึมครึมและร้อนระอุ ไม่ใช่อุณหภูมิจากเครื่องปรับอากาศ แต่เป็นความอัดอั้นและแรงอารมณ์ที่ล้นทะลักศศิรายังคงหอบหายใจถี่ เธอยืนเซถอยหลัง ดวงตาสั่นระริกด้วยความหวาดหวั่น ความรู้สึกกลัวแล่นไปทั่วร่างจนมือเย็นเฉียบ ขาของเธออ่อนแรงแทบยืนไม่ไหวพศวัตยืนอยู่ตรงหน้าเธอ แววตาแข็งกร้าวและเต็มไปด้วยแรงโกรธที่สะกดกลั้นไว้ ราวกับนักล่าที่กำลังจ้องเหยื่อที่ไร้ทางหนี ศศิราเม้มริมฝีปากแน่น พยายามสะกดกลั้นความหวาดกลัวที่จู่โจมเข้ามาไม่หยุด เธอรู้ว่าเขากำลังโกรธ โกรธมาก...แต่ทำไม?เธอรวบรวมความกล้า กลืนก้อนสะอื้นลงคอ แล้วเอ่ยขึ้นเสียงสั่น“ฉันไม่รู้ว่าคุณโกรธเกลียดฉันด้วยสาเหตุอะไร... แต่ขอร้อง...ช่วยเมตตาฉันหน่อยได้ไหมคะ?”เธอไม่ได้ร้องไห้ แต่ดวงตาของเธอสะท้อนความเจ็บปวดและวิงวอนอย่างสุดหัวใจพศวัตจ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นเยียบ ไม่ตอบคำถามนั้นทันที เพราะในหัวของเขา มีเพียงเรื่องเดียวที่วนเวียนซ้ำไปมา... การแก้แค้น
คอนโดของพศวัต…เช้านี้แสงแดดอ่อน ๆ สาดส่องลอดม่านหน้าต่างเข้ามาในห้องนอนขนาดใหญ่ บรรยากาศอบอวลไปด้วยความเงียบสงบ ศศิราเริ่มขยับตัว ตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดอุ่นของพศวัตหัวใจเธอเต้นแรงเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน เธอพยายามจะขยับออกจากอ้อมแขนเขา แต่กลับถูกวงแขนแข็งแรงรัดแน่นขึ้น“ทำไมเช้ามานี่ก็จะหนีกลับเลยเหรอ”เสียงทุ้มต่ำกระซิบอยู่ข้างหู“เปล่าสักหน่อย ฉันแค่อึดอัด” เธอขยับตัวอีกครั้ง“แต่คุณก็นอนกอดผมทั้งคืน ผมยังไม่เคยบ่น”เขายิ้มมุมปากเธอค้อนใส่เขาหนึ่งที ก่อนจะพยายามลุกขึ้นจากเตียง พศวัตยอมคลายอ้อมแขนแต่โดยดี“ไปอาบน้ำซะ เดี๋ยวออกไปทานข้าวด้วยกัน”เขาสั่งเสียงเข้ม“ชุดของคุณอยู่ในถุง ผมให้เลขาซื้อมาให้แล้ว”ศศิรามองเขาอย่างงุนงง ไม่คิดว่าเขาจะใส่ใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้“ขอบคุณค่ะ”เธอพูดเบา ๆ ก่อนจะคว้าผ้าห่มมาคลุมตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ทิ้งให้พศวัตนอนอยู่บนเตียงในสภาพที่แทบไม่เหลือเสื้อผ้าปกปิดกาย“นี่เธอ...”เขาเรียก...แต่เธอกลับหัวเราะสะใจแล้วปิดประตูห้องน้ำใส่หน้าเขาไปเมื่ออาบน้ำเสร็จ ศศิราออกมาพร้อมกับชุดเดรสสีขาวเปิดไหล่แต่จุดที่ทำให้เธอต้องชะงักคือตรงลำคอและเนินอกมีรอยแดง
คอนโดพศวัต...เมื่อพศวัตรล่วงรู้ความจริง เขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้ทำผิดต่อศศิรามากเพียงใด นับจากนี้ไป เขาพร้อมจะชดเชยทุกอย่างให้เธอด้วยหัวใจ โดยปราศจากความแค้นอีกต่อไปไม่มีแล้วซาตานที่กระหายการล้างแค้น เหลือเพียงชายหนุ่มที่คลั่งรักเธอหมดใจเท่านั้น“คุณหิวไหม? เดี๋ยวผมทำอะไรให้ทานนะ คุณไปอาบน้ำก่อนเถอะ”เสียงของเขาอ่อนโยน แฝงไปด้วยความห่วงใยศศิรายิ้มบาง ๆ แม้จะงุนงงกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเขา แต่หัวใจก็อบอุ่นขึ้นอย่างประหลาด“ไปเถอะ ผมบอกแล้วไง... ต่อจากนี้ ผมจะดูแลคุณเอง” ดวงตาของเขามั่นคง ราวกับกำลังยืนยันคำพูดให้หนักแน่นขึ้นเธอไม่ได้ตอบอะไร เพียงพยักหน้ารับเบา ๆ ก่อนหมุนตัวเดินเข้าห้องน้ำ ทิ้งให้เขามองตามด้วยรอยยิ้มบาง ๆเขาลงมือเตรียมอาหารง่าย ๆ ด้วยความใส่ใจ ทุกขั้นตอนเต็มไปด้วยความพิถีพิถันเขาตีไข่ไก่ในชาม เติมน้ำปลาเล็กน้อยและตีให้เข้ากันจนเนื้อเนียน ก่อนค่อย ๆ หยอดเนื้อปูสดแน่น ๆ ลงไปอย่างระมัดระวัง กระทะร้อนฉ่าเมื่อเขาเทน้ำมันลงไปให้เดือดจัด ควันบาง ๆ ลอยขึ้นพร้อมเสียงไข่ที่กระทบกระทะดัง“ฉ่า!”กลิ่นหอมของไข่เจียวปูที่กำลังฟูกรอบค่อย ๆ อบอวลไปทั่วห้อง เขาใช้ตะหลิวพลิกอย่างชำ
หนึ่งเดือนผ่านไป...หลังจากเรื่องร้ายๆ ผ่านพ้นไป สิ่งดีๆ และความเป็นมงคลก็เข้ามาแทนที่ ครอบครัวของพศวัตได้ทำการสู่ขอศศิราอย่างเป็นทางการต่อหน้าพ่อแม่ของเธอ จนวันนี้เป็นพิธีแต่งงานของทั้งคู่พิธีแต่งงาน…ภายในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมหรู ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้อย่างสมบูรณ์แบบสำหรับค่ำคืนแห่งความทรงจำ พิธีแต่งงานถูกโอบล้อมด้วยบรรยากาศอ่อนหวานและโรแมนติกผ้าม่านโปร่งบางสีขาวพลิ้วไหวไปตามแรงลมอ่อนๆ ที่พัดผ่าน แสงไฟสีทองนวลตาส่องกระทบผืนผ้า ราวกับต้องการเติมเต็มความอบอุ่นให้ค่ำคืนนี้พิเศษยิ่งขึ้นทั่วทั้งห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมละมุนของดอกไม้สีขาวที่ถูกประดับประดาไว้อย่างงดงาม ไม่ว่าจะเป็นช่อกุหลาบ ลิลลี่ และไฮเดรนเยียที่จัดเรียงไว้อย่างประณีตตามทางเดินทอดยาวสู่เวทีหลัก ที่ซึ่งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะกล่าวคำสัตย์สาบานต่อกันและกันโต๊ะจัดเลี้ยงปูด้วยผ้าสีครีมนุ่มละมุน ประดับด้วยเชิงเทียนแก้วใสที่เปล่งประกายระยิบระยับยามต้องแสงไฟ ดอกกุหลาบขาววางเรียงอยู่ตามมุมโต๊ะ เสริมให้บรรยากาศดูหรูหราและอบอุ่นในคราวเดียวกันเสียงดนตรีคลาสสิกบรรเลงแผ่วเบา ผสานเข้ากับเสียงพูดคุยหัวเราะของแขกเหรื่อที่มาเป็นสักขีพยา
สองสัปดาห์หลังจากเหตุการณ์ทุกอย่างคลี่คลาย พศวัตสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ ศศิราเดินมาประคองเขาขึ้นรถ ดนัยที่มารับเพื่อนสนิทพากลับไปส่งยังคอนโด"เห็นไหมคะ ฉันบอกแล้วว่าถ้าคุณพักผ่อนดี ๆ กินยาตรงเวลา แผลก็จะหายเร็วขึ้น"พศวัตหัวเราะเบา ๆ มองเธอด้วยสายตาเอ็นดู"ผมว่า คุณน่าจะเป็นหมอได้นะ"ศศิราเลิกคิ้ว "ทำไมค่ะ?""ก็คุณทั้งดูแล ทั้งบ่น ทั้งเคี่ยวเข็ญให้กินยาสารพัด..."พูดไปก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบหัวคู่หมั้นเบา ๆ"ก็ฉันห่วงคุณนี่นา" ศศิราทำตาออดอ้อน"ครับ ผมรับรู้ได้ครับ" พศวัตยิ้มอ่อนโยนให้เธอศศิราเปลี่ยนเรื่องถาม"เราจับคนทุจริตได้แล้ว ต่อจากนี้โครงการโรงพยาบาลของเราจะทำยังไงต่อคะ?""ถึงเรื่องนี้จะจบไปแล้ว แต่การทำงานของเรา... ยังมีอะไรให้ต้องระวังอีกเยอะ""แล้วคุณกลัวไหม?"พศวัตหันมาสบตาเธอ ก่อนจะยิ้มมุมปาก"ถ้ามีคุณอยู่ข้าง ๆ ผมไม่กลัวอะไรทั้งนั้น"ศศิราหัวเราะ"พูดแบบนี้ต้องให้รางวัลแล้ว!"ก่อนที่พศวัตจะทันพูดอะไร เธอก็โน้มตัวไปจูบเบา ๆ ที่แก้มของเขา ทำเอาชายหนุ่มถึงกับนิ่งไปชั่วครู่ดนัยที่ขับรถอยู่กระแอมเสียงดัง"เอ่อ... ขอเตือนว่านี่รถผมนะครับ กรุณาอย่าหวานเกินไป"เสียงหัวเร
เช้าวันจันทร์... บรรยากาศในออฟฟิศคึกคักเช่นทุกสัปดาห์ พนักงานทยอยเดินเข้ามาทำงานตามปกติ เสียงเครื่องแฟกซ์และโทรศัพท์ดังสลับกับเสียงพูดคุยของทีมงานที่กำลังประชุมเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นระหว่างการประชุม แจ้งข่าวด่วนจากไซต์งานว่า โครงสร้างบางส่วนของโรงจอดรถพังถล่ม อันเนื่องมาจากฝนตกหนักตลอดคืน“โครงสร้างส่วนไหนเสียหาย?”พศวัตถามเสียงเข้ม มือหนากำแฟ้มเอกสารแน่น“คานด้านข้างโรงจอดรถครับ พังลงมาทับเครื่องมือและเส้นทางเข้าออก” หัวหน้าช่างรายงานสีหน้าของพศวัตและดนัยเคร่งเครียดทันที“เราต้องไปดูหน้างานเดี๋ยวนี้”ก่อนที่พศวัตจะออกจากห้อง ศศิราจับแขนเขาไว้ สีหน้าของเธอแสดงถึงความกังวล“ระวังตัวด้วยนะคะ”เธอพูดเสียงเบาเขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มบางๆ แล้วบีบมือเธอเบาๆ“ไม่ต้องห่วง ผมจัดการได้”ปัทมาที่อยู่ข้างดนัยก็เสริมขึ้น“คุณก็เช่นกันนะคะ คุณดนัย ไซต์งานที่เต็มไปด้วยอันตราย”“ครับๆ พวกผมจะระวังตัวอย่าห่วงเลย”เมื่อถึงสถานที่เกิดเหตุ ภาพที่เห็นทำให้พศวัตและดนัยต้องขมวดคิ้วแน่น โครงสร้างบางส่วนพังถล่มลงมา เหล็กเสริมเอียงผิดรูป เศษปูนแตกร้าวกระจัดกระจาย น้ำฝนเจิ่งนองไปทั่ว“เกิดจากแรงดินอ่อนตัวห
บ้านศศิรา...บรรยากาศยามเช้าหลังฝนกระหน่ำเมื่อคืนยังคงชื้นแฉะ หยาดน้ำฝนเกาะบนใบไม้ เสียงนกร้องแว่วมาไกลๆ อากาศเย็นสบาย แต่ท้องฟ้ายังคงอึมครึมราวกับฝนจะตกลงมาอีกครั้งศศิราเดินออกจากบ้าน มานั่งที่โต๊ะหน้าบ้าน ซึ่งแม่ของเธอได้จัดเตรียมข้าวต้มร้อนๆ ไส้กรอกไข่ดาว และขนมปังปิ้ง ไว้ให้“น่าทานจังเลยค่ะแม่”“ทานเยอะๆ นะแม่ทำไว้ให้”สายพิณยิ้มบางๆ ก่อนจะหยิบตะกร้าเตรียมออกไป “วันนี้แม่มีนัดกับป้าศรี จะไปตลาดกัน”“ขอบคุณค่ะแม่”สายพิณมองศศิราแล้วพยักหน้าเบาๆ“เมื่อลูก ๆ คืนดีกันแล้ว แม่ก็หายห่วง”พูดจบก็เดินออกจากบ้านไป“คุณพศวัตเรียกคุณดนัยกับปัทมา มาทานมื้อเช้าได้แล้วค่ะ”“ป่านนี้เขาคงจัด...มื้อเช้าบนเตียงกันแล้วมัง?”“คุณนี่นะ...”พศวัตยิ้มเจ้าเล่ห์ โน้มตัวเข้าใกล้พลางกระซิบเสียงแผ่ว“คุณไม่ต้องเลยศศิรา... ไปทะเลผมก็อด เมื่อคืนกว่าจะเข้าใจกันได้ก็ดึก ทานข้าวเสร็จคุณก็หลับ คืนนี้ผมจะไม่พลาดแน่นอน คืนนี้ผมต้องเคลียร์กับคุณให้รู้เรื่อง”ศศิราตาเบิกกว้าง ใจเต้นระรัว“พูดอะไรของคุณเนี่ย...” แก้มเธอร้อนผ่าวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวปัทมาและดนัยเดินออกจากบ้าน มุ่งตรงไปยังโต๊ะอาหารหน้าบ้านที่จัดไว้เรียบร้
บ้านสวนศศิริ...ดนัยกับปัทมาอยู่ในห้องนอนด้วยกันเพียงลำพัง เพราะอยากเปิดโอกาสให้ศศิราและพศวัตได้ปรับความเข้าใจกัน ก่อนหน้านี้เธอไม่คิดอะไร แต่เมื่อสถานการณ์พาไป การอยู่ใกล้กันนานขึ้นกลับทำให้หัวใจปัทมาเริ่มหวั่นไหว โดยเฉพาะเมื่อดนัยมองเธอไม่วางตาสายฝนกระหน่ำลงมาหนักขึ้น ด้านนอกมีเพียงเสียงน้ำฝนกระทบหลังคาและเสียงลมพัดผ่านต้นไม้ที่เขียวชอุ่ม บรรยากาศอบอ้าวกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียดแบบแปลกๆ“นี่คุณดนัย... จะจ้องฉันอีกนานไหม”ปัทมาพูดขึ้นเบาๆ“ก็ผมบอกว่าผมชอบคุณ จ้องหน่อยไม่เห็นจะแปลก”“โรคจิต”ปัทมาพึมพำ แต่ใบหน้ากลับร้อนผ่าวเธอนั่งอยู่บนเตียง ขณะที่ดนัยนั่งเอกเขนกบนโซฟาตัวเล็กข้างเตียง ไม่ถึงครู่ร่างสูงก็ลุกพรวดขึ้นแล้วกระโดดลงบนที่นอนทันที“นี่คุณ! จะทำอะไร?! กลับไปนอนที่โซฟาเลยนะ”“ฝนตก อากาศเย็นจะตาย ขอนอนบนเตียงเถอะน่า”“งั้นฉันจะไปนอนโซฟาเอง”ปัทมารีบลุกขึ้น แต่ดนัยจับข้อมือเธอไว้“คุณรังเกียจผมหรือไง แค่นอนเตียงเดียวกันเอง”ปัทมาชะงักไปเล็กน้อย“มันไม่ใช่อย่างนั้น... เราไม่ได้เป็นอะไรกัน มันไม่เหมาะสม”ดนัยยิ้มมุมปาก ก่อนพูดขึ้นเสียงนุ่ม“งั้นก็เป็นสิ...”“อะไร?”“เป็นแฟนผมไง”
บ้านศศิรา...บรรยากาศยามเช้าหลังฝนกระหน่ำเมื่อคืนยังคงชื้นแฉะ หยาดน้ำฝนเกาะบนใบไม้ เสียงนกร้องแว่วมาไกลๆ อากาศเย็นสบาย แต่ท้องฟ้ายังคงอึมครึมราวกับฝนจะตกลงมาอีกครั้งศศิราเดินออกจากบ้าน มานั่งที่โต๊ะหน้าบ้าน ซึ่งแม่ของเธอได้จัดเตรียมข้าวต้มร้อนๆ ไส้กรอกไข่ดาว และขนมปังปิ้ง ไว้ให้“น่าทานจังเลยค่ะแม่”“ทานเยอะๆ นะแม่ทำไว้ให้”สายพิณยิ้มบางๆ ก่อนจะหยิบตะกร้าเตรียมออกไป “วันนี้แม่มีนัดกับป้าศรี จะไปตลาดกัน”“ขอบคุณค่ะแม่”สายพิณมองศศิราแล้วพยักหน้าเบาๆ“เมื่อลูก ๆ คืนดีกันแล้ว แม่ก็หายห่วง”พูดจบก็เดินออกจากบ้านไป“คุณพศวัตเรียกคุณดนัยกับปัทมา มาทานมื้อเช้าได้แล้วค่ะ”“ป่านนี้เขาคงจัด...มื้อเช้าบนเตียงกันแล้วมัง?”“คุณนี่นะ...”พศวัตยิ้มเจ้าเล่ห์ โน้มตัวเข้าใกล้พลางกระซิบเสียงแผ่ว“คุณไม่ต้องเลยศศิรา... ไปทะเลผมก็อด เมื่อคืนกว่าจะเข้าใจกันได้ก็ดึก ทานข้าวเสร็จคุณก็หลับ คืนนี้ผมจะไม่พลาดแน่นอน คืนนี้ผมต้องเคลียร์กับคุณให้รู้เรื่อง”ศศิราตาเบิกกว้าง ใจเต้นระรัว“พูดอะไรของคุณเนี่ย...” แก้มเธอร้อนผ่าวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวปัทมาและดนัยเดินออกจากบ้าน มุ่งตรงไปยังโต๊ะอาหารหน้าบ้านที่จัดไว้เรียบร้
บ้านสวนศศิริ...ดนัยกับปัทมาอยู่ในห้องนอนด้วยกันเพียงลำพัง เพราะอยากเปิดโอกาสให้ศศิราและพศวัตได้ปรับความเข้าใจกัน ก่อนหน้านี้เธอไม่คิดอะไร แต่เมื่อสถานการณ์พาไป การอยู่ใกล้กันนานขึ้นกลับทำให้หัวใจปัทมาเริ่มหวั่นไหว โดยเฉพาะเมื่อดนัยมองเธอไม่วางตาสายฝนกระหน่ำลงมาหนักขึ้น ด้านนอกมีเพียงเสียงน้ำฝนกระทบหลังคาและเสียงลมพัดผ่านต้นไม้ที่เขียวชอุ่ม บรรยากาศอบอ้าวกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียดแบบแปลกๆ“นี่คุณดนัย... จะจ้องฉันอีกนานไหม”ปัทมาพูดขึ้นเบาๆ“ก็ผมบอกว่าผมชอบคุณ จ้องหน่อยไม่เห็นจะแปลก”“โรคจิต”ปัทมาพึมพำ แต่ใบหน้ากลับร้อนผ่าวเธอนั่งอยู่บนเตียง ขณะที่ดนัยนั่งเอกเขนกบนโซฟาตัวเล็กข้างเตียง ไม่ถึงครู่ร่างสูงก็ลุกพรวดขึ้นแล้วกระโดดลงบนที่นอนทันที“นี่คุณ! จะทำอะไร?! กลับไปนอนที่โซฟาเลยนะ”“ฝนตก อากาศเย็นจะตาย ขอนอนบนเตียงเถอะน่า”“งั้นฉันจะไปนอนโซฟาเอง”ปัทมารีบลุกขึ้น แต่ดนัยจับข้อมือเธอไว้“คุณรังเกียจผมหรือไง แค่นอนเตียงเดียวกันเอง”ปัทมาชะงักไปเล็กน้อย“มันไม่ใช่อย่างนั้น... เราไม่ได้เป็นอะไรกัน มันไม่เหมาะสม”ดนัยยิ้มมุมปาก ก่อนพูดขึ้นเสียงนุ่ม“งั้นก็เป็นสิ...”“อะไร?”“เป็นแฟนผมไง”
เวลา 20.00 น. ทุกคนทานข้าวเสร็จแล้ว แต่พศวัตยังคงนั่งรอศศิราอยู่ในศาลาหน้าบ้าน ความเงียบงันของค่ำคืนนี้ทำให้เขายิ่งรู้สึกอึดอัดในอก หวังว่าเธอจะมาคุยกับเขาสักประโยค แต่เปล่าเลย...เธอไม่แม้แต่จะชายตามอง“เดี๋ยวคืนนี้ศศิราพาเพื่อนไปนอนบ้านสวนนะลูก”“ค่ะแม่หนูมานอนที่บ้านนะ”“เพื่อนมาหาทิ้งเพื่อนนอนตามลำพังน่าเกลียดนะลูก”เธอรู้ดีว่าถ้าไปนอนบ้านสวน พศวัตต้องหาทางเข้าหาเธอแน่นอนบ้านสวน...บ้านสวนของศศิรามีเพียงสองห้องนอน เธอนอนกับปัทมา ส่วนพศวัตต้องนอนกับดนัย แต่ด้วยสถานการณ์ที่ตึงเครียด ปัทมาและดนัยจึงตัดสินใจช่วยให้ทั้งสองมีโอกาสได้เคลียร์กัน“ที่รักครับ คืนนี้ผมนอนกับคุณได้ไหม?”ดนัยหันไปพูดกับปัทมาพร้อมกับส่งสายตารู้กัน“ได้ค่ะ งั้นคืนนี้เรานอนด้วยกันนะ ฉันหนาว อยากนอนกอดคุณ”ศศิราขมวดคิ้วมองเพื่อนอย่างงุนงง“เดี๋ยวนะ ปัทมาไปคบกับคุณดนัยตอนไหน?”"เราตกลงกันตั้งแต่ตอนเที่ยวทะเลแล้ว แค่ยังไม่มีโอกาสบอกเธอ"ปัทมายิ้มเจื่อนๆ แต่แววตาส่อประกายขี้เล่นดนัยฉวยโอกาสหันไปแกล้งพศวัตทันที“พศวัต คืนนี้นายก็นอนกับแฟนตัวเองสิ เพราะฉันจะนอนกับแฟนฉันเหมือนกัน”“งั้นปัทมานอนกับคุณดนัยเถอะ เดี๋ยวฉัน
พศวัตโทรหากวีด้วยน้ำเสียงร้อนรน รีบเล่าทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กวีฟังจนหมดสิ้น กวีรับฟังด้วยสีหน้าครุ่นคิด ก่อนตัดสินใจเด็ดขาด“เดี๋ยวผมจะไปรับชัญญา แล้วเราจะออกเดินทางไปด้วยกัน” กวีกล่าวไม่มีการรอช้า ดนัยและปัทมาพร้อมแล้ว ทั้งสี่คนมุ่งหน้าสู่จังหวัดกาญจนบุรีทันที ทันทีบ้านศศิรา...ลมอ่อน ๆ พัดผ่านเรือนไม้ยกพื้นสูง เสียงไก่ขันแว่วมาแต่ไกล กลิ่นหอมของดอกไม้จากสวนหน้าบ้านลอยมาตามลม แสงแดดยามเช้าส่องกระทบหลังคากระเบื้องเก่า ทำให้บรรยากาศบ้านสวนดูอบอุ่นและเงียบสงบเสียงแม่ดังขึ้นทันทีที่ศศิราก้าวเข้าบ้าน“ทำไมเมื่อคืนกลับมาดึกนักลูก? มีเรื่องอะไรหรือเปล่า? หรือว่า... ทะเลาะกับพศวัต?”แววตาของแม่เต็มไปด้วยความห่วงใย แต่ศศิราสูดลมหายใจลึก ตัดสินใจแน่วแน่"หนูตัดสินใจแล้วค่ะแม่... หนูจะเลิกกับเขา"แม่ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนเอ่ยถามเสียงแผ่ว "เกิดอะไรขึ้น?"“จริง ๆ แล้วเขามีคู่หมายอยู่แล้ว ครอบครัวเขาทำสัญญากันตั้งแต่รุ่นพ่อแม่"“อะไรนะ?! แล้วทำไมเขาถึงมาคบกับลูกล่ะ?” แม่อุทาน สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจศศิรายิ้มบาง ๆ แต่เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด“เขามีเหตุผลของเขา แต่ช่างเถอะค่ะ... ห