เสียงรองเท้าหนังคุณภาพดีสะท้อนกับพื้นกระเบื้องมันวาว ทุกสายตาจับจ้องไปยัง พศวัต รองประธานหนุ่มผู้เพียบพร้อมที่ก้าวเข้ามาในออฟฟิศ พร้อมกับ ศศิรา แฟนสาวของเขา ซึ่งรับตำแหน่งเป็นเลขาส่วนตัวเสียงซุบซิบแว่วมาจากพนักงานรอบข้าง“แฟนรองประธานสวยมาก...”พศวัตได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ เขาเอื้อมมือโอบเอวศศิราอย่างเคยชินให้เดินเคียงข้างเขา แต่หญิงสาวกลับรีบแตะมือเขาเบา ๆ แล้วดันออกอย่างสุภาพ“คุณพศวัต คนเยอะนะคะ ทำแบบนี้ไม่งามหรอก”เธอกระซิบเสียงเบา แก้มขึ้นสีระเรื่อเมื่อสัมผัสได้ถึงสายตานับสิบที่จับจ้องมา“ไม่งามตรงไหน คุณเป็นแฟนผม ผมอวดได้เป็นธรรมดา” พศวัตตอบกลับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แววตาเจิดจ้าด้วยความภาคภูมิศศิราได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเดินตามเขาเข้าไปยังห้องทำงานที่ถูกจัดเตรียมไว้บรรยากาศการประชุมช่วงบ่ายมาถึงอย่างรวดเร็ว ห้องประชุมหรูหราของบริษัทเต็มไปด้วยบุคคลสำคัญจากสามบริษัท ได้แก่ บริษัทพศวัต, บริษัทดนัย, และ บริษัทของปัทมา ทั้งหมดร่วมมือกันในโครงการก่อสร้างของรัฐครั้งใหญ่เสียงเปิดประตูดึงดูดสายตาทุกคน เมื่อ ศศิรา ก้าวเข้ามาและทรุดตัวนั่งข้างพศวัตดนัย จ้องมองเธออย่างไม่อ
เสียงเครื่องช่วยหายใจยังคงทำงานอย่างสม่ำเสมอ เครื่องวัดชีพจรส่งสัญญาณเป็นจังหวะ ทุกอย่างภายในห้องพักฟื้นเงียบสงบ มีเพียงเสียงพลิกหน้ากระดาษจากหนังสือที่กวีกำลังอ่านให้ชัญญาฟังจากอุบัติเหตุรถชน ชัญญาก็นอนเป็นเจ้าหญิงนิทรามานานกว่า6เดือนแล้ว ตลอดเวลานี้ กวีไม่เคยทอดทิ้งเธอเลย เขายังคงดูแลเธอทุกวัน เฝ้าอยู่ข้างเตียง คอยพูดคุยแม้จะไม่มีเสียงตอบกลับ เขากินนอนในห้องนี้แทบตลอดเวลา เว้นเพียงช่วงที่ต้องเข้าเคสผ่าตัดเท่านั้นแสงแดดยามสายส่องลอดม่านบางๆ เข้ามา รำไรบนใบหน้าของชัญญา เธอดูสงบ ราวกับเพียงแค่หลับใหล“หมอครับ อาการของชัญญาเป็นยังไงบ้าง?”กวีถามขึ้นขณะคุณหมอเจ้าของไข้ตรวจร่างกายเธออย่างละเอียดคุณหมอเงยหน้ามองเขาแล้วยิ้มบางๆ อย่างให้กำลังใจ“ร่างกายเธอตอบสนองต่อยาดีมาก สัญญาณชีพจรปกติ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ ตอนนี้เราต้องรอให้สมองเธอส่งสัญญาณตอบสนอง”คำตอบนั้นทำให้กวีรู้สึกโล่งใจ แม้จะยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน แต่ก็ยังมีความหวังวันนี้เป็นวันหยุดของเขา ไม่มีเคสเร่งด่วน เขาจึงใช้เวลาทั้งวันอยู่กับเธอ นั่งอ่านหนังสือที่เธอเคยชอบให้ฟัง น้ำเสียงของเขาอบอุ่น นุ่มนวล ราวกับกำลังปลอบโยนข
ภายในห้องประชุม บรรยากาศเคร่งเครียด ทุกคนกำลังถกกันถึงความก้าวหน้าของโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลเอกชน ขณะนี้แบบแปลนเสร็จสมบูรณ์แล้ว เหลือเพียงการนำเสนอราคาอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อสร้าง ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญโครงการนี้มีมูลค่ากว่าเกือบพันล้าน ทุกตัวเลข ทุกข้อมูล ต้องแม่นยำไร้ที่ติพศวัต ชัญญา ดนัย และปัทมา ระดมสมอง วางแผนงานกันอย่างหนัก ก่อนจะนำเสนอข้อมูลทั้งหมดให้กับเจ้าของโครงการ“โอเค ทุกคน ทำตามแผนที่สรุปกันวันนี้ เหนื่อยหน่อย แต่รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน”พศวัตกล่าวเสียงหนักแน่น“โอเค สู้ ๆ พวกเรา!”ดนัยเสริมขึ้น“สู้ ๆ ค่ะ!”ปัทมายิ้มให้ศศิรา ส่งพลังใจให้กันจู่ ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น พนักงานคนหนึ่งก้าวเข้ามาแล้วเอ่ยขึ้น“คุณพศวัตคะ คุณรสรินมาขอพบค่ะ”สิ้นคำประกาศ บรรยากาศในห้องเงียบลง ทุกคนหันมองหน้ากันทันทีพศวัตขมวดคิ้ว ก่อนตอบเรียบ ๆ“ให้เขาไปรอที่ห้อง เดี๋ยวผมไป”ศศิราขยับตัวเล็กน้อย มองเขาด้วยสายตาคาดเดา“มาหาคุณทำไม… หรือว่า”พศวัตปรายตามองเธอ แววตาเจ้าเล่ห์พลางยิ้มบาง ๆ “หึงผมเหรอ?”“ป่าวสักหน่อย!”ศศิราตอบเร็วเกินไปจนดูเหมือนกำลังปฏิเสธเสียงสั่นพศวัตหัวเราะเบา ๆ“เขาเอาเอกสารเส
สถานที่ก่อสร้าง…หลังจากการนำเสนอโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลเสร็จสิ้น บริษัทได้ดำเนินการก่อสร้างไปบ้างแล้วดนัยและพศวัตเดินทางมาตรวจสอบความคืบหน้าที่ไซต์งานก่อสร้างเสียงเครื่องจักรดังก้องไปทั่วบริเวณ คานเหล็กขนาดใหญ่ถูกยกขึ้นโดยเครน แสงแดดสะท้อนกับเศษปูนที่ปลิวฟุ้ง เสียงสว่านเจาะคอนกรีตดังแข่งกับเสียงคนงานที่กำลังเร่งมือทำงาน ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ปัทมาและศศิรา ในฐานะสถาปนิกผู้ออกแบบ ก็มาตรวจงานด้วยเช่นกัน“งานคืบหน้าไปเร็วมาก ถ้ารักษามาตรฐานนี้ไว้ มีโอกาสเสร็จทันตามกำหนดแน่นอน ทีมช่างฝีมือดีจริง ๆ ทุกอย่างตรงตามแบบเป๊ะ”ปัทมากล่าว พลางกวาดตามองโครงสร้างที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างด้วยความพอใจดนัยเผลอมองเธอด้วยสายตาชื่นชม ไม่ใช่เพียงเพราะความสามารถของเธอ แต่เป็นเพราะเวลาปัทมาตั้งใจทำงาน เธอดูมีเสน่ห์เหลือเกิน แม้อากาศจะร้อนจัด เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ไหลซึมตามไรผม เธอยกมือปาดเหงื่อเบา ๆ แก้มขาวขึ้นสีแดงระเรื่อจากความร้อน เขาเผลอจ้องเธอจนลืมตัว“มองอะไรคะ?”ปัทมาถามพลางเลิกคิ้ว ก่อนจะชี้ไปทางจุดก่อสร้างอีกฝั่ง “เดินไปดูตรงนั้นหน่อยได้ไหมคะ”ยังไม่ทันที่ดนัยจะตอบ เธอก็เดินนำไปทันที ดนัยจึงรี
คอนโดของพศวัต...ยามค่ำคืนอันเงียบสงบ แสงไฟจากตัวเมืองลอดผ่านม่านบางๆ เข้ามาสะท้อนกับผนังห้อง สร้างบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเองเสียง "ติ๊ด" ดังขึ้นเมื่อพศวัตใช้คีย์การ์ดเปิดประตู ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง เขาไม่รอช้า ช้อนตัวศศิราขึ้นในอ้อมแขนอย่างรวดเร็ว“อุ้ย! จะทำอะไรคะ ปล่อยก่อน”ศศิราร้องเสียงเบา มือเล็กดันอกกว้างของเขาเบาๆ แต่กลับถูกกอดแน่นขึ้น“ผมหิว...”เสียงทุ้มนุ่มกระซิบข้างหู“หิว?” ศศิราเลิกคิ้ว ทำหน้ายู่ใส่เขาอย่างแง่งอนพศวัตหัวเราะเบาๆ ก่อนจะวางเธอลงบนโซฟาตัวใหญ่ พลางถอนหายใจยาว“วันนี้เป็นวันที่เหนื่อยมาก... แต่ก็เป็นวันที่มีความสุขที่สุด เพราะน้องสาวของผมเดินได้อีกครั้ง ต้องขอบคุณพี่ชายของคุณที่ไม่ทอดทิ้งเธอ”“พี่กวีเป็นคนดีมากค่ะ”ศศิราพูดด้วยรอยยิ้ม“โชคดีของยัยน้องจริงๆ”พศวัตมองเธอนิ่ง ราวกับมีบางอย่างที่อยากพูดแต่ลังเลศศิราจ้องเขากลับ“มีอะไรจะพูดก็พูดมาเถอะค่ะ”ชายหนุ่มยิ้มบางๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือเธอแผ่วเบา “คุณรอผมตรงนี้นะ... ผมมีอะไรจะให้”ศศิรามองตามแผ่นหลังกว้างของเขาที่เดินเข้าไปในห้องนอน ก่อนที่เขาจะกลับออกมาพร้อมกับกล่องกำมะหยี่สีดำในมือเธอเบิกตากว้าง
คอนโดดนัย...เวลา 8.30 น. เสียงกริ่งประตูดังขึ้น ดนัยที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ เดินออกมาเปิดประตูในชุดคลุมตัวหลวม กลิ่นสบู่หอมอ่อนๆ ลอยตามผิวกาย เขาคิดว่าอาจเป็นพนักงานของคอนโดฯ แต่พอเปิดประตูออกกลับต้องชะงักปัทมายืนอยู่ตรงหน้า ในมือเธอถือถุงอาหารเช้า พร้อมรอยยิ้มบางๆ ที่ทำให้หัวใจเขาเต้นแรง“สวัสดีค่ะ พอดีฉันเอาอาหารเช้ามาให้”เธอพูดเสียงนุ่ม ดวงตาคู่นั้นมองเขาอย่างใสซื่อดนัยไม่คิดว่าเธอจะใส่ใจคำพูดของเขาขนาดนี้ เขาดีใจมากเสียจนแทบกลั้นรอยยิ้มไม่อยู่“ผมดีใจมากเลยนะครับ ไม่คิดว่าคุณจะมา”เสียงของเขาอบอุ่นกว่าที่ตั้งใจเล็กน้อยปัทมายิ้มพลางเอียงคอมองเขา“แล้วทำไมฉันจะมาไม่ได้ละคะ คุณอุตส่าห์ช่วยฉัน น้ำใจแค่นี้ ฉันทำให้คุณได้อยู่แล้ว”ดนัยมองเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง ยิ่งได้ยินคำพูดนี้ เขายิ่งรู้สึกพิเศษ“งั้น…ผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ คุณตามสบายเลย”“ค่ะ เดี๋ยวฉันจัดอาหารเช้าให้ แล้วจะให้ฉันไปเรียกศศิรากับคุณพศวัตมาทานด้วยกันไหมคะ?”ดนัยชะงัก ก่อนส่ายหน้าเร็วๆ ดวงตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์“ป่านนี้สองคนนั้นคงนอนกอดกันอยู่ ปล่อยเขาไปเถอะครับ ผมอยากใช้เวลานี้กับคุณมากกว่า”ปัทมายิ้มขำเล็กๆ ก่อนส่า
เวลานี้เกือบบ่าย คณะเพื่อนสนิทหกคน ปัทมา, ดนัย ชัญญา, กวี ,พศวัต และศศิรา เดินทางมาถึงบ้านพักบนเกาะส่วนตัว หลังจากไม่ได้มีโอกาสพักผ่อนมานาน วันนี้เป็นวันพิเศษที่พวกเขารอคอยเมื่อมาถึงหน้าบ้านพักหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ติดชายหาดพศวัตถือพวงกุญแจ เดินนำหน้าอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะหันไปบอกทุกคน"มีห้าห้องนอนนะ ใครจะนอนกับใคร เลือกเลยครับ!"ปัทมาหันมามองศศิราพร้อมรอยยิ้ม"ฉันขอห้องคนเดียวละกัน หรือศศิราจะมานอนกับฉัน?"ศศิราพยักหน้า“ได้สิ..จ๊ะ”ยังไม่ทันพูดจบ พศวัตก็ดึงตัวศศิรามาโอบไว้แน่น รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ประดับใบหน้า“ไม่ได้หรอกครับ คู่หมั้นของผมต้องนอนกับผมเท่านั้น!”ทุกคนหัวเราะกับท่าทางขี้หวงของพศวัต บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหยอกล้อและความอบอุ่น“งั้นเหลือสี่ห้องพอดี ครบคนเลยค่ะ” ปัทมาสรุปกวีมองไปทางชัญญา แววตาอ่อนโยน“ชัญญา...ไม่นอนกับพี่เหรอ?”ชัญญาหันไปสบตาพี่ชายของตน พศวัตที่กำลังยืนมองอยู่คล้ายรอฟังคำตอบ เธอจึงกระซิบเบาๆ กับกวี“เดี๋ยวค่อยว่ากันนะ”ทั้งสองส่งสายตาให้กันอย่างรู้กันดี พศวัตมองดูแล้วก็พอจะเข้าใจ แต่ก็ทำได้เพียงยิ้มขำกับสถานการณ์นี้ปัทมายกกระเป๋าขึ้นเตรียมเดินเข้าห้อง ดนัยรีบ
ยามเย็นใกล้พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ท้องฟ้าถูกแต่งแต้มด้วยสีส้มทองอมชมพู ริมทะเลใต้ร่มไม้ใหญ่ ชุดอาหารถูกจัดวางเรียงรายบนโต๊ะไม้ เสียงคลื่นกระทบชายฝั่งเป็นจังหวะ สายลมพัดแผ่วเบา บรรยากาศแสนผ่อนคลาย เหมาะแก่การพักผ่อนอย่างแท้จริงดนัยกับปัทมาเป็นคู่แรกที่มาถึง ทั้งสองเพิ่งเดินเล่นริมหาดก่อนหน้านี้เลยมาถึงไวคู่อื่น ตามมาด้วยชัญญากับกวี แม้พวกเขาจะยังไม่ได้พักเต็มที่ตั้งแต่มาถึง แต่ก็ไม่คิดจะละเลยการนัดหมายกับเพื่อนๆผ่านไปไม่นาน ศศิราและพศวัตจึงค่อยเดินออกมาเป็นคู่สุดท้าย เสียงแซวจากกลุ่มเพื่อนดังขึ้นทันที“มาช้ากว่าคู่อื่นแบบนี้ มัวทำอะไรกันอยู่หรือเปล่า พศวัต?”ดนัยแกล้งถามพร้อมเลิกคิ้วเป็นเชิงหยอกพศวัตหัวเราะพลางยกมือขึ้นเกาหลังคอ“ไม่มีอะไรหรอก แฟนฉันไม่ค่อยสบาย เวียนหัวนิดหน่อย เลยให้พักก่อน”“ดูแลดีขนาดนี้ ถ้าฉันมีแฟน ฉันก็จะดูแลแบบนายนี่แหละ” ดนัยหันไปส่งสายตาให้ปัทมาอย่างมีเลศนัยพศวัตหัวเราะขำ“ขอให้มีเร็วๆ นี้นะ”ดนัยถอนหายใจอย่างโอเวอร์“ขอเขาแล้ว แต่ยังต้องรอให้ใจอ่อนอยู่”พูดจบก็หันไปสบตาปัทมา ทว่าหญิงสาวเพียงแค่กลอกตา ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่อง เดินไปหาศศิราทันที“เวียนหัวดีขึ้นหร
หนึ่งเดือนผ่านไป...หลังจากเรื่องร้ายๆ ผ่านพ้นไป สิ่งดีๆ และความเป็นมงคลก็เข้ามาแทนที่ ครอบครัวของพศวัตได้ทำการสู่ขอศศิราอย่างเป็นทางการต่อหน้าพ่อแม่ของเธอ จนวันนี้เป็นพิธีแต่งงานของทั้งคู่พิธีแต่งงาน…ภายในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมหรู ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้อย่างสมบูรณ์แบบสำหรับค่ำคืนแห่งความทรงจำ พิธีแต่งงานถูกโอบล้อมด้วยบรรยากาศอ่อนหวานและโรแมนติกผ้าม่านโปร่งบางสีขาวพลิ้วไหวไปตามแรงลมอ่อนๆ ที่พัดผ่าน แสงไฟสีทองนวลตาส่องกระทบผืนผ้า ราวกับต้องการเติมเต็มความอบอุ่นให้ค่ำคืนนี้พิเศษยิ่งขึ้นทั่วทั้งห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมละมุนของดอกไม้สีขาวที่ถูกประดับประดาไว้อย่างงดงาม ไม่ว่าจะเป็นช่อกุหลาบ ลิลลี่ และไฮเดรนเยียที่จัดเรียงไว้อย่างประณีตตามทางเดินทอดยาวสู่เวทีหลัก ที่ซึ่งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะกล่าวคำสัตย์สาบานต่อกันและกันโต๊ะจัดเลี้ยงปูด้วยผ้าสีครีมนุ่มละมุน ประดับด้วยเชิงเทียนแก้วใสที่เปล่งประกายระยิบระยับยามต้องแสงไฟ ดอกกุหลาบขาววางเรียงอยู่ตามมุมโต๊ะ เสริมให้บรรยากาศดูหรูหราและอบอุ่นในคราวเดียวกันเสียงดนตรีคลาสสิกบรรเลงแผ่วเบา ผสานเข้ากับเสียงพูดคุยหัวเราะของแขกเหรื่อที่มาเป็นสักขีพยา
สองสัปดาห์หลังจากเหตุการณ์ทุกอย่างคลี่คลาย พศวัตสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ ศศิราเดินมาประคองเขาขึ้นรถ ดนัยที่มารับเพื่อนสนิทพากลับไปส่งยังคอนโด"เห็นไหมคะ ฉันบอกแล้วว่าถ้าคุณพักผ่อนดี ๆ กินยาตรงเวลา แผลก็จะหายเร็วขึ้น"พศวัตหัวเราะเบา ๆ มองเธอด้วยสายตาเอ็นดู"ผมว่า คุณน่าจะเป็นหมอได้นะ"ศศิราเลิกคิ้ว "ทำไมค่ะ?""ก็คุณทั้งดูแล ทั้งบ่น ทั้งเคี่ยวเข็ญให้กินยาสารพัด..."พูดไปก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบหัวคู่หมั้นเบา ๆ"ก็ฉันห่วงคุณนี่นา" ศศิราทำตาออดอ้อน"ครับ ผมรับรู้ได้ครับ" พศวัตยิ้มอ่อนโยนให้เธอศศิราเปลี่ยนเรื่องถาม"เราจับคนทุจริตได้แล้ว ต่อจากนี้โครงการโรงพยาบาลของเราจะทำยังไงต่อคะ?""ถึงเรื่องนี้จะจบไปแล้ว แต่การทำงานของเรา... ยังมีอะไรให้ต้องระวังอีกเยอะ""แล้วคุณกลัวไหม?"พศวัตหันมาสบตาเธอ ก่อนจะยิ้มมุมปาก"ถ้ามีคุณอยู่ข้าง ๆ ผมไม่กลัวอะไรทั้งนั้น"ศศิราหัวเราะ"พูดแบบนี้ต้องให้รางวัลแล้ว!"ก่อนที่พศวัตจะทันพูดอะไร เธอก็โน้มตัวไปจูบเบา ๆ ที่แก้มของเขา ทำเอาชายหนุ่มถึงกับนิ่งไปชั่วครู่ดนัยที่ขับรถอยู่กระแอมเสียงดัง"เอ่อ... ขอเตือนว่านี่รถผมนะครับ กรุณาอย่าหวานเกินไป"เสียงหัวเร
เช้าวันจันทร์... บรรยากาศในออฟฟิศคึกคักเช่นทุกสัปดาห์ พนักงานทยอยเดินเข้ามาทำงานตามปกติ เสียงเครื่องแฟกซ์และโทรศัพท์ดังสลับกับเสียงพูดคุยของทีมงานที่กำลังประชุมเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นระหว่างการประชุม แจ้งข่าวด่วนจากไซต์งานว่า โครงสร้างบางส่วนของโรงจอดรถพังถล่ม อันเนื่องมาจากฝนตกหนักตลอดคืน“โครงสร้างส่วนไหนเสียหาย?”พศวัตถามเสียงเข้ม มือหนากำแฟ้มเอกสารแน่น“คานด้านข้างโรงจอดรถครับ พังลงมาทับเครื่องมือและเส้นทางเข้าออก” หัวหน้าช่างรายงานสีหน้าของพศวัตและดนัยเคร่งเครียดทันที“เราต้องไปดูหน้างานเดี๋ยวนี้”ก่อนที่พศวัตจะออกจากห้อง ศศิราจับแขนเขาไว้ สีหน้าของเธอแสดงถึงความกังวล“ระวังตัวด้วยนะคะ”เธอพูดเสียงเบาเขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มบางๆ แล้วบีบมือเธอเบาๆ“ไม่ต้องห่วง ผมจัดการได้”ปัทมาที่อยู่ข้างดนัยก็เสริมขึ้น“คุณก็เช่นกันนะคะ คุณดนัย ไซต์งานที่เต็มไปด้วยอันตราย”“ครับๆ พวกผมจะระวังตัวอย่าห่วงเลย”เมื่อถึงสถานที่เกิดเหตุ ภาพที่เห็นทำให้พศวัตและดนัยต้องขมวดคิ้วแน่น โครงสร้างบางส่วนพังถล่มลงมา เหล็กเสริมเอียงผิดรูป เศษปูนแตกร้าวกระจัดกระจาย น้ำฝนเจิ่งนองไปทั่ว“เกิดจากแรงดินอ่อนตัวห
บ้านศศิรา...บรรยากาศยามเช้าหลังฝนกระหน่ำเมื่อคืนยังคงชื้นแฉะ หยาดน้ำฝนเกาะบนใบไม้ เสียงนกร้องแว่วมาไกลๆ อากาศเย็นสบาย แต่ท้องฟ้ายังคงอึมครึมราวกับฝนจะตกลงมาอีกครั้งศศิราเดินออกจากบ้าน มานั่งที่โต๊ะหน้าบ้าน ซึ่งแม่ของเธอได้จัดเตรียมข้าวต้มร้อนๆ ไส้กรอกไข่ดาว และขนมปังปิ้ง ไว้ให้“น่าทานจังเลยค่ะแม่”“ทานเยอะๆ นะแม่ทำไว้ให้”สายพิณยิ้มบางๆ ก่อนจะหยิบตะกร้าเตรียมออกไป “วันนี้แม่มีนัดกับป้าศรี จะไปตลาดกัน”“ขอบคุณค่ะแม่”สายพิณมองศศิราแล้วพยักหน้าเบาๆ“เมื่อลูก ๆ คืนดีกันแล้ว แม่ก็หายห่วง”พูดจบก็เดินออกจากบ้านไป“คุณพศวัตเรียกคุณดนัยกับปัทมา มาทานมื้อเช้าได้แล้วค่ะ”“ป่านนี้เขาคงจัด...มื้อเช้าบนเตียงกันแล้วมัง?”“คุณนี่นะ...”พศวัตยิ้มเจ้าเล่ห์ โน้มตัวเข้าใกล้พลางกระซิบเสียงแผ่ว“คุณไม่ต้องเลยศศิรา... ไปทะเลผมก็อด เมื่อคืนกว่าจะเข้าใจกันได้ก็ดึก ทานข้าวเสร็จคุณก็หลับ คืนนี้ผมจะไม่พลาดแน่นอน คืนนี้ผมต้องเคลียร์กับคุณให้รู้เรื่อง”ศศิราตาเบิกกว้าง ใจเต้นระรัว“พูดอะไรของคุณเนี่ย...” แก้มเธอร้อนผ่าวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวปัทมาและดนัยเดินออกจากบ้าน มุ่งตรงไปยังโต๊ะอาหารหน้าบ้านที่จัดไว้เรียบร้
บ้านสวนศศิริ...ดนัยกับปัทมาอยู่ในห้องนอนด้วยกันเพียงลำพัง เพราะอยากเปิดโอกาสให้ศศิราและพศวัตได้ปรับความเข้าใจกัน ก่อนหน้านี้เธอไม่คิดอะไร แต่เมื่อสถานการณ์พาไป การอยู่ใกล้กันนานขึ้นกลับทำให้หัวใจปัทมาเริ่มหวั่นไหว โดยเฉพาะเมื่อดนัยมองเธอไม่วางตาสายฝนกระหน่ำลงมาหนักขึ้น ด้านนอกมีเพียงเสียงน้ำฝนกระทบหลังคาและเสียงลมพัดผ่านต้นไม้ที่เขียวชอุ่ม บรรยากาศอบอ้าวกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียดแบบแปลกๆ“นี่คุณดนัย... จะจ้องฉันอีกนานไหม”ปัทมาพูดขึ้นเบาๆ“ก็ผมบอกว่าผมชอบคุณ จ้องหน่อยไม่เห็นจะแปลก”“โรคจิต”ปัทมาพึมพำ แต่ใบหน้ากลับร้อนผ่าวเธอนั่งอยู่บนเตียง ขณะที่ดนัยนั่งเอกเขนกบนโซฟาตัวเล็กข้างเตียง ไม่ถึงครู่ร่างสูงก็ลุกพรวดขึ้นแล้วกระโดดลงบนที่นอนทันที“นี่คุณ! จะทำอะไร?! กลับไปนอนที่โซฟาเลยนะ”“ฝนตก อากาศเย็นจะตาย ขอนอนบนเตียงเถอะน่า”“งั้นฉันจะไปนอนโซฟาเอง”ปัทมารีบลุกขึ้น แต่ดนัยจับข้อมือเธอไว้“คุณรังเกียจผมหรือไง แค่นอนเตียงเดียวกันเอง”ปัทมาชะงักไปเล็กน้อย“มันไม่ใช่อย่างนั้น... เราไม่ได้เป็นอะไรกัน มันไม่เหมาะสม”ดนัยยิ้มมุมปาก ก่อนพูดขึ้นเสียงนุ่ม“งั้นก็เป็นสิ...”“อะไร?”“เป็นแฟนผมไง”
บ้านศศิรา...บรรยากาศยามเช้าหลังฝนกระหน่ำเมื่อคืนยังคงชื้นแฉะ หยาดน้ำฝนเกาะบนใบไม้ เสียงนกร้องแว่วมาไกลๆ อากาศเย็นสบาย แต่ท้องฟ้ายังคงอึมครึมราวกับฝนจะตกลงมาอีกครั้งศศิราเดินออกจากบ้าน มานั่งที่โต๊ะหน้าบ้าน ซึ่งแม่ของเธอได้จัดเตรียมข้าวต้มร้อนๆ ไส้กรอกไข่ดาว และขนมปังปิ้ง ไว้ให้“น่าทานจังเลยค่ะแม่”“ทานเยอะๆ นะแม่ทำไว้ให้”สายพิณยิ้มบางๆ ก่อนจะหยิบตะกร้าเตรียมออกไป “วันนี้แม่มีนัดกับป้าศรี จะไปตลาดกัน”“ขอบคุณค่ะแม่”สายพิณมองศศิราแล้วพยักหน้าเบาๆ“เมื่อลูก ๆ คืนดีกันแล้ว แม่ก็หายห่วง”พูดจบก็เดินออกจากบ้านไป“คุณพศวัตเรียกคุณดนัยกับปัทมา มาทานมื้อเช้าได้แล้วค่ะ”“ป่านนี้เขาคงจัด...มื้อเช้าบนเตียงกันแล้วมัง?”“คุณนี่นะ...”พศวัตยิ้มเจ้าเล่ห์ โน้มตัวเข้าใกล้พลางกระซิบเสียงแผ่ว“คุณไม่ต้องเลยศศิรา... ไปทะเลผมก็อด เมื่อคืนกว่าจะเข้าใจกันได้ก็ดึก ทานข้าวเสร็จคุณก็หลับ คืนนี้ผมจะไม่พลาดแน่นอน คืนนี้ผมต้องเคลียร์กับคุณให้รู้เรื่อง”ศศิราตาเบิกกว้าง ใจเต้นระรัว“พูดอะไรของคุณเนี่ย...” แก้มเธอร้อนผ่าวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวปัทมาและดนัยเดินออกจากบ้าน มุ่งตรงไปยังโต๊ะอาหารหน้าบ้านที่จัดไว้เรียบร้
บ้านสวนศศิริ...ดนัยกับปัทมาอยู่ในห้องนอนด้วยกันเพียงลำพัง เพราะอยากเปิดโอกาสให้ศศิราและพศวัตได้ปรับความเข้าใจกัน ก่อนหน้านี้เธอไม่คิดอะไร แต่เมื่อสถานการณ์พาไป การอยู่ใกล้กันนานขึ้นกลับทำให้หัวใจปัทมาเริ่มหวั่นไหว โดยเฉพาะเมื่อดนัยมองเธอไม่วางตาสายฝนกระหน่ำลงมาหนักขึ้น ด้านนอกมีเพียงเสียงน้ำฝนกระทบหลังคาและเสียงลมพัดผ่านต้นไม้ที่เขียวชอุ่ม บรรยากาศอบอ้าวกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียดแบบแปลกๆ“นี่คุณดนัย... จะจ้องฉันอีกนานไหม”ปัทมาพูดขึ้นเบาๆ“ก็ผมบอกว่าผมชอบคุณ จ้องหน่อยไม่เห็นจะแปลก”“โรคจิต”ปัทมาพึมพำ แต่ใบหน้ากลับร้อนผ่าวเธอนั่งอยู่บนเตียง ขณะที่ดนัยนั่งเอกเขนกบนโซฟาตัวเล็กข้างเตียง ไม่ถึงครู่ร่างสูงก็ลุกพรวดขึ้นแล้วกระโดดลงบนที่นอนทันที“นี่คุณ! จะทำอะไร?! กลับไปนอนที่โซฟาเลยนะ”“ฝนตก อากาศเย็นจะตาย ขอนอนบนเตียงเถอะน่า”“งั้นฉันจะไปนอนโซฟาเอง”ปัทมารีบลุกขึ้น แต่ดนัยจับข้อมือเธอไว้“คุณรังเกียจผมหรือไง แค่นอนเตียงเดียวกันเอง”ปัทมาชะงักไปเล็กน้อย“มันไม่ใช่อย่างนั้น... เราไม่ได้เป็นอะไรกัน มันไม่เหมาะสม”ดนัยยิ้มมุมปาก ก่อนพูดขึ้นเสียงนุ่ม“งั้นก็เป็นสิ...”“อะไร?”“เป็นแฟนผมไง”
เวลา 20.00 น. ทุกคนทานข้าวเสร็จแล้ว แต่พศวัตยังคงนั่งรอศศิราอยู่ในศาลาหน้าบ้าน ความเงียบงันของค่ำคืนนี้ทำให้เขายิ่งรู้สึกอึดอัดในอก หวังว่าเธอจะมาคุยกับเขาสักประโยค แต่เปล่าเลย...เธอไม่แม้แต่จะชายตามอง“เดี๋ยวคืนนี้ศศิราพาเพื่อนไปนอนบ้านสวนนะลูก”“ค่ะแม่หนูมานอนที่บ้านนะ”“เพื่อนมาหาทิ้งเพื่อนนอนตามลำพังน่าเกลียดนะลูก”เธอรู้ดีว่าถ้าไปนอนบ้านสวน พศวัตต้องหาทางเข้าหาเธอแน่นอนบ้านสวน...บ้านสวนของศศิรามีเพียงสองห้องนอน เธอนอนกับปัทมา ส่วนพศวัตต้องนอนกับดนัย แต่ด้วยสถานการณ์ที่ตึงเครียด ปัทมาและดนัยจึงตัดสินใจช่วยให้ทั้งสองมีโอกาสได้เคลียร์กัน“ที่รักครับ คืนนี้ผมนอนกับคุณได้ไหม?”ดนัยหันไปพูดกับปัทมาพร้อมกับส่งสายตารู้กัน“ได้ค่ะ งั้นคืนนี้เรานอนด้วยกันนะ ฉันหนาว อยากนอนกอดคุณ”ศศิราขมวดคิ้วมองเพื่อนอย่างงุนงง“เดี๋ยวนะ ปัทมาไปคบกับคุณดนัยตอนไหน?”"เราตกลงกันตั้งแต่ตอนเที่ยวทะเลแล้ว แค่ยังไม่มีโอกาสบอกเธอ"ปัทมายิ้มเจื่อนๆ แต่แววตาส่อประกายขี้เล่นดนัยฉวยโอกาสหันไปแกล้งพศวัตทันที“พศวัต คืนนี้นายก็นอนกับแฟนตัวเองสิ เพราะฉันจะนอนกับแฟนฉันเหมือนกัน”“งั้นปัทมานอนกับคุณดนัยเถอะ เดี๋ยวฉัน
พศวัตโทรหากวีด้วยน้ำเสียงร้อนรน รีบเล่าทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กวีฟังจนหมดสิ้น กวีรับฟังด้วยสีหน้าครุ่นคิด ก่อนตัดสินใจเด็ดขาด“เดี๋ยวผมจะไปรับชัญญา แล้วเราจะออกเดินทางไปด้วยกัน” กวีกล่าวไม่มีการรอช้า ดนัยและปัทมาพร้อมแล้ว ทั้งสี่คนมุ่งหน้าสู่จังหวัดกาญจนบุรีทันที ทันทีบ้านศศิรา...ลมอ่อน ๆ พัดผ่านเรือนไม้ยกพื้นสูง เสียงไก่ขันแว่วมาแต่ไกล กลิ่นหอมของดอกไม้จากสวนหน้าบ้านลอยมาตามลม แสงแดดยามเช้าส่องกระทบหลังคากระเบื้องเก่า ทำให้บรรยากาศบ้านสวนดูอบอุ่นและเงียบสงบเสียงแม่ดังขึ้นทันทีที่ศศิราก้าวเข้าบ้าน“ทำไมเมื่อคืนกลับมาดึกนักลูก? มีเรื่องอะไรหรือเปล่า? หรือว่า... ทะเลาะกับพศวัต?”แววตาของแม่เต็มไปด้วยความห่วงใย แต่ศศิราสูดลมหายใจลึก ตัดสินใจแน่วแน่"หนูตัดสินใจแล้วค่ะแม่... หนูจะเลิกกับเขา"แม่ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนเอ่ยถามเสียงแผ่ว "เกิดอะไรขึ้น?"“จริง ๆ แล้วเขามีคู่หมายอยู่แล้ว ครอบครัวเขาทำสัญญากันตั้งแต่รุ่นพ่อแม่"“อะไรนะ?! แล้วทำไมเขาถึงมาคบกับลูกล่ะ?” แม่อุทาน สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจศศิรายิ้มบาง ๆ แต่เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด“เขามีเหตุผลของเขา แต่ช่างเถอะค่ะ... ห