บ้านพศวัต...
“แม่ค่ะ วันนี้ไม่ต้องรอหนูนะคะ ทานข้าวได้เลยค่ะ หนูจะไปหาพี่กวีที่โรงพยาบาล”
เสียงของชัญญาดังลอดมาทางโทรศัพท์
“ไปทุกวันเลยนะ ยัยชัญญา”
แม่พูดด้วยน้ำเสียงกึ่งบ่นกึ่งเป็นห่วง
“กวี...นี่แฟนน้องใช่ไหมครับ คนที่คบกันมา 3 ปี”
“ใช่ พามาบ้านแค่สองครั้งเอง เขาเป็นหมอ ไม่ค่อยมีเวลา”
“เขานิสัยดีไหมครับ”
“ก็ดูสุภาพนะ วัตเคยเจอเขาเหรอ?”
“เรียนจบพร้อมกัน แต่ไม่คิดเลยว่าน้องจะยังคบกับเขาอยู่ เหมือนตอนนั้นผมไม่แน่ใจว่าเขามีแฟนชื่อศศิราหรือเปล่า”
“วัตน่าจะเข้าใจผิดนะลูก ศศิรานั้นเขาเป็น” ไม่ทันที่แม่จะพูดจบ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พศวัตรับสายทันทีเขารับสายเสร็จก็หันมาพูดคุยกับแม่
“เดี๋ยวผมไปบริษัทกับพ่อก่อน เย็นๆ จะกลับมาทานข้าวด้วยนะครับ”
“จ้าลูก” แม่ตอบพร้อมรอยยิ้ม
โรงพยาบาล…
ชัญญาเดินถือถุงอาหารเช้าและขนมที่ตั้งใจซื้อมาให้กวีเหมือนทุกวัน แต่ทันทีที่เธอเปิดประตูเข้าไป ภาพตรงหน้าทำให้เธอแทบหยุดหายใจ
รสริน...นั่งอยู่บนตักของกวี!
เธอเห็นกับตาว่ารสรินจงใจยั่วยวนเขา มือของเธอลูบไล้ที่เสื้อกาวน์สีขาวของกวีอย่างสนิทสนม ในขณะที่กวีก็ดูตกใจ รีบผลักเธอออกทันทีที่เห็นชัญญายืนอยู่ตรงประตู
“พวกคุณทำอะไรกัน นี่มันที่ทำงานนะ!”
เสียงของชัญญาสั่นเครือด้วยความโกรธเธอน้ำตาคลอ
“ชัญญา!
มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด เขาเป็นฝ่ายเข้ามาหาพี่เอง พี่ไม่ได้เล่นด้วย!”
“ไม่ต้องอธิบาย! ฉันเห็นหมดแล้ว”
ดวงตาของเธอร้อนผ่าว น้ำตาคลอเต็มหน่วย
“สามปีที่เราคบกัน... มันไม่มากพอให้พี่ซื่อสัตย์กับฉันเลยเหรอ?”
กวีพยายามจะจับมือเธอ แต่ชัญญาถอยหนี
“เชื่อพี่เถอะ! พี่ไม่เคยคิดนอกใจ ในใจพี่มีแค่เธอ!”
เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้น สรรินยิ้มเยาะ
“แต่เมื่อกี้พี่กวีไม่ได้พูดแบบนี้นี่คะ” รสรินพยายามใส่ไฟ
ชัญญาหันขวับไปมอง รสรินมองเธอด้วยแววตาโกรธ ก่อนจะปรายตามองกวีราวกับว่าเขาเป็นของเธอไปแล้ว
กวีหน้าตึงใส่รสรินทันที
“หุบปากไปเลย รสริน! ผมไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไร แต่เลิกยุ่งกับผมได้แล้ว คุณอย่ามาทำให้แฟนผมเข้าใจผิด คุณก็รู้เมื่อกี้คุณจงใจมานั่งตักผมซึ่งผมไม่ทันตั้งตัว”
กวีพยายามหาคำอธิบายให้กับชัญญา แต่เวลานี้ชัญญาโกรธมาจนเธอไม่สามารถจะฟังคำใดๆ ได้อีก
“น้องชัญญาจะเชื่อหรือไม่ก็ตามนะคะ แต่ที่น้องเห็นเมื่อกี้คือเรื่องจริง” รสรินยิ้มเยาะเพราะรู้ว่าแผนแย่งชิงของเธอใกล้สำเร็จ
ชัญญายืนพยักน้าอย่างเข้าใจ เธอหายใจหอบถี่ด้วยความโกรธหนัก
“ต่อให้ผมไม่มีใคร ผมก็ไม่คิดรักผู้หญิงที่น่ารังเกียจอย่างคุณ รสริน ออกไปจากห้องทำงานผมเดี๋ยวนี้ ไปให้พ้น”
แม้กวีจะไล่รสรินออกจากห้อง แต่ภาพที่เห็นเธอนั่งตักกวี และพยายามจะจูบเขา ทำให้ชัญญาไม่สามารถยืนอยู่ตรงนี้ได้ เธอตัดสินใจวิ่งออกจากห้องทำงานกวีทันที
ชัญญาเดินเร็วๆ บนถนน อย่างคนไร้สติ หัวใจเธอปวดร้าวเกินกว่าจะรับไหว ดวงตาพร่าเบลอด้วยน้ำตาที่ไหลไม่หยุด วันนี้อากาศร้อน ทุกคนที่เดินบนท้องถนนรีบเร่ง
“ทันใดนั้น”
เสียง โครม!!! ดังสนั่นหวั่นไหว
เสียงยางเสียดสีกับพื้นถนน เอี๊ยดดดด!!! ตามมาด้วยเสียงกระจกแตก เพล้ง!
“โอ๊ย!!”
เสียงร้องของชัญญาดังขึ้นแทรกกับเสียงผู้คนที่ตื่นตกใจ
“ช่วยด้วย! เรียกรถพยาบาลเร็ว!”
เสียงไซเรนหวอหวอดังขึ้นจากที่ไกลๆ ก่อนจะค่อยๆ ดังใกล้เข้ามา...ร่างของชัญญาลอยกระเด็นไปกระแทกริมถนน
เลือดสีแดงสดกระจายเต็มพื้น
เสียงคนกรีดร้องดังระงม
“ชัญญา!!”
กวีที่วิ่งตามออกมาเห็นภาพนั้นต่อหน้าต่อตา หัวใจของเขาแทบหยุดเต้น
เขาทรุดลงข้างตัวเธอ มือสั่นระริกแตะไปที่ใบหน้าของเธอที่ซีดเผือด
“ชัญญา! ได้ยินพี่ไหม ฟื้นสิ...เธอต้องไม่เป็นอะไร!”
รถพยาบาลแล่นมาจอดพร้อมเสียงหวอดังลั่น ทีมกู้ภัยรีบเข้ามาประเมินอาการก่อนจะเร่งนำตัวชัญญาส่งโรงพยาบาล
หน้าห้องฉุกเฉิน…
รสริน, ศศิรา ,ปัทมา และกวียืนรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน บรรยากาศหนักอึ้ง กวีแทบไม่สามารถหายใจได้เป็นปกติ
ทันทีที่เขาตั้งสติได้ เขารีบกดโทรศัพท์โทรหาครอบครัวของชัญญา ไม่กี่นาทีต่อมา คุณแม่และพศวัตก็มาถึงโรงพยาบาล
เมื่อพศวัตก้าวเข้ามายังโถงหน้าห้องฉุกเฉิน เขาก็ต้องชะงัก เมื่อเห็น ศศิรา หญิงสาวที่เขาไม่ได้พบเจอมากว่าสามปี
“มันเกิดอะไรขึ้นกับชัญญา?” เขาถามเสียงเครียด
รสรินรีบเดินเข้าไปหาเขา พร้อมทำเสียงเศร้าอย่างจงใจ
“ชัญญารถชนค่ะ เธอวิ่งออกไปกลางถนนเอง”
“ทำไมถึงต้องวิ่งออกไป? ใครอธิบายได้บ้าง!?”
พศวัตถามอย่างหัวเสีย
กวีหลับตาแน่นก่อนจะตอบเสียงหนัก
“เขาเข้าใจผิด คิดว่าผมนอกใจ แต่ผมไม่ได้ทำ!”
พศวัตตาวาวด้วยความโกรธ เขาเดินตรงเข้ามากระชากคอเสื้อของกวีทันที
“ทะเลาะกันทำไม!? ทำไมนายถึงปล่อยให้น้องฉันเป็นแบบนี้ นายรักน้องฉันจริงๆ หรือเปล่า!?”
ศศิราตกใจ รีบเข้ามาดึงตัวพศวัตออกจากกวี
“นี่คุณ! ใจเย็นก่อน!”
พศวัตหันมามองเธอ ดวงตาฉายแววผิดหวังและเย็นชา
“ยังปกป้องกันดีเหมือนเดิมสินะ”
แม่ของพศวัตรีบเข้ามาห้าม
“พศวัต ใจเย็นก่อน ดูอาการน้องก่อนลูก”
รสรินเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าแล้วยิ้มมุมปาก ก่อนจะเดินเข้าไปหาเขาแล้วคุณกัเขเพียงลำพัง
“กวีน่ะ เป็นผู้ชายที่แย่มากเลยนะคะ พศวัต”
เธอพูดเสียงนุ่มพร้อมส่ายหน้า
“ทั้งที่มีแฟนอยู่แล้ว แต่ยังไปยุ่งกับศศิรา ทำให้ชัญญาไม่สบายใจจนเกิดเรื่องแบบนี้”
พศวัตกำหมัดแน่น ความโกรธพุ่งขึ้นสูงสุด เขาโกรธที่กวีทำให้ชัญญาเสียใจ เขาโกรธที่ศศิรายังคงปกป้องกวี
และที่สำคัญ...เขาโกรธตัวเองที่ยังรู้สึกกับศศิราเหมือนเดิม
เสียงประตูเลื่อนเปิดออก คุณหมอในชุดกาวน์สีขาวก้าวออกมาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง แต่แววตาสะท้อนถึงความจริงจัง ทุกสายตาของญาติพุ่งไปที่เขาทันที ราวกับกำลังรอฟังข่าวที่สำคัญที่สุดในชีวิต
“น้องผมเป็นอย่างไรบ้างครับหมอ” พศวัตถามอาการน้องสาวทันที
“สมองของเธอได้รับแรงกระแทกอย่างหนักจนเกิด ภาวะสมองบวมและเลือดออกภายใน ส่งผลให้เธอไม่สามารถตอบสนองต่อสิ่งเร้าใดๆ ได้ แม้ว่าร่างกายจะยังคงทำงานพื้นฐาน เช่น การหายใจด้วยเครื่องช่วยหายใจ”
“แล้ว... เธอมีโอกาสฟื้นไหมครับอาจารย์หมอ?”
พศวัตถามต่อทันที
หมอนิ่งไปชั่วขณะ
“ต้องบอกตามตรงว่าโอกาสฟื้นตัวเต็มร้อยเหมือนเดิมนั้น มีน้อยมาก ครับ...”
เสียงสะอื้นของแม่ดังขึ้นดังขึ้น ศศิราและปัทมาปลอบแม่ทันที
“แต่... ในกรณีแบบนี้ เคยมีผู้ป่วยที่สามารถฟื้นขึ้นมาได้หลังจากผ่านไป 6 เดือน หรือ 1 ปี หากร่างกายตอบสนองต่อการรักษาและสมองยังคงมีศักยภาพในการฟื้นฟู”
หมอตอบ แววตาหมอดูอ่อนลง ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงใจ
“มันอาจต้องใช้ ปาฏิหาริย์ หรือไม่ก็ ปัจจัยบางอย่างที่กระตุ้นเธอให้กลับมา อย่างเช่น เสียงของคนที่เธอรัก หรือเหตุการณ์บางอย่างที่มีผลกระทบทางจิตใจ”
เสียงสะอื้นดังสะท้อนก้องไปทั่วโถงโรงพยาบาล
แม่ของชัญญาทรุดตัวลงกับพื้นทันทีที่ได้ยินคำวินิจฉัยจากแพทย์… ลูกสาวของเธอ… ต้องกลายเป็น เจ้าหญิงนิทรา ความหวังที่เคยมี ถูกพรากไปจนหมดสิ้น น้ำตาของแม่ไหลพราก แขนขาสั่นเทาด้วยความสิ้นหวัง
พศวัตรีบคว้าตัวแม่เข้ามากอดแน่น
“ไม่เป็นไรนะครับแม่… น้องต้องกลับมาได้ เชื่อผมนะครับ”
เสียงของเขาอ่อนโยน ทว่าในใจเต็มไปด้วย ความแค้น ที่สุมอยู่ในอก เขากัดฟันแน่น มือที่กอดปลอบแม่สั่นระริกเขาโกรธ… โกรธจนแทบคลั่ง คนที่ทำให้น้องเขาต้องเป็นแบบนี้ มันจะต้องชดใช้!!
พศวัตเงยหน้าขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยแรงแค้น
“แม่ครับ… ผมจะดูแลชัญญาจนกว่าเธอจะฟื้นกลับมาเป็นเหมือนเดิม ผมจะไม่ทอดทิ้งเธอเด็ดขาดครับ”
กวีกอดแม่ของชัญญาพร้อมให้สัญญาทันที
แม่เงยหน้าขึ้นมองกวีแฟนหนุ่มของลูกสาว น้ำตายังนองหน้า แต่ก็เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง
“ขอบใจมากนะ กวี...” แม่จับแขนเขาแน่น ราวกับต้องการที่พึ่งสุดท้าย
แต่เสียงหนึ่งที่ดังขึ้นกลับทำให้บรรยากาศเย็นเฉียบ
“ทำให้ได้อย่างที่พูดแล้วกัน... นายก็รู้ว่าที่น้องฉันเป็นแบบนี้เพราะใคร อย่าคิดแต่งงานหนีความผิดก็แล้วกัน!”
เสียงเย้ยหยันของพศวัตเต็มไปด้วยความกดดันและเกลียดชัง เขาตวัดสายตามอง กวี ราวกับจะฆ่าให้ตายคามือ
ศศิรา ที่ยืนฟังอยู่นาน แค่นหัวเราะเย็นชา ดวงตาคมกริบจ้องมองพศวัตกลับอย่างไม่เกรงกลัว
“คนอย่างคุณก็คงคิดได้แค่นี้สินะ... ตาบอด ใจบอด เคยคิดจะให้โอกาสคนอื่นบ้างไหม? เหตุการณ์แบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิด”
พศวัตแสยะยิ้ม ดวงตาแข็งกร้าว
“คนร่วมกระทำผิดอย่างเธอ... ก็คงไม่มีวันสำนึก!”
ศศิราชะงักไป ดวงตาสั่นไหว แต่ยังคงเชิดหน้าขึ้นอย่างทระนง
"ร่วมกระทำผิด? หมายความว่ายังไง! ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย!”
"เพราะเธอ... น้องสาวฉันต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา!" ศศิราไม่เข้าใจในสิ่งที่พศวัตพูด แต่เธอก็ยังคงไม่ใส่ใจในคำพูดของเขาเพราะเขาอาจจะพูดด้วยความขาดสติ
รสริน ที่ยืนฟังอยู่ตลอด รีบก้าวเข้ามากลางวงสนทนา ก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดไปมากกว่านี้
“พอเถอะค่ะ! เวลานี้ควรห่วงชัญญา อย่ามัวแต่ถามหาคนผิดเลย!”
เสียงของเธอสั่นน้อยๆ แต่พยายามทำให้หนักแน่นที่สุด เธอรู้ดี... ว่าแท้จริงแล้ว ใครกันแน่ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด
พศวัต จ้องศศิราด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยเพลิงแค้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มนั้นสะท้อนแต่ความชิงชังที่แทบกลืนกิน
“จำไว้นะศศิรา... ฉันจะทำทุกวิถีทางให้เธอได้รับกรรมที่เธอทำไว้กับน้องฉัน!”
เสียงของเขาเย็นเยียบเหมือนคมมีดกรีดลึกเข้าไปในหัวใจของเธอ
ศศิรากำมือแน่น รู้สึกถึงความเจ็บแปลบที่แล่นเข้ามาในอก ทั้ง ๆ ที่เธอแทบไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลย...
การพบกันครั้งแรกหลังจากห่างกันไปกว่าสามปี ควรจะเป็นการพบที่ดี ควรจะเต็มไปด้วยคำถาม ความคิดถึง หรือแม้แต่รอยยิ้มแห่งความยินดี แต่มันกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง
หลังเรียนจบ ศศิราได้ส่งใบสมัครไปยังบริษัทมากมาย ทั้งเล็กและใหญ่ หวังเพียงได้งานมั่นคง แต่โลกความจริงมันไม่ง่ายขนาดนั้นโทรศัพท์เงียบสนิท ไม่มีบริษัทไหนเรียกสัมภาษณ์เธอเลยระหว่างรอเรียกสัมภาษณ์งาน สามเดือนมานี้เธอจำต้องกัดฟันทำงานพิเศษเพื่อแบ่งเบาภาระของพ่อแม่ เธอพยายามหาเงินเลี้ยงดูตัวเอง แต่โชคชะตายังไม่เข้าข้างเธอ เมื่อสองวันก่อนพ่อของเธอได้ประสบอุบัติเหตุ และต้องผ่าตัดด่วน เธอจึงจำเป็นต้องเร่งหาค่ารักษาพยาบาลถึงสองล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่หนักอึ้งราวกับหินก้อนใหญ่ทับลงบนอกของเธอเธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง… สองล้านมันมากเกินไปแต่เธอก็ต้องดิ้นรนเพราะไม่ว่าวิธีใดเธอก็ต้องพยายามหาเงินมาให้ได้ร้านเหล้า... บาร์... อะไรก็ตามที่ได้เงิน เธอทำหมด ไม่ว่ามันจะสกปรกแค่ไหนในสายตาคนอื่นเธอก็ไม่แคร์ ขอแค่พ่อของเธอได้ผ่าตัดก็พอแล้วบาร์ของดนัย... จุดเริ่มต้นของโชคชะตาเสียงเพลงดังสนั่น แสงไฟสีแดงสลัวทำให้บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์และกลิ่นบุหรี่“วันนี้ฉันจะเลี้ยงฉลองการกลับมาของเราสองคน! เมาไม่เมาช่างมัน แต่ต้องเต็มที่! ใช่ไหมวะ พศวัต?”ดนัยตะโกนเสียงดัง ปลดกระดุมเสื้ออย่างคนเมาได้ที่พ
คอนโดพศวัต...ทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออก พศวัตกระชากแขนศศิราอย่างแรง ก่อนจะผลักเธอเข้าไปด้านในโดยไม่สนใจเสียงร้องตกใจของเธอ ประตูปิดลงดัง“ปัง!”เขากักขังเธอไว้ในพื้นที่ของเขา บรรยากาศในห้องยังคงอึมครึมและร้อนระอุ ไม่ใช่อุณหภูมิจากเครื่องปรับอากาศ แต่เป็นความอัดอั้นและแรงอารมณ์ที่ล้นทะลักศศิรายังคงหอบหายใจถี่ เธอยืนเซถอยหลัง ดวงตาสั่นระริกด้วยความหวาดหวั่น ความรู้สึกกลัวแล่นไปทั่วร่างจนมือเย็นเฉียบ ขาของเธออ่อนแรงแทบยืนไม่ไหวพศวัตยืนอยู่ตรงหน้าเธอ แววตาแข็งกร้าวและเต็มไปด้วยแรงโกรธที่สะกดกลั้นไว้ ราวกับนักล่าที่กำลังจ้องเหยื่อที่ไร้ทางหนี ศศิราเม้มริมฝีปากแน่น พยายามสะกดกลั้นความหวาดกลัวที่จู่โจมเข้ามาไม่หยุด เธอรู้ว่าเขากำลังโกรธ โกรธมาก...แต่ทำไม?เธอรวบรวมความกล้า กลืนก้อนสะอื้นลงคอ แล้วเอ่ยขึ้นเสียงสั่น“ฉันไม่รู้ว่าคุณโกรธเกลียดฉันด้วยสาเหตุอะไร... แต่ขอร้อง...ช่วยเมตตาฉันหน่อยได้ไหมคะ?”เธอไม่ได้ร้องไห้ แต่ดวงตาของเธอสะท้อนความเจ็บปวดและวิงวอนอย่างสุดหัวใจพศวัตจ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นเยียบ ไม่ตอบคำถามนั้นทันที เพราะในหัวของเขา มีเพียงเรื่องเดียวที่วนเวียนซ้ำไปมา... การแก้แค้น
คอนโดของพศวัต…เช้านี้แสงแดดอ่อน ๆ สาดส่องลอดม่านหน้าต่างเข้ามาในห้องนอนขนาดใหญ่ บรรยากาศอบอวลไปด้วยความเงียบสงบ ศศิราเริ่มขยับตัว ตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดอุ่นของพศวัตหัวใจเธอเต้นแรงเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน เธอพยายามจะขยับออกจากอ้อมแขนเขา แต่กลับถูกวงแขนแข็งแรงรัดแน่นขึ้น“ทำไมเช้ามานี่ก็จะหนีกลับเลยเหรอ”เสียงทุ้มต่ำกระซิบอยู่ข้างหู“เปล่าสักหน่อย ฉันแค่อึดอัด” เธอขยับตัวอีกครั้ง“แต่คุณก็นอนกอดผมทั้งคืน ผมยังไม่เคยบ่น”เขายิ้มมุมปากเธอค้อนใส่เขาหนึ่งที ก่อนจะพยายามลุกขึ้นจากเตียง พศวัตยอมคลายอ้อมแขนแต่โดยดี“ไปอาบน้ำซะ เดี๋ยวออกไปทานข้าวด้วยกัน”เขาสั่งเสียงเข้ม“ชุดของคุณอยู่ในถุง ผมให้เลขาซื้อมาให้แล้ว”ศศิรามองเขาอย่างงุนงง ไม่คิดว่าเขาจะใส่ใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้“ขอบคุณค่ะ”เธอพูดเบา ๆ ก่อนจะคว้าผ้าห่มมาคลุมตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ทิ้งให้พศวัตนอนอยู่บนเตียงในสภาพที่แทบไม่เหลือเสื้อผ้าปกปิดกาย“นี่เธอ...”เขาเรียก...แต่เธอกลับหัวเราะสะใจแล้วปิดประตูห้องน้ำใส่หน้าเขาไปเมื่ออาบน้ำเสร็จ ศศิราออกมาพร้อมกับชุดเดรสสีขาวเปิดไหล่แต่จุดที่ทำให้เธอต้องชะงักคือตรงลำคอและเนินอกมีรอยแดง
คอนโดพศวัต...เมื่อพศวัตรล่วงรู้ความจริง เขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้ทำผิดต่อศศิรามากเพียงใด นับจากนี้ไป เขาพร้อมจะชดเชยทุกอย่างให้เธอด้วยหัวใจ โดยปราศจากความแค้นอีกต่อไปไม่มีแล้วซาตานที่กระหายการล้างแค้น เหลือเพียงชายหนุ่มที่คลั่งรักเธอหมดใจเท่านั้น“คุณหิวไหม? เดี๋ยวผมทำอะไรให้ทานนะ คุณไปอาบน้ำก่อนเถอะ”เสียงของเขาอ่อนโยน แฝงไปด้วยความห่วงใยศศิรายิ้มบาง ๆ แม้จะงุนงงกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเขา แต่หัวใจก็อบอุ่นขึ้นอย่างประหลาด“ไปเถอะ ผมบอกแล้วไง... ต่อจากนี้ ผมจะดูแลคุณเอง” ดวงตาของเขามั่นคง ราวกับกำลังยืนยันคำพูดให้หนักแน่นขึ้นเธอไม่ได้ตอบอะไร เพียงพยักหน้ารับเบา ๆ ก่อนหมุนตัวเดินเข้าห้องน้ำ ทิ้งให้เขามองตามด้วยรอยยิ้มบาง ๆเขาลงมือเตรียมอาหารง่าย ๆ ด้วยความใส่ใจ ทุกขั้นตอนเต็มไปด้วยความพิถีพิถันเขาตีไข่ไก่ในชาม เติมน้ำปลาเล็กน้อยและตีให้เข้ากันจนเนื้อเนียน ก่อนค่อย ๆ หยอดเนื้อปูสดแน่น ๆ ลงไปอย่างระมัดระวัง กระทะร้อนฉ่าเมื่อเขาเทน้ำมันลงไปให้เดือดจัด ควันบาง ๆ ลอยขึ้นพร้อมเสียงไข่ที่กระทบกระทะดัง“ฉ่า!”กลิ่นหอมของไข่เจียวปูที่กำลังฟูกรอบค่อย ๆ อบอวลไปทั่วห้อง เขาใช้ตะหลิวพลิกอย่างชำ
เสียงรองเท้าหนังคุณภาพดีสะท้อนกับพื้นกระเบื้องมันวาว ทุกสายตาจับจ้องไปยัง พศวัต รองประธานหนุ่มผู้เพียบพร้อมที่ก้าวเข้ามาในออฟฟิศ พร้อมกับ ศศิรา แฟนสาวของเขา ซึ่งรับตำแหน่งเป็นเลขาส่วนตัวเสียงซุบซิบแว่วมาจากพนักงานรอบข้าง“แฟนรองประธานสวยมาก...”พศวัตได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ เขาเอื้อมมือโอบเอวศศิราอย่างเคยชินให้เดินเคียงข้างเขา แต่หญิงสาวกลับรีบแตะมือเขาเบา ๆ แล้วดันออกอย่างสุภาพ“คุณพศวัต คนเยอะนะคะ ทำแบบนี้ไม่งามหรอก”เธอกระซิบเสียงเบา แก้มขึ้นสีระเรื่อเมื่อสัมผัสได้ถึงสายตานับสิบที่จับจ้องมา“ไม่งามตรงไหน คุณเป็นแฟนผม ผมอวดได้เป็นธรรมดา” พศวัตตอบกลับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แววตาเจิดจ้าด้วยความภาคภูมิศศิราได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเดินตามเขาเข้าไปยังห้องทำงานที่ถูกจัดเตรียมไว้บรรยากาศการประชุมช่วงบ่ายมาถึงอย่างรวดเร็ว ห้องประชุมหรูหราของบริษัทเต็มไปด้วยบุคคลสำคัญจากสามบริษัท ได้แก่ บริษัทพศวัต, บริษัทดนัย, และ บริษัทของปัทมา ทั้งหมดร่วมมือกันในโครงการก่อสร้างของรัฐครั้งใหญ่เสียงเปิดประตูดึงดูดสายตาทุกคน เมื่อ ศศิรา ก้าวเข้ามาและทรุดตัวนั่งข้างพศวัตดนัย จ้องมองเธออย่างไม่อ
เสียงเครื่องช่วยหายใจยังคงทำงานอย่างสม่ำเสมอ เครื่องวัดชีพจรส่งสัญญาณเป็นจังหวะ ทุกอย่างภายในห้องพักฟื้นเงียบสงบ มีเพียงเสียงพลิกหน้ากระดาษจากหนังสือที่กวีกำลังอ่านให้ชัญญาฟังจากอุบัติเหตุรถชน ชัญญาก็นอนเป็นเจ้าหญิงนิทรามานานกว่า6เดือนแล้ว ตลอดเวลานี้ กวีไม่เคยทอดทิ้งเธอเลย เขายังคงดูแลเธอทุกวัน เฝ้าอยู่ข้างเตียง คอยพูดคุยแม้จะไม่มีเสียงตอบกลับ เขากินนอนในห้องนี้แทบตลอดเวลา เว้นเพียงช่วงที่ต้องเข้าเคสผ่าตัดเท่านั้นแสงแดดยามสายส่องลอดม่านบางๆ เข้ามา รำไรบนใบหน้าของชัญญา เธอดูสงบ ราวกับเพียงแค่หลับใหล“หมอครับ อาการของชัญญาเป็นยังไงบ้าง?”กวีถามขึ้นขณะคุณหมอเจ้าของไข้ตรวจร่างกายเธออย่างละเอียดคุณหมอเงยหน้ามองเขาแล้วยิ้มบางๆ อย่างให้กำลังใจ“ร่างกายเธอตอบสนองต่อยาดีมาก สัญญาณชีพจรปกติ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ ตอนนี้เราต้องรอให้สมองเธอส่งสัญญาณตอบสนอง”คำตอบนั้นทำให้กวีรู้สึกโล่งใจ แม้จะยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน แต่ก็ยังมีความหวังวันนี้เป็นวันหยุดของเขา ไม่มีเคสเร่งด่วน เขาจึงใช้เวลาทั้งวันอยู่กับเธอ นั่งอ่านหนังสือที่เธอเคยชอบให้ฟัง น้ำเสียงของเขาอบอุ่น นุ่มนวล ราวกับกำลังปลอบโยนข
ภายในห้องประชุม บรรยากาศเคร่งเครียด ทุกคนกำลังถกกันถึงความก้าวหน้าของโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลเอกชน ขณะนี้แบบแปลนเสร็จสมบูรณ์แล้ว เหลือเพียงการนำเสนอราคาอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อสร้าง ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญโครงการนี้มีมูลค่ากว่าเกือบพันล้าน ทุกตัวเลข ทุกข้อมูล ต้องแม่นยำไร้ที่ติพศวัต ชัญญา ดนัย และปัทมา ระดมสมอง วางแผนงานกันอย่างหนัก ก่อนจะนำเสนอข้อมูลทั้งหมดให้กับเจ้าของโครงการ“โอเค ทุกคน ทำตามแผนที่สรุปกันวันนี้ เหนื่อยหน่อย แต่รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน”พศวัตกล่าวเสียงหนักแน่น“โอเค สู้ ๆ พวกเรา!”ดนัยเสริมขึ้น“สู้ ๆ ค่ะ!”ปัทมายิ้มให้ศศิรา ส่งพลังใจให้กันจู่ ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น พนักงานคนหนึ่งก้าวเข้ามาแล้วเอ่ยขึ้น“คุณพศวัตคะ คุณรสรินมาขอพบค่ะ”สิ้นคำประกาศ บรรยากาศในห้องเงียบลง ทุกคนหันมองหน้ากันทันทีพศวัตขมวดคิ้ว ก่อนตอบเรียบ ๆ“ให้เขาไปรอที่ห้อง เดี๋ยวผมไป”ศศิราขยับตัวเล็กน้อย มองเขาด้วยสายตาคาดเดา“มาหาคุณทำไม… หรือว่า”พศวัตปรายตามองเธอ แววตาเจ้าเล่ห์พลางยิ้มบาง ๆ “หึงผมเหรอ?”“ป่าวสักหน่อย!”ศศิราตอบเร็วเกินไปจนดูเหมือนกำลังปฏิเสธเสียงสั่นพศวัตหัวเราะเบา ๆ“เขาเอาเอกสารเส
สถานที่ก่อสร้าง…หลังจากการนำเสนอโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลเสร็จสิ้น บริษัทได้ดำเนินการก่อสร้างไปบ้างแล้วดนัยและพศวัตเดินทางมาตรวจสอบความคืบหน้าที่ไซต์งานก่อสร้างเสียงเครื่องจักรดังก้องไปทั่วบริเวณ คานเหล็กขนาดใหญ่ถูกยกขึ้นโดยเครน แสงแดดสะท้อนกับเศษปูนที่ปลิวฟุ้ง เสียงสว่านเจาะคอนกรีตดังแข่งกับเสียงคนงานที่กำลังเร่งมือทำงาน ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ปัทมาและศศิรา ในฐานะสถาปนิกผู้ออกแบบ ก็มาตรวจงานด้วยเช่นกัน“งานคืบหน้าไปเร็วมาก ถ้ารักษามาตรฐานนี้ไว้ มีโอกาสเสร็จทันตามกำหนดแน่นอน ทีมช่างฝีมือดีจริง ๆ ทุกอย่างตรงตามแบบเป๊ะ”ปัทมากล่าว พลางกวาดตามองโครงสร้างที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างด้วยความพอใจดนัยเผลอมองเธอด้วยสายตาชื่นชม ไม่ใช่เพียงเพราะความสามารถของเธอ แต่เป็นเพราะเวลาปัทมาตั้งใจทำงาน เธอดูมีเสน่ห์เหลือเกิน แม้อากาศจะร้อนจัด เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ไหลซึมตามไรผม เธอยกมือปาดเหงื่อเบา ๆ แก้มขาวขึ้นสีแดงระเรื่อจากความร้อน เขาเผลอจ้องเธอจนลืมตัว“มองอะไรคะ?”ปัทมาถามพลางเลิกคิ้ว ก่อนจะชี้ไปทางจุดก่อสร้างอีกฝั่ง “เดินไปดูตรงนั้นหน่อยได้ไหมคะ”ยังไม่ทันที่ดนัยจะตอบ เธอก็เดินนำไปทันที ดนัยจึงรี
หนึ่งเดือนผ่านไป...หลังจากเรื่องร้ายๆ ผ่านพ้นไป สิ่งดีๆ และความเป็นมงคลก็เข้ามาแทนที่ ครอบครัวของพศวัตได้ทำการสู่ขอศศิราอย่างเป็นทางการต่อหน้าพ่อแม่ของเธอ จนวันนี้เป็นพิธีแต่งงานของทั้งคู่พิธีแต่งงาน…ภายในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมหรู ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้อย่างสมบูรณ์แบบสำหรับค่ำคืนแห่งความทรงจำ พิธีแต่งงานถูกโอบล้อมด้วยบรรยากาศอ่อนหวานและโรแมนติกผ้าม่านโปร่งบางสีขาวพลิ้วไหวไปตามแรงลมอ่อนๆ ที่พัดผ่าน แสงไฟสีทองนวลตาส่องกระทบผืนผ้า ราวกับต้องการเติมเต็มความอบอุ่นให้ค่ำคืนนี้พิเศษยิ่งขึ้นทั่วทั้งห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมละมุนของดอกไม้สีขาวที่ถูกประดับประดาไว้อย่างงดงาม ไม่ว่าจะเป็นช่อกุหลาบ ลิลลี่ และไฮเดรนเยียที่จัดเรียงไว้อย่างประณีตตามทางเดินทอดยาวสู่เวทีหลัก ที่ซึ่งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะกล่าวคำสัตย์สาบานต่อกันและกันโต๊ะจัดเลี้ยงปูด้วยผ้าสีครีมนุ่มละมุน ประดับด้วยเชิงเทียนแก้วใสที่เปล่งประกายระยิบระยับยามต้องแสงไฟ ดอกกุหลาบขาววางเรียงอยู่ตามมุมโต๊ะ เสริมให้บรรยากาศดูหรูหราและอบอุ่นในคราวเดียวกันเสียงดนตรีคลาสสิกบรรเลงแผ่วเบา ผสานเข้ากับเสียงพูดคุยหัวเราะของแขกเหรื่อที่มาเป็นสักขีพยา
สองสัปดาห์หลังจากเหตุการณ์ทุกอย่างคลี่คลาย พศวัตสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ ศศิราเดินมาประคองเขาขึ้นรถ ดนัยที่มารับเพื่อนสนิทพากลับไปส่งยังคอนโด"เห็นไหมคะ ฉันบอกแล้วว่าถ้าคุณพักผ่อนดี ๆ กินยาตรงเวลา แผลก็จะหายเร็วขึ้น"พศวัตหัวเราะเบา ๆ มองเธอด้วยสายตาเอ็นดู"ผมว่า คุณน่าจะเป็นหมอได้นะ"ศศิราเลิกคิ้ว "ทำไมค่ะ?""ก็คุณทั้งดูแล ทั้งบ่น ทั้งเคี่ยวเข็ญให้กินยาสารพัด..."พูดไปก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบหัวคู่หมั้นเบา ๆ"ก็ฉันห่วงคุณนี่นา" ศศิราทำตาออดอ้อน"ครับ ผมรับรู้ได้ครับ" พศวัตยิ้มอ่อนโยนให้เธอศศิราเปลี่ยนเรื่องถาม"เราจับคนทุจริตได้แล้ว ต่อจากนี้โครงการโรงพยาบาลของเราจะทำยังไงต่อคะ?""ถึงเรื่องนี้จะจบไปแล้ว แต่การทำงานของเรา... ยังมีอะไรให้ต้องระวังอีกเยอะ""แล้วคุณกลัวไหม?"พศวัตหันมาสบตาเธอ ก่อนจะยิ้มมุมปาก"ถ้ามีคุณอยู่ข้าง ๆ ผมไม่กลัวอะไรทั้งนั้น"ศศิราหัวเราะ"พูดแบบนี้ต้องให้รางวัลแล้ว!"ก่อนที่พศวัตจะทันพูดอะไร เธอก็โน้มตัวไปจูบเบา ๆ ที่แก้มของเขา ทำเอาชายหนุ่มถึงกับนิ่งไปชั่วครู่ดนัยที่ขับรถอยู่กระแอมเสียงดัง"เอ่อ... ขอเตือนว่านี่รถผมนะครับ กรุณาอย่าหวานเกินไป"เสียงหัวเร
เช้าวันจันทร์... บรรยากาศในออฟฟิศคึกคักเช่นทุกสัปดาห์ พนักงานทยอยเดินเข้ามาทำงานตามปกติ เสียงเครื่องแฟกซ์และโทรศัพท์ดังสลับกับเสียงพูดคุยของทีมงานที่กำลังประชุมเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นระหว่างการประชุม แจ้งข่าวด่วนจากไซต์งานว่า โครงสร้างบางส่วนของโรงจอดรถพังถล่ม อันเนื่องมาจากฝนตกหนักตลอดคืน“โครงสร้างส่วนไหนเสียหาย?”พศวัตถามเสียงเข้ม มือหนากำแฟ้มเอกสารแน่น“คานด้านข้างโรงจอดรถครับ พังลงมาทับเครื่องมือและเส้นทางเข้าออก” หัวหน้าช่างรายงานสีหน้าของพศวัตและดนัยเคร่งเครียดทันที“เราต้องไปดูหน้างานเดี๋ยวนี้”ก่อนที่พศวัตจะออกจากห้อง ศศิราจับแขนเขาไว้ สีหน้าของเธอแสดงถึงความกังวล“ระวังตัวด้วยนะคะ”เธอพูดเสียงเบาเขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มบางๆ แล้วบีบมือเธอเบาๆ“ไม่ต้องห่วง ผมจัดการได้”ปัทมาที่อยู่ข้างดนัยก็เสริมขึ้น“คุณก็เช่นกันนะคะ คุณดนัย ไซต์งานที่เต็มไปด้วยอันตราย”“ครับๆ พวกผมจะระวังตัวอย่าห่วงเลย”เมื่อถึงสถานที่เกิดเหตุ ภาพที่เห็นทำให้พศวัตและดนัยต้องขมวดคิ้วแน่น โครงสร้างบางส่วนพังถล่มลงมา เหล็กเสริมเอียงผิดรูป เศษปูนแตกร้าวกระจัดกระจาย น้ำฝนเจิ่งนองไปทั่ว“เกิดจากแรงดินอ่อนตัวห
บ้านศศิรา...บรรยากาศยามเช้าหลังฝนกระหน่ำเมื่อคืนยังคงชื้นแฉะ หยาดน้ำฝนเกาะบนใบไม้ เสียงนกร้องแว่วมาไกลๆ อากาศเย็นสบาย แต่ท้องฟ้ายังคงอึมครึมราวกับฝนจะตกลงมาอีกครั้งศศิราเดินออกจากบ้าน มานั่งที่โต๊ะหน้าบ้าน ซึ่งแม่ของเธอได้จัดเตรียมข้าวต้มร้อนๆ ไส้กรอกไข่ดาว และขนมปังปิ้ง ไว้ให้“น่าทานจังเลยค่ะแม่”“ทานเยอะๆ นะแม่ทำไว้ให้”สายพิณยิ้มบางๆ ก่อนจะหยิบตะกร้าเตรียมออกไป “วันนี้แม่มีนัดกับป้าศรี จะไปตลาดกัน”“ขอบคุณค่ะแม่”สายพิณมองศศิราแล้วพยักหน้าเบาๆ“เมื่อลูก ๆ คืนดีกันแล้ว แม่ก็หายห่วง”พูดจบก็เดินออกจากบ้านไป“คุณพศวัตเรียกคุณดนัยกับปัทมา มาทานมื้อเช้าได้แล้วค่ะ”“ป่านนี้เขาคงจัด...มื้อเช้าบนเตียงกันแล้วมัง?”“คุณนี่นะ...”พศวัตยิ้มเจ้าเล่ห์ โน้มตัวเข้าใกล้พลางกระซิบเสียงแผ่ว“คุณไม่ต้องเลยศศิรา... ไปทะเลผมก็อด เมื่อคืนกว่าจะเข้าใจกันได้ก็ดึก ทานข้าวเสร็จคุณก็หลับ คืนนี้ผมจะไม่พลาดแน่นอน คืนนี้ผมต้องเคลียร์กับคุณให้รู้เรื่อง”ศศิราตาเบิกกว้าง ใจเต้นระรัว“พูดอะไรของคุณเนี่ย...” แก้มเธอร้อนผ่าวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวปัทมาและดนัยเดินออกจากบ้าน มุ่งตรงไปยังโต๊ะอาหารหน้าบ้านที่จัดไว้เรียบร้
บ้านสวนศศิริ...ดนัยกับปัทมาอยู่ในห้องนอนด้วยกันเพียงลำพัง เพราะอยากเปิดโอกาสให้ศศิราและพศวัตได้ปรับความเข้าใจกัน ก่อนหน้านี้เธอไม่คิดอะไร แต่เมื่อสถานการณ์พาไป การอยู่ใกล้กันนานขึ้นกลับทำให้หัวใจปัทมาเริ่มหวั่นไหว โดยเฉพาะเมื่อดนัยมองเธอไม่วางตาสายฝนกระหน่ำลงมาหนักขึ้น ด้านนอกมีเพียงเสียงน้ำฝนกระทบหลังคาและเสียงลมพัดผ่านต้นไม้ที่เขียวชอุ่ม บรรยากาศอบอ้าวกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียดแบบแปลกๆ“นี่คุณดนัย... จะจ้องฉันอีกนานไหม”ปัทมาพูดขึ้นเบาๆ“ก็ผมบอกว่าผมชอบคุณ จ้องหน่อยไม่เห็นจะแปลก”“โรคจิต”ปัทมาพึมพำ แต่ใบหน้ากลับร้อนผ่าวเธอนั่งอยู่บนเตียง ขณะที่ดนัยนั่งเอกเขนกบนโซฟาตัวเล็กข้างเตียง ไม่ถึงครู่ร่างสูงก็ลุกพรวดขึ้นแล้วกระโดดลงบนที่นอนทันที“นี่คุณ! จะทำอะไร?! กลับไปนอนที่โซฟาเลยนะ”“ฝนตก อากาศเย็นจะตาย ขอนอนบนเตียงเถอะน่า”“งั้นฉันจะไปนอนโซฟาเอง”ปัทมารีบลุกขึ้น แต่ดนัยจับข้อมือเธอไว้“คุณรังเกียจผมหรือไง แค่นอนเตียงเดียวกันเอง”ปัทมาชะงักไปเล็กน้อย“มันไม่ใช่อย่างนั้น... เราไม่ได้เป็นอะไรกัน มันไม่เหมาะสม”ดนัยยิ้มมุมปาก ก่อนพูดขึ้นเสียงนุ่ม“งั้นก็เป็นสิ...”“อะไร?”“เป็นแฟนผมไง”
บ้านศศิรา...บรรยากาศยามเช้าหลังฝนกระหน่ำเมื่อคืนยังคงชื้นแฉะ หยาดน้ำฝนเกาะบนใบไม้ เสียงนกร้องแว่วมาไกลๆ อากาศเย็นสบาย แต่ท้องฟ้ายังคงอึมครึมราวกับฝนจะตกลงมาอีกครั้งศศิราเดินออกจากบ้าน มานั่งที่โต๊ะหน้าบ้าน ซึ่งแม่ของเธอได้จัดเตรียมข้าวต้มร้อนๆ ไส้กรอกไข่ดาว และขนมปังปิ้ง ไว้ให้“น่าทานจังเลยค่ะแม่”“ทานเยอะๆ นะแม่ทำไว้ให้”สายพิณยิ้มบางๆ ก่อนจะหยิบตะกร้าเตรียมออกไป “วันนี้แม่มีนัดกับป้าศรี จะไปตลาดกัน”“ขอบคุณค่ะแม่”สายพิณมองศศิราแล้วพยักหน้าเบาๆ“เมื่อลูก ๆ คืนดีกันแล้ว แม่ก็หายห่วง”พูดจบก็เดินออกจากบ้านไป“คุณพศวัตเรียกคุณดนัยกับปัทมา มาทานมื้อเช้าได้แล้วค่ะ”“ป่านนี้เขาคงจัด...มื้อเช้าบนเตียงกันแล้วมัง?”“คุณนี่นะ...”พศวัตยิ้มเจ้าเล่ห์ โน้มตัวเข้าใกล้พลางกระซิบเสียงแผ่ว“คุณไม่ต้องเลยศศิรา... ไปทะเลผมก็อด เมื่อคืนกว่าจะเข้าใจกันได้ก็ดึก ทานข้าวเสร็จคุณก็หลับ คืนนี้ผมจะไม่พลาดแน่นอน คืนนี้ผมต้องเคลียร์กับคุณให้รู้เรื่อง”ศศิราตาเบิกกว้าง ใจเต้นระรัว“พูดอะไรของคุณเนี่ย...” แก้มเธอร้อนผ่าวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวปัทมาและดนัยเดินออกจากบ้าน มุ่งตรงไปยังโต๊ะอาหารหน้าบ้านที่จัดไว้เรียบร้
บ้านสวนศศิริ...ดนัยกับปัทมาอยู่ในห้องนอนด้วยกันเพียงลำพัง เพราะอยากเปิดโอกาสให้ศศิราและพศวัตได้ปรับความเข้าใจกัน ก่อนหน้านี้เธอไม่คิดอะไร แต่เมื่อสถานการณ์พาไป การอยู่ใกล้กันนานขึ้นกลับทำให้หัวใจปัทมาเริ่มหวั่นไหว โดยเฉพาะเมื่อดนัยมองเธอไม่วางตาสายฝนกระหน่ำลงมาหนักขึ้น ด้านนอกมีเพียงเสียงน้ำฝนกระทบหลังคาและเสียงลมพัดผ่านต้นไม้ที่เขียวชอุ่ม บรรยากาศอบอ้าวกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียดแบบแปลกๆ“นี่คุณดนัย... จะจ้องฉันอีกนานไหม”ปัทมาพูดขึ้นเบาๆ“ก็ผมบอกว่าผมชอบคุณ จ้องหน่อยไม่เห็นจะแปลก”“โรคจิต”ปัทมาพึมพำ แต่ใบหน้ากลับร้อนผ่าวเธอนั่งอยู่บนเตียง ขณะที่ดนัยนั่งเอกเขนกบนโซฟาตัวเล็กข้างเตียง ไม่ถึงครู่ร่างสูงก็ลุกพรวดขึ้นแล้วกระโดดลงบนที่นอนทันที“นี่คุณ! จะทำอะไร?! กลับไปนอนที่โซฟาเลยนะ”“ฝนตก อากาศเย็นจะตาย ขอนอนบนเตียงเถอะน่า”“งั้นฉันจะไปนอนโซฟาเอง”ปัทมารีบลุกขึ้น แต่ดนัยจับข้อมือเธอไว้“คุณรังเกียจผมหรือไง แค่นอนเตียงเดียวกันเอง”ปัทมาชะงักไปเล็กน้อย“มันไม่ใช่อย่างนั้น... เราไม่ได้เป็นอะไรกัน มันไม่เหมาะสม”ดนัยยิ้มมุมปาก ก่อนพูดขึ้นเสียงนุ่ม“งั้นก็เป็นสิ...”“อะไร?”“เป็นแฟนผมไง”
เวลา 20.00 น. ทุกคนทานข้าวเสร็จแล้ว แต่พศวัตยังคงนั่งรอศศิราอยู่ในศาลาหน้าบ้าน ความเงียบงันของค่ำคืนนี้ทำให้เขายิ่งรู้สึกอึดอัดในอก หวังว่าเธอจะมาคุยกับเขาสักประโยค แต่เปล่าเลย...เธอไม่แม้แต่จะชายตามอง“เดี๋ยวคืนนี้ศศิราพาเพื่อนไปนอนบ้านสวนนะลูก”“ค่ะแม่หนูมานอนที่บ้านนะ”“เพื่อนมาหาทิ้งเพื่อนนอนตามลำพังน่าเกลียดนะลูก”เธอรู้ดีว่าถ้าไปนอนบ้านสวน พศวัตต้องหาทางเข้าหาเธอแน่นอนบ้านสวน...บ้านสวนของศศิรามีเพียงสองห้องนอน เธอนอนกับปัทมา ส่วนพศวัตต้องนอนกับดนัย แต่ด้วยสถานการณ์ที่ตึงเครียด ปัทมาและดนัยจึงตัดสินใจช่วยให้ทั้งสองมีโอกาสได้เคลียร์กัน“ที่รักครับ คืนนี้ผมนอนกับคุณได้ไหม?”ดนัยหันไปพูดกับปัทมาพร้อมกับส่งสายตารู้กัน“ได้ค่ะ งั้นคืนนี้เรานอนด้วยกันนะ ฉันหนาว อยากนอนกอดคุณ”ศศิราขมวดคิ้วมองเพื่อนอย่างงุนงง“เดี๋ยวนะ ปัทมาไปคบกับคุณดนัยตอนไหน?”"เราตกลงกันตั้งแต่ตอนเที่ยวทะเลแล้ว แค่ยังไม่มีโอกาสบอกเธอ"ปัทมายิ้มเจื่อนๆ แต่แววตาส่อประกายขี้เล่นดนัยฉวยโอกาสหันไปแกล้งพศวัตทันที“พศวัต คืนนี้นายก็นอนกับแฟนตัวเองสิ เพราะฉันจะนอนกับแฟนฉันเหมือนกัน”“งั้นปัทมานอนกับคุณดนัยเถอะ เดี๋ยวฉัน
พศวัตโทรหากวีด้วยน้ำเสียงร้อนรน รีบเล่าทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กวีฟังจนหมดสิ้น กวีรับฟังด้วยสีหน้าครุ่นคิด ก่อนตัดสินใจเด็ดขาด“เดี๋ยวผมจะไปรับชัญญา แล้วเราจะออกเดินทางไปด้วยกัน” กวีกล่าวไม่มีการรอช้า ดนัยและปัทมาพร้อมแล้ว ทั้งสี่คนมุ่งหน้าสู่จังหวัดกาญจนบุรีทันที ทันทีบ้านศศิรา...ลมอ่อน ๆ พัดผ่านเรือนไม้ยกพื้นสูง เสียงไก่ขันแว่วมาแต่ไกล กลิ่นหอมของดอกไม้จากสวนหน้าบ้านลอยมาตามลม แสงแดดยามเช้าส่องกระทบหลังคากระเบื้องเก่า ทำให้บรรยากาศบ้านสวนดูอบอุ่นและเงียบสงบเสียงแม่ดังขึ้นทันทีที่ศศิราก้าวเข้าบ้าน“ทำไมเมื่อคืนกลับมาดึกนักลูก? มีเรื่องอะไรหรือเปล่า? หรือว่า... ทะเลาะกับพศวัต?”แววตาของแม่เต็มไปด้วยความห่วงใย แต่ศศิราสูดลมหายใจลึก ตัดสินใจแน่วแน่"หนูตัดสินใจแล้วค่ะแม่... หนูจะเลิกกับเขา"แม่ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนเอ่ยถามเสียงแผ่ว "เกิดอะไรขึ้น?"“จริง ๆ แล้วเขามีคู่หมายอยู่แล้ว ครอบครัวเขาทำสัญญากันตั้งแต่รุ่นพ่อแม่"“อะไรนะ?! แล้วทำไมเขาถึงมาคบกับลูกล่ะ?” แม่อุทาน สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจศศิรายิ้มบาง ๆ แต่เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด“เขามีเหตุผลของเขา แต่ช่างเถอะค่ะ... ห